ผ่านมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว หลังจากที่จู่ ๆ ผมก็รู้ว่าตัวเองมีน้องชายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน “เจ้าปั้น” เริ่มคุ้นชินและสนิทสนมกันมากขึ้น โดยเฉพาะกับพวกเด็ก ๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องดี เพราะทำให้ผมมีเวลาโฟกัสกับงานมากขึ้นกว่าเดิม
ผมเคยเล่าว่าก่อนหน้านี้ว่าผมทำงานเป็นกราฟิกดีไซน์ หลังจากลาออกมาแล้วและใช้ชีวิตอยู่กับพี่พี พวกเพื่อน ๆ ในบริษัทก็มีส่งงานฟรีแลนซ์เล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ผมทำบ้าง พอให้มีรายได้เสริมนิดหน่อย บางงานผมก็รับไว้เพื่อจะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองว่างเกินไป หนึ่งในรุ่นน้องคนนึงที่บริษัทพูดเปรย ๆ กับผมว่าหัวหน้าอยากพาทุกคนมาเที่ยวพักผ่อนที่โฮมสเตย์ของผมช่วงสิ้นปี แต่ผมไม่อยากวุ่นวายก็เลยบอกปัดไปว่าช่วงนั้นบ้านพักถูกจองเต็มหมดแล้ว ก็นะ ปีใหม่ผมก็อยากฉลองอยู่กับครอบครัว ถ้าให้พวกนั้นมาผมก็ต้องคอยต้อนรับ คอยดูแลอีก
ช่วงบ่ายแก่ ๆ ขณะที่ผมกำลังเคลียร์งานอยู่ในคาเฟ่ โดยมีเจ้าปั้นและหลานทั้งสองคนเล่นอยู่ใกล้ ๆ พี่พีก็เดินเข้ามาสีหน้าดูไม่สบอารมณ์ “นิน ช่วยเคลียร์เงินเดือนพี่อ่อนให้หน่อยสิ”
“หืม? ทำไมหรอพี่?”
“เขาลาออกนะสิ! ป้าจันทร์บอกว่าแกไปได้งานใหม่ที่กรุงเทพฯ”
“อ่อ…” ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ เจ้าปั้นหันมองผมครู่หนึ่งก่อนจะหันไปเล่นกับเด็ก ๆ ต่อ
“เสียดาย แกทำงานดี ลาออกกระทันหันแบบนี้ตั้งตัวไม่ทันเลย”
ผมไม่ได้ถามอะไรต่อ เริ่มลงมือจัดการเรื่องเงินเดือนตามที่พี่พีขอทันที แม้ผมจะไม่ค่อยชอบพี่อ่อนซักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าแกทำงานดีจริง ๆ
“แบบนี้พวกงานในสวนเดี๋ยวผมไปช่วยก็ได้นะ ที่คาเฟ่ก็ให้ปั้นมันช่วยดูแทนได้” ผมบอก
หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมเทรนน้องชายให้ชงเมนูต่าง ๆ จนมันทำได้แล้ว เจ้าปั้นเองก็ยินดีช่วยเต็มที่เพราะต้องการตอบแทนเรื่องที่พัก
“ไม่เป็นไรหรอก หลาย ๆ งานมันต้องทักษะเฉพาะทาง เอาเป็นว่าถ้านินว่างพี่ฝากทำประกาศรับสมัครงานให้หน่อยแล้วกัน”
“เหมือนหลอกด่าผมเลย”
“ฮ่า ๆๆ ใครจะกล้าด่าเมียตัวเองได้ล่ะ?” พี่พีโน้มมาโอบหัวผมอย่างเย้าหยอก อ้อนขอให้ผมชงกาแฟให้ดื่มเหมือนอย่างเคย
หลังจากที่ผมชงเอสเปรสโซ่เมนูโปรดให้คุณสามีดื่มคลายเคลียดไปแล้ว พี่พีก็กลับไปดูแลงานในสวนต่อ ผมสังเกตเห็นว่าเจ้าปั้นมีท่าทางเหมือนมีอะไรในใจอยากพูด ผมจึงเอ่ยปากถามออกไป
“พี่อ่อนเนี่ยใช่คนที่หน้าดุ ๆ หน่อยป้ะ?”
“อืม ทำไมหรอ?”
“อ๋อ… งั้นก็คนที่ไล่ผมสินะ”
“เหอะ ๆ จำฝังใจเลยหรอ?”
“ผมไม่อะไรหรอก แต่ว่า…”
“หืม?”
“ผมเคยเห็นพี่คนนั้นเขาพาผู้หญิงเข้าไป…” มันหยุดพูดครู่หนึ่ง เหลือบตามองด็ก ๆ พอเห็นว่าพวกนั้นไม่ได้สนใจ จึงพูดต่อโดยลดเสียงลงเล็กน้อย “ไปมีอะไรกันในบ้านพัก”
“ห้ะ!?”
“ประมาณสองสามครั้งได้มั้ง! เหมือนเขาจะรู้ด้วยว่าผมเห็น เวลาเจอกันเขาก็เลยชอบทำหน้าดุใส่”
เอาจริง เรื่องนี้ไม่ได้ทำผมแปลกใจนักหรอก ผมเคยเห็นตอนที่พวกพี่อ่อนกับงานคนอื่น ๆ ตั้งวงกินเหล้า พอเมาพวกนั้นก็พูดจาหยาบโลน เสวนาเรื่องอย่างว่ากันเป็นเรื่องปกติ แต่การที่แอบเปิดบ้านพักโดยพลการแล้วพาผู้หญิงไปมีอะไรด้วยในห้องที่เอาไว้สำหรับรับแขกนี่ก็เกินไป ถือว่าดีแล้วที่แกลาออกไปได้ ไม่งั้นคงได้มีปัญหาตามมาแน่นอน
ผมคิดว่าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ไม่อยากบอกพี่พี เพราะมันดูจะชื่นชมพี่อ่อนซะเหลือเกิน อีกอย่างป้าจันทร์ก็ยังทำงานอยู่ด้วย ถ้าเป็นประเด็นขึ้นมาจะวุ่นวายอีก
“เออพี่ อีกซักสามสี่วันผมก็คงต้องกลับแล้ว โรงเรียนจะเปิดเทอม ไว้ปิดเทอมครั้งหน้าผมขอมาอยู่ที่นี่อีกได้มั้ย?”
“อ้าว หรอ? ได้สิ จะมาตอนไหนก็ได้เลย แต่ทีหลังบอกแม่เขาซะก่อน เขาจะได้ไม่ต้องมาโทรหาพี่”
“อืม~ ขอโทษ” เจ้าปั้นยิ้มแหย “พี่ไม่คุยกับแม่เลยหรอ?” ผมส่ายหน้าตอบอย่างไม่ใส่ใจ “พี่…เกลียดแม่หรอ?...?”
เกลียดหรือเปล่า? ไม่หรอก ผมไม่รู้สึกอะไรกับแม่เลยมากกว่า “เปล่า… ก็แค่ตั้งแต่จำความได้จนถึงตอนนี้ พี่ไม่มีแม่อยู่ในความทรงจำเลย”
“อืม ผมเข้าใจ”
“แล้วเขาดีกับเอ็งมั้ย? แม่น่ะ”
ปั้นถอนหายใจก่อนจะตอบ “ก็ดีแหละ มั้ง…”
ดูอาการน้องแล้วผมรู้ว่าก็คงมีปัญหาบางอย่าง แต่ผมไม่ได้คะยั้นคะยอต่อถ้าน้องมันสบายใจคงเล่าออกมาเอง
วันนั้น ถ้าคิดว่าเรื่องพี่อ่อนเซอร์ไพรส์แล้ว เรื่องพี่ทีนหนักกว่า ช่วงหัวค่ำ ขณะที่ผมกำลังจะพาพวกแฝดกลับไปส่งที่บ้าน พี่ก็หน้าตาตื่นมาหาผมก่อน ท่าทางดูร้อนใจพูดจาไม่รู้เรื่อง แต่หลังจากพูดคุยกันอยู่สักพัก จึงรู้ว่าพี่แอนแอบเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านไปโดยไม่บอกใคร แม้แต่กับเด็ก ๆ แกก็ไม่ได้มาล่ำลาสักคำ พวกแฝดยังไม่เข้าใจสถานการณ์ เราทุกคนต่างจุกในอกตอนที่ไนน์ถามว่า “แม่ไปไหน?” ภาพความทรงจำวัยเด็กของผมย้อนกลับมากระจ่างชัดอีกครั้ง เหมือนตอนที่แม่ทิ้งผมไป ผมคุกเข่าดึงหลานชายทั้งสองคนเข้ามากอด หัวใจบุบบี้ไปด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจที่ซัดกระแทกแบบจัง ๆ ผมไม่อยากโทษตัวเองแต่ผมรู้ว่าเรื่องของผมก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่พี่แอนตัดสินใจแบบนี้
เราขี่รถวนตามหาพี่แอนกันอยู่พักใหญ่ โดยหวังว่าจะเจอนางนั่งรอรถอยู่ที่ใดที่หนึ่งเหมือนที่ผมออกมาตามเจ้าปั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างหวัง ไร้วี่แววของนาง บางทีอาจเพราะเรารู้ตัวช้าเกินไป
ผมก้มลงมองหลานชายคนเล็กที่กำลังหลับอยู่ในอ้อมกอดอย่างรู้สึกผิด ความเสียใจท่วมท้นจนล้นเอ่อออกมา พี่พีเอื้อมมือจากฝั่งคนขับมากุมมือผมเอาไว้อย่างปลอบโยน
“นี่… อย่าโทษตัวเองเลย เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของแอน ไม่เกี่ยวกับนินหรอก” พี่พีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ต้องเกี่ยวสิ! เพราะเขาระแคะระคายเรื่องผมกับพี่ทีน! ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พี่แอนแกจะประสาทไปเอง แต่สุดท้ายผมก็ทำมันจริง ๆ นี่ ใช่มั้ยล่ะ?” พี่พีเงียบ “แล้วดูผลของมันสิ! พวกเด็ก ๆ ต้องมารับกรรมแทน”
“ถ้ามันจะมีใครผิด เราก็ผิดด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ”
“ผมหวังจะให้หลาน ๆ มีชีวิตวัยเด็กที่สมบูรณ์แบบมาโดยตลอด แต่สุดท้ายพวกนี้อาจลงเอยเหมือนผม”
พี่พีชะลอรถก่อนจะเปิดไฟเลี้ยวแล้วจอดข้างทาง หันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่จริงเลย ที่ผ่านมานินพิสูจน์แล้วว่าดูแลพวกแฝดได้ดีมาโดยตลอด นินรู้ว่าพี่ไม่ได้พูดเพื่อเอาใจ แต่พี่เห็นแบบนั้นจริง ๆ เจ้าพวกนี้เองก็คงรู้สึกได้” พี่พียังคงพูดต่อพร้อมกับลูบหลังน้องไนน์เบา ๆ “พี่ก็เชื่อว่านินจะดูแลพวกนี้ได้เป็นอย่างดี ไม่สิ! เราทุกคนจะช่วยกันเลี้ยงเจ้าแสบพวกนี้ โดยไม่ให้รู้สึกขาดแม้แต่น้อย”
เราวนรถหากันต่อจนเริ่มดึก เมื่อเห็นว่ายังไงก็คงไม่เจอแล้ว เราจึงถอยไปตั้งหลักกันก่อน พอกลับถึงบ้านผมก็เห็นว่าพี่ทีนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ท่าทางกระวนกระวาย จับใจความได้ว่าพี่แอนโทรกลับมาแล้วขอแยกทาง พี่ทีนปล่อยโฮออกมาจนพวกเด็ก ๆ ตกใจ พากันร้องไห้ตาม
พออารมณ์เริ่มเบาลง ผมกับพี่พีก็ช่วยกันประคองพี่ทีนขึ้นไปนอนบนห้อง ผมสังเกตเห็นว่าพี่แอนเก็บข้าวของตัวเองเรียบหมดทุกอย่าง รูปแต่งงานกองอยู่บนพื้นสภาพกรอบแตกหักและฉีกขาด ผมมองมันพร้อมทอดถอนหายใจ
เราปล่อยให้พี่ทีนนอนอยู่คนเดียวไปก่อน โดยผมกับพี่พีมาช่วยกันปลอบเด็ก ๆ และพาเข้านอน พวกนั้นยังคงถามย้ำซ้ำ ๆ ว่า แม่ไปไหน และมันบาดลึกเข้าไปในใจเหมือนโดนกรีดด้วยมีดทุกครั้งเช่นกัน
คืนนั้นผมกับพี่พีนอนค้างกันที่บ้านพี่ทีน เราเห็นตรงกันว่าสถานการณ์แบบนี้ไม่อยากให้มันอยู่คนเดียว เราเบียดเสียดกันอยู่บนเตียงของพวกแฝดเพราะทั้งคู่งอแงจนคอยโอ๋ เด็ก ๆ ร้องไห้กันจนเพลียหลับไป
“พี่ เดี๋ยวผมไปดูพี่ทีนหน่อยนะ” ผมบอกก่อนจะขยับตัวลุกออกจากเตียงช้า ๆ เพราะกลัวหลานตื่น เดือนเยื้องย่างมายังห้องที่เคยเป็นห้องนอนของพ่อ ผมใช้มือกำที่ลูกบิด ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะดันประตูเปิดไปช้า ๆ
พี่ทีนยังคงนอนสะอึกสะอื้นตะแคงข้างหันหน้าไปอีกทาง ผมเอนตัว ซุกหน้าลงบนแผ่นหลังของพี่แล้วสอดแขนเข้าไปกอดพี่จากด้านหลัง เหมือนที่พี่ชอบทำตอนผมเด็ก ๆ พี่ทีนเลื่อนมือขึ้นมากุมมือผมเอาไว้ ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกจากปากของเรา ผมหลับไปโดยมีเสียงสะดื้นของพี่กล่อมนอน
ค่ำคืนที่แสนยาวนานผ่านไปจนกระทั่งเช้า ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของพี่
“พี่โอเคมั้ย?” มันไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนหน้าผากผมพร้อมกับกระชับกอดแน่นขึ้น “พี่…” ผมร้องปราม
“ไม่ได้นอนกอดแบบนี้มานานแล้ว คิดถึงจัง”
“ผมว่าเราต้องคุยกันนะ ที่เรื่องทั้งหมดมันลงเอยยแบบนี้ก็เพราะเราไม่ยับยั้งชั่งใจ และปล่อยให้อะไร ๆ มันเลยเถิด”
“ไม่เกี่ยวกับนินหรอก” พี่ตอบเสียงแหบแห้ง “ที่จริงแอนเขาคุยเรื่องหย่ากับพี่มาสักพักนึงแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่เราจะไปเที่ยวด้วยกันอีก พี่แค่คิดว่าในตอนที่มีโอกาสพี่ก็อยากจะทำทุกอย่างให้เต็มที่ เผื่อจะเปลี่ยนใจเขาได้ พี่ก็แค่…ไม่ทันตั้งตัว”
“แล้วคือยังไง? พี่จะให้ทุกอย่างจบแค่นี้เลยหรอ?”
“แล้วจะให้พี่ทำยังไง? ในเมื่อเขาตัดสินใจแบบนั้น พี่รู้ว่าพี่ผิดเรื่องนอกใจ แต่พี่ก็จบปัญหาเรื่องนั้นไปแล้วไง” แววตาของพี่ตอนที่พูดออกมาหนักแน่นจนผมแปลกใจ “พี่ไม่เสียใจเรื่องแอนหรอก พี่เสียใจเรื่องลูกอีกคนในท้องมากกว่า”
“แล้วจะเอายังไงต่อ? ต้องมีคนอธิบายเรื่องนี้กับพวกแฝด”
“เดี๋ยวพี่คุยเอง” พี่ทีนตอบ สอดมือเข้ามาในเสื้อผมแล้วลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง มันกระดกหัวขึ้นแล้วจูบที่ริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบา แต่สถานการณ์เป็นแบบนี้ผมไม่มีอารมณ์ร่วมเลย จึงผลักมันออกเบา ๆ “พี่ ผมว่าเราพอเถอะนะ ผมโคตรรู้สึกผิดกับพวกแฝดเลย”
“ทำไมล่ะ? ในเมื่อตอนนี้พี่ก็ไม่มีเมียแล้ว”
“นั่นมันไม่ใช่ประเด็นซะหน่อย! ผมไม่อยากทำแล้ว! พูดตรง ๆ ผมกลัวนะ… กลัวว่าวันนึงถ้าพวกแฝดรู้ พวกนั้นจะคิดยังไง? พี่เคยห่วงถึงอนาคตบ้างมั้ย?” พี่ทีนคลายกอดหลวมลง หลบสายตาอย่างรู้สึกผิด จริง ๆ ผมเองก็ไม่ต่างกัน แต่มันถึงเวลาที่เราต้องทบทวนเรื่องนั้นและทำมันให้เคลียร์
เรานิ่งเงียบกันครู่หนึ่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด ผมดันตัวเองลุกออกจากอ้อมกอดของพี่ กำลังจะเปิดประตูเดินออกไป หันกลับไปกล่าวกับพี่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่อย่าเข้าใจผิดนะ ผมรักพี่มากเลยนะ ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้พี่มีความสุข แต่ผมก็รักหลาน ๆ ด้วย บางทีเราต้องยอมตัดความสุขส่วนตัวออกไปเพื่อรักษาครอบครัวเอาไว้นะ” พี่ทีนเงียบนอนแหงนมองเพดานเหมือนกำลังใช้ความคิด
ผมแวะไปดูพวกแฝดและพี่พี ทั้งสามคนยังไม่มีใครตื่น ผมจึงตั้งใจจะทำมื้อเช้าให้ ในตู้เย็นไม่มีของสดสำหรับทำอาหารอยู่เลย จำเป็นต้องเดินกลับไปทำที่บ้านตัวเองแทน จัดแจงเตรียมของ คิดว่าจะทำมื้อเช้าเมนูง่าย ๆ อย่างข้าวต้มทรงเครื่อง โดยหลังจากทำเสร็จผมก็ให้เจ้าปั้นช่วยยกไปกินกันที่บ้านพี่ทีน
ราว ๆ เก้าโมงเช้าพี่พีก็ขอตัวไปดูงานในสวน ส่วนปั้นก็ช่วยดูแลพวกแฝด ผมใช้โอกาสนี้ขึ้นไปดูพี่ทีนอีกครั้ง มันยังนอนอยู่บนที่นอนไม่ลุกไปไหน เห็นแบบนั้นผมก็ได้แต่ทำใจ “พี่ ผมทำข้าวต้มไว้ให้ ลุกมากินด้วยนะ” ไม่มีสัญญาณตอบรับ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่อยากกลับไปโดยที่พี่ทีนยังมีสภาพแบบนี้ ผมจึงกลับเข้าไปที่ครัว ตักข้าวต้มใส่จาน พร้อมกับน้ำเย็น ๆ อีกหนึ่งขวด ยกขึ้นไปเสิร์ฟจนถึงเตียง
“ลุกมากินข้าว” ผมวางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะข้าง ๆ แล้วดึงแขนให้พี่ลุกขึ้น มันขืนตัวเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอม “จะกินเองหรือจะให้ผมป้อน” พี่ทีนพยายามฝืนทำหน้านิ่งแต่แล้วก็เผลอยิ้มออกมา
ผมหย่อนตัวลงข้าง ๆ พี่ทีน ตักข้าวต้มป้อนมัน นึกหวนถึงวันเก่า ๆ ปกติพี่ทีนมันชอบใช้วิธีนี้ในการง้อผม ซึ่งก็ได้ผลทุกที วันนี้ผมก็เลยเอาวิธีของมันมาใช้บ้าง รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏอย่างเจอจางบนใบหน้าของพี่ทำให้ผมเริ่มวางใจ
“นินรู้มั้ย? เจ้าไนน์มันเคยพูดกับพี่ว่ายังไง?”
“หืม?”
“มันเคยบอกพี่ว่า ตอนโตมันจะเป็นแฟนกับอานิน”
“หะ? ฮ่า่ ๆๆ”
“ไนน์บอกว่าอานินทำกับข้าวอร่อย แถมยังใจดี ตามใจทุกอย่าง”
“แล้วพี่ว่าไง?”
“พี่ก็บอกว่าอานินมีแฟนแล้ว ตอนนั้นมันก็เลยงอนพี่ยกใหญ่เลย” ผมหัวเราะออกมาอย่างขบขันกับความตลกของเจ้าหลานชาย “พี่ว่านินไม่ต้องกังวลเลยว่าหลานจะเกลียด เผลอ ๆ พวกแฝดน่ะรักนินมากกว่าพี่ด้วยซ้ำ”
“ก็พวกนั้นยังเด็ก เดี๋ยวพอโตขึ้น เข้าใจอะไร ๆ มากขึ้น ทั้งคู่ไม่มีทางรับเรื่องของเราได้หรอก”
“เอาไว้ถึงตอนนั้นเราค่อยคิดกันไม่ได้เหรอ?” พี่ทีนเว้าวอน แต่ผมยังคงใจแข็ง
ผมรีบปลีกตัวออกมา เพราะกลัวตัวเองจะใจอ่อน กำลังเก็บถ้วยชามล้างทำความสะอาดอยู่ในครัว ในหัวยังคงคิดทบทวนเรื่องนั้นไม่ตก ถ้าถูกรบเร้าแบบนี้ไปเรื่อย ๆ วันนึงผมก็คงใจอ่อนให้มันแน่ และอาจจะดูเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ผมก็ไม่อยากให้พี่มีเมียใหม่เหมือนกัน บางทีถ้าผมปล่อยใจตัดความกังวลทั้งหมดทิ้งแล้วทำทุกอย่างที่ต้องการ ผมคงไม่ต้องเครียดแบบนี้
เย็นวันนั้น ผมกำลังเตรียมกับข้าวสำหรับมื้อเย็นอยู่ พี่พีที่เพิ่งกลับจากสวนก็เข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง ลอบหอมแก้มผมแบบไม่ให้ตั้งตัวฟอดใหญ่ จะกี่ครั้งกี่ทีที่ผมโดนแบบนี้ ผมก็ยังไม่ชินสักที
“พี่วันนี้เราไปนอนที่บ้านพี่ทีนอีกคืนได้ไหม? ผมเป็นห่วงมัน”
“ได้อยู่หรอก แต่ว่า…”
“แต่?”
“พี่อยาก…เย็ดเมียพี่ เมื่อวานก็ไม่ได้ทำ” พี่พีบอกพร้อมส่งสายตาหื่นกาม
“โอ้ย! ไอ้บ้า! นึกว่าเรื่องอะไร”
“แค่ไม่ได้นอนกอดก็เหงาจะแย่อยู่แล้ว วันนี้ต้องให้พี่เย็ดก่อน ไม่งั้นพี่ไม่ยอม!”
ผมเขย่งตัวขึ้นไปจูบสามีอันเป็นที่รัก เข้าใจได้แหละ เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมาเราก็นอนด้วยกันทุกคืนมาตลอด เมื่อคืนเป็นครั้งแรกเลยที่เราไม่ได้นอนกอดกัน
พี่พี่ใช้สองแขนอุ้มผมตัวลอย บรรจงจูบที่ริมฝีปากและสอดลิ้นชอนไชอย่างหิวโหย พลันเสียงมือถือก็ดังขึ้น พี่พีรีบกดตัดสาย ก่อนจะวางกึ่งโยนมือถือไว้บนโต๊ะอย่างไม่ใยดี หันมาจูบผมต่อ แต่แล้วมือถือเจ้ากรรมก็ดังขึ้นอีก
“รับเถอะ เผื่อลูกค้าต้องการอะไร”
มันกดรับสายอย่างหัวเสียก่อนจะเดินออกไปเพราะคนงานในสวนดันหาของไม่เจอ
มื้อเย็นวันนั้น ผมทำกับข้าวที่พวกเด็ก ๆ ชอบ รวมทั้งเมนูโปรดของพี่ทีนอย่างต้มมะระยัดไส้ พี่ยอมลงมากินข้าวด้วยกัน มันดูเป็นปกติอย่างกับคนละคน คงเพราะไม่อยากทำให้พวกแฝดกังวล ซึ่งพวกนั้นก็ดูเหมือนจะลืมเรื่องเมื่อวานไปแล้ว เพราะมีเจ้าปั้นช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ
จนกระทั่งดึก หลังจากที่ผมส่งเด็ก ๆ เข้านอนกันแล้ว พวกพี่พีกับพี่ทีนยังคงนั่งดื่มกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นผมจึงลงมาสมทบ เราพูดคุยและดื่มกันนิดหน่อย จนผ่านไปครู่ใหญ่ ๆ พี่ทีนก็เมาพับหลับไปบนโซฟา ขณะที่พี่พีก็งุ่นง่าน ทั้งกอดทั้งจูบผมไม่หยุด อารมณ์คั่งค้างตั้งแต่ตอนเย็น “พี่ ช่วยพาพี่ทีนขึ้นไปนอนก่อน”
เราช่วยกันหิ้วปีกพี่ทีนมาวางลงบนที่นอน จัดการเปิดแอร์และห่มผ้าให้อย่างเรียบร้อย ขณะที่กำลังจะเดินออกไปจากห้อง พี่พีก็ดึงรั้งเอวผมไปกอด แล้วซุกไซร้ซอกคอผมอย่างหื่นกระหาย “อย่าพี่! เดี๋ยวพี่ทีนตื่น”
“ไม่ตื่นหรอก! มันเมาแล้วหลับลึก” ก็จริงดังว่าแหละ เพราะอย่างนั้นผมจึงยอมปล่อยใจให้พี่พีลวนลาม เพราะจริง ๆ ผมเองก็อยากอยู่เหมือนกัน
พี่พีจับผมผลิกแล้วเชยคาขึ้นไปจูบ ก่อนจะโอบกอดผมแล้วกดแนบบดเบียดท่อนลำอัดใส่ ผมยกแขนข้างหนึ่งเหนี่ยวคอพี่พีเอาไว้ ส่วนอีกมือก็เริ่มซุกซน ลูบไล้ลำตัวไล่ลงไปถึงแก่นกายที่แข็งชูชันอยู่ในกางเกง
“ไปทำข้างล่างเถอะ”
“ที่นี่แหละ ตื่นเต้นดี” พูดจบ มันก็ถอดเสื้อผ้าตัวเองออก วางกองลงบนพื้น ก่อนจะหันมาถอดให้ผมบ้าง
ผมหันไปทางพี่ทีนอย่างลังเล แต่เห็นว่าพี่ยังหลับสนิทอยู่ก็เลยวางใจ
เราสองคนตัวเปลือยเปล่านัวเนียกันอยู่ในความมืด
ผมเผลอส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาตอนที่พี่พีงับยอดอกของผมแล้วดูดดุนอย่างหิวกระหาย
ลำควยดุ้นเขื่องอยู่ในมือ ผมมีความรู้สึกว่ามันแข็งเป็นพิเศษ น้ำเงี่ยนหยาดเยิ้มเป็นสาย
พี่พีกดไหล่ผมลงผมจึงทำตามอย่างว่าง่าย อ้าปากสวมท่อนลำเข้าไปจนเกือบครึ่ง
“อือ อืมม” ผมครางในลำคอเบา ๆ ขณะที่โยกหัวโขยกควยผัวรักอย่างเอร็ดอร่อย
พี่พีดึงตัวผมขึ้น ผมคายควยออกจากปากอย่างเสียดาย มันอุ้มผมตัวลอย แล้วปล่อยลงบนเตียง จับขาผมชันขึ้นก่อนจะจกลิ้นเลียรอบ ๆ ช่องรักของผมอย่างไม่รังเกียจ
ความเสียวกระสันพุ่งพล่านจนผมบิดตัวดิ้นไปมา “อึก อืออ”
แม้ภายในห้องจะค่อนข้างมืด แต่ก็พอมีแสงของำระจันทร์ส่องผ่านกระจกฝ้าเข้ามาอยู่รำไร เผยให้เห็นร่างเงาของอีกคนที่ในตอนนี้ขยับตัวขึ้นมาอยู่ข้างศีรษะผม “อมให้พี่ด้วยนะ” สิ้นเสียง ก็มีบางสิ่งสัมผัสที่ริมฝีปากของผมเบา ๆ มันทั้งอ่อนนุ่มและเปียกชุ่มไปด้วยน้ำคาวรสเค็มจาง ๆ
ผมตกใจเขยิบหัวหนีเล็กน้อย พี่ทีนจึงใช้มือข้างหนึ่งช้อนหัวผมขึ้นแล้วถูปลายควยลูบไล้ที่ริมฝีปากผมอย่างเย้าแหย่ ก่อนจะค่อย ๆ ดันเข้ามาตอนที่ผมเผยอปากอ้า เพราะพี่พีสอดนิ้วเข้าในตัวผมเพื่อทำให้รูสวาทผ่อนคลาย
“ไม่เป็นไรหรอก พี่อยากให้ไอ้ทีนมันมีความสุขด้วยกันกับพวกเรา”
เมื่อสามีอันเป็นที่รักเอ่ยปากบอกแบบนั้น ผมจึงปล่อยตัวปล่อยใจทำในสิ่งที่ลึก ๆ แล้วตัวผมเองก็ต้องการ
ผมขย้อนปาก กลืนลำควยของพี่เข้าไปในลำคอจนเกือบสุดลำ ส่วนพี่พีชะโลมเจลหล่อลื่นที่รับมาจากพี่ทีนลงบนควยแล้วค่อย ๆ ดันเข้ามาในตัวผมจนมิด ผมร้องครางเสียงหลงในลำคอ ปากก็ออกแรงดูดควยพี่ทีน จนลำควยมุดเข้ามาสุดลำเช่นกัน
ทั้งสองคนค่อย ๆ โยกเอวตัวเอง เราส่งเสียงครางกันระงมอย่างกับวงประสานเสียง
ด้วยความเสียวที่ท่วมท้นจากลำควยของคนที่ผมรักทั้งสองคนมอบให้ ทำให้ผมน้ำแตกทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว “อืออ อื้อออ~“
พี่พีเลื่อนมือมาลูบไล้หน้าท้องผมที่เปรอะน้ำรักอย่างพึงพอใจ
แม้ผมจะเสร็จไปแล้ว แต่ความต้องการและความเสียวก็ไม่ได้ลดลงเลย ผมโยกหัวตัวเองดูดกลืนท่อนลำของพี่ตวัดลิ้นไปมาพร้อมกับขยับเอวสอดรับกับจังหวะเย็ดของพี่พีไปด้วย
เสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่น พี่พีเร่งจังหวะกระแทกเร็วขึ้นเป็นสัญญาณว่ามันใกล้ถึงจุดสุดยอดแล้ว จู่ ๆ พี่ทีนก็หันไปงับเข้าที่อกของพี่พี ทำให้มันน้ำแตกออกมาทันที พี่พีเงยหน้าส่งเสียงร้องคำรามด้วยความเสียวกระสัน “โอ้วว แตกแล้ว!!! กูแตกแล้ว!!! อ่าาห์” น้ำควยร้อนฉ่าฉีดพุ่งเข้ามาในตัวของผมจนร้อนวูบ มันยังคงโยกเอวเย็ดต่อเรื่อย ๆ ด้วยความเสียวที่ยังไม่ทุเลาลง ก่อนจะค่อย ๆ ถอนลำควยออก ผมรู้สึกหวิวโล่งที่ปากรู
พี่ทีนเห็นอย่างนั้นจึงถดตัวดึงควยออกจากปากผม แล้วประจำตำแหน่งแทนพี่พีทันที
“นิน พี่ขอเย็ดนะ”
“อือ…” ผมกล่าวอนุญาตอย่างขวยเขินพลางเอื้อมมือไปกดบั้นท้ายของพี่ให้เสียบควยเข้ามา
แสงรำไรภายในห้องทำให้ผมเห็นรอยยิ้มฟันขาวในความมืดของพี่
“ไม่ขออนุญาตกูหน่อยหรอ? นี่เมียกูนะ”
“ขอเย็ดเมียมึงหน่อยนะครับเพื่อน!” พี่ทีนพูดอย่างเย้าหยอก พี่พีหัวเราะ ก่อนจะเดินไปล้างตัวที่ห้องน้ำในห้องนอน
“นี่พวกพี่แกล้งเมากันใช่มั้ย? อย่าบอกนะว่าวางแผนกันเอาไว้?”
“ป๊าวว!!” พี่ทีนทำไขสือ ดันควยขนาดพอ ๆ กับของพี่พีเข้ามาพรวดเดียว ดีที่มีน้ำควยของพี่พีช่วยหล่อลื่นแทนเจล “อูยยย~ ขนาดไอ้พีเพิ่งเย็ดไป แต่นินยังตอดรัดควยพี่โคตรแน่นเลย!”
จากที่ได้วัดกันขนาดกันอย่างจริงจังภายหลัง เพราะพวกนั้นข้องใจกันไม่หาย ทำให้รู้ว่า ควยของพี่ทีนนั้น จะอวบหนากว่า ส่วนพี่พีจะชนะในเรื่องของความยาว ซึ่งจริง ๆ ตอนโดนเย็ดก็สร้างความสุขเสียวแทบจะไม่ได้ต่างกันเลย
พี่ทีนค่อย ๆ ดันควยเข้ามาจนสุดอย่างช้า ๆ คล้ายกับกำลังซึมซับความรู้สึกที่ร้างลามานาน ให้ควยตัวเองได้ทักทายเพื่อนเก่าที่โหยหากันมาตลอด มันเงยหน้าครางออกมาอย่างเสียวกระสัน แค่ครู่เดียวพี่พีก็กลับเข้ามาร่วมวงอีกครั้ง มันจับควยยัดปากเพื่อให้ผมได้ดื่มด่ำรสรักที่คุ้นเคย ผมดูดมันอย่างกับเด็ดดูดจุกนม พี่พีขยับเอวจนหัวควยดันกระพุ้งแก้มจนตุ่ย น้ำลายไหลยืดที่มุมปาก
เสียงเนื้อกระทบระคนกับเสียงของของเหลวดังรับกันเป็นจังหวะ ทั้งเจลและน้ำควยของพี่พีผสมกันเคลือบลำควยของพี่ทีน ไหลทะลักออกมาจนแตกฟองดูเลอะเทอะแต่กระตุ้นอารมณ์สุด ๆ
ผมรู้สึกได้ถึงส่วนปลายของท่อนลำที่กระแทกลำไส้จนเริ่มจุก แต่ยังกระสันซ่านไม่ขาดช่วง ผมไม่สามารถอดทนต่อความเสียวได้อีกต่อไป น้ำควยของผมแตกทะลักออกมาอีกครั้งโดยที่ไม่ต้องสัมผัส มันพุ่งเลอะเต็มหน้าท้องหกไปบนผ้าปูที่นอนซึมเป็นดวง
พี่ทีนเร่งจังหวะซอยต่อจนปากรูของผมเริ่มร้อนจากการเสียดสี ไม่กี่อึดใจพี่ก็น้ำแตกตามออกมา บัดนี้ตัวผมไม่อาจเก็บกักน้ำคาวกามปริมาณมากได้ตรอไปตแล้ว มันจึงเอ่อล้นออกมา
พี่ทีนหอบหายใจ ฟุบตัวมาบนอกผม มันเสยคางผมขึ้นมาจูบ
“เอาควยออกไป! กูจะเย็ดต่อ” พี่พีบอกขณะดันตัวพี่ทีนออก หมายจะเสียบลำควยดุ้นเขื่องเข้ามาอีกครั้ง แต่ตอนนั้นผมแสบรูไปหมดแล้ว ตั้งใจจะร้องปราม แต่ลำควยของพี่ทีนที่กระตุกหงึก ๆ ก็กระตุ้นความร่านทำให้ผมอยากโดนต่อ
ผมใช้ขาทั้งสองข้างล็อกเอวพี่ทีน แล้วบอกให้มันอุ้มขยับท่าทางให้ผมอยู่ข้างบน ที่ทีนทำตามอย่างว่าง่าย ทำให้ตอนนี้ผมอยู่ในท่านั่งขย่มคววของพี่ ผมโน้มตัวราบไปบนอกของพี่ แอ่นก้นกระดกขึ้นอย่างท้าทาย พี่พีรู้ความหมายได้ในทันที มันรีบขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้ บีบเจลเพิ่มก่อนจะค่อย ๆ จับลำควย จ่อหัวที่ช่องว่างเพียงปลายนิ้วระหว่างควยของพี่กับหูรูด “แน่ใจนะ?”
ผมไม่สนใจคำถาม มาถึงขนาดนี้แล้วผมเองก็อยากลอง พี่พีค่อย ๆ ดันหัวควยเข้ามา เพียงแค่ส่วนคอหยักชำแรกเข้ามาผมก็เจผ้บจนแทบจะขาดใจ เกร็งไปทั้งตัว จนพี่ทีนต้องดึงหน้าผมไปจูบเพื่อให้ผ่อนคลาย
เหมือนร่างกายจะฉีกออกเป็นสองส่วน แต่แล้วความเสียวในแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนก็โถมใส่ “สุดแล้วที่รัก! ควยผัวเข้าไปสุดแล้ว! โคตรแน่นเลย!”
พี่พีเสียบแช่เอาไว้อย่างนั้น ปากก็โน้มมาขบกัดไปตามแผ่นหลังของผม ร้องครางไม่เป็นภาษา พี่ทีนเองก็เช่นเดียวกัน มันเชยคางผมขึ้นไปจูบแลกลิ้นและครางอยู่ในลำคอ
พอเห็นว่าผมเริ่มผ่อนคลายรูทวารขยายพอจะดำเนินเกมรักแบบสอดประสานต่อได้แล้ว พี่ทีนที่อยู่ด้านล่างก็เริ่มขยับเอว เพราะควยของทั้งสองคนแน่บสนิทกันทำให้ตอนที่พี่ทีนถอยแล้วดันกลับควยของพี่พีก็เขยื้อนตามไปด้วย เราสามคนส่งเสียงครางกันระงม
ทั้งสองคนเริ่มเร่งจังหวะซอยเร็วขึ้น และเร็วขึ้น จนคล้ายกับเครื่องยนต์ ตัวผมโยกโยนจนแทบขาดสติ ผมกลัวเหลือเกินว่าถ้ามาถึงจุดนี้แล้ว ผมอาจรู้สึกไม่พออีกต่อไปถ้าต้องกลับไปทำแบบเดิม ๆ ผัวรักของผมทั้งสองคนทำหน้าที่ได้ดีในแบบที่ไม่มีใครเทียบเทียม
พวกเราร้องครางกันออกมาอย่างไม่มีใครอายใคร ในจังหวะสุดท้าย ทั้งคู่เร่งเอว ยัดควยเข้ามาจนสุดก่อนจะพ่นน้ำควยระลอกใหญ่ออกมาอีกครั้ง คราวนี้มันทะลักออกมาจนเปียกท่อนล่างของพวกเราจนเลอะเทอะไปหมด ผมเองก็เสร็จสมไปพร้อม ๆ กัน
แท่งเอ็นที่เกรี้ยวโกรธค่อย ๆ อ่อนตัวลงด้วยความเหนื่อยล้า ทำให้มันหลุดออกจากรูของผมได้โดยง่าย น้ำควยทะลักล้นตามออกมา ทั้งพี่พีและพี่ทีนนอนแผ่ข้างตัวผมอย่างพึงพอใจ
“ไม่เคยเสียวขนาดนี้มาก่อนเลย” พี่ทีนกล่าวขณะที่หอบหายใจ
“เมียพี่เก่งที่สุดเลย!” พี่พีเสริม
“ขอทำแบบนี้บ่อย ๆ ได้มั้ย?”
“ไม่เอา! ทำบ่อยรูผมแหกพอดี!” เราสามคนหัวเราะอย่างขบขัน นอนกอดกันกลมทั้งสภาพนั้นจนถึงเช้า
ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดเมื่อยตัว รูทวารช้ำระบมและปวดตุบ ๆ จนแทบจะขยับไม่ได้ น้ำควยแห้งเกรอะกัง ผมพาตัวเองไปล้างเนื้อล้างตัว ฉีดเอาของเหลวกลิ่นคาวออกจากประตูหลังที่เจ็บแสบอย่างทุลักทุเล ผมลองคลำดูก็รู้สึกโล่งใจเพราะไม่มีแผลใด ๆ อาจจะแค่ช้ำจากการที่ต้องรับท่อนลำดุ้นโตพร้อมกันถึงสองอัน นึกในใจว่า ถึงแม้มันจะสร้างความสุขสมเกินบรรยาย แต่หลังจากนี้คงต้องพักไปยาว ๆ เพราะมันทำให้ผมถึงกับเป็นไข้ เรื่องนี้รู้ถึงไหนอายถึงนั่น โดนเย็ดจนไข้ขึ้น ฮ่า ๆๆ