แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย depaper เมื่อ 2025-11-20 16:46
Disclaimer: เนื้อหานี้มีรูปแบบของเพศสัมพันธ์ที่ผิดศีลธรรม, มีการร่วมเพศที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ก่อให้เกิดอันตราย และเป็นรสนิยมเฉพาะบุคคล ไม่ควรลอกเลียนแบบทุกกรณี
เนื้อหานี้มีตัวละครเพศชายที่ตั้งครรภ์ได้ (Mpreg - Male Pregnancy) เขียนขึ้นเพื่อบันเทิง หากไม่ชื่นชอบกรุณาเลื่อนผ่าน หากอ่านแล้วถูกใจสามารถให้กำลงใจผู้เขียนได้ด้วย การมอบเหรียญหรือพิมพ์ความรู้สึกของคุณต่อเรื่องนี้ในคอมเม้นต์
ต้นรักของพ่อ EP01
1 ฝนตกหนักจนถนนดินแดงกลายเป็นลำธารสีน้ำตาลเข้ม แม่จอดรถส่งผมที่ปากทางเข้าสวนยาง เธอไม่ลงจากรถด้วยซ้ำ แค่ลดกระจกลงนิดหนึ่งแล้วพูดเสียงเรียบ “จากนี้แกอยู่กับพ่อแกที่นี่แหละ อย่ากลับไปที่บ้านอีก” แล้วรถก็แล่นหายไปในม่านฝน ปล่อยให้ผมยืนตัวเปียกสั่นหนาวอยู่คนเดียว ผมกอดกระเป๋าใบเล็กใบเดียว เดินลุยโคลนขึ้นเนินไปตามทางแคบ ๆ ที่มีต้นยางเรียงรายสองข้างทาง ฝนเม็ดใหญ่อาบร่างจนเสื้อยืดสีขาวที่ผมใส่ลู่ไปกับผิว เผยให้เห็นหน้าท้องที่ป่องนูน ใช่ครับผมตั้งท้อง และนั่นเองเป็นสาเหตุที่แม่โกรธและส่งผมมาอยู่กับพ่อที่สวนยางแห่งนี้ ไม่นานนัก บ้านไม้ปีกหลังเล็ก ๆ บนเนินเหนือสวนก็โผล่พ้นม่านฝนมาในที่สุด ถึงจะเป็นเวลาบ่ายแก่ แต่ฟ้าที่ฉ่ำฝนก็หม่นพอที่จะทำให้คนในบ้านจุดตะเกียงแสงสลัว ผมยืนอยู่หน้าประตู แต่ยังไม่ทันแตะ ประตูก็เปิดผางออกเอง พ่อยืนอยู่ตรงนั้น! พ่อยังคงแต่งตัวเหมือนเมื่อสิบปีก่อน เขาใส่เสื้อกล้ามย้วย ๆ กับกางเกงขาสั้นแบบที่ชอบ สิ่งที่เปลี่ยนไปคือร่างสูงใหญ่นั้น มีพุงพลุ้ยตามวัย แต่ก็ยังดูหล่อเหลา หนวดหนาที่ริมฝีปาก ยิ่งขับให้ใบหน้าคมขำตามแบบฉบับคนใต้แท้ ๆ “ต้น…” เสียงพ่อสั่นเครือ พูดได้เท่านั้น แกวิ่งออกจากบ้านมาหาผมโดยไม่สนใจเม็ดฝนที่กระหน่ำตก ก่อนจะกางแขนโอบผมแน่น ตัวพ่ออุ่นมาก อุ่นเหลือเกิน… “พ่อ…ผมไม่มีที่ไปแล้ว” ผมพูดเสียงสั่น น้ำตาไหล “ไม่เป็นไรลูก มีพ่อ…มีพ่ออยู่” พ่อตบหลังผมเบา ๆ แล้วประคองผมเดินเข้าบ้าน
ในบ้านไม่ปีกหลังเก่า อบอวนไปด้วยกลิ่นน้ำมัยตะเกียงระคนกลิ่นดินชื้นๆ แสงส้มสลัวส่องจากตะเกียงเจ้าพายุ เผยให้เห็นเตียงไม้เก่าเพียงเตียงเดียว ที่มีเพียงเสื่อและหมอนหนึ่งใบ ชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อที่นี่คงไม่ได้สุขสบายนัก พ่อมองหน้าท้องที่ป่องนูนของผม “หลานพ่อ…ใช่ไหม” ผมพยักหน้า “ครับ…ผมท้องได้สามเดือนแล้ว” สมองผมเตรียมคำตอบมากมายว่าผมท้องกับใคร ที่ไหน ยังไง แต่สุดท้ายพ่อก็ไม่ถามอะไร แกนั่งลงข้าง ๆ ผมบนเตียงไม้ ยื่นมือใหญ่หนามาแตะท้องผมเบา ๆ “ลูกก็คงจะเห็นว่าพ่อมีแค่นี้…แต่พ่อจะดูแลต้น กับ… หลาน.. ของพ่อ พ่อจะเลี้ยงเองนะ พ่อสัญญา” ผมก้มหน้า น้ำตาไหลอีกครั้ง พ่อดึงผมเข้าไปซบอก “อย่าร้องเลย…อยู่กับพ่อแล้วไง ไม่มีใครทิ้งลูกแล้ว”
คืนนั้นพ่อให้ผมนอนบนเตียงไม้เพียงเตียงเดียว “เดี๋ยวพ่อออกไปนอนที่แคร่หน้าบ้าน ลูกจะได้นอนสบายๆ ” “อย่าเลยครับพ่อ ยุงจะกัดเปล่าๆ… นอนด้วยกันเถอะ ผมหนาว…” พ่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็มุดมุุ้งสีเทาหม่น ขึ้นมานอนข้าง ๆ ต้น ขนาดของเตียงไม้บังคับให้ทั้งสองต้อง นอนตัวชิดกัน แรก ๆ ทั้งสองก็ขยับไปมาให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายที่สุด แต่สุดท้ายก็จบที่ผมนอนหนุนแขนพ่อ โดยที่พ่อนอนตะแคงใช้อีกแขนโอบตัวผม มือหนาอุ่นของพ่อวางบนท้องผมเบา ๆ “นอนเถอะลูก พ่ออยู่ตรงนี้…ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว” พ่อกระซิบข้างหู ฝนยังกระหน่ำหลังคาสังกะสีไม่หยุด ผมหลับไปในอ้อมแขนพ่อเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี
2 สามเดือนเดือนก่อนผมเป็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่กำลังเดินตามฝัน ผมจบชั้นมัธยมศึกษาและกำลังจะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังของภูมิภาค แต่ผมพลาดเองในคืนปาร์ตี้ฉลองวันเรียบจบ ผมเผลอใจไปมีอะไรกับพ่อเพื่อน รุ่งเช้าหลังจากที่เพื่อนในกลุ่มหายเมา ทุกคนก็พบว่าผมนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงเดียวกับพ่อเพื่อน และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนทั้งกลุ่มเลิกคบกับผม แต่ที่แย่ไปกว่านั้นผมดันตั้งท้องขึ้นมา พ่อเพื่อนปฏิเสธความรับผิดชอบทันที เพราะเขาเองก็มีภรรยาและครอบครัวต้องดูแล แถมยังพูดให้ผมเจ็บช้ำน้ำใจว่าผมเป็นเด็กใจแตก คงมั่วกับใครมาจนท้อง
เมื่อหันกลับมาที่บ้าน แม่ที่ควรจะเป็นที่เพิ่งพิงก็กลับร้ายกาจกว่าที่คิด “มึงไปท้องกับใครมา กูถามว่ามึงไปท้องกับใคร” แม่ถามพร้อมกับใช้ไม้เรียวฟาดผมจนเนื้อแตกริ้ว แต่ต่อให้แม่ตีผมแค่ไหมผมก็ไม่สามารถพูดได้ว่าใครเป็นพ่อเด็ก เพราะผมไม่อยากทำลายครอบครัวของเพื่อนไปมากกว่านี้ แม่พยายามให้ผมไปทำแท้ง แต่ผมก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะทำร้ายใครได้ เรื่องนี้คนที่ควรจะได้รับผลของการกระทำที่สุดคือผมที่พลาดเอง นั่นเป็นสาเหตุที่แม่ส่งผมมาอยู่กับพ่อ ผู้ชายไม่เอาไหนที่แม่ขอหย่าและทิ้งเขาไว้ในอดีต
ฝนยังตกไม่ขาดสาย เม็ดฝนกระทบหลังคาสังกะสีดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เหมือนมีใครกำลังเคาะประตูบ้านไม่หยุดหย่อน ผมหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่หลายรอบ ทุกครั้งที่ขยับตัว แขนใหญ่ของพ่อก็จะโอบรัดผมกลับมาแน่นขึ้นโดยอัตโนมัติ เหมือนกลัวว่าผมจะหายไปในความมืด “ยังไม่นอนเหรอลูก” เสียงพ่อแหบพร่า ต่ำจนแทบเป็นกระซิบ ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เพราะรู้สึกอึดอัดจากการตั้งท้อง พ่อยังคงนอนอยู่ข้างๆ เปลือกตายังปิดแต่มือข้างซ้ายกลับลูบวนไปมาช้า ๆ ที่ท้องผมอย่างแผ่วเบา นิ้วหนา ๆ ไล้ไปตามหน้าท้องที่เริ่มโค้งมนชัดเจน แล้วพ่อก็ทำในสิ่งที่ผมคิดไม่ถึง แกยกหัวขึ้น แล้วจูบเบา ๆ ตรงท้องผม ริมฝีปากหนา สัมผัสผิวผมแผ่วเบา เหมือนกลัวผมจะแตกสลาย จูบครั้งแรกอยู่เหนือสะดือ ครั้งที่สองต่ำลงมานิดหนึ่ง ครั้งที่สามวนกลับขึ้นไปใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช้า ๆ จนผมขนลุกไปทั้งตัว “พ่อขอโทษนะลูก” พ่อพูดระหว่างจูบ “ที่พ่อไม่อยู่กับลูกมาตั้งแต่เด็ก…” น้ำตาผมไหลเงียบ ๆ พ่อเงยหน้าขึ้นเห็น พลางยกนิ้วโป้งหนา ๆ มาซับน้ำตาให้ “อย่าร้องเลย…จากนี้พ่อจะอยู่กับลูกทุกวัน” พ่อขยับตัวขึ้นเล็กน้อย วางหัวลงบนท้องผมเบาๆ จมูกแนบชิดอยู่กับหน้าท้อง ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่โปรยลงบนผิวบาง “หลาน…ตาอยู่ตรงนี้นะ ตาจะดูแลเอง” ผมยกมือขึ้นลูบผมหยิกฟู ของพ่อ นิ้วสอดเข้าไปในเส้นผมหนาฟู พ่อพริ้มตาหลับลง แล้วโอบกอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม…
3 ตีสามครึ่ง แม้ไก่จะยังไม่ขัน แต่พ่อก็เด้งตัวตื่นขึ้นมาอัตโนมัติ “ต้นได้นอนหรือยัง เดี๋ยวพ่อต้องออกไปกรีดยางแล้วนะ” ถึงแม้จะเพลียจากการเดินทาง แต่ผมก็แปลกที่จนหลับไม่ลง ยิ่งรู้ว่าพ่อจะออกไปกรีดยางและทิ้งผมไว้คนเดียว ความกลัวก็วิ่งเข้ามาจับหัวใจ “ผมไปกับพ่อได้ไหม” “อย่าเลยลูก กำลังท้องกำลังไส้ เดียวลื่นหรือสะดุดอะไรขึ้นมาจะลำบาก” “แต่ผมกลัว…” ผมหน้าหงอยเหมือนลูกหมา และในที่สุดพ่อก็แพ้ลูกอ้อนไม่ไหว “ไป… ไปก็ไป…” พ่อจุดตะเกียงเจ้าพายุนำทาง ผมค่อยๆ เดินตามอย่างระมัดระวัง แม้ฝนจะหยุดแล้ว แต่ทางชันยังคงลื่น อากาศยังเย็นจนจับใจ พ่อเล่าว่าคนกรีดยางแถวนี้จะเริ่มงานตั้งแต่ตีสาม-ตีสี่ เพื่อให้เสร็จก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวง เพราะน้ำยางจะไหลดีที่สุดในช่วงอากาศเย็นและมืด พ่อพาผมเดินตามทางดินเปียกชื้นไปยังแนวต้นยางแรก พ่อชี้ไปที่ขนำน้อยที่ทำขึ้นจากไม้ผุๆ “นั่งรอพ่อตรงนี้นะลูก อย่าเดินตาม เดี๋ยวลื่น”
ผมไม่ดื้อ นั่งกอดเข่าให้ตัวอุ่น มองเงาพ่อที่เดินไปตามแนวต้นยางทีละต้น เสียงมีดกรีดบาง ๆ ดัง “แควะ… แควะ…” ตามจังหวะสม่ำเสมอ ถ้วยน้ำยางที่ผูกไว้กับลำต้นเริ่มมีน้ำสีขาวข้นหยดลงช้า ๆ เสียงหยดกระทบก้นถ้วยดัง “ติ๊ก… ตึก… ติ๊ก…” ท่ามกลางความเงียบของสวนยางตอนหัวรุ่ง พ่อกรีดไปเกือบสองร้อยต้น ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่ง พอฟ้าเริ่มสว่างสีเทา ๆ พ่อก็เก็บมีด เก็บตะเกียง แล้วเดินกลับมาหาผม แม้อากาศยาวเช้าจะยังเย็น แต่หลังพ่อก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ “เสร็จแล้วลูก” พ่อนั่งลงที่ขนำ เช็ดเหงื่อที่หน้าผากด้วยหลังมือ “หนาวไหมลูก” “นิดหน่อยครับ” พ่อดึงผมเข้าไปซบอกทันที ตัวพ่ออุ่นจัดจากการทำงาน กลิ่นเหงื่อที่ลอยในอากาศทำผมใจเต็นแปลกๆ
กลางสวนยาง มีแต่เสียงลมหายใจของเราสองคน และเสียงน้ำยางที่หยดลงถ้วยเบาๆ “สวนยางผืนนี้… พ่อปลูกไว้ตั้งแต่เลิกกับแม่เมื่อสิบปีก่อน ตอนแรกคิดว่าจะไม่เหลืออะไรซะแล้ว ดีที่เพื่อนพ่อที่เป็นตำรวจเขาหาที่หาทางให้ แถมยังมาลงทุนกล้ายางให้อีก” พ่อยิ้มแห้งๆ เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ในวันที่เลิกกับแม่ เมื่อสิบปีก่อน และแน่นอนผมจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดี
เช้าวันนั้น แม่ทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรง แม่เขวี้ยงกระจกส่องหน้าใส่พ่อจนหน้าผากแตกเลือดไหล แต่พ่อยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาไม่โต้ตอบ ผมในวัยสิบขวบพอจะรู้มาบ้างว่าพ่อเอาตึกซึ่งเป็นสมบัติของบ้านไปค้ำประกันให้เพื่อน จนธนาคารตามมายึดทรัพย์ แม่ซึ่งเป็นลูกสาวของตระกูลใหญ่ในจังหวัด รู้สึกอับอาย สำหรับแม่ผม หน้าตาและศักดิ์ศรีของตระกูลมีค่าเหนือผู้ชายห่วยๆ อย่างพ่อ
“วันนี้มึงกับกูไปหย่ากัน” แม่ยื่นคำขาด “ตึกหลังนั้นให้ธนาคารมันยึดไป แล้วมึงกับเพื่อนมึงก็ไสหัวออกไปบ้านกู” “กูไม่น่าหน้ามืดเอาลูกจ้างอย่างมึงมาทำผัวเลย นี่ถ้ากูไม่ท้องไอ้เด็กนั่น ก็คงไล่มึงออกไปนานแล้ว” แม่ไม่รู้หรอกว่าไอ้เด็กนั่นที่แม่พูดถึง แอบดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่หลังเห้าอี้ไม่สักตัวใหญ่ และตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยได้เจอพ่ออีกเลย
“พ่อพยายามมากนะ ลูกรู้ไหม” เสียงสั่นๆ ของพ่อดึงผมกลับสู่ปัจจุบัน “พ่อตื่นตีสามทุกวัน กรีดยาง เก็บเงินทีละบาท พ่อส่งเงินให้แม่เป็นค่าตกหลังนั้น ไม่รู้จะหมดเมื่อไหร่ แต่พ่อก็จะพยายาม ” พ่อก้มหน้า น้ำตาไหลเป็นสาย ผมยกมือซับน้ำตาที่แก้มพ่อ “พ่อ… อย่าร้องเลยครับ” พ่อเงยหน้ามองผม ตาแดงก่ำ ใบหน้าเราใกล้กันมาก… เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง ที่ชักพาให้ริมฝีปากเราจะเกือบแตะกัน
พ่อหลับตาลงช้า ๆ เบี่ยงหน้าหนี… แกโน้มตัวลงมานอนหนุนตักผมแทน ใบหน้าแนบลงบนท้อง จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ แล้วพ่อก็จูบหน้าท้องผมผ่านเสื้อยืด ครั้งแล้วครั้งเล่า “ต้น ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง ทิ้งมันไว้หน้าสวนยางนะลูก ตอนนี้พ่อมีโอกาสได้ดูแลลูกแล้ว พ่อจะดูแลทั้งต้นและหลานให้ดีที่สุด พ่อสัญญา”
....ฝนเริ่มลงเม็ดอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่รู้สึกว่ามันเหน็บหนาวเข้ากระดูกเหมือนเมื่อวาน แต่เป็นเม็ดฝนสดชื่นที่หล่นมาชำระล้าง และเริ่มต้นใหม่
|