ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 17|ตอบกลับ: 1

ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 29

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
150
พลังน้ำใจ
6197
Zenny
28249
ออนไลน์
1663 ชั่วโมง
โพสต์ 4 ชั่วโมงที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน




Chapter 29
แรงปะทะของคลื่นลม




กลางดึกของคืนหนึ่ง ลมหนาวพัดแรงขึ้นกว่าทุกคืนที่ผ่านมา ถนนสายรองทอดยาวไร้ผู้คน เงียบจนได้ยินเสียงของตัวเองชัดเจนเกินไป ความเย็นไม่ใช่แค่จากอากาศ แต่เหมือนซึมลึกขึ้นมาจากพื้นปูน ใต้ท้องฟ้าหนักอึ้งที่ไม่มีแม้แต่ดาวดวงเดียว


เจบีเดินกลับที่พักตามเส้นทางเดิมอย่างเคย ทุกย่างก้าวใต้แสงไฟถนนที่หรี่สลัวลงกว่าปกติเหมือนตั้งใจ กลับกลายเป็นเสียงเดียวที่ชัดเจนในความเงียบโดยรอบ


หลังจากทริปที่สเปนกับเสี่ยวไป๋ ทุกอย่างควรจะกลับเข้าสู่ความปกติ แต่นั่นแค่ "ควรจะ" เท่านั้น


เขารู้สึกถึงความผิดปกติมาตลอดสองสามวัน เสียงฝีเท้าห่าง ๆ ที่มักหยุดเมื่อเขาหยุด กลิ่นอับชื้นบางอย่างที่ติดตามไม่ห่าง ความรู้สึกเหมือนเงาใครบางคนซ้อนอยู่ด้านหลัง ทั้งที่ไม่มีใครอยู่จริง


เขาเดินมาได้สักพัก เสียงฝีเท้าลึกลับที่เคยตามหลังมาก็ดูเงียบลงจนน่าวางใจ แต่เมื่อเลี้ยวเข้าซอยเปลี่ยวข้างตึกสำนักงาน แสงไฟสลัวจากถนนใหญ่ก็ตัดหายไปในทันที เหลือเพียงเงาของตัวเองที่ทอดยาวไปตามทางเดินแคบ ๆ ด้านหน้าเงียบ ด้านหลังว่างเปล่า


วินาทีที่เขาเอี้ยวตัวหันไปมองด้านหลัง บางอย่างเย็นเฉียบก็กดแนบเข้าที่ต้นคอ!


หัวใจเขากระตุกวูบ แต่ยังไม่ทันได้ขยับ ร่างก็เอนทรุดลงโดยไม่ทันตั้งตัว ทุกอย่างดับวูบไปในพริบตา









กลิ่นสนิมรุนแรงตีเข้าจมูกเป็นสิ่งแรกที่เขารับรู้ทันทีที่สติเริ่มกลับคืน ดวงตาลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า เพราะแสงสว่างจากหลอดไฟเปลือยกลางห้องส่องกระแทกเข้ามาเกินจำเป็น ทำให้ทุกอย่างพร่าเบลออยู่ชั่วครู่


เสียงหยดน้ำดังแว่วอยู่ที่ไหนสักแห่ง ก้องสะท้อนอยู่ในพื้นที่ปิดอันเงียบเชียบ ทุกอย่างรอบตัวชื้นอับ และเย็นเฉียบจนน่าขนลุก


เจบีนอนอยู่บนพื้นซีเมนต์แข็งกระด้าง เย็นจนทะลุผ่านเสื้อผ้าบาง ๆ ไปถึงกระดูก เพดานสูงของโกดังมีโครงเหล็กขึ้นสนิมพาดผ่านตา สายไฟห้อยโยงระโยงระยาง มีเพียงแสงจากหลอดเปลือยหนึ่งดวงที่ส่องสว่างแบบไม่มั่นคงอยู่เหนือหัว


มือทั้งสองของเขาถูกมัดไขว้ไว้ด้านหลังด้วยสายรัดพลาสติก แข็งจนข้อมือเจ็บร้าว แผ่นหลังเปียกชื้นด้วยเหงื่อเย็น เสียงลมหายใจของตัวเองยังไม่ทันเรียบ เสียงฝีเท้าก็เริ่มดังใกล้เข้ามาจากด้านหลัง


เงาร่างสูงปรากฏออกมาทีละนิดจากความมืด ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้น ราบเรียบ แต่แฝงด้วยความเย็นเยียบจนน่าขนลุก


“ดีใจมั้ย...ที่เจอฉันอีกครั้ง”


เจบีชะงักงัน ลมหายใจขาดช่วงไปเสี้ยววินาที แต่ไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน เสียงนั้น...เขาจำได้แม่นยำกว่าสิ่งใด


“บ–บอส...”


น้ำเสียงของเขาแผ่วลงอย่างควบคุมไม่อยู่ ความเจ็บและความกลัวตีขึ้นมาพร้อมกัน


“ยังจำกันได้อยู่สินะ...” เขาพึมพำเสียงต่ำ ขณะย่อตัวลงจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับเจบี แววตาคมคายนั่นจ้องมองราวกับจะมองทะลุเข้าไปในความคิด เขาเอียงหน้าเล็กน้อย คล้ายกำลังเพ่งพินิจร่องรอยบางอย่างบนใบหน้าของคนตรงหน้า


“งั้นนายคงไม่ลืมใช่มั้ย...ว่ากำลังทำอะไรอยู่”


เจบีพยายามรักษาน้ำเสียงให้มั่นคง แม้หัวใจจะเต้นแรงจนเจ็บไปทั้งอก


“ผมกำลังหาทางเข้าถึงข้อมูลที่บอสต้องการอยู่ครับ ขอเวลาอีกสักหน่อย…”


เขาไม่รู้ว่าคำพูดนั้นฟังดูเหมือนข้อแก้ตัวหรือคำสัญญา แต่คิมบอมกลับหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ


“ขอเวลา? เวลาของนายไม่ได้มีมากนัก เจบี” เสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่เฉือนลึก “นายคงไม่อยากเห็นคนที่ ‘นายรัก’ ต้องตกอยู่ในอันตรายหรอก...ใช่มั้ย”


คำว่า ‘คนที่นายรัก’ ทำให้ร่างเจบีแข็งชะงัก ดวงตาเบิกเล็กน้อยก่อนจะรีบเอ่ยอย่างร้อนรน


“อย่าทำอะไรฮันแจนะครับ…ผมจะรีบหาข้อมูลให้”


คิมบอมเงยหน้าขึ้นช้า ๆ สีหน้าผ่อนคลาย แต่ในแววตากลับเย็นเยียบ


“หึ...มันก็ขึ้นอยู่ที่นายแล้วล่ะ ว่าจะให้คำตอบฉันได้ดีแค่ไหน” เขากล่าวเสียงเรียบ ขณะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง


เจบีหลบตา มือที่ถูกมัดด้านหลังขยับเล็กน้อยอย่างพยายามหาทางดิ้นให้หลุด ความเงียบตกค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนคิมบอมจะพูดต่อโดยไม่หันกลับมา


“ฉันจะให้เวลานายอีกไม่เกินเจ็ดวัน...ถ้ายังไม่มีอะไรคืบหน้า”


เสียงนั้นไม่ดัง แต่ก้องชัดในหูเจบีราวกับถูกตอกย้ำด้วยฆ้อนหนัก ๆ เขาไม่รู้ว่าความเยือกเย็นในน้ำเสียงนั่น หรือคำขู่อย่างแผ่วเบา อะไรกันแน่ที่ทำให้ลมหายใจขาดช่วงไปชั่วขณะ


คิมบอมเงียบไปครู่หนึ่ง คล้ายจะปล่อยให้น้ำหนักของประโยคก่อนหน้าซึมลึกเข้าไปจนถึงกระดูก ก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมามองข้างไหล่ แววตาที่ย้อนมานั้นเรียบนิ่งจนชวนขนลุก


รอยยิ้มบางเฉียบปรากฏขึ้นตรงมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ไม่มีใครกล้าเรียกว่าล้อเล่น และยิ่งไม่มีใครกล้าไว้ใจ


“บางที…ฮันแจอาจไม่ได้มีสภาพดีอย่างที่เห็น”


ประโยคนั้นราวกับมีดปลายแหลมกรีดช้า ๆ ลงบนจิตใจ เจบีกำมือแน่น ทั้งที่มือยังถูกมัดไว้ด้านหลัง ดวงตาเบิกขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ทันได้พูดอะไรอีก ฝีเท้าของอีกฝ่ายก็ก้าวห่างออกไปอย่างไม่รีบร้อน


เจบีหลับตาแน่น สูดลมหายใจลึกอย่างเงียบเชียบ แล้วเริ่มดิ้นพลิกข้อมือช้า ๆ ให้สายรัดพลาสติกบาดเนื้อเข้าไปลึกขึ้นอีก มันเจ็บจนแสบชา แต่นั่นก็ทำให้เขารู้ว่ายังมีแรงพอจะดิ้นต่อได้ เสียงกรอบแกรบของพลาสติกลั่นเบา ๆ ก่อนจะขาด


ข้อมือเปื้อนเลือด เขาไม่ได้มองมันด้วยซ้ำ แค่ประคองตัวลุกขึ้นจากพื้นซีเมนต์เย็นชืด ร่างกายสั่นเทา แต่สายตากลับนิ่งสนิท


แรงกดดันถาโถมรอบตัวเหมือนคลื่นทะเลกลางพายุ พัดโหมเข้าหาเขาโดยไม่มีที่ให้ยืนอย่างมั่นคงอีกต่อไป เจบีรู้ว่าเขาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ไม่มีเวลาเหลือให้ลังเล ไม่มีพื้นที่ให้ความผิดพลาดซ้ำ


‘ฮันแจ...’


ชื่อนั้นสะท้อนอยู่ในหัวอย่างดื้อดึง คนที่เหมือนพี่ชาย คนที่เหมือนครอบครัวเดียวที่เหลืออยู่ คนที่เขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ให้สูญหายไปจากชีวิตเหมือนคนอื่น ๆ









เจบีนั่งนิ่งอยู่บนเตียงในห้องพักของตัวเอง แสงจากโคมบนหัวเตียงส่องลงมาอ่อน ๆ พอให้เห็นผ้าพันแผลที่พันไว้รอบข้อมือของเขา แผ่นผ้าสีขาวสะอาดตัดกับผิวที่ยังมีรอยแดงจางจากบาดแผลสดใหม่ มันทั้งแสบและชาไปพร้อมกัน แต่กลับไม่มีความรู้สึกใดชัดเจนกว่าความว่างเปล่าที่เกาะกุมอยู่ในอก


เขาเผลอยกมือนั้นขึ้นมามองนิ่ง ๆ ปลายนิ้วแตะลงบนขอบผ้าเบา ๆ ขณะที่ความคิดในหัวไหลย้อนกลับไปทีละช่วงเวลา…


เสียงหัวเราะของแคสเปอร์ที่ชอบพูดจาไม่จริงจังแต่กลับเป็นคนแรกที่ยื่นมือช่วยเขาตอนเข้ามาที่นี่


รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเรนที่มักแกล้งเขาแต่ก็ไม่เคยปล่อยให้เขาเผชิญหน้าอะไรลำพัง


เสี่ยวไป๋ที่ถึงจะดูนิ่ง ๆ แต่เอาใจใส่เขาแทบทุกอย่าง


กายที่มักพูดน้อยแต่แสดงออกด้วยการกระทำเสมอ


และราฟาเอโร่…ที่ไม่เคยพูดว่าห่วง แต่กลับเป็นคนที่มองเขานานที่สุดในห้องประชุมเงียบ ๆ นั้น


เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่เขาเริ่มเผลอใช้คำว่า "พวกเรา" แทนคำว่า "พวกเขา"


ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาเริ่มหวัง…


ถ้าไม่จำเป็นต้องเลือก…บางที เขาอาจได้อยู่เคียงข้างพวกเขาต่อไปอีกสักหน่อย


เจบีก้มหน้าลงเล็กน้อย มืออีกข้างเผลอกำผ้าห่มไว้แน่นราวกับจะหาจุดยึดเหนี่ยวอะไรสักอย่างในห้วงอารมณ์ที่โคลงเคลง


“ผมคงไม่มีโอกาส...ได้รับมันอีกแล้วสินะ”









1:02 PM | อาคารสำนักงานใหญ่ซิลเวอร์เนสต์


เสียงเอกสารถูกเปิดทีละแผ่นช้า ๆ บางครั้งก็แทรกด้วยเสียงกดปากกาของใครบางคนบนโต๊ะ เจบีนั่งตรงมุมประจำของเขา ข้างกายคือราฟาเอโร่ที่กำลังไล่สายตาไปบนหน้าจอพรีเซนเทชันสีขาวเรียบ ด้านหน้าคือคณะกรรมการฝ่ายวิเคราะห์อีกสามคนที่แทบไม่กล้าหายใจผิดจังหวะ


เจบีนั่งนิ่ง มือยังถือปากกา สายตากวาดผ่านข้อมูลตรงหน้าแต่ไม่ทันจดจำ สมองกลับเต็มไปด้วยแผนการอีกชุดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเงินหรือกราฟรายไตรมาส


‘ทางเข้าหลักถูกล็อกด้วยระบบลายนิ้วมือสองชั้น ห้องเซิร์ฟเวอร์อยู่หลังประตูนิรภัยชั้นใต้ดิน B2 ใช้การ์ดระดับ A ขึ้นไป…’


เจบีพยายามทบทวนข้อมูลทั้งหมดที่เขาเคย “เผลอ” เห็นในระบบก่อนหน้านี้ เขารู้ว่าราฟาเอโร่คือคนเดียวที่มีสิทธิ์เข้าโดยไม่ต้องแจ้งเตือน แปลว่าถ้าจะเลี่ยงสายตาของอีกฝ่าย ต้องไม่ให้ระบบรู้ว่าเขาเข้าไปในนั้น


‘ทางเดียวคือใช้ระบบโคลนการ์ด…แต่มันจะต้องเร็วพอ และต้องมีเหตุผลที่จะเข้าไปใกล้ห้องนั้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ราฟาเอโร่ไม่อยู่’


เขาขบคิดหนัก จนไม่ได้ยินเสียงของหัวหน้าฝ่ายการเงินที่เพิ่งพูดจบไป เขาพยักหน้าตอบรับช้าเกินไปเพียงหนึ่งจังหวะ...แต่นั่นก็เพียงพอให้สายตาคมข้างตัวเหลือบมามองเขาแวบหนึ่ง


“เจบี” เสียงของราฟาเอโร่ไม่ดังนัก แต่ทุ้มแน่นพอจะตัดผ่านความคิดที่กำลังวิ่งวุ่นในหัวของเขา


เจบีสะดุ้งเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้น “ครับ?”


“นายเห็นตรงนี้ไหม”


นิ้วของราฟาเอโร่แตะลงบนหน้าจอแท็บเล็ตตรงตำแหน่งตัวเลขในคอลัมน์กำไรสะสมที่เบี่ยงเบนไปจากค่าปกติเล็กน้อย เสียงของเขาเรียบและคมพอจะทำให้เจบีละสายตาจากความคิดในหัวทันที


เจบีขยับตัว โน้มหน้าเข้าไปมองอย่างใจเย็น ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ครับ ผมจะตรวจอีกทีตอนแยกไฟล์หลังประชุมครับ”


ราฟาเอโร่พยักหน้าเบา ๆ เพียงครั้งเดียว แล้วหันกลับไปฟังรายงานของคนอื่นต่อเหมือนไม่ได้ติดใจอะไรนัก


การประชุมดำเนินต่ออีกสักพักจนกระทั่งจบลง บรรยากาศคลายความตึงเครียดลงทันทีที่เสียงปิดโน้ตบุ๊กและเก็บเอกสารเริ่มดังขึ้น ทุกคนลุกออกจากห้องไปทีละคน แต่เจบียังนั่งอยู่ เขาค่อย ๆ เก็บของลงกระเป๋าด้วยความระมัดระวังเกินจำเป็น


ราฟาเอโร่เดินอ้อมโต๊ะเข้ามาหาเขาอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเอื้อมมือคว้าแขนของเขาทั้งสองข้างขึ้นมาแล้วพลิกดูอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว


รอยแผลจาง ๆ จากพลาสเตอร์ที่หลุดเล็กน้อยตรงข้อมือถูกมองเห็นได้ชัด ราฟาเอโร่เลิกแขนเสื้อเจบีขึ้นโดยไม่ขออนุญาต มืออีกข้างค่อย ๆ ปลดผ้าปิดแผลที่เขาแปะไว้ลวก ๆ ออกมาเห็นรอยแดงเป็นแนวยาว


“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงเขาเรียบ แต่แฝงความจริงจังจนน่าหวั่นใจ


“เปล่าครับ” เจบีตอบโดยไม่หลบตา ดวงตานิ่งและแน่นพอจะให้คนฟังเชื่อ...หากไม่ได้รู้จักเขาดีเท่าราฟาเอโร่


“แล้วรอยพวกนี้ ได้มายังไง” อีกฝ่ายถามต่อ พร้อมสายตาที่ไม่คลายความสงสัยแม้แต่น้อย


เจบีชะงัก ก่อนรีบดึงแขนกลับด้วยท่าทีปกป้องเกินจำเป็น “เมื่อคืนผมลื่นล้มครับ...ทางเดินมันมืดนิดหน่อย”


เขาไม่รู้ว่ามันฟังดูน่าเชื่อแค่ไหน แต่ก็พยายามทำเสียงให้เรียบที่สุด ราฟาเอโร่ยังคงมองเขาเงียบ ๆ เหมือนกำลังชั่งน้ำหนักระหว่างเชื่อกับไม่เชื่อ


“ตามฉันมา” ราฟาเอโร่พูดขึ้นในที่สุด ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องประชุมโดยไม่รอฟังคำตอบ  เจบีลังเลเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะขยับเท้าตามไปเงียบ ๆ


เมื่อมาถึงห้องทำงานส่วนตัว ประตูกระจกทึบก็ปิดลงอย่างนุ่มนวลทิ้งความเงียบไว้ในห้องที่สว่างด้วยแสงธรรมชาติจากผนังกระจกสูงเต็มบาน


ราฟาเอโร่ไม่ได้พูดอะไรในทันที เขาเดินตรงไปที่ริมหน้าต่าง มองออกไปยังเส้นขอบฟ้า ลอนดอนในยามบ่ายคล้อยเต็มไปด้วยเงาของอาคารสูงและกลิ่นฝนจากฟากฟ้าไกล ๆ


เจบีวางแฟ้มในมือไว้ที่โต๊ะของตัวเอง ขยับยืนตรง หายใจลึกอย่างบังคับความรู้สึกให้นิ่งที่สุด


“บางครั้ง…” ราฟาเอโร่พูดขึ้นในที่สุด ขณะที่ยังหันหลังให้เขา “คนเราก็ต้องเลือก ว่าจะทำในสิ่งที่ถูก หรือทำในสิ่งที่...จำเป็น”


ประโยคนั้นลอยอยู่ในอากาศเหมือนคำทดสอบ ราฟาเอโร่หันกลับมาช้า ๆ สีหน้าของเขายังคงเหมือนเดิม


“ฉันจะไม่ถามว่านายกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ เพราะถ้านายกำลังคิดจะทำ...ฉันว่า นายคงเริ่มไปแล้ว”


เจบีไม่ตอบ เขาแค่นิ่ง มองอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา


“แต่ไม่ว่านายจะเลือกอะไร...นายก็ต้องรู้ว่า การเลือกครั้งนี้จะเปลี่ยนทุกอย่าง” ราฟาเอโร่พูดต่อ “และฉันหวังว่านายจะไม่เสียใจภายหลัง”


เจบีขยับริมฝีปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนใจ เขาเพียงพยักหน้าช้า ๆ ด้วยสายตาที่มั่นคง


ราฟาเอโร่ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเพียงยื่นบัตรเข้าระบบการ์ดระดับ A บางเฉียบให้กับเจบี แล้วเดินผ่านเขาไป


“ฉันจะออกไปพบพันธมิตรอีกฝั่ง...สองชั่วโมง” เขาทิ้งท้ายเรียบ ๆ ขณะเดินไปที่ประตู “หวังว่าเมื่อฉันกลับมา...ทุกอย่างจะยังเหมือนเดิม”


ประตูกระจกหนักปิดลงอย่างช้า ๆ ทิ้งให้ความเงียบเข้ามาแทนที่ เจบียืนนิ่งอยู่ตรงนั้น บัตรในมือเย็นวาบราวกับสะท้อนน้ำหนักของบางสิ่งที่มองไม่เห็น


กับดักที่ถูกวางไว้ด้วยมือของคนที่เจบีไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าอีกฝ่ายเชื่อใจเขา หรือแค่ต้องการพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าไม่ควรเชื่อ


เจบีก้มมองบัตรในมือ มันเบาเกินกว่าจะทำให้มือสั่น แต่กลับหนักแน่นพอจะดึงเขาลงไปในบางอย่างที่ไม่มีวันย้อนกลับ เขาไม่มีเวลามากนัก รู้ตัวดีว่านี่คือช่วงเวลาสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะเปลี่ยน


เขาเคยคิดว่าจะหาทางออกอื่น เคยคิดว่าอาจยื้อเวลาได้อีกนิด แต่ความจริงคือไม่มีหนทางไหนที่ไร้บาดแผล และเขาก็เริ่มเหนื่อยเกินกว่าจะหลบเลี่ยง


บางครั้ง คนเราก็ไม่ได้เลือกเพราะเชื่อว่ามันถูก แต่เลือกเพราะไม่มีเวลาให้ลังเลอีกแล้ว


...






| ห้องเซิร์ฟเวอร์หลัก ซิลเวอร์เนสต์


ไฟในห้องสลัวจนแทบมองไม่เห็นทิศ เจบีถอนหายใจเบา ๆ ขณะก้มหน้ามองหน้าจอแล็ปท็อปที่ต่อเข้ากับระบบสำรองภายในของซิลเวอร์เนสต์ ไม่ใช่เซิร์ฟเวอร์หลัก ไม่ใช่ฐานข้อมูลลับ แต่ก็เพียงพอจะเอามาสร้าง “ของปลอม” ได้


เขารู้ว่ามีกล้องวงจรปิดทุกมุม


เขารู้ว่าไม่ควรเข้ามาคนเดียวโดยไม่ได้รับอนุญาต


แต่เขาก็รู้...ว่าทั้งหมดนี้ “ราฟาเอโร่คงรู้แล้ว” และเลือกจะเงียบ


มือของเขาขยับเร็วบนแป้นพิมพ์ ดวงตาไล่ดูโค้ดแผนผังของระบบจำลองที่เขาเคยจำไว้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เป็นภาพชุดที่ดูจริง แต่ขาดจุดเชื่อมสำคัญบางอย่าง ไม่สามารถนำไปใช้เจาะระบบใดได้จริง


เหมือนภาพถ่ายของตึก...ที่ลืมวาดทางเข้า


"ขอโทษนะ ฮันแจ...ฉันคงต้องใช้ทักษะที่นายให้มาแบบนี้"


เจบีพึมพำเบา ๆ ขณะกดเข้าระบบเข้ารหัสซ้อน รหัสที่เขาเตรียมไว้เอง แต่ปลอดภัยพอที่จะ “ทำให้ดูเหมือนว่าข้อมูลนี้มีค่า”


ไม่นาน เขาก็แนบไฟล์เข้ารหัสปลอมใส่ในคลาวด์ที่ตั้งค่าไว้กับคิมบอมล่วงหน้า ไม่มีการส่งตรง ไม่มีร่องรอยชัดเจน แค่เป็น “สิ่งที่ควรถูกพบ” เมื่อคิมบอมเข้าเช็กไอดีเสริมอีกชุดเท่านั้น


เจบีหลับตาชั่วครู่ สูดหายใจลึก


ไม่ใช่เพราะกลัวถูกจับได้...แต่เพราะกลัวตัวเองจะเริ่มรู้สึกว่า “อยากอยู่ที่นี่ต่อ”


เขากำลังทรยศใครบางคน...ในขณะที่พยายามปกป้องอีกฝ่าย


มันไม่มีคำว่าถูกในสิ่งที่เขาทำ


มีแค่คำว่า “ยังอยู่รอด” ได้อีกวันเท่านั้น


...






ในขณะเดียวกัน ณ อีกฝั่งหนึ่งของอาคาร ห้องควบคุมหลักชั้นบนสุด


บรรยากาศภายในห้องควบคุมเงียบงันราวกับหลุดออกจากกาลเวลา กล้องวงจรปิดจากทุกมุมของอาคารฉายภาพลงบนจอขนาดใหญ่กลางห้องอย่างไม่มีสิ่งใดผิดเพี้ยน ร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในห้องเซิร์ฟเวอร์ปรากฏชัดเจนจากมุมสูง แสดงผ่านภาพอินฟราเรดและฟีดสดแบบเรียลไทม์


ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ในเงาสลัว แสงจากจอส่องแค่บางส่วนของใบหน้าคมคาย


มือหนายกถ้วยกาแฟขึ้นจิบเงียบ ๆ ขณะสายตามองไปยังร่างของเจบีที่กำลังลงมือทำบางอย่างอย่างระมัดระวังภายในห้องเซิร์ฟเวอร์


เขาไม่ได้พูดอะไร ไม่มีคำสั่งใดส่งออกไป ไม่มีเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยถูกเรียก ไม่มีการแจ้งเตือนถูกปล่อย เพราะสายตานั้นไม่ต้องการจะหยุดเด็กคนนั้น…


ยังไม่ใช่ตอนนี้


ราฟาเอโร่นั่งพิงพนักเก้าอี้ ดวงตานิ่งสนิทเหมือนคนกำลังรอดูเกมที่รู้ตอนจบอยู่แล้ว


...แต่ยังอยากรู้ว่า ตัวหมากตัวหนึ่งจะเดินอย่างไรจนถึงปลายกระดาน









ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แมวขโมยตัวนั้นถึงย่องกลับมาอีกครั้ง ทั้งที่วันนั้น...เขาตั้งใจจะปล่อยมันไปแล้วแท้ ๆ แค่เดินจากไปเท่านั้น ทุกอย่างก็จะจบ แต่เด็กคนนั้นกลับเลือกจะวกกลับมา ยื่นมือมาหยิบของที่ไม่ควรแตะอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเกมที่เขาคิดว่ากำลังเล่นอยู่นั้น มีคนวางกระดานรอไว้ตั้งแต่ต้น


ในโลกของราฟาเอโร่ ความอยากได้ไม่ใช่เรื่องผิด ความทะเยอทะยานยิ่งไม่น่าแปลกใจ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนพยายามจะหยิบบางสิ่งจากบนโต๊ะของเขา...ก็ต้องเตรียมของมาแลกเสมอ มันคือกฎง่าย ๆ ที่ไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีพื้นที่ให้กับความไว้ใจ และคำว่า “ปรานี” ก็ไม่เคยอยู่ในรายการแลกเปลี่ยนที่ใช้ได้จริง


ราฟาเอโร่นั่งอยู่ลำพังในห้องทำงานเงียบสนิท จอภาพที่ดับมืดสะท้อนเงาใบหน้าของเขากลับมา ดวงตาคู่นั้นทอดมองตรงไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้าอย่างสงบนิ่ง แต่นัยน์ตาไม่ได้ว่างเปล่า มันเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่มีใครอ่านออก ทั้งสมมุติฐาน ทั้งความเงียบที่เต็มไปด้วยคำถาม และคำตอบที่เขาไม่อยากได้ยิน


เขาเฝ้าดูเด็กคนนั้นมานานพอ...นานพอจะรู้ว่าการก้าวเข้ามาของเจบีไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นานพอจะเก็บข้อมูลเงียบ ๆ โดยไม่ต้องส่งใครตาม เพราะสิ่งที่เขาต้องการดู ไม่ใช่คำตอบจากปาก แต่คือทางที่คน ๆ หนึ่งเลือกเดิน...ในวันที่ไม่มีใครบอกให้ทำอะไร


และเขายอมรับอย่างไม่อยากยอมรับนัก…ว่าในใจลึก ๆ เขาเคยหวัง เด็กคนนั้นจะไม่เหมือนใครสักคนที่เคยผ่านมา ไม่เหมือนกับทุกคนที่ทำเพียงเข้ามาแล้วจากไป หรือทำลายสิ่งที่เขาสร้างขึ้นเพื่อหาผลประโยชน์


เขาหวังว่าจะมีอะไรบางอย่างที่มากกว่าเปลือกบาง ๆ หวังว่าจะมีใครสักคนให้เขาเชื่อใจได้อย่างเงียบ ๆ โดยไม่ต้องออกคำสั่ง แต่สุดท้ายก็คงมีแค่เขาคนเดียวที่คิดไปเอง


แต่บางครั้ง ความเงียบก็ตอบคำถามได้เจ็บกว่าเสียงพูดใด ๆ


ลมหายใจหลุดออกมาแผ่วเบา ราฟาเอโร่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ปลายนิ้วแตะโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเลื่อนนิ้วไปตามหน้าจออย่างไม่รีบร้อน เขาไม่ได้ลังเล...แค่เงียบ


เสียงปลายสายรับสัญญาณทีละคน ทีละชื่อ ทีละอำนาจที่เขาเลือกไว้ข้างตัว “มาประชุมกันที่ห้อง 04...ตอนนี้เลย”


เสียงของเขาเรียบสนิท ไม่มีอารมณ์ ไม่มีน้ำหนัก แต่สำหรับกลุ่มขนนกสีเงิน นั่นคือประโยคที่ไม่มีใครปฏิเสธได้


หากเด็กคนนั้นเลือกจะก้าวข้ามเส้น…


เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะใจอ่อนอีกต่อไป


แมวขโมยจะไม่มีวันรู้เลยว่าเจ้าของบ้านที่ดูนิ่งเฉยมาตลอด กำลังล็อกประตูทุกบานจากด้านในช้า ๆ ด้วยมือตัวเอง








นายกสโมสร

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
259308
Zenny
103920
ออนไลน์
19837 ชั่วโมง
โพสต์ 4 ชั่วโมงที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2025-7-1 14:27 , Processed in 0.085977 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2025 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้