ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 50|ตอบกลับ: 2

ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? ตอนพิเศษ 1.1 (เรนxเจบี)

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
170
ตอบกลับ
45
พลังน้ำใจ
6551
Zenny
29117
ออนไลน์
1763 ชั่วโมง
โพสต์ 8 ชั่วโมงที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-7-11 08:43




ตอนพิเศษ 1.1
หน้าร้อน🔥Day 1 มาญี่ปุ่นทั้งที ก็ต้องพาไปแนะนำให้คนที่บ้านรู้จักน่ะสิ




“อ๊า~”


เรนเอี้ยวตัวบิดขี้เกียจ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นพาดเหนือศีรษะพร้อมอ้าปากหาวหวอด ดวงตาเรียวรีปรือปรอยเหมือนคนยังไม่ตื่นเต็มที่ ทั้งที่เครื่องบินแลนดิ้งแตะพื้นมาได้ไม่ถึงสิบนาที ร่างโปร่งที่สวมเสื้อยืดสีซีดกับกางเกงลำลองเนื้อเบาสบาย ก้าวลงจากที่นั่งเฟิร์สคลาสด้วยท่าทีงัวเงียอย่างคนที่เพิ่งหลุดจากความฝันในคืนยาวข้ามทวีป


“ดูสดชื่นดีเนอะ นายเนี่ย” เจบีพึมพำ ขณะดึงซิปกระเป๋าใบเล็กแนบตัว ปากก็ยังอดไม่ได้จะแซวคนที่นอนเต็มอิ่มตลอดไฟลต์ตรงข้ามกับตัวเองที่ดูแทบไม่ได้นอนเลย


“ก็เตียงมันนุ่มอะ ห้องโดยสารเงียบฉี่ มีนายอยู่ข้าง ๆ แบบนี้จะนอนไม่หลับได้ไง” เรนพูดติดจะล้อ เสียงงัวเงียแต่แฝงด้วยแววเจ้าเล่ห์ในแววตา ก่อนจะยักคิ้วให้แล้วยื่นมือไปยีผมอีกฝ่ายเบา ๆ “ว่าแต่...อย่าบอกนะว่าไม่ได้หลับเลยทั้งคืน?”


“ชิ… อย่ามายุ่งผม” เจบีเบือนหน้าหนี ยกมือปัดเบา ๆ แม้แก้มจะแดงวูบขึ้นเพราะมืออุ่น ๆ ที่จู่ ๆ ก็มาแตะหัวโดยไม่ขออนุญาต


เสียงประกาศต้อนรับจากสนามบินภาษาญี่ปุ่นดังแทรกขึ้นเป็นระยะ ตัดกับเสียงเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำในอาคารขาเข้า ความร้อนจากภายนอกที่ทะลุทะลวงกระจกเข้ามาทักทายบ่งบอกชัดว่าฤดูร้อนของญี่ปุ่นเริ่มต้นแล้วจริง ๆ


“เดี๋ยวนะ เรน นายจะเอาช็อกโกแลตแท่งนี้ใส่กระเป๋าด้วยจริงดิ?”


เจบีพูดพลางขมวดคิ้ว มองอีกฝ่ายที่ยืนงัวเงียอยู่ข้างสายพานกระเป๋า มือหนึ่งถือแท่งขนมที่หยิบติดมาจากบนเครื่อง ส่วนอีกมือยัดลงกระเป๋าเป้ลวก ๆ แบบคนที่ยังไม่ตื่นดี


“ก็ชอบนี่นา…” เรนตอบเสียงยาน ขยี้ตาตัวเองเบา ๆ แล้วทำท่าจะหาวอีก “...ถ้านายไม่ห้าม ฉันก็จะเอาติดตัวไปกินตอนขึ้นรถ”


“เป็นเด็กหรือไง...” เจบีพึมพำ แต่สุดท้ายก็ยอมยื่นมือไปรับขนมนั้นมาเก็บเองอย่างจำใจ “ถ้าละลายเลอะกระเป๋าฉันล่ะก็ โดนนะ”


“โห ใจร้ายอะ” เรนยื่นหน้ามาใกล้ หยักยิ้มนิด ๆ อย่างกับกำลังอ้อน “เจบีคุงงง~ เก็บขนมให้หน่อยน้า~”


เจบีหันหน้าหนีทันที “ไม่ต้องทำเสียงแบบนั้นเลย มันหลอน”


...แต่ก็ยังเก็บให้อยู่ดี


เสียงหัวเราะเบา ๆ ระหว่างทั้งคู่ดังอยู่ไม่กี่วินาที ก่อนที่ประตูเลื่อนอัตโนมัติจะเปิดออกพร้อมเสียงประกาศต้อนรับภาษาญี่ปุ่น เสียงฝีเท้าหนักแน่นสี่คู่ก็ดังขึ้นแทนที่ และทุกอย่างรอบตัวเงียบลงราวกับโลกหยุดหมุน


ทันทีที่ร่างของชายในชุดสูทดำก้าวเข้ามาในระยะสายตา เรนที่เมื่อครู่ยังขี้อ้อนเหมือนแมวตัวโต ๆ ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที


“เรนซามะ ยินดีต้อนรับกลับญี่ปุ่นครับ”


เจบีชะงักมองอีกฝ่ายที่ยืนตัวตรงโค้งให้อย่างเคารพสุดตัว พร้อมลูกน้องอีกสามคนที่ยืนเรียงหลัง พวกเขามีแววตาคมกริบ การเคลื่อนไหวเป๊ะทุกจังหวะ เหมือนพร้อมหยิบมีดออกมาได้ทุกเมื่อ


เรนไม่ยิ้ม ไม่อ้าปากหาวอีก เขายืดตัวขึ้นตรง ดวงตานิ่งเฉียบเหมือนดึงหน้ากากอีกอันกลับมาใส่ในพริบตา


“รถล่ะ?” เสียงเรียบเย็นที่ออกจากปากเรนแทบจะเป็นคนละคนกับเมื่อครู่


“รออยู่ทางออกด้านตะวันตกครับ ทีมคุ้มกันรอบนอกพร้อมแล้ว”


“ดี” เรนตอบสั้น ๆ ก่อนจะหันกลับมาหาเจบีด้วยท่าทีเปลี่ยนทันที มือข้างหนึ่งเอื้อมไปจับข้อมืออีกฝ่ายอย่างเบามือ


“ไปกันเถอะ”


คำพูดที่พูดกับลูกน้องนั้นคมเหมือนมีด แต่คำพูดที่พูดกับเจบี...กลับนุ่มกว่าผ้าฝ้ายที่ผ่านแดดอ่อนในฤดูร้อน


เจบียังอึ้งอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร ระหว่างทางที่เดินออกไป เสียงฝีเท้าของเรนดังกังวานชัดจนน่าขนลุกเหมือนทั้งสนามบินมีแค่เขาคนเดียวที่ ไม่มีใครกล้าเดินชน


…เจบีปรายตามองคนข้างตัวด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ แม้เรนจะยิ้ม หรือเอียงหน้าพูดเล่นเหมือนแมวขี้อ้อน...แต่เขารู้ดีว่าเบื้องหลังรอยยิ้มนั้นคือแรงอำนาจของนักล่าที่ไม่เคยปรานีใครนอกจากเขา


“เมื่อกี้...นายน่ากลัวชะมัด”


ประโยคนั้นเหมือนจะหลุดออกมาจากในใจมากกว่าตั้งใจพูดให้ได้ยิน


คนที่เพิ่งถอนหายใจเบา ๆ ไปเมื่อครู่หันมามองเขาทันที ก่อนจะยิ้มมุมปากด้วยแววตานิ่ง ๆ ที่ดูจะซ่อนบางอย่างไว้ข้างใน


“ตรงไหนล่ะ?” น้ำเสียงทุ้มถามอย่างไม่รู้สึกอะไร


เจบีเบือนหน้าหนีไปมองอีกทางทันที แก้มร้อนวูบขึ้นอย่างช่วยไม่ได้


“…ตอนพูดกับคนของนาย เสียงเย็นจนขนลุกหมดเลย”


“ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” เรนเอียงหน้ามองคนข้างกาย แววตาเจ้าเล่ห์ทว่าแฝงด้วยความนิ่งลึก “ที่นี่คือญี่ปุ่น ถ้าฉันแสดงความอ่อนแอให้เห็น...คิดว่าจะมีใครยอมก้มหัวให้ไหมล่ะ?”


คำพูดนั้นไม่ได้ดัง แต่หนักแน่นเสียจนเจบีรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของโลกอีกใบที่อีกฝ่ายแบกไว้บนบ่า


“…งั้นกับฉันล่ะ” เจบีถามเสียงเบา ดวงตาสบกับอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา


เรนหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหูเจบีด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะจริงจัง แต่ปลายเสียงดันแฝงความขี้เล่นเกินควร


“嫁には逆らえません〜 怖いから。”


(โยะเมะ นิ วะ ซะคะระเอะมะเซ็น~ โคะไว คะระ)


เจบียืนนิ่งไปนิดหนึ่ง คิ้วขมวดเล็กน้อย เหมือนกำลังประมวลผลภาษาต่างดาวในหัว


“…โยะเมะ?”


เสียงนั้นเบาราวกับพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นนิดหนึ่ง ดวงตาค่อย ๆ เบิกกว้างช้า ๆ


“โยะเมะ… เมีย?”


แล้วประโยคนั้นก็ดังขึ้นในหัวอย่างชัดเจน


‘ไม่กล้าหือกับเมียหรอก~ ก็กลัวนี่นา~’


ใบหน้าของเจบีแดงวาบขึ้นมาแทบจะทันที ร้อนจนเหมือนจะลามไปถึงใบหู ความเขินอายตีตื้นขึ้นมาพร้อมกับคำว่า เมีย ที่เรนใช้แบบหน้าตาเฉย


ยังไม่ทันจะได้หันไปโวยอะไร คนต้นเรื่องก็เดินลิ่วขึ้นรถไปอย่างหน้าตาเฉยเสียแล้ว แถมยังเปิดประตูเองนั่งไขว่ห้างรอด้วยท่าทางที่ดูพอใจอย่างแรง


เจบียืนค้างอยู่หน้ารถ มือยกค้างราวกับจะพูดอะไรซักอย่าง แต่ทำได้แค่กำชายเสื้อแน่นพลางหันหน้าหนี


“บ้าเอ๊ย…”


...






รถยนต์สีดำธรรมดาแล่นไปตามถนนในเมืองโกเบอย่างนุ่มนวล กระจกเปิดรับลมบางส่วนให้กลิ่นอากาศยามเช้าปะทะเข้ามาเบา ๆ ผสมกับเสียงเครื่องปรับอากาศในรถที่ทำงานเงียบ ๆ แดดฤดูร้อนยังไม่แรงจนเกินไป แค่พออุ่นให้รู้สึกได้ถึงบรรยากาศเมืองชายทะเลในญี่ปุ่น


เจบีนั่งมองวิวข้างทางที่เคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า อาคารไม้แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมสลับกับตึกปูนสมัยใหม่ ถนนสะอาด มีผู้คนเดินกันไม่มาก บรรยากาศดูสงบจนเหมือนทุกอย่างเคลื่อนไหวอย่างใจเย็น


“เรากำลังจะไปไหนกันหรอ” เขาเอ่ยถามขึ้นในที่สุด เพราะตลอดทางเรนยังไม่ยอมบอกจุดหมายปลายทางจริง ๆ ของวันนี้เสียที


เรนที่นั่งข้างกันขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะเอนตัวเข้ามาใกล้แล้วทำหน้าตาอ้อน ๆ ใส่แบบไร้สาเหตุ มือหนึ่งวางแหมะลงบนต้นขาเจบีแล้วบีบเบา ๆ เหมือนหยอกเล่น


“มาญี่ปุ่นทั้งที ก็ต้องพาไปแนะนำให้คนที่บ้านรู้จักน่ะสิ”


เจบีเลิกคิ้ว “คนที่บ้าน?”


เขาพอจะรู้มาบ้างว่าตระกูลของเรน “ไม่ธรรมดา” เลยสักนิด เคยได้ยินผ่าน ๆ ว่าเป็นหนึ่งในสายเลือดของกลุ่มยากูซ่าเก่าแก่ที่ฝังรากอยู่ในเมืองนี้มาหลายชั่วอายุคน แต่เรนไม่ค่อยพูดถึงเรื่องนี้...อย่างน้อยก็ไม่พูดตรง ๆ


“อืม...” เรนพยักหน้ารับง่าย ๆ พลางหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง


“แต่ไม่ต้องกลัวนะ ถ้ากลัวก็หลบอยู่หลังฉันไว้”


เขาหันกลับมายิ้มนิด ๆ “พวกเขาไม่กล้าทำอะไรนายหรอก”


เจบีขมวดคิ้วเล็กน้อย ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “ไม่ได้กลัว...แค่ไม่รู้จะวางตัวยังไงมากกว่า”


“วางตัวบนตักฉันไหมล่ะ จะได้ไม่ต้องคิดเยอะ”


เรนหยอดทันควัน ทำเอาเจบีหันขวับมามองอย่างเอาเรื่อง


“อย่าพูดมั่ว ๆ ได้ไหม”


“ไม่ได้พูดมั่ว พูดจากใจเลย” เรนยักไหล่ มือยังค้างอยู่บนต้นขาเจบีราวกับตั้งใจจะบอกว่า ที่พูดเมื่อกี้น่ะ หมายความตามนั้นจริง ๆ


เจบีเบือนหน้าหนีไปทางกระจกอย่างไม่อยากต่อความยาว แต่อุณหภูมิที่แล่นวูบขึ้นบนใบหน้ากลับทำให้เขาดูสงบยิ่งกว่าเดิมไม่ได้เลย


“…บ้า”


เสียงพึมพำนั้นเบาแทบไม่ได้ตั้งใจพูดออกมา


แต่คนข้างตัวก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ทันที เหมือนเพิ่งชนะอะไรสักอย่างในใจตัวเอง


ไม่นานนัก รถแล่นผ่านประตูไม้บานใหญ่ที่เปิดออกอย่างเงียบงันโดยไม่ต้องมีการบอกล่วงหน้า คนที่อยู่ในป้อมรักษาการณ์โค้งให้ทันทีที่เห็นป้ายทะเบียน ก่อนจะขยับกลับไปยืนในท่าเดิม ราวกับทุกอย่างเป็นกิจวัตรที่ทำมาเป็นพันครั้ง


เส้นทางด้านในปูด้วยหินธรรมชาติเรียงสวย ต้นสนญี่ปุ่นที่ได้รับการตัดแต่งอย่างประณีตเรียงรายสองข้างทาง แสงแดดอุ่นส่องลอดผ่านปลายใบไม้ลงมากระทบตัวรถเป็นจังหวะ ราวกับเวลาถูกเร่งให้ช้าลงอย่างจงใจ


เจบีชะโงกหน้ามองผ่านกระจกไปยังภาพตรงหน้า ไม่มีรั้วลวดหนาม ไม่มีกล้องวงจรปิดพรึ่บพรับ ไม่มีแม้กระทั่งคนถือปืนยืนเฝ้าอย่างที่เคยเห็นในหนัง แต่มันกลับให้ความรู้สึก...ปลอดภัยในแบบที่แปลกประหลาด


รู้ตัวอีกทีรถก็ค่อย ๆ ชะลอหน้าบันไดหินที่ทอดขึ้นสู่เรือนหลัก


เรนเป็นฝ่ายเปิดประตูก่อน มือที่วางบนต้นขาเขาถอนออกไปอย่างนุ่มนวล และยังไม่ทันเจบีจะตั้งหลัก รถก็หยุดสนิทพอดี


เสียงเปิดประตูดังเบา ๆ ตามด้วยอากาศภายนอกที่พัดเข้ามาแตะหน้า เจบีสูดลมหายใจลึกโดยไม่รู้ตัว และนั่นคือจังหวะที่เขาเห็น ลูกน้องชุดสูทสีดำสองคนยืนรออยู่ตรงบันได คนหนึ่งอายุราวสามสิบกว่า ใบหน้าคมเข้ม ดวงตาเฉียบคมจนดูเหมือนไม่เคยหลับ อีกคนดูอ่อนกว่านั้นเล็กน้อย ยืนหลังตรงในท่าทางที่แทบไม่ขยับเลยแม้แต่ปลายเท้า


เจบีเลื่อนสายตากลับไปที่เรน ก่อนจะถามเบา ๆ อย่างอดไม่ได้


“ส่วนใหญ่แก๊งค์นาย...ใส่สูทกันแบบนี้ประจำเลยเหรอ?”


คำถามนั้นออกมาด้วยความสงสัยจริงจัง เพราะในหัวเขายังมีภาพพวกยากูซ่าในหนัง ที่มักใส่เสื้อฮาวาย กางเกงขาสั้น เดินถือไม้เบสบอลอยู่ริมถนน


เรนหัวเราะในลำคอ พลางตอบเรียบ ๆ ขณะขยับลงจากรถก่อน


“ไม่หรอก ก็แค่วันสำคัญเท่านั้นแหละ”


เขาหันกลับมายื่นมือให้เจบีพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “วันธรรมดาก็แต่งตัวเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ บางคนก็ใส่ชุดกีฬา บางคนก็เสื้อยืดย้วย ๆ นายเห็นแล้วอาจจะช็อกด้วยซ้ำ”


“แบบนั้นน่าจะดูกันเองกว่านี้เยอะเลย” เจบีพึมพำพลางวางมือลงบนฝ่ามือที่ยื่นมา แล้วก้าวลงจากรถอย่างระวัง


เรนเดินนำไปอย่างใจเย็น ขณะที่เจบีเดินตามหลังไม่ห่าง มองทุกอย่างรอบตัวด้วยความเงียบ ทว่าข้างในกลับรู้สึกเหมือนเสียงหัวใจดังชัดกว่าปกติ


บานประตูไม้บานใหญ่ของเรือนรับรองถูกเลื่อนเปิดออกอย่างช้า ๆ โดยชายในชุดดำที่โค้งให้อย่างสุภาพ เผยให้เห็นห้องกว้างที่ปูเสื่อทาทามิสะอาดเรียบ


ในห้องนั้นมีชายชราสองคนที่ดูน่าเกรงขามนั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง สตรีในชุดกิโมโนสีเทาเรียบ นั่งหลังตรงในท่วงท่าที่ดูมีอำนาจโดยไม่ต้องพูด ส่วนชายวัยกลางคนอีกคนกำลังจิบชาอยู่เงียบ ๆ แต่สายตาไม่ละไปจากพวกเขาแม้แต่น้อย


ทุกสายตาหันมาทางพวกเขาในเวลาเดียวกัน


เจบีชะงักในใจ แม้ภายนอกจะพยายามรักษาสีหน้าให้สุภาพ


เขาโค้งตัวลงอย่างนอบน้อม ก่อนจะคุกเข่านั่งลงข้างเรนในตำแหน่งที่ห่างพอเหมาะ รักษามารยาทไว้ทุกจุดที่เคยฝึกมา แม้ในใจจะยังตึงเครียดอยู่พอสมควร


เรนไม่ได้พูดอะไรในทันที แค่หันมามองเขาแวบหนึ่งเหมือนจะบอกว่า แค่นั่งเฉย ๆ ก็พอ


บรรยากาศดูนิ่งเกินจริง จนกระทั่งสตรีในชุดกิโมโนที่นั่งตรงกลางเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก


เสียงของเธอไม่ดัง แต่แฝงไว้ด้วยพลังบางอย่างที่นุ่มลึก


“เด็กคนนี้...ชื่อว่าอะไรหรือจ๊ะ?”


เจบีเงยหน้าขึ้นอย่างระวัง เห็นรอยยิ้มที่ปรากฏบนริมฝีปากของหญิงชรา แม้เส้นผมของเธอจะขาวแล้วทั้งศีรษะ แต่ดวงตาคู่นั้นยังคมชัดและเปี่ยมด้วยความเมตตาอย่างน่าประหลาด


“เจบีครับ”


เขาตอบสุภาพ เสียงไม่เบานักแต่ไม่แข็งเกินไป


“เจบี…” เธอทวนชื่อนั้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ


“หน้าตาดีจังนะ ดวงตาก็สะอาด น่ามอง”


คำพูดนั้นทำให้ชายวัยกลางคนที่กำลังจิบชาหยุดมือกลางอากาศ และชายชราอีกสองคนที่นั่งข้าง ๆ กันเหลือบตามามองสตรีชราแทบพร้อมกัน


เรนหลุดยิ้มมุมปากอย่างพอใจ หันมาพูดเสียงเบากับเจบี


“เห็นไหม ย่าฉันชอบนายแล้ว”


เจบีแทบไม่กล้าขยับ ปากพึมพำเบา ๆ กลับไป


“…นายไม่ต้องพูดให้คนอื่นได้ยินก็ได้”


“ฉันพูดให้ทุกคนได้ยินนั่นแหละ” เรนตอบทันที พร้อมรอยยิ้มที่เจบีอยากจะผลักให้ล้ม


ย่าของเรนยิ้มละมุน ก่อนจะเอียงหน้าเล็กน้อยเหมือนตั้งใจมองเจบีชัด ๆ อีกรอบ


“ยินดีต้อนรับนะ บ้านหลังนี้อาจดูน่ากลัวไปหน่อยสำหรับคนนอก...แต่สำหรับคนที่เรนพามาเอง ฉันถือว่าเป็นคนของเราเหมือนกัน”


เจบีรีบก้มโค้งศีรษะให้ใหม่อย่างสุภาพ “ขอบคุณครับ”


ย่าหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปทางสมาชิกคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ในห้อง


“มาสิ เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้รู้จัก”


เธอชี้ไปยังชายชรารูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้ม แม้จะแฝงริ้วรอยจากวัย แต่ท่วงท่าก็ยังเปี่ยมด้วยอำนาจ


“คนนั้นคือคุณปู่ของเรน ผู้นำของตระกูลคุโรซาวะในรุ่นก่อน...แต่ตอนนี้ให้เรนเป็นคนจัดการแทนแล้ว ส่วนตัวเขาก็แค่ถอยออกมายืนอยู่ข้างหลังเงียบ ๆ เฉย ๆ น่ะ”


คุณปู่พยักหน้าเบา ๆ ให้เจบี สีหน้าไม่ยิ้มแต่ก็ไม่ได้ดุ ดวงตาคู่นั้นดูหนักแน่นและทรงอิทธิพลในแบบที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก


ถัดมาเล็กน้อย ย่าชี้ไปที่ชายชราอีกคนที่นั่งเคียงข้างกัน


“ท่านนี้คือคุณอิโต คนสนิทของคุณปู่ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ เป็นเหมือนเงาตามตัว ช่วยดูแลทุกอย่างเวลาที่ครอบครัวเรามีเรื่องสำคัญ”


คุณอิโตยกถ้วยชาขึ้นเล็กน้อยแทนคำทักทาย


ท่วงท่าของเขาสงบนิ่งเหมือนคนที่ผ่านลมพายุมาหลายสิบปี เจบีโค้งให้อย่างนอบน้อมทันที


ย่าหันไปทางชายวัยกลางคนอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งขวา


“แล้วก็ทาเคโอะ อาเขยของเรนเอง ดูแลกิจการฝั่งคันไซให้ครอบครัวมาตลอด ใจดีนะ แค่หน้าไม่ค่อยรับแขกเท่าไหร่”


เจบีเลื่อนสายตามองอีกฝ่ายอย่างเกร็ง ๆ แต่ก็ยังพยักหน้าทักทายด้วยท่าทีสุภาพตามมารยาท ทาเคโอะไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ เพียงยกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งเหมือนเป็นการรับรู้ ก่อนจะหันกลับไปยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างสบาย ๆ


เจบีสูดลมหายใจเบา ๆ พับมือวางลงบนหน้าตักตัวเองอย่างเรียบร้อย พยายามตั้งใจฟังบทสนทนาที่ดำเนินต่อไปตรงหน้าแทนการไปโฟกัสกับความประหม่าในอก


“ส่วนฉัน...โยชิโนะ ย่าของเรนจ้ะ” หญิงชราในชุดกิโมโนสีเทาอ่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส รอยยิ้มบนใบหน้าเธอกว้างอย่างอบอุ่นจนชวนให้บรรยากาศรอบตัวผ่อนคลายตามไปด้วย


เธอขยับตัวเล็กน้อย หัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี ขณะพูดต่อ


“ตั้งแต่เรนยังตัวแค่นี้น่ะนะ ฉันก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้หัวแข็ง ดื้อเป็นที่หนึ่ง ไม่ฟังใครง่าย ๆ หวงตัวเองยิ่งกว่าหวงสมบัติ”


ย่าโยชิโนะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชัดถ้อยชัดคำ ก่อนเหลือบไปยังมือของเจบีที่วางอยู่ใกล้มือของเรนราวกับตั้งใจจับสังเกต


“แต่ดูเอาเถอะ วันดีคืนดี เจ้าหัวดื้อคนนี้กลับพาใครบางคนเข้าบ้านได้เอง”


น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความขบขันและเอ็นดูไม่ปิดบัง


“แถมนั่งข้างกันเรียบร้อยขนาดนี้ ฉันจะไม่ชอบได้ยังไงล่ะ”


เรนแอบหัวเราะในลำคอด้วยท่าทีสบาย ๆ ด้านข้าง ขณะที่เจบีรู้สึกใบหน้าร้อนวูบขึ้นมาโดยไม่ต้องส่องกระจกดูให้เสียเวลา


ทุกครั้งที่เรนกลับมาญี่ปุ่น เขามักจะเล่าเรื่องของเจบีให้ย่าโยชิโนะฟังอยู่เสมอ บางครั้งก็แต่งเติมเกินจริงจนกลายเป็นเรื่องตลก บางครั้งก็เอ่ยถึงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนคนฟังเผลอยิ้มตาม แม้จะไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่หญิงชราผู้นั่งอย่างสง่างามตรงหน้าก็จดจำชื่อของเด็กหนุ่มคนนี้ได้ขึ้นใจ


ย่าโยชิโนะอมยิ้มอย่างใจดี พลางหันมามองเจบีอีกครั้ง ดวงตาเปล่งประกายด้วยความสนอกสนใจ


"เจ้าหนูนี่...ทำอะไรกับหัวใจหลานฉันกันนะ ถึงได้เชื่องได้ขนาดนี้"


เจบีชะงักนิดหนึ่ง ไม่รู้จะตอบอย่างไร มือที่วางบนตักเริ่มเกร็งขึ้นโดยอัตโนมัติ


เรนที่เห็นท่าทีเก้อ ๆ ของเขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย รีบหันไปตอบแทนด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นเกินจริง


"เห็นไหมล่ะครับย่า เจบีน่ารักขนาดนี้ ใครจะไม่หลงได้ลง"


น้ำเสียงภาคภูมิใจจนคนฟังยังรู้สึกได้ ขณะที่เจบีหันขวับมามองเรนด้วยสีหน้าอยากผลักอีกฝ่ายลงไปนอนกับพื้นตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด


ย่าโยชิโนะหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู มองทั้งสองคนด้วยแววตาเปี่ยมความสุข ราวกับกำลังเห็นภาพอนาคตที่ตัวเองไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกต่อไปแล้ว


หลังจากนั่งพูดคุยกับผู้ใหญ่อยู่พักใหญ่ เรนก็หันมาหาเจบี เอ่ยขึ้นอย่างสบาย ๆ


"ไปกินข้าวกันเถอะ นายยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม"


เจบีพยักหน้ารับอย่างเงียบ ๆ เขาเองก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่ลงจากเครื่องมายังแทบไม่ได้แตะอะไรเข้าปากเลย


เรนลุกขึ้นด้วยท่วงท่าผ่อนคลาย ก่อนจะหันไปขออนุญาตจากย่าโยชิโนะและผู้อาวุโสในห้องด้วยท่าทีเรียบร้อย ซึ่งก็ได้รับการพยักหน้าอนุญาตอย่างอบอุ่น


พอเดินออกมาจากห้องรับรองเท่านั้นเอง เจบีก็สังเกตเห็นว่าด้านนอกมีลูกน้องของเรนในชุดสูทสีเข้มยืนเรียงแถวรออยู่เป็นแนวยาว ทั้งบริเวณโถงและทางเดินทอดไปถึงเรือนอาหาร


เจบีชะงักไปนิด ไม่แน่ใจว่าควรทำตัวอย่างไรดี ขณะที่เรนเพียงเอื้อมมือมาดันแผ่นหลังเขาเบา ๆ ให้ก้าวต่อไปอย่างไม่ต้องคิดมาก


"ไม่ต้องเกร็ง เดี๋ยวก็ชิน" เรนพูดเหมือนเรื่องปกติธรรมดา


เจบีไม่ได้คิดอะไรมากนัก นึกว่าเป็นเรื่องธรรมเนียมธรรมดาของที่นี่ แต่สิ่งที่เขาไม่รู้เลยก็คือ วันนี้ไม่ใช่การต้อนรับธรรมดา


ก่อนที่เขาจะมาถึง เรนได้ส่งคำสั่งออกไปแล้วให้สมาชิกแก๊งค์ทุกคนมารวมตัวกัน เพื่อทำความรู้จัก และทำความเคารพ "คนสำคัญ" ของเขาอย่างเป็นทางการ


...ในฐานะ "นายหญิง" คนแรกและคนเดียวของ คุโรซาวะ เร็นยะ


แน่นอนว่าเรื่องนี้มีแค่เรนกับลูกน้องที่รู้กันเงียบ ๆ


เพราะถ้าหลุดปากบอกไปแม้แต่นิดเดียว มีหวังเด็กข้างตัวได้หนีกลับลอนดอนทันทีแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา


เรนเหลือบมองใบหน้าข้าง ๆ ที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ก่อนจะหัวเราะในใจเบา ๆ


หนีไม่ทันแล้วล่ะ เจบี...นายหนีฉันไม่พ้นแล้วจริง ๆ


ลูกน้องในชุดสูทสีเข้มทยอยโค้งคำนับให้เจบีอย่างเป็นทางการทีละคน ขณะเขาเดินตามหลังเรนไปเงียบ ๆ โดยไม่ได้เอะใจอะไรเป็นพิเศษ แม้จะรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมา แต่เจบีก็เลือกก้มหน้าก้มตาเดินอย่างสงบ


เรนนำเขาเดินลึกเข้าไปยังเรือนอีกหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางสวนไผ่ โต๊ะไม้เตี้ยถูกจัดเรียงเป็นแนวยาวตลอดห้อง บนโต๊ะมีสำรับเล็ก ๆ วางอย่างเรียบร้อย ข้าวร้อน ๆ กับกับข้าวญี่ปุ่นแบบบ้าน ๆ ถูกจัดเตรียมไว้ครบทุกที่นั่ง กลิ่นหอมของอาหารจาง ๆ ลอยคลุ้งไปทั่ว


กลางโต๊ะวางขวดสาเกอย่างดีเรียงไว้หลายขวด พร้อมถ้วยสาเกใบเล็กสำหรับรินดื่มอวยพรเหมือนเป็นธรรมเนียมเฉพาะของที่นี่


บรรยากาศไม่ได้เคร่งขรึมอย่างที่เจบีจินตนาการไว้ หากแต่ให้ความรู้สึกเรียบง่าย เป็นกันเอง และเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดมากมาย


เรนหยุดลงที่หัวโต๊ะ ก่อนจะหันมามองเขาอย่างสบาย ๆ แล้วผายมือเชิญให้เจบีนั่งลงข้างตัว


เจบีลังเลเพียงครู่เดียว ก่อนจะคุกเข่านั่งลงอย่างสุภาพโดยไม่เอ่ยถามอะไร แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัยที่เริ่มก่อตัวขึ้นเงียบ ๆ


สมาชิกแต่ละคนในแก๊งค์ทยอยเข้ามานั่งประจำที่เรียบร้อย บรรยากาศไม่ได้อึดอัดอย่างที่เจบีกังวลตอนแรก ทุกการเคลื่อนไหวแฝงด้วยความเคารพและยอมรับที่เจบีเองก็สัมผัสได้ แม้ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ


เรนขยับตัวเข้ามาใกล้ ก้มหน้าลงเล็กน้อยกระซิบข้างหูเจบีเบา ๆ


"เดี๋ยวจะมีพิธีเล็ก ๆ อวยพรให้"


น้ำเสียงของเขาติดขำเบา ๆ ราวกับกำลังหยอกเล่น แต่แววตาที่มองมากลับมีประกายจริงจังอยู่ลึก ๆ


เจบีเงยหน้าขึ้นช้า ๆ มองคนตรงหน้าอย่างงง ๆ ก่อนจะถอนหายใจนิดหนึ่ง แล้วยิ้มบาง ๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว


ทันทีที่ขวดสาเกถูกเปิดออก เสียงพูดคุยเบา ๆ ดังขึ้นทั่วห้อง บางคนแซวกันเอง บ้างก็ส่งยิ้มให้เจบีราวกับเป็นการทักทายอย่างเป็นกันเอง


เรนยื่นขวดสาเกมาให้เจบี มือข้างหนึ่งถือถ้วยของตัวเองไว้อย่างมั่นคง


"แลกกัน" เขาว่า เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความหมาย


เจบีชะงักไปนิด แต่ก็ยื่นมือไปรับขวดจากเรนอย่างระวัง มือทั้งสองคนแตะกันชั่วครู่ ความอุ่นวาบผ่านเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว


เรนรินสาเกให้เจบีอย่างเงียบ ๆ ขณะที่เจบีก็รินกลับให้เรนด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ


มันเหมือนภาพของพิธีแต่งงานตามแบบโบราณ ที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องรินเหล้าแลกกันดื่มแทนคำสัญญา


เมื่อสาเกในถ้วยเต็มทั้งสองใบ เรนยกถ้วยขึ้นนิดหนึ่ง รอจนเจบียกขึ้นตาม ก่อนจะชนถ้วยกันเบา ๆ


กริ๊ก


เสียงแก้วกระทบกันใสกริ่งเหมือนเสียงสัญญาณเล็ก ๆ ที่เชื่อมโลกของทั้งสองเข้าด้วยกัน


จากนั้นทั้งสองก็กระดกถ้วยดื่มรวดเดียวจนหมด


ในเวลาเดียวกัน สมาชิกทุกคนในห้องต่างยกถ้วยขึ้นพร้อมกันอย่างสุภาพ ก่อนจะดื่มรวดเดียวจนหมด เป็นการอวยพรพวกเขาอย่างพร้อมเพรียง


"ขอให้โชคดี"


"ขอให้อยู่กันนาน ๆ"


"ยินดีต้อนรับ"


เจบีสะดุ้งน้อย ๆ กับคำอวยพรที่ไหลมาแบบไม่ทันตั้งตัว แต่พอเห็นรอยยิ้มของเรนข้าง ๆ เขาก็เผลอยิ้มตามออกมาโดยไม่รู้ตัว


เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นจากบางมุม โต๊ะอาหารเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อย ๆ ใครบางคนเริ่มเปิดบทสนทนา บ้างก็แซวเรนอย่างขำขัน จนเจ้าตัวอดหัวเราะตามไม่ได้


เมื่อบรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย เรนจึงขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะเอนตัวเข้ามาหาเจบี กระซิบเบา ๆ


"มาทำความรู้จักกับครอบครัวของฉันหน่อย..."


เจบีเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ อย่างงุนงง แต่ก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย


เรนหันไปส่งสัญญาณมือเรียกชายสองคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลให้เดินเข้ามา โต๊ะเล็ก ๆ ขยับวุ่นวายนิดหน่อย แต่ทุกคนยังคงรักษามารยาทและท่าทีสุภาพไว้ได้อย่างดี


ชายคนแรกก้าวเข้ามาด้วยท่าทีมั่นคง เขาเป็นชายวัยสามสิบต้น ๆ รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมเข้ม ดวงตาเฉียบคมภายใต้สีหน้าที่สงบนิ่ง


เรนผายมือแนะนำอย่างสบาย ๆ


"คนนี้ ฮิโรมุ มือขวาของฉัน ดูแลเรื่องความปลอดภัยทั้งหมดที่นี่"


ฮิโรมุโค้งศีรษะให้เจบีอย่างสุภาพ


"ยินดีที่ได้รู้จักครับ" น้ำเสียงทุ้มต่ำและนิ่งสงบของเขาเปล่งออกมาด้วยความหนักแน่นจนรู้สึกได้ถึงประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดา


เจบีรีบโค้งศีรษะตอบ พร้อมกับส่งยิ้มบาง ๆ อย่างเก้อ ๆ กลับไป


จากนั้นเรนจึงหันไปเรียกชายอีกคนที่ยืนรออยู่ใกล้ ๆ


ชายหนุ่มผู้นี้ดูอายุน้อยกว่าฮิโรมุเล็กน้อย ใบหน้าเรียบเฉยแต่แววตาเต็มไปด้วยความเป็นมิตร มีรอยสักบางส่วนโผล่พ้นแขนเสื้อขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่ตั้งใจ


"ไอสุเกะ" เรนเอ่ยแนะนำ "เขาดูแลเรื่องข่าวสารและการประสานงานทั้งหมดที่ญี่ปุ่น"


ไอสุเกะยกมือขึ้นทักทายเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มจาง ๆ แบบไม่เป็นทางการนัก


"ฝากตัวด้วยครับ นายหญิง"


เจบีชะงักน้อย ๆ กับคำเรียก แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เรนก็ขยับตัวเข้ามาบังเล็กน้อยราวกับกันไม่ให้เจบีหนี


"เรียกแบบนั้นแหละ ดีแล้ว" เรนกระซิบข้างหูเบา ๆ น้ำเสียงแฝงความขำ แต่แววตากลับแน่วแน่จนไม่เปิดทางให้ปฏิเสธ


เจบีได้แต่ถอนหายใจนิดหนึ่งอย่างยอมจำนน ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้ไอสุเกะอย่างเขิน ๆ


"ครับ...ฝากตัวด้วยเหมือนกัน"


เจบีพูดพลางโค้งศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันกลับมาสนใจกับของกินตรงหน้าต่อ เขาตักข้าวคำเล็ก ๆ เข้าปากอย่างหิวจัด รสชาติของข้าวญี่ปุ่นหุงร้อน ๆ กับกับข้าวง่าย ๆ กลับอร่อยกว่าที่คิด


สาเกที่เพิ่งกระดกไปเมื่อครู่เริ่มส่งผล ความร้อนวาบลามจากท้องขึ้นมาที่ใบหน้าโดยไม่รู้ตัว เจบียกมือขึ้นปัดผมลวก ๆ แต่แก้มกลับขึ้นสีแดงเรื่ออย่างชัดเจน


เรนที่นั่งมองอยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู


"น่ารักจัง~"


...






ช่วงเย็น ท้องฟ้านอกหน้าต่างเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อน เจบีนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของเรนที่ชั้นบน ห้องกว้างตกแต่งอย่างคลาสสิกด้วยโทนสีเข้ม เฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อดีวางเรียบง่ายแต่พิถีพิถัน ของบางชิ้นดูเก่าแก่จนแทบจะกลายเป็นของสะสม ทว่าทุกอย่างกลับถูกจัดวางอย่างลงตัวจนดูทันสมัยในแบบของมันเอง


ของใช้สมัยเด็ก และแม้แต่รูปถ่ายเก่า ๆ ยังถูกรักษาเอาไว้อย่างดี ทุกอย่างยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ราวกับหยุดเวลาเอาไว้


เรนไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครก้าวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวได้ง่าย ๆ หากไม่จำเป็น แต่เจบีคือข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวที่เขาเปิดประตูต้อนรับด้วยความเต็มใจ


เจบีกวาดตามองรอบห้อง ก่อนจะหยุดที่กรอบรูปหนึ่งบนชั้นวาง เขาหยิบมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เด็กชายตัวเล็กในชุดกิโมโนสีขาวยืนอยู่ท่ามกลางผู้ใหญ่ ดวงตากลมโตที่น่าจะไร้เดียงสาในวัยนั้นกลับนิ่งเรียบเกินเด็กทั่วไป ราวกับเป็นเด็กที่ถูกบังคับให้เติบโตเร็วกว่าที่ควร


แววตาในรูป...ทั้งเงียบ ทั้งแข็งกร้าว แม้จะยังอยู่ในร่างเล็ก ๆ ก็ตาม


เจบีไล้นิ้วเบา ๆ ไปตามขอบกรอบรูป พลางนึกถึงคนที่ตอนนี้หัวเราะได้ง่ายขึ้น พูดมากขึ้น และกลายเป็นคนที่ยอมยิ้มอย่างเปิดเผย...อย่างน้อยก็เฉพาะต่อเขา


ความแตกต่างระหว่างเรนในภาพถ่ายกับเรนที่เขารู้จัก...ชัดเจนจนเจบีอดขมวดคิ้วบาง ๆ ไม่ได้


ขณะที่เจบีกำลังจดจ่ออยู่กับภาพถ่าย


เรนก็เดินเข้ามาทางด้านหลังโดยไม่มีเสียง


แผ่นอกเปลือยเปล่าเปล่งประกายเมื่อแสงเย็นสะท้อนผิวเนียนแน่น รอยสักสีเข้มพาดผ่านแผ่นหลังต่อเนื่องมาจนถึงแผงอก ลวดลายซับซ้อนราวกับเรื่องราวที่เขียนทับไว้บนร่างกาย


เจบีสะดุ้งนิดหน่อย แต่สายตากลับเผลอไล่ตามรอยสักไปโดยไม่ตั้งใจ เรนเห็นเข้าก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ แล้วเอื้อมมือมาจับข้อมือของเจบีเบา ๆ กดลงบนอกตัวเองตรงตำแหน่งที่รอยสักตัดผ่านหัวใจ


กล้ามเนื้อแข็งแน่นสั่นไหวเพียงเล็กน้อยใต้ฝ่ามือ เจบีรู้สึกได้ถึงความร้อนจากร่างกายของเรนอย่างชัดเจน


เจบีเงยหน้าขึ้นสบตากับเรนโดยไม่ทันตั้งตัว


อีกฝ่ายโน้มตัวลงมาใกล้ รอยยิ้มที่แตะอยู่ตรงมุมปากดูทั้งเจ้าเล่ห์และอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน


ลมหายใจอุ่น ๆ ของเรนแผ่วผ่านใบหน้าของเขาเพียงเล็กน้อย ทำให้เจบีเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว


"อยากรู้ไหม..." เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเบา ๆ ราวกับกระซิบ


เจบีขยับปลายนิ้วเล็กน้อย ความร้อนจากอกแกร่งยังคงแล่นขึ้นมืออย่างชัดเจน


"…ว่ารอยสักนี้มีความหมายว่าอะไร"


เรนพูดพลางจับมือเจบีขยับช้า ๆ ไล่ไปตามแนวลายสักที่ทอดยาวจากอกผ่านไปยังซี่โครง สัมผัสที่กึ่งจงใจ กึ่งขี้เล่น ทำเอาเจบีรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกลากเข้าสู่บางอย่างที่ห้ามตัวเองไม่ได้


เจบีเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าพูดอะไรออกไป ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายนำมือเขาไปตามลวดลายที่แฝงความหมายเงียบ ๆ บนร่างกาย


เรนยกยิ้มที่มุมปาก ดวงตาในระยะประชิดทอประกายระคนหยอกเย้าและอ่อนโยนอย่างห้ามไม่ได้ นิ้วของเขายังคงกอบกุมมือเจบีไว้แน่นหนา


"รอยเส้นนี้..." เรนกระซิบเบา ๆ ขณะลากปลายนิ้วของเจบีไปตามแนวลายสักที่พาดผ่านหน้าอก


"หมายถึงการปกป้อง"


เขาขยับมือเจบีลงต่ำ ไล้ผ่านแนวซี่โครงที่รอยสักพันเกี่ยวเป็นเส้นสายซับซ้อน ราวกับโอบรัดบางสิ่งที่มองไม่เห็น


"เส้นนี้...คือคำสาบาน" เรนเอ่ยต่อเสียงนุ่ม ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาแตะข้างแก้มเจบีแผ่ว ๆ


"สัญญาว่าจะไม่หันหลังให้กับคนที่ฉันรัก"














Talk with me.


มาลงตอนพิเศษให้หายคิดถึง ❤️


ตอนของเรนจะยาวนิดนึงนะ เพราะในเรื่องเรนแทบค่อยไม่มีซีนเท่าไหร่


น่าฉงฉาน 🤣 แต่ไรท์จะแบ่งพาร์ทลงนะ อย่าเพิ่งเบื่อกันล่ะ ฮรืออ


🌸 一期一会 (いちごいちえ)

นายกสโมสร

กระทู้
28
ตอบกลับ
32759
พลังน้ำใจ
182255
Zenny
184716
ออนไลน์
30459 ชั่วโมง
โพสต์ 8 ชั่วโมงที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

นายกสโมสร

กระทู้
0
ตอบกลับ
50953
พลังน้ำใจ
260390
Zenny
103927
ออนไลน์
20050 ชั่วโมง
โพสต์ 5 ชั่วโมงที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกมากครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2025-7-11 17:22 , Processed in 0.109978 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2025 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้