ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 125|ตอบกลับ: 3

หัวใจดีไซน์ Ep.8 (สถาปนิกxคนงานก่อสร้าง)

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
192
ตอบกลับ
50
พลังน้ำใจ
7426
Zenny
32862
ออนไลน์
2187 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 16:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน




ตอนที่ 7






ไอน้ำอุ่นลอยขึ้นเหนืออ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยฟองสบู่ จามินนั่งซ้อนหลังพระพาย มือแข็งแรงค่อย ๆ บีบคลึงไหล่แคบของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา แต่ทว่าความผ่อนคลายที่เขามอบให้กลับไม่ได้ช่วยบรรเทาความร้อนรุ่มในใจของพระพายเลยแม้แต่น้อย


พระพายเกลียดความรู้สึกตัวเองที่ยังคงพ่ายแพ้ให้กับ “ความไม่สนใจ” ของคีตะ ยิ่งคิดถึงภาพที่อีกฝ่ายเอาใจใส่นับหนึ่งแทนที่จะเป็นเขา ความเจ็บปวดก็กลายเป็นความชิงชังทันที


เขาเกลียดคีตะที่เลือกเดินหนี และเกลียดนับหนึ่งที่กลายเป็นเหตุผลของการสูญเสีย


ความขยะแขยงผสมกับความทรมานจากไข้ที่เพิ่งหายยังติดอยู่ในร่างกาย วันนั้นเขาอ่อนแอจนเผลอปล่อยตัวเองให้ไหลไปกับไอ้เด็กในไซต์งานก่อสร้างที่เขาจำได้ว่าเป็นลูกน้องของนับหนึ่ง คนที่เมาเละไม่ต่างจากเขา แต่กลับกระแทกใส่จนเขาช้ำแทบลุกไม่ขึ้น


มันควรจะเป็นคืนที่น่าลืม ทว่าในความเจ็บปวดกลับมีบางอย่างติดค้างอยู่ในใจ ความรู้สึกต้องห้ามที่เขาเองยังไม่อยากยอมรับ


"เป็นอะไรไปครับ" จามินถามขึ้นเสียงทุ้มนุ่ม ก้มลงกระซิบข้างหู "ทำไมดูเครียดจัง"


"เปล่า" พระพายตอบเสียงเรียบ "แค่รู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่"


จามินไม่ได้เซ้าซี้ต่อ เพียงโน้มหน้าลงประทับจูบเบา ๆ บนหัวไหล่เปียกชื้นของอีกฝ่าย ริมฝีปากไล่สัมผัสไปช้า ๆ ราวกับจะปลอบโยน “อยากให้ผมช่วยอะไรไหมครับ”


พระพายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมุมปากขึ้นช้า ๆ สายตาที่สะท้อนในผิวน้ำเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ "ช่วยสืบเรื่องคนงานที่ไซต์งานที่ฉันไปดูมาให้หน่อยได้ไหม หัวหน้าคนงานที่ชื่อนับหนึ่งน่ะ"


จามินชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ติดใจอะไร "จะให้ผมจัดการอะไรหรือครับ"


“ไม่ต้องจัดการ” พระพายหัวเราะเบา ๆ ราวกับมีความสุขในแผนการของตนเอง “ก็แค่…อยากรู้เรื่องของมันให้มากขึ้น เผื่อฉันจะได้เล่นอะไรสนุก ๆ”


จามินเพียงปรายตามอง ไม่ซักไซ้ต่อ ริมฝีปากร้อนผ่าวโน้มลงแนบที่ลำคอเปียกชื้นของพระพาย ดูดซับหยดน้ำอย่างจงใจมากกว่าจะแค่ซับเบา ๆ ลมหายใจอุ่นเป่ารดจนผิวสั่นสะท้าน ก่อนเสียงต่ำพร่ากระซิบชิดผิวเนื้อ


“ได้ครับ…ผมจะรีบหามาให้”


พระพายยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเบา ๆ ปล่อยให้รสฝาดไหลผ่านลำคอ รอยยิ้มเย็นแล่นขึ้นบนใบหน้า


ในเมื่อคีตะเลือกที่จะทิ้งเขาไปเพราะนับหนึ่ง งั้นเขาจะทำลาย นับหนึ่ง ให้ย่อยยับเอง









วันเสาร์ที่อากาศร้อนอบอ้าว คีตะขับรถเข้ามาจอดที่หน้าไซต์งานก่อสร้างอีกครั้ง เขามองดูบรรดาคนงานที่กำลังทยอยเก็บข้าวของเพื่อกลับบ้าน คีตะรู้ดีว่าช่วงนี้เขาไม่มีเวลามาหานับหนึ่งเลย เพราะงานที่บริษัทกำลังยุ่งอย่างหนัก แต่เขาก็ยังหาเวลามาเจอนับหนึ่งให้ได้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์


นับหนึ่งเดินออกมาจากไซต์งานด้วยท่าทางที่เหนื่อยล้า เขาไม่ได้สังเกตเห็นรถของคีตะที่จอดอยู่ไม่ไกล จนกระทั่งคีตะลดกระจกลงแล้วเอ่ยเรียก


"กลับบ้านหรือยังครับพี่นับหนึ่ง"


นับหนึ่งหันไปมองคีตะด้วยความประหลาดใจ "คีตะ...มาทำไมครับ"


"มารับพี่นับหนึ่งไปส่งที่บ้านครับ" คีตะตอบด้วยรอยยิ้ม


นับหนึ่งลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งข้างๆ คีตะ "ไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้นะครับ"


"ไม่ลำบากเลยครับ" คีตะตอบ "ผมอยากเจอพี่นับหนึ่ง"


คำพูดของคีตะทำให้นับหนึ่งหน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดี คีตะจึงเป็นฝ่ายชวนคุยแทน


"ช่วงนี้ผมยุ่งมากเลยครับ" คีตะพูด "เลยไม่ได้มาหาพี่เลย"


"ไม่เป็นไรครับ" นับหนึ่งตอบ "พี่เข้าใจ"


"แล้วพี่นับหนึ่งเป็นยังไงบ้างครับ" คีตะถามต่อด้วยความเป็นห่วง "งานหนักไปหรือเปล่า"


นับหนึ่งส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่ครับ...สบายมาก"


บทสนทนาที่แลกเปลี่ยนกัน ทำให้บรรยากาศในรถดูผ่อนคลายขึ้นมาก คีตะขับรถไปอย่างช้าๆ โดยที่นับหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เขารู้สึกดีที่ได้อยู่กับคีตะแบบนี้ และก็ภาวนาให้ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันนี้ยาวนานออกไปอีกนิด


...






เมื่อมาถึงบ้านของนับหนึ่งก็เป็นเวลาเย็นพอดี กลิ่นหอมของกับข้าวลอยออกมาจากในครัว ยายที่กำลังนั่งรออยู่หน้าบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นคีตะเดินตามนับหนึ่งเข้ามา


"โอ๊ย...พ่อหนุ่มมาอีกแล้วเหรอจ๊ะ" ยายเอ่ยทักด้วยความดีใจ "มาๆ ...มากินข้าวกับยายก่อน ยายทำไว้พอดีเลย"


คีตะยิ้มรับ เขารีบเดินเข้าไปในครัวเพื่อช่วยยายยกกับข้าวออกมาจากหม้อ แต่นับหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาขวางไว้ทันที


"ไม่ต้องหรอกครับคีตะ" นับหนึ่งพูด "เดี๋ยวพี่ทำเอง"


"ไม่เป็นไรครับพี่นับหนึ่ง" คีตะตอบด้วยรอยยิ้ม "ผมอยากช่วย"


คีตะช่วยยายจัดจานและวางกับข้าวลงบนโต๊ะไม้เก่าๆ อย่างคล่องแคล่วราวกับทำมานาน นับหนึ่งได้แต่มองคีตะด้วยความประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าคนอย่างคีตะจะยอมลดตัวลงมาทำอะไรแบบนี้ได้


"พ่อหนุ่มนี่เป็นคนดีจริงๆ นะ" ยายเอ่ยชม คีตะยิ้มรับอย่างเขินอาย


ทั้งสามคนนั่งล้อมวงกินข้าวกันอย่างอบอุ่น ยายเล่าเรื่องราวในอดีตของนับหนึ่งให้คีตะฟังอย่างสนุกสนาน ส่วนคีตะก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข โดยที่นับหนึ่งได้แต่นั่งเงียบๆ และก้มหน้าก้มตากินข้าวไป


เมื่อคุยกันไปจนเริ่มจะดึก ยายก็เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง "พ่อหนุ่ม...ดึกแล้วนะ ค้างที่นี่เลยไหม"


คีตะชะงักไปเล็กน้อย เขารีบหันไปมองหน้าของนับหนึ่ง ซึ่งนับหนึ่งเองก็กำลังจ้องมองเขาอยู่เช่นกัน นับหนึ่งรู้สึกสับสนในความรู้สึกของตัวเองที่ตีกันไปหมด เขาอยากให้คีตะค้างอยู่ที่นี่ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็กลัวว่าถ้าคีตะค้างที่นี่แล้วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง


"พรุ่งนี้คุณคีตะต้องทำงานนะครับยาย" นับหนึ่งรีบพูดขัดขึ้น "อยู่ค้างไม่ได้หรอกครับ"


"ไม่เป็นไรครับยาย" คีตะตอบกลับทันควัน พร้อมกับยิ้มแบบอ้อนๆ "พรุ่งนี้ผมหยุดครับ"


นับหนึ่งหันไปมองคีตะด้วยสายตาคาดโทษ เขาเห็นคีตะยิ้มอย่างทะเล้นก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด นับหนึ่งรีบดึงแขนของคีตะให้เดินตามออกมาจากห้องครัว ก่อนจะพูดเสียงเบาๆ เพื่อไม่ให้ยายได้ยิน


"นายจะบ้าเหรอ" นับหนึ่งกระซิบ "ลูกคุณหนูอย่างนายจะมานอนในบ้านสกปรกแบบนี้ได้ยังไง"


"ไม่ได้สกปรกเลยครับ" คีตะตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง "บ้านพี่นับหนึ่งสะอาดจะตายไป"


"อีกอย่างเตียงพี่ก็เล็ก" นับหนึ่งรีบหาข้ออ้างต่อ "นอนสองคนไม่สบายหรอกนะ"


"ถ้าพี่นับหนึ่งนอนได้ ผมก็นอนได้" คีตะพูดพร้อมกับจับมือนับหนึ่งไว้เบาๆ "ผมอยากอยู่กับพี่นับหนึ่ง"


คำพูดที่จริงใจของคีตะทำให้นับหนึ่งไปไม่เป็น เขาไม่เคยเจอใครที่พูดอะไรแบบนี้มาก่อน นับหนึ่งได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้ เขารู้ว่าเถียงกับคีตะไปก็ไม่มีประโยชน์


"ก็ได้ครับ" นับหนึ่งตอบในที่สุด "แต่นายห้ามบ่นนะ"


คีตะยิ้มกว้างอย่างดีใจ "ไม่บ่นแน่นอนครับ" เขากระชับมือของนับหนึ่งแน่นขึ้น ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมกับนับหนึ่ง นับหนึ่งได้แต่ส่ายหัวให้กับความเอาแต่ใจของคีตะ


หลังอาหารเย็น ยายเข้าห้องนอนไปแล้ว ทิ้งให้นับหนึ่งกับคีตะอยู่กันสองต่อสอง นับหนึ่งนั่งล้างจานอยู่หลังบ้านโดยมีคีตะนั่งอยู่ไม่ห่าง บนเก้าอี้ไม้เก่าๆ ใต้แสงไฟสลัวๆ


“ทำไมนายถึงอยากเป็นแฟนกับพี่นักล่ะ” นับหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมาทำลายความเงียบ “พี่น่ะเป็นผู้ชาย ไม่ได้ตัวเล็กน่ารัก แถมบ้านยังจนอีก”


คีตะยิ้มออกมาบางๆ เขาไม่ได้ตอบคำถามนั้นทันที แต่เลือกที่จะมองใบหน้าคมเข้มของนับหนึ่งที่สะท้อนอยู่ในแอ่งน้ำที่ใช้ล้างจาน


“พี่คงเป็นรักแรกพบของผมล่ะมั้งครับ”


นับหนึ่งหัวเราะในลำคอเบาๆ เหมือนคิดว่าคีตะกำลังพูดเล่น แต่คีตะกลับเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น


“ที่ผ่านมา...ผมไม่เคยได้เป็นฝ่ายรักใครก่อน” คีตะเว้นจังหวะ “ผมเพียงแค่ถูกทำให้รัก และผมก็ไม่สามารถที่จะมองเห็นใครนอกเหนือจากเขา”


น้ำเสียงของคีตะเปลี่ยนเป็นเศร้าอย่างรู้สึกได้ นับหนึ่งที่กำลังล้างจานอยู่ถึงกับชะงักไป


“ผมก็แค่อยากจะรักใครสักคน” คีตะพูดต่อ “คนที่ผมสามารถมอบความรักให้ได้อย่างเต็มที่ และคนๆ นั้นก็มอบคืนกลับมาให้ผม”


นับหนึ่งหันไปมองคีตะด้วยสายตาที่อ่อนลง เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของชายหนุ่มตรงหน้า นับหนึ่งไม่รู้ว่าคนที่คีตะพูดถึงคือใคร แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกนั้นดี เพราะเขาเองก็เคยถูกทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวมาตลอดชีวิต


“พี่...ก็ไม่รู้ว่าพี่เป็นคนแบบนั้นหรือเปล่า” นับหนึ่งเอ่ยเสียงเบา แต่ก็ดังพอที่คีตะจะได้ยิน


คีตะลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินเข้ามาใกล้ เขาเอื้อมมือไปจับมือนับหนึ่งที่เปียกอยู่เบาๆ “ให้ผมได้ลองทำดูนะครับ”


นับหนึ่งไม่ได้ตอบอะไร เขามองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังของคีตะ ก่อนจะพยักหน้าให้เบาๆ


หลังจากพยักหน้ารับคำของคีตะ บรรยากาศรอบตัวก็พลันเงียบลงจนได้ยินเพียงเสียงจักจั่นและเสียงน้ำหยดจากอ่างล้างจาน คีตะค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้จนกลิ่นซันไลต์จาง ๆ จากมือของนับหนึ่งลอยแตะจมูก


“พี่...” เสียงของคีตะสั่นนิด ๆ ราวกับกำลังกลัวคำตอบที่จะตามมา เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ จนลมหายใจอุ่นรดข้างแก้ม


นับหนึ่งนั่งนิ่ง ไม่ได้ขยับหนี แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนแทบจะทะลุอกออกมา


คีตะยกมือขึ้นเชยคางนับหนึ่งให้หันมาหา ดวงตาคมสบกันตรง ๆ ใต้แสงไฟสลัว ก่อนริมฝีปากของเขาจะประทับลงบนปากนับหนึ่งอย่างแผ่วเบา


แรกเริ่ม มันอ่อนโยนจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นการขออนุญาต แต่พอนับหนึ่งไม่ผลักออก คีตะก็เริ่มกดจูบหนักขึ้น ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัด ร่างกายทั้งคู่แนบชิดจนเสื้อผ้าเปียกชื้นจากหยดน้ำที่ยังติดอยู่ตามแขนของนับหนึ่ง


มือที่เคยจับชามจับจาน ถูกคีตะบีบแน่นเหมือนกำลังยืนยันว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ ส่วนนับหนึ่งเองก็เผลอเงยหน้ารับจูบอย่างลืมตัว ร่างกายสั่นสะท้านไปกับสัมผัสที่เร่าร้อนและรุกคืบ


คีตะดันนับหนึ่งถอยหลังเล็กน้อยจนแผ่นหลังชนกับผนังไม้เก่า ๆ ของหลังบ้าน เขาจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับกำลังกลืนกินลมหายใจของอีกฝ่าย


“คีตะ...” นับหนึ่งครางเรียกเสียงแหบพร่า พยายามจะห้ามแต่เสียงกลับสั่นไหวเกินกว่าจะจริงจัง


คีตะละริมฝีปากลงมาที่ซอกคอ ดูดดึงจนเกิดรอยแดงราวกับต้องการฝากเครื่องหมายไว้ เขาเอ่ยเสียงทุ้มพร่า “ผมอยากให้พี่รู้ ว่าตอนนี้...ผมมีแต่พี่จริง ๆ”


นับหนึ่งขยับมือขึ้นมากดไหล่ของคีตะ แต่ไม่ใช่เพื่อผลักออก ทว่ากลับเป็นการกดแน่นเหมือนกำลังหาที่พึ่งพิง


ริมฝีปากที่เพิ่งผละออกจากกันยังคงทิ้งร่องรอยความร้อนรุ่มไว้ นับหนึ่งใจเต้นแรงจนแทบไม่เป็นตัวเอง เขาเบือนหน้าหนีเพื่อกลบเกลื่อน ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน


“ไปอาบน้ำได้แล้วครับ เดี๋ยวไม่สบาย” น้ำเสียงติดห้วน แต่ปลายนิ้วยังสั่นน้อย ๆ ตอนที่หยิบผ้าขนหนูของตัวเองมายื่นให้คีตะ


คีตะรับมา แต่ไม่ได้รีบลุกไปตามคำสั่ง เขายังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่ไม่อาบด้วยกันเหรอครับ” เสียงทุ้มต่ำแกล้งถาม


นับหนึ่งหันขวับ “บ้า ห้องน้ำมันแคบจะตาย จะไปอาบพร้อมกันได้ยังไง นายรีบไปเลย!”


คีตะหัวเราะหึในลำคอ ก่อนจะยอมลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเสียดาย เสียงน้ำไหลดังไม่นานก็ดับลง ร่างสูงเปียกชื้นเดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอว กล้ามอกกว้างยังมีหยดน้ำเกาะวาววับยามต้องแสงไฟสลัว


นับหนึ่งที่ยังนั่งอยู่บนเตียงรีบก้มหน้าหลบสายตา แต่กลับรีบคว้าเสื้อผ้าไปแนบอกแทนคำพูด เขาลุกพรวดและเดินเข้าห้องน้ำไปแบบไม่หันมามองแม้แต่นิดเดียว คีตะยิ้มกว้างออกมา เขารู้ดีว่านั่นไม่ใช่ความโกรธ แต่เป็นความเขินที่ปิดไม่มิด


เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ประตูห้องน้ำยังคงปิดสนิท เงียบเกินกว่าจะเชื่อว่าคนข้างในยังอาบอยู่ คีตะที่นุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่เฉย ๆ จนเริ่มทนไม่ไหวจึงเดินไปเคาะประตูเบา ๆ


“พี่... เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเงียบจัง”


ไม่มีเสียงตอบกลับมาแม้แต่น้อย


คีตะขมวดคิ้ว หูแนบกับบานประตูฟัง แต่ก็ไม่มีแม้แต่เสียงน้ำไหล สุดท้ายเขาจึงเอ่ยเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม “พี่...ถ้าไม่สบายก็เปิดประตูนะครับ ผมเป็นห่วง”


เหมือนนับหนึ่งจะตกใจ เสียงน้ำจากขันที่ถูกจ้วงขึ้นมาสาดรดร่างก็ดังขึ้นกะทันหัน กลบทุกอย่างจนเงียบไปอีกครั้ง


คีตะหัวเราะเบา ๆ อย่างรู้ทัน ภาพในหัวชัดเจน พี่นับหนึ่งของเขากำลังนั่งนิ่งในห้องน้ำเพราะความเขิน ไม่ใช่อะไรอื่นเลย


ไม่นาน…ประตูห้องน้ำถูกดันออกมาอย่างช้า ๆ กลิ่นสบู่และไอน้ำอุ่นลอยออกมาปะทะ คีตะที่ยืนพิงกรอบประตูอยู่ก่อนแล้วแทบจะหยุดหายใจทันที


นับหนึ่งก้าวออกมาในชุดเสื้อยืดตัวบางกับกางเกงขาสั้นเก่า ๆ ผมยังชื้นน้ำ เส้นหยดลงมาตามลำคอจนแผ่วไหลหายเข้าไปในแนวอกกว้าง ร่างสูงโปร่งดูเรียบง่าย แต่สำหรับคีตะแล้ว ภาพตรงหน้ามันยั่วเย้ามากเกินกว่าที่หัวใจจะรับไหว


“มะ…มาบังประตูทำไม” นับหนึ่งเอ่ยถามเสียงติดห้วน ตาเหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะเบือนหนีเหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ว่าเขากำลังเขิน


คีตะไม่ได้ตอบทันที ดวงตาคมกวาดมองตั้งแต่ปลายผมเปียกที่เกาะข้างแก้ม ไล่ลงมาตามหยดน้ำที่เกาะตามเสื้อผ้าบาง ๆ จนแนบไปกับผิว ยิ่งมอง ยิ่งเหมือนภาพในฝันที่เขาเคยปลดปล่อยกับตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วน


แค่คิด ความร้อนก็พุ่งลงต่ำทันที เส้นเลือดที่ต้นขาตึงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ ผ้าขนหนูที่พันรอบเอวอยู่เริ่มปูดนูนจนแทบปิดไม่มิด


นับหนึ่งที่ยังไม่ทันสังเกตก็ขยับจะเดินผ่าน แต่คีตะกลับก้าวขวางไว้ ดวงตาสองคู่สบกันในระยะใกล้จนต่างฝ่ายต่างได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน


“คีตะ ทำไมถึงหน้าแดงอย่างนั้นล่ะ ไม่สบายหรือเปล่า”


“ปะ…เปล่าครับ พี่…” เสียงทุ้มของคีตะแผ่วพร่า แฝงแรงปรารถนาที่กลั้นไม่อยู่


นับหนึ่งชะงักไปทันที ใบหน้าร้อนวูบขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ สายตาเผลอกวาดต่ำลงเล็กน้อยแล้วก็ชะงักค้าง เมื่อเห็นผ้าขนหนูที่ขยับตุงขึ้นอย่างชัดเจน เขาเม้มปากแน่น พยายามจะไม่คิดอะไร แต่ภาพตรงหน้ามันก็ชัดเจนเกินไป


คีตะเองก็เหมือนจะรู้ตัว มือหนารีบกดชายผ้าลงแน่น ดวงตาคมมองเลี่ยงไปทางอื่น เสียงพร่าเอ่ยออกมาอย่างพยายามจะห้ามตัวเอง


“มะ…ไม่เป็นไรหรอกพี่ เดี๋ยวมันก็หายเอง…”


ประโยคแผ่วเบานั้นกลับทำให้นับหนึ่งยิ่งรู้สึกอึดอัดกว่าเดิม เขาไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ตอนยังวัยรุ่นก็เคยผ่านช่วงที่ต้องจัดการกับตัวเองมาเหมือนกัน ยิ่งเห็นคีตะพยายามอดทนแบบนั้นยิ่งทำให้หัวใจเขาบีบแน่น


ถ้าปล่อยไปแบบนี้…คงทรมานแย่แน่ ๆ


“แต่…มันเจ็บไม่ใช่เหรอ” เสียงทุ้มของนับหนึ่งเอ่ยออกมาแผ่วเบา ดวงตาหลุบต่ำไม่กล้าสบตาเด็กหนุ่มตรงหน้า “ถ้า…ถ้าแค่ใช้ปาก…ไม่เป็นไรหรอก”


คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางอก คีตะชะงักไปทั้งตัว ดวงตาเบิกกว้างก่อนจะสั่นระริก ราวกับไม่อยากเชื่อว่าหูตัวเองได้ยินอะไร


พระเจ้า…พี่นับหนึ่งของกูพูดอะไรออกมาวะ! จะฆ่ากันให้ตายด้วยความน่ารักเหรอเนี่ย


หัวใจคีตะเต้นถี่แทบระเบิด ร่างกายร้อนผ่าวจนผิวแทบลุกเป็นไฟ เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว ดวงตาคมจ้องมองนับหนึ่งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาและความรักในเวลาเดียวกัน


“พี่…พูดจริงเหรอ” คีตะเสียงสั่นพร่า เหมือนแค่ได้ยินคำยืนยันอีกครั้งก็พร้อมจะหลุดขอบโลกไปเลย


นับหนึ่งกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อน ใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบไหม้ แต่ก็ยังเงยหน้าขึ้นสบตาเด็กหนุ่มตรงหน้าเพื่อยืนยันคำพูด


“อืม…พูดจริง” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาแผ่วเบา แต่หนักแน่นพอที่จะทำให้คีตะถึงกับขาอ่อน


คีตะหายใจแรง ดวงตาสั่นวูบก่อนจะกัดฟันแน่น พยายามห้ามร่างกายที่สั่นสะท้านจนแทบจะพุ่งเข้าไปกอดคนตรงหน้า นี่มันฝันแน่ ๆ กูต้องฝันอยู่แน่ ๆ!


นับหนึ่งสูดหายใจเข้าลึก พยายามข่มความประหม่าของตัวเอง ก่อนจะก้าวเข้าใกล้อีกนิด เสียงหัวใจดังสะท้อนในอกจนกลัวอีกฝ่ายจะได้ยิน


มือหนายกขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ดึงผ้าขนหนูออกจากร่างของคีตะ เสียงผืนผ้าหลุดร่วงลงพื้นทำให้เขาชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ตาคมเข้มเบิกเล็กน้อยก่อนจะรีบก้มหน้าหนี ใหญ่อย่างที่คิดจริง ๆ …


“พะ…พี่ ไม่ต้องก็ได้—” คีตะเอ่ยเสียงสั่น แต่ยังไม่ทันจบประโยค ริมฝีปากของนับหนึ่งก็ขยับเข้ามาใกล้ จนคีตะถึงกับเผลอกำหมัดแน่น ความร้อนวูบวาบแล่นพล่านไปทั่วร่าง


สัมผัสแรกที่อุ่นและเปียกชื้นทำให้คีตะสะดุ้งเฮือก ร่างกายสั่นสะท้านราวกับถูกไฟช็อต “อ…อ๊า—พี่นับหนึ่ง…” เสียงพร่าแผ่วลอดออกมาพร้อมกับลมหายใจหอบถี่


นับหนึ่งเก้ ๆ กัง ๆ ไม่ชำนาญ แต่ทุกการขยับล้วนเต็มไปด้วยความตั้งใจ ดวงตาคมเข้มปิดแน่น ไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายเพราะความเขินอาย แต่กลับทำให้คีตะรู้สึกคลั่งยิ่งกว่าเดิม


มือหนาของคีตะเผลอยกขึ้นสอดเข้ากับเรือนผมเปียกชื้น ร่างสูงเกร็งสั่นจนเส้นเลือดปูดโปนตามแขน “มะ…ไม่ไหวแล้วพี่ ผม…ผมจะบ้าอยู่แล้ว”


เสียงครางต่ำกระเส่าแทรกมากับลมหายใจร้อนผ่าว ความรู้สึกทั้งหวาน ทั้งร้อนแรงปะทุอยู่ในอก จนคีตะแทบจะปลดปล่อยออกมาตรงนั้น


ความอึดอัดจากความใหญ่ที่คับปากทำให้นับหนึ่งน้ำตาคลอ ดวงตาปรือเบิกกว้างเมื่อคีตะเผลอขยับสะโพกเข้ามาแรงเกินไป ความร้อนแข็งขืนแทบจะทะลุลงลึกถึงคอหอย ริมฝีปากแตกเล็กน้อยจากการเบียดเสียดอย่างรุนแรง


“อึก—!” เสียงสำลักดังขึ้นแผ่ว นับหนึ่งผละออกอย่างแทบหอบไม่ทัน


คีตะสะดุ้งเฮือก รีบก้มลงประคองใบหน้าเข้มที่เปื้อนเหงื่อและน้ำตาไว้ด้วยความตกใจ “พะ…พี่! โทษครับ ผม—ผมลืมตัว… พอเถอะครับ อย่าฝืนเลย”


แววตาของคีตะเต็มไปด้วยทั้งความสงสารและเอ็นดู เขารีบใช้นิ้วโป้งเช็ดมุมปากที่แตกเล็กน้อย พลางกดหน้าผากลงกับไหล่กว้างของอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะครับพี่…ผมไม่น่าทำแรงเลย”


นับหนึ่งที่ยังหอบหายใจแรงพยายามจะเอ่ยอะไรออกมา แต่คีตะกลับยกนิ้วแตะปากห้ามเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่ต้องทำแล้วครับ แค่นี้ก็พอแล้ว พี่อยู่เฉย ๆ ให้ผมดูก็พอ…”


เด็กหนุ่มขยับถอยออกไปเล็กน้อย ก่อนจะทิ้งตัวนั่งพิงเตียง มือหนากำรูดแก่นกายของตัวเองช้า ๆ เสียงหอบกระเส่าเต็มไปด้วยความร้อนรุ่มที่แทบกลืนกินบรรยากาศทั้งห้อง ดวงตาคมยังจับจ้องไปที่นับหนึ่งอย่างไม่อาจละสายตาได้


“ฮึ่ก…อ่า…พี่นับหนึ่ง…” เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงพร่า ดวงตาแดงก่ำสั่นระริกด้วยความเสียวซ่าน


นับหนึ่งนั่งนิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้ายังคงแดงจัด ใจเต้นโครมครามกับภาพตรงหน้า คีตะที่กำลังช่วยตัวเองไปพลาง จ้องมองเขาไปพลาง ราวกับว่ากำลังมอบทุกความรู้สึกให้กับเขาคนเดียว


เสียงครางต่ำถี่ขึ้น มือหนากำขยับเร็วแรงขึ้นเรื่อย ๆ ร่างสูงเกร็งสั่นจนเส้นเลือดปูดโปนตามแขน ใบหน้าเหยเกด้วยแรงใกล้จะถึงขีดสุด


“พี่ครับ…” คีตะหอบหนัก เสียงพร่าขาดห้วง “ขอแตก…ใส่หน้าพี่ได้มั้ยครับ”


นับหนึ่งเม้มปากแน่น หัวใจเต้นถี่เหมือนจะหลุดออกมาจากอก เขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน แต่พอเห็นสายตาของคีตะที่มองมา ทั้งร้อนแรง ทั้งเว้าวอน มันกลับทำให้เขาเผลอพยักหน้าออกมาเบา ๆ


“ก็…ก็ได้” เสียงแผ่วแทบจะไม่ได้ยิน แต่สำหรับคีตะมันชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ


ดวงตาคมเบิกกว้างทันที ความสุขล้นทะลักจนแทบจะคลุ้งออกมาจากแววตา “พี่…พี่นับหนึ่ง…”


มือหนากำเร่งรูดถี่ขึ้น ร่างสูงสั่นระริก แรงเสียวซ่านพุ่งขึ้นจนแทบไม่อาจต้านทานได้ คีตะกัดฟันแน่น กดเสียงครางต่ำออกมาไม่หยุด


นับหนึ่งนั่งพิงหัวเตียง แขนสองข้างเกร็งแน่น เขาหลับตาปี๋รอคอย รู้สึกถึงลมหายใจร้อนที่สาดเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที


จนกระทั่ง—


“อ๊าาา…พี่!!”


คีตะเงยหน้าครางลั่น ขณะร่างกายกระตุกแรง น้ำร้อนขุ่นพุ่งออกมาแตกกระเซ็นใส่ใบหน้าและริมฝีปากของนับหนึ่งจนเปียกชุ่ม กลิ่นคาวผสมกับไอร้อนทำเอานับหนึ่งหายใจไม่ทัน ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจและเขินอายสุดขีด


คีตะหอบแรง เอื้อมมือมาเชยคางอีกฝ่ายขึ้นอย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยคราบขาวขุ่นออกจากแก้มและริมฝีปาก “โคตรสวยเลยครับ…พี่แม่ง…น่ารักจนผมแทบคลั่ง”


นับหนึ่งใบหน้าแดงจัดยิ่งกว่าไฟ เผลอกำชายเสื้อแน่นแทบขาด ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกที่ไหน ดีแค่ไหนแล้วที่ยายเข้านอนไปนาน ไม่งั้นคงแย่แน่ ๆ


คีตะยื่นหน้ามาใกล้ กดจูบซับที่มุมปากนับหนึ่งเบา ๆ พลางกระซิบเสียงพร่า “ขอบคุณนะครับ…ที่ยอมให้ผม”


บรรยากาศเต็มไปด้วยความร้อนผสมความอบอุ่น ที่ทั้งนับหนึ่งเองก็ไม่กล้าจะยอมรับออกมาตรง ๆ ว่า…เขาไม่ได้รังเกียจเลยสักนิด









ในวันรุ่งขึ้น ณ คาเฟ่เล็กๆ แห่งหนึ่งที่เงียบสงบ นะโมก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่สดใส เขานั่งลงตรงข้ามกับธีร์ พี่ชายที่อายุห่างกันไม่กี่ปี แต่สนิทกันมากจนเหมือนเพื่อนสนิทกัน


"มาได้ไงวะ" ธีร์เอ่ยทัก "ปกติวันหยุดมึงไม่เคยว่าง"


"ก็มีเรื่องจะมาเล่าให้ฟัง" นะโมตอบพร้อมกับยิ้มกริ่ม "กูแอบไปทำงานที่ไซต์ก่อสร้างมา"


ธีร์หัวเราะเบาๆ "ไม่แปลกใจเลย มึงก็ชอบทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว" เขาเว้นช่วง "แล้วทำไมครั้งนี้ถึงอยู่นานล่ะ เจอของที่ถูกใจเหรอ"


นะโมยิ้มกว้างกว่าเดิม "ใช่" เขาตอบเสียงหนักแน่น


ธีร์มองหน้าน้องชายด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ เขารู้ดีว่าน้องชายของเขาไม่ได้หมายถึงแค่ "ของ" ธรรมดาๆ


"แต่ธีร์...อย่าบอกแม่นะ" นะโมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอน "กูกลัวว่าถ้าแม่รู้ กูจะถูกห้ามไม่ให้ไปอีก"


ธีร์พยักหน้ารับ "ไม่ต้องห่วง" เขาพูดพร้อมกับยื่นมือไปตบไหล่น้องชายเบาๆ "กูไม่บอกแม่หรอก"


"ขอบคุณครับ" นะโมตอบอย่างโล่งใจ


บทสนทนาที่เต็มไปด้วยความลับของสองพี่น้องดำเนินต่อไปนะโมเล่าเรื่องราวที่เจอในไซต์งานให้นธีร์ฟังอย่างละเอียด รวมถึงเรื่องของนับหนึ่งและเจ้านายที่ชอบกลั่นแกล้งเขา ธีร์ฟังทุกอย่างอย่างตั้งใจ ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ "สงสัยครั้งนี้...มึงคงจะจริงจัง"


"ก็ไม่แน่นะพี่ธีร์" นะโมตอบ "กูว่า…กูจะลองดู"


"อีกเรื่องนึง..." นะโมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นกว่าเดิม ธีร์หันมามองน้องชายอย่างตั้งใจ


"เรื่องอะไร"


นะโมยื่นโทรศัพท์มือถือที่กำลังเปิดคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดในโรงแรมให้ธีร์ดู ภาพในคลิปนั้นเบลอจนดูไม่ออกว่าเป็นใคร แต่ธีร์ก็ยังคงดูมันอย่างตั้งใจ


"คืนนั้นกูเมามาก" นะโมเอ่ยเสียงแผ่ว "แต่กูจำได้ลางๆ ...กูรุนแรงกับเขามาก พอตื่นมาก็หนีไปละ"


ธีร์มองหน้าของน้องชายอย่างประหลาดใจ เขาไม่เคยเห็นนะโมเป็นแบบนี้มาก่อน


"มึงพอจะช่วยกูตามหาได้ไหมวะ ว่าเขาเป็นใคร" นะโมพูดต่อ "กูอยากจะเลี้ยงข้าว...ขอโทษเขา"


ธีร์หัวเราะออกมาเบาๆ "กูก็นึกว่าเรื่องอะไร" เขาพูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์คืนให้นะโม "แล้วนี่มึงอยากจะขอโทษเขาจริงๆ หรืออยากจะสานต่อ"


นะโมเงียบไปครู่หนึ่ง "ไม่รู้สิ"


"ปกติเค้าวันไนท์กัน มันก็จบที่ตรงนั้นแล้วไหม" ธีร์พูดพร้อมกับหัวเราะ "เขาเองก็คงไม่อยากรู้จักมึงหรอก"


คำพูดของธีร์ทำให้นะโมรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในใจ เขาเองก็คิดแบบนั้น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ยังคงอยากจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือใครกันแน่


ธีร์มองหน้าของน้องชายอย่างตั้งใจ "กูไม่รับปากนะว่าจะหาเจอ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "แต่กูก็จะพยายามช่วยละกัน"


นะโมยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ เขาดีใจจนแทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ “ขอบใจมากคร้าบพี่ชาย!” นะโมพูดพร้อมกับโผเข้ากอดธีร์แน่น ธีร์ได้แต่หัวเราะเบาๆ กับท่าทางของน้องชาย


"ถ้ากูหาเจอแล้วจะรีบบอกนะ" ธีร์พูดพร้อมกับลูบหัวนะโมเบาๆ


--------------------------------------
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ
ขอกำลังใจหน่อยน้าาา
รักคนอ่าน






คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +16 Zenny +300 ย่อ เหตุผล
ดอกม่วง + 16 + 300

ดูบันทึกคะแนน

🌸 一期一会 (いちごいちえ)

นายกสโมสร

กระทู้
0
ตอบกลับ
52286
พลังน้ำใจ
267195
Zenny
105224
ออนไลน์
20809 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 16:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
1
ตอบกลับ
617
พลังน้ำใจ
5446
Zenny
2113
ออนไลน์
403 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 17:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ สนุกมาก รอติดตามต่อครับ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
3
ตอบกลับ
10249
พลังน้ำใจ
52200
Zenny
23785
ออนไลน์
2905 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 19:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เสวเลย
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2025-8-26 13:27 , Processed in 0.090310 second(s), 27 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2025 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้