ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 19|ตอบกลับ: 2

ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 24

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
146
พลังน้ำใจ
6117
Zenny
28169
ออนไลน์
1629 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 18:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน




Chapter 24
แค่มีใครสักคนใจดีกับผมบ้าง มันคงจะดีกว่านี้…


| ซิลเวอร์ทาวเวอร์ (Silver Tower)


ภายในห้องทำงานส่วนตัวที่อยู่ชั้นบนสุดของตึกสำนักงานหลัก ไฟโคมตั้งโต๊ะสาดแสงสีอุ่นลงบนแฟ้มเอกสารที่เปิดค้างอยู่ ราฟาเอโร่นั่งพิงพนักเก้าอี้หนังแท้สีเข้ม มือข้างหนึ่งคีบแก้วไวน์ ส่วนอีกมือพลิกหน้ากระดาษอย่างเชื่องช้า แต่สายตาของเขาไม่ได้อยู่ที่ตัวอักษรเลยแม้แต่น้อย


“หืม...” เขาพึมพำในลำคอ ขณะเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วมองหน้าจอแท็บเล็ตที่โชว์ภาพจากกล้องวงจรปิดชุดล่าสุด


“หรือว่า... ฉันเล่นแรงไป?” เขายกไวน์ขึ้นจิบเบา ๆ แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากภาพบนจอ


เขาจำได้ว่า ตอนที่เดินกลับขึ้นรถ เจบีไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว แววตานิ่งเฉยเหมือนเคย แต่ใบหน้าขาวขึ้นเล็กน้อย และริมฝีปากที่เม้มแน่นกว่าปกติ


ตั้งแต่วันแรกที่เจบีก้าวเข้ามา เขาเป็นคนวางแผนทั้งหมด บีบเสี่ยวไป๋ให้กลับจีนด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยจากดีลบางอย่างในฮ่องกง แล้วใช้โอกาสนั้นเก็บเจบีไว้ข้างตัว


แต่เขาไม่ได้คิดจะให้เจบี “แค่ช่วยงานเบื้องหลัง” ตั้งแต่ต้น


เขาแค่ต้องการให้เจบีอยู่ในระยะที่เขาควบคุมได้ พอที่จะจับจังหวะ สังเกตพฤติกรรม แล้วตัดสินใจว่าจะจัดการยังไงต่อ


แต่ยิ่งอยู่ใกล้...ทุกอย่างกลับไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด


เจบีไม่เหมือนคนอื่น ไม่โวยวาย ไม่ต่อต้าน ไม่แสดงอะไรทั้งนั้น แต่ก็ไม่เคยยอมอยู่ในกรอบของเขาเต็มที่ ไม่ว่าจะวางหมากแบบไหน เด็กคนนั้นก็จะหาทางเดินเลี่ยงได้เสมอ


และนั่นมันกำลังทำให้เขาหงุดหงิด


แต่ที่ทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งกว่า…คือเขายัง “หาต้นทาง” ของเจบีไม่เจอ


ใครส่งเจบีมา? เพื่ออะไร? จุดประสงค์คืออะไร? เขาไม่เชื่อว่าเป็นแค่ ‘บังเอิญ’ ไม่มีอะไรในโลกใต้ดินนี้ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเจตนา


โดยเฉพาะในช่วงที่เครือข่ายธุรกิจของเขาเริ่มโดนก่อกวนจากกลุ่มอำนาจนอกระบบที่ไม่มีใครระบุตัวได้


เขายังไม่กล้าฟันธงว่าเกี่ยวข้องกันโดยตรง


แต่ถ้าใช่...ถ้าเจบีมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายที่พยายามเจาะเข้ามาในระบบของเขาจริง เขาก็หวังว่าจะใช้เด็กคนนั้นเป็นเหยื่อล่อ เพื่อลากตัวการเบื้องหลังออกมาให้เผชิญหน้ากันตรง ๆ ดีกว่าการลอบกัดที่ไม่รู้มาจากทิศไหน


แต่ทุกอย่างมันไม่ง่ายขนาดนั้น ดูเหมือนว่าในกลุ่มขนนกสีเงินทุกคนจะพากันปกป้องเจบีเป็นพิเศษ


และนั่นทำให้เขาต้องเดินเกมนี้เพียงลำพัง รอจนกว่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนพอจะเปิดโปงทุกอย่างโดยไม่กระทบต่อความสัมพันธ์กับกลุ่มอำนาจขนนกสีเงิน


เพราะหากเขาพลาด นี่อาจไม่ใช่แค่เกมล่อเหยื่อ


แต่มันจะกลายเป็นจุดแตกหักระหว่างเขากับคนที่ไม่ควรเป็นศัตรู


เขายังไม่พร้อมจะแลกความสัมพันธ์ทั้งหมดกับเพียงแค่ความสงสัย


แต่ถ้าเขาไม่ทำอะไรเลย...ก็อาจสายเกินไป


ราฟาเอโร่ยกมือขึ้นแตะขมับเบา ๆ คล้ายจะบรรเทาความหนักหน่วงที่สะสมมาเป็นวัน เส้นประสาทใต้ผิวเริ่มตึงเครียดขึ้นทุกครั้งที่เขานั่งคิดเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา ปมบางอย่างในเรื่องนี้มันไม่คลี่คลายง่าย ๆ เหมือนที่ผ่านมา


อาการนอนไม่หลับของเขาทวีความรุนแรงขึ้นทุกคืน ยาเม็ดเดิมที่เคยพอช่วยให้หลับ เริ่มไร้ประสิทธิภาพ ร่างกายเขาดูเหมือนจะดื้อดึงขึ้นทุกวัน ไม่ใช่แค่ดื้อยา...แต่ดื้อกับความคิดที่ไม่ยอมปล่อยให้พักเลยแม้แต่ชั่ววินาที


ราฟาเอโร่หลับตาลงช้า ๆ เสียงในหัวเงียบลงชั่วขณะ แต่ภายในยังคงเดือดระอุเหมือนไฟใต้เถ้า มองจากภายนอกเขาอาจยังนิ่ง แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยคำถามที่ต้องการคำตอบ และเจบี คือจุดเริ่มต้นของทุกคำถามนั้น





ก๊อก ก๊อก…


เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้งก่อนที่เจบีจะก้าวเข้ามาในห้อง มือหนึ่งแบกแฟ้มเอกสารสูงท่วมหัว อีกมือดึงประตูให้ปิดสนิทลงตามหลัง เขาเดินตรงไปยังโต๊ะตัวเดิม วางแฟ้มทั้งหมดลงด้วยเสียงหนักแน่น ตึ้ง คล้ายจะปล่อยน้ำหนักทั้งหมดทิ้งไว้ตรงนั้น


เด็กหนุ่มไม่ได้ปริปากแม้แต่คำเดียว เขานั่งลง เปิดแฟ้ม แล้วเริ่มพิมพ์งานต่อราวกับกลไกที่ถูกตั้งเวลาไว้ ไม่มีท่าทีเหนื่อยล้า ไม่มีการหยุดพัก แม้ดวงตาจะเริ่มหม่นลง และปลายนิ้วจะชาวูบด้วยความเมื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน


ราฟาเอโร่ปรายตามองเพียงแวบเดียวจากหลังโต๊ะ ก่อนจะเบนสายตากลับไปยังจอแท็บเล็ตในมือ ท่ามกลางความเงียบที่อบอวลอยู่ในห้อง ทั้งสองไม่ได้พูดกันแม้แต่คำเดียว


เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เขาวางแท็บเล็ตลง ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเงียบเชียบแล้วเดินตรงไปหยุดอยู่ข้างหลังเจบี ดวงตาคมกริบกวาดมองการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอย่างพินิจพิจารณา เงียบพอจนได้ยินแม้แต่เสียงพิมพ์คีย์บอร์ดเบา ๆ จากมือที่เริ่มล้า


ใบหน้าคมโน้มลงเล็กน้อย เหมือนกำลังสังเกตว่าอีกฝ่ายทำอะไร ทั้งที่เขาเองนั่นแหละ...ที่เป็นคนสั่งงาน


เจบีรับรู้ถึงการจ้องมองนั้นชัดเจน แม้ไม่เห็นโดยตรงก็ตาม เขาหยุดมือชั่วครู่ก่อนจะพูดโดยไม่เงยหน้า


“มีอะไรหรือเปล่าครับ”


ราฟาเอโร่นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังไม่ออกว่าอารมณ์ไหน


“ได้กินข้าวหรือยัง”


คำถามง่าย ๆ แต่กลับทำให้เจบีชะงักไปนิดหนึ่ง ราวกับไม่แน่ใจว่าฟังผิด หรืออีกฝ่ายแค่พูดเล่น


“…ยังครับ ผมกะว่าจะทำงานตรงนี้ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยไป”


“ไปตอนนี้” น้ำเสียงไม่ได้แข็ง แต่ก็ไม่ใช่คำขอ คล้ายคำสั่งกลาย ๆ มากกว่า


เจบีเงียบ เขาไม่ได้ตอบรับ และก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเช่นกัน แค่ยังนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม ราวกับกำลังชั่งใจ


ราฟาเอโร่ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเพียงหันหลังกลับ เดินตรงไปยังประตูด้วยจังหวะเนิบช้า แต่สายตาเฉียบคมเหลือบกลับมามอง ก่อนหยุดลงนิดหนึ่งตรงมือจับประตู รอให้คนข้างหลังตัดสินใจ


เจบีถอนหายใจเบา ๆ อย่างยอมจำนนกับความดื้อเงียบของอีกฝ่าย ก่อนจะดันเก้าอี้ออกช้า ๆ ลุกขึ้นตามไปโดยไม่พูดอะไร


เขาไม่ได้กินข้าวเที่ยงแบบตรงเวลาเลยมาหลายวันแล้ว บางวันก็กินรวบไปมื้อเดียวตอนค่ำ จากที่ผอมอยู่แล้วก็ยิ่งดูบอบบางกว่าเดิม เสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่ใส่ประจำดูหลวมขึ้นเล็กน้อยตรงช่วงเอว ราวกับตัวเล็กลงไปโดยไม่รู้ตัว


เจบีเดินตามเงียบ ๆ มองแผ่นหลังกว้างของชายร่างสูงที่ก้าวนำหน้าไปโดยไม่หันกลับมาแม้แต่ครั้งเดียว ก่อนจะตัดสินใจถามเสียงเบา


“เราจะไปกินข้าวกัน...ข้างนอกเหรอครับ?”


คำถามนั้นไม่ได้รับคำตอบในทันที จนกระทั่งราฟาเอโร่เปิดประตูรถก่อนจะตอบเรียบ ๆ โดยไม่หันมามอง


“ใช่”


“ผมว่า...ไม่ไปดีกว่า ผมยังมีงานค้างอยู่” เจบีพูดเสียงเบา ไม่ได้หวังให้อีกฝ่ายเห็นใจ แค่อยากรักษาระยะห่างที่เขารู้สึกว่านับวันมันยิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ


แต่ราฟาเอโร่หันมาทันที ดวงตาคมใต้เงาผมมองเขานิ่ง ก่อนจะถามกลับด้วยเสียงต่ำ


“นายจะไปขึ้นรถดี ๆ หรืออยากให้ฉันลากขึ้นไป?”


ไม่มีเสียงตอบรับในทันที เจบียืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วเปิดประตูขึ้นรถไปนั่งข้าง ๆ อย่างจำยอม


เขานั่งข้าง ๆ ราฟาเอโร่ โดยพยายามชิดประตูฝั่งตัวเองให้มากที่สุด ท่าทางเหมือนเด็กหนุ่มที่ไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหนของตัวเอง นั่งนิ่งจนแทบไม่ได้หายใจ


ไม่ใช่เพราะกลัวจะล้ำอาณาเขตของอีกฝ่าย แต่เพราะเขาไม่รู้ว่าราฟาเอโร่คิดอะไรอยู่ และความเงียบในรถคันนี้...มันอึดอัดยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ ทั้งหมด


ราฟาเอโร่เหลือบตามามองเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงเอนหลังพิงเบาะ พลางยกมือแตะแก้มตนเองเบา ๆ เหมือนคิดอะไรบางอย่าง


คิดว่าเด็กคนนี้...อาจไม่ได้อ่อนแออย่างที่พยายามแสดงออกมาเลยสักนิด





เมื่อมาถึงร้านอาหารหรูใจกลางเมือง ราฟาเอโร่ไม่เสียเวลาเลือกนาน เขาเดินตรงไปยังโซนส่วนตัวที่ถูกจองไว้ล่วงหน้า พนักงานเปิดประตูให้โดยไม่ต้องมีคำสั่ง รอรับด้วยท่าทีเงียบสงบ


ห้องสว่างด้วยแสงวอร์มไวท์อุ่นตา กลิ่นไวน์แดงลอยอ่อน ๆ คลอไปกับดนตรีบรรเลงเบา ๆ จากลำโพงซ่อนผนัง ราฟาเอโร่นั่งลงก่อนอย่างไม่รีบร้อน พนักงานตามเข้ามารินไวน์ให้ทั้งคู่ เขายกแก้วขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย ก่อนจะวางลงช้า ๆ ดวงตาคมหรี่ลงคล้ายกำลังพิจารณาบางอย่าง


ตรงกันข้าม เจบียังคงนิ่ง ไม่แม้แต่จะสบตาอีกฝ่าย ตั้งแต่นั่งลงเขาเอาแต่มองโต๊ะตรงหน้า ราวกับกลัวว่าการสบตาจะกลายเป็นการท้าทาย


“อยากกินอะไร” น้ำเสียงเรียบเย็นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ


เมนูถูกราฟาเอโร่เลื่อนมาตรงหน้าเจบีโดยไม่ถามความเห็น เจบีรับมาเงียบ ๆ ไล่สายตาไปบนรายการอาหารโดยไม่มีคำตอบ เขาดูสงบเกินไป จนคนที่นั่งตรงข้ามเริ่มสงสัยว่านั่นคือความเคยชิน หรือความระแวงกันแน่


“นายเป็นคนเกาหลีใช่มั้ย” ราฟาเอโร่ถามขึ้น ขณะเอียงศีรษะเล็กน้อย “มาทำอะไรที่ลอนดอน?”


คำถามนั้นเหมือนกระดุมที่ปลดเบา ๆ บนเสื้อเชิ้ตเมนู เจบีชะงักเล็กน้อย มือที่จับเมนูขยับนิดหน่อยอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะตอบเสียงนิ่ง


“ผมคิดว่าจะมาตั้งหลักที่นี่ชั่วคราวน่ะครับ”


“ชั่วคราว?” ราฟาเอโร่ทวนเบา ๆ “แต่นายดูตั้งใจจะอยู่ยาวเลยนะ”


เจบีไม่ตอบ เขาเพียงเลื่อนนิ้วบนเมนูไปช้า ๆ จนกระทั่งอีกคำถามก็ตามมา


“นายทำตามคำสั่งได้ดีจนน่าประทับใจ...” เสียงของราฟาเอโร่ไม่ได้ชื่นชม แต่ออกไปทางเย้ยหยัน “งั้นถ้าฉันสั่งให้นายไปตายตอนนี้... นายจะทำมั้ย?”


คำถามนั้นเงียบงันอยู่กลางห้องราวกับตอกตะปูลงบนโต๊ะ


เจบีหยุดนิ้วทันที ไม่มองหน้า ไม่เคลื่อนไหว ดวงตายังคงจดจ่ออยู่บนหน้ากระดาษ แต่แววบางอย่างในแววตาเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย


“ถ้ามันจำเป็น...แล้วคุณมีเหตุผลที่ดีพอ” เขาตอบเสียงเรียบ เบาจนแทบเป็นเพียงลมหายใจ


“หึ” ราฟาเอโร่หัวเราะในลำคอ มุมปากยกขึ้นนิด ๆ อย่างพอใจในคำตอบที่เหมือนจะยอม แต่ก็แฝงอะไรบางอย่างที่อ่านไม่ออกอยู่ดี


เขาเทไวน์เพิ่มลงในแก้วตัวเอง และมองเจบีเหมือนคนที่ยังอ่านหนังสือเล่มเดิมซ้ำ...ทั้งที่ไม่เคยเข้าใจเนื้อหาสักหน้า


เขาไม่ได้รีบร้อนจะพูดอะไร แต่บรรยากาศกลับไม่ได้ผ่อนคลายอย่างที่ควร


ไวน์ในแก้วถูกยกขึ้นแตะริมฝีปาก ก่อนจะวางลงเบา ๆ พร้อมคำถามเรียบเรื่อย


“นายเคยทำงานกับใครมาก่อนรึเปล่า?”


เจบีเงยหน้าขึ้นช้า ๆ แววตานิ่งไม่สะท้าน “หมายถึงก่อนมาทำกับคุณหรือครับ?”


“อืม” ราฟาเอโร่ตอบแผ่ว ๆ คล้ายไม่ใส่ใจนัก “แค่สงสัยน่ะ…ดูเหมือนจะจัดการกับหลายอย่างได้ดีเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่”


เจบีเลื่อนสายตากลับไปยังเมนูในมือ ไม่ตอบทันที ราวกับกำลังเลือกอาหาร แต่จริง ๆ แล้วคือการเลี่ยงสายตานั้น


“เคยทำงานธุรการนิดหน่อยครับ งานเอกสารทั่วไป” เขาตอบโดยไม่เหลือบมองคนถาม


ราฟาเอโร่หัวเราะเบา ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรกลับในทันที เขาเพียงพยักหน้าอย่างเชื่องช้า เหมือนไม่ได้เชื่อสนิท


“งั้นเหรอ…” เขาพึมพำ “หน้าตาแบบนั้นไม่น่าเหมาะกับโต๊ะทำงานเท่าไร”


คำพูดนั้นไม่ได้มีนัยตรงไปตรงมา แต่ก็พอจะมีแรงสะเทือนให้เจบีชะงักนิดหนึ่ง เขากระพริบตาเบา ๆ ก่อนจะวางเมนูลง


“งั้นคุณอยากให้ผมไปยืนหน้าเคาน์เตอร์แทนเหรอครับ?”


คำตอบนั้นไม่ได้กวน แต่ก็ไม่ได้ประนีประนอม ราฟาเอโร่มองอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด ไม่ใช่เพราะไม่พอใจ แต่เพราะเจบีไม่เคยปล่อยให้เขาเห็นช่องโหว่เลยสักครั้ง


“เปล่า” เขาตอบพร้อมยิ้มบาง “ฉันแค่กำลังคิดว่า...คนแบบไหนกันที่สามารถอยู่รอดได้ในที่แบบนี้ โดยไม่หลุดคำบ่นสักคำ”


เจบีไม่ตอบ คราวนี้เขาแค่ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ ราวกับจะปล่อยให้บทสนทนานั้นผ่านไปเหมือนไม่สำคัญ


อาหารถูกเสิร์ฟอย่างเรียบร้อยบนโต๊ะ ราฟาเอโร่เพียงพยักหน้าให้พนักงานถอยออกไปก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ขาไขว่ห้างตามสไตล์ มือหนึ่งยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ ดวงตายังคงจับจ้องอีกฝ่ายอยู่เงียบ ๆ


เจบีพยายามตั้งหน้าตั้งตากินข้าวโดยไม่สนใจสายตานั้น แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น


“คุณจ้องผมแบบนั้นผมกินไม่ลงนะครับ”


ราฟาเอโร่เลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ ก่อนจะวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะช้า ๆ ดวงตาเปล่งประกายเจ้าเล่ห์บางอย่างที่เจบีไม่ค่อยชอบเท่าไหร่


“อ้อเหรอ...งั้นฉันควรทำยังไงดีล่ะ?” เขาพูดเสียงเรียบก่อนจะเอนตัวไปด้านหน้า วางแขนบนโต๊ะอย่างสบาย ๆ “หรือว่านายอยากให้ฉันป้อน?”


เจบีชะงักไปนิดหนึ่ง มือที่กำลังจะจิ้มส้อมหยุดค้างกลางอากาศ ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะรีบก้มหน้ากลับไปเหมือนเดิม


“ไม่จำเป็นครับ ผมกินเองได้”


“แน่ใจนะ?” ราฟาเอโร่ถามซ้ำ หน้าตายิ่งกว่าตอนประชุมกับพวกมาเฟียในลอนดอน “ฉันเคยป้อนน้องหมาที่บ้านบ่อย ๆ มันก็เชื่องดีนะ”


เจบีเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเหมือนเดิม


“ผมไม่ได้เลี้ยงง่ายขนาดนั้นหรอกครับ”


คำตอบนั้นทำให้มุมปากของราฟาเอโร่กระตุกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เขาหัวเราะเบา ๆ เหมือนไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้จากอีกฝ่ายจริง ๆ










[JB’ s Part]


ทันทีที่ถึงห้อง ผมทิ้งตัวลงบนเตียงราวกับหมดแรงทั้งกายและใจ ไม่ได้หลับเต็มตื่นมาหลายคืนแล้ว วันนี้ราฟาเอโร่ปล่อยให้กลับก่อนเวลา หลังจากมื้อกลางวันประหลาดนั่นที่ผมไม่เข้าใจเจตนาเขาเลยแม้แต่น้อย


สายตาของเขา...การกดดันแบบแนบเนียนที่ไม่มีคำขู่ ไม่มีการคาดคั้นชัดเจน แต่กลับทำให้ผมต้องระวังแทบทุกการกระพริบตา มันเหนื่อยกว่าการถูกด่าตรง ๆ เสียอีก


เขาไม่ได้พูดอะไรแรง ๆ แต่ทุกคำพูดของเขา มันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่เสมอ


ผมนอนนิ่ง จ้องเพดานในห้องที่มีเพียงแสงจากโคมตั้งโต๊ะส่องลอดผ่านม่านบาง เสียงลมหายใจของตัวเองดังชัดขึ้นเมื่อไม่มีอะไรมาเบนความสนใจ


ราฟาเอโร่ดูเหมือนจะหยอกเล่นในบางที แต่ผมไม่เคยคิดว่าเขาจะพูดเล่นจริง ๆ


คนแบบนั้น ไม่มีคำว่า ‘เล่น’ ในพจนานุกรม


ตอนเขาถามว่า "งั้นถ้าฉันสั่งให้นายไปตายตอนนี้... นายจะทำมั้ย?" ผมตอบไม่ได้ ไม่ใช่เพราะลังเล แต่เพราะไม่แน่ใจว่าเขาจะเอาคำตอบนั้นไปทำอะไรต่อ


ผมกำลังเดินอยู่บนเส้นด้ายบาง ๆ ระหว่างความไว้ใจที่ถูกบังคับ กับความไม่ไว้ใจที่ถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน


และที่น่ากลัวที่สุดคือ...บางที ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่ากำลังเล่นบทของเหยื่อ หรือกลายเป็นบางอย่างที่เขาเริ่มจะสนใจจริง ๆ เข้าให้แล้ว


ผมไม่ได้ติดต่อเสี่ยวไป๋หรือแคสเปอร์มาสักพัก ไม่ใช่เพราะลืม แต่แทบไม่มีเวลาได้แตะโทรศัพท์ วันทั้งวันต้องจดจ่ออยู่กับเอกสาร คำสั่ง งานตรวจสอบ งานจัดเรียงที่ดูเหมือนจะจงใจปั่นหัวมากกว่าทำให้เกิดประโยชน์อะไรจริงจัง


ผมรู้...ว่าเขากำลังแกล้ง แต่ผมก็ยังเล่นตามเกมนั้นอยู่ดี


ผมไม่ได้เก่งทุกอย่าง ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองฉลาดที่สุด หรือเป็นคนที่เหมาะจะอยู่ในตำแหน่งใด ๆ ด้วยซ้ำ แต่ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ ผมเคยอยู่กับคนคนหนึ่งที่ทำให้ผมเชื่อว่าผมอาจจะมีค่ามากกว่าที่คิด


"จำให้ได้ในสิบวิ ถ้านายลืม นายจะตาย" เสียงนั้นยังอยู่ในหัวเสมอ แม้เวลาจะผ่านมาหลายปี


ฮันแจไม่ได้พูดประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงจริงจังเสียทีเดียว เขาพูดมันตอนที่เรานั่งอยู่ในห้องเก่า ๆ ใต้โรงงานแห่งหนึ่งในอินชอน แสงไฟกระพริบจากสายไฟที่ต่อแบบชั่วคราวสะท้อนบนหน้าจอมอนิเตอร์เก่า ๆ ที่โชว์ภาพโครงสร้างของระบบภายในหน่วยงานที่พวกเราต้องเจาะเข้าไป


ผมนั่งเงียบในตอนนั้น มือสั่นน้อย ๆ เพราะไม่เคยเห็นระบบที่ซับซ้อนขนาดนั้นมาก่อน ฮันแจมองผมแล้วยิ้มอย่างใจเย็น เขาไม่เคยดุผมเลย มีแต่จะถาม


"นายกลัวเหรอ?"


"มันยาก ฉันแค่ไม่มั่นใจว่าจะทำได้"


"นายทำได้" ฮันแจพูดแค่นั้น แล้วโยนแฟ้มบางอย่างมาให้ผม "นายไม่ได้ต้องเก่งเท่าฉัน แค่นายจำให้แม่นพอ แล้วใช้มันให้ถูกเวลา"


ผมไม่รู้ตอนนั้นว่าทำไมเขาถึงย้ำแบบนั้น


แต่วันนี้...ผมเริ่มเข้าใจ


ผมไม่ใช่คนที่วิเคราะห์ระบบได้ลึกซึ้งเท่าฮันแจ ไม่สามารถเขียนโค้ดทะลุเข้าไปในหน่วยงานระดับโลกแบบเขา แต่ผมมีสิ่งที่เขาไม่มี ผมจำทุกอย่างได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่ว่าจะเป็นฐานข้อมูลซับซ้อนหรือโครงสร้างเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันซับซ้อนแค่ไหน ผมจำได้หมด


ถ้าผมเคยเห็น...ผมก็เรียกมันกลับมาได้


แต่คิมบอมไม่เคยสนใจด้านนั้น เขาไม่ต้องการคนจดจำ เขาต้องการนักฆ่า คนที่พร้อมกดไกโดยไม่ลังเล ผมจึงต้องกลายเป็นคนแบบนั้น


แต่อยู่ตรงนี้...กับเกมของราฟาเอโร่ ผมเริ่มคิดแล้วว่า ความสามารถที่ผมเคยทิ้งไว้ อาจถึงเวลาต้องหยิบมาใช้อีกครั้ง


ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมเคยคิดว่าความเหนื่อยทั้งหมดมาจากการต้องรับมือกับราฟาเอโร่เพียงคนเดียว แต่ไม่ใช่เลย


สิ่งที่หนักไม่แพ้กัน คือคนรอบข้างในสำนักงาน


พวกเขาไม่ได้พูดอะไรโต้ง ๆ แต่ทุกสายตาที่มองมา มันพูดแทนได้ดีกว่าคำพูดเสียอีก ความเงียบที่เต็มไปด้วยความหมางเมิน การส่งงานที่จงใจส่งผิด การปล่อยเอกสารปะปนกันมาให้ผมต้องแกะเองทีละหน้า หรือแม้กระทั่งการหายตัวไปจากโต๊ะตอนผมจำเป็นต้องถามอะไรด่วน ๆ


มันไม่ใช่ความบังเอิญแน่ ๆ


ผมรู้ดีว่าผมเข้ามาในตำแหน่งที่ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมถึงได้มา พวกเขาคงสงสัยว่าเด็กหน้าใหม่คนนี้มีดีอะไรถึงได้อยู่ในสายตาของเจ้านายที่ใคร ๆ ต่างเกรงกลัว


ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนในออฟฟิศเริ่มปฏิบัติกับผมราวกับว่าผมไม่ใช่หนึ่งในพวกเขา


เช้านั้น ผมเดินเข้ามาที่โต๊ะเหมือนทุกวัน แต่สิ่งแรกที่ผมเจอคือเอกสารกองใหญ่ที่ผมไม่ได้เป็นคนรับผิดชอบ วางกองทับโต๊ะทำงานของผมโดยไม่มีโพสต์อิท ไม่มีโน้ต ไม่มีแม้แต่ชื่อคนส่ง


ผมลองถามหัวหน้าแผนกที่เกี่ยวข้อง เขายิ้มมุมปากแล้วบอกว่า “ก็นายเก่งนี่ เจ้านายไว้ใจให้นายดูหมดแหละ” ก่อนจะหันหลังกลับไปคุยกับคนอื่นอย่างอารมณ์ดี


วันต่อมา ผมขอไฟล์ประชุมจากแผนกข้อมูล แต่พอเปิดไฟล์ในที่ประชุม มันกลายเป็นเวอร์ชันเก่าที่ถูกแก้ชื่อไฟล์อย่างแนบเนียน พอผมหันไปมอง คนส่งไฟล์กลับยักไหล่ทำหน้าตาย ๆ ว่าไม่รู้เรื่อง มันไม่ใช่ความผิดพลาด แต่มันคือการจงใจทำให้ผมขายหน้า


แม้แต่ตอนเข้าลิฟต์ เวลาผมเดินตามคนกลุ่มเดิมเข้าไป ทุกคนจะเงียบเสียงลงอย่างเห็นได้ชัด เหมือนเพิ่งหยุดพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับผม แล้วทำเป็นคุยเรื่องอื่นแทน


ผมไม่รู้ว่าราฟาเอโร่รู้หรือเปล่าว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น หรือบางทีเขาอาจจะรู้อยู่แล้ว…และปล่อยให้มันเกิดขึ้นต่อไป เพื่อดูว่าผมจะรับมือยังไง


ผมไม่แน่ใจว่าอันไหนแย่กว่ากัน


บางที...อาจจะเป็นเพราะสายตาของเขาในแต่ละวันที่มองมา ราวกับกำลังคาดหวังอะไรบางอย่างจากผมอยู่เงียบ ๆ มากกว่าคำพูดหรือการกระทำของคนอื่นทั้งหมดเสียอีก


ผมก็ต้องอยู่ต่อให้ได้ จนกว่าจะถึงจุดที่ผมต้องไปเอง และจนกว่าจะถึงวันนั้น ผมจะอดทนกับทุกอย่าง เหมือนที่เคยทำมาตลอดชีวิต


แค่มีใครสักคนใจดีกับผมบ้าง มันคงจะดีกว่านี้…










5:40 PM | อาคารสำนักงานใหญ่ซิลเวอร์เนสต์, ลอนดอน


เสียงเคาะแป้นคีย์บอร์ดยังคงดังเป็นจังหวะเดียวในห้องทำงานที่ผู้คนเริ่มบางตาลงเรื่อย ๆ เจบียังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ ไม่ใช่โต๊ะประจำของเขาภายในห้องของราฟาเอโร่ แต่เป็นโต๊ะชั่วคราวที่ถูกจัดให้ภายในแผนกบัญชี


เพราะช่วงบ่ายมีพนักงานหญิงคนหนึ่งเข้ามาหาเขาโดยตรงในห้องพักเบรคพร้อมเอกสารในมือและคำพูดที่ฟังดูเหมือน “ขอความช่วยเหลือ”


"ขอโทษที่ต้องรบกวนด่วนนะคะ เจ้านายฉันสั่งให้สรุปรายงานนี้ก่อนหกโมง แต่คนของเราออกไปประชุมหมดแล้ว…" เธอพูดพร้อมรอยยิ้มบางที่ดูไม่ค่อยจริงใจนัก “คุณพอจะช่วยได้ไหมคะ?”


เจบีไม่ทันได้คิดมาก เขารับเอกสารมาด้วยความสุภาพตามนิสัย เพราะปฏิเสธไปก็ไม่ต่างจากปัดความรับผิดชอบ แม้เขาจะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่งานในหน้าที่ของเขาเลยก็ตาม


ราฟาเอโร่ก็ไม่ได้อยู่ในออฟฟิศตั้งแต่ช่วงสาย บอกเพียงว่าจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของภาคีทุนจากยุโรปตะวันออก ซึ่งจะกินเวลาไปจนดึก เจบีจึงไม่ได้หวังว่าอีกฝ่ายจะกลับเข้ามาในสำนักงานอีก


เย็นวันนั้น ท้องฟ้าลอนดอนคลุมเครือกว่าทุกวัน ฝนตกปรอย ๆ ตั้งแต่บ่าย ทำให้คนในออฟฟิศเริ่มทยอยเก็บของเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย ทุกคนดูเหมือนจะรีบกลับบ้านอย่างพร้อมเพรียง รอยยิ้ม ท่าทางเหนื่อยล้า และคำพูดลาแบบสั้น ๆ ดังผ่านหลังประตูห้องกระจกออกไปทีละคน ทีละคน…


เสียงฝนเบา ๆ เคาะกระจกหน้าต่างจากด้านนอก ลมเย็นพัดไอเย็นผ่านช่องแอร์ลงมาเจือจางกับแสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ที่ยังเปิดอยู่เพียงแถวเดียวบนเพดานเหนือโต๊ะเขา


เจบียังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมในมุมห้อง ชุดเอกสารอีกชุดที่ถูก “ฝาก” ไว้ให้เขาอย่างไร้ชื่อส่ง ยังเรียงอยู่ตรงหน้า ไม่มีเสียงใครเรียก ไม่มีแม้แต่คนเหลือมาเป็นเพื่อนคุย


เขาก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ — 6:11 PM


“ทำอีกสักหน่อยแล้วค่อยกลับก็แล้วกัน...” เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พลางนั่งจัดเรียงเอกสารต่อ


เขาคิดว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะจัดการงานชุดนี้เสร็จ และจะได้กลับเสียที


แต่ทันทีที่เขาเอื้อมมือจะปิดแฟ้ม


พรึ่บ!


เสียงไฟฟ้าดับทั้งชั้นดังขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ทุกหลอดไฟดับวูบลงพร้อมเสียงระบบอากาศที่หยุดชะงัก ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืดสนิท ความเงียบรอบตัวขยายกว้างจนได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจตัวเอง


เจบีเงยหน้าขึ้น สายตาเริ่มชินกับความมืดในเวลาไม่นาน มือเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์ขึ้น แต่หน้าจอขึ้นแค่ข้อความ “No Signal” พร้อมไอคอนแบตเตอรี่ที่กระพริบเตือนว่าเหลือเพียง 3%


เขาลุกขึ้นทันที เดินตรงไปยังประตูทางออก แต่เมื่อแตะมือจับ...


ติ๊ด — ติ๊ด — ติ๊ด


ระบบล็อกอัตโนมัติไม่ตอบสนอง


“ระบบล็อกแบบไฟฟ้า…” เขาพึมพำ ก่อนจะลองแตะอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ไม่มีแม้แต่เสียงเตือน


เขารีบเปิดฝาครอบแผงควบคุมเล็ก ๆ ข้างประตู ตาไล่ดูวงจรในความมืดอย่างคล่องแคล่ว เขาพยายามรีเซ็ตระบบด้วยการตัดวงจรสำรอง แต่ก็ไร้ผล เพราะระบบหลักไม่ได้ทำงานจากแบตเตอรี่ปกติ มันถูกแยกออกจากสายสำรองไปแล้ว


“…มีคนตั้งใจ” เขาพึมพำเบา ๆ รู้ทันทีว่าไฟที่ดับไม่ใช่ความผิดพลาดธรรมดา


เขาหยิบสาย USB ที่ซ่อนไว้ในปกแฟ้มออกมา เสียบเข้ากับแผงควบคุม และต่อกับโทรศัพท์ที่เหลือแบตอีกนิดเดียว พยายามใช้เป็นพอร์ตแทรกคำสั่งในระบบควบคุมอาคาร แต่หน้าจอค้างนิ่งไม่ตอบสนอง


“ระบบหลักถูกตัดออกจากวงจรส่วนกลาง...” เขานิ่ง คิ้วขมวดตึง


ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เขาอาจถอดรหัสแฮกเข้าระบบได้ แต่ตอนนี้ไม่เพียงไม่มีสัญญาณ ไม่มีพลังงานสำรอง แม้แต่ระบบควบคุมภายในก็ถูกตัดจากแหล่งหลักโดยสิ้นเชิง เหมือนกับว่ามีใคร ‘ตั้งใจ’ ทำให้ที่นี่กลายเป็นกับดัก


เจบียืนพิงกำแพง สูดหายใจลึกเพื่อระงับความเหนื่อยล้า แสงสุดท้ายจากหน้าจอโทรศัพท์ดับลงในมือ


เขายังไม่กลัว...แต่เริ่มหนาว


อุณหภูมิในอาคารลดลงตามระบบที่ถูกตัด ไร้เครื่องปรับอากาศ ไม่มีระบบกรองอากาศใด ๆ ใช้งานได้อีก


เขานั่งลงช้า ๆ ใช้เสื้อสูทคลุมตัวเองเอาไว้ สายตาเหม่อลอยไปในความมืด ก่อนจะค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงอย่างเงียบงัน


“ราฟาเอโร่…คุณจงใจงั้นเหรอ”










7:12 AM | อาคารสำนักงานใหญ่ซิลเวอร์เนสต์, ลอนดอน


ประตูเลื่อนหน้าตึกเปิดออกด้วยเสียงเบา ๆ ราฟาเอโร่ก้าวเข้ามาในล็อบบี้ด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงนัก แต่ถ้าสังเกตดี ๆ วันนี้เขามาถึงสำนักงานเร็วกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด


เมื่อคืนเขาออกไปงานเลี้ยงด่วนที่ต้องพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มการเงินยุโรป สายโทรศัพท์เต็มไปด้วยการประชุมและอีเมลสำคัญจนไม่มีแม้แต่เวลาจะเช็กข้อความจากใคร แต่เมื่อเขากลับเข้าที่พักในช่วงตีสาม กลับพบว่าข้อความที่เขาส่งไปหาเจบีตั้งแต่ตอนหัวค่ำ ไม่มีแม้แต่การเปิดอ่าน


ราฟาเอโร่ไม่ใช่คนที่จะ “ห่วง” ใครง่าย ๆ แต่เขาไม่ชอบความคลาดเคลื่อน ไม่ชอบอะไรที่ไม่อยู่ในสมการ และเจบีก็คือหนึ่งในสมการที่เขายังหาคำตอบไม่ได้เสียที


เขาเดินเข้าลิฟต์ด้วยท่าทางราบเรียบ ระหว่างที่ลิฟต์ค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปยังชั้นบน ดวงตาคมสะท้อนแสงจากผนังเหล็กเงาวับ เงียบ...แต่วูบหนึ่ง เขาพึมพำกับตัวเองในน้ำเสียงต่ำจนแทบไม่ได้ยิน


“ถ้าหนีงาน...ฉันจะจัดการนายแน่”


ติ๊ง! ประตูลิฟต์เปิดออก กลิ่นเย็นชื้นและความเงียบงันผิดปกติเข้ามาปะทะทันที มันไม่ใช่อากาศยามเช้าทั่วไป แต่มันเย็นจนรู้สึกถึงบางอย่าง


ไฟในบางส่วนของสำนักงานยังไม่เปิด ไม่มีเสียงคน ไม่มีแสงจอคอมพิวเตอร์ ไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้า พนักงานควรเริ่มทยอยมาแล้ว แต่นี่เงียบราวกับยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการ


ราฟาเอโร่เดินผ่านแผนกต่าง ๆ อย่างเงียบงัน ท่ามกลางความว่างเปล่าของพื้นที่ที่ควรจะเริ่มมีผู้คนเข้ามาแล้ว แต่สิ่งที่สะดุดตาเขากลับเป็นเงาร่างหนึ่งที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในมุมของสำนักงาน


เด็กหนุ่มยังคงอยู่ในชุดทำงานของเมื่อวาน ร่างผอมบางนั่งหอบตัวอยู่ที่มุมห้อง ใกล้กำแพงกระจกเย็นเฉียบ แผ่นหลังพิงผนัง ขาทั้งสองข้างชันขึ้น กอดตัวเองไว้แน่นอย่างคนที่หมดเรี่ยวแรงจนไม่สามารถประคองตัวได้อีก


ราฟาเอโร่ชะงักไปครู่หนึ่ง สายตาคมเรียบนิ่ง แต่ความตึงเครียดเริ่มสั่นไหวที่ปลายคิ้ว เขาเดินเข้าไปใกล้อย่างเงียบเชียบจนกระทั่งมายืนอยู่ตรงหน้า


"เจบี"


ไม่มีเสียงตอบ ไม่มีการขยับ


ราฟาเอโร่โน้มตัวลง ใช้มือจับไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ประคองร่างนั้นให้เอนออกจากกำแพง พิงตัวไว้กับแขนของเขา ใบหน้าของเจบีซีดเซียวจนแทบไม่มีสีเลือด เปลือกตาหนักอึ้ง ริมฝีปากแตกและแห้ง ผิวกายเย็นจัดจนเหมือนอยู่กลางหิมะ มือสองข้างยังเกร็งจากการกอดตัวเองทั้งคืน


"...ให้ตายสิ" ราฟาเอโร่กัดกรามแน่น พึมพำเสียงต่ำ เขาตบแก้มเบา ๆ สองครั้ง


"เจบี!"


ไม่มีการตอบรับใด ๆ


“เวรเอ๊ย...” ครั้งนี้เขาสบถอย่างจริงจัง ก่อนจะกดโทรศัพท์หาทีมแพทย์ภายในอย่างเร่งด่วน น้ำเสียงเย็นเฉียบกลายเป็นสั่งการ “ห้องสำนักงาน เรียกทีมแพทย์ขึ้นมาเดี๋ยวนี้ มีคนหมดสติ”


เขายืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอดสูทของตัวเองออกคลุมตัวเจบีไว้ ชายหนุ่มนิ่งเงียบ มองใบหน้าซีดเซียวที่ซบพิงเก้าอี้ด้วยแววตาแข็งกร้าว และในนาทีนั้นเอง…


ความรู้สึกบางอย่างก็พุ่งขึ้นมาในใจ ไม่ใช่แค่ความโกรธ หรือความหงุดหงิดแบบที่ผ่านมา แต่มันเป็นความรู้สึก...ห่วง และไม่พอใจจนแทบกดไม่ลง


ใครทำ?


ใครมันกล้าทำแบบนี้?


เขาไม่เคยสั่งให้ใครแกล้งเจบีถึงขั้น ‘หมดสติ’ หรือปล่อยไว้จนเกือบเป็นอันตรายถึงชีวิต เกมที่เขาเล่น ไม่ใช่แบบนี้ ไม่เคยเป็น และไม่ควรเป็นแบบนี้


ใครก็ตามที่กล้าล้ำเส้น…


เขาจะลากมันออกมาด้วยตัวเอง


และเจบี...ไม่ว่าเขาจะมาทำอะไรที่นี่ ไม่ว่าเขาจะมีจุดประสงค์อะไร ยังไง...เด็กคนนี้ ‘เป็นของเขา’ ในตอนนี้


และไม่มีใครหน้าไหนที่มีสิทธิ์แตะต้องของของเขา โดยไม่ได้รับอนุญาต





นายกสโมสร

กระทู้
28
พลังน้ำใจ
181006
Zenny
183525
ออนไลน์
30297 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 18:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นายกสโมสร

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
258758
Zenny
103711
ออนไลน์
19804 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 18:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกมากครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2025-6-28 02:35 , Processed in 0.096745 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2025 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้