มีคนเม้นขอหนุ่มในเครื่องแบบมาเยอะมากกกกกกก ผมจัดให้เลยละกันครับ" J3 I2 Y$ e+ }) W
ฝากเพื่อนๆ เอ็นดูผู้พันวุธด้วยนะครับ จริงๆ ผมยังเขียนไม่เสร็จหรอก อยากให้ผู้พันวุธโดนอะไรบ้างเม้นหรือส่งข้อความมาได้เลยครับ
+ ]" l4 Z6 v e {5 A G& R2 F% q9 FPs.1 ผมกำลังจะเริ่มงานกับบริษัทใหม่แล้วครับ อาจจะมีเวลาแต่งนิยายน้อยลง แต่จะมาเขียนให้จบแน่ๆครับ ขอโทษล่วงหน้าไว้ก่อนเลยครับ3 Z7 S! n5 W6 }, B
Ps.2 ถ้ามีข้อสเนอแนะเกี่ยวกับการเขียนหรือภาษาที่ใช้ หรือเรื่องอื่นๆ สามารถติชมได้เลยนะครับ ผมอยากพัฒนางานของตัวเองจริงๆ อยากมีรายได้เสริมบ้าง 55555/ o$ C- g' @$ @+ O8 F+ V6 g, u- I
--------------------------% p& U! g; B4 f+ M, G* W
กลางดึกสงัดภายในป่ารกทึบชายแดนตะวันออกกับประเทศเพื่อนบ้านที่เต็มไปด้วยการข้ามแดนผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติ จนทางการมีคำสั่งให้ตั้งกองกำลังพิเศษเพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ กองร้อยนี้มีกำลังพลเพียง 40 คน แต่ก็ล้วนประกอบไปด้วยทหารบกมือดี หน่วยนี้ถูกตั้งชื่อลับๆ ว่า กองร้อยอินทรีย์ดำ ที่นำกำลังทหารทั้งกองร้อยโดย ‘ผู้พันวุธ’ หรือ ‘พันโท เดชาวุธ วงศ์นราเกียรติ’ อายุ 45 ปี ที่เคยผ่านสมรภูมิการรบมามากมาย และถือเป็นทหารหน่วยจู่โจมมืออันดับต้นๆ ของกองทัพบก และตอนนี้ก็ทำหน้าที่เป็นดั่ง ‘พญาอินทรีย์ดำ’ ที่คอยบัญชาการหน่วยทหารลับนี้อยู่1 o' y+ O8 _' c$ ]( w4 x3 H
) a) G4 s. ~, K5 w9 B4 n# y* Aกองไฟที่ก่อขึ้นอย่างลวกๆ ช่วยส่องสว่างแหละให้ความอบอุ่นแก่เหล่าทหารกองร้อยอินทรีย์ดำ ที่ประจำการอยู่ในป่ารกทึบแห่งนี้มาไม่ต่ำกว่า 4 วันแล้ว เหล่าทหารกล้ารวมถึงผู้พันวุธก็นั่งล้อมรอบกองไฟนี้อยู่ด้วยร่วมกับทหารทุกคน “ผู้พัน แล้วอย่างงี้เราจะทำไงกันดีเล่า” เสียงเหน่อของนายทหารชั้นผู้น้อยถามแทรกความเงียบของป่าลึก “พวกมึงต้องอดทน อย่าหวาดกลัวไอ้พวกนอกแผ่นดิน” เสียงเข้มของผู้พันวุธตอบลูกน้อง แม้ว่าสถาณการณ์จะหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ แต่ผู้พันวุธก็ไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้ลูกน้องเห็นแม้แต่เสี้ยววินาที “พวกมันลอบทำร้ายคนของเรา มันคิดว่าจะทำให้พวกเราถอยกลับไปได้” “เราบาดเจ็บกันมากนะผู้พัน” เสียงท้อแท้ของพลทหารอีกคนพูดขึ้น “กูอยู่ตรงนี้มานาน ไอพวกนั้นมันไม่ทำมึงถึงตายหรอก” ผู้พันวุธที่คอยพิทักษ์แผ่นดินบ้านเกิดมาตั้งแต่เรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยพูดด้วยเสียงหนักแน่น “นี่เป็นแผ่นดินของพวกเรา และหน้าที่ของทหารอย่างเราคือรักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้ลูกให้หลาน ถ้าพวกมึงกลัวตายก็กลับบ้านไป” เมื่อเสียงดุของพญาอินทรีดำอย่างผู้พันวุธพูดจบ ทหารทั้งกองร้อยก็ก้มหน้าเงียบ ไม่มีใครกล้าสบตานายทหารยศใหญ่สักคน “พวกมึงเข้านอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้เราต้องออกเดินกันตั้งแต่เช้ามืด ตราบใดที่กูยังอยู่ตรงนี้ พวกมึงไม่ต้องกลัวหรอก กูจะไม่ให้ใครในกองร้อยอินทรีย์ดำต้องตายอย่างไร้เกียรติกลางป่านี้หรอก” เมื่อได้รับคำสัญญาอย่างหนักแน่นจากผู้บังคับบัญชาอย่างผู้พันวุธ พลทหารแต่ละคนก็ใจชื้นและแยกย้ายกันเข้าเต๊นท์สนามของใครของมัน จนเหลือเพียงผู้พันวุธที่ยังคงนั่งผิงกองไฟอยู่คนเดียว การแย่งชิงดินแดนในครั้งนี้ดูเหมือนจะหนักหนากว่าทุกๆ ศึกที่ผู้พันวุธเคยผ่านมา ทั้งเกมการเมืองที่ทำให้กองทัพทำงานได้ยากลำบากมากขึ้น และงบประมาณทางการทหารที่ถูกตัดออกไป แม้ว่าจะมีตำแหน่งอื่นที่เสนอมาให้ผู้พันวุธได้ไปนั่งบัญชาการอยู่ในห้องแอร์สบายๆ แต่ด้วยความแน่วแน่ของผู้พันวุธที่จะไม่ยอมส่งลูกน้องไปตายแทนตัวเอง นายทหารยศใหญ่จริงปฏิเสธตำแหน่งนั้นและเข้ามาร่วมรบกับลูกน้องอีก 40 คน ความเครียดจากงานและชีวิตลูกน้องที่ตนเองต้องรับผิดชอบทำให้ผู้พันวุธรู้สึกอยากผ่อนคลายก่อนนอนสักหน่อย นายทหารค่อยๆ เดินออกมาจากแหล่งกบดานของกองร้อยอินทรีดำ สองเท้าในรองเท้าคอมแบทมุ่งหน้าไปยังหนองน้ำใกล้ๆ เมื่อมั่นใจว่าไม่มีลูกน้องคนไหนเดินตามมา ร่างสูงก็ปิดไฟฉาย พร้อมกับค่อยๆถอดเครื่องแบบทหารลายพรางออก และวางไว้บนโชดหินใกล้ๆ กลางป่าชายแดนยามวิกาลเช่นนี้ ไม่มีเสียงอื่นใดเลย นอกจากเสียงจิ้งหรีดที่ร้องระงมในป่า เช่นเดียวกับแสงที่มืดสนิด แต่ผู้พันวุธก็อาศัยแสงจากหิ่งห้อยที่อยู่รอบๆ หนองน้ำนี้แทนไฟฉายที่ถูกวางไว้ที่เดียวกับเครื่องแบบลายพรางริมตลิ่ง ร่างสูง 185 เซนติเมตรเปลือยเปล่า ลำตัวเต็มไปด้วยมัดกล้ามหนาตามแบบฉบับทหารกล้าที่ออกศึกมาหลายสงคราม ผู้พันวุธแม้จะอายุ 45 แล้ว แต่ก็ยังออกกำลังกายพร้อมที่จะประจำการในหน่วยจู่โจมอยู่สม่ำเสมอ ใบหน้าหล่อคมเข้มแบบชายไทยรับได้ดีกับทรงผมเกรียน ขาวสามด้านอันเป็นเอกลักษณ์ของเหล่าชายในเครื่องแบบ ยิ่งขับให้หน้าคม หล่อขึ้นไปอีก กล้ามขาที่แม้จะอ่อนล้าจากการเดินทางมาทั้งวัน แต่ในเวลานี้ต้นขาใหญ่ก็เกร็งเป็นมัดตามจังหวะการเดินของเจ้าตัว ผู้พันวุธค่อยๆ เดินลงไปในหนองน้ำโดยอาศักแสงสว่างจากหิ่งห้อยริมตลิ่งเท่านั้น หนองน้ำสีดำนิ่งสนิดเหมือนท้องฟ้าในค่ำคืนนี้ ก็ค่อยๆแหวกออกจากการก้าวเดินลงไปของร่างสูง ที่กลางบึงน้ำมีความลึกเพียงเหนือเอวของผู้พันวุธเท่านั้น หนุ่มใหญ่หยุดที่ส่วนที่ลึกที่สุด ก่อนจะค่อยๆ ใช้มือหนาหยาบกร้านทั้งสองข้างกวักน้ำในบึงแคบมาทำความสะอาดร่างกายที่ไม่ได้อาบน้ำมากว่า 4 วัน จนกล้ามเนื้อบนร่างกายล่ำมีหยดน้ำเกาะไปทั่ว ความเงียบทำให้ผู้พันวุธสู้สึกคิดถึงครอบครัวตัวเองขึ้นมา ป่านนี้ลูกๆ ของเขาคงจะนอนหลับอยู่บนเตียงแล้ว ทั้งลูกชายคนโตที่เป็นนักเรียนนายร้อย และลูกชายคนเล็กที่พึ่งจะเข้ามหาลัยปี 1 ป่านนี้ลูกๆ ของผู้พันวุธจะเป็นยังไงบ้าง “รอพ่อนะลูก พ่อจะรีบทำหน้าที่ให้เสร็จอล้วกลับไปหาพวกเอ็ง” ผู้พันวุธพูดกับตัวเอง และอีกหนึ่งคนที่จะลืมนึกถึงไม่ได้ก็คงจะเป็นเมียสุดที่รักของหนุ่มใหญ่ ผู้พันวุธมีเมียที่เด็กกว่าตัวเอง 2 ปี แม้จะลูก 2 แล้ว แต่หญิงสาวก็ดูแลตัวเองได้ดี และดูดีกว่าเพื่อนๆ วัยเดียวกัน ทั้งหน้าตาและรูปร่าง มือของผู้พันวุธเริ่มลูบไล้ไปตามร่างกายล่ำ มือขวาจมอยู่ใต้น้ำประคองลำควยใหญ่เส้นเลือดปูดของผู้พันวุธเอาไว้ ส่วนมือซ้ายก็ลูบไล้กล้ามออกของตัวเอง พร้อมกับขยี้หัวนมป้านสีน้ำตาลคล้ำที่แข็งเป็นไต “อูววว เมียจ๋า” ผู้พันวุธครางคนเดียวในความมืดและความเงียบของป่า แข่งกับเสียงร้องของจิ้งหรีด ”เดี๋ยวพี่จะกลับไปเย็ดหีเมียให้ฉีกเลย“ ด้วยความที่ผู้พันวุธแบกความรับผิดชอบทั้งหมดไว้กับตัวเอง ทำให้ผู้พันวุธมักจะต้องแอบลูกน้องมาชักว่าวระบายความเครียดของตัวเองเป็นประจำ เช่นเดียวกันกับคืนนี้ มือขวากอบกุมท่อนควยหนา 8 นิ้วเอาไว้ ก่อนจะเริ่มชักจนน้ำในหนองกระชอกตามข้อมือของผู้พันวุธที่สบัดเข้าออก เอวหนาก็โยคช่วยส่งท่อนควยเข้าไปในแม่นางทั้ง 5 ส่วนมือซ้ายก็ลูบไล้ไปตามร่างกายที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อของนายทหารยศใหญ่อยากมันมือ ผู้พันวุธหลับตานึกถึงเมียของตัวเอง หนุ่มใหญ่คิดถึงก้นอวบที่ตัวเองนอนกอดประจำ และร่องแคมหีฟิตที่รองรับควย 8 นิ้วได้อย่างดี “อาาาาส์ ซี้ดดดดด” ผู้พันวุธครางแข่งกับจิ้งหรีดที่ร้องระงมในป่า การเอ้าดอร์ยิ่งช่วยเพิ่มความเงี่ยนของผู้พันหน้าหล่อเข้าไปอีก “กร้อบ” แต่แล้วอยู่ดีๆ เสียงกิ่งไม้หักก็ดังขึ้น ขัดจังหวะกามของหนุ่มใหญ่กลางบึง “ใครวะ” ผู้พันวุธถามออกไปอย่างหัวเสีย “กูถามว่าใคร” แต่ก็มีเพียงความเงียบตอบกลับมา “จ๋อม” เสียงเหมือนก้อนหินตกน้ำดังมาจากอีกฝั่งหนึ่งของบึง ทำให้ผู้พันวุธหันไปมองตามที่มาของเสียง แต่ก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไร นอกจากน้ำที่กระเพื่อมเป็นวงอยู่ที่มุมหนึ่งของบึง เห็นท่าไม่ดี ผู้พันวุธจริงเดินพาร่างเปลือยเปล่าขึ้นมาจากน้ำ มายังโขดหินที่ตัวเองวางเครื่องแบบลายพรางไว้ แต่ที่น่าประหลาดใจคือเครื่องแบบทุกชิ้นหายไป เหลือเพียงกางเกงในทหารสีเขียวเข้มที่วางทิ้งไว้ ปืนเหน็บเอวก็หายติดไปกับกางเกงลายพรางเช่นกัน “พวกมึงออกมาดิวะ” ผู้พันวุธตะโกนออกไปในความเงียบ พลางมองไปยังความมืดรอบๆ ตัว พลางคิดถึงแผนรับมือกับข้าศึกที่จะเข้ามาประชิดตัวเมื่อไหร่ก็ได้ แม้ว่าผู้พันหุ่นล่ำจะไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าติดตัวเลย ลมเย็นพัดมาจนทำให้ร่างกายล่ำเปลือยเปล่าของผู้พันวุธสั่นจากหยดน้ำที่ยังเกาะอยู่บนลำตัว ควยใหญ่ตอนนี้เริ่มจะสงบลงแล้ว แม้จะยังไม่ได้เสร็จสมก็ตาม ผู้พันวุธรู้สึกถึงสายตาที่มองมาที่ตัวเองจากป่าทึบด้านหน้า “ผลั่กก” ไม้ท่อนใหญ่ฟาดเข้าที่ท้ายทองของพญาอินทรีดำ จนผู้พันวุธลงไปนอนกับพื้นป่า ในหัวหนุ่มใหญ่มีเพียงเสียงวิ้งๆ แต่โดยรวมก็ยังพอมีสติ ผู้พันวุธค่อยๆยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ร่างล่ำเปลือยของนายทหารยศใหญ่คลานไปตามพื้นก่อนที่จะมีขาคู่หนึ่งเดินเข้ามาอยู่ในระยะสายตาของผู้พัน “สวัสดีผู้พันวุธ” ชายชุดดำยืนค้ำอยู่เหนือหัวผู้พันวุธที่ค่อยๆ เงยใบหน้าคมขึ้นมามอง ก่อนที่จะถูกตีที่ท้ายทอยอีกครั้ง แล้วแสงจากหิ่งห้อยและเสียงของจิ้งหรีดก็ค่อยๆ ดับไปจากโสตประสาทของพันโท เดชาวุธ วงศ์นราเกียรติ หรือ ผู้พันวุธ เจ้าของฉายาพญาอินทรีดำที่คอยพิทักษ์ชายแดนมากว่า 20 ปี 1 K& ~5 o1 D& T' A
7 F: J; r+ V, S5 B- D0 |
|