ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 137|ตอบกลับ: 5

จุมพิตพยัคฆ์ Ep.1

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
225
ตอบกลับ
54
พลังน้ำใจ
8782
Zenny
35780
ออนไลน์
2883 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 11:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน






กลิ่นหอมของไอดินยามฝนพรำเคยเป็นสิ่งที่น้ำพิงค์คุ้นชินกว่ากลิ่นใด ๆ บนโลก แต่ตอนนี้... เด็กชายวัยสิบหกย่างสิบเจ็ดกลับคุ้นเคยกับกลิ่นควันบุหรี่ แอลกอฮอล์ และกลิ่นน้ำหอมฉุนกึกของผู้หญิงที่เดินสวนกันในทางเดินแคบ ๆ ของเรือนพักแห่งนี้มากกว่า


ชีวิตของน้ำพิงค์ถูกโยนลงมาจากยอดดอยสูงเสียดฟ้า ลงมากองในโคลนตมแถวชายแดนตั้งแต่แปดปีก่อน ในวันที่พ่อแม่ที่เขาเคารพรักตัดสินใจแลกอิสรภาพของลูกชายกับเงินก้อนหนึ่งเพื่อใช้หนี้พนัน


น้ำพิงค์เป็นเด็กเงียบ ๆ ที่ไม่ค่อยพูดจา ดวงตาของเขาเรียบนิ่งราวกับผิวน้ำในบึงที่ไร้ลมพัด แต่ใต้ความนิ่งนั้นซ่อนความใฝ่รู้ที่ไม่เคยดับ เขาไม่ใช่อาชญากร ไม่ใช่สินค้าที่เต็มใจจะอยู่ในกล่อง เขาแค่ต้องเอาชีวิตรอดในที่ที่คนส่วนใหญ่มองข้ามศักดิ์ศรีของมนุษย์ไปแล้ว


ที่นี่คือ 'เรือนบัวขาว' สถานที่ที่ไม่เคยมีดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ผุดขึ้นมาได้จริง ๆ


น้ำพิงค์ต่างจากเด็กคนอื่นที่ถูกนำมา 'จัดจำหน่าย' เขาไม่เคยใช้ความสามารถด้านอื่นนอกจากเสน่ห์ของ 'ความบริสุทธิ์' ซึ่งในสายตาของลูกค้าบางคน มันคือความท้าทายที่น่าลิ้มลอง และความดีงามเดียวที่เขาพบจากลูกค้าเหล่านั้น คือหนังสือ


“อ่า... เด็กคนนี้น่าสนใจ”


“แกชอบอ่านหนังสือหรือ? เดี๋ยวคราวหน้าฉันจะหามาให้”


“เอาไปสิ นี่คือ 'เจ้าชายน้อย' ฉันว่ามันเหมาะกับแก”


นั่นคือคำพูดของแขกใจดีบางคนที่ยอมจ่ายเงินเพียงเพื่อแลกกับการได้นั่งมองดวงตาเรียบนิ่งของน้ำพิงค์อ่านหนังสือเก่า ๆ ในห้องพักมากกว่าจะเรียกร้องบริการทางกายอย่างอื่น และทุกครั้งที่พวกเขาใจดี เด็กชายก็จะตอบแทนด้วยการปรนนิบัติอย่างเต็มที่ที่สุดเท่าที่ร่างกายและจิตวิญญาณของเขาจะให้ได้


หนังสือคือโลกเดียวที่เขามีอิสระที่จะเป็นอะไรก็ได้ ไม่ใช่เพียงดอกไม้ริมทาง ที่ใครผ่านมาก็เด็ดดม แล้วโยนทิ้งเมื่อกลิ่นจาง


วันนี้เป็นวันสำคัญของเรือนบัวขาว คุณนายใหญ่เจ้าของเรือนประกาศกร้าวว่าเด็กทุกคนต้องแต่งตัวให้ดีที่สุด เพราะพวกเขาจะต้องไปออกงานนอกสถานที่ เป็นการเอนเตอร์เทนลูกค้ากระเป๋าหนักระดับผู้บุกเบิกวงการธุรกิจมืดแถบชายแดน


น้ำพิงค์ถูกจับยัดใส่ชุดเชิ้ตสีขาวสะอาดตาที่ดูหลวมโพรกและกางเกงสแล็กสีดำ แม้จะพยายามซ่อนความสูงโปร่งและผิวขาวจัดของตัวเองไว้ใต้เสื้อผ้าเรียบง่าย แต่น้ำพิงค์ก็ยังคงเป็นที่สะดุดตาของคนในวงสนทนา


งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นในโรงแรมหรูใจกลางเมืองที่เพิ่งสร้างเสร็จหมาด ๆ แสงไฟนีออนสีทองสว่างจ้าบาดตา น้ำพิงค์ยืนสงบนิ่งอยู่มุมห้อง ติดกับม่านกำมะหยี่สีแดงเข้ม มือข้างหนึ่งถือแก้วน้ำเปล่าเย็นจัด และอีกข้างถือหนังสือเล่มหนาที่เขาแอบหยิบติดมือมา


ทันใดนั้น เสียงกระซิบกระซาบก็ดังขึ้นพร้อมกับการเปิดประตูห้องวีไอพีขนาดใหญ่


“คุณพยัคฆ์มาแล้ว...”


“นั่นมัน... คุณชายพยัคฆ์แห่งเครือมังกรบูรพานี่นา ตัวจริงหล่อกว่าในภาพข่าวเยอะเลย”


น้ำพิงค์เงยหน้าขึ้นจากหน้าหนังสือโดยไม่ตั้งใจ


เขาเห็นชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาในงานอย่างองอาจ สูทสีดำสั่งตัดเข้ารูปขับให้รูปร่างสูงใหญ่และไหล่กว้างของเขาดูน่าเกรงขาม ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาราวเทพบุตรที่ถูกปั้นมาอย่างประณีต แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเย็นชาและเฉยเมยราวกับกำลังมองผ่านสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ


พยัคฆ์


ชื่อของเขาสมกับบุคลิกที่แผ่ออกมา อันตราย สง่างาม และเป็นผู้ล่า


น้ำพิงค์มองพยัคฆ์แค่แวบเดียว ก่อนจะก้มหน้ากลับไปสนใจตัวอักษรในหนังสืออีกครั้ง


พยัคฆ์ไม่ได้มาคนเดียว เขามีลูกน้องติดตามหลายคน หนึ่งในนั้นเป็นชายร่างใหญ่ที่เดินตามหลังมาติด ๆ


ขณะที่พยัคฆ์เดินผ่าน เด็กชายที่ไม่เคยมีใครสนใจก็สร้างเรื่องจนได้...


ปึก!


ลูกน้องคนหนึ่งของพยัคฆ์สะดุดเข้ากับขอบพรม ทำให้มือที่ถือแก้วไวน์แดงพลาดไปชนเข้ากับแขนของพยัคฆ์เบา ๆ แต่พยัคฆ์กลับหันมามองด้วยสายตาเย็นชาดุจน้ำแข็งขั้วโลก


และน้ำพิงค์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็กลายเป็นเป้าหมายต่อไป...


โครม!


หนังสือหนาในมือของน้ำพิงค์ร่วงหล่นลงพื้นเสียงดัง แก้วน้ำเปล่าหลุดมือแตกกระจาย และน้ำเย็น ๆ ก็สาดกระเซ็นไปโดนรองเท้าหนังราคาแพงของพยัคฆ์เต็ม ๆ


น้ำพิงค์ชะงักไป ดวงตาที่เคยเรียบนิ่งเบิกกว้างด้วยความตกใจและหวาดกลัว เขาทำลายความสงบของ 'พยัคฆ์' ที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าทรงอิทธิพลและน่ากลัวที่สุดในงานนี้


“ขอโทษครับ!” น้ำพิงค์รีบย่อตัวลงเก็บหนังสือและเศษแก้วโดยอัตโนมัติ


พยัคฆ์ไม่ได้ตอบรับ เขายืนนิ่งราวกับรูปปั้นเทพเจ้าแห่งความตายที่เพิ่งถูกสาดด้วยน้ำล้างเท้า


ดวงตาคมกริบของพยัคฆ์กวาดมองเด็กชายที่กำลังก้มหน้าเก็บกวาดอย่างลวก ๆ แวบหนึ่ง


เขาเห็นแผ่นหลังเล็ก ๆ ที่สั่นเทา เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกน้ำเล็กน้อยจนเผยให้เห็นโครงร่างผอมบาง และเส้นผมสีเข้มที่ปรกหน้าผากอย่างซุกซน


“ออกไป” เสียงทุ้มต่ำและเย็นชาดังขึ้นเหนือศีรษะ


น้ำพิงค์เงยหน้าขึ้นมอง พยัคฆ์ไม่ได้มองเขาด้วยความโกรธ แต่เป็นความเบื่อหน่ายที่น่ารังเกียจ


“เด็กที่ไหน” พยัคฆ์หันไปถามลูกน้องของตัวเอง โดยที่สายตาไม่ได้จ้องมาที่น้ำพิงค์อีกแล้ว


“... เด็กจากเรือนบัวขาวครับท่าน” ลูกน้องรีบตอบอย่างหวาดหวั่น


พยัคฆ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ก้าวผ่านน้ำพิงค์ที่ตัวแข็งทื่อราวกับก้อนหินตรงไปหาโต๊ะวีไอพี


น้ำพิงค์กำหนังสือในมือแน่น ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายและเจ็บใจในความเย็นชาที่ถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจน...


การเจอกันครั้งแรกนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการถูกเหยียบย่ำจากผู้มีอำนาจที่มองว่าเขาเป็นเพียงอากาศธาตุที่เกะกะทางเดิน


น้ำพิงค์ก้มลงเก็บเศษแก้วที่บาดมือเขาเพียงเล็กน้อย โดยไม่มีใครสังเกตเห็น เขาปัดหยดน้ำออกจากเสื้อเชิ้ตอย่างใจเย็น ดวงตาที่เคยเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อครู่ กลับคืนสู่ความนิ่งสงบอีกครั้ง


เจ็บ? อับอาย?


ความรู้สึกเหล่านั้นมันจางหายไปนานแล้วในชีวิตของเขา การโดนคนมองด้วยสายตาเย็นชาดุจน้ำแข็งไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านเท่ากับความหิวโหยในวัยเด็ก หรือความเจ็บปวดจากแส้ที่ฟาดลงมาบนหลัง การที่พยัคฆ์แค่เอ่ยคำว่า ‘ออกไป’ โดยไม่มีการสั่งลงโทษหรือเรียกเก็บค่าเสียหายอย่างรุนแรง ถือเป็นความโชคดีมหาศาล


แค่นี้... ก็ดีมากแล้ว ดีกว่าต้องหลังลาย


น้ำพิงค์จัดปกเสื้อให้เรียบร้อย และกระชับหนังสือเล่มหนาที่เปียกน้ำเล็กน้อยไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหน เขาเดินออกจากจุดที่เกิดเหตุอย่างเงียบเชียบ ราวกับเขาเป็นเพียงเงาที่เคลื่อนผ่าน ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครใส่ใจ นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการที่สุดในสถานการณ์แบบนี้


งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างครึกครื้น เสียงหัวเราะดังระงมไปพร้อมกับเสียงดนตรีบรรเลง แต่บรรยากาศเหล่านั้นไม่เคยซึมซับเข้ามาถึงจิตใจของเด็กชายที่ถูกนำมาเป็นเครื่องประดับในงาน


แม่เล้าจากหลายเรือนต่างพยายามผลักดันเด็กในสังกัดของตัวเองเข้าหาโต๊ะของบรรดาคนใหญ่คนโต แต่ละคนต่างใช้ทักษะการพูด การแต่งตัว และรูปลักษณ์ที่ฝึกฝนมาอย่างดี เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อที่มีอำนาจเหนือชีวิตของพวกเขา


ในแวดวงธุรกิจมืดนี้ เมื่อเด็กชายหรือเด็กหญิงโตเกินกว่าความ ‘น่ารักบริสุทธิ์’ พวกเขาก็จะกลายเป็น ‘ภาระ’


เด็กที่อายุเกินสิบเจ็ดปีขึ้นไป หากยังไม่มีใครซื้อตัวไปดูแลอย่างถาวร ก็มักจะถูกบีบให้ออกไปจากเรือนโดยไม่มีทางเลือกอื่น พวกเขาต้องไปหางานทำในที่ที่อันตรายกว่าเดิม หรือไม่ก็ต้องทนรับการลงโทษทางกายที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้คุณนายใหญ่ตัดสินใจขายเขาในราคาถูก ๆ ก่อนจะกลายเป็นสินค้าเสื่อมราคาโดยสมบูรณ์


เพราะสำหรับที่นี่แล้ว... เด็กที่ไม่มีใครซื้อตัวไป ก็เหมือนของเก่าเก็บที่ต้องกำจัดทิ้ง


น้ำพิงค์เองก็รู้ดีว่าเวลาของตัวเองเหลือน้อยเต็มที ร่างกายของเขายังดูผอมบาง แต่ความสูงที่เพิ่มขึ้นและกระดูกที่เริ่มแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เขาหลุดพ้นจากกรอบของ 'เด็กชายตัวเล็กน่ารัก' ที่เป็นที่ต้องการของตลาดไปแล้ว


น้ำพิงค์รู้ว่าเขาต้องหาทางออกด้วยตัวเอง หากไม่มีใครซื้อเขาไปอย่างถาวร เขาก็ต้องถูกดีดออกมาจากระบบนี้ และชีวิตบนท้องถนนที่ไร้การคุ้มครองก็อาจจะนำไปสู่จุดจบที่เลวร้ายกว่าการอยู่ใต้เงาของเรือนบัวขาว


เขาพิงตัวกับผนังด้านหลังม่าน มองผู้คนและสีหน้าต่าง ๆ ในงานเลี้ยงด้วยดวงตาที่ปราศจากความรู้สึกใด ๆ ขณะที่มือของเขาค่อย ๆ ลูบไปบนหน้าปกหนังสือที่เปียกน้ำเล็กน้อย


ขณะที่สายตาของน้ำพิงค์กำลังจับจ้องไปยังพยัคฆ์ที่นั่งพูดคุยอยู่กับเจ้าของงานอย่างสุขุม น้ำพิงค์กลับไม่ได้มองด้วยความเกลียดชังหรือหลงใหล แต่เป็นความเข้าใจ


ชายคนนั้นคือศูนย์กลางของอำนาจ เขาคือผู้ที่สามารถตัดสินชะตาชีวิตของใครก็ได้ในที่แห่งนี้


ทันใดนั้นเอง คุณนายใหญ่ของเรือนบัวขาวก็เดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้มที่เคลือบน้ำผึ้งอาบยาพิษ


“น้ำพิงค์... แกทำตัวเป็นรูปปั้นอีกแล้วนะ” คุณนายใหญ่กระซิบเบา ๆ น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบแม้จะถูกกลบด้วยรอยยิ้ม


“ไป! ไปเดินวนเวียนแถว ๆ โต๊ะของคุณพยัคฆ์ซะ ทำตัวให้เป็นประโยชน์ที่สุด รู้ไหมว่าแกไม่มีเวลาเหลือมากแล้ว”


คุณนายใหญ่ย้ำคำพูดนั้นด้วยการบีบเข้าที่ต้นแขนของน้ำพิงค์อย่างแรง ก่อนจะผละออกไปโดยไม่รอคำตอบ


น้ำพิงค์ก้าวเท้าเดินออกไปช้า ๆ ตามคำสั่ง เขาเดินผ่านวงสนทนาที่กำลังหัวเราะและดื่มกิน โดยที่สายตายังคงจับจ้องไปที่โต๊ะของพยัคฆ์


เด็กชายเดินเข้าไปใกล้ที่สุดเท่าที่มารยาทจะอนุญาต และยืนรออย่างสงบ ราวกับเป็นตุ๊กตาไม้ราคาแพงที่ถูกจัดวางไว้ประดับฉาก และเป็นครั้งที่สองในคืนนี้ที่เขาต้องเผชิญหน้ากับดวงตาที่ว่างเปล่าของพยัคฆ์


พยัคฆ์นั่งไขว้ขาอยู่บนเก้าอี้กำมะหยี่สีเข้ม เขากำลังสนทนาเรื่องการเปิดเส้นทางขนส่งใหม่กับเจ้าของคาสิโนรายใหญ่จากฝั่งโน้นของชายแดน ทุกคำพูดของเขาเฉียบคมและทรงพลัง จนใครต่อใครต่างพากันลืมเลือนเด็กชายเงียบ ๆ ที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะไปโดยสิ้นเชิง


และนั่นรวมถึงตัวพยัคฆ์เองด้วย


เขาไม่ได้หันไปมองน้ำพิงค์อีกเลยหลังจากที่สั่งให้เด็กนั่นออกไปเมื่อครู่ สำหรับเขา น้ำพิงค์ก็เป็นแค่ 'เด็กในสังกัด' ของเรือนบัวขาวที่ถูกนำมาประดับงานเท่านั้น เป็นเพียงสินค้าที่ไม่มีความสำคัญ


จวบจนกระทั่ง... เสียงหัวเราะอันหยาบคายของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ ๆ


“โอ้โห! คุณนายใหญ่ยังหาของดี ๆ มาได้อีกนะ”


นายหน้าค้าอาวุธที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปใช้สายตาโลมเลียกวาดมองร่างของน้ำพิงค์ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ก่อนจะโบกมือเรียกอย่างถือวิสาสะ


“มานี่สิไอ้หนู! มานั่งคุยกับลุงหน่อย”


น้ำพิงค์ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ก้าวขาเดินเข้าไปอย่างไม่มีทางเลือก เขาค้อมตัวลงนั่งข้าง ๆ ชายร่างท้วมคนนั้นอย่างว่าง่ายตามที่ได้รับการฝึกฝนมา


วินาทีที่เด็กชายหย่อนตัวลงนั่ง มือหนาหยาบกร้านที่เต็มไปด้วยแหวนก็เลื้อยขึ้นไปบนต้นขาของน้ำพิงค์ทันที ก่อนจะไล้ขึ้นไปตามผิวใต้เนื้อผ้าเชิ้ตอย่างจงใจ


สีหน้าของน้ำพิงค์ยังคงนิ่งเรียบ ไม่มีการขัดขืนใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีความรังเกียจ ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มออดอ้อน... มีแต่ความว่างเปล่าที่แฝงความเหนื่อยหน่ายไว้ภายใน


การแสดงออกถึงการยอมจำนนต่อสถานการณ์แบบนี้ เป็นสิ่งที่คุณนายใหญ่สอนให้เขาทำเสมอ: “อย่าขัดขืน! ถ้าเขาชอบ เขาก็จะซื้อแกไปเอง!”


พยัคฆ์กำลังยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบ ขณะที่หางตาของเขากลับเหลือบเห็นการกระทำที่โต๊ะข้าง ๆ


เขาไม่ได้ตั้งใจจะสนใจ แต่ภาพเด็กชายที่ถูกคุกคามโดยไม่ตอบโต้มันกลับทำให้เขารู้สึกขัดหูขัดตาอย่างประหลาด


พยัคฆ์มองชายแก่หื่นกามที่หัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นเด็กชายไม่ขัดขืน มือของอีกฝ่ายเริ่มรุกคืบเข้าไปในร่มผ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ


แต่สิ่งที่ทำให้พยัคฆ์ชะงัก และถึงกับต้องวางแก้วลงบนโต๊ะเสียงแผ่วเบา คือดวงตาของน้ำพิงค์


เด็กชายไม่ได้มองคนที่กำลังหยอกล้ออยู่ข้างกาย ไม่ได้มองพื้น ไม่ได้มองออกไปนอกหน้าต่าง…


เด็กคนนั้นกำลังมองมาที่เขา


แววตาคู่นั้นไม่ได้มีน้ำตา ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือด้วยคำพูดใด ๆ แต่มันเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยการอ้อนวอนที่ไร้เสียง ราวกับกำลังใช้พลังทั้งหมดที่มีเพียงเพื่อส่งสัญญาณไปยังบุคคลเดียวที่นั่งอยู่ในวงสนทนาหลัก


เด็กนั่นกำลังขอให้เขา... ช่วย?


ทั้งที่ร่างกายกำลังยอมให้ถูกสัมผัส แต่ดวงตาคู่นั้นกลับส่งสัญญาณขอความเมตตาไปยังผู้มีอำนาจอีกคนหนึ่งอย่างชัดเจน


เขาต้องการอะไรกันแน่?


พยัคฆ์แค่นเสียงในลำคออย่างเหยียดหยาม “เฮอะ!”


นี่คือกลยุทธ์ใหม่ของเด็กขายพวกนี้หรือ? ใช้ท่าทีนิ่งเฉยเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนที่สูงส่งกว่า? แสร้งทำเป็นเหยื่อที่บริสุทธิ์เพื่อเร่งเร้าให้ผู้ช่วยเหลือรู้สึกถึงความเป็นอัศวินที่ต้องเข้ามากอบกู้?


มันเป็นเรื่องน่าขยะแขยงที่ต้องเห็นความตอแหลที่ถูกใช้เพื่อความอยู่รอดแบบนี้


“คุณพยัคฆ์มีอะไรหรือเปล่าครับ?” เจ้าของคาสิโนถามขึ้น เมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย


พยัคฆ์ปรับสีหน้าให้กลับมาเรียบเฉยทันที เขาหยิบซิการ์ขึ้นมาจุดสูบ พ่นควันสีเทาจาง ๆ ออกมาอย่างเชื่องช้า


“ไม่มีอะไร แค่เห็นแมลงวันน่ารำคาญบินมาตอมของไม่มีราคา” พยัคฆ์ตอบเสียงเรียบ แต่สายตาที่กวาดไปมองคุณเดชและน้ำพิงค์ที่โต๊ะข้าง ๆ นั้นกลับแฝงความไม่พอใจที่ยากจะอธิบาย


ชายร่างท้วมที่กำลังเพลิดเพลินกับ 'ของเล่นใหม่' ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากพยัคฆ์ เขาเข้าใจความหมายทันที ว่าการที่พยัคฆ์กำลังพูดถึง ‘แมลงวัน’ อาจจะหมายถึงตัวเขาเองที่กำลังทำให้งานเลี้ยงที่จริงจังต้องเสียสมาธิ


ชายคนนั้นรีบปล่อยมือจากน้ำพิงค์ทันที และหัวเราะแห้ง ๆ


“อ้าว... โทษทีครับคุณพยัคฆ์ พอดีเห็นเด็กนี่ดูน่าสนใจเลยแวะมาหยอกเล่นหน่อย”


เขาหันไปตบหลังน้ำพิงค์เบา ๆ และพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์


“ไปได้แล้วไอ้หนู ไปยืนสวย ๆ ที่เดิมซะ อย่ามาเกะกะการสนทนาของคนใหญ่คนโต”


น้ำพิงค์ลุกขึ้นยืนทันที เขายังคงก้มหน้า และเดินกลับไปยืนในมุมเดิมอย่างเงียบเชียบ ราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองพยัคฆ์เพื่อกล่าวคำขอบคุณใด ๆ


งานเลี้ยงหรูหราที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและควันซิการ์จบลงในเวลาเกือบเที่ยงคืน


น้ำพิงค์ยืนส่งแขกตามธรรมเนียมจนกระทั่งรถคันหรูคันสุดท้ายแล่นลับไปจากลานจอดรถ เขาเห็นรถลิมูซีนคันยาวสีดำที่เพิ่งขับพาพยัคฆ์ออกไปก่อนหน้าเล็กน้อย


ตลอดทั้งงาน พยัคฆ์ไม่ได้แสดงความสนใจในตัวเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่มีคำถาม ไม่มีคำสั่งซื้อ ไม่มีแม้แต่การทักทายอย่างจริงจังอีกครั้งหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุตอนเปิดงาน


ดวงตาที่อ้อนวอนของเขาเมื่อครู่... พยัคฆ์คงจะตีความมันเป็นเพียงละครบทหนึ่งเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้มีอำนาจที่อยู่ใกล้ที่สุดเท่านั้น และเลือกที่จะเมินเฉยต่อมัน


เมื่อกลับมาถึง 'เรือนบัวขาว' ในเวลาเกือบตีหนึ่ง บรรยากาศก็ไม่ได้เงียบสงบเหมือนยามค่ำคืนปกติ


คุณนายใหญ่แห่งเรือนบัวขาวกำลังนั่งอยู่ที่ห้องโถงหลัก ใบหน้าของเธอบึ้งตึงและเต็มไปด้วยความหงุดหงิดจากการขาดทุนในค่ำคืนนี้


“น้ำพิงค์! มานี่!”


เสียงตวาดแหลมสูงทำให้เด็กชายที่เพิ่งกลับมาถึงถึงกับสะดุ้ง น้ำพิงค์เดินเข้าไปหาคุณนายใหญ่ด้วยความรู้สึกลึก ๆ ที่เริ่มก่อตัวในกระเพาะอาหาร: ความกลัว


“แกทำบ้าอะไรลงไปห๊ะ! ฉันอุตส่าห์ส่งแกไปงานใหญ่ขนาดนั้น คิดว่าคนใหญ่คนโตอย่างคุณพยัคฆ์ หรือคุณเดช จะไม่สนใจเด็กอย่างแกงั้นหรือ!”


คุณนายใหญ่ลุกขึ้นยืน ตัวสั่นด้วยความโกรธ


“แกมัวแต่ทำท่าทางเป็นรูปปั้นที่อ่านแต่หนังสือ! แกดูสิ! เด็กคนอื่นได้ของมีค่า ได้ลูกค้ารับไปดูแลอย่างถาวร แต่แก... แกกลับไม่ได้อะไรกลับมาเลย!”


คุณนายใหญ่คว้าแส้หนังที่วางอยู่บนโต๊ะมาถือไว้ในมือ แล้วฟาดมันลงไปบนพื้นเสียงดัง เพียะ!


“ฉันจะให้โอกาสแกอีกไม่นาน! เด็กอย่างแกที่อายุโตขนาดนี้แล้ว มันเป็นภาระของเรือนรู้ไหม!”


น้ำพิงค์ยืนนิ่ง แม้ว่าริมฝีปากของเขาจะเม้มเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรง


“แก้ผ้าออกซะ!”


คำสั่งที่คุ้นเคยดังขึ้น น้ำพิงค์ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เพิ่งถูกสวมใส่เมื่อหลายชั่วโมงก่อนอย่างช้า ๆ


เพียะ! เพียะ! เพียะ!


แส้หนังกระทบลงบนแผ่นหลังของน้ำพิงค์ซ้ำ ๆ ด้วยแรงอารมณ์ที่รุนแรงของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของเรือน


ความเจ็บปวดที่รุนแรงปานสายฟ้าแลบแล่นไปทั่วแผ่นหลังของเด็กชาย น้ำพิงค์กัดฟันแน่น เขาทรุดเข่าลงกับพื้น แต่ไม่ยอมปล่อยให้มีเสียงร้องออกมาจากลำคอ


เขาไม่เคยร้องไห้ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เขาเคยสัญญาไว้กับตัวเองว่า จะไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น


ทุกการฟาดฟันที่ลงมาอย่างโหดเหี้ยม ทำให้เขานึกถึงดวงตาที่เย็นชาของบอสพยัคฆ์... ดวงตาที่เห็นความอ่อนแอของเขา และเลือกที่จะเมินเฉย


ไม่เป็นไร... น้ำพิงค์บอกตัวเองซ้ำ ๆ ความเจ็บปวดนี้จะเตือนให้ฉันรู้ว่า ฉันต้องหาทางออกด้วยตัวเองให้ได้เร็วที่สุด


เมื่อการลงโทษสิ้นสุดลง คุณนายใหญ่เหนื่อยหอบ เธอโยนแส้ลงบนพื้นอย่างแรง


“ไปซะ! ไปนอนสำนึกซะ! ถ้าแกยังไม่ได้ลูกค้าอย่างถาวรอีกภายในเดือนหน้า ฉันจะปล่อยแกออกไปเป็นขอทานข้างถนนซะ!”


น้ำพิงค์คลานเข้าสู่ห้องพักของตัวเองอย่างทุลักทุเล แผ่นหลังของเขาร้อนผ่าวและปวดแสบปวดร้อนจนแทบจะขยับไม่ได้ เขาคว้าผ้าชุบน้ำที่เตรียมไว้ล้างแผลประจำมาซับลงบนรอยแส้ที่ฟาดลงมาจนผิวหนังเริ่มปริแตก


เขาพลิกตัวนอนคว่ำลงกับพื้นเย็น ๆ ในห้องที่มืดมิด มือของเขายังคงกุมหนังสือเล่มโปรดเอาไว้ แม้ว่าร่างกายจะเจ็บปวดจนชาไปหมด


“หนังสือ... แกคือทางออกเดียวของฉัน” เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ


ในโลกที่ความรู้คืออำนาจ และร่างกายของเขาเป็นแค่สินค้าที่กำลังจะหมดอายุ น้ำพิงค์รู้ดีว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง... และคนเดียวที่เขาจะพึ่งพาได้ คือผู้มีอำนาจที่เขาได้พบในงานเลี้ยงคืนนี้


พยัคฆ์... ชายผู้ที่มองข้ามเขาไปในวันนี้


ไม่ว่าพยัคฆ์จะมองว่าเขาเป็นอะไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะรังเกียจเขาแค่ไหนก็ตาม... พยัคฆ์คือโอกาสสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดของเขา




--------------------------------------------
ฝากติดตามด้วยนะครับ




🌸 一期一会 (いちごいちえ)

นายกสโมสร

กระทู้
0
ตอบกลับ
54252
พลังน้ำใจ
277214
Zenny
108867
ออนไลน์
21924 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 11:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
นิสิตภาคบัณฑิต (M.D.A)
Money Donate Approved
กระทู้
1
ตอบกลับ
234
พลังน้ำใจ
4990
Zenny
4625
ออนไลน์
2223 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 17:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เริ่มต้นก็ชวนให้ติดตามตอนต่อไปแล้ว

ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
ตอบกลับ
2248
พลังน้ำใจ
16469
Zenny
35
ออนไลน์
2972 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 19:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
จะมารอตามน้อล

ประธานนักศึกษา

กระทู้
0
ตอบกลับ
10039
พลังน้ำใจ
55624
Zenny
6728
ออนไลน์
5424 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 20:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

โสด

กระทู้
0
ตอบกลับ
1406
พลังน้ำใจ
26225
Zenny
7219
ออนไลน์
8078 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 23:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สงสารน้องจังคงผ่านไรมาเยอะอยากเห็นน้องมีรอยยิ้มพิมพ์ใจจังน้อคับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2025-11-13 00:21 , Processed in 0.081230 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2025 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้