ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 132|ตอบกลับ: 8

เมื่อผมข้ามมิติและต้องแต่งงานกับผู้ชาย 4 คนพร้อมกัน Ch.7

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
132
พลังน้ำใจ
5912
Zenny
27934
ออนไลน์
1542 ชั่วโมง
โพสต์ 5 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-6-16 21:16



ตอนที่ 7
"อ่อย" วันละนิด... จิตแจ่มใส






ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ ก่อนอื่นก็รีบสำรวจตัวเองอย่างรอบคอบ…แค่ให้แน่ใจว่าเมื่อคืน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ ใช่มั้ย?


ทุกอย่างยังอยู่ดี เสื้อผ้าครบ ผ้าห่มยังห่มมิดชิดอยู่ในตำแหน่ง…โอเค โล่งใจ


กระทั่งผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่อบอุ่นจนน่าอ้อน…


ก็ไม่น่าแปลกหรอกถ้าจะเผลอใจเต้นนิดหน่อย เพราะเมื่อคืนเรานอนเตียงเดียวกัน แถมแรนทีลยังห่มผ้าให้ แถม…อือ เรื่องอื่นไม่พูดละกัน


แต่สิ่งแรกที่ผมเห็นหลังลืมตาคือเส้นผมสีเงินสว่างวาบอย่างกับจะสะท้อนแสงอาทิตย์เข้าตา!


ผมกระพริบตาปริบ ๆ มองเรือนผมสีเงินที่สยายอยู่บนหมอน ราวกับมันเรืองแสงได้เอง ยังไม่ต้องพูดถึงใบหน้านิ่งสงบของเจ้าของผมพวกนั้น ที่ตอนนี้กำลังหลับอยู่ข้างผมแบบสวย ๆ เหมือนเทพนิยายที่เขียนบทมาหลอกให้คนอ่อนแอทางใจตกหลุมพราง


สันจมูกของเขาดูคมยิ่งกว่าใบมีดสลักอักษร หน้าผากเรียบขาวนวล ริมฝีปากเป็นทรงได้รูป…น่าจู— แค่ก ผมหมายถึง…ดูดี…มาก…ในแบบที่ไม่ควรจะเห็นตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนี้!


…จะไม่เรียกว่าหลงก็คงโกหก


ผมมองหน้าเขาเงียบ ๆ …ครึ่งหนึ่งก็เพราะตกใจตัวเองที่กำลังแอบเพ้อถึงสามีอยู่ในใจ อีกครึ่งหนึ่งก็เพราะ…ทำไมเขาหลับแล้วดูสงบแบบนี้กันนะ


อืม…จะว่าไป เขาหลับจริงหรือเปล่า?


ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย เอามือโบกเบา ๆ ตรงหน้าตาเขา


ไม่ขยับ…


ลองจิ้มแก้มดูนิดนึงก็ได้…นิดเดียว…แค่ปลายเล็บก็พอ…


…นิ่ง


แต่จังหวะหายใจไม่เหมือนคนหลับเลยอ่ะ! ผมรู้! ผมเคยแกล้งหลับให้ครูไม่เรียกหน้าชั้นเรียนมาแล้ว! อันนี้มันลมหายใจของคน "ทำตัวเหมือนหลับ" ต่างหากเล่า! แล้วทำไมต้องแกล้งหลับใส่ผมด้วยล่ะ! อย่าบอกนะว่า—!


“หึ” เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่คนตรงหน้าจะลืมตาขึ้นอย่างนุ่มนวล


ให้ตายเถอะ แรนทีลยิ้ม…ยิ้มแบบรู้ทันทั้งหมด!


“ตื่นแล้วหรือ เซย์เรน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงง่วง ๆ แต่เต็มไปด้วยความขำ…ขำแบบรู้ว่าผมเพิ่งแอบจิ้มแก้มเขาเมื่อกี้แน่ ๆ


“มะ...ไม่ใช่นะ!” ผมรีบแก้ตัวเสียงสูง “ข้าแค่เช็กว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าเท่านั้นเอง!”


“อืม...งั้นหรือ” เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนมือมาแตะผมตรงกรอบหน้าอย่างอ่อนโยน ลูบเบาเหมือนกำลังกล่อมแมวไม่ให้ข่วน


“ฝ่าบาทควรรีบลุกไปแต่งตัวได้แล้วนะ เห็นว่าเช้านี้ท่านต้องไปฝึกยิงธนูกับเอลเซียนไม่ใช่หรือ”


“ต้องไปจริงเหรอ...” ผมบ่นอุบกับตัวเอง ไม่ได้ต้องการคำตอบนัก ผมไม่ได้เก่งเรื่องกีฬาหรือการต่อสู้อะไรนักหรอก แต่ก็รู้ดีว่าอย่างน้อย...เอาตัวรอดได้นิดหน่อย ก็คงดีกว่าทำอะไรไม่เป็นเลย


“เดี๋ยวข้าจะไปส่ง” แรนทีลพูดเรียบ ๆ พลางยันตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างสง่างามเกินไปสำหรับตอนเช้า แล้วเริ่มจัดเสื้อคลุมของตัวเองอย่างเรียบร้อยในพริบตา


แน่นอน เขาไม่ลืมจะเหลือบตามามองผมที่ยังนั่งจมอยู่บนเตียงแบบหมดแรง พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากเล็ก ๆ ...ที่ดูยังไงก็เหมือนกำลังล้อผมอยู่นั่นแหละ


ผมใช้เวลานั่งทำใจอยู่พักหนึ่ง กว่าจะยอมลุกจากเตียงไปล้างหน้า พอเดินออกจากห้องมาก็ยังรู้สึกงัวเงียอยู่หน่อย ๆ แต่ลมเช้าที่เย็นสบายก็ช่วยให้สมองค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาทีละนิด


แรนทีลยืนรออยู่แล้วตรงบันไดหน้าประตูใหญ่ เขายืนพิงเสาหน้าวัง มือไพล่หลังอย่างสงบนิ่ง แต่พอเห็นผมเดินออกมา แววตานั้นก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย นิดเดียวจริง ๆ แต่พอจะรู้ว่าเขากำลังยิ้มในใจ


“จะออกไปทั้งแบบนี้เหรอ?”


เขามองผ้าบางบนตัวผม ก่อนจะส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วถอดเสื้อคลุมตัวเองมาคลุมให้


“นอกเมืองลมแรงนะ เดี๋ยวโดนลมจะไม่สบาย”


“...ขอบใจ” ผมตอบเสียงเบา แอบมองหน้าเขาอย่างระวัง สีหน้านั้นยังคงนิ่งเฉยอย่างเคย แต่ในดวงตากลับมีอะไรบางอย่างที่อ่อนลงเล็กน้อย จนเผลอรู้สึกอบอุ่นโดยไม่ตั้งใจ


ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ เสียงฝีเท้าม้าก็ดังขึ้นจากลานหน้าวัง


เอลเซียนมาพอดี


เขาสวมเสื้อเกราะบางเฉียบสีเข้ม ขลิบลายอักขระโบราณตรงปกไหล่ ดูสง่างามตามแบบของชนชั้นสูง ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ แต่พอเห็นผม แววตานั้นก็เปลี่ยนไปทันที


“พร้อมหรือยัง?” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ผมได้ยินความห่วงใยที่แฝงอยู่ข้างใน


“อืม...” ผมตอบเบา ๆ กะจะรีบขึ้นม้าให้จบเรื่องโดยไม่ต้องหันไปมองแรนทีลอีก


แต่แรนทีลกลับเดินเข้ามา แล้วดึงชายผ้าคลุมของผมให้เข้าที่อย่างนุ่มนวล


“ดูแลตัวเองด้วย” เขาว่าแค่นั้น ก่อนจะถอยออกไปยืนที่เดิม ราวกับไม่เคยขยับเข้ามา


ใจผมเต้นแรงขึ้นมานิดหน่อยแบบไร้เหตุผล


ผมหันไปมองเอลเซียน เขามองแรนทีลแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจเบา ๆ คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่างโดยไม่พูดออกมา


ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกัน แต่การเงียบก็เหมือนมีบทสนทนาในแบบของตัวเองอยู่แล้ว


ผมขยับตัวขึ้นหลังม้า พยายามเบือนหน้าหนีไม่ให้ใครเห็นว่าแก้มร้อนแค่ไหน


น่ากลัวกว่าดาบ ก็พวกสามีที่นิ่งแต่รุกเงียบ ๆ แบบนี้นี่แหละ...


เอลเซียนควบม้าออกจากพระราชวังโดยมีผมนั่งอยู่ด้านหน้า ส่วนเขาเป็นคนคุมบังเหียนจากด้านหลัง แผ่นหลังของผมแทบจะจมลงไปกับอกกว้าง ๆ นั่นโดยไม่ตั้งใจ


“หนาวหรือไม่ ฝ่าบาท”


เสียงทุ้มเอ่ยเบา ๆ ข้างหู พร้อมกับที่ฝีเท้าม้าชะลอลงอย่างเห็นได้ชัด อาจเพราะเขากังวลว่าลมเช้าจะตีหน้าและตัวผมแรงเกินไป


“ไม่เท่าไหร่...” ผมตอบไปแบบไม่เต็มเสียง พลางดึงชายเสื้อคลุมที่ห่มทับมาให้แน่นขึ้นนิดหน่อย คงต้องขอบคุณแรนทีลที่ยัดเยียดเสื้อตัวนี้มาให้ก่อนออกมา ไม่อย่างนั้นคงได้นั่งตัวสั่นอยู่บนหลังม้าแน่ ๆ


พอพ้นประตูวัง วิวเบื้องหน้าก็เปลี่ยนเป็นป่าลึก หมอกบางลอยเอื่อยคลุ้งอยู่เต็มอากาศ กลิ่นชื้นเย็นของเช้าแรกในฤดูใบไม้ผลิปะปนกับกลิ่นไม้ เปลือกสน และดินชื้นที่ลอยมาเป็นระยะ ต้นไม้สูงใหญ่ปิดทึบจนแสงเช้าแทบลอดลงมาไม่ถึงพื้น


ไม่นานนัก เราก็มาถึงลานฝึกที่เป็นทุ่งหญ้าเปิดโล่ง รอบข้างกระจายด้วยค่ายพักของทหารที่ตั้งอยู่เป็นระเบียบ เอลเซียนกระโดดลงจากหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหันกลับมายกตัวผมลงอย่างระมัดระวัง


หน้าอกของเขาแทบจะชนกับหน้าผมเข้าเต็ม ๆ จนต้องรีบเบือนหน้าหลบอย่างรวดเร็ว


“แล้วนี่…ต้องฝึกยังไง?” ผมถามกลบเกลื่อนไป ทั้งที่จริงในใจไม่ได้สนใจคำตอบนักหรอก แค่อยากพูดอะไรสักอย่างออกมา ความจริงเราเพิ่งห่างกันไม่กี่วันแท้ ๆ แต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่กันคนละทวีป


เขาไม่ได้เฉยชา… แต่บางครั้งก็ทำให้ผมเผลอรู้สึกไปเองว่ามีแค่ผมที่พยายาม


อาจเพราะผมเองที่คิดมากไปเองก็ได้


บางที...ก็อาจจะใช่ เพราะเป็นผมเองนั่นแหละ ที่แอบคาดหวังให้เขาทำอะไรสักอย่าง


มองผมก่อนก็ได้ ไม่ต้องถึงขั้นมอบมงกุฎดอกไม้ให้ แค่พยักหน้า ทักเบา ๆ ว่า “อรุณสวัสดิ์” ก็พอใจจะตายแล้ว


แต่พอเขาอยู่ท่ามกลางคนอื่น เขาก็เหมือนเปิดโหมดแม่ทัพเหล็กขึ้นมาเฉย


เหมือนกางเกราะขึ้นมาอีกชั้น สีหน้าท่าทางที่นิ่งขรึมจนน่าเกรงขาม ท่วงท่าตรงเป๊ะ สายตานิ่งเรียบ ทั้งหมดนั้นทำให้เขาดูเท่มาก…มากเสียจนชวนให้รู้สึกเหมือนผมเป็นแค่คนธรรมดาที่เอื้อมไม่ถึง


บางมุมก็ดู…น่ากลัวนิด ๆ ด้วยซ้ำ


และผม...ก็ไม่แน่ใจนักว่าควรยิ้มให้เขาไหม หรือจะทำเป็นไม่รู้สึกอะไรดี


เพราะถ้ายิ้มไปก่อนแล้วเขาไม่ยิ้มกลับนี่...คงหน้าแหกชนิดที่หมอยังต้องส่ายหน้า แล้วบอกว่า "เจ็บที่ใจ หมอรักษาไม่ได้นะครับ"


“ฝ่าบาท... สีหน้าท่านดูไม่ค่อยดีเลยนะ” เอลเซียนหันมาถามเสียงเรียบเมื่อเห็นว่าผมเงียบไป


แต่ผมก็ยังคงไม่ตอบ ไม่ได้อยากให้เขารู้หรอกว่ากำลังน้อยใจอยู่ลึก ๆ เลยเลือกจะเดินดิ่งไปที่เป้าธนูด้วยท่าทีมั่นใจ หรืออย่างน้อยก็แกล้งทำเป็นมั่นใจไว้ก่อน เอลเซียนเองก็เดินตามมาแบบงง ๆ เหมือนยังไม่เข้าใจว่าผมเป็นอะไร


ผมหยิบคันธนูขึ้นมา... หนักเป็นบ้า กล้ามเนื้อบอบบางนี่มันยังไงกัน ยกธนูแค่นี้ก็สั่นเป็นลูกนก ฮึบ! ผมกัดฟันรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายจนยกมันขึ้นมาได้ แล้วก็พยายามเล็งไปที่เป้าไกล ๆ อย่างคนมีประสบการณ์ (ทั้งที่แขนสั่นไปหมดแล้ว)


เอลเซียนขยับเข้ามาเหมือนจะช่วยประคองมือให้ แต่ผมส่ายหน้าเบา ๆ แบบ “ไม่ต้องมายุ่ง” เขาเลยชะงัก ก่อนจะถอยออกไปยืนห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ


ความจริงแล้ว เจ้าของร่างเดิมนี่ก็ใช้ธนูเป็นอยู่นะ แค่ไม่ได้ซ้อม เพราะมัวแต่ไปเสียเวลาอยู่กับไอ้คนเฮงซวยนั่น... ส่วนผมเหรอ? ประสบการณ์เท่ากับศูนย์ ขี่ม้า ยิงธนู ฟันดาบ ไม่ถนัดสักอย่าง ถ้าเกิดสงครามขึ้นมา ผมคงตายก่อนทุกคนแหง ๆ


ลูกธนูดอกแรกของผมถูกปล่อยออกไปกลางอากาศ... ก่อนจะลอยลิ่วหลุดกรอบเป้าไปอย่างน่าอนาถ ผมหน้าเสียนิดหน่อย แต่ก็พยายามเล็งใหม่อีกครั้งอย่างมุ่งมั่น (กลัวเสียฟอร์ม) ทว่าเอลเซียนก็ก้าวเข้ามาเสียก่อน มือของเขาประคองมือผมไว้เบา ๆ ก่อนจะช่วยจับแนวเล็งให้ตรง


“พระองค์ต้องตั้งระยะประมาณนี้... ยกแขนขึ้นหน่อย คลายไหล่” เขาว่าเสียงนุ่ม แต่จังหวะจับมือแน่นพอให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ


“ใครจะไปเก่งเหมือนเจ้าล่ะ ข้าไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักรบเหมือนเจ้านี่นา” ผมพ่นลมเบา ๆ พูดออกแนวประชด ประมาณว่า... ฮอร์โมนประชดชีวิตกำลังทำงาน และก็อดจะคิดไม่ได้ว่าสามีแต่ละคน...ทำไมถึงดีขนาดนี้กันนะ


“ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปก็ได้ ฝ่าบาทแค่ต้องฝึกไว้เพื่อป้องกันตัว… เผื่อวันไหนพวกข้าอยู่ไกลเกินกว่าจะปกป้องท่านได้”


“ก็...อย่าอยู่ไกลสิ”


คำพูดหลุดออกไปก่อนที่สมองจะได้อนุมัติ ผมหยุดชะงักนิดหนึ่งแล้วรีบเบือนหน้าหนีราวกับกลัวว่าคนข้างหลังจะได้ยิน ทั้งที่จริงเขายืนอยู่ใกล้จนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจ


ผมมีสิทธิ์พูดอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ...


เอลเซียนเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนกำลังทบทวนคำพูดที่ผมเผลอหลุดออกไป


“…หึ”


เสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ ดังขึ้นแผ่วเบา


ผมหันขวับไปทันทีโดยไม่ทันคิด แล้วก็เห็นว่าเขากำลังกลั้นยิ้มอยู่จริง ๆ มุมปากยกขึ้นนิด ๆ ดวงตาคู่นั้นยังคงสงบ...แต่ไม่เหมือนเดิม มันดู…นุ่มนวลขึ้น เหมือนกำลังพยายามซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้


ผมรีบเบือนหน้าหนีอีกครั้ง คราวนี้ทั้งหน้า คอ และหูคงแดงยันแผ่นหลัง


“เอาล่ะ” เขาพูดเสียงนุ่ม “ลองอีกลูกนะ คราวนี้ท่านเล็งเอง ข้าไม่ช่วย”


“ก็ได้” ผมพึมพำในลำคอ ทั้งที่ยังไม่กล้าสบตา แต่ก็ตั้งสมาธิกับเป้าธนูตรงหน้าแทน


ลูกธนูถัดไปพุ่งออกจากสายด้วยแรงมือที่ไม่มั่นคงนัก แต่คราวนี้มันไม่หลุดเป้าอย่างที่แล้วมา ถึงจะยังไม่เข้าเป้ากลางเป๊ะ ๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่าเดิมมาก


“ดีมาก” เขาว่า พร้อมกับก้าวมายืนข้าง ๆ “ท่านเริ่มมีแรงในแขนมากขึ้นแล้ว”


“เพราะเมื่อกี้เจ้าจับมือข้าจนข้ารู้จุดถ่วงน่ะสิ...” ผมพึมพำออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจอีกแล้ว แล้วก็แทบกัดลิ้นตัวเองตาย จะหลุดอะไรแบบนี้อีกกี่รอบเนี่ย...


เขาหัวเราะเบา ๆ แต่มันฟังยังไงก็เหมือนคนที่กำลังยิ้ม…


“จำได้ก็ดีแล้ว”


เราฝึกกันต่ออีกหลายดอก ผมเริ่มจับจังหวะได้มากขึ้น แม้จะยังไม่เข้าเป้าทุกครั้ง แต่ก็พอจะรู้ว่าควรใช้แรงตรงไหน แขนเริ่มมั่นคงขึ้น และหัวใจก็เริ่มเต้นเป็นจังหวะปกติ… (มั้ง)


“พักก่อนเถอะฝ่าบาท แขนของท่านเริ่มล้าแล้ว”


เอลเซียนเดินไปหยิบผ้ามาผืนหนึ่ง แล้วยื่นให้ผมซับเหงื่อ


ผมนั่งลงกับพื้นหญ้านุ่ม ๆ หอบหายใจนิดหน่อย เหงื่อชื้นตามขมับแต่ก็รู้สึกดี… เป็นความเหนื่อยที่ได้ฝึก ได้ทำอะไรด้วยตัวเองจริง ๆ


เขานั่งลงข้าง ๆ ไม่พูดอะไรสักคำ แค่ส่งกระบอกน้ำให้เงียบ ๆ


บรรยากาศรอบข้างก็เงียบเหมือนกัน เหล่านักฝึกคนอื่นอยู่ห่างออกไป และตรงนี้มีเพียงเราสองคน


“เมื่อกี้ที่ข้าพูด…”


ผมเริ่มจะพูดแก้ตัว แต่เขากลับหันมาสบตาก่อนพูดขัด


“รู้แล้ว”


น้ำเสียงของเขายังคงนิ่ง แต่แววตากลับบอกชัดว่า...เขาเข้าใจ


ในสิ่งที่ผมไม่ได้พูดออกไป...






...


พอช่วงบ่าย ผมกับเอลเซียนก็กินข้าวกลางวันกับเหล่าทหารในกอง แม้จะเป็นแค่อาหารพื้น ๆ อย่างปลาย่างกับเนื้อเกรียม ๆ แต่กลับทำให้ผมรู้สึกคิดถึงบ้านอย่างบอกไม่ถูก ผมกินเงียบ ๆ ฟังเสียงพวกเขาคุยกันไปเรื่อย เอลเซียนยังคงนั่งข้าง ๆ ช่วยแงะก้างปลาให้ พอหมดมื้อ เขาก็ลุกขึ้นไปรับผิดชอบงานของตัวเอง


ตอนที่เอลเซียนมัววุ่นอยู่กับกองเอกสาร ผมก็แอบเดินออกมาเงียบ ๆ โดยไม่ได้บอกใคร แค่รู้สึกอยากอยู่เงียบ ๆ สักพัก ไม่ได้มีเหตุผลซึ้งอะไรหรอก แค่อยากทำตัวเหมือนพระเอกในหนังที่ชอบหายไปยืนใต้ต้นไม้ตอนแดดรำไร แล้วคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแบบนั้น


แต่ผมไม่ใช่พระเอกไง ผมแค่คนธรรมดาที่จู่ ๆ ก็มาโผล่ในร่างองค์ชายที่ใคร ๆ ก็เอาใจซะเหลือเกิน


ที่โลกเดิมของผม ไม่มีบ้านให้คิดถึง ไม่มีแม้แต่คนให้กลับไปหา ชีวิตที่ผ่านมามันก็แค่เอาตัวรอด เป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนที่เช้าตื่นไปทำงาน ตกเย็นก็มานั่งคิดว่า "วันนี้เหลือเงินกินข้าวเท่าไหร่" แล้วพรุ่งนี้ต้องใส่เสื้อยับ ๆ ไปประชุมมั้ย เพราะไม่มีเวลารีด


ไม่มีเจ้าชาย ไม่มีสนามฝึก ไม่มีธนู จะมีก็แต่...บิลค่าไฟกับมาม่ารสต้มยำ


เอาจริง ๆ ผมก็เห็นแก่ตัวนั่นแหละ ที่แอบคิดว่าอยากอยู่ที่นี่ต่อไป อยากใช้ชีวิตในร่างของ "เซย์เรน" คนที่มีคนรัก มีคนห่วง มีชีวิตที่ดูมีความหมายหน่อย…แม้มันจะไม่ใช่ของผมก็ตาม


ระหว่างที่เดินแบบพระเอกซีรีส์ในหัวตัวเอง ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่า...เอ่อ นี่มันป่าใช่มั้ย แล้วผมเดินมาทางไหนนะ?


หันซ้ายก็มีแต่ต้นไม้ หันขวาก็มีแต่ต้นไม้ สุดท้ายคือมีแค่ผมกับความไม่แน่ใจในชีวิตอีกครั้ง


เก่งนักไม่ใช่เหรอ...อยากอยู่คนเดียวเองไง นี่ไง ได้อยู่สมใจเลย ติดอยู่กลางป่า ไม่รู้ทางกลับ ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มี GPS มีแค่ความมั่นหน้าบวกขาอ่อน ๆ ที่เดินมาไกลเกินจะเรียกสติทัน


แต่ทันใดนั้น—ฟิ้วว~!


เสียงแหวกอากาศเฉียดหูไปเสี้ยววินาที ผมแทบทรุดลงไปกองกับพื้นโดยไม่ต้องใช้สมองประมวลผล เพราะลูกธนูดอกนั้นพุ่งวาบผ่านหน้าไปฝังแน่นเข้ากับลำต้นไม้ใกล้ ๆ อย่างแม่นยำจนน่าขนลุก


ผมจะโดนฆ่าตายอยู่ในป่านี่จริง ๆ ใช่มั้ย… โดนเก็บกลางวันแสก ๆ แล้วกลายเป็นผีเฝ้าป่าแบบไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีแม้แต่ข่าวลงหน้าหนึ่ง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!?


ทันทีที่สติเข้าที่ ผมรีบกระโจนหลบหลังต้นไม้ตามสัญชาตญาณเอาตัวรอดที่ไม่รู้มีอยู่ในตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะหลุดออกมานอกอก


ใครเป็นคนยิง? ตั้งใจเล็งมาที่ผมหรือเปล่า? หรือผมแค่เผลอเดินเข้ามาในพื้นที่หวงห้ามของใครบางคน?


ตั้งแต่ข้ามมาโลกนี้ ยังไม่เคยมีใครหมายหัวผมแบบจริงจังขนาดนี้มาก่อนเลยนะ! ย้ำอีกที ประสบการณ์การเอาชีวิตรอดของผมเท่ากับศูนย์ อาวุธ? ไม่มีติดตัวสักชิ้น ขวัญกำลังใจ? กำลังจะติดลบ แล้วผมยังจะหวังให้ใครโผล่มาช่วยอีกเหรอ...


หรือจะยอมยกธงขาว เดินออกไปแล้วพูดว่า “เอาเลย ยิงให้จบ ๆ ไป จะได้ไม่ต้องเครียดแล้ว” ง่ายดีไหมนะ...


แต่ยังไม่ทันได้คิดแผนอะไรต่อ เสียง ฉึก! ฉึก! ฉึก! ก็ดังรัว ๆ ขึ้นใกล้ ๆ ลูกธนูอีกหลายดอกพุ่งมาแบบไม่ปรานี ตรงไปยังที่ที่ผมกำลังซ่อนตัว


นี่มันไม่ใช่การยิงเตือนแล้ว นี่มันเล็งจะฆ่ากันชัด ๆ ...


ผมกอดตัวเองแน่น ใจเต้นโครมคราม คิดในหัวว่าถ้าเกิดตายตรงนี้ขึ้นมาจริง ๆ อย่างน้อยก็ขอให้ไม่ต้องทรมาน


และแล้ว—ฉึก!


ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งตรงมาทางผมอีกครั้ง แต่ก่อนที่มันจะถึงตัว กลับมีลูกธนูอีกดอกพุ่งเข้ามาปะทะกลางอากาศ สกัดไว้ได้อย่างหวุดหวิด และในวินาทีนั้น ผมก็รู้สึกว่ามีบางอย่างคว้าร่างผมไว้แล้วดึงหลบออกมาอย่างรวดเร็ว


“เป็นอะไรมั้ย!? ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า!”


เสียงนั้น...ผมจำได้ดีไม่มีทางลืม


ผมซุกหน้าลงกับอกของเขาทันที น้ำตาไหลพรากเหมือนเด็กที่เพิ่งรอดตายจากฝันร้าย ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะยังมีชีวิตอยู่ เพราะเมื่อกี้ ความตายมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมจริง ๆ


“เซย์เรน ท่านรอข้าอยู่ตรงนี้นะ ห้ามไปไหน เดี๋ยวข้ากลับมา”


“เอลเซียน...” ผมเรียกชื่อเขาเบา ๆ เหมือนเสียงนั้นจะช่วยรั้งเขาให้อยู่กับผมอีกนิด เพราะตอนนี้ผมยังช็อกจนทำอะไรไม่ถูก ร่างกายเย็นเฉียบ สายตาเหม่อลอย ในหัวขาวโพลนไปหมด


เอลเซียนไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่กดมือเบา ๆ ลงบนหัวผม ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างสูงในชุดเกราะเบาเคลื่อนไหวเงียบเชียบ แต่แววตาในขณะหันหลังให้...แข็งกร้าวและอันตรายอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน


เขาหายเข้าไปในแนวป่าทางเดียวกับที่ลูกธนูพุ่งมา


เสียงฝีเท้าของเขาเงียบราวกับลม เงียบจนน่ากลัว ผมพยายามควบคุมตัวเองให้ไม่สั่น แต่ความตื่นกลัวเมื่อครู่ยังคงอยู่เต็มอก


เวลาผ่านไปไม่นานนัก แม้สำหรับผมมันจะเหมือนผ่านไปเป็นชั่วโมง เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็กลับมา พร้อมกลิ่นโลหะอ่อน ๆ ที่แตะจมูก


“เซย์เรน” เสียงทุ้มนั้นเรียกเบา ๆ


ผมเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ เอลเซียนยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว กลับมาอย่างไม่มีรอยขีดข่วน ใบหน้าสงบนิ่ง แต่เปื้อนฝุ่นเล็กน้อยจากการต่อสู้ เส้นผมของเขาถูกลมป่าพัดไหว แต่ดวงตาคู่นั้นกลับนิ่งลึกอย่างเดิม


“พวกมันหนีไปแล้ว” เขาบอก พลางย่อตัวลงนั่งตรงหน้าผม


“ข้าไม่แน่ใจว่าพวกมันเป็นใคร แต่ไม่ใช่พวกชาวบ้านแน่ การยิงแบบนั้น...เป็นฝีมือของคนที่ได้รับการฝึกมา”


ผมพยักหน้าเบา ๆ ยังพูดไม่ออก เขามองผมนิ่ง ๆ แล้วค่อย ๆ เอื้อมมือมาจับมือของผมไว้


“มือท่านสั่นอยู่” เขาว่าเบา ๆ ก่อนจะขยับตัวนั่งข้าง ๆ แทน แล้วดึงตัวผมเข้าไปในอ้อมแขนอย่างไม่พูดอะไรต่อ


ผมไม่พูดอะไรเช่นกัน แค่เอนหัวซบกับไหล่เขา เงียบ ๆ


อ้อมแขนของเขาแน่นพอดี ไม่แน่นเกินไป ไม่อ่อนเกินไป แค่นั้นก็ทำให้ลมหายใจของผมเริ่มกลับมาเป็นปกติ


“ข้าขอโทษ...ที่มาช้า” เขากระซิบใกล้หู


“ไม่ใช่ความผิดเจ้าสักหน่อย” ผมตอบเสียงเบา มือลูบปลายแขนเสื้อเขาไปมาอย่างไร้จุดหมาย


เรานั่งกันอยู่อย่างนั้นนานพอสมควร จนผมเริ่มหายตกใจลงบ้าง แม้หัวใจยังเต้นแรง แต่สมองก็เริ่มกลับมาใช้งานได้แล้ว …พอหันมามองตัวเองถึงได้รู้ว่า สภาพหลังหนีตายแบบทุลักทุเลของผมนั้นไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำตัวหนึ่ง


เนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยดินกับเศษใบไม้ ผมเปียกยุ่ง ดูแล้วไม่ต่างจากนางเอกนิยายที่หลงป่า แต่เป็นเวอร์ชันที่โดนฝนตกใส่ ลื่นล้มสี่รอบ แล้วกลิ้งตกเขาเบา ๆ ถึงจะสมจริง


เอลเซียนไม่พูดอะไร แค่ย่อตัวลงให้ผมขึ้นขี่หลังอย่างง่ายดาย ก่อนจะลุกขึ้นพาเดินต่อในป่าด้วยท่าทีระมัดระวัง


เดินได้ไม่นาน เสียงน้ำไหลซ่า ๆ ก็ดังขึ้นข้างหน้า พอพ้นแนวต้นไม้ ก็เจอน้ำตกเล็ก ๆ ที่ไหลลงมาจากหน้าผา เหมือนฉากในนิทานที่ไม่ควรโผล่มาในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้เลยสักนิด


“ทุกคนอาจจะตกใจหากท่านกลับไปในสภาพนี้” เขาว่า ก่อนจะวางผมลงอย่างเบามือ แล้วยืนหันหลังให้ “ท่านชำระกายให้เรียบร้อย ข้าจะยืนรออยู่ตรงนี้”


ผมกะพริบตาปริบ ๆ มองแผ่นหลังกว้างนั่นอย่างอดบ่นในใจไม่ได้...อะไรกัน แบกกันมาตั้งไกล หายใจรดต้นคอขนาดนั้น พอมาถึงจุดนี้กลับยืนหันหลังให้ซะงั้น แต่งงานกันแล้วนะ ยังจะสุภาพกับเมียขนาดนี้อีกเหรอ


ก็เอาเถอะ ถึงจะน้อยใจนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขามาเห็นตัวเปื้อนดินของผมตอนนี้หรอก ผมถอนหายใจพลางปลดเสื้อผ้าออกช้า ๆ พอได้เห็นร่างกายตัวเองที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนก็อดถอนใจไม่ได้


ผมก้าวลงไปในน้ำเย็นจัดอย่างระมัดระวัง น้ำใสแจ๋วจนเห็นปลายเท้าแหวกผ่าน เผลอสะดุ้งเล็กน้อยเพราะความเย็น แต่ก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด บรรยากาศรอบตัวนี่มันดีเกินไปหน่อยไหม... ทั้งที่เมื่อกี้ผมเพิ่งเกือบตายแท้ ๆ


สายตาเหลือบมองไปทางเอลเซียนที่ยืนอยู่ตรงเดิม หันหลัง แขนกอดอก เงียบสงบแบบทหารดีเด่น ผมยิ้มขำในใจ แล้วจู่ ๆ ความคิดซน ๆ ก็ผุดขึ้นมา


ในเมื่อเขาไม่คิดจะหันมาเอง... งั้นก็ต้องหาเหตุผลให้เขาหันสิ


ผมเดินไปตรงจุดที่น้ำลึก แล้วค่อย ๆ ทิ้งตัวลงใต้น้ำให้แนบเนียน แล้วเริ่มดิ้นนิด ๆ ตีน้ำเบา ๆ ก่อนร้องเสียงหลง


“แฮ่ก...! ช่วย...!”


เสียงที่แสร้งให้ดูตื่นตระหนก กับจังหวะที่น้ำแตกกระเซ็นจากการตะเกียกตะกาย ได้ผลเกินคาด


“เซย์เรน!” น้ำเสียงเขาตะโกนลั่น พร้อมเสียงตูมใหญ่ เอลเซียนกระโจนลงมาโดยไม่ลังเล แล้วคว้าตัวผมขึ้นจากใต้น้ำอย่างรวดเร็ว


แต่ดันเป็นว่า...ผมสำลักน้ำเข้าจริง ๆ!


“แค่ก! แค่ก!” เสียงไอดังลั่น หน้าแดงน้ำตาไหลแบบไม่ต้องแสดง


จากที่กะจะอ่อยกลายเป็นเด็กจมน้ำไปซะอย่างนั้น!


เอลเซียนกอดร่างผมแน่นในอ้อมแขน ช้อนตามองด้วยความตกใจ


"ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า!? หายใจลึก ๆ เร็ว!"


"ข—ข้าไม่เป็นไร..." ผมพูดทั้งที่ยังไอจนน้ำตาเล็ด


เขาหยัดตัวขึ้น พาผมเดินขึ้นฝั่ง ประคองให้ผมนั่งพิงหินใกล้ ๆ แล้วนั่งลงข้าง ๆ ยกมือแตะหน้าผากกับแก้มผมเบา ๆ เหมือนจะเช็กอุณหภูมิหรือหาสัญญาณอะไรบางอย่าง


ผมรู้สึกถึงสายตาที่อบอุ่นและกังวล ทว่าก็รู้สึกเขินจนหน้าแดงวูบ ๆ เลยตัดสินใจใช้ความกล้าหาญที่เหลืออยู่


ผมยกมือแตะแก้มเขาเบา ๆ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “เอลเซียน…ถ้าท่านไม่รีบดูแลข้าแบบนี้ ข้าคงไม่มีวันให้อภัยท่านแน่”


เขาหยุดมือ สบตาผมช้า ๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดออกมาอย่างจริงจัง


“ข้า…ไม่อยากให้ท่านเป็นอะไรไป”


ผมโน้มหน้าเข้าไปใกล้เขาทีละนิด แล้วเอ่ยเบา ๆ


“ถ้าจะห่วงกันขนาดนี้...ทำไมไม่จูบข้าสักทีล่ะ”


เอลเซียนหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย คิ้วขมวดคล้ายลังเล แต่สุดท้ายก็ใจอ่อน เขาค่อย ๆ โน้มตัวเข้ามา ประกบริมฝีปากกับผมอย่างแผ่วเบา จูบนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความห่วงใย และความรักที่ไม่ได้เอ่ยเป็นคำพูด


เมื่อริมฝีปากผละออกช้า ๆ สายตาของเขายังคงจับจ้องมาที่ผม สีแดงระเรื่อแต้มอยู่บนใบหน้าที่เคยเรียบเฉย ผมยิ้มบาง ๆ แล้วก้มหน้าลงแตะหน้าผากชนกันอย่างแผ่วเบา


“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ข้าสัญญา...ว่าจะไม่ปล่อยให้ท่านตกอยู่ในอันตรายเช่นวันนี้อีก”


“ดีแล้ว...เพราะต่อจากนี้ เจ้าต้องดูแลข้าทั้งชีวิตเลยนะ”






-----------------------------------------


ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะ


รักคนอ่าน❤️


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา สมัครเข้าเรียน

×

นายกสโมสร

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
257763
Zenny
103360
ออนไลน์
19719 ชั่วโมง
โพสต์ 5 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
31837
Zenny
129
ออนไลน์
5059 ชั่วโมง
โพสต์ 5 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
ชอบ

นายกสโมสร

กระทู้
28
พลังน้ำใจ
180176
Zenny
182856
ออนไลน์
30180 ชั่วโมง
โพสต์ 5 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
แต๊งกิ้ว

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
7956
Zenny
2374
ออนไลน์
2489 ชั่วโมง
โพสต์ 5 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ ชอบมากครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1293
Zenny
1252
ออนไลน์
125 ชั่วโมง
โพสต์ 5 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกมากครับ
อ่อยจังนะเซย์เรน เดี๋ยวเจอของจริงจะรู้สึก 55
ขอบคุณนะครับ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
3
พลังน้ำใจ
51100
Zenny
23418
ออนไลน์
2865 ชั่วโมง
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
3
พลังน้ำใจ
23449
Zenny
18351
ออนไลน์
2628 ชั่วโมง
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
13837
Zenny
14814
ออนไลน์
883 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 01:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกมากครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2025-6-21 10:59 , Processed in 0.094694 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2025 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้