เขาครางต่ำในลำคอ ดวงตาเบิกเล็กน้อยด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น
และเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของธามเริ่มเดินข้ามถนนกลับมา —
แบงก์ก็ทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดจะทำในชีวิต
เขากลืนมันลงไป
ในลมหายใจสุดท้าย…ก่อนที่ประตูรถจะเปิด
ขณะธามเดินถือแก้วกลับมาขึ้นรถ
แบงก์รับแก้วมาอย่างเรียบร้อย มือสั่นน้อย ๆ แบบที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแน่
เขายกขึ้นจิบ...แค่แตะริมฝีปาก กลิ่นกาแฟผสมกลิ่นกระดาษเมื่อครู่ยังหลงเหลือ
แต่กลิ่นที่เขารู้สึกมากที่สุด...คือกลิ่นของคนที่นั่งข้าง ๆ
มันติดอยู่ที่คอ เขาแนบแก้มกับหน้าต่างนิด ๆ เพื่อสูดหายใจลึกอีกครั้ง
“…อร่อย” เขาพูดแผ่ว “แต่เดี๋ยวกินต่อทีหลัง เดี๋ยวนอนไม่หลับ”
“หืม?”
ธามหันข้างมามองเล็กน้อยก่อนหัวเราะเบา ๆ
“555 เออๆ มึงก็นอนบ้างนะ บางทีเห็นมึงหน้าเหมือนซอมบี้”
แบงก์หัวเราะน้อย ๆ กลบเกลื่อน ใจยังเต้นอยู่ใต้เสื้อที่ดูเรียบร้อย
เขากำแก้วไว้แน่น ราวกับมันเป็นจุดเดียวที่เหนี่ยวรั้งเขาไว้กับโลกจริง
ร่างกายเหมือนจะสงบ
แต่ในใจมันกลับดัง เหมือนหม้อต้มน้ำที่รอเดือด
...................................
ตอนบ่ายในคอกวัว
แบงก์ก้าวย่ำลงพื้นดินแห้ง แตกราวเปลือกไม้เก่า ๆ กลิ่นเถ้าถ่านยังติดอยู่ในอากาศ แม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว
เขาเดินไล่สายตามองซากไหม้ ก่อนสะดุดเข้ากับวัตถุสีดำสนิท กึ่งกลมเหมือนก้อนหินธรรมดา แต่มีบางอย่างสะท้อนออกมาจากแสงอาทิตย์—
ประกายเขียวเจือม่วงแวบวับอยู่ในเนื้อหิน
“นี่มัน…” เขาก้มลงหยิบมันขึ้นมา ใช้ถุงมือเก็บแยกใส่ซองพลาสติก
"ส่งแลปแน่ๆ ไอ้นี่..." เขาพึมพำ
.........................................................
เย็นวันนั้นที่สถานีตำรวจ
อาการขัด ๆ ในท้องหายไปแล้ว ร่างกายกลับมาเป็นปกติ
เขาเดินลากเก้าอี้พลาสติกตัวเดิม—ที่ไม่มีใครอยากนั่ง—กลับมาที่โต๊ะ
นั่งลง จัดเอกสาร ทำรายงานเหมือนปกติ
ไม่มีอาการตึงเต้น ไม่มีขาสั่น
เขานิ่งและสบายราวกับพายุได้ผ่านพ้นไป
............................................................................................
เสียงสวดเบา ๆ คล้ายเสียงลมหายใจดังสม่ำเสมอรอบรูปปั้นหินสูงเท่าชายชรา แกะสลักเป็นรูปลักษณ์ของบรรพบุรุษผู้ให้กำเนิดเผ่า
ร่างของชายชนเผ่าเปลือยท่อนบน ล้อมวงนั่งพนมมือ
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามา
ผิวของเขามีลายแสงจางสีม่วงบนอกและหน้าท้อง
ใบหน้าแดงจัด
ดวงตาเบิกเล็กน้อย ร่างกายแสดงอาการกระสับกระส่าย
เด็กหนุ่มมีอาการร้อนบริเวณร่องก้น จึงนึกถึงแต่หัวหน้าเผ่า
ร่างกายบีบรัด ความว่างเปล่าจนเด็กหนุ่มต้องหาทางช่วย
หัวหน้าเผ่าผู้ชราหันมาสบตา เข้าใจโดยไม่ต้องมีคำพูด
“ขณะนี้ บรรพบุรุษต้องการพิธีกรรม ไม่ใช่การผสมพันธุ์” เขาพูดด้วยเสียงแผ่วแต่หนักแน่น
เด็กหนุ่มยืนนิ่ง ยิ่งแสดงอาการอึดอัด
มือเกร็ง สะโพกกระตุกเล็กน้อย เด็กชายแสดงอาการ สั่นทำท่านั่งยองๆ ให้รู้ว่า
เขารู้สึกว่าต้องการมากเท่าไหร่ เด็กชาย ใช้สายสองมือเปิดก้นกลมให้เห็นรูสีชมพูที่มี
ของเหลวใสที่ช่วยสร้างความหล่อลื่น ออกมา
หัวหน้าเผ่าล้วงเข้าไปในถุงหนังสัตว์ หยิบแผ่นหนานุ่มคล้ายหนังชุ่มน้ำขาวขุ่น กลิ่นแรงออกมา ส่งให้เด็กหนุ่ม
“ลิ้มรสมัน แล้วพลังจะสงบลง”
เด็กหนุ่มรับมาอย่างรู้ความ
ยกขึ้นจรดริมฝีปาก
กลิ่นคาวกลมกล่อมตีขึ้นจมูก ดวงตาของเขาเบิกเล็กน้อย—ก่อนจะหลับตาช้า ๆ
ร่างที่สั่นค่อย ๆ สงบลง
พิธีกรรมยังดำเนินต่อ
................................................................
แบงค์ได้มีโอกาสกลับบ้าน เขาจึงรีบไปหาพลอยทันที
เสียงกุญแจไขประตูเบา ๆ แบงก์เดินเข้ามาในห้องที่คุ้นเคย กลิ่นของเธอลอยอวลในอากาศ เป็นกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่ที่เขาชอบ เสียงฝีเท้าเบา ๆ วิ่งมาจากห้องครัว ก่อนร่างบางจะกระโดดกอดเขาแน่น
“คิดถึงชิบหาย…” เสียงเขาต่ำ ลมหายใจหนักเหมือนแบกความคิดถึงมาหลายวัน
เธอเงยหน้าขึ้น ยิ้มเบา ๆ ไม่พูดอะไร — เขาก็ไม่รอให้เธอตอบ
ริมฝีปากประกบกัน ความหิวโหยปะทุจากในอก เขาอุ้มเธอพาไปยังเตียงนุ่มที่ทั้งคู่เคยหลับไหลร่วมกัน
ในความเงียบนั้น ดอกไม้แห่งความสัมพันธ์บานสะพรั่งช้า ๆ ใต้แสงสลัว
นิ้วของเขาไล้ผ่านผิวเธออย่างระมัดระวัง ราวกับสำรวจกลีบแรกของดอกไม้ที่เพิ่งผลิบานหลังฝนแรก
เธอเหมือนลำต้นที่รู้จังหวะของสายลม ขยับรับสัมผัสเขาอย่างพอดี
และเขา — กลับเป็นเหมือนเกสรที่กำลังสั่นไหวเพราะได้กลับเข้าสู่วงจรของฤดูที่รอคอย
ไม่ใช่แค่เย็นคืนนั้น แต่เช้าของวันถัดมา — และแม้กระทั่งก่อนเขาจะเดินทางกลับ
เธอคือที่หลบฝน ที่ระบาย ที่ปลอบโยน
เขาใช้ความเงียบในความเร่าร้อนบอกเธอว่า “คิดถึง” โดยไม่ต้องพูดซ้ำอีก
จนพลอยตอนหอบราวกับดอกไม้ที่ถูกฝนสาดชุ่มฉ่ำ