เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ นับจากวันที่อาทินถูกเดชทดลองด้วยเจลเห็ดในกระท่อมกลางป่าเขากลับมาใช้ชีวิตทหารพรานตามปกติ แต่ทุกอย่างกลับไม่เหมือนเดิม ความทรงจำของความสุขสมที่เกินคาดนั้นยังคงตามหลอนเขาอยู่ อาทินนั่งอยู่ในป้อมยามที่ชายแดนปืนไรเฟิลวางพิงอยู่ข้างๆ สายตาของเขามองเหม่อไปยังป่าเบื้องหน้าแต่ในความคิดกลับวนเวียนอยู่กับความรู้สึกที่ ร้อนรุ่มและวาบหวาม จากสัมผัสของหลานชายตัวเอง 'ค่ายทหารเขาฝึกมาดีเว้ย' คำพูดที่เขาใช้ตอบเดชในวันนั้นเป็นเพียงเกราะป้องกันความอับอายเท่านั้น อาทิน พยายามหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มาอธิบายความรู้สึกนั้นแต่ก็ทำไม่ได้มันคือสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมและเป็นความลับที่เขากล้าสาบานว่าจะไม่เปิดเผยให้ใครรู้ ยกเว้นเพียงคนที่สร้างมันขึ้นมา ทันใดนั้นเสียงรองเท้าคอมแบตก็หยุดลงตรงหน้าเขา "หมวดทิน!"เสียงของร้อยโทดังขึ้น "แกกับทีมถูกเรียกตัวด่วน มีภารกิจแทรกซ้อน" "ภารกิจอะไรครับท่าน?" หมวดทินถามอย่างกระตือรือร้น "ป่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 'ป่ากลืนคน' ที่พวกชาวบ้านเรียกน่ะสิมีหน่วยลาดตระเวนขาดการติดต่อไป เราต้องเข้าไปตามหาและเก็บกู้"ร้อยโทกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง"แกก็รู้ว่าป่านั้นมันเต็มไปด้วยเรื่องเล่าอาถรรพ์และเราต้องการคนที่มีประสบการณ์และไม่กลัวเรื่องลี้ลับอย่างแก" หมวดทินพยักหน้าอย่างหนักแน่นความคิดถึงความวาบหวามเมื่อสองสัปดาห์ก่อนถูกแทนที่ด้วยความเป็นมืออาชีพทันที ป่าอาถรรพ์แห่งนั้นมีชื่อเสียงเรื่องความลึกลับและปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ แต่ความกล้าของหมวดทินมีมากกว่าความกลัว เขาตอบรับภารกิจทันที วันต่อมาหมวดทินนำทีมทหารพราน 4 นาย (รวมตัวเขาเอง) เดินลึกเข้าไปใน "ป่ากลืนคน" อย่างเงียบเชียบบรรยากาศภายในป่าเต็มไปด้วยความชื้นและเงาที่บิดเบือน ทันใดนั้น หมอกสีชมพูจางๆ ก็เริ่มก่อตัวขึ้น รอบตัวพวกเขา หมอกนั้นมีกลิ่นหอมหวานเย้ายวนอย่างน่าประหลาด "ถอย!" หมวดทินสั่งเสียงดังเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าลูกทีม ทั้งสามนาย เริ่มมีอาการแปลกๆ ทุกคนมีสีหน้าเคลิบเคลิ้มและหายใจถี่ หมอกนี้คือ 'หมอกราคะ' ตามที่เคยมีเรื่องเล่าในตำนาน! หมวดทินพยายามดึงสติอย่างหนัก ความรู้สึกร้อนรุ่ม ที่เกิดจากเจลเห็ดเมื่อสองสัปดาห์ก่อนถูกปลุกเร้าขึ้นมาอีกครั้งจากกลิ่นของหมอกหมอกนี้กำลังกระตุ้นความปรารถนาในตัวเขาอย่างรุนแรง "ถอย!" หมวดทินสั่งเสียงดังแต่คำสั่งของเขาก็ ไม่เป็นผล ลูกทีมทั้งสามนาย หยุดนิ่ง ดวงตาของพวกเขาเริ่ม แดงก่ำ และ หายใจถี่รัว ด้วยแรงปรารถนาที่หมอกราคะปลุกขึ้น
9 _2 U( a2 L" @. x: z" d - จ่าสิบโทศักดิ์ ทหารร่างใหญ่ที่ยืนใกล้ที่สุด ทิ้งปืนลงกับพื้น แล้วเริ่ม ปลดกระดุมเสื้อ ของตัวเองออกอย่างเร่งรีบ/ p8 r9 H# c: F/ F. `% \# O
- สิบตรีมานพ ทหารหนุ่มอีกคน ร้องครางเสียงต่ำ พลาง ลูบไล้แท่งควยไปตามกางเกง ของตัวเองอย่างไม่ละอาย
3 T9 L+ d# N0 w* ]. \: r - สิบโทไชยา มองเพื่อนร่วมทีมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา แล้ว พุ่งเข้าใส่มานพ ทันที) M% |# Q/ [7 j' G. x
หมวดทินเบิกตากว้างด้วยความตกใจและความรู้สึกเสียววาบที่ถาโถมเข้ามา หมอกราคะได้ทำให้ลูกทีมของเขาหลุดจากการควบคุมโดยสิ้นเชิงแล้ว และความเงี่ยนในตัวหมวดทินเองก็กำลังคุกรุ่นขึ้นมาอย่างรุนแรง หมวดทิน พยายามควบคุมสติ อย่างสุดกำลัง เขากัดฟันแน่นแล้วตะโกน"หยุด! พวกแกกำลังทำอะไร! มีสติหน่อย!" แต่เสียงของเขาถูกกลืนหายไปในหมอก จ่าสิบโทศักดิ์ ที่ปลดเสื้อออกจนเผยให้เห็นแผงอกแกร่งของนายทหารที่เปียกชุ่มเต็มไปด้วยเหงื่อ หันมามองหมวดทินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเงี่ยน แววตาที่เคยเคารพถูกแทนที่ด้วยความหิวโหย สิบตรีมานพและ สิบโทไชยา ที่กำลังกอดรัดกันอยู่ ก็หยุดชะงักแล้ว พุ่งเป้ามาที่หมวดทิน ผู้เป็นหัวหน้าทีมทันที "หมวดทิน..."เสียงของมานพแหบพร่า "หมวดเองก็เงี่ยนใช่ไหม... มาหาพวกเราสิ..." ลูกทีมทั้งสามคนรุมเข้าใส่ หมวดทินอย่างรวดเร็ว มือที่เคยกำปืนบัดนี้กลับคว้าเสื้อผ้า หมวดทินพยายามต่อสู้และผลักดันพวกเขาออกไปแต่ร่างกายของเขาก็ถูกฤทธิ์ของหมอกราคะ จู่โจมอย่างหนัก ความรู้สึกเสียวซี๊ดจากก็เจลเห็ด กลับมาอย่างรุนแรง ทำให้การต่อต้านของเขาลดลงไปกว่าครึ่ง เสื้อลายพรางของหมวดทินถูกกระชากจนกระดุมหลุดออกอย่างแรง เสื้อยืดด้านในก็ถูกถกขึ้นจนแทบขาด ไชยาประกบปากเข้าที่ซอกคอ ของหมวดทินแล้วดูดดึงอย่างกระหาย ศักดิ์ใช้ร่างกายที่ใหญ่โตโอบกอดรัดหมวดทินไว้แน่น ส่วน มานพก็เริ่มซุกไซ้ลงไปที่กางเกง ของหมวดทินการเย้ายวนจากลูกน้อง ที่เขาเคยฝึกมากับมือทำให้ สติของหมวดทินเริ่มขาดผึงลง หมวดทิน ปล่อยร่างกายให้คลายความตึงเครียดลง พร้อมกับเสียงครางต่ำๆที่หลุดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ "อ่าห์... พวกแก... ช่วยข้าที..." ศักดิ์ ที่โอบกอดอยู่ ดึงกางเกงทหารของหมวดทินออก อย่างรุนแรง เผยให้เห็นแก่นกายของหมวดทินที่ แข็งชูชันแทบจะทะลุกางเกงในสีเขียวขี้ม้าออกมา ด้วยฤทธิ์ของหมอกมานพปลดเปลื้องกางเกงและกางเกงในของตัวเองลง แล้วใช้แท่งควยของตัวเองเสียดสีกับร่องก้นของหมวดทิน ก่อนจะดึงกางเกงในของหมวดทินลงแล้วสอดใส่ควยของตัวเข้าไปในรูตูดของหมวดทินอย่างไม่ลังเล "อ๊าาาาาาาาาห์!" หมวดทินครางออกมาเสียงดังลั่นป่า ความเจ็บปวดแรกถูกแทนที่ด้วยความเสียวที่เกินบรรยาย มานพเร่งจังหวะกระแทกกระทั้น อย่างรุนแรงตามแรงเงี่ยนที่ถูกปลุกเร้า ในขณะเดียวกัน ไชยาที่จู่โจมซอกคอ ก็ผละลงมาจู่โจมริมฝีปาก ของหมวดทินอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวพัน แลกรสราคะกันอย่างเร่าร้อน ศักดิ์เข้ามาร่วมวงด้วยการดูดดึงหัวนม ของหมวดทินอย่างกระหาย เขาขบเม้มยอดอก จนหมวดทินแอ่นตัวรับ ไม่นานนัก ไชยาผละจากปากมาใช้ลิ้นเลียไล้ไปตามหน้าท้อง ของหมวดทิน ก่อนจะก้มลงไป ใช้ปากปรนเปรอแท่งควย ของหมวดทินอย่างชำนาญ ดูดดึงจนเกิดเสียงดัง"จ๊วบๆ" ศักดิ์ สลับบทบาท ดันก้นหมวดทินขึ้น แล้ว สอดแท่งควยเข้าสู่ปาก ของหมวดทินอย่างรุนแรง หมวดทินถูกเติมเต็มทั้งทางด้านหน้า ด้านหลังและทางปาก โดยลูกทีมทั้งสามคน เสียงครางระส่ำของหมวดทินปะปนกับเสียงเนื้อกระทบกัน “อื้มมม...อ่าาาาาาห์...ซี้ดดดดด...เสียวว่ะเหี้ยเอ๊ย...หมวดแม่งโคตรเด็ด”เสียงหอบหายใจและเสียงครางของลูกทีมทั้งสามคน ดังลั่นอยู่ท่ามกลางหมอกสีชมพูที่ดูดกลืนทุกสิ่ง การสมสู่กันดำเนินไปอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่ง ทุกคนปล่อยให้หมวดทินนอนลงก่อนจะสาวว่าวให้ตนเองเองทยอยกันปล่อยน้ำรักลงตัวและในหน้าของหมวดทิน เมื่อทั้งสามเสร็จแล้วก็รุมใช้ปาก ชิมรสควยของหมวดทินจนหมวดทินก็ปล่อยความปรารถนาให้พุ่งกระจายไปทั่วร่างกายตนเองและผืนป่าอาถรรพ์ หลังจากคลื่นความสุขสมครั้งสุดท้ายได้ผ่านพ้นไป ร่างกายที่อ่อนแรงของทหารพรานทั้งสี่นายก็ทรุดลงสู่พื้นดิน ที่เปียกชื้น ทั้งหมดหมดสติ ไปในทันทีด้วยความเหนื่อยล้าที่เกินขีดจำกัด หมอกสีชมพูจางๆ ค่อยๆ จางหายไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมหวานที่ยังคละคลุ้งในอากาศ ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมป่า อีกครั้ง ความมืดมิดของค่ำคืนเริ่มเข้ามาแทนที่ แสงจันทร์ส่องลอดลงมาต้องร่างที่เปลือยเปล่าและเปียกชื้นของทหารพรานทั้งสี่ที่นอนแผ่อยู่ท่ามกลางเศษเสื้อผ้าที่ฉีกขาด ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาอยู่ในห้วงความมืดนี้ไปนานแค่ไหน จนกระทั่งความเย็นของค่ำคืนเริ่มกัดกินผิวหนังของพวกเขา หมวดทินตื่นขึ้นมาก่อนเป็นคนแรก ความเย็นยะเยือกของอากาศยามค่ำคืนกัดกินผิวหนังที่เปียกชื้นของเขาสติที่กลับคืนมาทำให้ความทรงจำของเหตุการณ์ที่บ้าคลั่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนถาโถมเข้าใส่เขาผงะเล็กน้อยเมื่อตระหนักถึงสภาพของตัวเองและลูกทีมที่นอนเปลือยเปล่าอยู่ท่ามกลางเศษเสื้อผ้าที่ฉีกขาด เขาพยายามขยับร่างกายที่หนักอึ้งและปวดร้าวไปทั่วทุกส่วน หมวดทินรีบปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้น"พวกแก! ตื่น!รีบตื่นเดี๋ยวนี้!" ลูกทีมทั้งสามคนตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงียและมึนงงเมื่อพวกเขาเห็นสภาพของตัวเองและเพื่อนร่วมทีมความตกใจและความสับสนก็เข้าปกคลุมอย่างรวดเร็ว "รีบก่อไฟ" หมวดทินสั่งเสียงต่ำและเฉียบขาดแม้จะรู้สึกอับอายอย่างที่สุด แต่สัญชาตญาณของการเอาตัวรอดก็มาเป็นอันดับแรก"แล้วหาผ้ามาคลุมตัวซะ เราจะนอนพักต่อ จนกว่าจะเช้า" ลูกทีมทั้งสามคนแม้จะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ทำตามคำสั่งของหมวดทินอย่างไม่มีข้อสงสัยความเป็นทหารที่ถูกฝึกฝนมาอย่างหนักยังคงมีอิทธิพลเหนือความรู้สึกส่วนตัว พวกเขาช่วยกันก่อกองไฟ อย่างเร่งรีบความอบอุ่นจากเปลวไฟช่วยบรรเทาความหนาวเย็นและทำให้ความตื่นตระหนกบรรเทาลง หมวดทินควบคุมสติและสถานการณ์ได้อีกครั้งเขามองดูเปลวไฟที่ลุกโชนแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขามีร่องรอยของการถูกดูดดึงและขบเม้มอยู่เต็มไปหมด ไม่มีใครพูดอะไรถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างเลือกที่จะเก็บความทรงจำที่บ้าคลั่งนั้นไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจพวกเขาแค่ นอนพักใกล้กองไฟ โดยมีหมวดทินนั่งเฝ้าระวังอยู่เงียบๆราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ความเงียบสงัดยามค่ำคืนเข้าปกคลุมป่าหมวดทินนั่งนิ่งเฝ้ากองไฟ แสงไฟสะท้อนบนแผงอกที่เปลือยเปล่าและมีร่องรอยช้ำของเขาทุกคนในทีมหลับไปแล้วด้วยความอ่อนเพลีย แต่เขายังคงตื่น หมวดทิน ครุ่นคิดอย่างหนัก ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้คิดถึงความเสียวอีกต่อไปแต่คิดถึง ความไร้การควบคุม ที่เกิดขึ้นกับตัวเองและลูกทีมหมอกสีชมพูนั้นรุนแรงจนบิดเบือนสติของทหารที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีให้กลายเป็นสัตว์เดรัจฉานที่ไร้เหตุผลใช้แต่สัญชาตญาณ ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมา ในหัวของเขา หมวดทินมองไปที่ร่องรอยของการต่อสู้ที่เกิดจากแรงปรารถนา เขาเริ่มเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน หมวดทิน ครุ่นคิดอย่างหนัก ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาไม่ได้คิดถึงความวาบหวามอีกต่อไป แต่คิดถึง ความไร้การควบคุม ที่เกิดขึ้นกับตัวเองและลูกทีมหมอกสีชมพูนั้นรุนแรงจนบิดเบือนสติของทหารที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีให้กลายเป็นสัตว์ร้ายที่ไร้เหตุผล ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมา ในหัวของเขา หมวดทินมองไปที่ร่องรอยของการต่อสู้ที่เกิดจากแรงปรารถนา เขาเริ่มเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน หน่วยลาดตระเวนที่หายไป: พวกเขาคงไม่ได้หายไปเพราะถูกซุ่มโจมตีหรือสัตว์ร้าย แต่ถูก 'หมอกราคะ' นี้ครอบงำเช่นเดียวกับที่ทีมของเขาเพิ่งเจอมา ความรุนแรงของปฏิกิริยา: แต่ทำไมปฏิกิริยาของเขาถึงรุนแรงและบ้าคลั่งกว่าที่คิดไว้?หมวดทินไม่ใช่คนที่จะถูกควบคุมได้ง่ายๆและนี่ไม่ใช่แค่การหลอน แต่เป็นการบิดเบือนสัญชาตญาณ หมวดทิน ขบกรามแน่น เมื่อคำตอบที่น่ากลัวที่สุดผุดขึ้นมาในใจ เขาตระหนักว่า ความรู้สึกร้อนรุ่มที่ถูกปลุกเร้าจนถึงขีดสุดนั้น มันไม่ได้มาจากหมอกราคะเพียงอย่างเดียวแต่ เป็นผลพวงจากเจลเห็ด ที่พรานเดชเคยใช้ทดลองกับเขาเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เจลเห็ดนั้นไม่ได้แค่ทำให้เขาเสร็จสมแต่ยังทิ้ง 'ร่องรอย' บางอย่างไว้ ทำให้ร่างกายของเขามีความอ่อนไหวต่อ 'อารมณ์ทางเพศ' มากกว่าคนทั่วไปหลายเท่าตัว แต่เขาก็แอบตระหนักว่า การได้สัมผัสกับเจลเห็ดในวันนั้นทำให้เขามีภูมิต้านทานทางสติ มากกว่าลูกทีมที่ขาดสติไปในทันที เจลเห็ดช่วยให้เขาสามารถคุมตัวเองได้"นิดหน่อย" ในช่วงวิกฤต ต่างจากลูกทีมที่คลั่งไปในทันที แต่ ความคิดของเขามุ่งตรงไปยังสิ่งที่สร้าง 'หมอกราคะ' นี้ขึ้นมา "ไอ้พวกเวรนั่น!มันต้องรู้ความลับของป่านี้ดีกว่าเราแน่ๆ" หมวดทินคิดในใจ"มันไม่ใช่อาถรรพ์... แต่มันอาจจะเป็นอะไรอย่างอื่น" เขารู้สึกว่าถ้าเขาสามารถตามรอยและทำลายแหล่งกำเนิดของหมอกนี้ได้เขาอาจจะสามารถ ช่วยหน่วยที่หายไป และ ล้างแค้นให้กับความอับอาย ของตัวเองได้ หมวดทินนั่งมองลูกทีมที่หลับใหลอยู่ข้างกองไฟมือของเขาเริ่มสำรวจร่องรอยรอบๆ บริเวณที่หมอกหายไป เขาคลานไปตามพื้นดินอย่างเงียบเชียบใช้สัญชาตญาณทหารพรานที่สั่งสมมานาน ดวงตาของเขาสะดุดเข้ากับทางเดินของความชื้นที่ผิดปกติ นำเขาไปยัง ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาครึ้ม ต้นหนึ่งกลิ่นของหมอกราคะยังคงค้างอยู่รอบๆ ต้นไม้ต้นนี้ และมันมีปล่อยกลิ่นเฉพาะตัวที่ รุนแรงอย่างกับดอกตีนเป็ด แต่หอมหวานเย้ายวนกว่ามาก หมวดทินเข้าใจแล้วว่าหมอกราคะนี้ไม่ได้มาจากสิ่งมีชีวิตใดแต่มันมาจาก ต้นไม้ทั้งต้น ที่มีคุณสมบัติทาง เคมีบางอย่างที่สามารถปล่อยสารกระตุ้นอารมณ์ออกมาได้เองเมื่อมีเหยื่อเข้ามาใกล้ เมื่อรุ่งสางมาถึง แสงแดดอ่อนๆก็สาดส่องลงมาถึงพื้นป่า หมวดทินปลุกลูกทีมทั้งสามคนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของทุกคนเต็มไปด้วยความปวดเมื่อย และความอับอายที่ยังคงค้างอยู่แต่ความเป็นทหารก็ทำให้พวกเขาพยักหน้าตอบรับคำสั่งของหัวหน้าทันที หมวดทินไม่ได้เสียเวลาในการอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาชี้ไปยังต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งกำเนิดของหมอกราคะ "พวกแกเห็นต้นไม้ต้นนั้นไหม? มันคือต้นที่ปล่อยหมอกอาถรรพ์" หมวดทินสั่งการด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด"ก่อนอื่น พวกเอ็งทุกคนต้องหาอะไรที่กลิ่นแรงที่สุดเท่าที่จะหาได้ เพื่อนำมากลบกลิ่นจากไอ้ต้นบ้าๆ นี่ถ้าให้ข้าแนะนำก็ถอดกางเกงในออกแล้วเอามาปิดจมูกซะ" ลูกทีมเข้าใจในทันทีถึงอันตรายของกลิ่นพวกเขารีบหยิบกางเกงในของตนเองขึ้นมาที่ตอนนี้มีกลิ่นอับกลิ่นคาวของน้ำรักที่ยังคงค้างอยู่ แต่ช่วยสร้างเกราะป้องกันกลิ่นเย้ายวนของต้นไม้ได้อย่างดี เมื่อทุกคนได้กลิ่นคาวจากน้ำรักจึงทำให้เกิดอาการเงี่ยนขึ้นมาอีกครั้งหมวดทินจึงชวนทุกคนชักว่าวด้วยกันเพื่อขจัดอารมณ์ทางเพศลงไปอีก ทั้งสี่คนผลัดกันชักของตัวเองและเอื้อมมือซุกซนไปจับๆ ลูบๆ ของเพื่อน จนทุกคนเสร็จปล่อยน้ำรักลงผืนดินป่าอาถรรพ์ครบสี่คนจนตอนนี้มั่นใจว่าได้สร้างเกราะป้องกันจากกลิ่นเย้ายวนของต้นไม้ยั่วเพศนี้แล้ว หมวดทินก็สั่งรวมพล "เราจะไม่เสียเวลาแล้ว" หมวดทินกล่าว"ภารกิจหลักคือตามหาหน่วยที่หายไป กลับเข้าสู่ภารกิจต่อ" หมวดทินสั่งให้ทุกคน เตรียมพร้อมอาวุธ และ เดินอ้อมต้นไม้ใหญ่ ที่เป็นแหล่งกำเนิดหมอกราคะเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงอีกครั้งพวกเขาต้องตามรอยเท้าที่ยังคงมีอยู่ต่อไป ทีมของหมวดทินเดินตามรอยเท้าของหน่วยลาดตระเวนอย่างระมัดระวังแม้จะเดินอ้อมต้นไม้ใหญ่มาแล้วแต่กลิ่นหอมหวานเย้ายวนก็ยังคงตามติดมาในอากาศเบาบาง ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึง แอ่งน้ำเล็ก ๆ กลางป่า ที่นั่น หมวดทินพบปืนไรเฟิล ที่ถูกทิ้งไว้ข้างแอ่งน้ำและที่น่าตกใจที่สุดคือ เข็มขัดทหารพราน และ เสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาด กองอยู่ริมน้ำ แต่สิ่งที่หมวดทินมองหา—ร่างของทหารพรานหน่วยที่หายไป—กลับไม่มีอยู่ "ดูนี่..."จ่าสิบโทศักดิ์ชี้ไปยังแอ่งน้ำ น้ำในแอ่งมีสีชมพูจางๆ และมีฟองอากาศผุดขึ้นมาเป็นครั้งคราว หมวดทินก้มลงดูใกล้ๆกลิ่นหอมเย้ายวนของหมอกราคะเข้มข้นขึ้นในบริเวณนี้ พลัน สิบโทไชยา ก็ชี้ไปยังพุ่มไม้ข้างแอ่งน้ำด้วยแววตาตกใจ "ท่านครับ!นั่น..." ที่นอบพุ่มไม้ใกล้แอ่งน้ำนั้น หน่วยลาดตระเวนทั้งสามนาย(ซึ่งน่าจะเป็นขนาดทีมที่เหมาะสมสำหรับการลาดตระเวน) นอนแผ่อยู่บนพื้นดิน ในสภาพ เปลือยกาย หมดสติ ทุกคนร่างกายเปียกชื้นเล็กน้อยมีร่องรอยของความเหนื่อยล้าทางกายอย่างรุนแรงและสีหน้ายังคงดูเคลิบเคลิ้มอยู่เล็กน้อย หมวดทินสั่งให้ลูกทีมรีบจัดหาเสื้อผ้าฉุกเฉินและน้ำดื่มให้หน่วยที่หมดสติส่วนตัวเขาเองเดินเข้าไปสำรวจแอ่งน้ำอย่างใกล้ชิด หมวดทินก้มลงไปมอง น้ำในแอ่งมีสีชมพูจางๆ และมีฟองอากาศผุดขึ้นมาเป็นครั้งคราว กลิ่นหอมเย้ายวนของหมอกราคะเข้มข้นขึ้นในบริเวณนี้มาก หมวดทินใช้กิ่งไม้เขี่ยลงไปในน้ำและพบว่าก้นแอ่งนั้นเต็มไปด้วย ใบไม้ขนาดใหญ่ของต้นไม้พิษ ที่เน่าเปื่อยและทับถมกันอยู่ หมวดทินเข้าใจในทันที: แอ่งน้ำนี้เป็นแหล่งหมักหมม ของใบไม้จากต้นอาถรรพ์ทำให้สารเคมีและสารออกฤทธิ์ทางฟีโรโมนของพืชถูกชะล้างและ กระจายกลิ่นราคะออกมาในความเข้มข้นที่สูงที่สุด เมื่อหน่วยลาดตระเวนถูกกลิ่นจากต้นไม้ล่อมาถึงแอ่งนี้พวกเขาก็ถูกฤทธิ์ของกลิ่นที่หมักหมมเล่นงานจนหมดสติไปในที่สุด หมวดทินสั่งให้ลูกทีมรีบจัดหาเสื้อผ้าฉุกเฉินและน้ำดื่มให้หน่วยที่หมดสติส่วนตัวเขาเองเดินเข้าไปสำรวจแอ่งน้ำอย่างใกล้ชิด หมวดทินก้มลงไปมอง น้ำในแอ่งมีสีชมพูจางๆ และมีฟองอากาศผุดขึ้นมาเป็นครั้งคราว กลิ่นหอมเย้ายวนของหมอกราคะเข้มข้นขึ้นในบริเวณนี้มาก หมวดทินใช้กิ่งไม้เขี่ยลงไปในน้ำและพบว่าก้นแอ่งนั้นเต็มไปด้วย ใบไม้ขนาดใหญ่ของต้นไม้พิษ ที่เน่าเปื่อยและทับถมกันอยู่ หมวดทินเข้าใจในทันทีว่าแอ่งน้ำนี้คือแหล่งหมักหมมพิษราคะ ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากหมวดทินไม่รอช้า เขาเก็บตัวอย่าง ทั้งใบไม้ที่เน่าเปื่อยและน้ำสีชมพูจางๆในกระปุกเล็กๆ ที่นำติดตัวมาอย่างระมัดระวัง 'ไอ้เดชคงจะชอบใจแน่ๆ' หมวดทินคิด 'ไอ้หลานรักคงหาอะไรแผลงทำได้อีก' หลังจากจัดการกับหลักฐานเสร็จเรียบร้อยหมวดทินก็สั่งให้ลูกทีมที่ยังคงมีสติ ช่วยกันแบกหน่วยลาดตระเวนที่หมดสติแล้วพากันกลับ ออกจากป่ากลืนคนนี้ทันที ศักดิ์ มานพ ไชยา ทิน ! N% E* |/ n' o2 I M
' ^7 v" A0 U9 S! v: r+ m
มาเปลี่ยนฝั่งกันบ้างนะครับ เป็นสรรพนามอาทินเป็นหมวดมินตอนปฏิบัติหน้าที่นะครับ  0 x$ P! D% l+ q+ Q7 L* Z
- Z$ Y$ t' `2 O$ ^; h M7 h |