ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 65|ตอบกลับ: 2

ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 18

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
151
พลังน้ำใจ
6218
Zenny
28270
ออนไลน์
1663 ชั่วโมง
โพสต์ 7 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-6-25 09:54


Chapter 18
ศึกแย่งของเล่นของแก๊งค์อนุบาลมาเฟีย


เมื่อเรือเทียบเข้าฝั่ง ไฟฉุกเฉินจากรถพยาบาลส่องสว่างท่ามกลางความมืดของท่าเรือ เสียงไซเรนที่ดังแผ่ว ๆ ทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียด

ทันทีที่เรือจอดสนิท ทีมแพทย์รีบพุ่งเข้ามาหาเจบี พวกเขาจัดการยกตัวเขาขึ้นเปลสนาม ร่างของเขายังคงซีดเซียวและอ่อนแรงจากการเสียเลือด แพทย์คนหนึ่งกดตรวจชีพจร ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ลูกทีม

"ยังมีสติ แต่ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลทันที"

เสี่ยวไป๋มองภาพนั้น เขายังไม่ขยับตัวไปไหน สายตาของเขาจับจ้องไปที่เจบีที่ถูกเข็นขึ้นรถพยาบาล ใบหน้าของอีกฝ่ายซีดจนเขาไม่ชอบใจ

ก่อนที่ประตูรถพยาบาลจะปิด เจบีลืมตาขึ้นช้า ๆ สายตาพร่ามัวจากความอ่อนแรง แต่ยังคงเห็นเสี่ยวไป๋ยืนอยู่ตรงนั้น แม้ภาพจะเลือนรางแต่เงาของอีกฝ่ายยังชัดเจนในสายตาเขา การเสียเลือดมากเกินไปทำให้สติที่ริบหรี่เลือนลางลงทุกขณะ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป

เสียงไซเรนของรถพยาบาลค่อย ๆ ห่างออกไปพร้อมกับเงาของรถที่แล่นออกจากท่าเรือ ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันท่ามกลางบรรยากาศหนักอึ้ง กลิ่นคาวเลือดยังคงติดอยู่ในอากาศ แม้ว่าผืนน้ำทะเลจะซัดสาดล้างมันไปบางส่วน

เสี่ยวไป๋ยืนอยู่กับหยางหมิงไม่ไกลจากจุดที่เรือจอดเทียบท่า เขายังคงสงบนิ่ง ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากในช่วงแรก สายตาของเขายังจับจ้องไปทางที่รถพยาบาลเพิ่งแล่นจากไป ราวกับว่าส่วนหนึ่งของเขายังคงติดอยู่ตรงนั้น

"แล้วจะเอายังไงต่อ?" หยางหมิงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ไม่มีความกังวล แต่ก็ไม่ได้ปราศจากความใส่ใจ

เสี่ยวไป๋ละสายตาจากถนนตรงหน้า ดวงตาคมกริบยังคงฉายแววเย็นเยียบ ความโกรธของเขายังไม่ได้ปะทุออกมา แต่มันกำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน

"ฉันไม่ถนัดการสู้ระยะประชิดนัก" เสี่ยวไป๋เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ก่อนจะกระตุกยิ้มบาง ๆ ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับเย็นชา ไร้ซึ่งความผ่อนคลาย ดวงตาของเขายังคงนิ่งสงบ แต่ภายในกลับเดือดพล่าน "แต่พวกมันกล้ามากที่แตะต้องคนของฉัน... และฉันไม่ปล่อยไปง่าย ๆ แน่"

หยางหมิงเลิกคิ้ว "ฟังดูโกรธเอาเรื่อง"

เสี่ยวไป๋แค่นหัวเราะแผ่วเบา ราวกับกำลังสนุกกับเกมที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกล่า แต่ดวงตาของเขากลับเย็นชาและเฉียบคม ราวกับมัจจุราชที่ตัดสินชะตาโดยไร้ความลังเล

"ฉันจะกระชากลมหายใจของพวกมันทุกคน…แล้วโยนทิ้งลงทะเล"

หยางหมิงพยักหน้าช้า ๆ "งั้นก็ดี ฉันเองก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับธุรกิจของฉันเหมือนกัน" เขาเหลือบตามองเสี่ยวไป๋ก่อนจะถามต่อ "แล้วจะเริ่มจากตรงไหน?"

เสี่ยวไป๋กำลังจะตอบ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น

เขาหยิบมันขึ้นมาดู หน้าจอสว่างขึ้นเผยให้เห็นข้อความที่ส่งมาจากแคสเปอร์

C: ติดต่อเจบีไม่ได้ เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า?

เสี่ยวไป๋มองข้อความนั้นนิ่ง ๆ ดวงตาเรียบเฉย แต่ในใจคำนวณทางเลือกของตัวเองอย่างรวดเร็ว

แคสเปอร์เซ้นส์ไวเกินไปตามคาด ถ้าเขาให้คำตอบผิดไปแม้แต่นิดเดียว หมอนั่นคงตามมาถึงที่นี่แน่ และถ้ามันรู้ว่าเจบีได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ เรื่องจะวุ่นวายขึ้นอีกสิบเท่า

นิ้วของเสี่ยวไป๋แตะไปบนหน้าจอ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปอย่างใจเย็น

B: ไม่มีอะไร นายคิดมากไปเอง

ไม่ถึงสิบวินาที เครื่องของเขาก็สั่นอีกครั้ง

C: แน่ใจ? ทำไมฉันรู้สึกแปลก ๆ

เสี่ยวไป๋ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะบ่ายเบี่ยงไปอีกครั้ง

B: ถ้ามีอะไรเดี๋ยวฉันบอกเอง ไปนอนได้แล้ว

คราวนี้ไม่มีข้อความตอบกลับมา แต่เขารู้ว่าแคสเปอร์คงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ

เสี่ยวไป๋เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเสื้อ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหันกลับไปมองหยางหมิง "ยังไม่ถึงเวลาที่ฉันจะจัดการเรื่องนี้ตอนนี้"

หยางหมิงหัวเราะในลำคอ "หมายความว่าไง?"

"หมายความว่า ฉันต้องไปดูอาการ 'เจ้าหมาน้อยของแคสเปอร์' ก่อน" เสี่ยวไป๋เอ่ยเสียงเรียบ แต่ดวงตากลับฉายแววคาดเดาไม่ได้ "ก่อนที่หมอนั่นจะเริ่มสงสัย และก่อนที่เรื่องจะไปไกลกว่านี้"

หยางหมิงไหวไหล่ "ตามใจนาย แต่ถ้าอยากให้ช่วยอะไร บอกได้"

เสี่ยวไป๋พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะก้าวขึ้นรถที่จอดรออยู่ เสียงประตูปิดลงอย่างเงียบเชียบ ตัดขาดเขาจากบรรยากาศหนักอึ้งของท่าเรือ รถเคลื่อนตัวออกไป มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลทันที

แม้ใบหน้าของเขาจะยังคงเรียบนิ่ง ไม่มีแววกังวลหรืออารมณ์ใดสะท้อนออกมา แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความคิดที่ซ้อนทับกันไม่หยุด เขาครุ่นคิดถึงวิธีเอาคืน และวิธีที่ทำให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่ได้หายใจต่อไปนานกว่านี้

สัญญาณดังเพียงไม่กี่ครั้ง ก่อนจะมีเสียงงัวเงียจากปลายสาย

"ฮ้า~~ ใครกันที่โทรมาปลุกฉันแต่เช้าแบบนี้?"

เสียงของ คุโรซาวะ เร็นยะ ฟังดูเหมือนคนที่เพิ่งตื่นเต็มที่ หรืออาจจะยังไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ

"เรน นายอยู่ไหน?" เสี่ยวไป๋ถามเสียงเรียบ

"ญี่ปุ่นสิ นายคิดว่าฉันจะไปไหนได้?"

"ธุระของนายล่ะ จัดการจบหรือยัง?"

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้ยินเสียงขยับตัวตามมาด้วยเสียงถอนหายใจ

"จะว่าเรียบร้อยก็คงไม่ทั้งหมด ยังมีเรื่องให้เคลียร์อีกนิดหน่อย แต่นายโทรมาหาฉันแบบนี้..."

เสียงของเรนเปลี่ยนไป จากง่วง ๆ กลายเป็นจับผิดทันที

"บอกมาเลยดีกว่า ว่านายอยากให้ฉันช่วยอะไร?"

เสี่ยวไป๋เอนหลังพิงรถ ดวงตาจับจ้องไปที่เส้นขอบฟ้ายามค่ำคืนของเมือง

"นายพอจะมีเวลาสักสองสามวันมั้ย"

เสียงขยับตัวดังแผ่ว ๆ จากปลายสาย ก่อนที่น้ำเสียงของเรนจะเปลี่ยนไป

"ถามแบบนี้ มีเรื่องใช่มั้ย"

"อืม"

เรนหัวเราะในลำคอแผ่ว ๆ "ถ้านายโทรหาฉันเอง แปลว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่"

เสี่ยวไป๋ถอนหายใจ "ฉันจะส่งเครื่องบินไปรับ"

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาเรียบ ๆ

"เข้าใจแล้ว"




04:30 AM | โรงพยาบาลเอกชน กวางตุ้ง

ภายในห้องพักเงียบสงัด มีเพียงเสียงสัญญาณชีพจรจากเครื่องวัดที่กะพริบเป็นจังหวะ เสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเบา ๆ เจือไปกับกลิ่นสะอาดของน้ำยาฆ่าเชื้อ แสงไฟสลัวจากโคมข้างเตียงทอดเงาบนผนังสีขาวสะอาดตา แต่กลับให้ความรู้สึกเย็นชาและเงียบเหงาเกินไป

ร่างของเจบีนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง สายให้น้ำเกลือและถุงเลือดต่อเข้ากับแขนซ้าย ผ้าพันแผลสีขาวพันรอบต้นแขนแน่นหนา รอยเลือดยังซึมจาง ๆ ตัดกับผิวซีดเซียว การเสียเลือดมากทำให้ใบหน้าของเขาดูอ่อนแรงผิดปกติ แม้จะสงบ แต่กลับดูเปราะบางจนเสี่ยวไป๋ไม่ชอบใจ

ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง เสี่ยวไป๋หยุดยืนอยู่ปลายเตียง สายตาคมกริบกวาดมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบงัน

ก้อนบางอย่างจุกอยู่กลางอก แต่เขาไม่พูดอะไร เพียงแค่เดินเข้ามาเงียบ ๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง

ดวงตาของเขาหยุดอยู่ที่ใบหน้าสงบนั้น ริมฝีปากที่เคยเอ่ยถ้อยคำดื้อดึง บัดนี้กลับไร้สีเลือด เปลือกตาที่ปิดสนิท ไม่กระดุกกระดิกแม้แต่น้อย

เสี่ยวไป๋ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง ปลายนิ้วแตะเบา ๆ ลงบนที่วางแขนของเก้าอี้เป็นจังหวะ คล้ายกำลังเรียบเรียงความคิด แต่เมื่อเอ่ยออกมา น้ำเสียงกลับแผ่วเบา ราวกับกำลังบ่นกับตัวเอง

"นายนี่มัน... ตัวแสบจริง ๆ"

ไม่มีเสียงตอบกลับ มีเพียงเสียงสัญญาณชีพจรที่ยังคงดังเป็นจังหวะมั่นคง

เขารู้ดีว่าถ้าแคสเปอร์รู้เรื่องนี้เข้า มีหวังพายุลูกใหญ่ได้ถล่มลงมาแน่ ไม่ใช่แค่คำถามสองสามคำ แต่จะเป็นการตามล่าหาความจริงแบบถอนรากถอนโคน หมอนั่นไม่ใช่คนที่ยอมปล่อยอะไรไปง่าย ๆ และยิ่งเป็นเรื่องของเจบี แคสเปอร์จะไม่มีวันอยู่เฉยแน่นอน

เสี่ยวไป๋เบนสายตาไปมองสายน้ำเกลือ ของเหลวสีใสไหลผ่านสายเข้าไปในร่างเจบีอย่างช้า ๆ เขารู้ว่าอีกไม่นานอีกฝ่ายจะตื่นขึ้น แต่ทำไมทุกวินาทีที่ผ่านไปมันกลับยาวนานเกินไปสำหรับเขา

เวลาค่อย ๆ ไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า แสงแดดยามบ่ายค่อย ๆ จางลง เสี่ยวไป๋ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม มือข้างหนึ่งค้ำศีรษะตัวเองไว้กับขอบเตียง ดวงตาที่เคยจับจ้องคนบนเตียงอย่างไม่วางตา ค่อย ๆ ปิดลงโดยไม่รู้ตัว ราวกับร่างกายกำลังประท้วงให้เขาพักเสียที

เขาไม่ได้หลับสนิทนัก มีบางช่วงที่รู้สึกตัว แต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะลืมตาขึ้นเต็มที่ ความอ่อนล้าสะสมจากคืนที่ไม่ได้หลับไหลมาถึงขีดจำกัด สุดท้าย เขาก็ปล่อยให้ตัวเองฟุบลงข้างเตียง

จนกระทั่ง…

เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นจากโถงทางเดินด้านนอก ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างเบามือ ก่อนที่ร่างสูงของเด็กหนุ่มผู้มีท่าทีขี้เล่นแต่แฝงไปด้วยอันตรายจะก้าวเข้ามา เส้นผมสีดำสนิทยุ่งเล็กน้อยจากการเดินทางไกล แต่ดวงตายังคงเฉียบคม กวาดมองไปรอบห้องด้วยความสงสัย

สิ่งแรกที่เขาเห็นคือ เสี่ยวไป๋ที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียง มือของอีกฝ่ายยังจับมือคนป่วยไว้ แม้จะไม่ได้กอบกุมแน่น แต่ก็ไม่ยอมปล่อย

เรนกระตุกยิ้มบาง ๆ ภาพตรงหน้าหาดูยากจริง ๆ เสี่ยวไป๋ที่ดูเหมือนไม่เคยสนใจอะไร กลับมานั่งเฝ้าคนเจ็บแบบนี้

เสียงเปิดประตูทำให้เสี่ยวไป๋ค่อย ๆ ลืมตา ดวงตาคมเหลือบมองไปทางต้นเสียง ก่อนจะเห็นร่างของเรนที่เพิ่งก้าวเข้ามา

"คนนิจิวะ~"

เสียงทักทายลอยมาก่อนตัว เรนก้มหัวลงเล็กน้อยตามมารยาท ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเตียงคนไข้ แต่แล้วคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

"นี่ใครอ่ะ?" เขาหันไปถามเสี่ยวไป๋ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ขึ้น ความรู้สึกแรกที่แล่นวาบขึ้นมาในหัวของเขาคือ คุ้นเคยอย่างน่าประหลาด แต่กลับนึกไม่ออกว่าทำไม

เหมือนชื่อเพลงที่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก… แต่กลับจำเนื้อร้องได้ขึ้นใจ

เรนยืนจ้องใบหน้าของคนป่วยอยู่ครู่หนึ่ง ปลายนิ้วแตะปลายคางตัวเองราวกับพยายามนึกอะไรบางอย่าง

"โอ๊ะ… ไม่ใช่ว่า..."

เขาพึมพำแผ่ว ๆ คิ้วขมวดเข้าหากันแน่นขึ้น แต่ก็ยังไม่แน่ใจ

"คงไม่หรอกมั้ง"

"มีอะไร?" เสี่ยวไป๋ถามขึ้นทันที สายตาจับจ้องไปที่เรน เหมือนจะอ่านสีหน้าของอีกฝ่าย

เรนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือกอดอก สายตายังไม่ละไปจากร่างบนเตียง คิ้วขมวดเล็กน้อยราวกับพยายามค้นหาความทรงจำบางอย่างที่หล่นหายไป

"ไม่รู้สิ... แต่ฉันรู้สึกว่าฉันเคยเห็นหมอนี่ที่ไหนมาก่อน"

เสี่ยวไป๋เหลือบตามอง ก่อนจะแค่นหัวเราะในลำคอ "ฉันก็เห็นนายพูดแบบนี้ทุกที รู้จักคนไปทั่ว"

เรนเบ้ปาก "ฉันพูดจริง ๆ นะ" แล้วหันไปมองเสี่ยวไป๋ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะแค่นหัวเราะเบา ๆ "แล้วนี่อะไร? สภาพนายดูไม่ได้เลยนะ ไปทำอะไรมา?"

เสี่ยวไป๋พ่นลมหายใจออกเบา ๆ ก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ "ปัญหาธุรกิจน่ะ พอเจรจาไม่ลงตัวก็เลยเกิดการปะทะ ส่วนนี่…" เขาหันหน้าไปทางเจบีที่ยังหลับสนิท "โดนยิงแขน เฉียดไปนิดเดียว"

"นายยังไม่ได้บอกเลยนะ ว่าคนนี้ใคร?"

"ผู้ช่วยฉัน เพิ่งมาทำงานแรก"

เรนกระตุกยิ้ม "งานแรกนายก็ใช้คุ้มเลยนะ"

เสี่ยวไป๋หัวเราะหึ ๆ "ทั้งที่บอกให้คอยหลบอยู่ข้างหลังแท้ๆ แต่ถ้าเขาไม่ตัดสินใจผลักฉันแล้วกระสุนมาโดนตัวเองแทน ฉันคงไม่ได้มานั่งพูดกับนายแบบนี้หรอก"

เรนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นเสยผมพลางส่ายหน้า "ให้ตายสิ...นายก็เป็นซะอย่างนี้" น้ำเสียงฟังดูเหมือนบ่น แต่แฝงไปด้วยความคุ้นชินอย่างปลงตก

บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เรนจะเลิกคิ้ว เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ "เดี๋ยวก่อน ฉันมีเรื่องจะถามนายพอดี" เขากอดอก มองเสี่ยวไป๋อย่างจับผิด "เรื่องแชทวันก่อนน่ะ... สรุปพวกนายแอบเลี้ยงหมาแล้วไม่บอกฉันใช่ไหม?"

เสี่ยวไป๋เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "นายจะสนใจเรื่องนั้นทำไม?"

"เอ้า ก็ฉันอยากรู้ หมาของนายดุจะตาย ฉันก็ต้องระวังตัวน่ะสิ"

เสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ "หึๆ มันคงไล่กัดนายไม่ได้หรอก… ก็นอนป่วยอยู่แบบนี้"

เรนขมวดคิ้ว "อย่าบอกนะว่า.."

เสี่ยวไป๋ยักไหล่ "อือ ก็อย่างที่นายเห็นแหละ"

เรนทิ้งตัวลงบนโซฟา ขายกขึ้นไขว่ห้างพลางยักคิ้ว รอยยิ้มขี้เล่นฉายอยู่บนใบหน้า แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แล้วนี่นายเรียกฉันมาเพราะเรื่องอะไร?”

เสี่ยวไป๋กอดอก เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ รอยยิ้มจาง ๆ แตะแต้มที่ริมฝีปาก แต่ดวงตากลับเย็นเยียบ “ฉันอยากให้นายจัดการลากคอพวกมันทั้งหมดลงนรก”

เรนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะหึ ๆ “โอ๊ะ ๆ ฟังดูน่าสนใจนะ” เขาเอียงคอมองเสี่ยวไป๋เหมือนพิจารณาบางอย่าง “ดูท่านายจะเล่นใหญ่เหมือนกันนะพี่เสี่ยวไป๋”

เสี่ยวไป๋แค่นหัวเราะในลำคอ “ฉันแค่ไม่ชอบที่พวกมันกล้ามาแตะต้องคนของฉัน”

เรนพยักหน้าเบา ๆ อย่างเข้าใจ ก่อนจะแสร้งถอนหายใจยาว ๆ “ได้ยินว่าเขาตกลงไปในทะเลด้วยนี่นา” เขาหรี่ตามองเสี่ยวไป๋อย่างจับผิด “นายไม่ชอบทะเล แต่ก็กระโดดลงไปช่วยแบบไม่คิด… ไม่สมกับที่เป็นนายเลยนะ”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มบาง ๆ “ปกติไม่ว่าใครจะมาตายอยู่ตรงหน้า นายก็ไม่เคยคิดจะยื่นมือออกไปช่วย”

เสี่ยวไป๋ปรายตามองเรนด้วยแววตาอ่านไม่ออก “…”

เรนเหยียดรอยยิ้มขี้เล่น แต่แฝงไปด้วยความจับผิด “เขาสำคัญกับนายขนาดนั้นเลย?”

เสี่ยวไป๋เงียบไปชั่วอึดใจ "ก็ไม่ขนาดนั้น" เขาตอบเรียบ ๆ ราวกับไม่ใส่ใจ แต่ปลายนิ้วกลับขยับเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว

แม้คำพูดจะปฏิเสธ... แต่ลึก ๆ แล้วมันกลับสวนทางกับความรู้สึกของเขาเอง

เรนเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ คล้ายจับสังเกตบางอย่างได้ “แน่ใจ?”

เสี่ยวไป๋เอนตัวพิงเก้าอี้ ดวงตายังนิ่งเฉย “เขาเป็นคนของแคสเปอร์ ฉันแค่ไม่อยากมีเรื่องกับหมอนั่น”

เรนมองท่าทางของอีกฝ่ายแล้วยิ้มบาง ๆ ไม่ได้ซักไซ้ต่อ แต่แววตากลับฉายแววสนุกสนานราวกับพบอะไรที่น่าสนใจเข้าให้แล้ว

ก็ปากบอกว่าไม่สำคัญ…แต่สีหน้าของเสี่ยวไป๋ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิดเดียว





11:47 PM | กลางทะเล จีนใต้

กลางทะเลในคืนที่ไร้ดวงจันทร์ เรือสินค้าขนาดใหญ่ทอดตัวอยู่เหนือผืนน้ำ ลอยนิ่งเงียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริง ภายในลำเรือกำลังมีการขนถ่ายของเถื่อนเกิดขึ้น

เสียงฝีเท้าของคนเดินเวรยามดังก้องในความเงียบของมหาสมุทร พวกมันไม่รู้ตัวเลยว่ามัจจุราชกำลังจ้องมองจากเงามืดอยู่ไม่ไกล

พวกมันย้ายเรือหนี ราวกับพยายามลบทุกเบาะแส ไม่อยากให้ใครตามหาเจอ แต่เสี่ยวไป๋ไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ของของเขาหายไปง่าย ๆ

เรือลำเล็กที่แทบไม่มีเสียงเครื่องยนต์กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมาย ในขณะที่อีกมุมหนึ่งของทะเล เงาของเรืออีกลำซึ่งจอดนิ่งอยู่ในความมืด ยิ่งกว่าฉลามร้ายที่ซุ่มรอจังหวะโจมตี

เสี่ยวไป๋ก้มหน้ามองผ่านกล้องเล็งของปืนไรเฟิล นิ้วแตะที่ไกเบา ๆ ขณะที่ไล่สายตาประเมินเป้าหมายจากระยะไกล ความเงียบของเขาไม่ได้หมายถึงความลังเล แต่เป็นการนับถอยหลังสู่การจบเกม

ความแน่นอนของเป้าหมายไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ

ส่วนหยางหมิงที่ยืนพิงราวเรือ กำลังไล่นิ้วไปตามแป้นพิมพ์อย่างใจเย็น เขาสอดแนมระบบของเรือสินค้าลำนี้ และกำลังหาทางปิดกั้นเส้นทางหนีทั้งหมด

ขณะที่มุมปากของเขายกขึ้นราวกับเจออะไรสนุก ๆ ให้เล่น

ในขณะที่อีกด้านของเรือ เรนกำลังนั่งหมุนมีดเล่นระหว่างนิ้วมือ คิ้วขยับขึ้นลงอย่างอารมณ์ดี แววตาเป็นประกายราวกับเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่

"ให้ฉันขึ้นไปอัดพวกมันเลยมั้ย?"

เรนพูดขึ้นพลางโยนมีดขึ้นแล้วรับกลับลงมาอย่างคล่องแคล่ว น้ำเสียงฟังดูคึกคักเหมือนเด็กได้ออกไปเที่ยวเล่นหลังจากโดนขังอยู่ในบ้านนานเกินไป

"รีบจัง" เสี่ยวไป๋พูดโดยไม่ละสายตาจากกล้องเล็ง

"ระวังตัวด้วย ถ้านายเข้าไปแล้วดันสะดุดล้ม ฉันไม่ไปช่วย"

เรนหัวเราะในลำคอ “นายล้อฉันเล่นใช่มั้ย เสี่ยวไป๋ ฉันอุดอู้อยู่แต่ในตระกูลมาเป็นอาทิตย์แล้ว จะแขนขาหลุดก็คุ้ม แค่ได้ออกมายืดเส้นยืดสาย ฉันก็พอใจ”

พูดจบเขาก็หันไปสั่งลูกน้องให้เตรียมตัวลงเรือเล็ก ทุกคนพร้อมอาวุธครบมือและรอคำสั่งสุดท้ายจากเขา

หยางหมิงกดแป้นพิมพ์เสียงเบา ก่อนจะเหลือบมองหน้าจอแล้วหัวเราะ “ฉันปิดระบบแจ้งเตือนของพวกมันแล้ว อีกสองนาทีไฟของดาดฟ้าเรือจะดับ วุ่นวายแน่”

เรนกระตุกยิ้มอย่างสนุกสนาน “แบบนี้สิ…ถึงจะเป็นงานที่น่าสนใจ”

พูดจบเขาก็ออกตัวนำลูกน้องขึ้นเรือเล็ก โดยไม่ลืมแวะพูดกับเสี่ยวไป๋ก่อน

“นายก็อย่าพลาดละกัน ฉันเชื่อมืออยู่นะ”

"รีบไปซะ" เสี่ยวไป๋พูดเสียงเรียบ ก่อนจะปรับกล้องเล็งอีกครั้ง

เรือเล็กเคลื่อนเข้าใกล้ลำเรือสินค้าขนาดใหญ่ เสียงคลื่นกระทบตัวเรือดังแผ่วเบาแทบไม่มีใครสังเกตเห็น ขณะที่เรนกับลูกน้องเคลื่อนตัวแนบไปกับเงาของเรือเพื่อรอจังหวะเหมาะสม

แล้วไฟของดาดฟ้าเรือก็ดับลงฉับพลัน

เสียงสบถของคนบนเรือลอยมาตามสายลม พวกมันเริ่มแตกตื่นในความมืด บางคนควักไฟฉายออกมา บางคนเริ่มตะโกนสั่งลูกน้อง

แต่ก่อนที่พวกมันจะได้ทำอะไรต่อ เสียงกระสุนนัดแรกจากเสี่ยวไป๋ก็ดังขึ้น เป้าหมายคือคนที่ยืนอยู่ตรงจุดควบคุมแสงไฟของเรือ กระสุนทะลุผ่านหัวไหล่ทำให้มันทรุดลงไปกับพื้น พร้อมเสียงร้องลั่น

"โถ่เว้ย! มีคนซุ่มโจมตี!"

คำตะโกนปลุกให้คนบนเรือคว้าปืนขึ้นมาเตรียมรับมือ แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เสียงกระสุนจากระยะไกลก็ดังขึ้นอีกนัด คราวนี้พุ่งเข้าใส่เป้าหมายที่พยายามจะกดปุ่มแจ้งเตือน

เรนยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินเสียงปืนของเสี่ยวไป๋ "นายแม่งโคตรแม่นเหมือนเดิม!"

พูดจบเขาก็ออกตัว กระโดดเกาะบันไดลิงของเรืออย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะปีนขึ้นไปพร้อมกับลูกน้องที่ตามหลังมา พวกเขากระจายตัวเข้าประจำจุดอย่างรวดเร็ว

เรนไม่ใช่คนที่ชอบสู้แบบรอเวลา เขาไม่รอให้พวกมันตั้งหลักได้ก่อน

เขาพุ่งเข้าหาหนึ่งในศัตรูโดยไม่รีรอ คว้าหมับเข้าที่คอเสื้ออีกฝ่ายก่อนจะใช้เข่ากระแทกเข้าชายโครง เสียงกระดูกลั่นดังสะท้อนในความมืด ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงร่างของอีกฝ่ายลงพื้นแล้วฟาดด้ามปืนลงที่ท้ายทอยจนมันสลบเหมือด

"อ๊าก!" ศัตรูอีกคนพุ่งเข้ามา

เรนเอียงตัวหลบ แล้วสวนกลับด้วยการเตะเข้าที่เข่า เสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบก่อนที่อีกฝ่ายจะล้มลงกับพื้น ร้องโหยหวน

“หื้ม? แค่นี้เองเหรอ?”

เรนยกยิ้ม ก่อนจะหยิบมีดพกขึ้นมา กวัดแกว่งมันเล่นราวกับเป็นของเด็กเล่น แต่ดวงตากลับเปล่งประกายอันตราย

เสียงปืนจากเสี่ยวไป๋ยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ คอยเก็บพวกที่คิดจะหนีไปขอความช่วยเหลือ ขณะที่หยางหมิงกำลังเชื่อมต่อกับระบบเรือเพื่อเตรียมระเบิดมันทิ้ง

เรนไล่ต้อนพวกที่เหลือไปจนมุม มองพวกมันดิ้นรนอย่างขำขัน ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผม รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าราวกับกำลังสนุกกับเกมแมวจับหนู

"มาครับ พวกคุณจะยอมดี ๆ หรือให้ผมต้องเหนื่อยอีกหน่อย?"

เขาพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่น แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่น ไม่มีใครกล้าหัวเราะตาม ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจแรง ๆ

เป้าหมายของพวกเขาเริ่มตระหนักถึงสถานการณ์ที่พลิกกลับมาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ พวกมันตัวสั่น สีหน้าซีดเผือดจากแรงกดดันมหาศาล หนึ่งในนั้นรีบยกมือขึ้น ร้องขอการเจรจา

"พวกเรา...พวกเรายอมแล้ว! จะคืนของให้ และจะไม่ทำผิดเงื่อนไขอีก ได้โปรด! ปล่อยพวกเราไปเถอะ!"

เสี่ยวไป๋และพวกที่เพิ่งตามขึ้นมาสมทบบนเรือ หลังจากกวาดล้างศัตรูไปไม่น้อย มองกลุ่มคนที่เหลืออยู่ด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะแค่นหัวเราะในลำคอเบา ๆ ราวกับสมเพชในชะตากรรมของพวกมัน

"เจรจางั้นเหรอ? แกยังกล้ามาต่อรองกับฉันอีกงั้นสิ?"

เสียงของเขาเย็นเยียบ แต่กลับเต็มไปด้วยเพลิงโทสะที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเมื่อภาพของเจบีตกลงไปในทะเลย้อนเข้ามาในหัว

เรนยกมือกอดอก ก่อนจะเหวี่ยงร่างของชายที่ร้องขอการเจรจาลงกับพื้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี ดวงตาเรียวเฉียบมองไปที่เสี่ยวไป๋ด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน

"จัดการเองเลยไหม?"

เสี่ยวไป๋ไม่ตอบ เขาก้าวไปข้างหน้าช้า ๆ ก่อนจะยกกระบอกปืนขึ้น

"กล้าดียังไงถึงคิดแตะต้องคนของฉัน"

ปัง!

เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับที่เสี่ยวไป๋ฟาดด้ามปืนกระแทกเข้าเต็มแรงกับข้างกรามของอีกฝ่าย เสียงกระดูกลั่นดังสนั่นพร้อมกับร่างของศัตรูล้มลงไปกองกับพื้น

"ส่งพวกมันลงทะเลให้หมด"

คำสั่งสั้น ๆ ที่ฟังดูราบเรียบ แต่กลับเยือกเย็นจนพวกที่เหลือขนลุกซู่

ลูกน้องของเรนพยักหน้า ก่อนจะจับพวกมันมัดรวมกัน แล้วลากไปที่ขอบเรือ

หยางหมิงที่ยืนพิงกำแพงเฝ้าดูอยู่นาน เหยียดยิ้มเล็ก ๆ ก่อนจะหยิบรีโมตขึ้นมา กดปุ่มปล่อยสัญญาณระเบิด

"สามนาทีถึงเวลาปิดฉาก"

เสียงหวีดของสัญญาณเตือนดังขึ้นก้องกังวาน พวกเขาทั้งหมดเดินออกจากเรืออย่างมั่นคง ขณะที่แสงไฟสีแดงกระพริบเตือนอันตราย เปลวไฟเริ่มลุกลามจากจุดที่ซ่อนวัตถุระเบิดไว้

เสี่ยวไป๋หยุดเดิน หันกลับไปมองซากเรือที่กำลังจะกลายเป็นเถ้าถ่านในอีกไม่กี่วินาที

"ลาก่อน"

BOOM!!

เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วมหาสมุทร เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า เผาผลาญทุกอย่างให้จมลงไปพร้อมกับเศษซากของมัน คลื่นลูกใหญ่ซัดกระจายไปรอบ ๆ เหลือเพียงควันไฟที่ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปปะปนกับความมืดของท้องฟ้า

หลังจากที่เรือสินค้าถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เปลวไฟและเสียงระเบิดที่ดังสะท้อนอยู่กลางทะเลได้กลืนกินทุกอย่างจนไม่เหลือร่องรอย พวกเขาไม่คิดเสียเวลาอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้ เรน เสี่ยวไป๋ และหยางหมิงรีบเดินทางกลับทันที

เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวพาพวกเขากลับมาที่กวางตุ้งโดยใช้เวลาไม่นานนัก ระหว่างทาง เรนโยนหมวกกันลมลงบนเบาะ กวาดมือเสยผมยุ่ง ๆ ก่อนจะเอนตัวพิงเบาะ ท่าทางผ่อนคลายราวกับเพิ่งปลดปล่อยพลังงานไปเต็มที่ "อาา... สนุกชะมัด"





02:15 AM | โรงพยาบาลเอกชน กวางตุ้ง

เสี่ยวไป๋ตรงเข้ามาในอาคาร ไม่สนใจแม้แต่จะปัดฝุ่นเขม่าบาง ๆ ที่ติดตามเสื้อคลุม ดวงตาของเขาเย็นเฉียบแต่กลับเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล ขณะเร่งฝีเท้าตรงไปยังห้องพักของเจบีโดยไม่เสียเวลา

ภายในห้องพักผู้ป่วย เสียงเครื่องวัดสัญญาณชีพยังคงทำงานอย่างสม่ำเสมอ ไม่นานนัก เจบีก็ค่อย ๆ ขยับเปลือกตาขึ้น แสงไฟเหนือศีรษะทำให้เขาต้องกะพริบตาปรับโฟกัสอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพบกับใบหน้าของ เสี่ยวไป๋ที่นั่งอยู่ข้างเตียง

"ฟื้นแล้ว?" น้ำเสียงนั้นฟังดูเรียบนิ่ง แต่สายตากลับจับจ้องเขาราวกับประเมินอาการ

เจบีค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นเล็กน้อย "ผม... อยู่ที่ไหน?"

"โรงพยาบาล" เสี่ยวไป๋ตอบ ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นมาแนบกับริมฝีปากของเขา "ดื่มซะ แล้วนอนต่อ"

เจบีรับแก้วน้ำมาจิบเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบสายตาไปเห็นเรนที่ยืนกอดอกมองเขาอยู่ ใบหน้าที่ดูสนุกแต่แฝงความเจ้าเล่ห์

"โอ๊ะ~ ฟื้นแล้วเหรอครับ?" เรนทักขึ้นก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาใกล้ ๆ

"นี่ใคร?" เจบีหันไปถามเสี่ยวไป๋ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

"คุโรซาวะ เร็นยะ" เสี่ยวไป๋ตอบโดยไม่เงยหน้า "อย่าไปใส่ใจมาก หมอนี่กวนประสาทไปวัน ๆ"

"โอ้โห! นายพูดแบบนี้ได้ไง ฉันอุตส่าห์รีบบินมาช่วยนายเลยนะ" เรนแสร้งทำเสียงน้อยใจ มือทาบอกตัวเองอย่างโอเวอร์

เวลาผ่านไปจนกระทั่งใกล้จะตีสาม เสี่ยวไป๋มองนาฬิกา ก่อนจะลุกขึ้นยืน "ฉันจะออกไปหาอะไรกิน นายจะเอาอะไรไหม?"

เรนโบกมือไปมา "ไม่ล่ะ ฉันขออยู่เฝ้าหมาป่วยนี่แทนแล้วกัน"

เสี่ยวไป๋หรี่ตาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เรนกับเจบีอยู่ตามลำพัง

เรนนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา มองไปทางเตียงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ มันไม่ใช่สายตาล้อเล่นอีกต่อไป

"นี่"

เจบีที่เพิ่งฟื้นและยังคงอ่อนแรงเหลือบตามองเขา

"ตกลงนายชื่ออะไร?"

เจบีนิ่งไปเล็กน้อย "ครับ?"

เรนยกยิ้มมุมปาก แต่แววตาฉายแววสนใจอย่างปิดไม่มิด "ฉันว่าฉันเคยเจอนายที่ไหนมาก่อน”

"คุณจำผิดหรือเปล่า?" เจบีพูดเสียงเรียบ พยายามคงสีหน้าให้นิ่งที่สุด

เรนจ้องมองเขาเงียบ ๆ ดวงตาคล้ายกับกำลังไล่จับความทรงจำที่ยังเลือนราง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ "อืม... อาจจะก็ได้"

เขาเอนศีรษะไปด้านหลังเล็กน้อย คิ้วขมวดนิด ๆ ราวกับกำลังครุ่นคิด "แต่นะ..."

เรนก้าวเข้าไปใกล้ขึ้นอย่างไม่รีบร้อน ฝีเท้าเนิบนาบแต่เต็มไปด้วยแรงกดดัน เขาหยุดยืนข้างเตียง ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย ใบหน้าคมคายอยู่ในระยะที่ทำให้เจบีมองเห็นประกายเจ้าเล่ห์ในแววตาคู่นั้นชัดเจน

"เดี๋ยวฉันก็นึกออกเองล่ะ" น้ำเสียงของเขาฟังดูสบาย ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนคำประกาศอย่างหนึ่ง "แล้วจะบอกชื่อฉันได้หรือยัง?"

รอยยิ้มมุมปากของเขาดูราวกับแมวที่กำลังหยอกล้อเหยื่อ เจตนาไม่ชัดเจนระหว่างความขี้เล่นกับการกดดัน เจบีสบตากับอีกฝ่ายเงียบ ๆ เหมือนกำลังชั่งใจว่าจะตอบดีหรือไม่ แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจแผ่ว ๆ

"เจบี"

เสียงของเขาไม่ได้ดังนัก แต่เพียงพอให้เรนได้ยิน รอยยิ้มของเรนฉายชัดขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับพึงพอใจที่ได้ในสิ่งที่ต้องการ

"ชื่อฟังดูดี" เรนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงทุ้มต่ำปนหยอกล้อ เขาเอนตัวพิงพนักโซฟา ไขว่ห้างอย่างสบาย ๆ ก่อนจะเอียงคอมองเจบี "ดูท่าฉันคงได้เจอนายอีกบ่อย ๆ"

ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นลูบคางตัวเองเบา ๆ ราวกับกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงแฝงแววสนุก "ได้ยินมาว่านายเป็นคนของแคสเปอร์" เขาหรี่ตามองเจบี ราวกับพยายามจับสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย "เจ้านั่นน่ะบ้างานจะตาย"

เขาหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ศอกเท้าไว้กับเข่าพลางประสานมือเข้าด้วยกัน ดวงตาจับจ้องใบหน้าของเจบีอย่างไม่ปิดบังความสนใจ

"แล้วนี่มาอยู่กับเสี่ยวไป๋ได้ยังไง?"

เขาเอ่ยถามอย่างสบาย ๆ น้ำเสียงฟังดูอยากรู้อยากเห็น แต่ไม่ได้จริงจังนัก

"คน ๆ นั้นนะ…" เรนกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอนหลังพิงโซฟาด้วยท่าทีผ่อนคลาย "ทั้งเย็นชา เจ้าเล่ห์ แล้วยังอันตรายเป็นบ้า"

เจบียังคงนิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบอะไร ทำให้เรนเลิกคิ้วนิด ๆ ราวกับเจอของเล่นถูกใจ

"อย่าบอกนะ…" น้ำเสียงของเขาทอดยาว ราวกับจงใจยั่วเย้า "ว่านายโดนหมอนั่นจับกินแล้ว?"

เจบีถอนหายใจแผ่ว ๆ ก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย คล้ายเหนื่อยใจกับคำถามที่เรนรัวออกมาไม่หยุด

"เฮ้ อย่าทำหน้าจริงจังขนาดนั้นสิ ฉันแค่แซวเล่น" เรนหัวเราะขำ ดวงตาพราวระยับ ก่อนจะเอนตัวกลับไปนั่งสบาย ๆ

แต่ไม่นาน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างไม่รีบร้อน เสี่ยวไป๋ก้าวเข้ามาพร้อมถุงอาหารในมือ สายตาเรียบนิ่งกวาดมองทั้งสองคนในห้อง ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงตามเดิม

“คุยอะไรกัน?” เขาถามเสียงเรียบ

เรนยักไหล่ “ก็แค่ถามนู่นนี่ไปเรื่อย” น้ำเสียงของเขาฟังดูสบาย ๆ แต่แววตายังเต็มไปด้วยความขี้เล่น

เสี่ยวไป๋ไม่ใส่ใจคำตอบมากนัก ก่อนจะเปิดถุงอาหารที่ซื้อมา เป็นของกินรองท้องง่าย ๆ ที่เขาคิดว่าเจบีจะพอกินได้ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา แล้วยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่ายโดยไม่คิดอะไร

เจบีชะงักไปนิดหนึ่ง มองเขานิ่ง ๆ คล้ายจะชั่งใจ แต่สุดท้ายก็อ้าปากรับโดยดี ไม่แน่ใจว่าเพราะเหนื่อยเกินกว่าจะโต้แย้ง หรือแค่รู้ดีว่าต่อให้เถียงไปก็ไม่มีประโยชน์

เรนที่นั่งดูอยู่กระตุกยิ้มขำ ก่อนจะลุกขึ้นมาหยิบถุงจากมือเสี่ยวไป๋หน้าตาเฉย

“เดี๋ยว” เสี่ยวไป๋เอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาเริ่มฉายความไม่พอใจ

“ให้ฉันลองบ้างสิ” เรนว่าพลางดึงอาหารอีกชิ้นออกมา ก่อนจะโน้มตัวไปหาเจบี แล้วยื่นให้ถึงปาก

เจบีที่ยังเคี้ยวไม่หมดถึงกับหยุดไปเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ

“กินเยอะ ๆ จะได้หายเร็ว อ้ามม~” เรนบอก พร้อมกับกระดิกนิ้วเป็นเชิงให้เจบีอ้าปาก

เสี่ยวไป๋เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ มองภาพตรงหน้าโดยไม่พูดอะไร แต่ในแววตามีความหงุดหงิดแฝงอยู่

เจบีมองเรนอย่างไม่ไว้ใจนัก ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว "ผมกินเองได้"

เรนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง รอยยิ้มเต็มไปด้วยแววหยอกเย้า "อ้าว แล้วทำไมเมื่อกี้ยอมให้เสี่ยวไป๋ป้อนล่ะ?"

เสี่ยวไป๋เลิกคิ้วนิด ๆ สายตาเริ่มจับจ้องเรนเหมือนคิดว่าจะจัดการยังไงดี ขณะที่เจบีทำหน้าเหมือนอยากมุดหนีไปจากสถานการณ์ตรงหน้า

“ก็ได้…” เสียงเจบีดังแผ่วเบา เหมือนยอมแพ้ให้กับความวุ่นวาย

เรนยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ดวงตามีแววเจ้าเล่ห์ปนซุกซน ก่อนจะค่อย ๆ ป้อนเจบีอีกครั้ง ราวกับแย่งของเล่นกันอยู่

เสี่ยวไป๋มองทั้งสองนิ่ง ๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่แววตากลับเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเบนสายตาไปที่ถุงอาหารในมือของเรน

“เอาคืนมา” เขายื่นมือไปหมายจะแย่งถุงอาหารกลับ

“ไม่” เรนกระตุกถุงหลบ ก่อนจะหยิบของกินอีกชิ้นออกมา “ฉันป้อนอยู่นี่ไง”

เจบีมองสลับระหว่างสองคนที่กำลังยื้อแย่งกันราวกับเด็กไม่รู้จักโต ก่อนจะก้มหน้าลง ถอนหายใจยาว ๆ

บางที… ตอนนั้นเขาควรปล่อยให้ตัวเองจมลงไปเงียบ ๆ ใต้ทะเล คงจะสงบกว่าการติดอยู่ตรงกลางระหว่างสองคนนี้




TBC.
ฝากติดตามเป็นกำลังใจหน่อยน้าา
น่าสงสารยัยน้อง555
รักคนอ่าน♥️





มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1577
Zenny
1704
ออนไลน์
161 ชั่วโมง
โพสต์ 7 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

นายกสโมสร

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
259449
Zenny
104019
ออนไลน์
19837 ชั่วโมง
โพสต์ 7 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกมากครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2025-7-2 01:12 , Processed in 0.086123 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2025 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้