แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Recs เมื่อ 2025-7-6 19:53
“อืมม...อ่าา...กายย...แน่นจังเลย...ซี้ดด…”
“อ่ะ...อ้ะ...อ่าา...แรงๆ หน่อย...เซน...อืมม...”
เสียงครางของเราสองคนดังสลับกันไปมาในเช้าวันสุดท้าย จัดกันอีกรอบแบบไม่มีใครยั้ง เหมือนกลัวจะไม่มีโอกาสได้เอากันแบบนี้อีกนาน
ผมโก่งก้นให้แฟนซอยจากข้างหลังบนเตียง เราทั้งคู่ยังใส่ชุดยูกาตะคาอยู่แบบไม่ได้ถอดออก เซนกระแทกเข้ามาแรงจนชุดผมแทบหลุดรุ่ย เสียงเนื้อกระทบกันดัง “ปั้บๆๆ” สะท้อนไปทั่วห้อง
“โอยย...ซี้ดด...ใกล้แล้ว...จะแตกแล้ว...อ้าาา...” เซนครางเบาๆ พยายามไม่ให้เสียงลอดออกไปนอกห้อง ก่อนจะจับเอวผมแน่นด้วยมือซ้ายและข้างที่ใส่เฝือกประคองไปด้วย กระแทกรัวจนสุดท้ายน้ำว่าวมันพุ่งเข้ามาในตัวผมแบบเต็มๆ รู้สึกอุ่นวาบจากข้างในจนใจเต้นแรง ฟินสุดๆ จนพูดไม่ออกเลย
เราสองคนนอนหมดแรง ตัวแนบกันอยู่บนเตียง หายใจหอบรดหน้าใส่กัน เสื้อคลุมเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนแยกไม่ออกว่าของใคร ความร้อนแรงจากเราสองคนยังไม่ทันจางหายเลยด้วยซ้ำ
"หิวน้ำจัง... ป้อนหน่อยสิ..." เซนหอบเบาๆ พลางทำเสียงอ้อนใส่ผม
"มาดิ... อ้าปาก" ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะขึ้นไปนั่งคร่อมหน้าแฟน ถกยูกาตะขึ้น แล้วควักท่อนเอ็นขนาดเล็กของตัวเองออกมาจ่อเข้าที่ปากของเซนที่อ้ารออยู่แล้วแบบไม่มีลังเล
"อืมม...อ่าา...ปากนุ่มเป็นบ้า...ซี้ดด..." ผมโยกสะโพกเข้าออกช้าๆ แผ่วๆ จนเสียงแผล็บของน้ำลายเซนชุ่มไปทั่วแท่งผม
มือผมค่อยๆ เร่งชักเน้นที่ปลายหัว ขณะที่ลิ้นของเซนรัวใส่อย่างช่ำชอง กระดกลิ้นวนอยู่ที่จุดเสียว ก่อนจะเลื่อนต่ำลงไปเลียไล้ไข่ลูกเล็กๆ สองลูกที่ห้อยแกว่งอยู่อย่างนุ่มนวล ทำเอาผมตัวเกร็ง หายใจแทบไม่ทัน
"อืมมม...อ่าาา... ไม่ไหวแล้ว... จะออกแล้ว... อ้าปากเร็ว..." ผมครางเสียงหลง ข้อมือเร่งจังหวะชักแท่งในมือจ่อปากเซนไว้ ก่อนปล่อยน้ำรักพุ่งเข้าไปในปากของมันแบบไม่ยั้ง
เซนเลียลิ้นกวาดจนเกลี้ยง ดูดกลืนทุกหยดอย่างไม่เหลือ แล้วจูบลงเบาๆ ที่แท่งของผมด้วยแววตาทะนุถนอม เหมือนกำลังบอกว่า... นี่เป็นของมัน
"อืมม... อร่อยว่ะ... อยากกินทุกวันเลย" เซนกระซิบพร้อมยิ้มบางๆ
"ปิดเทอมก็มาหาสิ เดี๋ยวให้กินอีก" ผมยิ้มตอบ ก้มลงไปนอนซบที่อกเซนอย่างหมดแรง
"รอให้กูกินคนเดียวนะกาย เดี๋ยวกูจะกลับไปหาบ่อยๆ" เซนพูดเบาๆ พร้อมกดจมูกหอมลงบนเส้นผมของผม
"อื้มม... จะรอนะ" ผมกระชับกอดมันไว้แน่น สูดดมกลิ่นกายแฟนตัวเองแบบไม่อยากให้หายไปไหน ก่อนที่จะต้องลาจากกันในอีกไม่กี่ชั่วโมง ...
ช่วงบ่ายๆ เซนกับพ่อก็มาส่งผมกับพี่โชที่สนามบิน พี่โชบอกว่าจะกลับไปหาแฟนที่ไทยเลยได้กลับไฟลต์เดียวกับผมพอดี อย่างน้อยก็มีเพื่อนกลับด้วยกัน ไม่งั้นคงได้บินแบบเหงาๆ คนเดียวแน่
ระหว่างรอเข้าเกต ผมกับแฟนก็เดินเล่นหาซื้อขนมญี่ปุ่นแปลกๆ กินกันในร้านสะดวกซื้อ ก่อนผมจะแอบซื้อปากกาเมจิกมาด้วย
"เซน... ขอเขียนเฝือกมึงหน่อยดิ เดี๋ยวตกแต่งให้เท่ๆ" ผมยื่นปากกาไปตรงหน้ามัน
"อืม เอาดิ แล้วจะเขียนไร?" เซนถามเสียงอู้อี้เพราะกำลังเคี้ยวขนมเต็มปาก
"เขียนว่า... งดชักว่าว ดีมั้ย 555"
"สัสเอ๊ย! พ่อกูเห็นฆ่ากูตายแน่ เอาดีๆ ดิเห้ย" เซนทำหน้ามุ่ยใส่ทันที
"ล้อเล่นน่า เอามือมานี่ กูนึกออกละ" ผมจับแขนขวาที่ใส่เฝือกของมันมาวางบนตัก ก่อนจะเขียนอะไรบางอย่างลงไป พร้อมตกแต่งลวดลายให้เล็กน้อย "อ่ะ เสร็จละ"
"คือไรวะ... IX X?" เซนก้มดูข้อความบนเฝือกตัวเอง ทำหน้าสงสัย
"เลขโรมันไงมึง คือ 9 กับ 10 ไนน์กับเท็นที่จะอยู่คู่กันตลอดไป..."
ผมพูดพลางยิ้มบางๆ นึกถึงเรื่องราวที่เคยผ่านมา ตั้งแต่คิดชื่อเล่นโง่ๆ ที่เอาไว้รับงาน จนถึงโชว์ไลฟ์เสียวด้วยกัน สุดท้ายกลายเป็นความรู้สึกชอบมันจริงๆ ซะงั้น
เซนยังนั่งมองข้อความบนเฝือกเงียบๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่จู่ๆ ก็มีน้ำอะไรหยดแหมะลงมาใส่เฝือก ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก
"เห้ย... จะร้องไห้ทำไม กูกลับบ้าน ไม่ได้ตุยนะเว้ย"
"ร้องไห้เหี้ยไร น้ำลายกูต่างหาก กำลังกินขนมอยู่ 555" เซนเงยหน้าขึ้นมาขำพร้อมขนมเต็มปาก ทำเอาผมหัวเราะออกมาเหมือนกัน
ถึงจะเป็นการจากกันจริงๆ แต่ก็ไม่ได้เศร้าแบบตอนแรก อย่างน้อยเราก็ต่างคนต่างเข้มแข็งขึ้น ไม่ร้องไห้กันอีกแล้ว แต่ยังมีช่วงเวลาน่ารักๆ ทิ้งไว้ให้จดจำกันอยู่ดี ...
"ไหวแน่นะป๋า ผมไม่อยู่อาทิตย์นึงอ่ะ?" พี่โชหันไปถามพ่อเซน ก่อนจะเตรียมตัวแยกเข้าเกตรอขึ้นเครื่อง
"เออ ไหวอยู่ เดี๋ยวให้ไอ้เซนมันช่วยงานด้วย ไม่ต้องห่วง เอ็งไปพักให้เต็มที่เหอะ" พ่อเซนตอบด้วยเสียงนุ่มๆ น้ำเสียงใจดีแบบเดิม
"แต่อย่าใช้มันหนักล่ะป๋า แขนก็เดี้ยงอยู่ 555" พี่โชหันไปแซวเซนต่อ ทำเอาเซนมองแรงใส่แบบโคตรตลก
"คอยดูเถอะ กลับมาละพี่โดนเซนแย่งงานแน่" เซนตอบกวนจัดจนพี่โชหลุดหัวเราะ
"อ่ะจ้า ฝึกไว้ให้คล่องๆ เดี๋ยวให้ทำแทนไปเลย 555" พี่โชพูดทิ้งท้ายก่อนจะลากกระเป๋าเดินเข้าเกตไปคนแรก เหลือผมที่กำลังจะเดินแยกกับเซน
ผมหันไปสบตามัน อยากจะพูดอะไรซึ้งๆ ก็คิดไม่ออก ได้แต่ยืนงงๆ แล้วพูดไปแบบเบาๆ
"อืม... แขนหายไวๆ นะมึง..."
"เคๆ เจอกัน ถึงแล้วบอกกูด้วยนะ" เซนยิ้มแป้นตอบกลับมา แต่แววตามันดูออกเลยว่าเศร้าไม่ต่างจากผม
"ได้ๆ ไว้เจอกัน..." ผมยิ้มตอบ ก่อนจะหันไปไหว้พ่อเซน "สวัสดีครับพ่อเซน ขอบคุณนะครับที่ชวนมา ได้เที่ยวสนุกมากเลยครับ"
"อื้ม เดินทางปลอดภัยนะ ไว้ว่างๆ ค่อยมาเที่ยวอีก เดี๋ยวปิดเทอมไว้พาเซนกลับไปไทยบ้าง" พ่อเซนรับไหว้แล้วยิ้มตอบแบบเอ็นดู ทำเอาผมรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาแปลกๆ
"ได้ครับ..." ผมตอบพร้อมพยักหน้านิดๆ แล้วหันไปโบกมือลาเซนเบาๆ
ในใจคิด... พ่อเซนคงไม่รู้หรอก ว่าลูกชายเขากับผม... กำลังคบกันอยู่แบบจริงจัง
เราสองคนยืนโบกมือลากัน ยิ้มให้กันนิ่งๆ ไม่มีคำพูดหวาน แค่สบตากันไปเรื่อยๆ จนบันไดเลื่อนค่อยๆ พาร่างผมห่างออกจากมัน และพาภาพแฟนคนนี้ของผม... ค่อยๆ ลับหายไปจากสายตา ...
"ไม่ต้องเศร้าหรอกน้อง ญี่ปุ่นปิดเทอมบ่อยจะตาย เดี๋ยวก็ได้เจอเซนมันบ่อยแหละ" พี่โชพูดขึ้นหลังจากเห็นผมนั่งเหม่อมองหน้าต่างอยู่พักนึงบนเครื่องบิน
"อ๋อ เปล่าหรอกครับ ไม่ได้เศร้า แค่กำลังคิดอะไรนิดหน่อยน่ะครับ..." ผมยิ้มตอบแบบพยายามกลบเกลื่อนไม่ให้พี่เขาดูออก
"อ่อ โอเค... แล้วนี่ถึงไทยจะมีใครมารับมั้ย หรือให้พี่ไปส่งไหนเปล่า?"
"ผมบอกแม่ไว้ครับ เดี๋ยวแม่มารับ ขอบคุณนะครับพี่" ผมตอบตามมารยาท แล้วก็หันกลับไปมองวิวเมืองญี่ปุ่นนอกหน้าต่างต่อแบบเหม่อๆ จนมันค่อยๆ เลือนหายไปกับกลีบเมฆ
"แล้วน้องกับเซนคบกันนานรึยังอ่ะ?" จู่ๆ พี่โชก็ถามขึ้น ทำเอาผมสะดุ้งนิดหน่อย แต่ก็คิดว่าเขาคงหมายถึงคบแบบเพื่อนแหละ
"ก็ประมาณเดือนนึงครับ เจอกันที่เรียนพิเศษอ่ะพี่" ผมตอบพยายามให้เสียงเป็นปกติ ไม่ให้เขาจับพิรุธได้
"อ๋อ ว่าล่ะ... เห็นดูสนิทกัน แล้วก็ดูห่วงกันมากเลย" พี่โชพูดยิ้มๆ ก่อนจะเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง "จริงๆ แฟนพี่ที่อยู่ไทยก็เป็นผู้ชายแหละ คบกันตั้งแต่สมัยเรียนละ..."
ผมฟังแล้วแอบตกใจเบาๆ เพราะดูไม่ออกเลยว่าพี่เขาจะชอบผู้ชายเหมือนกัน เลยถามเคล็ดลับเขาแบบเนียนๆ
"ดีจังเลยครับ... แล้วพี่ทำยังไงให้คบกันได้นานอ่ะ อยู่ห่างกันตั้งไกล?"
"ก็แล้วแต่คนนะ แต่ของพี่แค่ทำให้เขารู้ว่าถึงจะอยู่ไกล แต่ก็ไม่เคยหายไปไหน" พี่โชพูดไปก็หัวเราะเขินๆ ไปด้วย
"คือยังไงเหรอพี่?" ผมถามต่อแบบสนใจจริงจัง
"ก็โทรคุยกันบ่อยๆ คุยกันหวานๆ แต่ก็ต้องปล่อยให้มีช่วงเวลาที่คิดถึงกันบ้าง ไม่ใช่ทักตลอดจนดูน่ารำคาญ แล้วก็อย่าให้เขารู้สึกว่าเราห่างเกินจนเหมือนพร้อมมีคนใหม่ตลอดเวลา พอเข้าใจใช่ป่ะ?"
"อ๋อ... ก็พอเข้าใจอยู่นะครับ" ผมพยักหน้าเบาๆ คิดตามที่พี่เขาพูด "แล้วพ่อเซนรู้เรื่องแฟนพี่หรือเปล่าครับ?"
"รู้สิ พี่บอกเองเลยแหละ" พี่โชตอบเสียงเรียบแต่แฝงรอยยิ้ม ก่อนจะเล่าต่อ "แรกๆ เขาก็บ่นๆ เหมือนไม่โอเคอยู่พักนึงนะ แต่พอพี่พิสูจน์ให้เห็นว่าพี่ทำงานกับเขาได้ดี ไม่ได้เหลวไหลอะไร เขาก็เริ่มเปิดใจมากขึ้น"
พี่โชหันมายิ้มบางๆ ให้ผม เหมือนอยากให้ผมสบายใจ "ป๋าเขาใจดีกว่าที่น้องคิดเยอะ แค่ต้องใช้เวลานิดหน่อย อย่าเพิ่งกังวลไปเลย"
"ครับพี่... ขอบคุณนะครับ" คำพูดพี่โชทำผมโล่งใจขึ้นได้เยอะเลย เขาคงดูออกหมดแล้วแหละว่าเรื่องผมกับเซนมันไม่ใช่แค่เพื่อนแน่ๆ แต่เขาก็ไม่ได้ตัดสินอะไรผมเลยสักนิด กลับทำให้ผมได้ฉุกคิดต่อด้วยซ้ำ... ว่าจะรับมือกับเรื่องที่รออยู่ข้างหน้าต่อไปยังไงดี...
พอลงเครื่อง ผมก็แยกกับพี่โชตรงโถงผู้โดยสารขาออก แม่มายืนรออยู่ก่อนแล้ว ผมรีบเดินไปหา แล้วก็ยื่นของฝากให้เป็นผ้าเช็ดหน้าลายน่ารักๆ กับขนมญี่ปุ่นเล็กๆ น้อยๆ ...
วันนั้นเรานั่งรถกลับบ้านกันเงียบๆ ผมนั่งซึมอยู่เบาะหลัง เปิดดูรูปที่ถ่ายกับเซนไปเรื่อยๆ... จนเผลอน้ำตาไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว
คืนนั้นพอกลับถึงบ้าน ผมหยิบโทรศัพท์โทรหาเซนทันที กะจะคุยเล่นกันยาวๆ ให้หายคิดถึงซะหน่อย...
"ฮัลโหล กูถึงบ้านแล้วนะ..."
"เออดีละๆ... แต่เสียงมึงแปลกๆ ว่ะ อย่าบอกนะว่ามึงร้องไห้อะ?"
"ก็ใช่ดิ กูคิดถึงแฟนอ่ะ มึงอย่าบอกนะว่าไม่ร้องเลย?"
"ไม่..."
"ไม่ร้อง...?"
"ไม่เหลืออ่ะดิ... ร้องเป็นหมาไปตั้งแต่กลับถึงห้องละ 555"
"555 ไอเหี้ยแฟน รีบกลับไทยมาหากูเร็วๆ"
"เออๆ รอแป๊บ เดี๋ยวบินไปหาเลย... ถกกางเกงรอเลยนะไอกาย"
"555 พ่อมึงอะ อย่ามาให้ความหวังกูดิ"
"555 แต่กูเงี่ยนจริงๆ แล้วว่ะกาย... ชักว่าวกันป้ะ?"
"มึงรีบเหรอวะ เพิ่งวันแรกเองนะ... เออๆ แป๊บ กูเข้าห้องน้ำก่อน 555"
คืนนั้นเลยจบลงด้วยวิดีโอคอลยาวๆ จนแตกไปพร้อมกัน เปลี่ยนจากล่ำลากันด้วยน้ำตา... เป็นลากันด้วยน้ำว่าวแทน ไม่ต้องฝืนไม่ต้องฝึกอะไรอีกแล้ว ความอดทนที่เคยพูดไว้... ไม่มีอะไรมาหยุดความเงี่ยนของเราได้ ... .
“ฮัลโหล~ จิ๋ว ทำอะไรอยู่ค้าบ~” เสียงปลายสายดังขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆ
“เรียนพิเศษกับมินนี่อยู่งับ แล้วจารย์ล่ะทำอะไรอยู่?” ผมตอบกลับพร้อมหาวเบาๆ
“นอนกลิ้งคิดถึงใครบางคนอยู่อ่ะ แล้ว... คุยได้ป่าว?”
“ได้ดิ ตอนนี้พักอยู่... แต่ใครอ่ะที่จารย์คิดถึง? คนที่โรงเรียนรึเปล่า~” ผมแกล้งถามกลับทั้งที่รู้อยู่เต็มอก
“ไม่ใช่เว้ย คนที่ไทยต่างหาก... คนที่ชื่อว่า ‘ฟ้า’ ไง”
“ห้ะ? ฟ้าไหนวะจารย์?”
“จะฟ้าไหนล่ะ ก็คนแปลกๆ ที่ชื่อ สกาย ไงค้าบ~ แปลเป็นไทยก็ ‘ฟ้า’ อ่ะแหละ 555”
ผมฟังแล้วก็ยิ้มเขินทันที แก้มร้อนวูบหน้าแดงแบบไม่รู้ตัว ใจหายหมดคิดว่าหมายถึง 'ฟ้า' ผู้หญิงที่เคยเป็นคนคุยมัน
“แฟนโทรมาหรอกาย? ยิ้มจนแก้มปริเลยนะ” เสียงมินนี่กระซิบข้างๆ พลางหัวเราะคิกคัก
“ใช่ๆ มินนี่บอกว่าคิดถึงอ่ะ ปิดเทอมนี้จารย์จะกลับไทยป่ะ?” ผมยื่นมือถือเปิดลำโพงให้มินนี่คุยแบบไม่ทันได้เตี๊ยมกันไว้ก่อน
“อ้าว สวัสดีจ้าเซน~ คนที่คิดถึงน่ะ น่าจะเป็นคนถามมากกว่านะ ฮิฮิ” มินนี่ตอบกวนๆ อย่างเคย
“555 หวัดดีมินนี่ เรียนเป็นไงมั่งล่ะ?”
“หนักมากจ้า นี่แค่จะขึ้น ม.2 ยังจะตายอยู่ละ แล้วเซนล่ะ อยู่ที่นั่นโอเคมั้ย? ไปอยู่นั่นจะ 10 เดือนละใช่ป่ะ?”
“ใช่ๆ ก็พอได้อยู่นะ ฟังญี่ปุ่นเริ่มรู้เรื่องบ้างละ ฝากดูไอกายด้วย อย่าให้ใครมาเกาะมันเยอะล่ะ 555”
“โอ้ย ไม่ต้องห่วงจ้า เดี๋ยวเราจัดการให้เอง คิคิ” มินนี่ยิ้มแสบก่อนจะยื่นมือถือคืนผม
“สรุปจารย์จะมาวันไหนอะ?” ผมรีบถามซ้ำอีกทันที คิดถึงเพราะไม่ได้เจอกันหลายเดือนแล้ว
“คือ... กำลังบอกเลยว่าเทอมนี้เค้าไปหาไม่ได้อะจิ๋ว ขอโทษนะ...” เสียงแฟนผมเบาลงทันที
“ห้ะ ทำไมอ่ะ?...”
“โรงเรียนเค้ามีให้ไปค่ายช่วงปิดเทอมอะ แต่ปีใหม่เค้าจะไปหาจิ๋วแน่นอนนะ รอได้มั้ย~”
“นานอ่ะ ใครจะรอไหววะจารย์...” ผมทำเสียงงอนเบาๆ
“โธ่~ รอน้า~ เดี๋ยวซื้อของฝากไปให้เยอะๆ เลย”
“เค...ก็ได้...” ผมตอบเสียงแผ่ว รู้สึกเซ็งเบาๆ
“น่ารักที่สุดเลยค้าบ~ ว่าแต่... ตอนนี้เรียนพิเศษที่ไหนอ่า? ไม่ได้เรียนกับพี่พีแล้วเหรอ?”
“เขาไม่ว่างละ ไปเป็นแพทย์ฝึกหัดแล้ว จารย์อยากให้กลับไปเรียนกับพี่พีเหรอ?”
“เปล๊า~ เรียนกับมินนี่ก็ดีละค้าบ~” เสียงเซนหัวเราะเบาๆ “งั้นเค้าไม่กวนละ ตั้งใจเรียนน้า~”
“เคๆ บายย” ผมกดวางสายอย่างเซ็งๆ ถึงจะเพิ่งเจอกันเมื่อปิดเทอมที่แล้ว... แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างอยู่ดี ...
วันนั้นผมแทบไม่มีสมาธิเรียนเลย เอาแต่นั่งเซ็งเหม่อลอยจัดๆ เพ้อไปจนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน
"เอ้อ! สงสัยอะไรนิดหน่อย ขอถามอย่างนึงสิ" มินนี่หันมาถามตอนเดินออกจากสถาบันกวดวิชาด้วยกัน
"หือ? ถามไรเหรอ?" ผมนี่ลุ้นเลยว่าเพื่อนอยากรู้อะไร
"ทำไมกายถึงเรียกเซนว่าจารย์อ่ะ?"
"อ๋อ... ก็ไม่มีไรหรอก ช่วงนึงเราเรียกมันว่า ‘เซนเซย์’ บ่อยๆ ก็เลยกลายเป็น ‘จารย์’ จนติดไปละ 555"
"555 เข้าใจละ คู่นี้ไปไกลเหมือนกันนะ คิคิ" มินนี่หัวเราะพร้อมแซวแบบไม่พัก ทำเอาผมเขินเล็กๆ
"แล้วที่เซนเรียกกายว่า ‘จิ๋ว’ นี่หมายถึง...อะไรจิ๋วนะ?"
"ตัวดิ มินนี่! คิดไรเนี่ยยย?" ผมหันไปแซวกลับ
"ไม่ได้คิดอะไรจริงจริ๊ง~ คิคิ ไปละๆ เจอกันพรุ่งนี้จ้าา" มินนี่พูดจบก็เดินดุ๊กๆ ไปหาแม่ ทำเอาผมแอบขำเบาๆ ว่าเพื่อนติดนิสัยกวนตีนจากใครมาเนี่ย?
ทันใดนั้นก็มีสายเข้าพอดี เป็นแม่โทรมาผมเลยกดรับแบบเหม่อๆ
"ฮัลโหลแม่ เรียนเสร็จละ..."
"แม่มาถึงแล้วนะลูก รถจอดอยู่แถวหน้าทางเข้า เดินมาขึ้นรถเลยลูก" เสียงแม่ตอบมาแบบแปลกๆ เหมือนพยายามปกปิดอะไรไว้
"โอเค เดี๋ยวเดินไป" ผมวางสาย แล้วกวาดตามองหา พอเห็นรถแม่จอดรออยู่ก็เดินตรงไปเพื่อจะขึ้นเบาะหน้าทันที ... ขณะที่ผมกำลังเปิดประตูรถเตรียมจะขึ้นไปนั่ง หางตาก็ดันเหลือบไปเห็นเงาคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลัง ทำเอาผมชะงักไปแปปนึง...
"กายไปนั่งเบาะหลังนะวันนี้ เบาะหน้าแม่ขอใช้วางของก่อน" แม่พูดขึ้นมาพร้อมกับที่ผมเปิดประตูหน้า ผมก้มลงไปดูก็เห็นว่าที่นั่งเต็มไปด้วยของ ทั้งกับข้าว ทั้งผลไม้ จนนั่งไม่ได้อยู่แล้ว
สุดท้ายผมก็ต้องจำใจเปิดขึ้นไปนั่งเบาะหลังกับพี่มิก... พี่ชายจากต่างจังหวัด ที่ไม่ได้เจอและคุยกันมานานเกือบปี...
ผมนั่งนิ่งตัวเกร็ง ไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ ความเงียบในรถมันหนาแน่นจนแทบอึดอัด ต่างคนก็ต่างนิ่ง ไม่มีบทสนทนา ไม่มีแม้แต่คำทักทาย
แอบเหลือบตาดูพี่มิกเงียบๆ ก็เห็นว่าพี่เขาดูสูงขึ้น ผอมลงนิดหน่อย ผมยาวขึ้นเล็กน้อย ใบหน้ายังเหมือนเดิมแต่ดูโตขึ้น ดูดีขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ถ้าจำไม่ผิดตอนนี้พี่เขาน่าจะจบ ม.3 แล้ว กำลังจะเข้าสู่ช่วง ม.ปลาย ...
รถแล่นมาไม่นานแล้วแวะแถวลานจอดรถหน้าตึกแห่งหนึ่ง แม่ก็พูดขึ้นอีกครั้งผ่านกระจกมองหลัง “เดี๋ยวแม่แวะทำธุระธนาคารแป๊บนึงนะลูก รออยู่ในรถกันก่อนนะ”
“กายไปด้วยดิแม่...” ผมรีบหาข้ออ้างทันที อยากหนีความอึดอัดนี้ให้ไวที่สุด
“รออยู่นี่แหละลูก แม่ไปแป๊บเดียว... ชวนพี่เขาคุยหน่อยสิ เขาอุตส่าห์มาเที่ยวหาแหนะ” น้ำเสียงแม่ฟังดูมีแผนในใจ เหมือนตั้งใจจะให้ผมกับพี่มิกได้พูดจากันให้ได้ซะที
“ครับ...” ผมได้แต่ตอบเบาๆ รับความจริงแบบหมดทางเลี่ยง
แม่ลงจากรถ ปิดประตูดังแกร๊ก ทิ้งให้ผมนั่งนิ่งอยู่กับพี่มิกตามลำพัง เบาะหลังจากกว้างกลายเป็นเล็กจนอึดอัดทันที จนผมต้องหยิบมือถือขึ้นมากดมั่วๆ เหมือนหาที่พึ่งสุดท้าย ทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ
"เรียนที่กรุงเทพเป็นไงบ้างอ่ะ?" จู่ๆ พี่มิกก็เปิดบทสนทนาขึ้นหลังจากนั่งเงียบกันอยู่พักใหญ่
ผมลังเลอยู่แป๊บนึงว่าจะตอบดีมั้ย ใจนึงก็ยังเกร็งอยู่ แต่อีกใจก็ไม่อยากให้บรรยากาศมันตึงไปมากกว่านี้ เลยเหลือบไปมองหน้าพี่เขาแว้บนึง ก่อนจะเบือนสายตากลับมาที่หน้าจอมือถือ "ก็ดีครับ..."
"แล้ว... มีเพื่อนใหม่บ้างป่ะที่โรงเรียน?" พี่มิกยังพยายามชวนคุยต่อ เหมือนอยากให้ผมสบายใจขึ้น
"ก็พอมีครับ... แต่ไม่ได้สนิทมาก" ผมตอบแบบสั้นๆ ไม่ได้หันไปมองหน้าเขา ที่จริงก็มีสนิทแหละ... แต่สนิทกับเพื่อนเรียนพิเศษมากกว่า อย่างเซนกับมินนี่
"แล้วกาย... ยังโกรธพี่อยู่หรือเปล่าเหรอ?" คำถามนั้นโผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัว ทำเอาผมนิ่งไปเลย จริงๆ ก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ว่าควรจะหายโกรธดีมั้ย กับสิ่งที่พี่เขาทำไว้ในตอนนั้น
"พี่ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมานะ... พี่ยอมรับว่าพี่ผิดเองแหละ สมควรแล้วแหละที่กายจะโกรธพี่" น้ำเสียงพี่มิกสั่นนิดๆ เหมือนพูดจากใจจริง ทำเอาผมเริ่มรู้สึกจุกในอกแบบไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน
"กายจะโกรธพี่ต่อไปพี่ก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะบอกก่อนอ่ะ"
"เรื่องอะไรเหรอครับ?" ผมหันไปถามเขาเบาๆ ด้วยความสงสัย
"คือ... พี่เพิ่งรู้มาว่าจริงๆ แล้ว... กายกับพี่เป็นพี่น้องกัน และมีพ่อคนเดียวกันอ่ะ" เสียงพี่เขาค่อยๆ เบาลง ตอนพูดจบก็น้ำตาไหลเงียบๆ เหมือนกลั้นไว้มานาน
"เรื่องนั้นผมรู้นานแล้วครับ..." ผมตอบทั้งที่ตายังจ้องอยู่ที่หน้าจอ ไม่กล้าหันไปมอง กลัวว่าแค่เห็นน้ำตาเขาผมจะกลั้นของตัวเองไม่ไหวเหมือนกัน
"จริงเหรอ? รู้ตั้งแต่ตอนไหนอ่ะ?"
"แม่เคยเล่าให้ผมฟัง หลายปีมาแล้วครับ..." พอพูดจบผมก็เริ่มน้ำตาคลอเหมือนกัน ไม่ใช่เพราะเสียใจอะไรขนาดนั้น แค่มัน...ผูกพันกับพี่เขาเกินกว่าจะตัดขาดได้ง่ายๆ
"งั้น... พี่ไม่มีอะไรแล้วล่ะ... พี่ขอโทษจริงๆ นะ"
หลังจากนั้นเราก็นั่งเงียบกันไป ต่างคนต่างพยายามเช็ดน้ำตาแบบเนียนๆ พอแม่กลับมาขึ้นรถก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตลอดทางกลับห้องเช่า ผมก็แค่นั่งเงียบๆ มองข้างทางปล่อยความคิดให้ลอยไปเรื่อยๆ
...หรือบางทีผมควรยกโทษให้เขาดีมั้ยนะ? ที่พี่มิกทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับผมจริงๆ แหละ... แค่ตอนนั้นเราทั้งคู่ก็คงอารมณ์ร้อนกันไปคนละทาง จนทุกอย่างมันเลยเถิดไปหมด...
...ถ้าวันนั้นพี่มิกไม่ช่วยผมไว้ ผมก็คงต้องอยู่กับพ่อเลี้ยงเลวๆ แบบน้าเติ้ลไปตลอดชีวิตแน่... ...
"ฮัลโหลจารย์ ว่างปะ? เค้ามีเรื่องให้ช่วยตัดสินใจหน่อย..." หลังจากวันนั้น ผมก็โทรหาแฟนทันที อยากให้เขาช่วยคิดเรื่องสำคัญในชีวิต
"ว่างๆ จิ๋วมีไรไม่สบายใจเหรอ?"
"จำพี่มิกที่เค้าเคยเล่าให้ฟังได้ปะ?"
"จำได้ดิ พี่ชายจิ๋วที่อยู่ตจว.ใช่มั้ย เขาทำไมอ่ะ?" เสียงเซนเริ่มจริงจังขึ้นมาทันที
"คือ... พี่มิกกับแม่เขากำลังจะขายบ้าน แล้วชวนแม่กับเค้าไปซื้อบ้านอยู่ด้วยกันเลย อยู่ 4 คนอ่ะ จารย์ว่าเค้าควรตกลงดีมั้ย?"
"แล้วแม่จิ๋วว่าไง?"
"แม่บอกให้เค้าตัดสินใจเองเลย ว่าอยากย้ายไปหรืออยู่กันแค่สองคนเหมือนเดิม"
"แล้วจิ๋วโอเคกับพี่มิกแล้วเหรอ... เรื่องคืนนั้นอ่ะ?"
"พี่เขามาขอโทษต่อหน้าแล้วนะ ดูสำนึกผิดจริงๆ คงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นอีกแล้วแหละ... เค้าเลยลังเลว่าจะเอายังไงดี"
"ถ้าจิ๋วรู้สึกโอเค เค้าก็โอเคแหละ แล้วจะย้ายไปอยู่แถวไหนเหรอ?"
"จารย์จำบ้านที่ตอนนั้นแม่เค้าโทรผิดได้ปะ?"
"อ๋อ บ้านหลังที่เจ้าของบอกว่าลูกชายตายอ่ะนะ?"
"ใช่เลย ตอนนี้เขายังขายไม่ได้อ่ะ เลยลดราคามาให้แม่แบบโคตรถูก แต่ก็แอบหลอนอยู่นิดๆ นะ"
"เฮ้ย งี้ก็แปลว่าจะได้อยู่หมู่บ้านเดียวกับเค้าที่ไทยเลยอ่ะดิ! ย้ายเลยจิ๋ว เค้าไปไทยจะได้ไปหาจิ๋วทุกวัน!"
"เหตุผลแค่นี้เลยเหรอจารย์..."
"เออดิ! ผีเผออะไรไม่ต้องไปกลัว คนอยู่ตั้งเยอะ 555"
"จารย์ไม่ได้มาอยู่เองนิ..."
"555 แต่เค้าก็จะไปหาไง คุ้มอยู่นะถ้าไม่แพง"
"...งั้นเค้าตกลงละกัน เดี๋ยวไปบอกแม่เลย"
"เยี่ยมจิ๋ว! ดีแล้วแหละ ไม่ต้องคิดเยอะ" เสียงเซนดูเชียร์แบบสุดๆ “...แต่จิ๋วต้องสัญญานะ ว่าถ้ามีอะไรแปลกๆ หรือรู้สึกไม่ดี ต้องบอกเค้าทันทีเลยนะ”
"ได้ค้าบจารย์~"
สุดท้ายผมก็ตอบตกลงให้แม่ไปบอกกับป้าและพี่มิกเลย เป็นอีกหนึ่งการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของเราสองแม่ลูก ที่ไม่รู้จะเจออะไรบ้างในบ้านหลังใหม่... แต่ก็เหมือนทุกทีแหละ เดี๋ยวก็ค่อยๆ รับมือมันไปทีละเรื่องละกัน ...
ก่อนจะย้ายเข้าอยู่จริง แม่พาผมลงต่างจังหวัดไปช่วยขนของจากบ้านเก่า เจอทั้งพี่มิก ทั้งไอตังค์เพื่อนเก่าสมัยเด็ก ความอึดอัดกับพี่เริ่มคลายลง ส่วนสายตาแปลกๆ ระหว่างเขาสองคน...ก็ดูออกชัดเลยว่ามีอะไรกันแน่ๆ
พอถึงบ้านใหม่ ผมก็เดินสำรวจกับแม่ทันที ทุกห้องดูใหม่สะอาดจนน่าแปลกใจ ทำเอาแม่พี่มิกเผลอหลุดปากสงสัย ทำไมได้มาในราคาถูกขนาดนี้... แม่ผมเลยตอบไปแบบเลี่ยงๆ ว่าได้จากคนรู้จัก ยังไม่กล้าบอกว่า... ลูกเจ้าของเก่าเคยตายในบ้านหลังนี้
แล้วข้อความจากเซนก็เด้งขึ้นมาพอดีเหมือนรู้ว่าถึงแล้ว
จิ๋วเข้าอยู่บ้านใหม่ยัง เป็นไงบ้าง
ขนของเหนื่อยมาก เค้าจะไปนอนพักละ
นอนไวจังอ่ะ อยากคุยต่อ
เพลียนิ แต่วันนี้แม่ขับรถผ่าน บ้านจารย์ด้วยแหละ คิดถึงมาก
คิดถึงเหมือนกันค้าบบบบ รอก่อนนะะะ
รอไม่ไหวแล้วจารย์ มาปิดเทอม นี้เลยไม่ได้จริงเหรอ เค้าเงี่ยน 🥹
หูย งั้นคอลว่าวก่อนมั้ยจิ๋ว
ไม่เอา เบื่อว่าวละ จารย์มาช่วยหน่อยดิ เค้าอุตส่าห์ตั้งใจจะเป็นเด็กดีแล้วนะ
เค้าไปไม่ได้จริงๆ อ่ะ 🥲
🥲 งั้นไปนอนละ งอนนนนน
อย่าเพิ่งงอนน เขาขอโท้ดดดด 🥹
🥹🥲😭ไปละ บายยย
คืนนั้นเลยแกล้งงอนแฟนตัวเองไปเลย ความจริงคือผมคิดถึงมากจนเก็บไม่อยู่ เงี่ยนจนแบบ... มันไม่ไหวแล้วจริงๆ ความรู้สึกมันเหมือนพุ่งขึ้นมาทีเดียวพร้อมความทรงจำเก่าๆ ที่ฝังหัวตอนไปบ้านต่างจังหวัดวันนี้ด้วย
ตอนอาบน้ำเลยจัดการไปน้ำนึงก่อนเลย แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายเงี่ยนเลยสักนิด ยิ่งคิดยิ่งร้อนรุ่ม พี่มิกก็กลับมาอยู่ด้วย... ความไว้ใจมันยังอยู่ แล้วในหัวก็ผุดไอเดียด้านมืดออกมาว่า... หรือจะหาเรื่องระบายกับพี่มิกดีวะ...
ผมรู้ตัวเลยว่าความเงี่ยนมันแซงทุกอย่างไปแล้ว ทั้งที่เคยสัญญากับแฟนว่าจะรอ แต่มันทรมานว่ะจารย์... ขอโทษด้วยที่ผิดสัญญา แต่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ... ...
"พี่มิก อยากนอนห้องเดียวกับกายอีกป่ะ?" ผมถามขณะกำลังเลือกห้องนอนกันอยู่
"ได้เหรอ? อยากสิ" พี่มิกตอบแบบดีใจ
"ได้สิครับ ก็เราเป็นพี่น้องกันหนิ... งั้นเดี๋ยวกายบอกแม่ให้ไปนอนกับแม่พี่ละกัน" ผมตอบด้วยความอยากจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว ร้อนลนจนหน้าแดงไปหมด แม้จะเพิ่งอาบน้ำมา
คืนนั้นเราปูที่นอนกันนอนบนพื้นไปก่อนชั่วคราว เพราะยังไม่ได้ซื้อเตียงกันเลย ถึงพื้นจะแข็งหน่อยแบบพอนอนได้ แต่อย่างอื่นผมก็แข็งมากละด้วย
"พี่มิก... พี่เป็นแฟนกับไอตังค์เหรอ?" ผมเปิดคำถามคาใจที่เห็นสายตาทั้งคู่มองกันที่บ้านเก่า
"ใช่... แต่เพิ่งเลิกกันตอนจะย้ายมานี่แหละ"
"อ่าว... เลิกทำไมอ่ะพี่?"
"ก็ไม่ได้อยากเลิกหรอก แต่พี่ไม่ได้อยู่ใกล้กันแล้วไม่อยากรั้งมันไว้อ่ะ จะได้ให้มันไปเจอคนอื่นที่ดีกว่าพี่"
"อ่อ... คนดีจังเนอะ อิอิ" ผมยิ้มแซวบวกกับดีใจที่เดาถูกจริงด้วย ที่ดูออกเพราะผมก็ผ่านจุดนั้นมาแล้วเหมือนกัน
"แล้วกายอ่ะมีแฟนบ้างเปล่าหนิ?" พี่มิกถามบ้าง ผมคิดไว้ละเขาต้องถามแบบนี้
"ไม่มีหรอกพี่ ผมขี้เกียจมีแฟนอ่ะ" ผมโกหกไปก่อน ถ้าตอบว่ามีตอนนี้กลัวว่าจะอดระบายกับพี่เขาแน่
"โม้เปล่า? หล่อขนาดนี้ไม่มีคนมาจีบบ้างเลยเหรอ?" พี่มิกแซวจนทำเอาผมเขิน แต่พยายามเก็บอาการไว้
"กายเนี่ยนะหล่อ? ออกจะเอ๋อมากกว่า" ผมตอบแก้เขิล เราก็นอนคุยกันต่อเพลินๆ จนเริ่มหายเกร็งกันแล้ว ผมเลยหาจังหวะเข้าเรื่องทันที
"พี่มิก... อยากนอนกอดกันแบบที่บ้านพี่อีกมั้ย?" ผมนอนตะแคงถามพี่มิกที่อยู่ข้างๆ กัน พยายามเอามือปิดเป้าไว้ที่มันตุงอยู่ในกางเกงนอน
"อยากสิ... กอดได้จริงเหรอ?" "ได้สิครับ ก็ผมเป็นน้องพี่หนิ" ผมพูดพร้อมขยับเข้าไปใกล้พี่มิก จนเข้าไปอยู่ผ้าห่มเดียวกัน สัมผัสถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ของพี่ชายที่ผมรักมากๆ คนนึง
เรากอดกันอยู่สักพักจนน้ำตาผมก็ไหลออกมาเอง... รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ผสมกับความรู้สึกผิดที่ตอนเด็กทำตัวงี่เง่ามัวแต่โกรธเขาเป็นปีๆ
"เป็นไรเหรอกาย? กลัวพี่อยู่เหรอ?" พี่มิกถามแบบเสียงอบอุ่น
"ป..เปล่าครับ... กายแค่คิดถึงพี่มากอ่ะครับ..." ผมตอบเสียงสั่น น้ำตายังคงไหลไม่หยุดจนไปโดนแขนพี่เขาที่นอนกอดผมอยู่
"พี่ก็คิดถึงกายมากเหมือนกัน... ไม่ต้องร้องแล้วนะ... พี่อยู่นี่แล้วครับ" พี่มิกลูบหัวผมเบาๆ อย่างนุ่มนวล ก่อนจะเอามือมาเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มให้ผม มองตากันในความมืดใต้แสงไฟสลัวจากนอกหน้าต่างห้อง ทำเอาผมเคลิ้มจนนิ่งแทบหยุดหายใจไปเลยในตอนนั้น
เมื่อจังหวะและบรรยากาศเป็นใจขนาดนี้ ผมเลยรวบรวมความกล้ายื่นหน้าเข้าไปจูบปากพี่เขาแบบไม่พูดอะไรเลย พี่เขาดูสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนตั้งตัวไม่ทัน ผมเลยค่อยๆ ดูดเลียริมฝีปากเขาเบาๆ ให้ผ่อนคลายขึ้น ได้ลิ้มรสชาติจูบที่ไม่ได้สัมผัสมานานมาก รู้สึกดีสุดๆ ไม่รู้ทำไมความอุ่นของลิ้น รสชาติของจูบความรู้สึกทุกอย่างเหมือนกำลังจูบกับเซนอยู่เลย...
"พี่คิดมากหรือเปล่าครับ?... กายขอโทษนะครับ" ผมถอนปากออกจากจูบถามพี่มิกเบาๆ
"ไม่ต้องขอโทษหรอก กายก็รู้หนิว่าพี่ชอบจูบกายมากขนาดไหน..." เขาพูดจบก็ดึงปากผมประกบจูบกันต่ออย่างดูดดื่ม ต่างคนต่างแลกลิ้นกันเหมือนอดอยากกันมานานทั้งคู่ ยิ่งกระตุ้นความอยากผมจนถึงขีดสุด ต่างคนต่างเอื้อมมือลงไปลูบคลำตรงเป้าให้กันจนมันเริ่มแข็งสู้มือกันทั้งคู่
พี่มิกไม่รอช้าจับผมนอนหงาย เลื่อนปากค่อยๆ ลงไปถึงส่วนนั้น ดึงกางเกงนอนผมลงจนท่อนเอ็นที่แข็งเต็มที่เด้งออกมาตั้งชูชันต่อหน้าพี่ชายตัวเอง เห็นเขาจ้องอยู่สักพักเหมือนลังเลนิดหน่อย ทำเอาผมเงี่ยนจนทนไม่ไหว ต้องกดหัวพี่เขาให้ก้มลงอมแท่งของน้องชายขี้เงี่ยนคนนี้ทันที
"อื้มม...อ่าา...พี่อมเสียวเหมือนเดิมเลย...ซี้ดด..." ผมเผลอครางออกมา จนพี่เขาตกใจจุ๊ปากให้ผมเบากลัวแม่กับป้าได้ยิน ก่อนจะก้มดูดให้ผมต่ออย่างทนุถนอม จนผมนอนดิ้นไปมาเพราะมันเสียวแบบสุดๆ
พี่มิกใช้ลิ้นไล่เลียจนถึงไข่ใบเล็กๆ สองใบของผมเหมือนที่แฟนผมชอบทำให้ ก่อนจะเลื่อนลิ้นลงมาสัมผัสรูเล็กๆ ทำเอาก้นผมกระดกตามแบบแทบไม่ติดพื้น
สักพักเขาใช้นิ้วแหย่ไปในรูของผมที่ตอนนี้มันฟิตแน่นมาก เพราะไม่ได้เจอแฟนมานาน ก่อนจะเร่งจังหวะดูดอมแท่งของผมจนทำเอาผมดิ้นแรง เริ่มทนไม่ไหวแล้ว
"จะแตก...จะแตกกแล้วครับ...อื้มม..." ผมกระดกเอวค้างก่อนจะปล่อยน้ำพุ่งเต็มปากพี่ชายของตัวเอง มันออกมาเยอะมากด้วยความอัดอั้น ขนาดเพิ่งชักไปแล้วหนึ่งรอบในห้องน้ำเมื่อกี้ก่อนมานอน
พี่มิกเห็นผมนอนเหนื่อยหอบทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ เลยมาถเสื้อออกให้ผม เพราะห้องนอนร้อนจัดยังไม่ได้ติดแอร์เลย มีแต่พัดลมตั้งโต๊ะตัวเล็กเปิดไว้อยู่
ความร้อนในห้องยิ่งทำให้ผมเงี่ยนต่อไป ไม่รู้ทำไมยังไม่หายอยากสักที เลยถามพี่มิกไปตรงๆ
"พี่ไม่แตกด้วยเหรอครับ?"
"ยังอ่ะ... พี่ไม่กล้าทำแบบนั้นกับกายแล้วอ่ะ ยังรู้สึกผิดอยู่เลย"
"กายไม่เป็นไรหรอก พี่อยากทำก็ทำครับ..."
"จะดีเหรอ? แล้วกายยังไม่หายอยากเหรอ?" พี่มิกถามแบบแปลกใจ คงเดาไม่ออกว่าที่ผ่านมาผมกลายมาเป็นเด็กขี้เงี่ยนแบบนี้ได้ยังไง
"ครับ... กายอยากให้พี่มีความสุขด้วยอ่ะ"
"แค่นี้พี่ก็มีความสุขมากแล้วนะ..."
"งั้นเอางี้... พี่นอนเฉยๆ นะเดี๋ยวกายช่วยเอง" ผมไม่รอช้าจับพี่เขาถอดเสื้อและกางเกงนอนออกจนหมด ก่อนจะไปนั่งตรงหว่างขาพี่เขา ก้มเอาปากครอบดูดอมของพี่ชายตัวเองอย่างชำนาญ จนพี่เขาทนไม่ไหวนอนดิ้นไปมาเหมือนกัน
ผมหยุดอมเอาปากออก ก่อนจะขึ้นไปนั่งจับเอาท่อนเอ็นเปียกๆ จับยัดเข้าจ่อรูตัวเองทันที
"กายแน่ใจนะ?" พี่มิกถามผมเบาๆ แบบลังเล
"แน่ใจครับ พี่ไม่ต้องคิดมากนะ ปล่อยไปตามอารมณ์เลยครับ..." ผมพูดจบก็กดตัวเองลง จนแท่งแข็งๆ ประมาณเกือบ 6 นิ้ว ยัดเข้ามาในตัวผมได้เกือบสุดลำ ค่อยๆ โยกขย่มตัวขึ้นลงให้พี่ชายตัวเอง จนพี่เขาทนไม่ไหวจับแขนผมไว้แน่น ก่อนจะกระดกเอวกระแทกตูดผมรับจังหวะไปด้วยเบาๆ
"อืมม...ซี้ดด...อ่าา..." ผมเริ่มครางเบาๆ เพราะมันเสียวจนทนไม่ไหว ตอนนี้ผมไม่รู้สึกกลัวหรือเจ็บแบบที่พี่มิกเคยทำ ไม่รู้ทำไมผมกลับยิ่งเงี่ยนด้วยซ้ำเมื่อนึกถึงเรื่องที่พี่เขาเอากับผมในคืนนั้น หรือจริงๆ แล้วผมจะชอบอะไรแบบนี้ มันรู้สึกดีสุดๆ ที่ได้ปลดปล่อยตัวตนออกมา อัดอั้นจากที่ไม่ได้ทำแบบนี้มานานตั้งแต่ทำกับแฟนตัวเอง พอนึกถึงเซนแล้วจินตนาการว่าตอนนี้กำลังเอากับมันอยู่ แล้วยิ่งทำเอาผมได้อารมณ์แบบสุดๆ จนขย่มตัวเขาไวขึ้น
พี่มิกเปลี่ยนมาจับเอวผมไว้แน่นแทน เริ่มกระแทกไวและแรงขึ้น จนควยเล็กๆ ของผมที่ห้อยอยู่เด้งกระดกหัวขึ้นลงไปมาตามแรงโยก เหงื่อผุดออกมาเป็นเม็ดๆ เต็มตัวเราทั้งคู่ อารมณ์เหมือนตอนนี้เราสองพี่น้องกำลังจะรวมร่างกลายเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว "จะแตกแล้วว...อ่าา...พี่จะแตกแล้วว...ซี้ดดด..." เขาครางเบาๆ ก่อนจะกระแทกเต็มแรงพร้อมพ่นน้ำอุ่นๆ เข้ามาเต็มข้างในตัวผมจนมันทะลักไหลกระฉอกออกมา ทำเอาผมโคตรฟินแต่โคตรหมดแรง นอนซบตัวลงไปบนอกของพี่ชายผม ทั้งๆ ที่ของพี่เขายังเสียบคารูผมอยู่
"พี่รักกายนะ... พี่ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมานะกาย..." พี่มิกกระซิบบอกผมเบาๆ
"กายก็รักพี่นะครับ กายไม่โกรธพี่แล้วครับ..." ผมพูดจบเงยหน้าไปดูดปากเขาต่อแบบนุ่มนวล จนรู้สึกได้ว่าควยที่คาอยู่ในตัวผมมันค่อยๆ แข็งอีกครั้ง
เรานอนดูดปากกันแบบเคลิ้มๆ อยู่สักพักแต่เหมือนพี่มิกเขาเอามือไปรูดกลางลำของตัวเองเล่นเบาๆ ไปด้วย ที่ยังจ่อคาอยู่ครึ่งลำ ก่อนจะรู้สึกเหมือนจะมีน้ำอีกชุดพ่นเข้ามาในตัวผมรอบสอง คงจูบผมแล้วชอบทำเอาพี่เขาแตกไปสองน้ำแบบติดๆ จนพี่มิกที่เพลียมาทั้งวัน นอนหลับหมดแรงไปทั้งแบบนั้นเลย
ผมได้แต่นอนมองหน้าพี่ชายตัวเองตอนหลับ และนอนคิดเล่นๆ ในใจเกี่ยวกับเรื่องคืนนี้... แปลกใจตัวเองทำไมถึงไม่รู้สึกผิดเลย เรื่องที่ผิดสัญญากับแฟนว่าจะไม่เอากับคนอื่น กลับรู้สึกดีมากเวลาทำอะไรตื่นเต้นผิดศีลธรรมแบบนี้ หรือผมจะติดใจอะไรแบบนี้ไปแล้วจริงๆ?
คิดไปไกลถึงขั้นว่าอยากลองพาแฟนผมมาแจมกับพี่ชายตัวเองดูสักครั้ง... ถ้าได้ลองแบบนี้กับคนที่ผมรักพร้อมกันคงจะเสียวและรู้สึกดีมากแน่ๆ ต้องหาวิธีทำให้แฟนผมยอมลองให้ได้เลยถ้ามันกลับมาไทยรอบนี้...
ส่วนเรื่องเซนคงต้องปกปิดกับพี่มิกไปก่อนแหละ... ถ้าผมพร้อมเมื่อไหร่คงต้องเล่าให้พี่เขาฟังจริงๆ... ถือเป็นความลับที่ผมยังไม่เคยเล่าให้ใครได้รู้... ทั้งเรื่องรับงาน เรื่องไลฟ์สด หรือเรื่องได้แฟน... กลายเป็นความลับของผมในคอร์ส ม.ต้น ที่ผ่านมา... ... . .
|