ผมชื่อ “ตั้ม” อยู่ ม.6ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ค่อยชอบเล่นกีฬา ไม่ค่อยสุงสิงกับใครนอกจากบาส...เพื่อนสนิทตั้งแต่ ม.1
บาสเป็นคนเดียวที่รู้ว่าผมชอบผู้ชาย และก็ไม่ได้รังเกียจอะไร
แต่สิ่งที่บาสไม่รู้เลย…คือผมกำลังแอบรู้สึกกับ “พี่ชายของมันเอง” พี่แม็ก…
ชายหนุ่มในเครื่องแบบตำรวจ ที่บาสชอบเอารูปมาอวดว่าพี่ตัวเองหล่อเท่ ขึ้นโรงพักแล้วมีสาว ๆ มาขอถ่ายรูป
ผมเห็นครั้งแรกในไอจีบาส แล้วกดไลก์จนต้องลบประวัติเพราะกลัวโป๊ะแตก
แต่ภาพในจอ มันไม่เท่าตัวจริงเลยสักนิด วันนั้นผมกับบาสไปว่ายน้ำคอนโดพี่แม็กที่อยู่ไม่ไกล
แดดแรงจนผิวน้ำสะท้อนแสบตา
ผมกำลังขึ้นจากสระกำลังจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว…แต่แล้วก็เหมือนโลกหยุดหมุน เสียงรองเท้าหนังเหยียบพื้นคอนกรีตเบา ๆดังขึ้น
ตามมาด้วยเงาของร่างสูงใหญ่ในเครื่องแบบสีกากีแนบเนื้อ
ไหล่กว้าง กล้ามอกแน่น เสื้อเอวลอยนิด ๆ เวลาเขายกมือเกาหลังคอเบา ๆ
ผมยืนนิ่งในกางเกงว่ายน้ำเปียก ๆ ตัวแข็งทื่อเหมือนความร้อนทั้งหมดไปกองอยู่แค่ตรงหน้าอก...แล้วไหลต่ำลงไปถึงหน้าท้อง "พี่แม็ก นี่เพื่อนตั้มนะพามาว่ายน้ำ" บาสแนะนำแบบไม่คิดอะไร
แต่ผมน่ะ...หายใจไม่ออกเลย "อืม...ไม่เคยเห็นหน้าเลยนะ"
เสียงทุ้มต่ำแฝงความนิ่งแบบคนมีอำนาจ ผสมกับกลิ่นโคโลญจ์ผู้ชายจาง ๆทำให้ผมแทบทรุด "ครับ..." ผมตอบสั้น ๆพยายามไม่ให้เสียงสั่น
แต่สายตาผมกลับเผลอไหลลงไปมองขาเขา — ขาแน่น ๆที่หุ้มด้วยกางเกงที่ดูจะแนบไปทั้งต้นขา ผมกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหน้าแดงแค่ไหน... ผมยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นไปแล้ว พี่แม็กไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเขาแค่ยิ้มเล็กน้อยให้กับบาส แล้วหันไปเดินลงสระอย่างมั่นใจ
บาสตะโกนตามหลังว่า "ว่ายน้ำด้วยกันนะพี่!"
แต่พี่แม็กแค่พยักหน้าเบา ๆ แล้วจุ่มตัวลงน้ำโดยไม่หันกลับมา ผมรีบหันไปมองบาสด้วยความอึดอัด
"เป็นอะไรไป ตั้ม?"
บาสถามเสียงเบา ผมส่ายหน้าแล้วรีบเช็ดผมเปียก ๆ ให้แห้ง ในใจผมกลับวุ่นวายไปหมด
ผมรู้ว่าไม่ควรรู้สึกแบบนี้กับพี่ชายเพื่อนแต่หัวใจมันบอกไม่ได้นะ...
พี่แม็กดูเข้มแข็งและจริงจังแต่ก็มีเสน่ห์ที่ดึงดูดผมมากเกินกว่าจะละเลยได้ ผมตัดสินใจจะเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจ
แต่ในใจลึก ๆ ผมก็หวังว่า...
สักวันหนึ่ง จะได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่แม็กแบบจริง ๆ จัง ๆ สักครั้ง บาสยังว่ายน้ำอยู่ในสระส่วนผมยืนมองน้ำใส ๆ ที่สะท้อนแสงแดด
วันนี้...เป็นวันที่ผมรู้สึกว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว หลังจากวันนั้นผมกลับมาที่สระว่ายน้ำบ่อยขึ้น ทุกครั้งที่มาไม่ใช่เพราะอยากว่ายน้ำเก่งขึ้นหรือออกกำลังกายหรอกนะ…แต่เป็นเพราะอยากเจอพี่แม็ก วันหนึ่งขณะที่ผมกำลังเดินเข้าห้องอาบน้ำหลังจากว่ายน้ำเสร็จ เสียงน้ำไหลกระทบพื้นเบา ๆดังขึ้นอยู่ในนั้น
ผมเปิดประตูห้องอาบน้ำช้า ๆ ด้วยความระมัดระวัง
แล้วก็เจอ…เงาร่างสูงใหญ่ของพี่แม็กกำลังล้างตัวอยู่โดยไม่รู้ตัวผม พี่แม็กไม่ได้หันมามอง หรือทักทายอะไร
แต่ผมกลับไม่อาจละสายตาไปได้เลย
หุ่นของเขาดูแข็งแรงและสมส่วนมาก ไหล่กว้าง กล้ามแขนแน่น ๆและหลังที่กว้างเต็มไปด้วยเส้นสายของกล้ามเนื้อ
แม้จะเป็นแค่แสงเงาจากไฟในห้องอาบน้ำแต่ทุกอย่างมันชัดเจนจนทำให้ใจผมเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ผมตั้งใจมองอย่างเงียบ ๆเหมือนกลัวถูกรบกวน
ความรู้สึกที่มีต่อพี่แม็กยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นทุกครั้งที่ได้เห็นแบบนี้
หัวใจผมเหมือนถูกดึงดูดจนอยากเข้าไปใกล้
แต่ก็กลัวว่าความลับนี้จะถูกเปิดเผย หลังจากวันนั้นผมกลับมาเล่นน้ำที่นี่บ่อยขึ้นเหมือนได้แรงจูงใจบางอย่างให้ลุกขึ้นมาเจอพี่แม็กอีกครั้ง
บางที… ผมอาจจะไม่แค่ชอบว่ายน้ำเท่านั้น วันหนึ่งหลังจากที่ผมว่ายน้ำเสร็จและขึ้นมานั่งพักริมสระพี่แม็กก็เดินเข้ามาใกล้ด้วยกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วที่เผยให้เห็นมัดกล้ามแน่นของเขาอย่างชัดเจน
แสงแดดส่องกระทบผิวเนื้อที่เปียกจนเงาเป็นประกายทำให้เขาดูแข็งแรงและทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ "วันนี้มาว่ายน้ำบ่อยจังนะ"เสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยพลัง แต่นุ่มนวลในเวลาเดียวกันทำให้หัวใจผมเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ผมหันไปมองและเห็นรอยยิ้มที่แสนมีเสน่ห์ของพี่แม็ก
รอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนอยู่แค่นี้ "ก็… ผมชอบว่ายน้ำครับ"ผมตอบอย่างติดอาย พร้อมกับรู้สึกว่าแก้มร้อนผ่าว
พี่แม็กหัวเราะเบา ๆ อย่างเป็นมิตร
"ดีนะ ที่ว่ายน้ำเก่งขึ้นเรื่อย ๆ" ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยเลือกที่จะจ้องมองสายตาของเขาแทน
ในสายตาคนนั้น มีความอบอุ่นและความมั่นใจที่ทำให้ผมอยากจะเข้าไปใกล้
อยากจะพูดความในใจที่เก็บไว้มานาน สักพักพี่แม็กเอื้อมมือมายกผมขึ้นจากเก้าอี้ข้างสระพร้อมกับบอกว่า
"มาว่ายน้ำด้วยกันไหม?" ใจผมเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา
นี่อาจเป็นโอกาสที่ผมรอคอยมานาน ผมพยายามกลั้นใจเต้นแรง ขณะสบตาพี่แม็ก
"ผม… ยังว่ายน้ำไม่เก่งเลยครับ อยากให้พี่ช่วยสอนหน่อย"ผมพูดออกไปเสียงเบา พร้อมกับส่งยิ้มเขิน ๆ พี่แม็กยิ้มรับอย่างใจดี
"ได้สิ ไม่ยากหรอก เดี๋ยวพี่สอนเอง" เขายื่นมือมาจับแขนผมเบา ๆเพื่อช่วยพยุงให้ลงน้ำ
สัมผัสนั้นทำให้ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นและความมั่นคง
ผมไม่เคยใกล้ชิดกับใครแบบนี้มาก่อน พี่แม็กสอนผมอย่างใจเย็น ค่อย ๆแนะนำท่วงท่าการว่ายน้ำ
มือของเขาบางครั้งสัมผัสที่หลังและไหล่ผม เพื่อช่วยปรับท่าทาง
ความใกล้ชิดนั้นทำให้หัวใจผมเต้นแรงเกินควบคุม "สู้ ๆ นะเดี๋ยวก็ว่ายเก่งเหมือนพี่แม็กแน่"
เสียงทุ้มต่ำที่พูดออกมาเต็มไปด้วยกำลังใจ ทำให้ผมมั่นใจขึ้นมาก ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันจะเป็นอะไรต่อไป
แต่ตอนนี้ ผมแค่รู้สึกว่า… ผมกำลังอยู่ใกล้คนที่ผมแอบชอบจริง ๆ หลังจากนั้นพี่แม็กก็สอนผมว่ายน้ำแทบทุกวัน
ผมรู้สึกว่าเราสนิทกันมากขึ้นทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน
เขาใจดีและใจเย็นกับผมเสมอ
ยิ่งทำให้ผมตกหลุมรักพี่แม็กมากขึ้นในความมีเสน่ห์และความอบอุ่นที่เขามีให้ วันหนึ่งขณะที่เรานั่งพักริมสระหลังว่ายน้ำเสร็จ
ผมอดไม่ได้ที่จะถาม
“พี่แม็กครับ ปกติพี่ออกกำลังกายแบบไหน ทำไมหุ่นดีจังผมอยากมีหุ่นแบบพี่บ้าง” พี่แม็กหัวเราะเสียงทุ้มอย่างอบอุ่น
“อ๋อ ก็ออกกำลังกายบ้าง เล่นเวทบ้าง ว่ายน้ำก็ช่วยเยอะนะ”
แล้วเขาก็เอามือมาเล่นลูบหัวผมเบา ๆด้วยท่าทางเอ็นดูอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้สึกหัวใจพองโตอย่างประหลาด
และในตอนนั้น ผมคิดได้ว่า…
ความรู้สึกนี้มันมากกว่าแค่ความชื่นชมธรรมดาไปแล้ว วันหนึ่งหลังจากที่ผมและพี่แม็กว่ายน้ำเสร็จ และกำลังนั่งพักริมสระ
ผมเผลอมองไปที่ร่างสูงของพี่แม็กอีกครั้ง
ครั้งนี้สายตาของผมดูเหมือนจะจับจ้องไปที่กางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วที่พี่ใส่มากกว่าเคย พี่แม็กเริ่มสังเกต
“ตั้ม... วันนี้มองอะไรพี่บ่อยจังนะ”
เสียงทุ้มทักด้วยน้ำเสียงที่แฝงความสงสัยและยิ้มเล็ก ๆ ผมรู้สึกเขินจนหน้าแดงจัดแต่ก็ไม่อยากปิดบังความรู้สึก
“เอ่อ… ก็... ผมชอบดูพี่ออกกำลังกาย แล้วก็... ชอบหุ่นพี่ด้วยครับ” พี่แม็กหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับพยักหน้าช้าๆ
“แบบนี้นี่เอง... งั้นพี่จะไม่ว่า ถ้าตั้มจะมองบ่อย ๆ” คำพูดนั้นทำให้หัวใจผมเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง
และผมก็รู้ว่า… ความรู้สึกนี้มันชัดเจนมากขึ้นทุกวัน พี่แม็กมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความล้อเล่นและความอบอุ่น
"มองอย่างเดียวเหรอ? แล้วอยากจับดูบ้างไหม?"
คำถามนั้นทำให้ผมตกใจ หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอกหน้าแดงจนรู้สึกได้เลยว่าเหมือนจะลุกเป็นไฟ
"อ-อื้อ...ผม..." ผมตอบเสียงสั่น ไม่กล้าสบตาเขา ความจริงผมก็อยากจับจริง ๆแต่ก็ยังไม่กล้า เพราะพี่แม็กเป็นชายแท้และเป็นพี่ชายเพื่อนผมด้วย
พี่แม็กยิ้มอย่างมีเสน่ห์ แล้วย่างก้าวเดินเข้ามาใกล้ ๆ
แสงแดดส่องกระทบกับกล้ามเนื้อที่เด่นชัดของเขา ทำให้ผมยิ่งใจสั่น "ไม่ต้องกลัวนะ ตั้ม"
เสียงทุ้ม ๆ นั้นพูดเบา ๆ ราวกับเป็นการปลอบใจที่อบอุ่นมากที่สุด ผมยังคงยืนนิ่งชั่วขณะหนึ่งก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มเปลี่ยนไป... ขณะที่พี่แม็กเดินเข้ามาใกล้ผมสังเกตเห็นบางอย่างในสายตาและท่าทางของเขาที่เปลี่ยนไป
มันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
เสียงในหัวผมยังคงก้องอยู่ซ้ำ ๆ ว่า... “มองอย่างเดียวเหรอ? แล้วอยากจับดูบ้างไหม?” ความคิดนั้นวนเวียนอยู่ในใจอย่างไม่หยุดหย่อน
ผมรู้สึกสับสน ทั้งอยากใกล้ชิดแต่ก็กลัวว่าจะก้าวล้ำเกินไป
หัวใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา
สายตาผมจ้องมองไปยังพี่แม็กอย่างไม่อาจละสายตาได้ “ตั้ม... เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เสียงทุ้มถามขึ้นเบา ๆพร้อมรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความเข้าใจ ผมพยายามรวบรวมความกล้าแต่ในใจยังเต็มไปด้วยความสับสน
ระหว่างความรู้สึกที่อยากจะก้าวเข้าไปใกล้และความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ ในวินาทีนั้นทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดชะงัก
และผมรู้ว่าตัวเองต้องเลือก...
จะทำอย่างไรกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้ ผมเงียบไป ไม่รู้จะตอบอะไรดี
พี่แม็กเห็นแบบนั้น ก็ยิ้มเบา ๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้
แล้วก็...โอบกอดผมไว้แน่น ๆ แบบพี่ชายที่ห่วงใยน้องชายตัวเอง อ้อมกอดนั้นอบอุ่นจนทำให้ใจผมอ่อนลง
ความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นถาโถมเข้ามาในหัวใจ
แต่ในใจผม...กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนกว่า
ผมไม่ได้คิดเหมือนพี่แม็กที่มองผมเป็นแค่น้องชาย
อ้อมกอดนี้...มันทำให้ผมใจสั่นอย่างประหลาด ผมหลับตาลงช้า ๆปล่อยให้อ้อมกอดนั้นโอบล้อม
ในความเงียบสงบผมยังคงรู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจตัวเองที่ไม่เคยสงบนิ่งแบบนี้มาก่อน "ไม่เป็นไรนะ ตั้ม...พี่อยู่ตรงนี้"
เสียงทุ้มที่แสนอบอุ่นปลอบประโลมใจผมอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ตอนนี้... ผมรู้ว่า
อ้อมกอดนี้คือสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุด อ้อมกอดของพี่แม็กยังอวลอยู่บนตัวผมแม้เขาจะผละออกไปแล้ว
มันอบอุ่น มั่นคง และเต็มไปด้วยความปรารถนาดี
แต่สำหรับผม... มันมากกว่านั้น ผมอยากจะบอกเขา
ว่าในใจผม ความรู้สึกนี้มันไม่ได้หยุดแค่คำว่า พี่ชาย
แต่ผมก็พูดไม่ได้
เพราะความเป็นจริงมันซับซ้อนเกินไป ร่างกายผมตอบสนองต่อความใกล้ชิดนั้นโดยไม่อาจควบคุม
ผมรู้ตัวว่าควรถอยออกมา ก่อนที่เขาจะสังเกตเห็น "ขะ...ขอผมไปอาบน้ำนะครับ"
ผมพูดเร็ว ๆ แล้วรีบผละตัวออก เดินหลบเข้าห้องอาบน้ำ หัวใจยังเต้นไม่หยุด
ผมเปิดน้ำปล่อยให้สายน้ำไหลลงมาที่หน้าผากหวังให้มันลบความรู้สึกว้าวุ่นในใจ
แต่แล้ว... เสียงฝีเท้ากลับดังขึ้นที่หน้าห้องอาบน้ำ
“ตั้ม… เป็นอะไรรึเปล่า?” เสียงพี่แม็กดังลอดเข้ามาแฝงความเป็นห่วงชัดเจน ผมยืนนิ่งในน้ำ ไม่รู้จะตอบยังไง
อยากเปิดใจ...แต่ก็กลัว
กลัวว่าจะเสียแม้แต่ความเป็นพี่น้องที่เขาเต็มใจให้ผม ผมยังคงยืนนิ่งอยู่ใต้สายน้ำในห้องอาบน้ำเสียงฝักบัวไหลเป็นจังหวะกลบเสียงหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นแรง
ข้างนอก พี่แม็กยังยืนรอ
เขาไม่ได้เคาะประตูซ้ำ หรือเร่งรัดอะไร
แค่ยืนเงียบ ๆ และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย "ไม่สบายหรือเปล่า ตั้ม?"
ผมกลั้นใจตอบออกไป
"ไม่ครับ แค่...แค่รู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อย" มีช่วงเงียบสั้น ๆ
ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ จากอีกฝั่งประตู "งั้นพี่รอข้างนอกนะ รีบออกมาเดี๋ยวไม่สบาย" หลังจากอาบน้ำเสร็จผมเดินออกมาเจอพี่แม็กนั่งรออยู่ตรงม้านั่งไม้ริมสระ พร้อมผ้าขนหนูอีกผืนในมือ
เขาส่งมาให้ผมโดยไม่พูดอะไรมาก
แต่แววตาเขาดูเหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไป เราไม่ได้พูดอะไรกันเลยในช่วงแรก
ผมนั่งลงข้างเขา เงียบ ๆ ฟังเสียงลมพัดและเสียงน้ำกระเพื่อมในสระ “ตั้ม…”
เสียงพี่แม็กเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“…พี่ดีใจนะ ที่เราได้ใช้เวลาว่ายน้ำด้วยกันแบบนี้” ผมหันไปมองเขาช้า ๆ
รอยยิ้มบางบนใบหน้าเขาดูอบอุ่น…แต่ในแววตามีบางอย่างซ่อนอยู่
คล้ายคำถามที่ยังไม่ได้เอ่ยออกมา และผมก็รู้
พี่แม็กเริ่ม “รู้” แล้ว
ว่าในใจผม รู้สึกมากกว่าคำว่า พี่ชาย แต่เขายังไม่พูดอะไร
เขาแค่ยิ้ม และนั่งข้างผมเงียบ ๆ
เหมือนให้พื้นที่กับความรู้สึก...ที่กำลังค่อย ๆ เติบโต หลายวันผ่านไปพี่แม็กยังคงมาสอนผมว่ายน้ำเหมือนเดิม
แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ…เขาดูใส่ใจผมมากขึ้น
เลิกพูดแหย่แบบล้อเล่นเหมือนเคยแต่กลับมองผมด้วยแววตาที่อ่อนโยนกว่าเดิม
และผมก็รู้ตัวว่า ผมเองก็เริ่มไม่หลบตาเขาอีกแล้ว วันหนึ่ง ขณะที่ผมนั่งพักหลังซ้อมว่ายน้ำพี่แม็กเดินมาพร้อมขวดน้ำเย็นในมือ
เขายื่นมาให้ โดยไม่พูดอะไร
ผมยิ้มรับ “ขอบคุณครับ” “เหนื่อยไหม?” เขาถามเบาๆ
ผมส่ายหัว “ไม่ครับ ถ้ามีพี่แม็กอยู่ด้วย... ไม่เหนื่อยเลย” พี่แม็กนิ่งไปครู่หนึ่งรอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นช้า ๆ
แต่เขาไม่พูดอะไรอีก หลังจากนั้น เขาพาผมขึ้นไปบนดาดฟ้าคอนโดที่มีลมพัดเย็น ๆ กับท้องฟ้าสีส้มของเย็นวันนั้น
"มานั่งดูพระอาทิตย์ตกกันไหม?" เขาถามเบาๆ เรานั่งข้างกัน ใกล้แค่ไหล่ชนไหล่
เงียบแต่ไม่อึดอัด “ตั้ม”
“ครับ?” “พี่รู้ว่าตั้ม…รู้สึกมากกว่าพี่น้องใช่ไหม” ผมหยุดหายใจไปเสี้ยววินาที
ใจเต้นแรงจนไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี
แต่เขาก็พูดต่อทันที ก่อนที่ผมจะตอบ “พี่ไม่โกรธ ไม่รังเกียจเลยนะ”
เสียงเขานุ่มและหนักแน่น
“ตรงกันข้าม… พี่แค่ไม่แน่ใจ ว่าความรู้สึกของพี่มันคืออะไร” คำพูดนั้นทำให้ผมเหมือนใจลอย
ไม่ได้หวังว่าเขาจะรักตอบในทันที
แต่แค่รู้ว่าเขาเปิดใจ… แค่นั้นมันก็มากพอแล้ว เขาหันมายิ้มให้ผมรอยยิ้มที่อ่อนโยนและจริงใจที่สุด
“พี่อาจไม่เข้าใจตัวเองดีพอ แต่พี่ก็ไม่อยากให้เราห่างกันนะ” ผมพยักหน้าเบา ๆ
ไม่ต้องมีคำพูดอะไรอีก
แค่ความเงียบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเย็นวันหนึ่งบนดาดฟ้า...กับคนที่ผมรัก วันเสาร์นั้นพี่แม็กส่งข้อความมาหาผมตอนสาย ๆ “วันนี้อยากออกไปเดินเล่นไหม?ไม่ต้องว่ายน้ำทุกวันก็ได้ :)” ผมอ่านข้อความนั้นแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
พี่แม็กไม่เคยชวนผมออกไปไหนนอกสระมาก่อน
นี่อาจจะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ แต่สำหรับผมมันเหมือนโลกกำลังเปลี่ยนทิศ เราไปเดินเล่นที่สวนริมแม่น้ำไม่ไกลจากคอนโดเขา
แดดอ่อน ลมเย็น ต้นไม้สองข้างทางไหวเบา ๆ
เราเดินไปเรื่อย ๆ ไม่ได้พูดอะไรมาก
แต่ทุกก้าวที่เดินข้างกันมันเหมือนคำพูดที่พูดไม่ออกกำลังสื่อสารอยู่ในความเงียบ “พี่ชอบบรรยากาศแบบนี้ไหมครับ?”ผมถามขณะมองไปที่แสงสะท้อนบนผิวน้ำ
“อืม...ชอบ มันสบายใจดี” พี่แม็กตอบพลางมองไปไกล
“แล้วอยู่กับผม...พี่รู้สึกยังไง?” เขาเงียบไปนาน...นานจนผมนึกว่าถามมากเกินไป
แต่สุดท้ายเขาก็พูดเบา ๆ ว่า
“พี่ไม่เคยคิดว่าจะสนิทกับใครได้แบบนี้อีก” ผมหันไปมอง
แววตาของพี่แม็กวันนี้ไม่เหมือนวันแรกที่เราพบกันเลย
มันไม่ใช่แค่นิ่งขรึม
แต่มันมีบางอย่างที่อ่อนลง อุ่นขึ้นและเหมือนมีคำถามในใจเขาเองเช่นกัน “ตั้ม...”
“ครับ?” “ถ้าพี่...ยังไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร
แต่พี่แค่อยากอยู่ใกล้ตั้มมากขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้
ตั้มจะรอพี่ไหม?” คำถามนั้นไม่ได้หวาน
ไม่ได้โรแมนติกแบบในหนัง
แต่มันคือความจริงใจที่สุดที่ผมเคยได้รับจากใครคนหนึ่ง ผมไม่พูดอะไร
แค่พยักหน้า และยิ้มบาง ๆ
แล้วปล่อยให้สายลมยามเย็นพัดผ่านรอยยิ้มนั้นของเรา ช่วงปิดเทอมสั้น ๆ กลางภาคกลายเป็นช่วงเวลาที่ผมได้ใช้เวลากับพี่แม็กมากขึ้น
เราไม่ได้ไปสระทุกวันอีกแล้ว
แต่กลับใช้เวลาไปกับสิ่งที่ธรรมดา...แต่พิเศษในความรู้สึก เรานั่งกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารเล็ก ๆใกล้สถานีรถไฟ
ร้านบรรยากาศบ้าน ๆ มีโต๊ะไม้เก่า ๆ กับกลิ่นข้าวผัดหอม ๆลอยมาแต่ไกล
พี่แม็กสั่งเมนูเดิมทุกครั้ง
“ข้าวผัดหมูไข่ดาว พริกน้ำปลาน้อย” เขาหันมายิ้ม “ของเดิมนะ ใช่ไหม?”
ผมยิ้มรับ พยักหน้าเบา ๆ มีบางอย่างในความใส่ใจนั้นที่ทำให้ใจผมอุ่น
และผมก็เริ่มสังเกตว่า...พี่แม็กเองก็เริ่ม สังเกตผมมากขึ้น เช่นกัน บางวันเราไปดูหนังด้วยกัน
ผมนั่งเบียดเขาในโรงที่คนน้อย
ตอนฉากเศร้า ผมเผลอถอนหายใจเบา ๆ
แล้วพี่แม็กก็หันมามอง ก่อนจะเอาถุงป๊อปคอร์นมายื่นให้โดยไม่พูดอะไร เขาไม่พูดเยอะ
แต่ทุกการกระทำมันเต็มไปด้วยความใส่ใจเล็ก ๆ ที่สม่ำเสมอ
จนวันหนึ่ง...มันเริ่มสะสม ค่ำวันหนึ่งหลังดูหนังเสร็จ ฝนตกพรำ
เราหลบฝนอยู่ใต้กันสาดของร้านกาแฟริมถนน
ผมสั่นเพราะอากาศเย็น พี่แม็กถอดเสื้อแจ็คเก็ตมายื่นให้
“ใส่สิ เดี๋ยวไม่สบาย” ผมรับมาใส่ทั้งที่เสื้อมันยังอุ่นจากตัวเขา
กลิ่นโคโลญจ์จาง ๆ ของพี่แม็กทำให้ใจผมเต้นแรงอีกครั้ง แล้วเขาก็เงียบไป...นานผิดปกติ “พี่แม็ก?” ผมถามเบาๆ เขาตอบโดยไม่มองผม
“บางที...พี่ก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าพี่คิดกับตั้มแบบไหนกันแน่” หัวใจผมเหมือนหยุดเต้นไปชั่ววินาที “เวลาอยู่ด้วยกัน พี่รู้สึก...สบายใจ
แต่บางครั้งมันก็...อบอุ่นเกินกว่าที่พี่เคยรู้สึกกับใครที่เป็นแค่น้อง” ผมไม่ได้พูดอะไร
เพียงแค่มองเขาเงียบ ๆ ฝนยังตกเบา ๆ
แต่ในหัวใจผม...มีบางอย่างกำลังงอกงาม
บางอย่างที่เรียกว่า ความหวัง ฝนตกหนักจนเราออกจากร้านกาแฟไม่ได้
พี่แม็กพาผมกลับคอนโดเขาแทน — เป็นครั้งแรกที่ผมได้ขึ้นไปบนห้องจริงๆ ของเขา ห้องเรียบง่าย สะอาด มีแสงสีส้มอ่อน ๆจากโคมไฟหัวเตียง
กลิ่นหอมแบบผู้ชายลอยคลุ้งในอากาศ — ผสมระหว่างน้ำยาปรับผ้านุ่มเสื้อผ้า และกลิ่นโคโลญจ์จาง ๆ ที่ผมคุ้นเคย “อาบน้ำก่อนมั้ยเดี๋ยวเสื้อผ้าเปียกจะไม่สบาย”
พี่แม็กพูดพร้อมยื่นผ้าขนหนูกับเสื้อยืดตัวโคร่งของเขาให้ หลังจากอาบน้ำเสร็จผมใส่เสื้อเขาที่หลวมโคร่งเกินตัว
ชายเสื้อคลุมต้นขา ผมนั่งขอบเตียง กอดแขนตัวเองเงียบ ๆ พี่แม็กเดินมานั่งข้าง ๆ
ผมไม่กล้าหันไปมองหน้าเขาตรง ๆ
แต่เขากลับเป็นฝ่ายพูดก่อน “พี่...รู้สึกว่าช่วงนี้ตั้มอยู่ในหัวใจพี่มากกว่าที่ควรจะเป็น”
เสียงของเขานุ่มและต่ำ ราวกับพยายามกลั่นกรองคำพูด “มันไม่ใช่แค่ความห่วงใยแบบพี่น้องแล้วล่ะ...
เวลาที่ตั้มยิ้ม พี่ก็รู้สึกดีเกินเหตุ
เวลาที่ตั้มเงียบ พี่ก็อยากรู้ว่าตั้มคิดอะไร” ผมนิ่งงัน น้ำเสียงเขาชัดเจนจนหัวใจผมสั่น ในความเงียบนั้น พี่แม็กค่อย ๆเอื้อมมือมากุมมือผม
นิ้วเขาอุ่น และมีแรงสั่นบางอย่างในสัมผัสนั้น — ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพราะเขากำลังยอมรับบางอย่างในใจตัวเอง เรานั่งอยู่แบบนั้นมือกุมกันโดยไม่มีคำพูดใด ๆ จนกระทั่งเขาเอ่ยเบา ๆ
“คืนนี้...นอนนี่ก็ได้นะ”
ประโยคนั้นไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งในเชิงร่างกาย
แต่กลับลึกซึ้งมากในใจผม คืนนั้น เรานอนบนเตียงเดียวกัน
ผมอยู่ในเสื้อของเขา และเขาอยู่ข้างผมเงียบ ๆ ไฟหัวเตียงส่องแสงสีอุ่นอ่อน ๆ
อ้อมแขนของพี่แม็กค่อย ๆ โอบไหล่ผมไว้
ไม่รุกเร้า ไม่รีบร้อน แค่กอดไว้เฉย ๆ เหมือนกลัวผมจะหายไป ผมไม่ได้หลับในทันที
แต่ผมนอนนิ่ง ฟังเสียงลมหายใจของเขา
เสียงที่ทำให้ผมรู้ว่า
คืนนี้...ผมไม่ได้ฝันไป หลังจากคืนนั้นพี่แม็กยังคงเป็นพี่แม็กคนเดิม — สุขุม เงียบ แต่ก็มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป
เขาไม่หลบตาผมอีกแล้ว
ไม่เก็บความรู้สึกไว้เพียงลำพังเหมือนก่อน เช้าวันรุ่งขึ้น เขาตื่นก่อนผม
เสียงเครื่องชงกาแฟในครัว และกลิ่นขนมปังปิ้งลอยมาแตะจมูก ผมเดินงัวเงียออกจากห้องในเสื้อยืดตัวเดิม
พี่แม็กหันมามองแล้วยิ้มเล็ก ๆ
“ตื่นแล้วเหรอ? นึกว่าจะนอนต่อ” ผมหยิบแก้วน้ำแล้วถามกลับ
“แล้วพี่ล่ะ นอนไปบ้างไหม?” “ไม่ค่อยหลับหรอก” เขาวางจานลงแล้วพูดต่อเสียงเบา
“เมื่อคืน… มันเหมือนพี่อยู่ใกล้อะไรบางอย่างที่พี่ไม่กล้าคิดว่าจะเกิดขึ้นจริง” ผมยิ้มตอบ ไม่ได้ถามให้ลึกกว่านั้น
แต่เราทั้งคู่รู้ ว่าความสัมพันธ์นี้มันกำลังก่อตัวขึ้น…อย่างเงียบๆ และมั่นคง หลังจากวันนั้นพี่แม็กเริ่มชวนผมทำอะไรเล็ก ๆ ด้วยกันมากขึ้น
ซื้อกับข้าวเข้าห้อง ทำอาหารง่าย ๆ กินด้วยกัน
ซักผ้าด้วยกัน ฟังเพลงบ้าง ดูสารคดีบ้าง
บางคืน เขาก็ยังให้ผมนอนค้าง โดยไม่มีคำว่า “จำเป็น” หรือ “บังเอิญ”อีกต่อไป และในทุกความธรรมดานั้น
เราสัมผัสกันอย่างเงียบงัน
แค่การวางมือบนไหล่ การเดินข้างกันแบบไหล่ชนไหล่
หรือคืนหนึ่งที่พี่แม็กเผลอหลับไปโดยที่มือเขายังจับมือผมไว้แน่น ทุกอย่างไม่ได้เร่าร้อน
แต่มันอบอุ่นจนหัวใจผมละลาย จนกระทั่งวันหนึ่งเราไปซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยกัน
ระหว่างกำลังเลือกผลไม้ มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทักพี่แม็ก
เธอแต่งตัวดี ดูเหมือนรู้จักเขาเป็นพิเศษ
“แม็ก! ไม่เจอกันตั้งนานเลย ยังจำเราได้ไหม?” พี่แม็กยิ้มสุภาพแต่ไม่ได้พูดอะไรเกินเลย
เขาแนะนำผมเพียงว่า
“นี่น้องตั้ม เพื่อนคนสนิท” ผมยิ้มให้เธอแต่ในใจมีบางอย่างสะเทือนเล็ก ๆ
เรายังไม่ใช่ “อะไรที่มากกว่านั้น”
แต่ในคืนนั้น ขณะผมนั่งเงียบอยู่ริมเตียง พี่แม็กเดินเข้ามา
นั่งข้างผม แล้วพูดเบา ๆ “ตั้ม…”
“ครับ?” “พี่อาจยังไม่กล้าบอกคนอื่นว่าเราคืออะไร
แต่พี่รู้แล้วว่า ตั้ม…คือคนที่พี่ไม่อยากให้หายไปไหนอีกเลย”
|