บทที่ 1: ความรู้สึกที่ไม่ควรมี “บางครั้ง...การได้อยู่ใกล้ใครสักคนมันอบอุ่นจนเจ็บ” เสียงโทรทัศน์เปิดอยู่เบาๆ ในห้องนั่งเล่น พ่อวุฒินั่งพิงพนักโซฟา มือข้างหนึ่งวางบนต้นขาผมอย่างเคยตัวผมเองก็นอนหนุนตักพ่อ เงยหน้าดูจอไปพลาง แอบลอบมองเสี้ยวหน้าคมของพ่อไปพลางและใกล้สายตาผมที่สุดคือเป้ากางเกงของพ่อที่อัดแน่นอยู่กับกางเกงบอลขาสั้นทำให้เห็นท่อนลำที่ใหญ่โตของพ่อผม มันเป็นค่ำคืนที่เงียบสงบเหมือนทุกวันแต่ในหัวใจผมกลับเต็มไปด้วยเสียงดังวุ่นวาย ผมชื่อ “นัท”ปีนี้อายุ 17ปีแล้ว แต่ยังติดพ่อไม่หาย บางคนอาจบอกว่ามันน่ารักบางคนอาจมองว่ามันแปลก แต่ความรู้สึกในใจผมนั้น...มันซับซ้อนเกินกว่าคำว่า“รักของลูก” พ่อวุฒิอายุ 38 ปี สูงใหญ่ หุ่นแน่น มีกลิ่นตัวอ่อน ๆ ของผู้ชายที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆยามพ่ออยู่บ้านในชุดเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงขาสั้นธรรมดา กลับดูดีอย่างน่าประหลาดพ่อไม่ได้แต่งตัวหล่อเหมือนในละคร พ่อแค่เป็นพ่อแต่สำหรับผม...เขาเหมือนพระเอกในชีวิตจริง ผมรู้ว่ามันไม่ควร
ผมรู้ดีว่าพ่อคือ “พ่อ”
แต่หัวใจมันไม่ยอมเชื่อแบบนั้น “ง่วงยัง?”พ่อเอ่ยถามโดยไม่ละสายตาจากข่าวในทีวี “ไม่ง่วงครับ”ผมตอบ ทั้งที่ตาจะแทบปิด “พรุ่งนี้อยากไปไหนไหม?พ่อว่างทั้งวัน” “ไปว่ายน้ำได้ไหมครับ?” พ่อหัวเราะเบา ๆ“นัทนี่ก็ชอบลากพ่อไปสู้แดดตลอดเลยนะ” “แต่อยากไปกับพ่อนี่ครับ”ผมตอบแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเขา สายตาพ่ออ่อนลงอย่างประหลาดก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผมออกเบา ๆ “เอาสิ พรุ่งนี้เราไปกัน” หัวใจผมเต้นแรงโดยไร้เหตุผลทั้งที่คำตอบนั้นแสนธรรมดา แต่การที่พ่อยังคงยอมให้ผมอยู่ใกล้แบบนี้มันยิ่งตอกย้ำความรู้สึกที่ไม่ควรมี ผมคิดถึงตอนพ่อใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเล็กที่ไม่สามารถปกปิดขนาดท่อนลำของพ่อได้หมด มีขนอ่อนๆแพลมออกมาพร้อมกับช่วงบนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่แข็งแรง คืนนี้ผมนอนไม่หลับ
นอนไม่หลับเพราะหัวใจมันกรีดร้องเบา ๆ
ว่า “รักนี้มันผิด” ผมพลิกตัวในห้องนอนมืดๆ คนเดียว ก่อนจะหยิบมือถือมาเปิดแอปบันทึกเสียง ผมอัดเสียงไว้เบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขมขื่น “ผมรักพ่อครับ...แต่ผมไม่ควรรักพ่อแบบนี้เลย...” “แค่ได้รัก...แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?” วันรุ่งขึ้น- สระว่ายน้ำ พ่อสวมกางเกงว่ายน้ำที่โชว์ท่อนลำที่ผมจินตนาการไว้ กล้ามแขนและลำตัวที่ชัดจนแทบไม่อยากมองแต่ตาผมกลับมองซ้ำ ๆ ซ้ำ ๆ จนใจหาย อยากเข้าไปสัมผัสมากๆ ผมนั่งแช่น้ำอยู่ริมขอบสระพ่อว่ายน้ำไปกลับแบบจริงจัง เหงื่อและน้ำหยดลงตามกล้ามแขนจนผมเผลอกัดปากตัวเอง ผมรู้ว่ามัน “เกินขอบเขต” ไปมากแล้ว
แต่ผมห้ามความรู้สึกนี้ไม่ได้ พ่อทั้งหล่อ หุ่นดี เป้าเลิศขนาดนี้
ผมห้ามตัวเองไม่ให้รักพ่อ...ไม่ได้เลยจริง ๆ บทที่ 2: ความลับในใจ “ยิ่งใกล้...ยิ่งยากจะตัดใจ
ยิ่งห่าง...ยิ่งเจ็บจนทนไม่ไหว” ผมใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ข้างพ่อพูดให้ถูกก็คือ “อยู่ใกล้” พ่อจนแทบไม่ห่าง ไม่ว่าจะในครัว สนามหน้าบ้านห้องรับแขก หรือแม้แต่เวลาที่พ่อเข้ามานั่งอ่านเอกสารในห้องนอนของตัวเอง มันกลายเป็นกิจวัตรธรรมดาที่ไม่เคยมีใครเอะใจ
แต่สำหรับผม...มันคือช่วงเวลาที่หัวใจผมสั่นไหวที่สุด ในครัว เช้าวันนี้ผมตื่นเร็วกว่าปกติพอลงมาข้างล่าง กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยมาก่อนเลยพ่อใส่เสื้อกล้ามสีเทาอ่อนกับกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้น เปิดตู้เย็นหาของเช้า ๆทำให้ผมเห็นแผ่นหลังที่เคยอิงนอนเมื่อคืน —แผ่นหลังของผู้ชายที่ผมรักแต่ไม่ควรจะรัก “นัทตื่นเช้าดีแฮะ”พ่อหันมายิ้ม “อยากช่วยพ่อทำอาหารครับ”ผมพูดพลางเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ มือของเราสองคนจับมีดพร้อมกันขณะหั่นแฮม
มันเป็นจังหวะเล็ก ๆ แต่อบอวลไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง อยากให้เวลานี้หยุดนิ่ง
แต่ก็รู้...ว่ามันไม่ควรเกิดขึ้นเลยตั้งแต่แรก สนามหน้าบ้าน ช่วงสาย ๆพ่อออกมาตัดหญ้า ใส่เสื้อยืดสีเข้มพอดีตัวที่แนบกับกล้ามหน้าอก ทุกครั้งที่พ่อก้มผ้าขนหนูที่คล้องคอก็ร่วง ทำให้เสื้อเลิกขึ้นเผยหน้าท้องแกร่งผมยืนดูจากในเงาร่มไม้ พลางกลืนน้ำลายอย่างลำบากใจ พ่อรู้ว่าผมมอง
แต่พ่อก็ยังคงทำเหมือนไม่รู้ ไม่พูดอะไร และไม่ห้าม ผมเดินเข้าไปหยิบไม้กวาดมาทำทีช่วยพ่อ “นัทโตขึ้นเยอะนะช่วงนี้”พ่อเอ่ยขณะเช็ดเหงื่อ “เริ่มเป็นหนุ่มแล้วนะเรา” หัวใจผมเหมือนจะหยุดเต้นไปครู่หนึ่งกับคำพูดธรรมดาๆ นั้น
คำว่า “หนุ่มแล้ว” จากปากพ่อ ทำให้ผมอยากจะเป็นผู้ใหญ่พอสำหรับเขา
แต่ผมก็รู้... ไม่มีวันไหนที่ผมจะ “เหมาะ” กับพ่อได้เลย ตอนพ่อล้างรถ บ่ายคล้อยพ่อใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเดิมแล้วล้างรถหน้าบ้าน
น้ำไหลผ่านเนื้อตัวพ่อ ชะล้างคราบฝุ่นและความอดทนของผมไปพร้อมกัน
หยดน้ำบนอกพ่อ ทำให้ผมอยากเบือนหน้าไปแต่กลับมองอยู่อย่างห้ามตัวเองไม่ได้ “ยืนมองแบบนั้นเดี๋ยวก็โดนให้ล้างแทนหรอก” พ่อพูดยิ้ม ๆ ผมสะดุ้งนิดหน่อยรีบหัวเราะกลบเกลื่อน “นัทช่วยถือสายยางหน่อย” ผมยื่นสายยางให้พ่อแต่มือเราสัมผัสกันแผ่วเบา พ่อไม่ดึงมือกลับทันที
เรามองตากันแค่เสี้ยววินาที...แต่มันยาวนานในใจผมอย่างเจ็บปวด ในห้องนอนของพ่อ เย็นวันนั้นพ่อนั่งอ่านรายงานอยู่บนเตียง ผมก็นั่งอยู่ปลายเตียงเงียบ ๆ
ผมแค่...อยากอยู่ใกล้ “คืนนี้นอนห้องพ่อก็ได้นะ”พ่อพูดโดยไม่เงยหน้า ผมแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่
มันไม่ใช่ความหมายแบบนั้นแน่นอน
แต่สำหรับผม...แค่ได้ยินประโยคนี้ก็เหมือนถูกปลอบใจโดยไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว “พ่อ...”ผมพูดในใจ
“ถ้าผมรักพ่อมากกว่านี้อีกนิด...หัวใจผมคงแหลก” #รูปประกอบ เป็นเพียงจินตนาการครับ
|