|
พรานโด่ง กลับมาใช้ชีวิตตามปกติหลังจากร่วมเดินทางกับเดชและคุณดนัยเขาไม่ได้กลับเข้าไปในป่าอีก แต่คืนวันของเขาเต็มไปด้วยความฝันที่ไม่ปกติ เขาฝันถึง 'มั่น' ชายในชุดโจงกระเบนแดง ที่ปรากฏตัวในซากโบราณสถาน ทุกความฝันคือการร่วมรักที่เร่าร้อนจนทำให้โด่งตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าและร่างกายที่ร้อนผ่าว คืนนี้ก็เช่นกันโด่งตื่นขึ้นมากลางดึก เหงื่อกาฬไหลท่วมตัวเขาจำรายละเอียดของใบหน้าและสัมผัสเย็นเยียบของชายในฝันได้อย่างชัดเจนควยของเขาแข็งโด่ชูดชันดันกางเกงขึ้นมา ปลายควยมีน้ำเงี่ยนไหลจนแฉะเป็นดวง 'นี่มันไม่ใช่แค่ฝันแล้วมั้ง...'โด่งคิดอย่างสับสน เขาเกิดความต้องการที่จะได้เจอกับ"ผีนายมั่น" อีกครั้ง ปนเปกับความกลัวที่เขาไม่อาจควบคุมตัวเองได้ โด่งตัดสินใจที่จะกลับไปที่ซากโบราณสถานเพียงลำพังเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับดอกไม้ประหลาดนั้น และ ความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาด ที่ก่อตัวขึ้นกับผีป่านายมั่นตนนั้น พรานโด่ง ใช้เวลาเดินทางกว่าครึ่งค่อนวันเพื่อกลับมายังซากโบราณสถานเก่าแก่ที่เขาเคยล้มลง เขามาถึงในช่วงพลบค่ำถือว่าไวกว่าตอนที่มากับพรานเดชและดนัย บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบสงบและไอเย็นจากเศษอิฐโบราณที่ถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์ โด่งเดินเข้าไปยังจุดที่เขาล้มลงในวันนั้นอย่างระมัดระวัง เขามองสำรวจไปที่ซอกอิฐ ที่เต็มไปด้วยมอสสีเขียวชอุ่ม ไม่พบร่องรอยของดอกไม้ป่าสีขาวกลีบโปร่งแสงอีกแล้ว อาจเป็นเพราะเดชและคุณดนัยได้เก็บไปเกือบหมดแล้วหรือดอกไม้นั้นร่วงโรยไปเองตามธรรมชาติ แต่ที่พื้นดินใกล้ๆ กันนั้น โด่งกลับ เจอร่องรอยของสิ่งที่คล้ายกลีบดอกไม้ที่แห้งกรัง เป็นผงสีขาวจางๆกระจายอยู่ตามรอยแตกของแผ่นอิฐโบราณ เขาย่อตัวลงใช้มือปาดเบาๆ ผงเหล่านั้นมีกลิ่นหอมเย้ายวนที่คุ้นเคย กลิ่นเดียวกับที่เขาจำได้จากความฝัน กลิ่นที่ทำให้ความเงี่ยนในตัวเขากลับมาลุกโชนตลอดหลายวันนี้ โด่งตัดสินใจที่จะ ค้างคืนที่โบราณสถาน แห่งนี้เขาเลือกทำเลที่ราบเรียบใกล้กับเศษอิฐที่พบร่องรอยกลีบดอกไม้ แล้วก่อกองไฟเล็กๆเพื่อป้องกันสัตว์ร้ายและไล่ความชื้น เมื่อความมืดเข้าปกคลุม โด่งก็นั่งลงมองกองไฟ แต่สายตาของเขากลับมองเลยเปลวไฟไปยังความมืดที่โอบล้อมเขารู้สึกถึงความเย็นที่ผิดปกติของสถานที่แห่งนี้ เขานั่งรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ใช่การรอสัตว์ป่า แต่เป็นการรอคอย 'ผีนายมั่น' ชายในชุดโจงกระเบนแดงที่มาตามนัดในความฝัน เมื่อกองไฟเริ่มมอดลงและความเงียบเข้าปกคลุมอย่างสมบูรณ์ โด่งก็เอนตัวลงนอน มือของเขาปาดผงกลีบดอกไม้แห้งที่อยู่บนพื้น มาทาถูที่แผงอกของตัวเอง เพื่อเป็นเหมือนสัญญาณเชื้อเชิญสุดท้าย โด่งสะลึมสะลือ กึ่งหลับกึ่งตื่น ความรู้สึกเย็นยะเยือกเริ่มคืบคลานเข้าสู่ร่างกายที่ยังคงร้อนผ่าวจากเศษกลีบดอกไม้ที่ทาไว้เขาพยายามลืมตาขึ้น แต่ร่างกายกลับหนักอึ้งและมองเห็นภาพไม่ชัดเจน ในห้วงแห่งความมืดมิดนั้นเอง เขาก็ได้เจอ... เงาร่างของ 'มั่น' ชายใน ชุดโจงกระเบนสีแดงเข้ม ที่คุ้นเคยในความฝัน ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาอย่างสง่างาม ร่างกายของเขามีกล้ามเนื้อกำยำสมกับเป็นพรานป่าแต่ผิวพรรณกลับ ซีดขาวราวกับหิมะ ดวงตาของเขาทอประกายสีเงินอ่อนๆในความมืดมิด "ในที่สุดเจ้ามาแล้ว...พรานโด่ง" เสียงของมั่นทุ้มต่ำและเย็นเยียบราวกับสายลมยามค่ำคืน "ข้ารอเจ้ามานานแล้ว" โด่งพยายามดึงสติกลับมาเขาขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงซากอิฐที่เย็นเฉียบ ความรู้สึกกลัวปนความวาบหวิว ทำให้เขาพูดได้เพียงเสียงกระซิบ "ท่าน... ท่านเป็นใครกันแน่"โด่งถามเสียงแหบพร่า "ทำไมถึง... เข้ามาในฝันของข้าได้" มั่นยิ้มอย่างอ่อนโยนแต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้โด่งรู้สึกขนลุก "ข้าคือผู้เฝ้าสถานที่แห่งนี้...และข้าคือคนที่เจ้าเรียกร้อง" มั่นเอ่ยพลางก้าวเข้ามาใกล้กองไฟที่มอดลง "ส่วนเรื่องที่ข้าเข้าไปในฝันของเจ้านั้น...ก็เพราะเจ้าจิตอ่อนกว่าที่ตนเองคิดจนข้าเข้ามาปรากฏตัวให้เจ้าเห็นได้ยังไงล่ะ" "จิตอ่อน...?" โด่งทวนคำ เขาเพิ่งนึกได้ถึงตอนนั้นเขาตกใจเงาบางสิ่งจนล้มลง "ใช่แล้วอาจจะมีเรื่องอื่นอีกก็ได้ข้าก็ไม่แน่ใจนัก" มั่นตอบ "แต่อีกอย่างดอกไม้นั้นเชื่อมโยงดวงจิตของเจ้าเข้ากับข้าจนข้าตามเจ้าได้...และตอนนี้ เจ้าผูกพันธะ ด้วยการนำกลีบและเกสรที่แห้งกรังมาทาตัว... เจ้าอยากรู้เรื่องราวของข้ามั้ยล่ะ?" โด่งไม่ลังเลที่จะตอบ "ข้าอยากรู้ความลับของสถานที่นี้!" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "ข้าอยากรู้ว่าดอกไม้นั้นคืออะไรและทำไมมันถึงผูกพันธะข้ากับท่านได้" มั่นหัวเราะเบาๆเสียงของเขาเย็นเยียบแต่แฝงด้วยความเย้ายวน "จะฟังเรื่องราวของข้า... ไม่ได้มาฟังง่ายๆ หรอกนะพรานโด่ง" ผีนายมั่นเดินเข้ามาใกล้โด่งมากขึ้นจนสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา "ข้าจะบอกเรื่องราวให้เจ้าก็ได้...แลกกับการเป็นของข้า" ผีนายมั่นมั่นกระซิบข้างหูโด่ง "เจ้าจะต้องยอมทำตามคำสั่งของข้า...ตราบเท่าที่ข้าต้องการ" มั่นไม่รอคำตอบเขาใช้ปลายนิ้วที่เย็นเฉียบแตะลงบนแผงอก ของพรานโด่งที่ถูกทาด้วยเศษดอกไม้ สัมผัสที่เย็นเยียบแต่กลับปลุกเร้าความร้อนรุ่ม ที่ซ่อนอยู่ภายใน "ร่างกายของเจ้ากำลังเรียกร้องหาข้า"มั่นเอ่ยเสียงต่ำ "เจ้าไม่จำเป็นต้องต่อต้านความรู้สึกนี้...ปล่อยให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นคำตอบ" มั่น เลื่อนปลายนิ้วลงไปตามกล้ามเนื้อหน้าท้องจากภายนอกเสื้อของโด่งอย่างช้าๆ "เจ้าลองคิดดูสิ...ว่าความสุขสมที่เจ้าได้รับในความฝัน... มันจะเป็นจริงและเร่าร้อนแค่ไหน...ในตอนนี้" เมื่อปลายนิ้วของมั่นสัมผัสกับผิวของโด่ง ร่างกายของโด่งก็ตอบสนองอย่างรุนแรง เขาเข้าใจในทันทีว่า วิญญาณของมั่นมีกลิ่นเดียวกับดอกไม้นั้น ซึ่งหมายความว่า การมีตัวตนอยู่ของมั่นคือการกระตุ้นความปรารถนาที่สมบูรณ์แบบ ความปรารถนาที่ถูกกระตุ้นด้วยดอกไม้ และ กลิ่นหอมเย้ายวนจากตัวตนของมั่น ทำให้โด่ง หมดสิ้นซึ่งการควบคุม เขาไม่สนใจเรื่องราวหรือข้อตกลงใด ๆ อีกต่อไปแล้ว "ข้า..." โด่งครางเสียงสั่นพร่า "ท่าน...ข้าชักจะทนไม่ไหวแล้ว...อืมมมม..." ผีนายมั่นมั่นยิ้มอย่างพึงพอใจในความสำเร็จ เขาโน้มตัวลงมาประทับริมฝีปาก บนปากของโด่งอย่างเร่าร้อน การจูบที่เย็นเยียบแต่เต็มไปด้วยไฟปรารถนา ทำให้โด่งตอบรับอย่างบ้าคลั่ง มือของโด่งคว้าขอบโจงกระเบนสีแดง ของมั่นไว้แน่นยอมจำนนต่อความปรารถนาที่ไม่อาจยับยั้งได้ มั่นใช้ริมฝีปากบดเบียดกับโด่งอย่างดุดัน ดูดดึงลิ้นร้อนของโด่งเข้าไปในโพรงปาก ความเย็นเยียบจากปากของผีนายมั่นปะทะกับความร้อนรุ่มที่แล่นพล่านในกายของโด่งทำให้เกิดความรู้สึกซาบซ่านจนโด่ง จิกเล็บลงบนไหล่ของผีนายมั่น อย่างสุดจะควบคุม "อืมมม... อื๊อออ!"โด่งครางเสียงสั่น กลิ่นหอมหวานจากตัวมั่น ยิ่งทำให้โด่งคลั่งไคล้ มั่นผละริมฝีปากออกช้าๆ แต่ยังคงซุกไซ้ใบหน้าเย็นๆไปตามลำคอของโด่ง ดูดดึงผิวหนังบริเวณชีพจรจนเกิดเสียงดัง "จ๊วบ!" มือที่ซีดขาวของมั่น ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อลายสก๊อตสีน้ำเงินของพรานโด่งออกอย่างช้าๆเผยให้เห็นร่างกายที่กำยำและชุ่มไปด้วยเหงื่อจากความตื่นเต้น ผีนายมั่นค่อยๆ รูดกางเกงวอร์มและกางเกงในของพรานลงมาทีเดียวเมื่อร่างกายของโด่งเปลือยเปล่า มั่นก็ ก้มลงไปดูดดึงหัวนมสีเข้ม ของโด่งอย่างหื่นกระหาย ลิ้นที่เย็นเฉียบตวัดเลียรอบฐาน ก่อนจะ ดูดเม้มอย่างรุนแรง จนโด่ง แอ่นตัวขึ้นครางเสียงดังลั่น "อ่าาาาห์...เสียว... เย็น...อื้มมมม..." มั่นไม่หยุดเพียงแค่นั้น มือเย็นๆ ของเขาลูบไล้ไปทั่ว ตั้งแต่แผงอกลงมาถึงหน้าท้องที่เกร็งแน่นก่อนจะไปหยุดอยู่ที่โคนควย เขาค่อยๆ ลูบไปตามดงหมอยของโด่ง มั่นเลื่อนมือลงไปใช้มือจับแท่งควยที่กึ่งแข็งกึ่งอ่อนแล้วชักขึ้นลงอย่างช้าๆจนมันแข็งจนเต็มกำมือ พลางจ้องมองใบหน้าที่เหยเกไปด้วยความสุขสมของโด่ง ผีนายมั่นมั่นดันโด่งให้นอนราบลงบนพื้นดินที่เย็นเฉียบก่อนที่ ร่างกำยำของมั่นจะขึ้นคร่อมโด่งไว้เขาไม่รอช้า สอดแท่งควยที่แข็งชูชันมีน้ำล่อลื่นไหลเต็มหัวควยของพรานโด่ง เข้าสู่ช่องทางรักของตัวเองอย่างช้าๆ "อ๊าาาาาาาาาห์!ซี้ดดด!" พรานโด่งครางออกมาเสียงสั่นระรัว ความเสียวแว๊บจากความเย็นแรกถูกแทนที่ด้วยความเสียวที่เกินบรรยาย ผีนายมั่นขยับก้นขึ้นลงช้าๆ สลับกับเร่งจังหวะกระแทกกระทั้น อย่างรุนแรงตามแรงเงี่ยนที่ถูกปลุกเร้า โด่งตอบรับการรุกรานนั้น ด้วยการ โอบรัดเอวของนายมั่นไว้แน่น รัวกระหน่ำกระแทกควย ทั้งสองร้องครางระส่ำ"อึ๊บ! อ่าาาห์! แรงอีก!" ด้วยความเสียวที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ความเย็นในตัวนายมั่นถูกความอุ่นจากแท่งควยพรานโด่งละลายลงท่ามกลางความเร่าร้อนที่ไม่อาจควบคุมได้ นายมั่นเร่งจังหวะเด้งก้นขึ้นลงเร็วขึ้นอย่างไม่ลดละ เพราะเขาไม่มีขีดจำกัดทางร่างกาย เขาต้องการให้โด่งจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความเงี่ยนจนหนีไปไหนไม่ได้ โด่งแทบจะขาดใจ"เสียว... มั่น! ข้าจะ... แตกแล้ว!อ่าาาาาห์!" โด่งร้องออกมาอย่างสุดเสียง โด่งจ้องมองใบหน้าของนายมั่นในขณะที่ถึงจุดสูงสุด ปล่อยน้ำรักอุ่นร้อนเข้าสู่ภายในวิญญาณของนายมั่น อย่างเต็มเปี่ยม "อืมมมม!อ๊ากกก!" เสียงคำรามของโด่งสั่นสะท้าน เป็นการยืนยันการตกเป็นของผีป่าตนนี้ ความจริงนั้นร่างกายของพรานโด่งเกร็งกระตุกอย่างรุนแรงพ่นน้ำรักออกมาเลอะหน้าท้องของตัวเอง ความปรารถนาที่ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์ ทำให้โด่งนอนหอบหายใจหนักๆ อยู่ด้วยความอ่อนแรง ส่วนวิญญาณมั่นยังคง ทาบตัวอยู่บนร่างของโด่งอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย พรานโด่งนอนหมดแรงอยู่บนพื้นข้างซากปรักหักพัง ร่างกายยังคงสั่นระริกจากความสุขสมที่เพิ่งผ่านพ้นไป เขาพยายามสูดหายใจเข้าปอด อย่างช้าๆ เพื่อฟื้นคืนสติแต่สัมผัสของมั่นที่ยังคงทาบทับอยู่บนตัวเขา ทำให้ความรู้สึกเสีนวซ่านยังไม่จางหายไป ผีนายมั่นยันตัวขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เขาลูบแก้มของโด่งด้วยปลายนิ้วที่เย็นเฉียบ "เจ้าคิดว่ามันจบแล้วหรือ...พรานโด่ง?" เสียงของมั่นทุ้มต่ำและเย้ายวน นายมั่นก้มลงไปจูบซับน้ำรัก ที่เลอะอยู่บนหน้าท้องของโด่งอย่างช้าๆ ลิ้นของเขาไล่เลีย ไปตามผิวเนื้อที่เต็มไปด้วยเหงื่อ "น้ำรักของเจ้า...หวานกว่าน้ำผึ้งป่าเสียอีก..." นายมั่นเลื่อนใบหน้ากลับไปที่แท่งควยของโด่ง ที่เริ่มจะอ่อนตัวลงไปเพียงเล็กน้อยแล้วใช้ปากครอบคลุมมันอีกครั้ง ดูดดึงเบาๆ ด้วยความละมุนละไม แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความกระหาย ก่อนจะผละออกมากใช้ลิ้นวนตรงหัวหยักแทงลิ้นลงบนปากรูปาดน้ำเงี่ยนออกมาชิม ความวาบหวามที่คาดไม่ถึงนี้ ทำให้โด่ง เบิกตากว้าง แล้ว ครางออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ "อ๊าาาาห์...ไม่... พอแล้ว..." คำห้ามปรามของโด่งเป็นเพียงลมปาก ร่างกายของเขาตอบสนองต่อการเร้าอารมณ์อีกครั้ง มันเร่าร้อนและรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า ความเงี่ยนที่ถูกปลุกซ้ำ ทำให้โด่ง แอ่นตัวขึ้นจากพื้น แท่งควยที่เคยอ่อนตัวลงเพียงเล็กน้อยกลับผงาดแข็งขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ราวกับถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยมนตร์เสน่ห์ที่ไม่อาจต้านทาน "อื้มมมม!อ้าาาาห์! งั้นก็เอาอีก! อมเข้าไปลึกๆ เลย!" โด่งครางเสียงแหบพร่า เขาคว้าศีรษะของมั่นไว้ กดให้จมจนจมูกของนายมั่นจมลงไปในดงหมอยที่ดกดำของเขาอย่างบ้าคลั่ง เขารัวเอวเข้าหามั่นอย่างรุนแรงและเร่งเร้า ปลดปล่อยความคลั่งไคล้ทั้งหมดที่ถูกเก็บซ่อนไว้ ผีนายมั่นยอมจำนนต่อความกระหายของโด่ง ดูดดึงและเลียไล้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย"ซี้ดดดด! เจ้านี่มันขี้เงี่ยนจริงๆ นะนายพราน!" นายมั่นพึมพำเสียงเย็นความสุขสมครั้งที่สองมาถึงอย่างรวดเร็วและรุนแรง พรานโด่งพ่นน้ำรักออกมาอีกครั้งอย่างไม่เหลือเค้าความอ่อนเพลียใดๆ "อ๊ากกกก!แตกแล้ว! แตก! อื้มมมม!" น้ำรักปริมาณมาก พุ่งเข้าสู่ปากของมั่น ก่อนมั่นจะไหลย้อยกลับมาตามแท่งควยของพรานโด่งเป็นการเติมเต็มพันธสัญญา แห่งความปรารถนาที่ไม่ยอมจบสิ้น พรานโด่งนอนหมดสติไปบนพื้นดินที่เย็นเฉียบร่างกายสั่นระริกจากการปลดปล่อยอย่างต่อเนื่อง ผีนายมั่นยังคงทาบตัวอยู่บนร่างของโด่งอย่างนั้น ปล่อยให้ความเย็นเยียบของวิญญาณค่อยๆบรรเทาความร้อนรุ่ม ในตัวพรานป่า หลังจาก พรานโด่งหลับไปได้สักพัก เพื่อฟื้นฟูกำลัง นายมั่นก็ปลุกโด่งขึ้นมาอย่างแผ่วเบา โดยใช้ปลายนิ้วเย็นๆ แตะที่แก้มโด่งสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก "ตื่นได้แล้ว... พรานโด่ง"เสียงของมั่นยังคงทุ้มต่ำและเย้ายวน"เจ้าได้จ่ายค่าตอบแทนให้ข้าอย่างงามแล้ว" โด่งพยุงตัวขึ้นนั่งหอบหายใจถี่ๆ "เรื่อง...เรื่องราวของดอกไม้นั่น... ท่าน... บอกข้ามา" เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนเพลียแต่ก็มุ่งมั่น ผีนายมั่นยิ้มเย็นเขาโน้มตัวลงมาใกล้ แล้วกระซิบข้างหูโด่งว่า "ดอกไม้นั่น... ไม่มีอะไรมากนักหรอก มันเกิดจากอาถรรพ์การผูกพันธะของข้า ผู้มากด้วยกามารมณ์ แต่มิอาจหาคนมาสนองได้ในเมื่อตอนมีชีวิต" "เมื่อข้าตายลงมันเลยเกิดอาถรรพ์ขึ้นมาละมั้งมันจะเชื่อมต่อดวงจิตของช้า... กับคนที่จิตใจอ่อนไหว ทำให้เกสรของดอกไม้มีกลิ่นขึ้นมา"มั่นกล่าวต่อ "เมื่อมีคนหลงเข้ามาจะเกิดการผูกพันธะกับคนที่จิตอ่อน เกสรของมันจะปล่อยกลิ่นออกมาเหมือนอะไรนะ ที่เจ้าคนเมืองเคยบอก ฟีโร...อะไรซักอย่างนั่นแหละ เมื่อผูกพันธะแล้วดอกไม้ก็จะปล่อยกลิ่นเกสรออกมาได้อย่างเต็มที่" "จำไว้... พรานโด่ง"มั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ "เจ้าเป็นของข้าแล้ว...จนกว่าดอกไม้ดอกสุดท้ายจะโรยราไปจากที่นี่" คำพูดของมั่นทำให้โด่งตระหนักถึงสถานะของตัวเองในทันที ความปรารถนาที่เคยถูกล่อลวงถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะหลุดพ้น "แล้ว...เป็นไปได้มั้ยที่จะตัดพันธะนี้ได้?"โด่งถามด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดแม้จะยังอ่อนแรงอยู่ แต่แววตาของเขากลับมาเป็นแววตาของพรานผู้ไม่ยอมแพ้ มั่นหัวเราะเบาๆ อย่างเย้ยหยัน"หึหึๆ... ง่ายมาก" "ถ้าเจ้าไม่อยากเป็นของข้า...เจ้าก็ต้อง ทำลายดอกไม้ทั้งหมด ที่ขึ้นอยู่รอบๆ ซากโบราณสถานแห่งนี้ ทำลายให้สิ้นซาก... ก่อนที่ข้าจะกลับมาหาเจ้าอีกครั้งในคืนถัดไป"ผีนายมั่นกล่าว "แต่จำไว้... ดอกไม้ที่เหลืออยู่...มันได้ดูดซับพลังของข้าไว้แล้ว... มันจะปกป้องตัวเอง" พรานโด่งรีบแต่งตัวแล้วคว้าปืนของเขาอย่างรวดเร็วเขารู้ดีว่าไม่สามารถทำลายดอกไม้จำนวนมากที่ดูดซับพลังของผีป่าได้ด้วยตัวคนเดียว ทางรอดเดียวของเขาคือ พรานเดช ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องพืชป่าเพื่อนรักของเขา โดยไม่รอให้เช้า เขาก็ฝ่าความมืดรีบเดินทางออกจากป่าโดยไร้ซึ่งการขัดขวางของผีนายมั่น ที่คงคิดว่าไม่มีทางที่เขาจะเขาจะตัดพันธะได้พรานโด่งมองไปยังทิศทางที่กระท่อมของเดชตั้งอยู่ เขาตัดสินใจกลับไปปรึกษาพรานเดชทันที เพื่อขอความช่วยเหลือในการทำลายแหล่งดอกไม้ป่าอาถรรพ์นั้นและจะตัดพันธะที่น่ากลัวนี้ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน พรานโด่งวิ่งมาถึงกระท่อมของเดชในช่วงรุ่งสางพอดีด้วยความเหนื่อยหอบ แต่เขากลับพบว่าเดชกำลังอยู่กับคนที่ไม่คาดคิด คุณดนัย เภสัชกรหนุ่มจากเมืองใหญ่ที่เพิ่งกลับไป กำลังยืนคุยกับพรานเดชอยู่หน้ากระท่อม คุณดนัยมีสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดและถือขวดแก้วใบเล็กที่บรรจุน้ำยาเอาไว้ "ผมมีอะไรจะมาอวดล่ะครับ!"คุณดนัยกล่าวด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ "ผมคิดว่าผมทำมันสำเร็จแล้วครับ!น้ำยาวิเศษของคุณน่ะ... มันออกฤทธิ์ได้โดยไม่ต้องใช้น้ำแล้ว!" การปรากฏตัวของคุณดนัยพร้อมข่าวดีเรื่องน้ำยาวิเศษทำให้พรานโด่งมีโอกาสที่จะได้รับความช่วยเหลือจากทั้งสองคนในการทำลายดอกไม้ป่าก่อนกำหนดเส้นตาย พรานโด่งไม่ได้สนใจข่าวดีเรื่องน้ำยาวิเศษเขาสาวเท้าเข้าไปหาเดชด้วยความตื่นตระหนก "เดช! มึงต้องช่วยกูแล้ว!"โด่งเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโบราณสถาน เรื่องพันธะทางวิญญาณ และ เงื่อนไขในการทำลายดอกไม้ ให้เดชฟังอย่างรวดเร็ว "กูต้องทำลายดอกไม้ทั้งหมดที่ซากนั่น ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน ไม่งั้นกูต้องเป็นของไอ้ผีป่านั่นตลอดไป!"โด่งกล่าวด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง "ทำลายทั้งหมดเหรอ?" คุณดนัยอุทานเสียงดัง ด้วยความตกใจ "ไม่ได้นะครับพรานโด่ง! ดอกไม้นั่นคือส่วนผสมสำคัญ ที่ผมใช้ปรับปรุงสูตรจนสำเร็จ! มันคือส่วนผสมที่ทำให้ฤทธิ์ของเจลคงที่และทำงานได้โดยไม่ต้องใช้น้ำ!" คุณดนัยกำขวดน้ำยาวิเศษไว้แน่นแล้วพูดต่อว่า "ถ้าคุณทำลายมัน... สูตรที่ผมวิจัยมาก็ไร้ประโยชน์ทันที!" เดชฟังความขัดแย้งระหว่างเพื่อนรักกับพันธมิตรคนใหม่แล้ว ขมวดคิ้วอย่างหนักเขาเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย ชีวิตของโด่ง กับ สูตรยา ที่อาจนำความสามารถในการคุมผู้คนได้ "พอได้แล้วทั้งคู่ สติหน่อย!"เดชเอ่ยเสียงเฉียบขาดเขาใช้ไหวพริบของพรานป่าที่เคยเผชิญหน้ากับอันตรายมานับไม่ถ้วน "เราต้องหาทางอื่นที่สามารถรักษาทั้งชีวิตของโด่งและสูตรยาไว้ได้" เดชหันไปมองคุณดนัย "คุณดนัย...ดอกไม้นั้น... มันตายทันทีที่ถูกถอนไหมครับ? หรือเราสามารถนำไปเพาะได้?" คุณดนัยพยายามตั้งสติ"ตามปกติ... ถ้าถอนออกมามันจะเฉาเร็วมากครับ แต่ถ้าเรา ตัดแค่ส่วนเกสร แล้วนำไปแช่ในสารละลายเฉพาะ...มันอาจจะอยู่ได้นานพอให้เราเพาะพันธุ์ต่อไปได้" เดชยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "งั้นลองแผนนี้ละกัน!" เดชหันไปสั่งการด้วยความรวดเร็ว"โด่ง! มึงรีบเตรียมอาวุธ! เราจะไปซากโบราณสถานเดี๋ยวนี้" เดชหันไปทางคุณดนัย "คุณดนัย!คุณต้องเอา สารละลายที่คุณมีติดตัวมาพกไปด้วย เพื่อรักษาเกสรและดอก ให้ได้มากที่สุดครับ" ทั้งสามคนกลับเข้าไปในป่าอีกครั้งด้วยความเร่งรีบโดยไม่พักและชำนาญทางมากขึ้น เมื่อไปถึงซากโบราณสถานช่วงบ่ายคล้อยทุกคนเริ่มลงมือทันที คุณดนัยสวมถุงมืออย่างรวดเร็ว เขาบรรจงตัดและเก็บดอก ที่ยังสวยงาม รวมถึง เกสร จำนวนมากใส่ในภาชนะบรรจุสารเคมีพิเศษเพื่อรักษาตัวอย่างให้คงสภาพไว้ให้ได้นานที่สุด เมื่อเก็บตัวอย่างที่สำคัญที่สุดเสร็จเรียบร้อยแล้วเดชก็สั่งให้โด่งและดนัย ทำลายต้นดอกไม้ป่าเหล่านั้นให้สิ้นซาก พวกเขาใช้เสียมและมือในการถอนแหล่งกำเนิดของดอกไม้ทั้งหมดที่ขึ้นอยู่ตามซอกอิฐ ขณะที่กำลังจะถอนดอกไม้ป่าที่คิดว่าเป็นดอกสุดท้าย ความเย็นเยียบที่ไม่เป็นธรรมชาติก็แผ่ซ่านเข้ามา อย่างรวดเร็ว พลัน ร่างของ 'ผีนายมั่น' ชายในชุดโจงกระเบนสีแดง ก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศเหนือซากปรักหักพังดวงตาของเขาทอประกายสีเงินอ่อนๆ ที่แสดงถึงความโกรธเกรี้ยวที่ถูกล่วงล้ำอาณาเขต "หยุดเดี๋ยวนี้!"เสียงของมั่นดังก้องไปทั่วป่า "เจ้าพรานโง่! เจ้าคิดจะทำลายพันธะของข้าจริงๆ อย่างนั้นรึ!" ผีนายมั่นพุ่งตัวเข้าใส่พวกเขาทั้งสามราวกับสายฟ้ามือที่ซีดขาวของผีป่าพร้อมที่จะฉีกกระชากทุกคนที่เข้ามาทำลายดอกไม้ของเขา ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่เดชและคุณดนัยจะยกปืนขึ้นป้องกันตัวได้ทัน นายมั่นแว๊บหายไปจากจุดที่ปรากฏตัว แล้วมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาในพริบตา มือเย็นเฉียบของมั่นบีบคอเดชและคุณดนัยพร้อมกัน แรงบีบนั้นรุนแรงจนทั้งสองคนหายใจไม่ออก ปืนที่อยู่ในมือของเดชร่วงลงสู่พื้นคุณดนัยตาเหลือกด้วยความตกใจและหวาดกลัว "ปล่อยพวกเขานะ!มั่น! ปล่อยเดี๋ยวนี้!" โด่งร้องห้ามเสียงดังลั่น ด้วยความตื่นตระหนก เขารีบวิ่งเข้าไปหามั่นพยายามที่จะดึงแขนที่เย็นเฉียบของผีป่าออกจากการบีบคอเพื่อนทั้งสองของเขา เมื่อได้ยินเสียงของพรานโด่ง ผีนายมั่นก็ชะงัก ดวงตาสีเงินอ่อนๆของเขาจ้องมองมาที่โด่งด้วยความสับสนและความปรารถนาที่ตีกันในแววตา แรงบีบที่คอของเดชและคุณดนัยคลายลงเล็กน้อย "ใจเย็นๆมั่น... ได้โปรด... อย่าทำร้ายเพื่อนข้า" โด่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมให้หนักแน่นที่สุด "เรามาคุยกันก่อน...ได้ไหม" มั่นปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากคอเดชอย่างช้าๆแล้วใช้มือที่เหลือบีบคอคุณดนัยไว้เพียงข้างเดียว เขาก้าวเข้ามาใกล้โด่ง จนใบหน้าของทั้งสองแทบจะชนกัน ไอเย็นยะเยือก แผ่ออกมาจากร่างของมั่น "เจ้ากล้าสั่งข้าหรือ...พรานโด่ง?" โด่งรู้ดีว่าเขามีเวลาไม่มากที่จะช่วยเพื่อนรักทั้งสองคนเขาจึงรีบยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ "ข้าไม่ได้สั่งท่าน...แต่นี่คือทางออกที่ดีที่สุด" โด่งกล่าวอย่างรวดเร็วพลางชี้ไปที่คุณดนัยที่ยังคงถูกบีบคออยู่ "ท่านต้องการคนที่จะ 'ครอบครองข้า' เพื่อให้พันธะคงอยู่ใช่ไหม? พันธะนั้นทำกับคนอื่นได้รึเปล่า?" โด่งกล่าว มั่นเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ "กับเจ้าพรานนั่นรึหรือไอ้เจ้าคนเมืองนี่?" "เอ่อ...กับคุณดนัยคนเมืองคนนั้นได้หรือไม่...?เขาคือเภสัชกร เขาจำเป็นต้องใช้ดอกไม้นี้ในการวิจัยเพื่อทำให้สูตรยาของพวกเขาสมบูรณ์ เขาจะไม่มีวันทำลายดอกไม้นี้แน่นอน และจะคอยเพาะพันธุ์มันไว้ให้ท่าน คุณดนัยจะกลายเป็นผู้รักษาพันธะให้ท่านได้แน่!" มั่นหันไปมองคุณดนัยที่กำลังหายใจรวยรินอย่างพิจารณามือที่บีบคอคุณดนัยอยู่คลายลงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ปล่อย "เจ้ามนุษย์เมือง..."มั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ "เจ้าได้ยินข้อเสนอของพรานผู้นี้แล้วใช่ไหม?เจ้าจะยอมเป็น 'ของข้า' เพื่อแลกกับชีวิต และ ดอกไม้ป่านี่หรือไม่? ตอบข้ามา!" คุณดนัยพยายามรวบรวมอากาศเข้าปอดและสติที่กระจัดกระจาย เขาเหลือบมองไปที่เดช ที่กำลังจ้องมองเขาด้วยความหวัง เขานึกถึงน้ำยาที่สมบูรณ์แบบ และ อำนาจที่รอเขาอยู่ คุณดนัยสูดอากาศเข้าเต็มปอดพลางมองมั่นด้วยแววตาที่ผสมผสานระหว่างความกลัวและความฉลาด เขาพยักหน้าอย่างช้าๆ "ผม... ยอมรับครับ" คุณดนัยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดแม้จะยังสั่นเครืออยู่บ้าง "ผมจะดูแลดอกไม้นั้นให้ท่าน... เพื่อสูตรยาของผม" เมื่อคุณดนัยตอบรับ ผีนายมั่นก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาปล่อยมือออกจากคอคุณดนัยและเดช ในทันทีทั้งสองคนทรุดลงกับพื้นพยายามหายใจเข้าปอด มั่นหันไปมองพรานโด่งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่"พันธะของเจ้า... ถูกปลดแล้ว พรานโด่ง" จากนั้น ผีนายมั่นก็ลอยเข้าไปหาคุณดนัยที่ยังนั่งหอบอยู่บนพื้น เขายื่นใบหน้าเย็นเฉียบเข้าไปใกล้แล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวน "ดีมาก...ผู้ผูกพันธะคนใหม่ของข้า... ทีนี้... เจ้าต้องมอบร่างของเจ้ามาก่อน" นายมั่นไม่รอช้า จับใบหน้าของคุณดนัยแล้วประกบจูบอย่างดูดดื่ม ความเย็นเยียบของวิญญาณปะทะกับความเร่าร้อนภายในตัวคุณดนัยเป็นการผนึกพันธะทางวิญญาณด้วยการผลุกเร้าความปรารถนา นายมั่นไม่รอให้คุณดนัยได้พักหายใจหรือทบทวนการตัดสินใจ เขาก้าวเข้ามาประชิดตัวคุณดนัยที่ยังคงนั่งหอบอยู่บนพื้น มือที่ซีดขาวของมั่นคว้าใบหน้าเรียวของดนัยไว้ ความเย็นเยียบจากสัมผัสแรกนั้นพุ่งตรงเข้าสู่กระดูกสันหลังของดนัยทำให้เขาสะท้านเฮือกด้วยความตื่นตระหนก แต่ความตกใจนั้นถูกความเงี่ยนเข้าครอบงำอย่างรวดเร็ว "เจ้าเลือกทางนี้เองนะ... ผู้ผูกพันธะของข้า"นายมั่นเอ่ยเสียงต่ำ ก่อนจะประกบปากเข้าหาดนัยอย่างบดเบียดและดุดัน จูบของมั่นเย็นเฉียบราวกับหิมะ แต่กลับปลุกเร้าเปลวไฟในตัวดนัยให้ลุกโชน ลิ้นของมั่นรุกเข้าสู่โพรงปากของดนัย ราวกับจะสำรวจและยึดครองจิตวิญญาณดนัยครางออกมาในลำคอ "อืมมม..." ความกลัวของเขาถูกความเสียวซ่านเข้าแทนที่อย่างรวดเร็ว เขาโอบรัดคอของมั่นตอบ ปล่อยให้ความเย็นเยียบและความร้อนผ่าวหลอมรวมกันอย่างบ้าคลั่ง มั่นผละริมฝีปากออกเพียงเสี้ยววินาทีแล้ว ปลดเสื้อผ้าของดนัยออก อย่างง่ายดายราวกับปลอกกล้วย มือที่ซีดขาวไล้ไปตามหน้าท้อง ที่แบนราบของดนัย ก่อนจะหยุดและ บีบคลึงแท่งควยของดนัยอย่างรุนแรงจนดนัย เบิกตากว้างและร้องคราง มั่นผลักดนัยให้นอนลงบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยเศษอิฐอย่างช้าๆ เขาทาบตัวลงบนร่างของดนัย โดยไม่ปลดโจงกระเบนของตัวเองออก แท่งควยใต้โจงกระเบนของมั่นที่เย็นเฉียบ กดลงไปบนแท่งควยของดนัย เขาค่อยๆถูควยของตัวเองใต้ร่มผ้ากับควยที่เปลือยเปล่าของดนัย มั่นก้มลงมาจูบที่หน้าอก ของดนัย ดูดดึงหัวนมสีชมพู ของอีกฝ่ายอย่างหื่นกระหาย ความเย็นที่ยอดอก บวกกับความเย็น ทำให้ดนัยแอ่นตัวรับอย่างควบคุมไม่ได้ "อ๊าาาาห์!คุณมั่น! ผม... เสียวครับ!" โดยไม่มีการเตรียมการใดๆ ผีนายมั่นบันดาลให้โจงกระเบนให้หายไปก่อนจะสอดประสานแท่งควยเข้าสู่ร่างกายของดนัย ด้วยจังหวะที่รุนแรงและรวดเร็ว ความเจ็บปวดจากการถูกบดขยี้ด้วยควยของวิญญาณสร้างความสุขสมที่เกิดจากการถูกครอบครอง "อื้อออ! คุณมั่นครับ! อ๊ากกก! เข้าไปลึกๆ เลยครับ!" ดนัยครางออกมาอย่างบ้าคลั่ง ผีนายมั่นเร่งจังหวะให้เร็วและถี่ ขึ้นอย่างไม่ลดละ เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของดนัย ถ่ายทอดพลังแห่งการเชื่อมโยงเข้าสู่จิตวิญญาณของเขา เสียงเนื้อกระทบกัน ดังก้องไปทั่วซากโบราณสถาน ในจังหวะสุดท้ายที่ดนัยกำลังจะถึงจุดสูงสุดมั่นก็กระซิบด้วยเสียงเย็นเยียบ ที่สั่นสะท้านไปถึงแก่นวิญญาณ "เจ้าเป็นของข้า...ร่างกายนี้เป็นของข้า..." ทั้งสองคนถึงจุดสุดยอดพร้อมกัน ดนัยพ่นน้ำรักออกมา เลอะหน้าท้องของตัวเอง ในขณะที่มั่นปล่อยน้ำรักอันเย็นยะเยือกเข้าสู่ภายในของดนัย ผนึกพันธะแห่งความปรารถนา และ ความเป็นเจ้าของ ให้สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ขณะที่นายมั่น กำลังผนึกพันธะกับคุณดนัยอย่างเร่าร้อนเดชและพรานโด่งไม่ได้ละสายตาไปไหนพวกเขาเฝ้าดู "หนังสด" ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างเงียบๆ พรานเดชที่เคยมีประสบการณ์ชำชองมาก่อน เขายืนลูบควยตัวเองนอกกางเกง ช้าๆ ดวงตาของเขาสะท้อนภาพของความเร่าร้อน ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ความเงี่ยนเข้าครอบงำจนน้ำเงี่ยนไหลเยิ้มทะลุออกมานอกจากเกงเป็นเม็ดๆ ส่วนพรานโด่ง ซึ่งยังคงอ่อนไหวต่อกลิ่นเกสรดอกไม้ที่ยังคุ้นเคยก็ล้วงมือเข้าไปเล่นควยตัวเองในกางเกงเช่นกัน เสียงครางของดนัย และ กลิ่นฟีโรโมนที่รุนแรง ยิ่งกระตุ้นให้เขาทนไม่ไหว ทั้งสองคนเฝ้ามองภาพเหล่านั้นปลุกความเงี่ยนของตัวเอง แต่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น พวกเขารักษาระยะห่างไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการผูกพันธะที่ดูน่าอันตรายนี้ เมื่อผีนายมั่นและดนัยเสร็จสิ้นพิธีกรรม และทรุดตัวลงด้วยความอ่อนแรงเดชและโด่งก็ รีบเข้าไปช่วยดูแลทันที ความเป็นห่วงเพื่อนมีมากกว่าสิ่งใด พรานเดชหยิบผ้าห่มที่เตรียมมา คลุมร่างที่เปลือยเปล่าของดนัย ไว้ แล้วช่วยพยุงเขาลุกขึ้น ส่วนโด่งก็ช่วยเก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่ และอุปกรณ์ต่างๆ ในขณะที่คุณดนัยกำลังพยายามควบคุมสติและหายใจให้เป็นปกติ เดชก็ก้มลงไปเก็บดอกไม้ ป่าที่เหลืออยู่ใส่ภาชนะของดนัยจนหมด เขาหันไปมองนายมั่นซึ่งเป็นผู้เฝ้าพันธะคนใหม่ "ท่าน... มั่น"เดชเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "ท่านผูกพันธะกับดนัยแล้วใช่ไหม?" มั่นพยักหน้าอย่างสง่างาม "แน่นอน...เขาเป็นของผู้ผูกพันธะแห่งดอกไม้นี้แล้ว" "ถ้าอย่างนั้น..."เดชยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "ท่านพอจะ... ไปอยู่ในเมืองกับดนัยได้ไหม?" คำถามนั้นทำให้มั่นชะงัก ดวงตาสีเงินเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย "เจ้ากล้าสั่งวิญญาณป่าอย่างข้าให้ไปอยู่ในที่ที่ไม่ใช่ป่าอย่างนั้นรึ?" "ดนัยคือผู้ผูกพันธะของท่าน"เดชอธิบาย "เขาต้องวิจัยดอกไม้นี้เพื่อทำสูตรยา ท่านจำเป็นต้องไปควบคุมเขา แนะนำการดูแลดอกไม้นั่นและท่านเองก็ต้องการ 'การปลดปล่อย' จากกามารมณ์... ในเมือง... ท่านจะหาเหยื่อได้ง่ายกว่าที่นี่หลายเท่า" ผีนายมั่นหันไปมองคุณดนัยที่ยังคงมีร่องรอยของความอ่อนเพลียแต่แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะวิจัย เดชหันไปมองดนัยแล้วพยักหน้า เป็นการบอกกลายๆว่าให้ดนัยยอมรับข้อเสนอและยุยงนายมั่นติดตามไปด้วย คุณดนัยเข้าใจความหมายของเดชในทันทีเขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลแล้วเดินเข้าไปหามั่นด้วยท่าทีที่ดูฉลาดกว่าเดิม "คุณมั่นครับ"คุณดนัยกล่าว "ผมมีห้องแล็บส่วนตัวที่นั่น... ท่านสามารถใช้พลังของท่านสร้างกลิ่นอะไรก็ได้ตามใจเลย และผมจะดูแลดอกไม้นี้ให้ท่านอย่างดีที่สุด... ท่านจะได้ทั้งอำนาจและการปรนนิบัติ อย่างที่ท่านต้องการ...ท่านไม่ต้องรอดักเหยื่อในที่ๆ นานๆ จะมีคนผ่านมานี่อีกต่อไปแล้ว" มั่นใช้เวลาครู่หนึ่งในการประเมินข้อเสนอ ดวงตาสีเงินของเขาส่องประกาย เมื่อพิจารณาถึงความสะดวกสบายในการหา'เหยื่อ' ในเมือง "หึ... ฮึๆๆ... ฮ่าๆๆๆ..." มั่นหัวเราะเสียงต่ำ "ดี!ข้าจะไปกับเจ้า! เจ้าคนเมือง...จงจำไว้ว่าเจ้าต้องรับผิดชอบต่อความปรารถนาของข้า" ก่อนที่พวกเขาจะออกจากซากโบราณสถานคุณดนัยก็เหลือบไปเห็นดอกไม้ป่าที่ยังเหลืออยู่เพียงไม่กี่ดอกบนก้อนอิฐที่ยังไม่ได้ถูก เขาไม่พลาดโอกาสที่จะรวบรวมตัวอย่างสุดท้ายนั้น "คุณมั่นครับ"คุณดนัยถามด้วยน้ำเสียงฉลาดแกมโกง "ผมต้องดูแลดอกไม้นี้ให้ท่านอย่างดีที่สุด ท่านช่วยบอกเคล็ดลับการปลูกดอกไม้นี้ได้ไหมครับ?" มั่นมองคุณดนัยด้วยความพึงพอใจในความรอบคอบของมนุษย์ผู้นี้"ง่ายมาก... เจ้าคนเมือง" มั่นเอ่ย "มันจะเติบโตได้ดี... ด้วยความมืดมิด... และชื้นมาก" คุณดนัยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เขาบรรจงเก็บต้นสุดท้ายพร้อมกับดินใส่โหลอย่างระมัดระวัง ความลับถูกไขออกมาแล้ว แต่คุณดนัยยังไม่จบเขารู้ว่าคุณอรุณจะส่งคนมาตามหาเขาอีกแน่นอน "คุณมั่น... ผมอาจจะตกอยู่ในอันตรายนิดนึงครับ จะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาหาบ่อยหน่อย"คุณดนัยกล่าวต่อด้วยแววตาที่เจ้าเล่ห์ "ช่วยปกป้องผมหน่อยได้ไหมครับ?และ จะทำอะไรกับคนที่บุกมาก็ได้เลย ตามความต้องการของคุณ" นายมั่นมองใบหน้าของดนัยที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์แล้วหัวเราะเสียงต่ำ "ฮ่าๆๆๆ! เยี่ยมเลย! เจ้าคนเมือง... ข้าชอบความคิดนี้ของเจ้า" มั่นตอบรับอย่างพึงพอใจเขาได้ทั้งที่พักพิงใหม่ ผู้ผูกพันธะ และเหยื่อที่อาจจะถูกส่งมาให้ถึงมือ ทั้งหมดกลับไปที่กระท่อมของพรานเดช เพื่อหารือและสรุปเรื่องน้ำยาวิเศษก่อนที่คุณดนัยจะต้องเดินทางกลับสู่เมืองหลวงพร้อมพันธมิตรคนใหม่ที่แอบอันตราย เมื่อมาถึงกระท่อมคุณดนัยก็รีบดำเนินการตามข้อตกลงทันที ดนัยแบ่งดอกไม้บางส่วนให้เดชไว้ในภาชนะที่ปิดมิดชิด พร้อมกับ บอกสูตรการสกัดและขั้นตอนสุดท้ายในการทำให้ 'น้ำยาวิเศษ' มีฤทธิ์สมบูรณ์โดยไม่ต้องใช้น้ำ "นี่คือสูตรที่สมบูรณ์แบบครับพรานเดช"คุณดนัยกล่าว "ส่วนผสมของเห็ดและเกสรดอกไม้นี้จะทำให้คุณมีอำนาจที่สุดในป่า" เดชพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เขาได้สิ่งที่ต้องการแล้วทั้งการทดลองที่สมบูรณ์แบบและการจบวงจรความแค้นของกล่ำ พรานโด่งถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขายิ้มให้กับเดชและคุณดนัย "ขอบใจพวกเอ็งมากๆ เลยว่ะ" โด่งกล่าว "ข้าเป็นอิสระแล้ว" คุณดนัยมองไปที่มั่นแล้วโค้งคำนับเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวกลับเมือง พร้อมกับวิญญาณของมั่นที่ลอยอยู่ข้างกาย เรื่องราวความสัมพันธ์และอำนาจเหนือมนุษย์กำลังจะเริ่มต้นขึ้นที่เมือง # O3 A8 j$ `" L' q
( q# j# [0 J/ E
; q& G/ Z; K* U: ?$ G; K1 Q5 T6 P9 `
พรานโด่ง
* ?% s7 @ o, z! e* q. t& i
คุณดนัย
6 T( z A8 n# k& l
& B* I/ J4 Y' p0 m% \. z
กลับมาแล้วค้าบ ตอนนี้ยาวนิดนึงนะครับ เผื่อว่าอาจจะหายหน้าหายตาไปอีก  3 M- V* h+ F4 n- g: b' F
% U2 E+ T- K! M+ y( B
- E' V/ X" B0 K# e, m" S |