| 
ต้นกำเนิดบัตร ATM บัตรถอนเงินฝากเงินกับเครื่องอัตโนมัติ ต้นกำเนิดบัตรเอทีเอ็มใบแรก บัตรถอนเงินฝากเงินกับเครื่องอัตโนมัติ บัตร ATM อีกชื่อ บัตรถอนเงินและฝากเงินกับเครื่องอัตโนมัติ เกิดขึ้นมาหลังจากการคิดเครื่อง ATM ( Automatic Teller Machine ) เมื่อปี ค.ศ. 1967 โดย Scot John Shepherd-Barron และใช้เป็นครั้งแรกโดยธนาคาร Barclays เพื่อความสะดวกในการถอนเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องทำธุรกรรมผ่านพนักงานธนาคารหน้าเคาน์เตอร์ โดยระยะแรก ผู้ที่ต้องการใช้ บัตรเอทีเอ็มใบแรก จะต้องใส่บัตรแทนเงินสดมูลค่าใบละ 10 ปอนด์กับเครื่องเพื่อแลกกับธนบัตรใบละ 10 ปอนด์ ก่อนจะเริ่มต้นการพัฒนาบัตรพลาสติกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1968 แต่มักมีปัญหาเครื่องกินบัตรและต้องซื้อใหม่ จากนั้นในช่วงปี ค.ศ. 1968 – 1972 จึงมีการแข่งขันในการพัฒนาเทคโนโลยี ATM ที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน  ต้นกำเนิดบัตรเอทีเอ็มใบแรก บัตรถอนเงินฝากเงินกับเครื่องอัตโนมัติ  
- 2 กันยายน ค.ศ. 1969 บัตร ATM ที่มีแถบแม่เหล็กด้านหลังบัตรจึงถือกำเนิดขึ้น โดยธนาคาร Chemical ที่นิวยอร์ก
 - ค.ศ. 1971 เครื่องจึงสามารถ ฝากเงินและโอนเงินระหว่างบัญชี ได้นอกเหนือจากการถอนเงินเพียงอย่างเดียว 
 - บัตร ATM มีขนาดมาตรฐานที่ 85.60 × 53.98 มิลลิเมตร (3.370 × 2.125 นิ้ว) และมีมุมโค้งรัศมี 2.88–3.48 มิลลิเมตร
 - โดยนอกเหนือจากพลาสติกแล้ว ยังมีวัสดุอื่น ๆ ที่ถูกนำมาทำเป็นบัตร ATM เช่น แผ่นเหล็ก เซลลูลอยด์ กระดาษ เป็นต้น
 - ในระยะแรก เครื่อง ATM ยังทำงานในลักษณะเดี่ยว ๆ ไม่มีการเชื่อมต่อกับเครือข่าย
 - ค.ศ. 1974 เริ่มมีการประดิษฐ์เครื่อง ATM ที่สามารถเชื่อมต่อเครือข่าย โดยบริษัท Diebold 
 
 
  ต้นกำเนิดบัตรเอทีเอ็มใบแรก บัตรถอนเงินฝากเงินกับเครื่องอัตโนมัติ  
(บนสุด) บัตร ATM รุ่นแรกของประเทศไทย ต้นกำเนิดบัตรเอทีเอ็มประเทศไทยใบแรก- ค.ศ. 1983 ATM เครื่องแรกและ บัตรเอทีเอ็มใบแรก มีต้นกำเนิดจากธนาคารไทยพาณิชย์
 - ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นเจ้าแรกที่ติดตั้งตู้ ATM ( Automatic teller machine )
 - ตู้ยี่ห้อ IBM จอภาพต้องใช้มองผ่านช่องสี่เหลี่ยม เหมือนกล้องส่องทางไกล เป็นแบบจอสีเดียว(สีส้ม) ระบบสามารถให้เราเลือกได้ว่า ต้องการธนบัตรชนิดใดบ้าง
 - ติดตั้งที่แรกที่สำนักงานใหญ่ไทยพาณิชย์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ โดยใช้ชื่อว่า ‘ บัตรบริการเงินด่วน ’
 - มีการพัฒนาทางเทคโนโลยีของ ATM จนเป็น Debit Card ที่สามารถใช้จ่ายโดยการรูดบัตรผ่านเครื่อง หรือผูกบัญชีเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการผ่านอินเตอร์เนตได้เหมือนบัตรเครดิต
 - ใส่ตราโฮโลแกรม มีบัตรติดชิปเพื่อเพิ่มความปลอดภัย มีตู้ที่สามารถสแกนบาร์โค้ดใบแจ้งหนี้เพื่อชำระเงิน
 - คิดค้นระบบป้องกันภัยจากการโกงรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น การปลอมแปลงบัตร การติดกล้องวงจรปิด เป็นต้น
 
 
 จากสถิติของธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 : ประเทศไทยมีผู้ถือบัตร ATM ทั้งสิ้น 15,536,151 ใบ และบัตรเดบิตทั้งสิ้น 37,882,551 ใบ  
 |