ในห้องสี่เหลี่ยมที่อบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟจางๆ และเสียงคีย์บอร์ดที่ดังไม่ขาดสาย, ‘พี่เจตน์’ คือศูนย์กลางของจักรวาลเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘ที่ทำการสโมสรนักศึกษา’ เขายืนพิงขอบโต๊ะทำงาน แขนเสื้อโปโลสีขาวสะอาดพับขึ้นถึงข้อศอกอย่างทะมัดทะแมง เผยให้เห็นท่อนแขนแข็งแรงสมส่วน รอยยิ้มอบอุ่นและเข้าอกเข้าใจประดับอยู่บนใบหน้าคมคายแทบจะตลอดเวลา แม้ว่าในขณะนี้ เขากำลังรับมือกับพายุแห่งปัญหาถึงสามลูกพร้อมกัน
“ครับท่านรองคณบดี... เข้าใจครับ เรื่องเวทีจัดงานพรอมที่ติดตั้งผิดแบบ ผมจะรีบประสานงานกับออร์แกไนเซอร์ให้เดี๋ยวนี้เลยครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ” เขากรอกเสียงนุ่มทุ้มลงในโทรศัพท์ที่คีบไว้ระหว่างบ่ากับหู น้ำเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและไหวพริบทางการทูตที่สามารถดับไฟที่ร้อนแรงที่สุดให้มอดลงได้เสมอ
ขณะเดียวกัน สายตาคมกริบของเขาก็เหลือบไปเห็นรุ่นน้องฝ่ายศิลป์ที่หน้าซีดเผือด “แก้ว... พี่เห็นดราฟต์ล่าสุดแล้วนะ ที่แก้ฟอนต์น่ะ... แต่บรีฟลูกค้าคือขอสีโทนร้อนไม่ใช่เหรอ รีบแก้แล้วส่งให้โรงพิมพ์ภายในบ่ายนี้เลยนะ พี่เชื่อว่าแก้วทำได้” เขาไม่เคยตำหนิ แต่จะชี้แนะด้วยความเชื่อใจเสมอ
“ส่วนแก... อะตอม” เขาสบตากับรุ่นน้องอีกคนที่ยืนรออยู่ด้วยสีหน้ากังวล “เรื่องน้องปีหนึ่งทั้งชั้นที่โดนหอพักตัดน้ำจนผู้ปกครองโทรมาวีนน่ะ... ไปบอกเขาว่าพี่รับเรื่องแล้ว กำลังจะเข้าไปคุยกับผู้จัดการหอพักด้วยตัวเอง ฝากดูแลน้องๆ ก่อนนะ”
นั่นคือสุรเสียงแห่งอำนาจของเจตน์... มันไม่ใช่การตวาดสั่ง แต่คือ ‘การมอบความไว้วางใจและแบกรับภาระไว้เอง’ เขาคือพี่ชายผู้แสนดี, คือผู้นำที่พึ่งพาได้, คือพระเจ้าในร่างมนุษย์สำหรับนักศึกษาทุกคนที่นี่ และเขาก็เล่นบทบาทนี้ได้อย่างไร้ที่ติจนทุกคนเชื่อสนิทใจ
“พี่เจตน์ไหวแน่นะครับ... พักบ้างก็ได้นะครับพี่” เสียงของรองประธานสโมสรดังขึ้นเบาๆ ด้วยความห่วงใย
เจตน์เพียงแค่หันมายิ้มให้... รอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบของเขา “สบายมากน่า... เรื่องแค่นี้เอง”
แต่เมื่อประตูห้องทำงานปิดลงเมื่อสิ้นสุดวัน และรุ่นน้องคนสุดท้ายกลับไปแล้ว... รอยยิ้มนั้นก็ร่วงหล่นจากใบหน้าราวกับหน้ากากที่แตกสลาย ความเงียบที่เข้ามาแทนที่เสียงจอแจเมื่อครู่มันดังยิ่งกว่าเสียงตะโกน เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประธานที่แสนจะหนักอึ้ง จ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองในหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มืดสนิท... ภาพของชายหนุ่มที่เหนื่อยล้าจนแทบไม่อยากหายใจ
นี่คือตัวตนของแกจริงๆ เหรอวะ... เจตน์... เขาถามตัวเองในใจ หรือแกเป็นแค่ ‘สาธารณูปโภค’ ของคนอื่น เป็นถังขยะรองรับปัญหา เป็นผ้าซับน้ำตาที่ไม่มีวันแห้ง เขารู้สึกขยะแขยงบทบาท ‘พี่เจตน์’ ที่กลืนกินชีวิตของเขาจนหมดสิ้น
ครืด... ครืด... ครืด...
โทรศัพท์บนโต๊ะสั่นสะท้านอีกครั้ง หน้าจอโชว์ชื่อของดาวคณะคนสวยที่เพิ่งเลิกกับแฟน... อีกปัญหา... อีกความคาดหวัง... อีกหน้าที่ที่เขาต้องสวมบทบาท
เจตน์กำหมัดแน่น เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาบนข้อมือ เขาสูดหายใจลึก... แล้วกดปิดเครื่องอย่างแรง ความอดทนของเขาสิ้นสุดลงแล้ว เขาไม่อยากเป็นผู้ให้อีกต่อไป... ลึกที่สุดในใจ เขากระหายที่จะเป็น ‘ผู้รับ’ อย่างสุดซึ้ง... ผู้รับคำสั่ง... ผู้ที่ถูกควบคุม... ผู้ที่จะโยนอำนาจและความรับผิดชอบทั้งหมดทิ้งไปเพื่อแลกกับอิสรภาพ
ภาพของหญิงร่างท้วมในชุดแม่บ้านสีน้ำเงินผุดขึ้นมาในหัว... เขาเคยเห็นนางเมื่อหลายเดือนก่อนตอนที่เกิดเหตุท่อประปาแตกในโรงอาหารกลางดึก ขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายและตื่นตระหนก มีเพียง ‘ป้าผาด’ คนเดียวที่ยืนบัญชาการทีมช่างและแม่บ้านด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดและแววตาที่ทรงอำนาจอย่างแท้จริง... อำนาจที่ไม่ได้มาจากตำแหน่ง แต่มาจากตัวตนของนางเอง... อำนาจที่เจตน์แอบอิจฉาและโหยหามาตลอด
คืนนี้... เขาจะไปหานาง ไม่ใช่ในฐานะประธานสภานักศึกษา... แต่ในฐานะผู้ที่ปรารถนาจะสละบัลลังก์ของตนเอง
เจตน์มุ่งหน้าไปยังอาคารพัสดุกลาง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลที่แท้จริงของฝ่ายอาคารและสถานที่ มันคือโลกอีกใบที่เต็มไปด้วยกลิ่นสนิม ฝุ่น และความเป็นจริงที่จับต้องได้ ต่างจากโลกจอมปลอมในห้องทำงานของเขาราวฟ้ากับเหว เขามองเห็นป้าผาดกำลังยืนตรวจดูรายการของในสต็อกด้วยท่าทีของนายพลตรวจกำลังพล
เขาเดินเข้าไปอย่างมั่นคงและสง่างามตามสัญชาตญาณผู้นำที่ฝังอยู่ในสายเลือด
“ป้าผาด... ครับ” เขาเริ่มต้นด้วยความเคารพ “ผม... เจตน์ ประธานสภานักศึกษา... ผมมาที่นี่เพื่อขอ ‘โอนย้ายอำนาจบัญชาการ’ ครับ”
ป้าผาดละสายตาจากคลิปบอร์ด นางหรี่ตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า รับรู้ได้ถึงออร่าของผู้นำที่ฉายชัด แต่ก็สัมผัสได้ถึงรอยร้าวที่ซ่อนอยู่ภายใน นางยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย
“อำนาจที่แกมี มันมาจากเสียงเชียร์ของคนอื่น... แต่อำนาจของฉันมันมาจากเนื้อในของตัวฉันเอง... แกแน่ใจเหรอว่าจะแบกรับอำนาจแบบของฉันไหว”
“ผมไม่ได้จะมาขอรับครับ” เจตน์ตอบเสียงหนักแน่น สบตานางอย่างไม่หวั่นเกรง “ผมจะมาสละมันต่างหาก ผมเหนื่อยกับการใช้อำนาจแบบนุ่มนวลแล้ว ผมกระหายอำนาจที่เด็ดขาด... อำนาจในการถูกสั่ง... ผมขอ ‘ระดับสี่’... ผมอยากเป็นทาสที่ซื่อสัตย์ที่สุดของป้าครับ”
ป้าผาดหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ นางมองลึกลงไปในดวงตาของเจตน์ เห็นความปรารถนาที่จะถูกครอบครองอย่างแท้จริง
“ตำแหน่งทาสของฉัน... มันไม่มีวันได้เลื่อนขั้น มีแต่จะถูกลดทอนคุณค่าลงไปเรื่อยๆ จนไม่เหลือความเป็นตัวเอง... คิดดีแล้วใช่ไหม”
“ครับ...” เจตน์ตอบรับอย่างไม่ลังเล “ผมพร้อมแล้วที่จะถูกทำลายความเป็นตัวเอง... โดยนายหญิงของผมครับ”
“ดีมาก... ทาสรับใช้ที่น่าเอ็นดูของฉัน”
ในห้องทำงานส่วนตัวของป้าผาดที่อยู่ลึกสุดของอาคาร... มันเป็นห้องที่เรียบง่าย มีเพียงโต๊ะเหล็ก ตู้เก็บเอกสาร และเก้าอี้เก่าๆ... แต่ทุกอย่างกลับดูน่าเกรงขามภายใต้แสงไฟสีนวล หลังจากที่เจตน์ได้ประจักษ์ถึงร่างกายอันน่าเกรงขามและอาวุธคู่กายของ ‘นายหญิง’ คนใหม่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความภักดีแล้ว นางก็พยักพเยิดไปยังพรมผืนเล็กๆ กลางห้อง
“ถอดมันออกให้หมด... ถอดทุกตำแหน่ง ทุกความรับผิดชอบที่แกแบกไว้ออกไป... แล้วคุกเข่าลงซะ”
เจตน์ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด เขาค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อโปโล สัญลักษณ์ของผู้นำที่เป็นมิตร... ถอดนาฬิกาข้อมือ สัญลักษณ์ของเวลาและภาระหน้าที่... จนร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อที่สวยงามสมส่วนจากการเป็นนักกีฬาเก่า เขาคุกเข่าลงบนพรมอย่างสง่างามราวกับอัศวิน แผ่นหลังกว้างตั้งตรง ก่อนจะค่อยๆ โค้งคำนับลงอย่างนอบน้อมที่สุด... บั้นท้ายแน่นตึงและกลมกลึงยกแอ่นขึ้นในท่าที่แสดงถึงการยอมจำนนอย่างเป็นทางการและสมบูรณ์แบบ
เขาเอื้อมมือไปด้านหลัง... นิ้วที่เคยใช้เซ็นอนุมัติโครงการนับร้อย บัดนี้กำลังทำหน้าที่เปิดเปลือยความลับของตัวเอง เขาแหวกแก้มก้นที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อออกจากกันอย่างช้าๆ และมั่นคง... เผยให้เห็นรอยจีบสีเข้มที่ปิดสนิท... ดูแข็งแรงและไม่เคยต้องมลทิน... กำลังขมิบรอรับการประทับตราจากเบื้องบน
จากนั้น... เขาก็หันใบหน้าที่หล่อเหลาและเปี่ยมเสน่ห์กลับมามอง... สบตากับป้าผาดอย่างตรงไปตรงมา ดวงตาที่เคยอบอุ่น ตอนนี้กลับลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความปรารถนาที่จะถูกย่ำยี เขาหายใจออกมายาวๆ ราวกับจะปลดปล่อยตัวตนเก่าให้หมดไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว
“ร่างกายนี้... จิตวิญญาณนี้... พร้อมรับใช้ท่านผู้บัญชาการ... แต่เพียงผู้เดียวแล้วครับ”
นี่คือการสวามิภักดิ์ที่ทรงเกียรติและน่าตื่นเต้นที่สุด! ป้าผาดไม่ปล่อยให้เขารอนาน นางเดินเข้าไปด้านหลังแล้วเริ่มต้น ‘การประทับตราอำนาจ’ ลงบนร่างกายของทาสคนโปรดทันที
ควยของเจตน์ที่ทั้งใหญ่และยาวสมส่วน...แข็งขืนชี้ตรงด้วยความต้องการอย่างถึงที่สุด...ถูกป้าผาดกำไว้ในมือก่อนจะถูกชักรูดอย่างรุนแรงจนเจ้าของร่างสะท้านเฮือก รูตูดที่ไม่เคยใช้งานของเขาถูกนิ้วของนางสำรวจอย่างจาบจ้วง ก่อนจะถูกขยายออกด้วยความเป็นจริงอันยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเข้ามาครอบครองและสถาปนาอำนาจใหม่
เสียงร้องของเจตน์ที่เคยใช้แต่พูดจาอย่างน่าเชื่อถือ บัดนี้กลับกลายเป็นเสียงครางต่ำในลำคออย่างไม่อาจควบคุม “โอ้... นายหญิง... อ๊า... ได้โปรด... บัญชาผม... สั่งผมสิครับ... อ๊าาา... เย็ดผม... เย็ดทาสของท่านให้พังไปเลยครับ!”
หลังจากการสถาปนาอำนาจอันดุเดือดจบสิ้นลง เจตน์นอนหมดแรงอยู่บนพรม ร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ป้าผาดยืนค้ำร่างของเขาก่อนจะใช้ปลายเท้าเขี่ยที่สีข้างเขาอย่างไม่ปรานี
“ลุกขึ้น... ทาส”
เจตน์รีบลุกขึ้นนั่งคุกเข่าต่อหน้านางทันที เนื้อตัวสั่นเทาแต่แววตากลับเปี่ยมไปด้วยความสุข “ครับ... นายหญิง”
“คืนนี้ทำหน้าที่ได้ดี... แต่ยังอ่อนหัดนัก” นางเหยียดยิ้ม “แกสนุกกับการถูกสั่งใช่ไหม”
เจตน์เงยหน้ามองนางด้วยสายตาเทิดทูน “ครับ! ผมมีความสุขที่สุดในชีวิตเลยครับ... ได้โปรดสั่งผมอีกนะครับนายหญิง”
เขาลุกขึ้นแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอดพวงกุญแจที่ห้อยเอวออกมา ในนั้นมี ‘มาสเตอร์คีย์’ สีเงินที่สามารถไขประตูได้ทุกห้องในอาคารสโมสรนักศึกษา
“ของกำนัล... เพื่อแสดงความภักดีชั่วนิรันดร์ครับนายหญิง” เขายื่นมันให้นางอย่างนอบน้อม “กุญแจดอกนี้เปิดได้ทุกห้อง... ควบคุมได้ทุกกิจกรรมในสโมสร... ตอนนี้อำนาจทั้งหมดนั้น... เป็นของนายหญิงแต่เพียงผู้เดียวครับ”
ป้าผาดรับพวงกุญแจนั้นมาถือไว้ นางแกว่งมันไปมาหน้าเจตน์ ก่อนจะตบหน้าเขาเบาๆ เป็นการให้รางวัล “ดีมาก... งั้นพรุ่งนี้เที่ยงตรง... ไปรอฉันที่หน้าห้องทำงานอธิการบดี... แกมีภารกิจใหม่ที่ต้องทำในฐานะทาสส่วนตัวของฉัน”
“รับทราบครับนายหญิง!” เจตน์รับคำสั่งอย่างแข็งขัน แล้วเดินตัวตรงแน่วออกจากห้องไป ทิ้งศักดิ์ศรีจอมปลอมของประธานสภานักศึกษาไว้เบื้องหลัง เหลือเพียงตัวตนใหม่ของการเป็นทาสผู้ภักดีและเปี่ยมสุข
ป้าผาดยืนมองพวงกุญแจในมือ... สัญลักษณ์แห่งอำนาจสูงสุดของฝ่ายนักศึกษา... ที่ตอนนี้ตกอยู่ในมือนางโดยสมบูรณ์แล้ว นางยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม... การเมืองในมหาวิทยาลัยนี้... ชักจะสนุกขึ้นทุกทีแล้วสิ