|
เสียงล้อกระเป๋าเดินทางลากครูดไปกับพื้นหินแกรนิตมันเงาของล็อบบี้คอนโดหรูดังก้องสะท้อนความไม่เต็มใจอย่างชัดเจน ‘คินน์’ ‘ชิน’ และ ‘ซาน’ สามหนุ่มนักดนตรีหน้าหล่อแห่งชมรมดนตรีโรงเรียน ยืนเกาะกลุ่มกันด้วยท่าทีเบื่อโลกสุดขีด “แม่ง... ต้องมาจริงดิ” คินน์ ไอ้ตัวแสบที่พ่วงตำแหน่งนักร้องนำและหัวโจกของกลุ่ม เตะล้อกระเป๋าตัวเองเบาๆ อย่างระบายอารมณ์ “เออ ก็ ผอ. สั่งไอ้สัส ครูแม่งก็ขู่จริงจังชิบหาย” ชิน มือกลองร่างสูงโปร่ง ขยี้หัวตัวเองจนผมยุ่ง “ถ้ากลางภาคนี้กูตกอีกนะ แม่งยึดไม้กลองกูแน่” “กูก็เหมือนกัน กีตาร์กูสั่นไปหมดแล้วเนี่ย” ซาน มือกีตาร์หน้าคม ยักไหล่ “แต่ที่กูไม่เข้าใจคือ... ทำไมต้องเป็น มัน วะ” ‘มัน’ ที่ว่านั้นกำลังยืนหันหลังกดรหัสเข้าห้องอยู่ไม่ไกล ‘ตั้น’ ... ประธานนักเรียน แค่ชื่อก็ชวนหาวแล้ว ภาพลักษณ์ของตั้นในสายตาคนทั้งโรงเรียนคือไอ้แว่นหนาเตอะ (ถึงช่วงหลังจะเปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์แล้วก็เถอะ) ไอ้เนิร์ดบ้าเรียนที่ชีวิตนี้มีแค่หนังสือกับสภานักเรียน เสื้อเชิ้ตนักเรียนที่รีดกลีบคมกริบ กางเกงสีดำที่ขยับขึ้นมาเกือบถึงอก พูดจาภาษาทางการตลอดเวลา แถมยังเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชมรมดนตรีของพวกคินน์มาตลอด เพราะไอ้ชมรมบ้าพลังของพวกเขามักจะส่งเสียงดังรบกวนการประชุมสภาอันทรงเกียรติของมัน แต่ที่พวกคินน์กับเพื่อนเพิ่งรู้... คือไอ้เนิร์ดนี่แม่งหล่อฉิบหาย ตอนที่ครูประจำชั้นเรียกไปคุย แล้วตั้นเดินเข้ามาในห้องปกครองด้วยลุคหลังเลิกเรียน... ไม่สวมแว่น ผมเซ็ตทรงนิดๆ พอให้เข้าที่ เสื้อยืดสีขาวธรรมดาที่โชว์ให้เห็นโครงร่างนักกีฬา... พวกเขาสามคนถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ผิวขาวๆ กับจมูกโด่งๆ นั่นมันระดับเดือนโรงเรียนชัดๆ แต่ไอ้นิสัยขี้บ่นจู้จี้กับมาดประธานนักเรียนสุดเคร่งนั่นแหละที่ทำลายทุกอย่าง และตอนนี้ พวกเขาต้องมา ‘ค้างคืน’ ที่คอนโดของมัน... ตลอดหนึ่งอาทิตย์เต็ม... เพื่อติวหนังสือ ติ๊ด! เสียงประตูปลดล็อคดังขึ้น ตั้นหันมามองพวกเขาสามคนด้วยสายตาเรียบนิ่งตามแบบฉบับ “เข้ามาได้แล้ว จะยืนบื้ออยู่ตรงนั้นอีกนานไหม เสียเวลา”
: `7 t' y) N5 B% A“คร้าบๆ พ่อประธานนักเรียน” คินน์ลากเสียงยาว กวนตีนเป็นคนแรก ห้องของตั้น... ก็สมกับเป็นห้องของตั้น มันสะอาดเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว โทนสีขาว ครีม เทา เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นแต่เป็นระเบียบ ชั้นหนังสือขนาดยักษ์อัดแน่นไปด้วยตำราเรียนและหนังสือวิชาการ กลิ่นหอมสะอาดจางๆ ลอยอยู่ในอากาศ มันเป็นระเบียบเสียจนพวกเขาสามคนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเชื้อโรคที่กำลังบุกรุกเข้ามา “เอาของไปเก็บในห้องนอนเล็กตรงนั้น” ตั้นชี้ไปที่ประตูบานหนึ่ง “ห้องน้ำอยู่ติดกัน เราให้เวลาสิบห้านาที ล้างหน้าล้างตาแล้วออกมาที่โต๊ะกินข้าว เราจะเริ่มติววิชาแรกกันเลย... คณิต” “โห่/เชี่ย/ไรวะ” เสียงครางประท้วงดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “ไม่ต้องมาโอดครวญ” ตั้นกอดอก มองสามตัวป่วนด้วยสายตาที่เหนื่อยหน่ายขั้นสุด “พวกนายไม่มีสิทธิ์ต่อรอง ถ้ายังอยากไปแข่งดนตรี ก็ต้องทำตามที่เราสั่ง เข้าใจไหม” “รู้แล้วน่า! บ่นเป็นคนแก่ไปได้” คินน์กระแทกเสียง เดินลากกระเป๋าปึงปังเข้าห้องไปเป็นคนแรก หนึ่งชั่วโมงผ่านไป... “ไม่ใช่!” เสียงตั้นที่เริ่มแหลมขึ้นเล็กน้อยด้วยความหงุดหงิดดังขึ้นเป็นครั้งที่ร้อย “สูตรนี้มันใช้กับโจทย์ข้อนี้ไม่ได้! เราเพิ่งอธิบายไปเมื่อสิบนาทีที่แล้วนี่เอง คินน์! นายเอาสมองส่วนไหนฟังฮะ!” “โว้ย! ก็กูไม่เข้าใจนี่หว่า!” คินน์โยนปากกาลงบนโต๊ะเสียงดังปั้ก “ไอ้สูตรเหี้ยไรเต็มไปหมด จะจำได้ไงวะ! แม่งยากชิบหาย!” “มันไม่ยากเลยถ้านายตั้งใจฟัง!” ตั้นชี้หน้าคินน์ “แต่นี่นายเอาแต่นั่งเขี่ยมือถือ! ชิน! นายก็เลิกควงปากกาเล่นเป็นไม้กลองได้แล้ว! ส่วนนายซาน! หยุดเหม่อ!” “โห... พี่ตั้น... ใจเย็นดิ” ชินทำหน้าแหย “พวกผมมันสายกิจกรรม ไม่ใช่สายวิชาการ สมองมันไม่รับอะพี่” “เราไม่ใช่พี่พวกนาย” ตั้นขมวดคิ้ว “เราเพื่อนร่วมห้อง... ที่ต้องมาเสียสละเวลาอันมีค่ามานั่งติวให้พวกสมองกลวงอย่างพวกนายเนี่ย!” คำว่า ‘สมองกลวง’ เหมือนไปสะกิดต่อมอะไรบางอย่างของคินน์เข้าพอดี “เหอะ! ไอ้เนิร์ด! ปากดีนักนะมึง!” คินน์ลุกพรวด ชี้หน้าตั้นกลับ “คิดว่าตัวเองเก่งนักรึไงวะ! ก็แค่ท่องจำเก่งไม่ใช่รึไง!” “อย่างน้อยเราก็ไม่ได้โง่จนต้องให้คนอื่นมานั่งติวให้แบบนี้!” ตั้นตอกกลับทันควัน ไม่ยอมแพ้ “มึง...!” “พอๆๆๆ!” ซานรีบโดดเข้ามายืนขวางกลางระหว่างสองคน “ใจเย็นไอ้สัส นี่วันแรกนะเว้ย จะตีกันตายแล้วรึไง” ตั้นสูดหายใจลึก พยายามข่มอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน ให้ตายเถอะ... นี่มันนรกชัดๆ เขาต้องทนอยู่กับไอ้พวกบ้าสามตัวนี่อีกตั้งเจ็ดวัน! “หกโมงเย็นแล้ว” ตั้นเหลือบมองนาฬิกา “เราจะไปอาบน้ำ... พวกนายสามคน นั่งทำแบบฝึกหัดที่เหลือในชีทนี่ให้เสร็จ... โดยเฉพาะนาย คินน์” เขาจงใจหยิบปากกาแดงมาวงข้อที่ยากที่สุดข้อหนึ่งในชีท “เรากลับมา... ใครยังตอบข้อที่เราวงไว้ไม่ได้แม้แต่คนเดียว... ข้าวเย็นวันนี้ อด” “เฮ้ย!/ไรวะ!/แม่งเผด็จการ!” เสียงโวยวายดังระงม “งอแงเป็นเด็กๆ ไปได้” ตั้นส่ายหัว “พวกนายเลือกเอาเองแล้วกัน” พูดจบ ประธานนักเรียนร่างสูงก็เดินสะบัดหน้าเข้าห้องนอนตัวเองไป ทิ้งสามหนุ่มไว้กับชีทคณิตศาสตร์กองโตและบรรยากาศมาคุ ทันทีที่เสียงประตูห้องนอนตั้นปิดลง... “แม่งเอ๊ย! เกลียดขี้หน้ามันชิบหาย!” คินน์สบถ “แม่งคิดว่าตัวเองเป็นใครวะ มาสั่งอดข้าวพวกเรา!” “แล้วมึงจะทำไงอะ” ชินเปิดชีทดูข้อที่ตั้นวงไว้ “สัส... แคลคูลัสเหี้ยไรเนี่ย... กูเห็นละจะอ้วก” ซานพลิกชีทไปมา “กูว่า... ต่อให้เรานั่งทำถึงพรุ่งนี้เช้า แม่งก็ทำไม่ได้หรอก” ทั้งสามคนเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนที่สายตาเจ้าเล่ห์ของคินน์จะเหลือบไปเห็น... กระเป๋าเป้ของตั้น ที่วางลืมไว้บนโซฟา รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นที่มุมปากของนักร้องนำ “กูมีแผนว่ะ” ตั้นกลับออกมาจากห้องนอนในสภาพที่สบายตัวขึ้นเยอะ เขาเปลี่ยนมาสวมเสื้อยืดสีเทาอ่อนกับกางเกงขาสั้นสบายๆ ผมที่เพิ่งสระมายังชื้นๆ ถูกปัดไปด้านหลังลวกๆ เผยให้เห็นหน้าผากเนียนและกรอบหน้าที่คมชัด ...และเผยให้เห็นสายตาตะลึงงันของสามหนุ่มที่นั่งรออยู่ ปกติพวกเขาจะเห็นตั้นในชุดนักเรียน ไม่ก็ชุดพละ พอมาเห็นในลุคสบายๆ แบบนี้... แถมยังอยู่ในระยะใกล้... มันทำให้พวกเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ไอ้เหี้ยตั้น... แม่งหุ่นดีสัส ถึงเสื้อยืดมันจะไม่ได้รัดรูป แต่ก็มองเห็นลางๆ ว่าใต้ผ้านั่นมันไม่ใช่ร่างก้างๆ ของเด็กเนิร์ดทั่วไปแน่ๆ ไหล่แม่งโคตรกว้าง แขนก็ดูมีกล้ามเนื้อ ไม่แปลกใจที่มันเป็นนักกีฬาโรงเรียนควบตำแหน่งประธานนักเรียนไปด้วย “มองอะไร” ตั้นขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ชอบสายตาที่จ้องมาเหมือนกำลังสำรวจอะไรสักอย่าง “ป... เปล่า” คินน์ไอแค่กๆ แก้เก้อ “เสร็จแล้วเหรอ... ข้อที่มึงวงอะ” ตั้นเลิกคิ้ว “ก็ว่ามาสิ อย่าบอกนะว่าทำไม่ได้” “ทำไมจะทำไม่ได้วะ!” คินน์ยืดอก พูดอย่างมั่นใจ “มึงอย่ามาดูถูกกันนะเว้ยไอ้เนิร์ด” “เหรอ...” ตั้นยิ้มเยาะ “งั้นแสดงวิธีทำมา ถ้าถูก... เราจะสั่งพิซซ่ามาเลี้ยง แต่ถ้าผิด...” “เดี๋ยวก่อน!” คินน์ขัดขึ้น “อะไรอีก” “ถ้ากูทำถูก... มันต้องมีอะไรมากกว่าพิซซ่าดิ” แววตาของคินน์มีเลศนัยจนตั้นเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี “หมายความว่าไง” “ก็... มึงดูถูกพวกกูไว้เยอะนี่หว่า” คินน์ลุกขึ้นยืน เดินช้าๆ มาหยุดตรงหน้าตั้นที่สูงไล่เลี่ยกัน “ถ้ากูทำข้อนี้ได้... มึงต้องโดนทำโทษ” “ตลกละ” ตั้นหัวเราะในลำคอ “เราเป็นคนติวพวกนาย ทำไมเราต้องโดนทำโทษด้วย” “อ้าว... หรือว่ากลัว?” คินน์ยักคิ้วกวนประสาท “กลัวว่าไอ้สมองกลวงอย่างกู... จะดันทำได้ขึ้นมางี้?” “เราไม่ได้กลัว!” ตั้นกัดฟันกรอด เกลียดนักไอ้ท่าทางยียวนกวนประสาทนี่ “ถ้าไม่กลัว... ก็ต้องกล้าพนันดิ” คินน์ยิ้มกว้างขึ้น “เอาไง... ถ้ากูตอบถูกนะเว้ย... มึงต้องถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น” “!!!” ตั้นเบิกตากว้าง “บ้ารึเปล่า! เล่นอะไรเป็นเด็กๆ!” “อ้าว... ไม่กล้าจริงด้วยว่ะ” คินน์หันไปทางเพื่อนอีกสองคน “พวกมึงว่าไง... ประธานนักเรียนแม่งป๊อดว่ะ” “เออว่ะ/ป๊อดจริง” ชินกับซานรีบผสมโรง ส่งเสียงสนับสนุนทันที ความเงียบเข้าครอบงำชั่วขณะ ตั้นยืนหน้าเขียวหน้าเหลือง สลับมองหน้ากวนๆ ของคินน์ กับสายตากดดันของอีกสองคน ให้ตาย... เขากำลังโดนไอ้เด็กสามตัวนี่ปั่นหัว! แต่ถ้าเขาปฏิเสธตอนนี้... เขาก็จะกลายเป็นไอ้ขี้ป๊อดในสายตาพวกมันทันที และนั่นคือสิ่งที่ประธานนักเรียนอย่างตั้นยอมรับไม่ได้! “ก็ได้!” ตั้นตะโกนออกมา “ถ้าคิดว่าเก่งจริงก็เอาดิ! แต่ถ้าผิด... พวกนายสามคนต้องนั่งทำแบบฝึกหัดเพิ่มอีกห้าสิบข้อ ห้ามบ่น ห้ามนอนจนกว่าจะเสร็จ!” “ดีล!” คินน์ยิ้มร่าอย่างผู้ชนะ ตั้นเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะด้วยท่าทีหงุดหงิด กอดอกมองคินน์ที่เดินไปหยิบกระดาษคำตอบมายื่นให้เขา “อะ... ดูซะให้เต็มตา” ตั้นรับกระดาษมา... และดวงตาเขาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง ...มันถูก มันถูกทุกขั้นตอน... ทุกตัวเลข... ทุกบรรทัด... ราวกับลอกจากเฉลยมาเป๊ะๆ “เป็นไปได้ไง...” ตั้นพึมพำ ไม่อยากเชื่อสายตา “นาย... นายทำได้ยังไง” “ก็... กูเก่งไง” คินน์ยักไหล่ ยิ้มกวนตีน “อะ... จ่ายหนี้มาได้ละ ชิ้นแรก... เอาไรดีวะพวกเรา” “เสื้อดิๆๆๆ” ชินตะโกนเชียร์อย่างเมามัน “อยากเห็นหุ่นประธานนักเรียนว่ะ!” ตั้นหน้าแดงก่ำ “นี่พวกนาย... โกงเรารึเปล่า!” “อ้าว พูดงี้ได้ไงวะ!” คินน์แกล้งทำเสียงสูง “มึงไม่มีหลักฐานอย่ามาพูดมั่วซั่วนะเว้ยไอ้ตั้น... หรือมึงจะเบี้ยว” “เรา...!” ตั้นเถียงไม่ออก เขาไม่มีหลักฐานจริงๆ ตอนเขาอาบน้ำ พวกมันอาจจะโทรหาใคร หรือเปิดเน็ตหาเฉลยก็ได้ แต่... เขารับปากไปแล้ว “ก็ได้ๆ! ถอดก็ถอด!” ตั้นพูดอย่างหัวเสีย ก่อนจะกระชากเสื้อยืดสีเทาออกจากตัว... พรึ่บ “โห...” “เชี่ย...” “สัสเอ๊ย...” เสียงอุทานหลุดออกมาจากปากสามหนุ่มพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ใต้เสื้อยืดธรรมดาๆ นั่น... คือเรือนร่างที่แม่งโคตรจะไม่ธรรมดา ผิวขาวจัดที่ตัดกับหัวนมสีชมพูระเรื่อ หน้าอกที่ไม่ได้แบนราบแต่มีมัดกล้ามเนื้อพอดึงดูดสายตา ไล่ลงมาคือ... ซิกซ์แพ็ค ใช่... ซิกซ์แพ็ค... ลอนกล้ามท้องที่เรียงตัวสวยชัดเจนชนิดที่ว่าต่อให้พวกเขาสามคนเข้ายิมทุกวันก็ยังไม่รู้จะได้แบบนี้รึเปล่า กล้ามแขนก็ชัด... ไหล่ก็กว้าง... นี่มันหุ่นนายแบบชัดๆ! “ไอ้เหี้ยตั้น... มึงไปแอบซุ่มฟิตหุ่นตอนไหนวะ!” ชินเป็นคนแรกที่ได้สติ “เนิร์ดเหี้ยไรหุ่นเสียวเป็นบ้า!” “เสียว... เสียวอะไรของนาย!” ตั้นตะคอกกลับ พยายามดึงความมั่นใจกลับมา แต่แก้มที่ร้อนผ่าวกับการที่ต้องยืนเปลือยท่อนบนต่อหน้าผู้ชายสามคนมันทำให้เสียงสั่นอย่างห้ามไม่ได้ “ก็เสียวควยไง... โอ๊ย ไม่ใช่ๆ” ชินรีบโบกไม้โบกมือ “กูหมายถึงหุ่นมึงแม่ง เออ...นั่นแหละ...แจ่มสัส” “ดูอกมันดิ... นมชมพูด้วยว่ะ” ซานชี้เป้า “หุบปาก!” ตั้นตวาด “พอใจรึยัง! เราถอดแล้ว! ทีนี้ก็...” “เดี๋ยว...” คินน์ขัดขึ้นอีก “เมื่อกี้กูบอกว่า ทีละชิ้น... นี่มึงเพิ่งถอดไปชิ้นเดียวนะ” “อะไรนะ!” “ก็... มึงแพ้ข้อเดียวนี่หว่า... แต่กูไม่ได้บอกว่าจะถามข้อเดียว” คินน์ยิ้มร้าย “กูยังมีโจทย์อีก... ถ้ากูตอบถูกอีก... มึงก็ต้องถอดอีกชิ้น... จริงไหมพวกเรา” “จริง!/แน่นอน!/เอาเลยเพื่อน!” ตั้นอ้าปากค้าง นี่มันปล้นกันชัดๆ! เขากำลังติดกับไอ้พวกเวรนี่เต็มๆ! “เราไม่เล่นแล้ว! พวกนายโกง!” “โกงไรวะ? มึงมีหลักฐานเหรอ?” คินน์ยังคงใช้ไม้นี้ “หรือมึงป๊อด... ยอมรับแล้วว่าแพ้” “กู... กูไม่ได้ป๊อด!” ตั้นเผลอหลุดคำหยาบออกมาด้วยความโมโห “ถ้าไม่ป๊อด... ก็มาต่อดิ” คินน์หยิบชีทขึ้นมาอีกแผ่น “ข้อนี้... ถ้ากูทำได้... มึงถอดกางเกง” ตั้นยืนตัวสั่น ไม่ใช่เพราะหนาว... แต่เพราะโกรธและอายจนทำอะไรไม่ถูก เขามองหน้าไอ้ตัวแสบสามคนที่กำลังมองเขาเป็นตาเดียว รอคอยการตัดสินใจ “...ก็ได้! เอามา!” และแน่นอน... คินน์ตอบถูกอีกครั้ง... และอีกครั้ง... และอีกครั้ง... ตั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันไปเอาเฉลยมาจากไหน (ซึ่งจริงๆ ก็คือจากกระเป๋าเป้ของเขาที่ลืมไว้นั่นแหละ คินน์แอบหยิบสมุดเฉลยแบบฝึกหัดไปตอนเขาอาบน้ำ) เขารู้แค่ว่าตอนนี้... เสื้อผ้าเขากำลังหายไปทีละชิ้น เสื้อยืด... ถุงเท้า... กางเกงขาสั้น... จนกระทั่ง... ตั้นเหลือเพียงบ็อกเซอร์สีเทาเข้มตัวเดียวที่ปกปิดร่างกายส่วนล่างเอาไว้ “เชี่ย...” ซานกลืนน้ำลายเอื๊อก “ขาแม่ง... ขาวเนียนชิบหาย” ตั้นยืนกอดอกแน่น พยายามปกปิดร่างกายตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขาเขาสั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่ นี่มันเป็นสถานการณ์ที่อัปยศที่สุดในชีวิตประธานนักเรียนของเขา! “พอ... พอได้แล้ว” ตั้นพูดเสียงสั่น “เรายอมแพ้แล้ว พวกนายเก่ง พวกนายฉลาด พอใจรึยัง” “หืม...ยอมแพ้แล้วเหรอ” คินน์เดินเข้ามาใกล้...ใกล้มาก...จนตั้นได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ กับกลิ่นเหงื่อจากตัวอีกฝ่าย สายตาของคินน์ไล่สำรวจตั้งแต่หน้าอกที่มีไรขนอ่อนๆ ...ลอนหน้าท้อง...จนมาหยุดอยู่ที่เป้ากางเกง... รอยนูนตุงภายใต้บ็อกเซอร์สีเทา “เป็นไงล่ะ...ชอบดูถูกพวกกูนัก” คินน์พูดเสียงเหี้ยม “รู้สึกยังไง...ที่ต้องมายืนแก้ผ้าให้ไอ้พวกสมองกลวงดูวะ” “เรา...เราขอโทษ” ตั้นพูดเสียงแผ่ว “เราไม่น่าพูดแบบนั้น พวกนาย...จะให้เราทำอะไรก็ได้ แต่อย่า... อย่าให้เราถอดอีกเลยนะ” “หึ...” คินน์แสยะยิ้ม “มึงขอร้องกูเหรอ... ไอ้ตั้น” “...” ตั้นเม้มปากแน่น ไม่ยอมตอบ “โอเค... กูให้โอกาสมึงแก้ตัว” คินน์ถอยออกมาหนึ่งก้าว “...” “มึง... เลือกโจทย์มาข้อนึง... ข้อยากที่สุดที่มึงคิดว่ากูทำไม่ได้แน่ๆ” คินน์กอดอกประกาศ “ถ้ากูตอบไม่ได้... มึงรอด... มึงไปใส่เสื้อผ้าได้เลย... คืนนี้พวกกูก็จะตั้งใจติวกับมึงแบบไม่อิดออด” ตั้นเงยหน้าขึ้น แววตาฉายประกายความหวังจางๆ “จริงนะ” “เออ...จริง” คินน์ตอบหนักแน่น “แต่...” “...” ความหวังนั้นริบหรี่ลงทันที “...แต่ถ้ากูตอบได้” คินน์ยิ้ม... รอยยิ้มที่ทำให้ตั้นขนลุกไปทั้งตัว “ถ้ากูตอบได้...มึงต้องถอดไอ้บ็อกเซอร์นั่นออก...และมึงต้องยืน...กางแขน กางขา เป็นรูปตัว X ตลอดเวลาที่พวกกูนั่งกินข้าวเย็น” “!!!” “ว่าไงครับท่านประธาน...กล้ารึเปล่า” คินน์ยักคิ้วยียวน ขณะที่ตั้นกลืนน้ำลาย...นี่มันไม่ใช่การเดิมพันแล้ว...นี่มันคือการขู่เข็ญชัดๆ! เขามองหน้าคินน์...ชิน...และซาน ทั้งสามคนกำลังมองเขาด้วยสายตาของผู้ชนะที่รอคอยเหยื่อ แต่มันคือโอกาสสุดท้ายของเขา ถ้าเขาเลือกข้อที่ยากจริงๆ ข้อที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังต้องใช้เวลาคิดนาน ข้อที่ไม่มีทางอยู่ในเฉลยบ้าๆ นั่น... “ตกลง!” ตั้นเดินไปที่ชั้นหนังสือ หยิบตำราเล่มหนาเตอะที่เขาใช้เตรียมสอบโอลิมปิกออกมา เปิดไปหน้าท้ายๆ ...เลือกโจทย์ที่ซับซ้อนและต้องใช้การประยุกต์ขั้นสูง “ข้อนี้...ถ้าพวกนายทำได้...เรายอม” คินน์รับกระดาษโจทย์ไป...ขมวดคิ้วมุ่น... ชินกับซานชะโงกหน้าเข้ามาดู...แล้วก็ทำหน้าเหมือนเห็นผี “เชี่ย...ไรวะเนี่ย...ภาษาต่างดาวป่ะ” ชินพึมพำ ตั้นยิ้มมุมปาก...เป็นครั้งแรกในรอบชั่วโมงที่เขารู้สึกว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า ...แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ค้างแข็ง เมื่อคินน์... ที่ยืนนิ่งไปเกือบห้านาที... ค่อยๆ หยิบปากกาขึ้นมา... แล้วบรรจงเขียน...เขียน...และเขียน... ตั้นมองตามลายมือที่ตวัดสูตรและตัวเลขต่างๆ ลงบนกระดาษด้วยความรู้สึกที่เหมือนโลกถล่ม เป็นไปได้ยังไง... มันคิดได้ยังไง... หรือว่า... “เสร็จละ” คินน์โยนปากกาลง... ยื่นกระดาษคำตอบที่เต็มไปด้วยวิธีทำอันซับซ้อนแต่ ถูกต้อง ทุกขั้นตอน... คืนให้ตั้น ตั้นรับกระดาษมาด้วยมือที่สั่นเทา... เข่าอ่อนจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ...มันไม่ได้โกง อย่างน้อย... ข้อนี้มันก็ไม่ได้โกงแน่ๆ ... ไอ้คินน์... ไอ้เด็กกิจกรรมสมองกลวงในสายตาเขา... มันคืออัจฉริยะคณิตศาสตร์ที่แกล้งโง่มาตลอด! “เอาล่ะ...” เสียงของคินน์ดังขึ้นราวกับเสียงจากนรก “ถึงเวลาจ่ายหนี้แล้ว... ประธาน” “ไม่... เดี๋ยว... คินน์... เรา...” ตั้นถอยหลังกรูดจนแผ่นหลังชนเข้ากับผนังห้องเย็นเฉียบ “มึงพูดเองนะเว้ย... ว่ามึงจะยอม” คินน์เดินตามมาติดๆ พร้อมกับชินและซานที่เดินขนาบข้างมาเหมือนฝูงหมาป่าที่กำลังล้อมเหยื่อ “ถอด” คินน์สั่งเสียงเรียบ “ไม่...ไม่เอา...เราอาย...” ตั้นส่ายหน้า น้ำตาเริ่มคลอหน่วย “กูบอกให้... ถอด!” คินน์กระชากเสียง ตั้นสะดุ้งสุดตัว เขาแล้วรู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองไม่มีทางหนี เขาแพ้แล้ว...แพ้อย่างราบคาบ มือที่สั่นเทาค่อยๆ เอื้อมไปจับขอบบ็อกเซอร์... นิ้วเกร็งจนซีด เขาหลับตาปี๋ แล้วดึงมันลง พรึ่บ!!! ความรู้สึกเย็นวาบที่บริเวณส่วนล่างของร่างกายทำให้เขารู้ว่า... ตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรปกปิดอีกแล้ว ตั้นรีบยกมือทั้งสองข้างลงมาปิด... กุม ‘ส่วนนั้น’ ของตัวเองไว้แน่น... ใบหน้าแดงก่ำจนลามไปถึงหูและลำคอ “เฮ้ยๆๆๆ” ชินร้องท้วง “ทำงี้ขี้โกงนี่หว่า... มึงยังทำตามสัญญาไม่ครบนะเว้ย” “สัญญา... สัญญาอะไร” ตั้นพึมพำเสียงสั่น “ก็...” คินน์ยิ้มมุมปาก “กางแขน... กางขา... เป็นรูปตัว X” “ไม่!!!” ตั้นตะโกนลั่น “พวกนายจะบ้าเหรอ! เราไม่ทำ! มันน่าอายเกินไปแล้ว!” “มึงจะทำ... หรือมึงอยากให้พวกกู ช่วย มึงทำ” คินน์ก้าวเข้ามาอีกก้าว... ยื่นมือมาทำท่าเหมือนจะจับข้อมือตั้น แค่นั้น... ตั้นก็ยอมแพ้... เขารู้ว่าถ้าขัดขืน... มันจะเลวร้ายกว่านี้ ตั้นจึงค่อยๆ ปล่อยมือที่กุม ‘สิ่งนั้น’ อยู่ออก... ความอัปยศแล่นริ้วไปทั่วร่างเมื่อส่วนที่ควรจะลับที่สุดของเขาถูกเปิดเผยต่อสายตาสามคู่ที่จ้องเขม็งมาราวกับจะกลืนกิน แล้วในที่สุดตั้นก็ค่อยๆ กางแขนออกไปจนสุด เหยียดขาออกเล็กน้อย ยืนนิ่งในท่า ‘ตัว X’ ตามที่พวกมันบัญชา รู้สึกได้ว่าหน้าร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ขณะที่สามคนนั้นส่งเสียงหัวเราะออกมาลั่น “โอ้โห...” ซานเป็นคนแรกที่หลุดอุทานออกมา “ไม่เล็กเลยนะนั่น...” ตั้นอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ ... สิ่งที่ซานพูดมันคือเรื่องจริง... ‘น้องชาย’ ของตั้น... แม้จะอยู่ในสภาพสงบนิ่ง... ก็มีขนาดที่น่าประทับใจ... หกนิ้วเต็มๆ ... แถมยังขาวสะอาดหมดจด... สมส่วนไปกับรูปร่างนายแบบของเขาอย่างน่าประหลาด “ไอ้เหี้ย... หกนิ้ว... แม่ง... ขาวอวบชิบหาย” ชินวิจารณ์อย่างออกรส “หัวแม่งก็ชมพูเหมือนนมมึงเลยว่ะไอ้ตั้น!” “หัวบานสวยด้วยนะเว้ย... ดูดิ... ยังไม่เคยโดนขลิบแน่ๆ” คินน์เดินเข้ามาดูใกล้ๆ ... ใกล้จนตั้นรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่าย “ห... หุบปาก...” ตั้นเค้นเสียงออกมา “พ... พวกนาย... สั่งพิซซ่าได้แล้ว... เราหิว” “เออว่ะ หิวเหมือนกัน” คินน์หัวเราะ “พวกมึงไปหยิบจานมา ส่วนกูจะโทรสั่งพิซซ่าหน้าฮาวายเอี้ยนชีสหนาๆ ขอบไส้กรอก เอาถาดใหญ่สุดเลย” และแล้วหลังจากนั้นตั้นก็ต้องยืนเปลือยเปล่า กางแขนกางขาเป็นเป้านิ่งให้สายตาโลมเลียของพวกมัน ในขณะที่พวกมันสามคนเดินไปหยิบจาน ช้อน เปิดตู้เย็นรินน้ำ ทำทุกอย่างช้าๆ ช้าราวกับจะจงใจอย่างไรอย่างนั้น… เวลาผ่านไปเหมือนเป็นชาติกว่าพิซซ่าจะมาส่ง แล้วพวกมันก็แกล้งทำเป็นวุ่นวายกับการจ่ายเงิน กับการเปิดกล่อง... “หอมว่ะ... มึงว่าไหมไอ้ตั้น” คินน์ถือชิ้นพิซซ่าร้อนๆ มายืนกินตรงหน้าตั้น “อยากกินปะล่ะ แต่เสียใจนะเว้ย คนทำผิดสัญญา เอ๊ย! คนแพ้พนัน ไม่มีสิทธิ์กิน” ตั้นกัดริมฝีปากล่างจนเจ็บ... น้ำใสๆ เริ่มเอ่อคลอที่ขอบตา... เขายืนนิ่ง... พยายามทำตัวให้เป็นเหมือนรูปปั้น... ไม่ขยับ... ไม่รู้สึก... แต่ร่างกาย... มันไม่เคยโกหก การที่ต้องมายืนเปลือยต่อหน้าคนอื่นเป็นเวลานานๆ ... ความอับอาย... ความตื่นกลัว... ผสมปนเปกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยรู้จัก... ความรู้สึกที่... มันปวดหนึบๆ ที่ท้องน้อย... และ... ‘ส่วนนั้น’ ของเขา... ที่ห้อยต่องแต่งอยู่... มันเริ่ม... เปลี่ยนไป “เฮ้ย...” ชินที่กำลังเคี้ยวพิซซ่าตุ้ยๆ ชี้มาที่เป้าของตั้น “พวกมึงดู... ดูนั่นดิ” ซานกับคินน์หันไปมองตาม... ...แล้วเสียงหัวเราะก็ระเบิดลั่นห้อง “ฮ่าๆๆๆๆ!/เชี่ย!/แม่งโด่!” ตั้นก้มลงมอง... และใบหน้าเขาก็ซีดเผือด... ไอ้น้องชายที่เมื่อกี๊ยังสงบนิ่ง... บัดนี้มันกลับผงกหัวขึ้นมา ค่อยๆ ขยายใหญ่ ชูชัน แข็งเปรี๊ยะ ชี้โด่เด่ท้าทายสายตาพวกมันอย่างไม่อายฟ้าอายดิน! “สัสเอ๊ย! ฮ่าๆๆๆๆ! ไอ้ตั้นมึงโด่!” ชินหัวเราะจนน้ำตาเล็ด “โห... โด่แล้วแม่งใหญ่สัส... ใหญ่กว่าเดิมอีก!” ซานรีบหยิบมือถือขึ้นมา... แต่โดนคินน์ปัดไว้ทัน “อย่าเพิ่งถ่าย... เดี๋ยวมันหด” คินน์พูด... แต่นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ ตั้นอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี เขาพยายามหุบขา พยายามเอามือลงมาปิด แต่ก็ทำไม่ได้ ร่างกายมันแข็งทื่อไปหมด “ไม่ ไม่ใช่ เรา...เราไม่ได้...” ตั้นพยายามเถียง... แต่เสียงมันสั่นจนฟังไม่เป็นภาษา “ไม่ได้อะไรวะ... ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าโด่” คินน์เดินเข้ามาใกล้... ใกล้กว่าเดิม... จนปลายจมูกแทบจะชนกับแผงอกของตั้น เขาก้มลงมอง จ้องไอ้แท่งเนื้อที่กำลังชูชันอย่างท้าทาย มันเต้นตุบๆ ตามจังหวะชีพจรของตั้น ผิวขาวๆ ตอนนี้เริ่มมีสีแดงระเรื่อ มีน้ำใสๆ ปริบๆ ออกมาที่ส่วนหัว “เงี่ยนเหรอ... ประธาน” คินน์ถามเสียงพร่า... ก่อนจะยื่นนิ้วชี้... ค่อยๆ เขี่ยไปที่ส่วนหัวบานที่ไวต่อความรู้สึกนั้นเบาๆ “!!!” ตั้นสะดุ้งเฮือก! ขนลุกซู่ไปทั้งตัว! ความรู้สึกเสียวแปลบที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนแล่นปราดจากปลายทางนั้น... วิ่งตรงขึ้นมาที่สมอง... “อึก... ย... อย่าทำ!” ตั้นร้องเสียงหลง “ม... มัน... มันปวดฉี่!” “...” “...” “...” ทั้งคินน์ ชิน และซาน... นิ่งอึ้งไปพร้อมกัน ...ปวดฉี่? “ฮะ... มึงว่าไงนะ” คินน์ถามซ้ำ คิดว่าตัวเองหูฝาด “เราบอกว่าอย่าเล่น... มันปวดฉี่! ม... มันเสียว... เดี๋ยวฉี่แตก!” ตั้นพูดด้วยความตื่นตระหนกจริงๆ ความเงียบกริบ... ก่อนที่เสียงหัวเราะระลอกใหม่ที่ดังกว่าเดิม... ฮาหนักกว่าเดิม... จะระเบิดออกมา “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ! ไอ้เหี้ยยยยยย! ปวดฉี่! แม่งเอ๊ย! ฮ่าๆๆๆๆ!” ชินถึงกับลงไปนอนกองกับพื้น ขำจนท้องแข็ง “กู... กูไม่ไหวแล้ว... ฮ่าๆๆๆ! ไอ้เนิร์ดเอ๊ยยยย!” ซานตบโต๊ะปังๆ คินน์... คือคนที่อึ้งที่สุด... เขายืนจ้องหน้าตั้น... คนที่ตอนนี้ยืนควยโด่ชี้หน้าเขา... แต่กลับทำหน้างง... หน้าเหวอ... เหมือนเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย “ไอ้ตั้น...” คินน์ถามเสียงจริงจัง... “มึง... ไม่รู้จักคำว่า ‘เงี่ยน’ เหรอวะ” “เงี่ยน... เงี่ยนอะไร” ตั้นขมวดคิ้ว “มันคืออะไร... มันเป็นศัพท์วิชาการเหรอ... อย่ามาแกล้งเรานะ... เราบอกว่าเราปวดฉี่ไง!” คินน์หันไปมองหน้าเพื่อน... ชินกับซานที่ตอนนี้หยุดขำแล้ว... แต่เปลี่ยนเป็นทำหน้าอึ้งแดกแทน “เชี่ย...” ชินพึมพำ “มันไม่รู้จริงๆ ว่ะ” “หมายความว่า...” ซานพูดต่อ “ไอ้ประธานนักเรียนสุดเพอร์เฟกต์ของโรงเรียนเรา... แม่ง... ไม่เคย...?” คินน์หันกลับมามองตั้น... มองไอ้ควยหกนิ้วที่ยังแข็งโด่อยู่... มองใบหน้าซื่อๆ ที่เต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว... รอยยิ้ม... รอยยิ้มที่บิดเบี้ยวและอันตรายที่สุด... ผุดขึ้นบนใบหน้าของคินน์ “แปลว่า... มึงชักว่าวไม่เป็น... สินะ” “ช... ชักว่าว? มันคืออะไร...” คินน์หัวเราะในลำคอ... เขายื่นมือไป... ไม่ใช่แค่นิ้ว... แต่เป็นทั้งฝ่ามือ... ค่อยๆ กอบกุม... ลูบไล้แท่งเนื้อร้อนๆ ที่สั่นสู้มือเขานั้น... ตั้นสะดุ้งอีกครั้ง... แต่คราวนี้มันไม่ใช่แค่ความเสียวแปลบ... มันคือความ... รู้สึกดี... อย่างประหลาด... “ไม่ต้องห่วง...” คินน์กระซิบข้างหูตั้น... ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาเป่ารดใบหูที่แดงก่ำ “เดี๋ยวพวกกู... สอน... เอง”
3 u* B$ `3 Q8 K# ?
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ ถ้าชอบฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจด้วยนะครับ อาจจะไม่ค่อยได้ตอบ แต่มาอ่านตลอดครับ เรื่องนี้ที่จริงผมลงทางรี้ดอะไร้ท์ครับ ในนั้นชื่อเรื่องว่า "ติว(เสียว)กับประธานนักเรียน" แต่ผมนำตอนฟรี2ตอน ทยอยมาลงด้วย ถ้าชอบฝากติดตามต่อด้วยนะครับ / `2 W0 @6 @5 S: Q( K
|