ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 21|ตอบกลับ: 2

ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 38

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
160
ตอบกลับ
45
พลังน้ำใจ
6401
Zenny
28747
ออนไลน์
1740 ชั่วโมง
โพสต์ 6 ชั่วโมงที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน






Chapter 38
ความกลัวของปีศาจ




กลิ่นอับชื้นของห้องขังใต้ดินผสานกับความเย็นจากผนังคอนกรีตหนาทึบ ราวกับอากาศรอบตัวถูกดูดกลืนไปจนไม่เหลือที่ว่างให้หายใจ ฮันแจนั่งอยู่กลางห้อง มัดมือไพล่หลัง เชือกบาดเนื้อจนแดงช้ำ ดวงตาถูกปิดด้วยผ้าผืนดำ ความมืดกลืนกินทุกการรับรู้ เหลือเพียงเสียงฝีเท้าที่ค่อย ๆ ดังเข้ามาใกล้ในความเงียบ


“หวังอยู่เหรอ...ว่าหมอนั่นจะเสี่ยงทุกอย่างกลับมาช่วยนาย?”


เสียงกระซิบที่เฉียบเย็นแนบชิดข้างใบหู ทำให้หัวใจฮันแจเต้นวูบหนึ่งทันที เขารู้โดยไม่ต้องมองว่าใครอยู่ตรงนั้น… คิมบอม


“เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว ฮันแจ… นายมันก็แค่ของเหลือที่ไม่มีใครต้องการ”


น้ำเสียงเยาะหยันค่อย ๆ กรีดลงกลางใจเหมือนคมมีด ฮันแจยังคงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยเสียงแผ่ว ริมฝีปากแห้งแตก แต่แฝงด้วยความหนักแน่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน


“…ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะกลับมาหรือเปล่า”


“หือ?”


“แค่เขายังมีชีวิตอยู่…แค่เขาได้ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะได้ใช้ แค่นั้นก็พอแล้วสำหรับผม”


คำพูดนั้นดังก้องอยู่ในห้องเงียบราวกับฝังเข้าไปในผนังห้อง คิมบอมนิ่งงันไปเพียงชั่ววินาที ก่อนที่ความโกรธจะปะทุขึ้นกลางอก มือเขาตวัดฟาดลงบนใบหน้าฮันแจอย่างแรงจนเสียงดังสนั่นไปทั้งห้อง


เพี๊ยะ!


ใบหน้าของฮันแจสะบัดตามแรงตบ เลือดซึมตรงมุมปาก แต่เขาไม่ร้อง ไม่แม้แต่จะหายใจแรงขึ้น


“อวดดีนัก…” คิมบอมคำรามต่ำ ดวงตาแดงก่ำเคลือบไปด้วยความสับสนที่ปะปนระหว่างแค้น หึงหวง และบางสิ่งที่เขาไม่อยากยอมรับ “อย่าคิดว่าฉันจะไม่กล้าฆ่านาย”


แต่ฮันแจกลับเงยหน้าขึ้นทั้งที่เลือดยังติดริมฝีปาก ยิ้มจาง ๆ ราวกับยอมรับโชคชะตาอยู่แล้ว


“ก็เอาเลยสิครับ...ชีวิตผมมันไม่เคยเป็นของผมมาตั้งนานแล้ว”


คำตอบนั้นทำให้คิมบอมเงียบไปอีกครั้ง ร่างสูงยืนนิ่งกลางเงาสลัวของห้องคุมขัง ดวงตาจ้องมองร่างที่ถูกมัดอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่ด้วยความโกรธธรรมดาอีกต่อไป


แต่เป็นเพราะเขาเพิ่งรู้ตัว ว่าคนที่เขาเคยควบคุมได้ เคยยึดไว้ในเงื้อมมืออย่างสมบูรณ์แบบ…อาจกำลังหลุดพ้นจากอำนาจของเขาทีละนิด


และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ…มันไม่ใช่เพราะมีใครมาพรากฮันแจไป


แต่มันเป็นเพราะใจของฮันแจ…ไม่เคยอยู่กับเขาเลยตั้งแต่ต้น


มือของคิมบอมกระชากคางฮันแจให้เงยขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความกรุ่นแค้น กดทับไปด้วยแรงหึงหวงที่บิดเบี้ยวอย่างควบคุมไม่อยู่ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวลง บดขยี้ริมฝีปากของอีกฝ่ายโดยไม่สนใจเลือดที่ซึมอยู่


รสเค็มปร่าแล่นเข้าปากทันที ราวกับต้องการฝังร่องรอยของตัวเองลงไปในทุกอณูของคนตรงหน้า


ฮันแจหอบเฮือก สะบัดหน้าหนีอย่างแรง สายลมที่ไถผ่านใบหน้าเต็มไปด้วยรสขื่น เงียบงันแต่แน่วแน่...เขาไม่ยอมอีกแล้ว


ริมฝีปากของเขาเจ็บ ชา และแตกเป็นแนวเลือด แต่ที่ปวดกว่าคือข้างใน ความรู้สึกที่เหมือนบางอย่างในใจกำลังแตกร้าวทีละนิด แววตาที่ถูกบดบังภายใต้ผ้าปิดตา รื้นด้วยหยดน้ำตาที่พยายามกลั้น แต่ห้ามไม่ไหว เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากจนเปียกชื้น


“นายยังกล้าหันหน้าหนีจากฉันอีกงั้นเหรอ...” คำพูดลอดไรฟันต่ำราวกับคำราม


ฮันแจไม่ตอบ หัวใจเต้นแรงเหมือนจะเต้นครั้งสุดท้าย ทั้งที่ร่างกายยังถูกพันธนาการ เหมือนทุกอย่างในตัวค่อย ๆ ถูกกลืนหาย ความคิดของเขาไม่หลงเหลืออยู่ในห้องขังแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว


ทั้งชีวิตที่ผ่านมา...เขาแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ ปกป้องคนที่ควรปกป้อง คนที่เป็นเหมือนครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในโลกที่โหดร้ายใบนี้


เขาไม่เคยคิดจะขัดขืน ไม่เคยคิดจะทรยศ ไม่เคยแม้แต่จะเกลียด...แล้วทำไม ถึงต้องกลายเป็นที่ระบายความเกลียดชังของใครอีกคน?


เจบี...อย่ากลับมาเลย


น้ำเสียงในหัวของเขาดังขึ้นเงียบ ๆ


หากราคาของการมีชีวิตคือการที่อีกคนต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ต่างจากปีศาจ เขายอมเป็นฝ่ายที่เจ็บปวดเพียงคนเดียวก็พอแล้ว









ไฟในใจของคิมบอมโหมกระหน่ำ หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกพ่ายแพ้เท่านี้มาก่อน และมันยิ่งผลักให้เขาอยากเอาชนะ อยากให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสความทรมานถึงขีดสุด จนยอมจำนนทั้งร่างกายและหัวใจ ไม่ใช่ในแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ที่เหมือนจะอยู่ แต่กลับไม่เคยเป็นของเขาจริง ๆ เลยสักครั้ง


เจบี...


เพราะไอ้เด็กนั่นคนเดียว มันพรากทุกอย่างไปจากเขา สิ่งที่ควรจะเป็นของเขาแต่ต้น กลับหลุดลอยไปอย่างไร้ความหมาย ความรักทั้งหมดของฮันแจ...มันควรจะเป็นของเขา ควรเป็นของเขาตั้งแต่วันแรก


แต่พอเด็กคนนั้นโผล่มา ฮันแจก็เปลี่ยน เขาเอาแต่ปกป้อง เอาแต่แสดงความอ่อนโยน แววตาเวลามองอีกฝ่ายเหมือนโลกทั้งใบมันหมุนรอบเจบีคนเดียว รอยยิ้มที่เขาไม่เคยได้เห็น กลับมีให้เด็กคนนั้นอย่างง่ายดาย


“นายเป็นของฉัน” คำพูดนี้ คิมบอมเคยเอ่ยกับฮันแจมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน


แต่สายตาของอีกฝ่าย...กลับไม่เคยเชื่อมันเลยสักครั้ง


ไม่ว่าเขาจะล่ามไว้แน่นหนาแค่ไหน หัวใจของฮันแจก็ยังพยายามหาทางหนีเสมอ


แต่สุดท้าย...เขากลับเป็นฝ่ายที่ไขว่คว้าอยู่ตลอด ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหน ขอแค่ฮันแจยังอยู่ข้าง ๆ อยู่ตรงนี้กับเขา ไม่หันหลังหนีไปไหนอีก


เพราะเขาทนไม่ได้อีกแล้ว กับคำพูดที่เหมือนยอม...แต่ไม่เคยศิโรราบ มันไม่ยุติธรรมเลยที่เขาต้องเป็นฝ่ายที่เจ็บอยู่ฝ่ายเดียว


“นายจะหนีไปถึงเมื่อไหร่...?” คิมบอมกระซิบชิดริมหูอีกฝ่าย เสียงเต็มไปด้วยแรงอารมณ์จนสั่นพร่า


“จะให้ฉันต้องทำลายอะไรอีก ถึงจะยอมอยู่กับฉันดี ๆ…”


มือที่ยังจับคางไว้แน่นเริ่มสั่นน้อย ๆ จากแรงอารมณ์ที่ประดัง


ไม่ใช่เพราะไม่มั่นใจ...แต่เพราะกลัว


กลัวว่าฮันแจจะไม่มีวันมองเขาในแบบที่มองเจบี


กลัวว่าทุกสิ่งที่เขาทำมา ทั้งหมด...อาจไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับอีกฝ่าย


เขากดหน้าผากลงกับหน้าผากของฮันแจแน่นขึ้น หายใจถี่กระชั้นราวกับจะกลืนอากาศจากอีกฝ่ายให้หมด


เสียงคำรามต่ำลอดออกจากลำคออย่างเกรี้ยวกราด


“…อย่าบังคับให้ฉันต้องเลือกวิธีที่นายไม่อยากเจอเลย ฮันแจ”









เซฟเฮ้าส์ส่วนตัวของแคสเปอร์ | กรุงโซล | 07:42 PM


บ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในย่านชานเมืองกรุงโซลถูกปรับแต่งภายในให้กลายเป็นกองบัญชาการชั่วคราวของกลุ่มขนนกสีเงิน พื้นที่กว้างโอ่โถงแต่เงียบสงบ กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียดที่แฝงอยู่ใต้ความสงบนิ่ง ห้องโถงหลักซึ่งติดตั้งจอแสดงผลและระบบเฝ้าระวังรอบทิศเต็มผนัง กำลังเป็นพื้นที่สำหรับวางแผนขั้นสุดท้าย


เจบีนั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง เสื้อยืดสีเข้มแขนสั้นพับขึ้นเหนือข้อศอก เผยให้เห็นสายน้ำเกลือที่ถูกถอดออกแล้ว และรอยแผลจาง ๆ ที่แขนซ้าย เขากำลังฟังแคสเปอร์อธิบายวิธีใช้กำไลสื่อสารขนาดเล็ก ซึ่งเป็นทั้งอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งและส่งข้อมูล


“ใส่แบบนี้” แคสเปอร์พูดเสียงนิ่ง มือเรียวยกข้อมือเจบีขึ้นอย่างระมัดระวัง ก่อนจะกดกำไลให้ล็อกเข้าที่ “มันจะไม่มีสัญญาณภายนอก แต่ทีมเราจะรู้ตลอดว่านายอยู่ตรงไหน และสามารถดึงข้อมูลทุกอย่างที่นายส่งออกมาได้แบบเรียลไทม์”


เสี่ยวไป๋นั่งอยู่ข้าง ๆ จัดการประกอบปืนพกอย่างคล่องมือ ใบหน้าเรียบสงบแต่สายตามีสมาธิจับจ้องทุกจุดของชิ้นส่วนที่ถอดแยกออกมา


“ปืนกระบอกนี้น้ำหนักเบา เหมาะกับการพกซ่อนไว้ในตัว” เสี่ยวไป๋พูดโดยไม่เงยหน้าขึ้น “กระสุนเจาะเกราะเจ็ดนัด กดไกนิ่ม ถ้าต้องใช้ก็อย่าลังเล…ยิงก่อนคิดทีหลัง เข้าใจไหม?”


“เข้าใจครับ…” เจบีพยักหน้าช้า ๆ น้ำเสียงแผ่วเบา


เสี่ยวไป๋หันมามองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นปืนให้ “ถ้ามีใครคิดจะแตะนาย... หรือทำให้นายเป็นรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียวล่ะก็...” เขาหยุดเล็กน้อย ดวงตานิ่งสนิท แล้วจบประโยคด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับประกาศคำสั่งตาย


“ฉันจะยิงสไนเปอร์ใส่หัวมัน…ไม่ต้องเตือนล่วงหน้า”


เจบีหลุดหัวเราะขึ้นมาในลำคออย่างกลั้นไม่อยู่ เขารู้ดีว่านั่นไม่ใช่แค่คำขู่เล่น ๆ แต่ก็รู้เหมือนกันว่า…เสี่ยวไป๋พูดแบบนั้นเพราะเป็นห่วง


เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังมาจากอีกมุมของห้อง เรนที่ยืนอยู่ด้านข้างถอดเสื้อออกลวก ๆ ก่อนจะเดินตรงเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน ร่างกายสูงโปร่งของเขาถูกแต่งแต้มด้วยรอยสักกลิ่นอายญี่ปุ่น สีสดตัดกับผิวขาวจัด กล้ามเนื้อกระชับรับกับช่วงไหล่และแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยร่องรอยของการฝึกฝน เขาดูเหมือนภาพวาดเคลื่อนไหวที่ทั้งสง่างามและอันตราย


เจบีเคยเห็นเรนในสภาพนี้ตอนถอดเสื้อเล่นน้ำกันที่จีน แต่ก็แค่ผ่าน ๆ ไม่เคยใกล้ในระยะที่มองเห็นทุกเส้นหมึกบนผิวของอีกฝ่ายได้ชัดแบบนี้…แบบที่ทำให้เขาเผลอหายใจไม่ทั่วท้อง


เรนยิ้มมุมปาก เดินตรงเข้ามาหาเขาโดยไม่พูดอะไร มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับที่แขนเสื้อของเจบีแล้วดึงเบา ๆ


“มาสิ เดี๋ยวฉันจะสอนวิธีเอาตัวรอดเวลาไม่มีปืนให้ใช้” น้ำเสียงของเขาดูจะเล่น ๆ แต่แววตากลับจริงจังมาก


เจบีกะพริบตาเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมืออีกข้างไปจับมือเรนอย่างไม่รู้ตัว ปล่อยให้อีกฝ่ายดึงให้ลุกขึ้นโดยไม่ออกแรงต้าน


เรนเดินนำเจบีมายังพื้นที่ว่างกลางห้อง แสงไฟจากโคมเพดานส่องลงมาทำให้ร่างทั้งสองเด่นชัดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศจริงจังของคนอื่นในห้อง เรนหมุนข้อมือเบา ๆ ก่อนจะตั้งท่าเรียบง่าย มือหนึ่งยกขึ้นระดับอก อีกข้างลดลงต่ำ


“อย่างแรก อย่าเสียการทรงตัว อย่าไว้ใจท่าทางของศัตรู แล้วก็อย่าลังเล”


เจบีพยักหน้า แล้วตั้งท่าตาม เขาไม่ได้เก้ ๆ กัง ๆ เหมือนมือใหม่ แต่เรนยังจับสังเกตได้ถึงช่องโหว่บางอย่าง


“ดีขึ้นแล้ว แต่ถ้าฉันเข้ามาแบบนี้…” เรนโฉบเข้าหาเจบีอย่างรวดเร็ว มือหนึ่งตวัดไปที่ไหล่ อีกข้างเล็งมาที่ลำตัว


เจบีตั้งการ์ดทัน แต่ก็ยังเซไปเล็กน้อย เรนหยุดมือไว้กลางอากาศ แล้วยิ้ม


“เห็นไหม? แค่นิดเดียว ศัตรูก็จะคร่อมตัวนายได้แล้ว นายต้องฝึกจังหวะการถอย พร้อมสวนกลับทันที”


เขาถอยออกมาหนึ่งก้าว ก่อนจะเข้ามาใหม่ เจบีขยับตัวไวขึ้น คราวนี้เขาหลบการโจมตีได้ และเปลี่ยนจังหวะเป็นการจับข้อมืออีกฝ่ายอย่างมั่นคง


เรนยกคิ้วขึ้น แล้วหัวเราะเบา ๆ “นั่นแหละ ใช่เลย แบบนั้น”


เสียงฝีเท้าและแรงกระทบกันเบา ๆ ดังอยู่ในห้องระหว่างที่ทั้งสองเคลื่อนไหวไปมา ทุกคนในห้องแม้จะกำลังทำหน้าที่ของตัวเอง แต่สายตาหลายคู่ก็ยังคอยชำเลืองมอง


“จำไว้นะเจบี” เรนพูดขณะขยับเข้าใกล้จนระยะหายใจแทบชนกัน “ใช้แรงไม่ได้ก็ใช้สมอง ใช้สมองไม่ได้ก็ใช้จังหวะ ใช้จังหวะไม่ได้...ก็วิ่งให้ไวแล้วตะโกนเรียกชื่อฉันไว้ก่อนก็ได้”


ก่อนที่เจบีจะได้ตอบอะไร เขาก็ถูกฝ่ามือของเรนดันเข้ามาในอ้อมแขนแบบเนียน ๆ กล้ามอกเปลือยเปล่าแนบชิดจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นตรงหน้าอกเต็ม ๆ จนเจ้าตัวแทบสะดุ้ง


“เรน...” เจบีขยับตัวจะถอยออก แต่คนที่กอดไว้กลับยิ้มกว้างอย่างผู้ชนะ


“ใจเต้นแรงเลยเหรอ?” เขาเอียงหน้ามาใกล้อีกนิด น้ำเสียงราวกับหยอกแต่แฝงด้วยจังหวะกวนประสาทจนเจบีอยากยกมือผลักหน้า


“นี่มันสอนต่อสู้ หรือหาข้ออ้างเนียนกอดกันแน่?” เสียงของแคสเปอร์ดังขึ้นจากอีกฝั่งของห้อง พรางกลอกตาราวกับทนดูไม่ไหว


ไม่ทันให้เรนได้พูดอะไรต่อ เสี่ยวไป๋ก็เดินเข้ามาแทรกกลาง ดึงเจบีออกจากวงแขนของเรนอย่างแนบเนียนเหมือนทำประจำ และยังไม่วายปัดไหล่เจบีเบา ๆ เหมือนกลัวว่าจะติดอะไรมา


เรนยักคิ้วแล้วยักไหล่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว “หวงขนาดนี้ก็มาซ้อมด้วยกันสามคนสิ จะได้ไม่มีใครเสียเปรียบ”


“ฉันถือปืนอยู่ เรน” เสี่ยวไป๋ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเนียนแต่เย็นเฉียบ


“โอเคครับ ไม่ล้อเล่นแล้วครับ~” เรนรีบยกมือยอมแพ้พลางถอยหลังหนึ่งก้าว แต่รอยยิ้มข้างปากก็ยังไม่จางลง


ไม่นาน เสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นจากหน้าบ้าน ก่อนที่ประตูจะเปิดออกพร้อมกลิ่นอาหารหอม ๆ ลอยตามเข้ามา กายกับราฟาเอโร่เดินเข้ามาพร้อมของกินเต็มไม้เต็มมือ


“กินข้าวกันเถอะ” กายชูถุงในมือขึ้นพลางยิ้ม ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วจัดของใส่จานอย่างคล่องแคล่ว โดยมีเรนที่ยังไม่ยอมใส่เสื้อช่วยหยิบจับด้วยอีกแรง


เจบีลุกขึ้นจากโซฟาหมายจะเดินเข้าไปช่วย แต่กลับถูกร่างสูงด้านหลังโอบรั้งเอวไว้แน่นจากด้านหลัง


“คุณจะทำอะไรครับ…” เจบีเอ่ยถามเสียงแผ่ว แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนประหม่า


“เหนื่อยจัง” ราฟาเอโร่ซบหน้าลงกับไหล่เขาเบา ๆ “ขออยู่แบบนี้สักพักนะ…”


เจบียืนนิ่ง แผ่นหลังร้อนผ่าวในทันที ทั้งที่ไม่ได้มีเสื้อผ้าอะไรชิดกันขนาดนั้น แต่ไออุ่นจากคนข้างหลังกลับทำให้หัวใจเขาเต้นรัวจนแทบหลุดจากอก


ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร เสี่ยวไป๋แม้จะเป็นคนขี้หวงก็ยังต้องยอมหลบสายตา ปล่อยให้ราฟาเอโร่กอดเจบีอยู่อย่างนั้นโดยดี


“นอนไม่หลับอีกแล้วหรอครับ…” เจบีถามเสียงเบา พยายามไม่หันกลับไป เพราะรู้ว่าถ้าได้สบตากันตรง ๆ เขาอาจเผลอใจไหวมากกว่านี้


“อืม…” เสียงทุ้มตอบใกล้จนแทบแนบผิว “ไม่มีนายแล้วจะให้หลับลงได้ยังไง…”


ก่อนที่บรรยากาศจะชื้นจนเกินไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างเจือแววกลั้นหัวเราะไม่อยู่จากฝั่งโต๊ะอาหาร


“ขนาดหมอนข้างยังแพ้ นับประสาอะไรกับพวกเรา...” กายพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะยกจานขึ้นบังหน้าตัวเองราวกับต้องการเซฟสายตาจากความหวานล้นฉากตรงหน้า


เรนเงยหน้าจากการตักข้าวแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดเสียงเรียบ “นั่นสิ...ขี้โกงชะมัด”


เสี่ยวไป๋แค่มอง แล้วถอนหายใจ “ฉันไม่ได้พูดก็ใช่ว่าฉันไม่คิดนะ…”


ราฟาเอโร่ยิ้มมุมปาก แล้วค่อย ๆ คลายอ้อมแขนออกอย่างอ้อยอิ่ง นิ้วเรียวไล้ผ่านแผ่นหลังเจบีราวกับยังไม่อยากปล่อย ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นรินแตะแนบข้างแก้ม แล้วกระซิบชิดใบหูเสียงแผ่วพร่า


“ถ้าเลือกได้…ฉันอยากกอดนายแทนหมอนข้างทุกคืน”


และนั่นก็ทำให้เจบีหน้าแดงไปถึงใบหู…ก่อนจะเดินหนีทันทีโดยไม่พูดอะไร กลบเกลื่อนความร้อนบนหน้าไว้ด้วยเสียงของจานช้อนในครัวที่ดังกว่าเดิมนิดหน่อย


ทันใดนั้นเอง เสียงเรนก็ดังขึ้นจากอีกฝั่งของโต๊ะ


“พวกเราก็กอดได้นะ” เรนว่า พลางยักคิ้วใส่เจบีอย่างท้าทาย “เลือกมาเลยสิ ว่านายอยากให้ใครกอดคืนนี้”


เจบีที่กำลังตักข้าวเข้าปากถึงกับชะงักช้อนในอากาศ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ทัน เขาเหลือบตามองซ้ายมองขวา เจอแววตาเฝ้าจับผิดของแคสเปอร์ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ฝั่งตรงข้าม กับเสี่ยวไป๋ที่วางช้อนลงเงียบ ๆ แล้วหันมามองนิ่ง ๆ ไม่พูดอะไร


“ระ...เรน นายไม่ต้องพูดอะไรแบบนี้ตอนคนอื่นอยู่ก็ได้มั้ง...” เจบีพึมพำ หน้าเริ่มแดงอย่างห้ามไม่ได้


“อ้าว ไม่เลือกเรางั้นเหรอ” เรนแกล้งทำหน้าเศร้า “เสียใจนะเนี่ย ทั้งที่ฉันซ้อมกอดหมอนข้างมาเป็นปีเพื่อวันนี้แล้วแท้ ๆ”


“กอดหมอนข้าง?” แคสเปอร์ขมวดคิ้ว “อย่าบอกนะว่าหมอนข้างหน้านายมีชื่อเจบีติดอยู่”


“แน่นอนสิ” เรนยักไหล่อย่างหน้าตาเฉย “ตอนกอดจะได้เรียกชื่อถูก”


เสียงช้อนกระทบชามซุปดังขึ้น เสี่ยวไป๋ยังคงนิ่ง แต่สายตาเรียบนิ่งนั่นเริ่มมีรังสีบางอย่างแผ่ออกมา


กายซึ่งนั่งหัวโต๊ะถึงกับหลุดหัวเราะ “นี่มันโต๊ะอาหารนะ ไม่ใช่เวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ส ใครอยากกอดใคร ขอให้แสดงความสามารถพิเศษก่อนครับ”


“ฉันยอมโดดร่มจากเฮลิคอปเตอร์แล้วลงมากอดก็ได้” เรนรีบยกมือ


“งั้นฉันจะยิงสไนเปอร์จากตึกตรงข้าม แล้ววิ่งมารับร่างเขาไว้ก่อนตกพื้น” เสี่ยวไป๋พูดเสียงเรียบ น้ำเสียงนิ่งจนไม่มีใครแน่ใจว่าเล่นหรือจริง


เจบีหลุดหัวเราะออกมาเสียงเบา แต่ใบหน้ายังแดงเรื่ออย่างปิดไม่มิด “พอเลยครับทุกคน...ขอกินข้าวเงียบ ๆ สักมื้อได้มั้ยครับ ผมจะเป็นลมแล้วเนี่ย”


ราฟาเอโร่ซึ่งเงียบอยู่นาน วางแก้วไวน์ลงอย่างนิ่ง ๆ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ “คืนนี้ไม่ต้องเลือกหรอก เพราะนายจะนอนห้องฉันอยู่แล้ว”


“ราฟา!” เจบีแทบสำลักน้ำ แทบจะโยนช้อนในมือลงโต๊ะโดยไม่รู้ตัว


เสียงหัวเราะระเบิดขึ้นรอบโต๊ะอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีใครกลั้นได้อีกต่อไป…แม้แต่เจบีเองก็ต้องหัวเราะไปด้วย ทั้งที่ใบหน้ายังแดงจัดจนถึงใบหู


บทสนทนายังคงดำเนินต่ออย่างคึกคัก เสียงหยอกล้อและเสียงช้อนกระทบจานกลบเกลื่อนบรรยากาศแปลกเขินเมื่อครู่ได้อย่างแนบเนียน แต่ในความวุ่นวายเหล่านั้น หัวใจของเจบีกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในจังหวะที่ไม่มีใครได้ยิน


และในวินาทีนั้นเอง…เขาก็รู้ว่า ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะอันตรายแค่ไหน อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เดินไปคนเดียวอีกแล้ว




🌸 一期一会 (いちごいちえ)

นายกสโมสร

กระทู้
0
ตอบกลับ
50959
พลังน้ำใจ
260407
Zenny
104238
ออนไลน์
20017 ชั่วโมง
โพสต์ 5 ชั่วโมงที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

นายกสโมสร

กระทู้
28
ตอบกลับ
32773
พลังน้ำใจ
182314
Zenny
184779
ออนไลน์
30459 ชั่วโมง
โพสต์ 1 ชั่วโมงที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบใจจริงๆ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2025-7-9 21:24 , Processed in 0.084686 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2025 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้