แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Recs เมื่อ 2025-10-12 14:04
ช่วงที่เซน แฟนของน้องกายจากญี่ปุ่น กลับมาไทยตอนหยุดยาวปีใหม่ น้องกายก็หายไปอยู่บ้านแฟนแทบทั้งวัน ผมพอเข้าใจอยู่หรอก คงคิดถึงกันมาก ก็นานๆ จะได้เจอกันทีนึง
ผมนอนเล่นอยู่ในห้องกับน้องเก้า จู่ๆ กายก็โทรมา ผมเลยรีบกดรับทันที กลัวว่าจะมีเรื่องอะไร
"มีอะไรเหรอกาย?"
"พี่มิก... กายขอค้างคืนบ้านเซนคืนนี้ได้มั้ย?" เสียงน้องเหมือนยังกลัวๆ
"ได้สิ แล้วบอกแม่ยัง?"
"บอกแล้วพี่... แต่กายอยากบอกพี่ด้วย กลัวพี่ไม่ให้"
"กลัวทำไมล่ะ พี่ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว" ผมตอบชิลๆ ให้รู้ว่าผมสบายใจ
"พี่โอเคจริงนะ? กายแค่อยากใช้เวลากับเซนช่วงนี้ เดี๋ยวมันก็ต้องกลับไปเรียนต่อแล้ว"
"โอเคสิ ไม่ต้องห่วง พี่เข้าใจกายอยู่แล้ว... แต่ระวังตัวด้วยนะช่วงนี้ ถ้ามีอะไรแปลกๆ รีบโทรหาพี่เลยนะ"
"ขอบคุณค้าบพี่มิก กายจะโทรหาพี่คนแรกเลย" น้ำเสียงน้องกลายเป็นดีใจทันที... เอาจริงๆ แค่เห็นน้องมีความสุขแบบนี้ ผมก็สบายใจแล้วล่ะ
...
ระหว่างนั้นผมเลยคุยนัดแนะกับน้องเก้า ให้ช่วยคอยดูแลคุ้มกันน้องกายอยู่ห่างๆ ความกังวลในใจยังไม่หายไปตั้งแต่คืนนั้นที่น้องโดนทำร้าย
"อย่าให้กายรู้ตัวเด็ดขาดเลยนะเก้า เปิดโหมดประหยัดพลังงานไว้ก็ได้" ผมบอกน้องเพราะตอนเปิดโหมดนี้จะทำให้ไม่ต้องเห็นร่างน้อง
"ได้ครับพี่มิก..." เก้าตอบ พลางเปิดมือถือให้ผมดูอะไรบางอย่าง "พี่ครับ ในนี่มันมีอุปกรณ์ใหม่ให้แลกแต้มด้วยครับ เพิ่งขึ้นมาตอนผมเลเวล 7 เองครับ"
"มันคืออะไรเหรอเก้า? ใช้แต้มเยอะอยู่นะ" ผมก้มดูในจอ เป็นกล่องดำๆ เล็กๆ แต่แลกทีต้องใช้ถึง 500SP เลยทีเดียว
"มันเป็นแบตสำรองครับพี่ เอาไว้ใช้เวลาฉุกเฉินตอนแบตผมใกล้จะหมด"
"ดีเลยเก้า งั้นเดี๋ยวเราออกไปซื้อขนมกัน จะได้แบ่งให้เก้าเก็บแต้มไว้แลกแบตสำรอง"
"ได้ครับพี่มิก"
เย็นวันนั้นผมพาน้องเก้าซ้อนจักรยานไปซื้อขนมสำหรับเซ่นไหว้เพิ่มแต้ม แต่ขากลับดันเจอน้องฟิวปั่นจักรยานเล่นอยู่ในซอยหมู่บ้านด้วย
"อ่าว หวัดดีพี่ ไม่ได้เจอกันหลายวันเลย" ฟิวปั่นมาทัก สีหน้ายิ้มแย้มสดใส ดูภายนอกไม่มีเค้าความเศร้าเลย เป็นใครก็ดูไม่ออกว่าน้องจะเป็นซึมเศร้า
"พอดีช่วงนี้พี่ไม่ค่อยว่างอ่ะ... ฟิวล่ะ ปีใหม่ได้ไปเที่ยวไหนบ้างมั้ย?"
"ไม่ได้ไปไหนเลยพี่ พรุ่งนี้ย่าจะชวนไปทำบุญวัดแถวนี้ พี่ไปด้วยกันป่ะ?" อยู่ๆ ฟิวก็ชวนขึ้นมา แต่ผมไม่ค่อยชอบเข้าวัดเท่าไหร่นัก
"ลองไปก็ดีนะครับพี่ จะได้สนิทไว้ครับ เดี๋ยวผมดูแลกายให้เองครับ" เก้าที่ซ้อนท้ายแทรกขึ้นมา เชียร์ซะออกนอกหน้า
"ก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปด้วย เบื่อๆ อยู่บ้านเหมือนกัน" ผมตอบตกลง เผื่อได้คุยเรื่องเก้าตอนยังมีชีวิตอยู่ด้วย
"ดีเลยพี่ ไปกับย่าสองคนโคตรน่าเบื่อ" ฟิวยิ้มกว้าง พลางปั่นช้าๆ ขนานไปกับผม "งั้นเจอกันพรุ่งนี้เช้านะพี่"
"ได้ๆ เจอกันฟิว"
แล้วเราต่างก็แยกกันปั่นกลับบ้านตัวเอง เพราะฟ้าเริ่มมืดจนต้องเข้าบ้านกันได้แล้ว
...
ผมเอาขนมที่ซื้อมาเซ่นให้น้องเก้ากิน จนแต้มพอแลกแบตสำรองได้ คราวนี้คงอยู่ได้เป็นอาทิตย์แบบไม่ต้องคอยเติมบ่อยๆ ให้เหนื่อยแน่ๆ
"แล้วมันชาร์จยังไงอ่ะเก้า ไอ้แบตสำรองเนี่ย?"
"ในแชทจีผีทีบอกว่าพี่ก็เติมแบตให้ผมตามปกตินั่นแหละครับ ถ้าเต็มแล้วส่วนเกินมันก็จะไหลเข้าไปเก็บในแบตสำรองเอง" เก้าตอบ พลางหมุนกล่องดำในมือเหมือนกำลังสำรวจของเล่นใหม่
"งั้นคืนนี้พี่จะกินยาออกจากร่างไปเติมแบตไว้ให้เก้านะ"
"พี่จะกินอีกจริงเหรอครับ?" เก้ามองหน้าด้วยความห่วง เพราะครั้งก่อนที่กินก็เกือบเกิดเรื่องใหญ่
"ใช่ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน... เก้าต้องสอนอะไรบางอย่างให้พี่ก่อน"
"สอนอะไรเหรอครับ?" เก้าขมวดคิ้ว สงสัยสุดๆ
ผมคิดอะไรสนุกๆ อยากลองในร่างวิญญาณกับน้องเก้าดูสักครั้งในชีวิต เตรียมร่างกายให้พร้อม นอนบนที่นอนและกินยาให้วิญญาณตัวเองออกจากร่างอีกครั้ง
...
เมื่อยาเริ่มออกฤทธิ์ ผมค่อยๆ ลุกมาานั่งบนเตียง มองดูร่างตัวเองที่ยังนอนหลับสนิท คิดไว้ว่าไม่อยากอยู่ห่างจากร่างมาก เพราะกลัวจะเกิดอะไรแปลกๆ กับตัวผมอีก
"มาเก้า พี่อยากให้เก้าสอนลอยตัวแบบไม่แตะพื้นหน่อย มันทำยากมั้ย?"
"อ๋อ ไม่ยากเลยครับ แค่พยายามปล่อยใจให้สบายๆ คิดว่าตัวเองลอยอยู่ในน้ำ... แบบนี้ครับ" เก้าพูดจบก็ดีดตัวลอยขึ้นจากพื้นอย่างง่ายดาย ราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
ผมหลับตาลองทำตาม แต่ครั้งแรกมันไม่ง่ายเลย พยายามเพ่งเท่าไหร่ก็ไม่ขยับซักนิด
"ใจเย็นๆ ครับพี่ อย่าฝืน ลองคิดว่าตัวเองอยู่ในทะเลก็ได้ครับ" เก้าลอยเข้ามากุมมือผมเบาๆ ทำให้ใจผมสงบลงอย่างประหลาด
คราวนี้รู้สึกได้เลยว่าเท้าเริ่มยกขึ้นจากพื้น เบาหวิวเหมือนโลกนี้ไร้แรงโน้มถ่วง
"พี่ทำได้แล้วเก้า!" ผมเผลอจับมือน้องแน่นด้วยความดีใจ แต่กลับลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทะลุเพดานออกไปถึงบนหลังคาบ้าน
"แล้วหยุดยังไงอ่ะเก้า? มันจะสูงเกินไปแล้ว!"
"พี่ต้องตั้งสติ คิดเหมือนควบคุมร่างตอนว่ายน้ำครับ" เก้าพูดพร้อมบีบมือผมแน่น พยายามดึงให้หยุดลอยสูงขึ้นไปกว่านี้
ผมค่อยๆ ลดระดับลง แล้วเผลอโผเข้ากอดน้องไว้แน่นเพราะตกใจ
"ไม่เป็นไรนะพี่มิก เดี๋ยวผมช่วยเองครับ" เก้ากอดตอบ ประคองให้ผมลอยอยู่นิ่งๆ ได้ในที่สุด
เราสองคนลอยกอดกันอยู่เหนือหลังคาบ้าน ลมหนาวปลายเดือนธันวาคมพัดเอื่อยๆ ได้เห็นหมู่บ้านในตอนกลางคืนจากมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
"เมื่อกี๊ทำไมเราทะลุหลังคาออกมาได้ล่ะ?"
"เพราะอยู่ในโหมดลอยตัวครับ ทุกอย่างทะลุได้หมด แต่ถ้ากลับเป็นโหมดปกติ เราจะโดนพวกสิ่งของใหญ่ๆ อย่างกำแพง เตียง พื้นได้ปกติ ส่วนของเล็กๆ ถ้าอยากจับต้องต้องใช้แต้มช่วยครับ" เก้าอธิบายจนผมเข้าใจ
"ขอบใจนะเก้า อย่างกับพี่บินได้เลย" ผมกอดน้องแน่นขึ้น ก่อนกดหอมที่หัวน้องเบาๆ เป็นการขอบคุณ
"ไม่เป็นไรครับพี่... งั้นลองบินเล่นๆ กันมั้ย?"
"เอาสิ งั้นแวะไปดูกายที่บ้านเซนกัน"
เก้าจับมือพาผมลอยออกไปช้าๆ จนถึงหน้าต่างบ้านเซนที่อยู่ไม่ไกล เห็นกายนั่งเล่นเกมกับแฟน เคลียคลอแนบชิดกัน ดูมีความสุขดี แค่เห็นน้องปลอดภัยผมก็อุ่นใจแล้ว
"กลับกันเถอะเก้า" ผมหันไปบอก
"ไม่ดูต่ออีกหน่อยเหรอครับ? เผื่อเขาสองคนจะ..." เก้าหันมามองไปที่หน้าต่างอย่างสนใจ
"ไม่ดีกว่า ปล่อยกายไว้เถอะ เรากลับไปเติมแบตกันดีกว่า ตามที่พี่สัญญาไว้" ผมพูดทั้งที่พยายามห้ามใจตัวเองจากภาพตรงหน้า ไหนๆ ตอนนี้ก็มีน้องเก้าอยู่ข้างๆ แล้ว
...
เราจูงมือพากันลอยกลับมาอยู่แถวสนามหน้าบ้านผม ก่อนผมจะดึงตัวน้องเข้ามาประกบจูบกันทันที แหย่ลิ้นเข้าไปในปากนุ่มๆ ที่คุ้นเคย จนผมเริ่มชินกับความเย็นของน้องเก้าไปแล้ว
ผมกับน้องพากันถอดเสื้อผ้าให้กัน โยนกองไว้บนพื้นสนามหญ้า จนเราลอยกลางอากาศแก้ผ้าล้อนจ้อนอยู่หน้าบ้านด้วยกันทั้งคู่
"พี่อยากลองแบบนี้กับเก้ามานานแล้ว... อืมม..." ผมพูดพลาดก้มไปดมไซร้ซอกคอขาวๆ ของน้องไปด้วย
"ชอบมากเลยครับพี่ แปลกดีครับ..."
ผมไม่พูดอะไรต่อ ลองจับร่างเล็กๆ ของเก้า ให้หมุนลอยตัวตีลังกาลงจนขาน้องจ่อชี้ขึ้นฟ้า
สัมผัสได้ถึงลมหายใจเย็นๆ ของน้องรดอยู่แถวปลายท่อนเอ็นของผม เลยจับเอาแท่งควยผมยัดเข้าไปในปากของน้องทันที ส่วนผมก็อ้าปากคาบแท่งเล็กๆ ที่แข็งเต็มที่ของเก้าเข้าไปด้วย ครอบดูดทั้งจู๋ทั้งไข่จนเต็มปากไปหมด
"อืมม... อั้กๆๆ... แผล็บๆ..." ตอนนี้เราสองคนกำลังดูดอมให้กันอย่างรู้งานในท่า 69 แบบกลางอากาศ เป็นความรู้สึกเสียวที่แปลกใหม่ ให้ความรู้สึกฟินอย่างบอกไม่ถูก บรรยากาศเหมือนได้มาเอ้าดอร์อยู่หน้าบ้านในตอนค่ำคืน แบบไม่ต้องกลัวใครมาเห็นอีกแล้ว
ผมลากลิ้นวนรอบๆ แท่งเล็กๆ ของน้องเก้า สลับไปเลียแถวไข่สองใบเล็กๆ ไล่จากร่องไข่ตามเส้นสองสลึงของน้องไปยังรูตูดขาวผ่องใต้แสงจันทร์ จนน้องดิ้นส่ายก้นไปมาพยายามจะหนีลิ้นผมเพราะความเสียวแบบสุดๆ
"อืมม... อ่าา... รูเก้าหวานจัง... ขอชิมอีกนิดนะ..." ผมกอดก้นน้องไว้แน่นไม่ให้ดิ้นจนตัวเราทั้งสองแนบติดกัน จับแหวกขาก่อนจะก้มลงไปบดปากดูดเลียรูของน้องเก้าอย่างเอร็ดอร่อยอีกครั้ง
"อ่าาา... ซี๊ดด... เสียวมากครับพี่มิก... อื้มมม..." น้องเก้าถอนปากจากควย พร้อมครางชื่อออกมาเบาๆ แถมสองมือก็กอดขาผมไว้แน่นเหมือนจะทนความเสียวไม่ไหว
ผมหยุดใช้ปากจากรูน้อง เห็นทั้งร่องเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย เหมือนพร้อมในการรับแท่งควยของผมแล้ว เลยจับน้องกลับขึ้นมาหันหน้าเข้าหากันและกอดคอผมไว้แน่น
"พร้อมให้พี่เติมแบตให้ยังเก้า?..."
"พร้อมครับพี่มิก" น้องเก้ายกขามาโอบรัดเอวผมไว้ ผมเลยค่อยๆ ลองดันแท่งที่แข็งเต็มที่ของผม จับยัดเข้าไปในรูลื่นๆ ของน้องอย่างง่ายดาย
"อูยยย... เย็นดีจังเก้า... อ้าาา..." ผมค่อยๆ โยกเอวซอยก้นน้องอย่างช้าๆ เหมือนยังไม่ค่อยถนัดนักเพราะต่างลอยเคว้งอยู่กลางอากาศกันทั้งคู่
"อ่ะ... อ้ะ... อื้มมม... ซี้ดดด...." น้องครางดังขึ้น แถมช่วยโยกเอวรับให้ผมไปด้วย ทำเอาผมเริ่มจับจังหวะเด้าตูดน้องเก้าได้ถนัดมากยิ่งขึ้น
ผมจับหัวน้องมาประกบจูบปากกันต่อเนื่อง และเร่งกระเด้าตูดขาวๆ ทำเอาร่างเราสองคนลอยสูงขึ้นเกือบถึงหลังคาเพราะแรงขย่มของผม จนน้องต้องใช้ทั้งมือและขารัดตัวผมไว้แน่นไม่ให้ลอยสูงไปมากกว่านี้
"อืมม... พี่ไม่ไหวแล้วเก้า... อ่ะๆๆ... อ้าา..." ผมทนความเสียวแปลกๆ แบบนี้ไม่ไหวแล้ว เริ่มรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนได้ล่องลอยอย่างมีอิสระ เลยจับน้องกระแทกแบบสุดแรง จนต้องปล่อยความรักออกมาเต็มๆ ใส่เข้าไปในตัวน้องเก้า ยอมให้น้องสูบพลังงานของผมไปใช้ได้เต็มที่
ผมรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาจนขนลุก แรงเริ่มหมดจากการเสียบแบตของผม เลยค่อยๆ ประครองร่างให้ลอยต่ำลงมานอนกอดกันอยู่บนพื้นหญ้าอุ่นๆ ที่โดนแดดมาทั้งวัน ทำเอาผมหายหนาวขึ้นมาได้หน่อย
...
เรานอนพักให้หายเหนื่อยกันแบบนั้นอยู่สักพัก รู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก และรู้สึกเป็นอิสระมากในการเอากันแบบลอยอยู่กลางอากาศเป็นครั้งแรก
"แบตสำรองเพิ่มด้วยมั้ยเก้า?" ผมกระซิบถามเบาๆ
"เพิ่มอยู่ครับ แต่ยังเหลืออีกครึ่งนึงครับ" เก้าหยิบกล่องแบตสำรองมาดู มีขีดแสดงเปอร์เซ็นต์พลังงานอยู่ชัดเจน
"งั้นเดี๋ยวต่อกันอีกรอบดีมั้ยเก้า?"
"พี่ไหวเหรอครับ?" น้องเก้าถามอย่างเป็นห่วง
"พี่ได้อยู่ เก้าล่ะไหวมั้ย?"
"ไหวครับ ผมชอบโดนพี่เติมแบตให้มากเลยครับ" น้องยิ้มตอนอย่างดีใจ แถมจู๋ยิ่งแข็งตั้ง คงยังไม่หายเงี่ยนด้วยเหมือนกัน
ผมจับน้องนอนคว่ำไปกับพื้นหญ้า เอาควยผมถูแถวร่องก้นน้อง จนมันเริ่มแข็งเต็มที่อีกครั้ง จับจ่อเข้าไปในรูของน้องที่เริ่มขยายกว้างจากรอบที่แล้ว ทำให้ยัดได้ง่ายขึ้นมากๆ
"อืมมม... แรงๆ เลยครับพี่... อ่าา..." น้องเก้าครางเสียงสั่น ทำเอาผมได้อารมณ์มากๆ จับเก้าโก่งตูดจะได้กระแทกเข้าออกไปมาได้ลึกยิ่งขึ้น
"อ่าา... เสียวมากเก้า... โอยย... ข้างในลื่นมาก..." ผมลูบไล้ตามแผ่นหลังขาวเนียนของน้องที่ถูกสาดส่องด้วยแสงไฟจากหน้าบ้าน จับหัวเล็กๆ กดลงไปกับพื้นในท่าที่ผมถนัด เหมือนมีหลักยึดไม่ล่องลอยไปมาแบบรอบก่อนแล้ว
"พี่มิกครับบ... ซี๊ดดด... เหมือนมีคนผ่านมาเลยครับ... " น้องเก้าเงยหน้าเรียกให้ผมดูที่หน้ารั้วบ้าน มีทั้งคนเดินและรถแล่นผ่านไปมา แต่ไม่มีใครเห็นและสนใจเลย ทำให้ยิ่งได้อารมณ์เข้าไปอีก จับเอวเก้ากระแทกแรงขึ้นจนหญ้ากระเพื่อม
เหมือนมีเด็กน้อยกำลังกินไอติมอยู่คนนึง เดินผ่านหน้าบ้านผมและคงจะสังเกตุเห็นหญ้าขยับเบาๆ จนเดินเข้ามาดูใกล้รั้วขึ้นด้วยความสงสัย
ผมนึกสนุกเลยแกล้งยกตัวเก้าขึ้นไปกระแทกเกาะใส่รั้วเสียงดังจนเด็กนั่นสะดุ้งโหยง รีบวิ่งหนีออกไปไม่หันมามองเลย
"โอ้ยยเก้าา... พี่ไม่ไหวแล้วเก้า... จะแตก... จะแตกอีกรอบแล้ว...อ้าาา..." ผมจับน้องยกเกี่ยวขายกไว้ข้างนึงคารั้วบ้าน กระเด้าใส่เก้าจนรั้วเหล็กกระทบกันดังสนั่น แข่งกับเสียงกะแทกตูดน้องดัง ปั๊บๆๆ..
"แตกเลยครับ... อ้ะๆๆ... อ้าา... เติมแบต... เยอะๆ เลยครับ... ซี๊ดดด..." สองมือน้องเกาะรั้วไว้แน่น หน้าแทบจะโดนดันจนแนบไปกับซี่รั้วหน้าบ้าน
"อ้าาา... แตกแล้ว... แตกแล้วเก้าา..." ผมทนไม่ไหว จับน้องกระแทกเต็มแรงหนึ่งทีจนควยกระตุกแตกใส่ในตัวน้องรอบที่สองไปแบบเต็มๆ ทำเอาผมรู้สึกเย็นวาบขนลุกไปหมดทั้งตัว
ผมหมดแรงแบบสุดๆ จนตัวฟุบลงไปกับแผ่นหลังน้อง ลงไปนอนกองกันอยู่แถวรั้วบ้าน เหลือบเห็นแม่ผมเปิดม่านดูจากทางหน้าต่าง เหมือนดูว่าใครมาเขย่ารั้วเล่นอยู่ พอไม่เห็นใครก็ปิดม่านกลับไปนอนต่อ
...
"เป็นไงบ้างครับพี่มิก ลุกไหวไหมครับ?" น้องเก้าหันมามองหน้าผมด้วยแววตาเป็นห่วง
"ไม่น่าไหว เพลียมากเลย เก้าพาพี่กลับไปห้องได้มั้ย?"
"ได้ครับพี่มิก" น้องตอบเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ พยุงผมให้ลอยขึ้น ทะลุเข้าหน้าต่างห้องนอนชั้นสอง แล้วจับให้ผมนอนลงบนเตียงใกล้ๆ กับร่างจริงของตัวเองที่ยังหลับสนิทดี
"คืนนี้ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนก่อนมั้ยครับพี่มิก?" เสียงน้องนุ่มๆ คำถามเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความห่วงใย มองแล้วใจผมยิ่งอ่อนยวบ รู้สึกว่าตัวเองเผลอหลงรักน้องเก้าไปมากกว่าเดิมอีก
"ไม่เป็นไรเก้า ไปเฝ้ากายแหละดีแล้ว" ผมตอบไปทั้งที่ในใจเองก็ยังอดห่วงน้องกายไม่ได้
"ได้ครับ... แบตสำรองผมเต็มแล้วนะครับ" เก้าก้มลงมาจุ๊บแก้มผมเบาๆ เหมือนเป็นทั้งคำขอบคุณและคำอำลาในทีเดียว "งั้นฝันดีครับพี่มิก"
"ฝันดีนะเก้า" ผมพูดพร้อมค่อยๆ ขยับตัวกลับเข้าร่างที่นอนตะแคงอยู่ ความรู้สึกเย็นๆ ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความอุ่นจากภายในร่างกายจริงๆ
คืนนั้นผมต้องนอนเหงาๆ อยู่เพียงลำพัง แต่ก็ยังดีที่มีผ้าห่มกับหมอนข้างช่วยปลอบให้ไม่หนาวจนเกินไป รู้สึกเหมือนเก้ายังวนเวียนอยู่เงียบๆ เฝ้าจนผมเผลอหลับไปเอง ก่อนที่น้องจะลอยออกจากห้องไปเฝ้าดูน้องกายที่บ้านของเซนในเวลาค่ำคืน ตามที่ผมได้มอบหมายไว้
...
เช้าวันต่อมา เก้าโทรมาบอกว่าเมื่อคืนกายปลอดภัยดี ผมเลยโล่งใจขึ้นเยอะ อย่างน้อยก็ทำให้เช้านี้ไปวัดกับฟิวได้แบบหายห่วง
ผมนัดเจอฟิวกับย่าที่หมู่บ้าน ก่อนจะพากันไปวัดใกล้ๆ เพื่อทำบุญด้วยกัน วัดเดียวกับที่ผมเคยมาทำบุญให้น้องเก้าเป็นประจำ
"ขอบคุณที่มาทำบุญเป็นเพื่อนฟิวนะลูก วันนี้มีทำบุญใหญ่ เห็นว่าจะมีคนดังมาบริจาคให้วัดด้วยลูก" ย่าพูดพลางยิ้มระหว่างเดินเข้าวัด
"ใครเหรอครับย่าฟิว คนดังที่ว่า?" ผมถาม แต่ในใจเริ่มสังหรณ์แปลกๆ
"ก็หมอเอที่ดังๆ อ่ะลูก ย่าเห็นแต่ในทีวี อยากเห็นตัวจริงสักครั้ง"
พอชื่อนั้นหลุดออกมาจากปากย่าฟิว ก็ทำเอาผมชาไปทั้งตัว มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ที่หมอเอโผล่มาที่วัดแถวนี้
"พวกนี้หลอกหมดแหละย่า อย่าไปหลงเชื่ออะไรง่ายๆ เลย" ฟิวพูดแทรกขึ้น เสียงฟังดูหงุดหงิดชัด
"พูดดีๆ สิฟิว เขาเป็นถึงอาจารย์ปราบผีมานักต่อนักนะ"
"เห้อ ขี้เกียจเถียงกับย่าละ... ป่ะพี่ ไปเดินเล่นแถวนี้กันดีกว่า ปล่อยย่าไปทำบุญกับหมอผีปลอมๆ ไปเถอะ" ฟิวหันมาชวนผม สีหน้าไม่พอใจแต่เหมือนอยากรีบออกห่าง
"แล้วแต่ละกัน แต่อย่าไปไหนไกลกันล่ะลูก อยู่แถวๆ นี้กันก็พอ" ย่ายังย้ำเสียงจริงจัง
"ได้ครับ เดี๋ยวผมดูแลน้องเอง" ผมตอบ ก่อนเดินตามฟิวออกห่างจากความวุ่นวาย
แต่แล้วสายตากลับสะดุดเข้ากับรถคันใหญ่ที่เลี้ยวเข้ามาในวัด ผู้คนกรูกันไปรุมดูหมอเอแน่นไปหมด …และในจังหวะเดียวกัน ผมดันเหมือนไปเห็น 'เจ' เพื่อนในห้องที่เคยพยายามจีบน้องกาย ยืนปะปนอยู่แถวนั้นด้วย ทำเอาผมสงสัยว่า... มันมาทำอะไรที่นี่กันแน่?
"เดี๋ยวพี่มานะฟิว เหมือนเห็นเพื่อนแว๊บๆ" ผมเอ่ยกับฟิว พลางกวาดตามองหาตัวเจอีกที
"ได้พี่ เดี๋ยวผมไปด้วย" ฟิวตอบสั้นๆ แต่เดินตามผมเข้ากลับไปในฝูงชนที่กำลังมุงดูพวกนั้น ความสงสัยในใจผมเริ่มก่อตัวแรงขึ้นทุกที…
...
ผมเดินเข้าไปดูให้แน่ใจ พอเห็นใกล้ๆ ใช่เจจริงๆ ด้วย… เพื่อนร่วมชั้นผมเอง แต่วันนี้ดันแต่งชุดขาวทั้งตัว เสื้อขาว กางเกงขาว เหมือนมาปฏิบัติธรรมยังไงยังงั้น
"อ้าว ไอเจ มึงมาทำไรที่นี่เนี่ย?" ผมทักทันที ฟิวที่ยืนข้างๆ ก็หันมามองด้วยสายตาสงสัย
"เอ่อ... คือกูมาธุระน่ะ มึงอยู่แถวนี้เหรอไอมิก?" เจตอบเสียงอ้อมแอ้ม แววตาเลี่ยงๆ ดูไม่ชอบมาพากล
"ใช่ หมู่บ้านกูอยู่ใกล้ๆ เอง... แล้วทำไมแต่งตัวเหมือนมาค่ายธรรมะเลยวะ?"
"เออๆ ไว้ค่อยคุยทีหลังนะ กูรีบไปทำงานก่อน" เจตัดบท แล้วรีบเดินไปสมทบกับกลุ่มคนที่แต่งชุดขาวเหมือนกันทุกคน ก่อนจะหลบหายเข้าไปฝูงที่ล้อมหมอเออยู่...
ผมยืนมองตาม เหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ไม่คิดเลยว่าเจก็จะศรัทธาในตัวหมอเอเหมือนกับคนอื่นๆ
"เมื่อกี้เพื่อนพี่เหรอ ทำไมดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้?" ฟิวเอ่ยขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
"พี่ก็แปลกใจเหมือนกัน… ปกติมันไม่น่ามาทำอะไรแบบนี้นะ"
"ช่างเหอะพี่ เดี๋ยวผมจะไปหาเพื่อนเหมือนกัน ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยดิ?" ฟิวเปลี่ยนเรื่องทันที แต่ดูสายตาแล้วเหมือนตั้งใจพาผมไปเจอใครบางคน
"ได้ๆ ฟิวนำเลย" ผมพยักหน้า ก่อนเดินตามน้องไปเรื่อยๆ ไม่คิดว่าน้องฟิวตะนัดเพื่อนมาวัดนี้ด้วย
...
น้องฟิวเดินไปซื้อดอกไม้กับพวงมาลัย แล้วพาผมอ้อมไปทางด้านหลังวัด ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ ไม่เข้าใจว่าน้องจะมาทำอะไรตรงนี้
จนกระทั่งฟิวหยุดเดินกะทันหัน สายตาจ้องนิ่งไปที่บางสิ่ง... พอผมกวาดตามองตามก็แทบชะงัก
"เรามาเยี่ยมแล้วนะเพื่อน... ว่างๆ ก็แวะมาหาเราบ้างนะ" เสียงฟิวสั่นเครือ มือค่อยๆ วางดอกไม้กับพวงมาลัยลงตรงหน้าเจดีย์เก็บอัฐิเล็กๆ ที่มีป้ายหินอ่อนเป็นรูปและชื่อเขียนว่า ด.ช. เป็นหนึ่ง... รูปในกรอบนั้นคือเก้า หรือเบสท์ ตอนใส่ชุดนักเรียน พร้อมวันที่ ชาตะ มรณะ ชัดเจน
ยิ่งเห็นในรูปน้องยิ้มแป้นแล้วปรับอารมณ์ไม่ถูกเลย อึ้งจนพูดไม่ออก เงียบกันไปพักนึงทั้งคู่...
"พี่เพิ่งรู้เลยว่าอัฐิเบสท์อยู่ใกล้ๆ แถวนี้เอง" ผมเอ่ยเบาๆ กลัวเสียงตัวเองจะสั่นไปด้วย
"ผมขอโทษที่โกหกพี่นะ... ที่เคยบอกไม่ได้สนิทกับเบสท์อ่ะ พอดีผมยังทำใจไม่ค่อยได้จริงๆ" ฟิวพูดทั้งที่พยายามกลั้น แต่เสียงมันก็สั่นออกมาอยู่ดี นั่งลงแถวนั้นจ้องที่รูปเพื่อนตัวเองอย่างอาลัยอาวรณ์
"แสดงว่าฟิวกับเบสท์รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้วเหรอ?" ผมเลยนั่งลงข้างๆ ใช้จังหวะนี้คุยเรื่องเบสท์ไปด้วย
น้องพยักหน้าช้าๆ สายตายังไม่ละจากรูปถ่ายในกรอบ "ใช่พี่... ผมกับมันเคยสัญญากันเลยนะ ว่าโตไปจะเก็บเงินไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน แบบในการ์ตูนที่เราชอบ แต่... มันก็คงไม่มีวันนั้นแล้วล่ะ" น้ำเสียงเบาหวิวจนแทบขาดหาย น้ำตาคลอเอ่อจนฟิวต้องหลบสายตา
ผมมองแล้วเจ็บแทน ไม่กล้าถามอะไรต่อ ได้แต่ยื่นมือไปแตะไหล่น้องเบาๆ "ไม่เป็นไรหรอกฟิว... แต่พี่เชื่อว่าเบสท์ต้องรับรู้บ้างแหละ ว่ามีเพื่อนดีๆ อย่างฟิวคอยมาเยี่ยมตลอด"
"ถ้ามันรู้จริงก็ดีสิพี่... แต่ทำไมมันไม่เคยมาหาผมเลยวะ อย่างน้อยในฝันสักครั้งก็ยังดี..." ฟิวหัวเราะในลำคอแบบฝืนๆ
คำพูดนั้นกรีดเข้ามาในใจผมทันที เพราะรู้ว่าเก้าจำอะไรเกี่ยวกับฟิวไม่ได้เลย ต่อให้ผมอยากบอกความจริงแค่ไหน... ความรู้สึกมันยังจุกอกจนพูดไม่ออก
"อย่าเพิ่งคิดมากเลยฟิว... พี่เชื่อว่าเบสท์ต้องได้ยินจากที่ไหนสักแห่งแน่ๆ" ผมพูดเหมือนพยายามปลอบทั้งฟิว ทั้งตัวเองไปพร้อมๆ กัน
"คงงั้นแหละ... แต่ช่างมันเถอะ ผมก็พยายามทำใจอยู่เหมือนกัน" ฟิวสูดหายใจลึก ยกมือปาดน้ำตาออกแบบไม่อยากให้ใครเห็น
...
เรานั่งปรับอารมณ์ตรงนั้นกันเงียบๆ ได้ไม่นาน ก็มีเสียงใบไม้แหวกดังแผ่วเหมือนมีคนเดินเข้ามาใกล้
"ทำอะไรกันอยู่สองคนเหรอ?" เสียงแหลมๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาผมกับฟิวสะดุ้งพร้อมกัน หันไปเห็นเด็กวัยรุ่นร่างผอมแห้ง ยืนยิ้มมุมปาก เดินตรงมาหาพวกเรา
"ใครอ่ะฟิว รู้จักป่ะ?"
"ไม่รู้จักนะพี่... แต่หน้าคุ้นๆ เหมือนเด็กวัดนี้เลย" ฟิวตอบพลางขยับเข้ามาใกล้ผม
"ถูกต้องเลยค้าบ ผมเด็กวัดที่นี่เอง... ฮ่าๆๆ" เสียงหัวเราะกวนประสาทนั่นคุ้นเกินกว่าจะผิดตัว ผมมั่นใจทันทีว่าเจ้านี่ถูกสิงอยู่แน่
"เอ็ม! มึงโผล่มาที่นี่ทำไมอีกวะ?"
"อุ้ยยย โดนจับได้อีกแล้วเหรอเนี่ย พี่ชายนี่เก่งจริงๆ เลยนะ" เด็กนั่นพูดด้วยน้ำเสียงยียวน กวนส้นไม่เปลี่ยน
"พี่รู้จักมันด้วยเหรอ?" ฟิวถามผมแบบงงๆ
"เรื่องมันยาวอ่ะ ไว้ค่อยเล่า"
เอ็มหัวเราะหึๆ แล้วแกล้งมองไปรอบๆ ก่อนพูดเสียงดังลั่น "แล้วน้องเก้าสุดที่รักของพี่ล่ะ ไม่มาด้วยเหรอ? ปกติตัวติดกันจนจะนอนกอดกันอยู่แล้วนี่นา ฮ่าๆๆ"
"บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับเก้า!" ผมขึ้นเสียงทันที
"ใครคือเก้าเหรอพี่?" ฟิวหันขวับมามองผม
เอ็มไม่ปล่อยให้ผมตั้งหลัก มันเดินอ้อมไปยืนตรงหน้าเจดีย์ หยุดชี้นิ้วไปที่ป้ายรูป "อ้าว... เด็กในรูปนี้เองเหรอ? โอ้โห หน้าเหมือนน้องเก้าของพี่เป๊ะเลย แต่ชื่อเป็นหนึ่งนี่นา ฮี่ๆๆ"
"นี่มันเบสท์นี่! งั้นเก้ากับเบสท์คือคนเดียวกันเหรอพี่!? มันยังไม่ตายเหรอ!?" น้องฟิวเบิกตากว้าง
"คือเอ่อ..." ผมอ้ำอึ้ง คำมันติดอยู่ที่คอ
"ช่ายแล้ว อยู่กับพี่ชายคนนี้แหละ... ไม่รู้ทำอะไรกันบ้าง วันนั้นผมยังเห็นเอากันจนโซฟาสั่นอยู่เลยนะ คิคิ"
"มึงหุบปากไปเลยเอ็ม!" ผมตวาดใส่เต็มเสียง ไม่คิดว่ามันจะแอบดูอยู่ด้วยในวันที่เอ็มบุกเข้าบ้านผม
"หุบทำไมล่ะ? หรือว่าพูดความจริงแล้วมันแทงใจ ฮะๆๆ" มันหัวเราะกวนประสาทอีก
"หมายความว่ายังไงเหรอพี่?" ฟิวยืนข้างๆ สีหน้าแข็งเรียบ แต่แววตาเต็มไปด้วยคำถาม
ผมหน้าแทบชา ไม่รู้จะอธิบายยังไงตอนนี้ "เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง... แต่ตอนนี้รีบไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า"
ผมจับแขนน้องพยายามจะพาเดินออกไป แต่เอ็มก็พุ่งมายืนขวางตรงหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว
"จะรีบไปไหนล่ะน้องชาย? ไม่อยากรู้เหรอว่าพี่มิกคนนี้ทำอะไรกับเพื่อนน้องบ้าง อิอิ…" เสียงเรียบแต่แฝงแววเย็นยะเยือก ฟังดูน่ากลัวกว่าตอนหัวเราะกวนประสาทเสียอีก
"อย่าไปฟังมันนะฟิว มันแค่พยายามปั่นหัวเรา!" ผมรีบบอกน้อง เห็นแววตาน้องเริ่มลังเลก็ใจหล่นวูบ
"แล้วนี่อะไรล่ะค้าบ?" เอ็มยกมือถือขึ้นมาโชว์ตรงหน้า ภาพในจอ เป็นคลิปแอบถ่ายผมกับเก้ากำลังมีอะไรกันอยู่ในท่าที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เห็นหน้าชัดทุกมุม ชัดจนเลือดในตัวผมเย็นเฉียบ รู้สึกชาไปหมดจนพูดอะไรไม่ออก
ความเงียบเข้ามาปกคลุมรอบตัว มีเพียงเสียงครางในคลิปที่ก้องสะท้อนอยู่ในหัวผม จนสติหลุดเหมือนหูดับไปชั่วขณะ...
ฟิวชักแขนกลับ ร่างสั่นเครือถอยออกห่าง สีหน้าเต็มไปด้วยทั้งช็อกและเจ็บปวด มองทีเดียวก็รู้ว่าความเชื่อใจที่มีต่อผมพังทลายลงหมดสิ้น
"พี่ทำแบบนั้นกับเพื่อนผมได้ยังไง?…" น้ำเสียงน้องสั่น น้ำตาไหลรินจนเปียกแก้ม ก่อนหันหลังเดินหนีโดยไม่เหลียวกลับมาเลย
"เดี๋ยวก่อนฟิว…" ผมเรียกตามแต่ต้องหยุดกลางคัน เหมือนคำพูดถูกขังอยู่ในอก ความรู้สึกตีรวนกันจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้น้องก้าวหายลับไป รอให้ถึงเวลาที่อธิบายได้มากกว่านี้
แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมเหลือคือความเดือดดาลที่พุ่งใส่เอ็มเต็มๆ
"ไอ้เอ็..." ผมหันไปจะสบถใส่ แต่ตัวมันก็หนีหายไปแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่าเงียบงัน ทิ้งผมยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว…
...
ผมพยายามเดินตามหาฟิวในวัดแต่ก็ไม่เจอ เห็นย่าฟิวกำลังจะกลับบ้านเลยเข้าไปถามดู "ย่าครับ ฟิวกลับไปแล้วเหรอครับ?"
"อ้าว... ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอกเหรอ?"
"เอ่อ... น้องบอกว่าจะเดินเล่นแถวนี้อีกสักพักนึงอ่ะครับ" ผมต้องจำใจโกหกไม่ให้ย่าฟิวเป็นห่วง
"ประจำแหละหลานคนนี้ ถ้าเจอน้องบอกให้กลับไปกินข้าวที่บ้านด้วยนะลูก" น้ำเสียงย่ายังคงอ่อนโยนไม่ได้สงสัยอะไร... แต่ในใจผมรู้สึกสังหรณ์แปลกๆ กลัวจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นก้บฟิว
"ได้ครับ ถ้าเจอเดี๋ยวผมบอกให้นะครับ…"
"งั้นย่ากลับไปทำกับข้าวก่อนนะลูก"
ผมยกมือไหว้ แต่ต้องกัดฟันแน่นโกรธตัวเองที่ดูแลน้องไม่ได้ แล้วยิ่งคิดถึงสายตาที่ฟิวมองผมก่อนหนีไปก็ยิ่งเจ็บเข้าไปอีก แต่ต้องรีบตามหาน้องให้เจอ ไม่อยากจะให้ย่าน้องเป็นห่วงและผิดหวังที่ฝากให้ผมดูแลน้องฟิวในตอนแรก
ผมรีบกดโทรหาเก้า หวังว่าน้องอาจเจอฟิวแถวหมู่บ้านบ้าง แต่ก็ไร้วี่แวว
"ไม่เห็นเลยครับพี่มิก… มีอะไรหรือเปล่าครับ?" เสียงเก้าปลายสายฟังดูใสซื่อเหมือนเดิม
"อ่อๆ ไม่มีอะไรหรอก… เก้าไปรอพี่ที่บ้านก่อนนะ อย่าเพิ่งออกไปไหน" ผมตอบสั้นๆ ทั้งที่ใจอยากระบายออกหมด แต่ก็เลือกที่จะกันน้องออกจากเรื่องนี้ เพราะอยากให้น้องปลอดภัยที่สุด
"ได้ครับพี่มิก…"
วางสายแล้ว ความเงียบก็ยิ่งกดทับ ผมกัดฟันเดินเร่งฝีเท้าตามหาน้องจนทั้ว บรรยากาศที่เคยคึกคักตอนเช้าตอนนี้ซาไปเกือบหมด เหลือเพียงเงาเงียบๆ กับลมเย็นๆ ที่พัดผ่านในวัดจนน่าขนลุก…
...
ผมเดินเข้าไปถามเด็กวัดที่นั่งรวมกลุ่มกันแถวลานวัด เผื่อมีใครเห็นอะไรบ้างในช่วงที่ฟิวหายไป
"เห็นเด็กชื่อฟิวบ้างมั้ย? สูงประมาณนี้อ่ะ ใส่เสื้อสีฟ้ากางเกงขาสั้น" ผมทำมือวัดระดับไหล่ประกอบ
"อ๋อ... เหมือนจะเห็นนะพี่ เห็นเดินไปทางป่าหลังวัดกับไอตั้มสักพักแล้ว" หนึ่งในเด็กวัดตอบด้วยท่าทางเหมือนยังไม่แน่ใจนัก
หัวใจผมหายวาบทันที "ตั้มที่เป็นเด็กวัดผอมๆ แห้งๆ ใช่มั้ย?"
"ใช่ๆ ไอนั่นแหละพี่"
ความคิดแรกที่แล่นเข้ามาคือ ต้องใช่ตั้มที่เอ็มมันเข้าสิงอยู่แน่ๆ ผมแทบไม่รอให้เด็กวัดพูดอะไรต่อ รีบตรงไปทางป่าหลังวัดทันที
แต่ระหว่างทางผมเห็นเจ เพื่อนในห้องของผมทำตัวลับๆ ล่อๆ ยังไม่ยอมกลับบ้านไปอีก เลยค่อยๆ ย่องเดินตามไป ดูว่ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่
บรรยากาศยิ่งลึกก็ยิ่งเงียบ อึดอัดจนหายใจไม่ทั่วท้อง... และไม่นานสายตาผมก็เหลือบไปเห็นเงาคนกลุ่มหนึ่งอยู่ไม่ไกล
ชายชุดขาว 3-4 คนกำลังช่วยกันขุดดิน เหมือนกำลังทำอะไรบางอย่างที่ไม่ควรทำในที่แบบนี้ โดยมีเอ็มในร่างตั้มยืนคุมอยู่ด้านหน้า สีหน้าเย็นชาแบบผิดกับที่เคยเห็น
แต่สิ่งที่ทำให้ผมแทบช็อคจนขาแทบหมดแรงคือ... เจ... เพื่อนของผม เดินเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกนั้นด้วย ยิ่งชัดเจนว่าความสงสัยของผมไม่ผิดเลย ...ว่าเจก็เป็นพวกเดียวกับเอ็มและหมอเอจริงๆ... ... . . อ่านตอนต่อไป... >>ตอน 13 - การกลับไปเจอเพื่อนเก่า<<
|