แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย JakkyMccarney เมื่อ 2025-7-30 20:43
คือผมอยากจะแต่งนิยายแนวสะกดจิต แนวการมีเซ็กกันแบบเป็นเรื่องปกติไม่ว่าสถานที่ใหน
สามารถมีอะไรกับใครได้ทุกคน โดยที่ทุกคนไม่มีการรีแอคกลับจะพูดคุยหรือทำกิจกรรมอื่นๆ
เป็นปกติถ้านึกภาพไม่ออกผมมีตัวอย่าง
แสงแดดยามเช้าเล็ดลอดผ่านผ้าม่านผืนบางกระทบบนแผ่นหลังกว้างของพ่อผู้เป็นเจ้าของบ้าน เสียงไก่ขันห่างไกลจากสวนหลังบ้าน ผสานกับเสียงน้ำไหลในห้องน้ำที่ลูกชายคนโตเพิ่งปิดก๊อก โต๊ะอาหารไม้กลางบ้านถูกจัดเรียงเรียบร้อยด้วยมือของพ่อบ้านที่ช่วยดูแลบ้าน เขาวางข้าวต้มหมูสับร้อน ๆ ขณะที่อีกมุมหนึ่งของบ้าน เสียงกระแทกเนื้อแน่นสลับกับเสียงครางต่ำดังเป็นจังหวะมั่นคงจากบันไดชั้นลอย แต่ไม่มีใครสนใจ เจฟฟรี่นั่งบนโซฟา ตัวตรง มือกดรีโมตทีวีเปลี่ยนช่องข่าวไปเรื่อย ๆ ขณะที่แจ๊คน้องชายของเขากำลังโยกเอวอย่างต่อเนื่องโดยมีพี่ชายอีกคนเป็นผู้รับอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวด้านหลัง ดวงตาของทั้งคู่ดูเรียบนิ่งเหมือนคุยกันเรื่องราคาน้ำมันเช้านี้ “วันนี้มีประชุมตอนสิบโมง...”
เสียงของจิมมี่พูดขึ้นเรียบ ๆ ระหว่างที่ร่างกายเขากระแทกเข้าหาคนใต้ร่างที่ยังคงตักข้าวกินช้า ๆ
“อืม ฝากถ่ายเอกสารให้ด้วยนะ” พี่ชายทพูดตอบขณะใช้ตะเกียบคีบหมูชิ้นสุดท้าย อเล็ก พ่อของพวกเขา เดินลงมาจากชั้นบนในชุดสูทเรียบ กล้ามอกแน่นใต้อาภรณ์ถูกปิดไว้อย่างพอดิบพอดี เขาเดินผ่านพวกลูกชายโดยไม่ได้มองฉากที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องบนโต๊ะกลางบ้าน
เขาหยิบแก้วกาแฟและหนังสือพิมพ์ นั่งลงข้าง ๆ เจฟฟรี่ “รถยังอยู่ในสภาพดีนะ พ่อจะใช้ขับไปโรงงาน”
“ครับ เมื่อวานเติมน้ำมันให้แล้ว” เจฟฟรี่ตอบโดยไม่ละสายตาจากจอ ในห้องครัว เสียงเนื้อกระทบพื้นไม้ยังไม่หยุด จิมมี่ถอนสะโพกออกเมื่อพอใจแล้วจึงเดินไปล้างมือในอ่าง ขณะที่น้องชายลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ไม่มีคำพูด ไม่มีความอาย ไม่มีใครแม้แต่จะสบตากับสิ่งที่เกิดขึ้น บรรยากาศเช้านี้เหมือนทุกวัน สว่างไสว เงียบสงบ และอบอวลไปด้วยความเป็นธรรมชาติ
แดดสายเริ่มแรงเมื่อรถยนต์คันใหญ่สีดำของบ้านจอดหน้าบริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อเล็กก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋าเอกสาร บอดี้สูทที่แนบเนื้อเผยให้เห็นแผ่นอกแน่นใต้เนื้อผ้า เขาก้าวผ่านล็อบบี้โดยไม่พูดอะไร เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของพนักงานชายในอาคารสะท้อนไปทั่วโถง ชายวัยยี่สิบต้น ๆ คนหนึ่งนั่งคร่อมตักหัวหน้าแผนกขณะดูเอกสาร เสียงสอดใส่ดังเบา ๆ ตามจังหวะ แต่ไม่มีใครหันไปมอง อเล็กเดินผ่านภาพนั้นอย่างเงียบ ๆ ขณะเลขาหนุ่มยื่นแฟ้มข้อมูลเช้านี้ให้ เขารับมา กวาดตามองตารางงาน แล้วเดินเข้าห้องประชุมทันทีโดยไม่แม้แต่จะเอ่ยปากถามอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เห็น หรือแสดงความสนใจ อีกด้านหนึ่งของเมือง... เสียงออดโรงเรียนดังขึ้น นักเรียนชายแต่งชุดนักเรียนเรียบร้อยเดินเข้าแถวผ่านประตูรั้วใหญ่ บางคนยืนคุยกันขณะหนึ่งในนั้นโดนเพื่อนสอดใส่จากด้านหลังในท่ายืนริมสนามหญ้า ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักจากกลุ่มเพื่อนที่กำลังเล่นฟุตบอล แจ๊ค นักเรียนชายผิวขาวผ่องน้องชายคนสุดท้องของบ้าน ยืนอ่านหนังสือการบ้านขณะเพื่อนร่วมชั้นกำลังก้มอยู่เบื้องหน้าเขา มือของแจ๊คจับปกหนังสือแน่น ในขณะที่สะโพกของเขาถูกขยับโยกเข้าจังหวะอย่างมั่นคงจากด้านหลังโดยไม่มีปฏิกิริยาใดทั้งจากเจ้าตัวหรือจากครูเวรที่ยืนดูอยู่ตรงระเบียง “เธอทำแบบฝึกหัดเรื่องพหุนามเสร็จรึยัง?” เสียงเพื่อนข้าง ๆ ถาม “เกือบแล้ว เหลืออีกหน้าเดียว” แจ๊คตอบเรียบ ๆ ไม่เงยหน้าจากหนังสือ ครูใหญ่เดินผ่านหน้าอาคารเรียนชั้นล่าง เหลือบเห็นนักเรียนสองคนกำลังสอดใส่กันข้างเสาธง เขาหยุดยืน ดูนาฬิกา แล้วเป่านกหวีดเรียกนักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติ ร่างแนบเนื้อที่กระแทกกันค้างอยู่กลางลาน ไม่ได้เคลื่อนออก นักเรียนอีกหลายคู่ยังคงกระทำสิ่งเดียวกันอย่างต่อเนื่องตลอดเพลงชาติ แต่ไม่มีใครในแถวพูดถึง ไม่มีใครเบือนหน้าหนี มันเป็นเพียงเช้าอีกวันในโรงเรียนชายล้วนแห่งนี้
เมื่อธงถูกชักขึ้นสุดเสา ทุกคนเงียบลง
แสงไฟวอร์มไวท์บนเพดานส่องลงมาเบา ๆ เหนือโต๊ะอาหารในห้องโถงใหญ่ของบ้าน เสียงช้อนกระทบชามข้าวดังเป็นจังหวะ ขณะที่ทุกคนในบ้านนั่งล้อมวงกินข้าวเย็นกันตามปกติอเล็กนั่งหัวโต๊ะ มือถือช้อนตักแกงจืดไก่สับช้า ๆ ท่ามกลางเสียงพูดคุยเรื่องงานจากลูกชายทั้งสาม
เจฟฟรี่พูดถึงการซ่อมมอเตอร์ในโรงงาน
จิมมี่เปิดหนังสือวิศวะฯ มาให้อเล็กดู
แจ๊คพูดถึงครูประจำชั้นคนใหม่เสียงพูดคุยไหลลื่น ไม่มีติดขัดแม้ในขณะที่แจ๊คเอนตัวคร่อมตักของเจฟฟรี่อยู่ใต้โต๊ะ ช่วงสะโพกของเขาถูกจับแน่นโยกเข้าออกสม่ำเสมอโดยพี่ชายคนโต มือทั้งสองของเจฟฟรี่ยังคงถือช้อนและตักกับข้าวให้จิมมี่ที่นั่งข้าง ๆ ไปด้วยไม่มีใครเอ่ยถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ไม่มีใครหันไปมอง ไม่มีใครชะงักแม้สักนิด“พรุ่งนี้อย่าลืมเอาเอกสารนี้ไปเซ็นให้พ่อนะจิมมี่” อเล็กพูดขณะหยิบแฟ้มสีเทายื่นไปทางขวาจิมมี่รับแฟ้มมากางดู แล้วพยักหน้าเบา ๆ
เสียงเนื้อกระทบกันใต้โต๊ะยังคงดำเนินต่อ ทว่าไม่ได้รบกวนใครเลย“ลืมบอก พรุ่งนี้ผมต้องอยู่เวรตอนเย็น กลับค่ำนะครับ” เสียงของเจฟฟรี่พูดเรียบ ๆ ขณะดึงสะโพกกลับ ช้า ๆ แจ๊คนั่งตัวตรงแต่งชุดนักเรียนอยู่ข้างเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใบหน้าของเด็กหนุ่มยังเต็มไปด้วยความสนใจในหนังสือเรียนที่ถืออยู่ในมือเมื่อกินข้าวเสร็จ ทุกคนช่วยกันเก็บโต๊ะ ใครบางคนยังคงคร่อมกันบนพนักโซฟา แต่เสียงหัวเราะเบา ๆ ของแจ๊คที่ถูกพี่ชายกอดจากด้านหลัง ขณะพูดถึงการบ้านวิชาสังคม ก็ฟังดูเหมือนเรื่องธรรมดาของทุกบ้านก่อนเข้านอน อเล็กเดินไปหาจิมมี่ที่นั่งอยู่บนพื้นหน้าชั้นหนังสือในห้องทำงาน ลูกชายคนกลางก้มหัวให้เบา ๆ“คืนนี้มานอนห้องพ่อ”เสียงตอบรับคือการพยักหน้าโดยไม่มีคำพูด ไม่มีสีหน้าใดถูกแสดงออกบ้านหลังนี้สงบ… อบอุ่น…
สวนสาธารณะกลางเมืองเวลาบ่ายแก่ ๆ แสงแดดอ่อนลงเป็นสีทองอมส้ม ต้นไม้เอนใบเบา ๆ รับลม ข้างบึงน้ำมีม้านั่งไม้เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ บนม้านั่งหนึ่ง เจฟฟรี่นั่งถือกีตาร์โปร่งตัวเก่า มือของเขาไล่สายเบา ๆ ก่อนจะเริ่มดีดเป็นทำนองช้า ๆ คล้ายเพลงรัก หญิงสาวที่เจอจากร้านกาแฟนั่งข้างเขา ยิ้มอ่อน ๆ ขณะฟัง
เธอยกมือลูบผมที่ปลิวเล็กน้อย เงยหน้าฟังเสียงเพลงโดยไม่ขยับเข้าใกล้ เสียงเพลงดำเนินไปพร้อมจังหวะโยกเบา ๆ ของชายหนุ่มอีกคนที่นั่งซ้อนอยู่หลังไลออน แขนคล้องเอวไว้แน่น ใบหน้าแนบกับแผ่นหลัง สะโพกของเขาขยับเนิบช้าเป็นจังหวะเดียวกับเสียงดนตรี หญิงสาวไม่มอง ไม่เอ่ยถึง ไม่สนใจ เจฟฟรี่ยังคงดีดกีตาร์ต่อไปอย่างมั่นคง ดวงตาของเขาไม่ได้หันไปมองผู้ชายที่สอดใส่ตัวเขาจากด้านหลังเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอในช่วงท่อนฮุค หัวใจเขากลับเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล ไม่ใช่แรงเสียดสีทางกาย
แต่เป็นความรู้สึกที่ต่างออกไป
บางสิ่งที่...โลกใบนี้ไม่เคยสอนให้เขาเข้าใจ
ชายอีกสองคู่ข้างสนามเด็กเล่นกำลังกอดรัดกันอยู่กลางสนามหญ้า พ่อค้ารถเข็นกำลังถูกรุ่นพี่สวมชุดกีฬาคร่อมจากด้านหลังระหว่างตักไอศกรีมขายเด็ก
ไม่มีใครหยุดกิจกรรม ไม่มีใครตกใจ ไม่มีเสียงถาม ไม่มีความรู้สึกผิด ผู้คนเดินผ่านท่ามกลางภาพเหล่านั้น เหมือนเดินผ่านลมหายใจในฤดูใบไม้ผลิ “เพลงนี้ชื่ออะไรเหรอคะ?” เธอถามเบา ๆ
“ไม่มีชื่อ...” เจฟฟรี่ตอบพร้อมรอยยิ้มบาง
“…ผมเพิ่งแต่งตอนเห็นคุณเดินมา” เธอยิ้ม หน้าแดงเล็กน้อยแต่ไม่ได้หลบตา ขณะนั้นเสียงครางทุ้มดังขึ้นเบา ๆ จากชายที่สอดใส่ด้านหลังเจฟฟรี่ แต่ไม่มีใครสนใจ หรือแม้แต่ชายเจ้าของเสียงเองก็ไม่เปลี่ยนสีหน้า หญิงสาวพูดต่อเหมือนเสียงนั้นไม่มีอยู่ในโลก “คุณชอบดนตรีเหรอ” “ผมไม่แน่ใจแล้วว่าชอบอะไรมากกว่า ระหว่างกีตาร์… หรือเสียงคุณตอนหัวเราะ” คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวเม้มปาก ยิ้มกว้าง แต่ยังคงระยะห่างไว้ชัดเจน
***ที่ผมตั้งกระทู้นี้เพราะมันแต่งค่อนข้างยากแนวนี้เลยอยากให้ช่วยกันแชร์พอร์ตเรื่องที่น่าสนใจให้ผมที
|