แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Recs เมื่อ 2025-7-25 16:04
ย้อนอ่านเรื่องก่อนหน้า... >>ความลับกับลูกพี่ลูกน้อง<< >>ความลับของผมในคอร์ส ม.ต้น<<
ตอน 1 - ตีสนิทน้องแถวบ้าน
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดคนนึง ที่เพิ่งย้ายมาเรียนในกรุงเทพตอนขึ้น ม.4 พอดี โชคดีสอบติดโรงเรียนเดียวกับน้องชาย ที่อยู่ ม.2 เรียนที่นี่มาก่อนแล้วตั้งแต่ปีก่อน ซึ่งก็ถือว่าเป็นโรงเรียนที่สอบเข้ายากพอตัว
ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับน้องชาย... เอาจริงๆ ก็ออกจะซับซ้อนหน่อย เพราะเรามีพ่อคนเดียวกันที่เสียไปตั้งแต่ผมยังเด็ก ส่วนแม่ผมดันเป็นพี่สาวแท้ๆ กับน้ากิ่งที่เป็นแม่ของน้องอีกที... งงมั้ยล่ะ ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้ แม่ผมน่าจะโดนนินทาเละไปแล้วแน่ว่ามีผัวคนเดียวกันกับน้องสาวตัวเอง เลยปิดเงียบกันมาตลอด ซึ่งผมเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน... ว่าน้องกายกับผมเป็นพี่น้องกันจริงๆ
วันนี้แม่จัดงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ มีพระมาสวดตั้งแต่เช้า แล้วก็จัดเลี้ยงเพื่อนบ้านในซอยแบบง่ายๆ กางเต็นท์เล็กๆ หน้าบ้าน แต่ดูคนมากันไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ มีแค่สามสี่คนเอง หรือเพื่อนบ้านที่กรุงเทพคงไม่ค่อยสนิทกันเหมือนต่างจังหวัดมั้ง?
บ้านหลังใหม่ของเราขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็ดูดีทันสมัยอยู่สบายพอสำหรับสี่คน มีห้องว่างเผื่อไว้ในอนาคตด้วย ส่วนห้องนอนตอนนี้ผมกับน้องชายยังนอนห้องเดียวกันเหมือนเดิม เพราะเจ้าตัวไม่กล้านอนแยกคนเดียวซักที ไม่รู้ว่ากลัวอะไรนัก...
“พี่มิก วันเปิดเทอมไม่ต้องตื่นเต้นนะ เดี๋ยวกายพาทัวร์เอง” เสียงใสๆ ของน้องชายวัย 13 ปีของผมดังขึ้นขณะนั่งกินข้าวต้มอยู่ข้างกัน ดีใจยกใหญ่ที่ผมได้เรียนที่เดียวกับน้อง เลยแสดงความเป็นเจ้าถิ่นสักหน่อย
"ได้ดิ จะพาทัวร์หรือพามั่วกันแน่ 555" ผมหัวเราะแซวกลับ น้องชายตัวเล็กที่ตอนนี้สูงเกือบ 160 เซนแล้ว
"ทัวร์สิพี่ ระดับกายแล้ว ไม่มั่วแน่นอน 555" กายพูดพร้อมตักข้าวต้มเข้าปาก “แต่พี่ก็เก่งเหมือนกันนะ สอบเข้าโรงเรียนกายได้ด้วย”
"ระดับพี่มิกปะล่ะ แค่นี้สบาย หึหึ" ผมยิ้มอวดแบบกวนๆ จนน้องถึงกับกลอกตาอย่างเอือม "แต่เดี๋ยวต้องไปแก้บนด้วยนะ บนไว้ว่าถ้าสอบติดจะวิ่งรอบหมู่บ้านเก้ารอบ จะวิ่งเป็นเพื่อนพี่มั้ย?"
"ไม่อ่ะ พี่บนเองก็วิ่งเองดิ 555" น้องหัวเราะแล้วยกถ้วยข้าวต้มซดจนหมด "เดี๋ยวกายไปปั่นจักรยานเล่นกับเพื่อนแป๊บนะพี่ เดี๋ยวมา"
น้องมาอยู่แถวนี้แค่ไม่กี่อาทิตย์ก็มีเพื่อนเป็นแก๊งประจำซอย 4-5 คนละ ส่วนใหญ่ก็วัยไล่เลี่ยกัน แต่เห็นมีคนนึงสะดุดตาผมมาก เป็นเด็กชายตัวเล็กๆ ผิวขาวใส่ชุดนักเรียน แถมใส่แว่นเหมือนน้องกายแต่แว่นหนากว่าอีก ซ้อนจักรยานอยู่ข้างหลังน้องเหมือนสนิทกัน ดูจากส่วนสูงแล้ว น่าจะเด็กกว่ากายนิดหน่อย
วันนั้นน้องกายก็ไปปั่นจักรยานเล่นกับเพื่อนยาวถึงเย็น ทิ้งผมไว้ให้ช่วยแม่เก็บของต่อหลังงานทำบุญบ้านเสร็จ... ...
เย็นวันเดียวกันผมออกไปวิ่งแก้บนรอบหมู่บ้านได้ซักสองรอบก่อน ได้แค่นี้ก็เหนื่อยจะตายละ ตอนบนก็ลืมคิดเลยว่าหมู่บ้านก็ไม่ใช่เล็กๆ คงค่อยทยอยไว้วันอื่นมาวิ่งแก้บนต่อให้ครบเก้ารอบละกัน
“พี่มิก คืนนี้อาบน้ำด้วยกันได้ป่ะ? ไม่ได้อาบกับพี่นานละอ่ะ” อยู่ดีๆ พอกลับเข้าบ้าน น้องกายก็หันมาชวนอาบน้ำซะงั้น ทำเอาผมชะงักนิดหน่อย
“วันนี้เป็นอะไรเนี่ย… กลัวอะไรขึ้นมาอีก?” ผมหัวเราะเบาๆ พลางแซวกลับ เพราะน้องผมขึ้นชื่อเรื่องขี้กลัวสุดๆ
“นะพี่ กายแค่ไม่อยากอาบคนเดียวอ่ะ” น้องพูดเสียงเบาเหมือนอ้อน
“โอเคๆ แต่นานๆ ทีนะ เฉพาะตอนแม่พี่ไม่อยู่"
“ได้คร้าบพี่ชายย~” กายตอบกลับทันที เสียงใสดีใจอย่างกับได้รางวัล วันนั้นแม่ผมกับแม่น้องออกไปซื้อของไว้ทำบุญตอนเช้ากันพอดีเลยเหลือแค่ผมกับกายอยู่บ้านกันสองคน ...
เราพากันถอดเสื้อผ้าลงแช่น้ำในอ่างสุดหรูของบ้านใหม่ ที่บ้านเก่าไม่เคยมีอะไรแบบนี้มาก่อน สังเกตุน้องกายดูจะชอบการแช่น้ำแบบนี้เป็นพิเศษ
"พี่สระผมให้เอามั้ย?"
"เอาสิ ขอบคุณนะพี่" น้องยิ้มก่อนจะหันหลังให้ผม
"บ้านใหม่เป็นไงบ้าง กายชอบมั้ยอ่ะ?" ผมชวนน้องคุยเล่น ระหว่างบีบแชมพูลงบนผมนุ่มๆ ของเขา แล้วก็ขยี้เบาๆ พลางแอบเหลือบมองร่างบางๆ ที่เริ่มโตเป็นหนุ่ม ยังคงผอมแห้งน่าทนุถนอมไม่เปลี่ยน
"ก็ดีนะครับ แต่มันรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้..."
"แปลกยังไงเหรอ?" ผมถามกลับด้วยความสงสัย
"ไม่รู้ดิพี่ ก่อนหน้านี้มันรู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเลยอ่ะ" น้องพูดพลางขยับตัวเบาๆ เหมือนเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
"กายคงยังไม่ชินกับบ้านใหม่แหละมั้ง..." ผมพยายามปลอบไม่ให้น้องคิดมาก แล้วก็ตักน้ำอุ่นราดหัวเขา ล้างแชมพูออกเบาๆ
"น่าจะคงงั้นมั้งครับ... ผมคงคิดมากไปเอง" น้องพูดเสียงอ่อย ก่อนจะเอามือเช็ดหน้าหันกลับมามองผม "พี่มิกยังคิดมากเรื่องคืนนั้นอยู่เหรอ?
"คืนไหนอ่ะ คืนแรกที่นอนด้วยกันบ้านนี้อ่ะเหรอ?" ผมนึกไปถึงคืนแรกที่มาอยู่และเผลอตัวไปมีอะไรกับน้องกาย หลังจากรู้ว่าเป็นพี่น้องกันแท้ๆ
"ใช่พี่ ตั้งแต่คืนนั้นเหมือนพี่ดูห่างเหินกับผมเลยอ่ะ" น้องทำเสียงเหมือนน้อยใจนิดๆ
"พี่ขอโทษ พี่แค่ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่เลย เพราะยิ่งรู้ว่ากายเป็นน้องชายพี่แท้ๆ อ่ะ"
"ไม่ต้องคิดมากหรอกพี่ กายไม่คิดไรอยู่แล้ว ละกายก็อยากทำเองด้วย" น้องตอบผมด้วยเสียงนุ่มๆ ตอนนี้หน้าเหมือนแดงนิดๆ
"อย่าบอกนะ... ว่าวันนี้กายก็อยากอีกเหรอ?" ผมก้มถามน้องกายตรงๆ
"ใช่พี่ พี่ช่วยกายได้ป่ะครับ" น้องตอบเสียงเบาแบบอายๆ
"แต่วันนี้พี่เหนื่อยมากเลยอ่ะเพิ่งไปวิ่งมาด้วย" ผมพยายามหักห้ามใจตัวเอง แต่ดูน้องจะหน้าจ๋อยลง
"งั้นใช้แค่มือได้มั้ยอ่ะ กายอยากจริงๆ แม่กำลังไม่อยู่ด้วยนะพี่" น้องยังคงรบเร้า ไม่รู้ไปอดอยากมาจากไหน ดูเงี่ยนบ่อยกว่าสมัยอยู่ต่างจังหวัดอีก แถมหันมายิ้มให้แบบอารมณ์ดีจนผมใจอ่อน
"ก...ก็ได้ๆ แค่มือนะ" ผมตอบแบบลังเล ไม่รู้คิดถูกมั้ยที่ไม่ยอมปฏิเสธไปให้ถึงที่สุด ต้องแพ้รอยยิ้มและเสียงอ้อนของน้องชายตัวเองทุกที
น้องกายเอนหลังพิงหน้าอกผมจนตัวเราแนบติดกัน ผมเอาน้ำสบู่ค่อยๆ ถูไล่ตามตัวน้อง จากไหล่ลงไปถึงหน้าท้องเรียบเนียน ค่อยๆ ไล่ต่ำลงจนมือไปกำอยู่ที่ท่อนเอ็นของน้องในอ่างน้ำ
อีกมือผมโอบกอดร่างน้องไว้แน่น ส่วนอีกมือกำลังรูดแท่งขึ้นลงไปด้วยช้าๆ แบบลื่นๆ ในใต้น้ำสบู่จนน้ำขอบอ่างเริ่มกระเพื่อมเบาๆ
"อืมม...อ่าาา..." น้องกายหลับตาพริ้ม ตัวเริ่มอยู่ไม่นิ่ง ส่ายก้นไปมาบดตรงท่อนของผมที่ยังคงอ่อนตัวอยู่ จนมันค่อยๆ พองตั้งขึ้นมาอยู่ตรงแผ่นหลังของน้อง
น้องผมเคลิ้มจัดทนไม่ไหวจนต้องหันหน้ามาประกบจูบที่ริมฝีปากผมเบาๆ พ่นลมหายใจอุ่นๆ รดอยู่ในปากผม ทำเอาผมเคลิ้มตาม เร่งข้อมือชักให้น้องไวขึ้น จนน้ำเริ่มกระเฉาะออกจากขอบอ่างน้ำ
"อืมมม... ดีจัง... อ่าาา... อ่ะ..." น้องครางเบาๆ ในลำคอ นั่งชันเข่าแหวกขาในน้ำให้ผมชักได้ง่ายขึ้น ปากเริ่มละเลงจูบผมต่ออย่างดูดดื่ม แต่ดูใจน้องล่องลอยเหมือนไม่ได้จูบกับผมอยู่เลย
พอทำอะไรแบบนี้กับน้องชายตัวเอง ผมเริ่มรู้สึกผิดนิดๆ รีบเร่งข้อมือชักรัวแบบสุดๆ จนน้องกายเริ่มทนไม่ไหวสองมือกอดคอผมแน่น ก่อนที่ควยเล็กๆ จะกระตุกในมือผมและพ่นน้ำขาวขุ่นออกมาเต็ม จนลอยขึ้นมาชัดผสมกับน้ำสบู่ที่เรานั่งแช่กันอยู่ ...
"ขอบคุณนะพี่มิก... รู้สึกดีมากเลย" น้องพูดเบาๆ ก่อนจะเอนหัวมาซบที่อกผม นั่งหอบหายใจเหนื่อยอยู่พักนึง
"ไปล้างตัวเถอะ เดี๋ยวค่อยไปนอน ก่อนแม่กลับมาเห็นเข้า" ผมลูบหัวน้องเบาๆ แล้วพูดชวน
"ได้ครับ แล้วพี่ไม่แตกเหรอ?" น้องเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยสีหน้าสงสัย
"ไม่เป็นไร พี่ยังไม่ค่อยอยากเท่าไหร่... เหนื่อยนิดหน่อย" ผมยิ้มตอบน้อง ทำตัวให้ดูปกติที่สุด ไม่อยากให้น้องรู้ว่าผมยังคิดมากอยู่
เราล้างตัวกันเงียบๆ แล้วก็ออกจากอ่าง ใส่ชุดนอนแล้วกลับไปนอนกอดกันบนเตียงเหมือนเดิม ทำเหมือนเมื่อกี๊ไม่มีอะไรเกิดขึ้น… ...
วันต่อมาผมออกไปวิ่งแก้บนที่ยังเหลืออีกเจ็ดรอบหมู่บ้าน ทั้งวิ่งทั้งเดินตั้งแต่เย็นจนฟ้าเริ่มมืด วันนั้นเลยได้ไปแค่สามรอบเอง สุดท้ายเลยกะว่าจะพักก่อน แล้วค่อยออกมาวิ่งต่อพรุ่งนี้อีกที
ระหว่างทางเดินกลับ ผมผ่านสนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน เห็นเด็กผู้ชายใส่แว่น ชุดนักเรียนนั่งเล่นมือถืออยู่ตรงชิงช้า ตอนแรกผมนึกว่าเป็นน้องชายตัวเอง แต่พอมองดีๆ ก็จำได้ว่าเป็นเพื่อนของน้อง ที่เคยนั่งซ้อนจักรยานมากับกาย ตอนวันทำบุญขึ้นบ้านใหม่นั่นเอง
น้องเขาเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ ผมก็เลยยิ้มตอบกลับไปตามมารยาทเพื่อนบ้านที่ดี พอเห็นชัดๆ ก็รู้สึกว่าน้องเขาหน้าตาน่ารักดีเหมือนกัน หน้าตี๋ๆ ผิวพรรณดี ตัวขาวกว่าน้องกายอีก น้องเลยดูโดดเด่นสะดุดตาผมตั้งแต่วันแรกที่เห็น และพอน้องก้มหน้ากลับไปจิ้มมือถือแบบจริงจัง ผมเลยไม่อยากเข้าไปกวนเท่าไหร่ ...
พอมาอีกวันนึง แม่ น้า แล้วก็น้องกายออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน ผมเลยตั้งใจว่าวันนี้จะออกไปวิ่งให้ครบอีกสี่รอบที่เหลือสักที เลยขออยู่บ้านคนเดียว
แต่ดูเหมือนฟ้าจะไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ วิ่งไปได้แค่สองรอบ ฝนก็ตกปรอยๆ ลงมาซะแล้ว ผมเลยวิ่งไปหลบฝนที่ศาลาเล็กๆ ในหมู่บ้านแทน
ที่นั่น...ผมก็เจอน้องแว่นในชุดนักเรียนคนเดิมอีกครั้ง นั่งเล่นมือถืออยู่คนเดียวเหมือนเคย เลยคิดว่าจะลองชวนคุยเล่นๆ ดูสักหน่อย
"น้องเป็นเพื่อนกับไอกายใช่มั้ย? พี่ขอหลบฝนด้วยนะ" ผมลองทักขณะเดินไปนั่งใกล้ๆ ที่ศาลา
"อ๋อ...ใช่ครับ ตามสบายเลยครับ" น้องตอบพลางก้มหน้ากดมือถือต่อ ทำเอาผมเกร็งเล็กๆ เพราะเพิ่งได้คุยกันครั้งแรก
"ไปเรียนพิเศษมาเหรอ? เห็นใส่ชุดนักเรียนทุกวันเลย"
"ครับผม" น้องตอบสุภาพมาก พร้อมขยับแว่นขึ้นแล้วเงยหน้ามายิ้มให้ รอยยิ้มแบบนั้น...โคตรน่ารักเลย จนผมรู้สึกใจละลาย หน้าใสๆ น่ารักแบบพอดีเป๊ะ
"อ้าว เพิ่งสังเกต...น้องเรียนโรงเรียนเดียวกับพี่เลยนะ" ผมมองที่ตราโรงเรียนบนเสื้อน้อง
"เหรอครับ?" น้องเงยหน้ามามองแบบแปลกใจ
"จริงๆ พี่เพิ่งสอบติดเอง กำลังจะขึ้น ม.4 ปีนี้แหละ"
"พี่เลยมาวิ่งแก้บนเหรอ?" น้องถามต่อทันทีแบบรู้ทัน ดูฉลาดกว่าที่คิดอีก
"เออ ใช่เลย รู้ทันนะเรา 55" ผมหัวเราะเบาๆ เริ่มถูกชะตากับเด็กคนนี้แล้ว
"แล้วน้องอยู่ ม. อะไรอ่ะ?"
"ม.1 ครับ..." น้องยิ้มตอบ ก่อนจะก้มลงไปไถมือถืออีกรอบ
"อ่อ ก็เด็กใหม่เหมือนพี่เลยนะ"
"ครับผม..." น้องตอบเรียบๆ ไม่สบตา ดูขี้อายชะมัด ยิ่งทำให้ดูน่าเอ็นดูเข้าไปอีก
ผมลังเลนิดนึง ก่อนจะลองถามต่อ
"น้องชื่ออะไรเหรอ? พี่ชื่อมิกนะ"
น้องเงยหน้ามามองผมอีกครั้ง ยิ้มเล็กๆ แล้วพยักหน้า...แต่ไม่ตอบอะไร
เหมือนมีกำแพงบางอย่างกั้นเอาไว้ ทำเอาผมเริ่มคิดมากว่า... หรือน้องเขาจะคิดว่าผมเข้ามาตีสนิทไวไปเพราะมีจุดประสงค์อื่นไม่ดี เลยไม่อยากตอบผม...
สุดท้ายเราสองคนเลยต่างคนต่างนั่งเงียบ รอให้ฝนหยุด จะได้แยกย้ายกันกลับ ผมได้แต่คิดว่า...วันหลังค่อยหาจังหวะคุยใหม่ละกันน่าจะดีกว่านี้มั้ง ...
ฝนเริ่มซา เม็ดเล็กลงจนกลายเป็นแค่ละอองโปรยเบาๆ มองฟ้าก็เริ่มมืดแล้วด้วย ผมเลยว่าจะบอกน้องก่อนแยกย้ายกลับบ้าน
"งั้นเดี๋ยวพี่กลับก่อนนะ"
"ครับ...กลับแล้วเหรอครับ?" น้องถามเสียงเบา หน้าดูเหงาๆ เหมือนยังไม่อยากให้ผมไป
"ใช่ครับ แล้วน้องยังไม่กลับบ้านเหรอ? มืดแล้ว เดี๋ยวยุงกัดเอานะ"
"ยังไม่อยากกลับเท่าไหร่ครับ...กลับไปก็ไม่มีใครอยู่ด้วย" น้องแว่นพูดพลางก้มหน้ากดมือถือต่อ เสียงเศร้าๆ จนผมรู้สึกใจหวิว
"อ่อ...พ่อแม่ยังไม่กลับเหรอ" ผมหยุดคิดนิดนึง แล้วอยู่ดีๆ ก็ลองชวนไปตรงๆ ดูเลย "งั้นไปรอบ้านพี่ก่อนมั้ย?"
"ไปได้เหรอครับ?" น้องเงยหน้าถามทันที สีหน้าเหมือนสนใจขึ้นมา ทำเอาผมเริ่มใจชื้น
"ได้สิ ตอนนี้พี่อยู่บ้านคนเดียวด้วย ไปนั่งเล่นรอไอ้กายก็ได้นะ เดี๋ยวมันก็คงใกล้กลับละ"
"งั้น...ไปก็ได้ครับ" น้องแว่นตอบพร้อมยิ้มนิดๆ ดูดีใจแบบเก็บอาการ ทำเอาผมยิ้มตามไปด้วย ไม่คิดเหมือนกันว่าน้องจะตอบตกลงง่ายขนาดนี้ ...
เราสองคนเดินลุยฝนเบาๆ กลับมาที่บ้านผม ตอนจะก้าวเข้าประตูบ้าน เห็นน้องเหมือนลังเลอยู่นิดๆ คล้ายยังกล้าๆ กลัวๆ
"เข้าไปได้จริงเหรอครับ?" น้องถามแบบไม่มั่นใจ
"ได้สิ เข้ามาเลยน้อง ไม่ต้องเกรงใจ" ผมยิ้มให้ ก่อนน้องจะยิ้มกลับเล็กๆ แล้วถอดรองเท้าเดินตามเข้ามา
พอเข้าบ้าน น้องก็นั่งลงที่โซฟาห้องนั่งเล่น แล้วกดมือถือเล่นต่อเหมือนไม่ค่อยกล้าสบตาผมเท่าไหร่
"น้องอยู่หมู่บ้านนี้มานานแล้วเหรอ?" ผมชวนคุยต่อกลัวน้องจะเกร็ง
"ก็...ตั้งแต่เด็กแล้วนะครับ พี่เพิ่งมาอยู่เหรอ?" น้องเงยหน้าขึ้นถาม พลางขยับแว่นเล็กน้อย
"ใช่ พี่เพิ่งย้ายมาไม่ถึงเดือนเลยนะ ถ้าน้องเหงาก็มาเล่นกับไอกายที่บ้านนี้ได้เลยนะ ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว" ผมพูดพลางนั่งเอนตัวลงชิลๆ บนโซฟา แกล้งนั่งอ้าขาเบาๆ หันไปทางน้อง ลองดูปฏิกิริยาสักหน่อย
"ครับผม... ขอบคุณนะครับ" น้องตอบแบบเขินๆ จนแก้มแดงจางๆ ชำเลืองตามามองตรงเป้าผมแว๊บหนึ่งแล้วรีบหลบตาเร็วจี๋ ยิ่งทำผมมีอารมณ์ขึ้นมานิดๆ
"เดี๋ยวน้องนั่งเล่นรอแป๊บนะ พี่ขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน" ผมลุกขึ้นถอดเสื้อเหงื่อโชกพาดบ่าไว้ โชว์หุ่นไม่อายสายตาเด็กที่เพิ่งเจอกันในหมู่บ้าน
ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด... น้องมองตามแบบไม่กระพริบตา พอเห็นผมหันไปสบตาก็รีบก้มหน้าทำเป็นกดมือถือต่อทันที โคตรน่ารักน่าเอ็นดูสุดๆ "ด...ได้ครับ" เสียงตอบแบบอ้อมแอ้มยิ่งยืนยันว่าน้องคงจะเขินจริงแหละ
"มีอะไรเรียกพี่ได้นะ" ผมทิ้งท้ายแล้วเดินขึ้นไปเปลี่ยนกางเกง นุ่งผ้าขนหนูลงมาพร้อมกับเตรียมอาบน้ำที่ห้องน้ำชั้นล่าง
เดินผ่านน้องอีกครั้งก็เห็นสายตาแอบเหล่มานิดๆ ทำเอาผมเริ่มมั่นใจเบาๆ... ว่าน้องก็คงแอบสนใจผู้ชายอยู่บ้างแหละมั้ง เลยเริ่มคิดแผนการแปลกๆ เพิ่มขึ้นอีกหน่อย
"น้องมาล้างตัวด้วยกันมั้ย? ตากฝนมาเดี๋ยวไม่สบายเอานะ" ไหนๆ มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมเลยลองชวนตรงๆ ละกัน เผื่อว่าน้องจะยอม
"เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมรอกลับไปล้างที่บ้านดีกว่า" น้องตอบแบบเขินๆ ผมก็เลยไม่เซ้าซี้อะไรต่อ คงถามแรงเกินไปจริงๆ เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานเอง
ผมฝืนยิ้มกลบเกลื่อนก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ เปิดฝักบัวปล่อยให้น้ำไหลผ่านตัว พอได้สติ ก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา... ว่าดันไปแกล้งอ่อยน้องแบบนั้น ทั้งที่เขาไว้ใจผมถึงขนาดยอมมานั่งรอที่บ้านคนเดียว ถ้าเผลอทำอะไรเกินเลยจนเขาเสียใจขึ้นมา คงเป็นเรื่องที่ผมไม่มีวันให้อภัยตัวเองได้เลย... ...
ขณะที่ผมกำลังถูสบู่ทั่วตัวอยู่นั้น จู่ๆ ฟ้าก็ร้องเปรี้ยงลงมาเสียงดังลั่น แล้วไฟในห้องน้ำก็ดับพรึ่บ มืดสนิทจนผมตกใจ
"น้องๆ ยังอยู่มั้ย? ส่องไฟให้พี่หน่อย!" ผมตะโกนเรียกน้องแว่นเพื่อนน้องกาย พร้อมพยายามควานหาผ้าเช็ดตัวมานุ่ง ก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องน้ำมาหยิบมือถือที่วางไว้หน้าประตู เพื่อเปิดแฟลชส่องไปทั่วห้องนั่งเล่น
"น้องอยู่ไหนอ่ะ... กลับแล้วเหรอ?" ผมพึมพำแบบงงๆ มองหาน้องแต่เหมือนน้องหายไปแล้ว หรือคงกลัวฟ้าร้องจนหนีกลับบ้านไปก่อนละ
"ตึกๆๆ..." เสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก
"พี่มิก! อยู่ในบ้านมั้ย? เปิดประตูให้หน่อย ฝนตกหนักมาก!" เสียงน้องกายตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน
"อ้าว กาย? แม่? กลับมากันแล้วเหรอ?" ผมรีบเปิดประตู ก็เห็นแม่ กาย แล้วก็น้ากิ่งวิ่งหลบฝนเข้าบ้านกันยกชุด ฝนกลับมาตกหนักจนเหมือนพายุลง บ้านผมก็ยังไม่มีหลังคาโรงรถ เลยเปียกกันหมดยกมือหิ้วของพะรุงพะรัง
"ทำไมไม่เปิดไฟอ่ะลูก อยู่มืดๆ ทำไมเนี่ย?" แม่วางของลงแล้วถามขึ้น
"ไฟน่าจะดับอะแม่ เมื่อกี้ตอนอาบน้ำยังติดอยู่เลย"
"โอย ตายละ งี้ของสดที่ซื้อมาจะเสียมั้ยเนี่ย?" เสียงน้ากิ่งบ่นทันที
"เหมือนไฟดับแค่บ้านเราเลยอะแม่ บ้านข้างๆ ยังเห็นเปิดไฟอยู่เลย..." กายพูดเสียงเบาๆ ฟังแล้วรู้เลยว่าน้องเริ่มกลัว เพราะเจ้าตัวขี้กลัวเรื่องความมืดอยู่แล้ว
"ใจเย็นๆ เดี๋ยวชั้นโทรตามช่างให้" แม่พูดกับน้ากิ่ง พร้อมรีบกดมือถือโทรหาช่างไฟ
บรรยากาศในบ้านตอนนั้นโคตรวุ่น ฝนก็ตก ฟ้าก็ร้อง ไฟก็ดับ พัดลมแอร์อะไรก็ใช้ไม่ได้ ผมเลยหยิบกางเกงขาสั้นมาใส่ลวกๆ แล้วเดินตัวเปียกๆ ไร้เสื้อไปมาอยู่ในบ้าน เช็ดตัวต่อทั้งที่มืดๆ ให้ตัวแห้งก่อน ...
"พี่มิก... ก่อนเปิดประตูให้กาย เหมือนกายได้ยินพี่เรียกใครอยู่เหรอ?" จู่ๆ น้องกายก็ถามขึ้นมาทำเอาผมสะดุด นึกขึ้นได้ทันที
"เอ้อ... เมื่อกี้พี่พาเพื่อนกายเข้ามาหลบฝนด้วยแหละ แต่คงกลับไปแล้วมั้ง"
"หะ? เพื่อนไหนอ่ะพี่?" เสียงน้องเต็มไปด้วยความสงสัย ถึงแม้ผมจะมองหน้าเขาไม่ชัดในความมืด แต่ก็พอจับได้ว่าสีหน้าเริ่มเปลี่ยน
"ก็เพื่อนที่ซ้อนจักรยานกายวันทำบุญบ้านไง ตัวเล็กๆ ที่ใส่แว่น ใส่ชุดนักเรียนอ่ะ"
"พี่พูดถึงใครเนี่ย... กายไม่เคยมีเพื่อนใส่แว่นและซ้อนจักรยานเลยนะ" น้ำเสียงน้องเริ่มสั่น คล้ายจะกลั้นน้ำตาไว้
"แต่พี่เห็นจริงๆ นะกาย วันนี้เจอเขาที่ศาลาหมู่บ้าน พี่ก็เลยชวนเข้ามาหลบฝนในบ้านเราก่อน..."
"ใช่เวลามาพูดเล่นเหรอพี่มิก! กายไม่มีเพื่อนแบบนั้นสักคน!" น้ำเสียงน้องเริ่มดังขึ้น เหมือนจะทั้งโกรธทั้งกลัว
"พี่ไม่ได้พูดเล่นเลยนะกาย... พี่เห็นจริงๆ..."
"เอ็งจะไปหลอกน้องทำไมล่ะ? ก็รู้อยู่น้องมันขวัญอ่อน" แม่พูดแทรกขึ้น ทำเอาผมเริ่มรู้สึกไม่โอเค
"ผมไม่ได้... ผมจะทำแบบนั้นไปทำไมล่ะ...เห้ออ..." ผมถอนหายใจยาว รู้สึกไม่อยากพูดอะไรต่อแล้ว "...งั้นช่างเถอะ ไม่ต้องคุยเรื่องนี้ก็ได้"
"คืนนี้กายขอนอนกับแม่นะ..." น้องพูดก่อนเดินเลี่ยงไปอีกฝั่งของบ้าน
สุดท้ายคืนนั้น เราก็แยกกันนอนคนละห้อง ผมขอเก็บตัวเงียบๆ อยู่ในห้องเดิมคนเดียว ลองนั่งคิดทบทวนกับตัวเอง... หรือสิ่งที่ผมเจอ มันเป็นแค่ภาพในหัวที่คิดไปเองจริงๆ อย่างที่กายบอก?.
แต่.. มันดูเหมือนจริงเกินไป ยังจำความรู้สึกตอนคุยกับน้องคนนั้นได้อยู่เลย เด็กที่ใส่แว่น พูดจาสุภาพ หน้าตาน่ารักแบบนั้น... ไม่เคยเห็นหน้าน้องที่ไหนมาก่อนเลย ไม่น่าจะเป็นแค่ในจินตนาการได้หรอก ...
คืนนั้นผมแทบนอนไม่หลับ ไฟยังคงดับ พัดลมก็ไม่ติด ห้องก็ร้อนอบอ้าวจนเหงื่อไหลเต็มตัว นอนพลิกไปพลิกมาจนเริ่มรำคาญตัวเอง
แต่ไม่นานนักอยู่ๆ ไฟในห้องที่เปิดทิ้งไว้ก็กระพริบกลับมาติดขึ้นเองแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย พัดลมก็เริ่มหมุนกลับมาทำงานเหมือนปกติ
ทันใดนั้น ผมได้ยินเสียงเหมือนเด็กร้องไห้อยู่หน้าห้อง...
"ฮือๆๆๆ....ซิกๆๆ..."
“กาย... ยังไม่นอนเหรอ?” ผมเรียกน้องแล้วเปิดประตูห้องออกไปดู
พอเปิดไฟจากมือถือส่อง ก็เห็นเงาเหมือนใครบางคนนั่งกอดเข่าพิงกำแพงตรงทางเดินบ้าน
ตอนแรกนึกว่าเป็นน้องกาย... แต่พอส่องใกล้ๆ กลับเห็นว่าเป็นน้องผู้ชายใส่แว่น ชุดนักเรียนคนเดิม
“อ้าว...น้อง เข้ามาได้ไงเนี่ย?” ผมถามด้วยความงงสุดขีด ยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าประตูบ้านล็อกไว้หรือเปล่า
“พี่ครับ… ฮือๆ ผม... ผมขออยู่บ้านนี้ได้มั้ยครับ...” เสียงสะอื้นของน้องฟังดูสั่นเครือ เหมือนมีอะไรบางอย่างเจ็บลึกจากข้างใน... หรือน้องจะหนีอะไรบางอย่างมา?
“ใจเย็นๆ ก่อน เป็นอะไรหรือเปล่าน้อง?” ผมค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งข้างๆ พยายามพูดปลอบใจทั้งที่ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม
“ผมอยากอยู่กับพี่... ได้มั้ยครับ?” น้องเงยหน้ามองผม น้ำตาคลอจนขอบตาเริ่มแดง แล้วค่อยๆ เอามือดันแว่นขึ้น
“ได้สิ... ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็บอกพี่ได้เลยนะ” ผมตอบไปโดยไม่ทันคิด เพราะแค่อยากให้น้องสบายใจขึ้น
“ขอบคุณนะพี่ ที่ให้ผมอยู่ด้วย...” น้องยิ้มออกมาเบาๆ ทำผมยิ้มตามไปด้วย รู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย... อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าผมไม่ได้จินตนาการไปเอง
ผมเอามือโอบไหล่น้องเบาๆ เพื่อปลอบ... แต่ทันทีที่มือลงไปสัมผัสตัวน้อง... เหมือนมีไฟช็อตแรงๆ วูบเข้าที่มือ แล้วภาพทุกอย่างก็ดับวูบไป ...
ผมสะดุ้งตื่นอีกที นอนอยู่บนเตียงในห้องตัวเอง ร่างกายยังชุ่มเหงื่ออยู่เหมือนเดิม ไฟในห้องกลับมากระพริบติดอีกครั้ง รวมทั้งพัดลมก็เปิดขึ้นเอง
ได้แต่นอนนิ่งให้หายมึนหัวอยู่สักพัก พยายามตั้งสติว่า... เมื่อกี๊มันแค่ฝันไป? หรือมันเกิดขึ้นจริงกันแน่?
เลยตัดสินใจลุกจากเตียง เปิดประตูห้องออกไปดู แล้วก็ต้องผงะอีกครั้ง น้องแว่นคนนั้น... ยังนั่งอยู่ที่เดิม ตรงกำแพงทางเดินหน้าห้องเหมือนเมื่อกี๊นี้เลย
“พี่ครับ… ฮือๆ ผม... ผมขออยู่บ้านนี้ได้มั้ยครับ...” น้องพูดน้ำเสียงเดิม คำพูดเดิมทุกอย่าง
“ทำไมน้องถึงถามแบบเดิมซ้ำๆ ล่ะ?” ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ จนใจเต้นแรง เดินเข้าไปดูใกล้ๆ หน้าตาและท่าทางทุกอย่าง... ก็ดูปกติเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป
“ผมอยากอยู่กับพี่... ได้มั้ยครับ?” น้องเงยหน้ามองผม น้ำตายังไหลอยู่เหมือนเดิม
“ได้สิ... แต่... น้องเป็นใครกันแน่ แล้วเข้ามาในบ้านพี่ได้ยังไง?” ผมถามเสียงเบา ก่อนจะลองเอื้อมมือไปเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มน้องอีกครั้ง
...และเหมือนเดิม ทันทีที่ปลายนิ้วผมสัมผัสกับแก้มน้อง... รู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตวูบหนึ่ง แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป
...
ผมตื่นขึ้นอีกครั้ง บนเตียงเดิม พัดลมค่อยๆ หมุน ไฟในห้องกระพริบค่อยๆ กลับมาติดเหมือนเดิมเป๊ะ แต่ความรู้สึกในหัวกลับมึนหนักยิ่งกว่าเดิมอีก
"ฮือๆๆ... ซิกๆ..." มีเสียงร้องไห้เบาๆ ยังดังอยู่หน้าห้องเหมือนเดิม ผมแค่หลับตาฟังเฉยๆ ไม่ได้เดินออกไปดูแล้วรอบนี้ จนเสียงนั้นค่อยๆ จางหายไป
“ก๊อกๆๆ...” แต่ยังไม่ทันได้ตั้งสติดี ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ จากหน้าห้อง ทำเอาผมสะดุ้งอีกครั้ง
ผมตัดสินใจลุกไปเปิดประตูเพื่อดูให้รู้เรื่องไปเลย แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อเปิดออกมาเห็นน้องกายในชุดนอนยังคงใส่แว่น ยืนร้องไห้อยู่หน้าห้อง
“อ้าวกาย... เป็นไรเนี่ย? ร้องไห้ทำไม?” ผมยื่นหน้าไปใกล้ๆ ในใจยังสับสนว่ากำลังฝันอยู่หรือเปล่า แต่ยังไม่กล้าแตะตัวน้อง กลัวจะโดนช็อตเหมือนครั้งก่อน
“ผมฝันร้ายอ่ะครับ... ขอนอนด้วยได้มั้ยครับ...” น้องเงยหน้าถามเสียงสั่น น้ำตายังอาบแก้มไม่หยุด
“ได้สิ... งั้นเข้ามาก่อน”
น้องกายเดินตามผมเข้ามานอนบนเตียงด้วยกัน โถมกอดผมไว้แน่น ทำเอาผมโล่งใจไปเปราะหนึ่งว่าคราวนี้คงไม่ใช่ฝันอีกแล้ว เพราะไม่มีอาการโดนไฟช็อตแล้วตื่นขึ้นเหมือนคราวก่อน
“ไม่เป็นไรนะกาย... พี่อยู่นี่แล้ว” ผมลูบหัวน้องเบาๆ เพื่อปลอบใจ จนร่างเล็กๆ ที่สั่นเทาเริ่มผ่อนคลายลงช้าๆ
แต่จู่ๆ น้องกายก็พลิกตัวขึ้นมานอนคว่ำทับบนตัวผม ดันเป้าแข็งๆ ถูบดกับของผมไปมา พร้อมกอดรัดแน่นจนผมตั้งตัวไม่ทัน
“กาย... ทำอะไรเนี่ย! เป็นอะไรของกาย?” ผมตกใจ พยายามดันตัวน้องออกแต่ก็ไม่เป็นผล น้องกายกดตัวแนบแน่น โยกเอวเสียดสีเป้าผมจนเริ่มรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาทั้งแท่ง
“อื้ออ... ผมขอลองนะครับ... อ่าา... รู้สึกดีมาก...” เสียงน้องครางเบาๆ แบบที่ผมไม่เคยได้ยิน น้ำเสียงกับคำพูดไม่เหมือนน้องกายที่ผมรู้จักเลย
ไม่นานนัก... ผมรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆ ซึมออกจากกางเกง คล้ายกับว่าน้องปลดปล่อยอารมณ์จนเสร็จอยู่ตรงนั้นเลย
“อ้าา... ดีจัง... ขอบคุณนะครับ...” น้องพูดจบก็ซบหัวหลับคาอกผมไปทั้งแบบนั้นเลย พร้อมเสียงลมหายใจหอบเบาๆ เหมือนคนหมดแรง
ผมลองเอามือแตะที่เป้าน้องดู มันเหนียวๆ ชื้นๆ แน่นอนว่าไม่ใช่ฉี่ เลยค่อยๆ พลิกตัวน้องให้นอนหงาย ถอดกางเกงออก ใช้กระดาษเช็ดคราบน้ำความสะอาดรอบจู๋ขาวๆ ของน้องชายผม ที่ตอนนี้หลับสนิทเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ผมหากางเกงตัวใหม่มาเปลี่ยนให้ แล้วขึ้นไปนอนกอดน้องชายตัวเองต่อที่ตัวยังคงสั่นอยู่นิดๆ ประครองไว้เบาๆ อย่างทนุถนอมสุดๆ
คืนนั้นผมนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย... ไม่รู้ทำไมน้องชายผมถึงทำตัวแปลก จะเกี่ยวกับที่ผมฝันประหลาด ถึงน้องแว่นคนนั้นมั้ย?
...ตั้งแต่ผมได้ชวนน้องแว่นเข้ามาในบ้านวันนี้... ...รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป... แบบที่อธิบายไม่ถูก...
...จนผมเริ่มไม่แน่ใจ และเริ่มเชื่อคำพูดน้องกาย ว่าเด็กคนนั้น... จะเป็นแค่เด็กในหมู่บ้านธรรมดา หรือว่า เป็นใครที่คนอื่นมองไม่เห็นกันแน่?... ... . อ่านตอนต่อไป... >>ตอน 2 - สอนเด็กแว่นชักว่าว<<
|