แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-2-22 10:00  
 
 
  
 ตอนที่ 4  
 : Part เพลิงภพ ผมมองดู เจ้าเด็กซน ที่ตอนนี้นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของผม เปลือกตาสีอ่อนปิดสนิท ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ  
 ดูท่าคงจะหมดแรงจริง ๆ  
 ไม่แปลกหรอก... ทั้งที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน พอตื่นมาก็โดนผมเล่นงานเข้าไปอีกรอบ เป็นใครก็ต้องหมดสภาพกันทั้งนั้น  
 แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก  
 เจ้าตัวนี่น่ะ โคตรจะยั่ว ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าใบหน้านิ่งเงียบนี่จะซ่อน ความแซ่บ ไว้มากมายขนาดนี้  
 ผมใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมนุ่มออกจากใบหน้า ลากไล้เบา ๆ ไปตามแนวสันกราม  
 “ดูเหมือนฉันจะติดใจนายแล้วแล้วล่ะ หมอธารา”  
 พูดกับคนที่หลับอยู่แบบนี้ มันก็ไม่ต่างจากการพูดกับตัวเองหรอก แต่ก็นั่นแหละ... ผมแค่เผลอหลุดปากออกมา  
 ผมถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะไล้ฝ่ามือลงต่ำ ค่อย ๆ แยกขาเรียวออกนิดหน่อย ใช้ปลายนิ้วคว้านเข้าไปในช่องทางที่ยังคงตอดรัด  
 ภายในยังอุ่นจัด... และเปียกชื้นไปหมด  
 เต็มไปด้วยสิ่งที่ผมทิ้งไว้  
 ผมขมวดคิ้วนิดหน่อย ใช้ปลายนิ้วควานเอาสิ่งตกค้างออกมาให้หมด  
 “อื๊อ…”  
 เสียงครางแผ่วดังลอดออกมาจากริมฝีปากแดงที่เผยอออกนิด ๆ ธาราขยับตัวเล็กน้อยเหมือนละเมอ ก่อนที่ร่างกายจะสงบลงอีกครั้ง  
 ผมมองดูท่าทางของเขาแล้วก็หลุดหัวเราะเบา ๆ  
 “แม่ง... แม้แต่ตอนหลับยังเซ็กซี่”  
 ผมกระซิบ ก่อนจะใช้ฝ่ามือประคองสะโพกแน่น ๆ นั่นขึ้นมา ล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย ลูบไล้ไปตามผิวเนื้อนุ่มที่เต็มไปด้วยร่องรอยที่ผมฝากไว้เมื่อคืน  
 มือของผมลากผ่านรอยแดงเป็นจ้ำตามต้นขา เอว และแผ่นหลัง มีทั้งรอยมือ รอยฟัน และรอยจูบที่ผมตั้งใจประทับตราเอาไว้  
 เห็นแบบนี้แล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มออกมา  
 “หึ… ใครจะเชื่อว่าพรุ่งนี้ตอนออกไปข้างนอก นายจะต้องแอบซ่อนร่องรอยพวกนี้”  
 หลังจากล้างตัวให้จนสะอาด ผมก็ช้อนตัวเขาขึ้นจากอ่างอย่างเบามือ  
 ตัวเล็กขนาดนี้ แต่ทำให้ผมคลั่งไปทั้งคืนได้...  
 แขนเรียวยังคงตกลงแนบลำตัว ไม่มีท่าทีจะขยับเลยสักนิด ผมอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงไปกระซิบเบา ๆ ข้างหู  
 “แกล้งหลับอยู่รึเปล่า ยัยหนู?”  
 ไม่มีเสียงตอบกลับ มีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ  
 แต่ตอนที่ผมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นเพื่ออุ้มเขา รู้สึกเหมือนปลายนิ้วของอีกฝ่ายเกาะเบา ๆ ที่ต้นแขนของผม  
 อืม… ก็คงจะสบายใจในระดับหนึ่งล่ะนะ ถึงได้หลับสนิทขนาดนี้  
 เตียงนอนนุ่ม ๆ ของคอนโด  
 ผมค่อย ๆ วางร่างของธาราลงกับฟูก ปรับหมอนให้อยู่ในระดับพอดี ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้  
 เขาคงไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนอนหลับ สีหน้าของเขาดูน่ามองขนาดไหน ดูสงบ เรียบนิ่ง ไม่เหลือความดื้อรั้น ไม่เหลือแววตากวนประสาทที่ผมเห็นเป็นประจำ  
 ผมใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมออกจากหน้าผากของเขา ก้มลงไปกดจูบเบา ๆ  
 “พักผ่อนให้เต็มที่นะ เด็กดี”  
 ผมนั่งมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบเชียบ  
 ความรู้สึกบางอย่างในใจมันแปลกไปจากเดิม ผมเคยนอนกับใครหลายคน แต่ไม่มีใครที่ผมปล่อยให้นอนอยู่ในห้องแบบนี้ ไม่มีใครที่ผมเคยดูแลให้สบายตัวหลังจากเสร็จกิจขนาดนี้  
 อืม...  
 หรือว่า ธารา กำลังจะกลายเป็นข้อยกเว้นของผมกันนะ?  
  
: Part ธารา ผมรู้สึกถึงความอุ่นที่โอบรอบตัว สติของผมยังพร่าเลือน ร่างกายหนักอึ้งจนขยับแทบไม่ไหว เปลือกตาปิดสนิท แต่ผมยังรับรู้ถึงสัมผัสที่ค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามผิวเนื้อ  
 อา… เพลิงภพ…  
 แค่คิดถึงชื่อของเขา ร่างกายของผมก็ขนลุกวาบ ความทรงจำเมื่อคืนไหลย้อนกลับมาเป็นฉาก ๆ ตั้งแต่ถูกกดกับกระจก ทิ้งรอยฝ่ามือไว้บนอ่างล้างหน้า จนถึงอ่างอาบน้ำที่ผมแทบละลายคาอ้อมแขนเขา  
 แล้วผมก็ถูกเขา ‘ดูแล’ ต่อเนื่องจนถึงเช้า…  
 อา... บ้าที่สุด  
 "อื๊อ…"  
 ผมละเมอครางเบา ๆ เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่แทรกเข้ามาด้านหลัง ใต้ร่างยังไวต่อความรู้สึกจนน่ากลัว เพลิงภพ... เขากำลังทำความสะอาดให้ผม  
"อย่าดื้อสิ ยัยหนู"  
 เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหู ปลายนิ้วแข็งแกร่งคว้านเอาสิ่งตกค้างออกจากตัวผม ผมสะดุ้งเฮือก ทั้งอยากจะหนี แต่แรงไม่มีเลยแม้แต่น้อย  
 อา… คนบ้า ทำไมเขาต้องดูแลกันขนาดนี้ด้วย  
 แต่ผมก็ไม่ได้ห้ามเขาหรอก  
ผมค่อย ๆ ปล่อยตัวให้ผ่อนคลายไปกับสัมผัสของเขา ลมหายใจหนักหน่วงค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ จนในที่สุด ผมก็ถูกอุ้มขึ้นจากอ่างอาบน้ำ  
 ผมซบหน้ากับแผ่นอกเปลือยของเขา ปล่อยให้ร่างตัวเองแนบกับไออุ่นของเขาโดยไม่คิดจะขยับหนี  
 "พักผ่อนให้เต็มที่นะ เด็กดี"  
 ริมฝีปากร้อนกดจูบลงบนหน้าผากของผมเบา ๆ ก่อนที่ผมจะถูกวางลงบนเตียง ผ้าห่มอุ่นถูกคลี่คลุมให้โดยไม่ต้องร้องขอ  
–  
"อือ..."  
 ผมขยับตัวเล็กน้อย เปลือกตากระพริบช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมขึ้น สายตาพร่ามัวจากการนอนนานเกินไป  
 กี่โมงแล้วเนี่ย...?  
 ผมครางเบา ๆ พลิกตัวไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนัง แต่ยังไม่ทันจะโฟกัสได้ดี ก็รู้สึกถึงความร้าวระบมไปทั่วร่างกาย สะโพกหนักอึ้งจนแทบขยับไม่ได้  
 ให้ตายเถอะ... เพลิงภพเล่นซะขนาดนี้ จะให้ลุกยังไงไหว  
 ความทรงจำเมื่อคืนหลั่งไหลเข้ามาเป็นฉาก ๆ ผมกัดริมฝีปาก พยายามสลัดมันออกจากหัว ก่อนจะควานมือหาโทรศัพท์ที่น่าจะวางอยู่ข้างเตียง  
 หน้าจอสว่างขึ้น ผมเพ่งมองเวลา  
 15:30 น.  
 เฮ้ย!!  
 ผมสะดุ้งตื่นเต็มตา รีบพุ่งตัวขึ้นมาทันที แต่พอขยับ สะโพกก็ร้องประท้วง ผมกัดฟัน ข่มความเจ็บก่อนจะสูดหายใจลึก ๆ  
 ซวยล่ะ! วันนี้มีงานพิเศษที่คลินิกของรุ่นพี่นี่หว่า!  
ผมรีบหันไปมองหาเสื้อผ้าของตัวเอง เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ที่ใส่มาเมื่อวานหายไปหมด ไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว  
 "บ้าเอ๊ย..."  
 ผมบ่นพึมพำ ก่อนจะลากสังขารออกจากห้องนอน เดินไปทางห้องนั่งเล่น  
 ทันทีที่มาถึง ผมก็เห็นอะไรบางอย่างแปะอยู่บนโต๊ะกินข้าว  
 แผ่นกระดาษโน้ตหนึ่งใบ แปะไว้ด้วยเทปใส ใกล้กันนั้นมีเช็คใบหนึ่งวางอยู่ และข้าง ๆ กันคือจานอาหารที่ดูเหมือนเพิ่งทำเสร็จไม่นาน  
 ผมหรี่ตาลง ก่อนจะหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาอ่านข้อความ  
 "เสื้อผ้าของนายอยู่ในเครื่องซักผ้า ถ้ายังลุกไม่ไหวก็นั่งกินข้าวก่อน  
 เช็คนี้ถือว่าเป็นค่าทำงานล่วงเวลาเมื่อคืน – เพลิงภพ"  
 ผมกระพริบตาปริบ ๆ อ่านทวนอีกครั้ง  
 "...ไอ้บ้าเอ๊ย"  
 ผมหัวเราะเบา ๆ แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวขึ้นมาเองโดยไม่รู้ตัว มือเอื้อมไปหยิบเช็คขึ้นมาดู ยอดเงินบนกระดาษทำให้ผมอ้าปากค้าง  
 "หมื่นห้า!?!"  
 ไอ้บ้านั่นมันบ้าไปแล้วรึไง! ผมไม่ได้ขายตัวสักหน่อย!  
 ผมรีบวางเช็คกลับไปบนโต๊ะ เหลือบมองอาหารที่เขาทิ้งไว้ให้... ไข่ดาวกับไส้กรอกง่าย ๆ แต่หน้าตาดูดีใช้ได้ ข้าง ๆ กันมีแก้วน้ำส้มวางอยู่  
 ผมกัดริมฝีปาก ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดี  
 เขาทำอาหารให้ ทิ้งโน้ตไว้ บอกว่าเสื้อผ้าผมอยู่ในเครื่องซักผ้า แต่ดันแนบเช็คเงินค่าตัว(?) มาให้ด้วยเนี่ยนะ?  
 ไอ้หมอนี่แม่ง... เข้าใจยากจริง ๆ  
 ผมทิ้งตัวลงนั่ง ถอนหายใจ ก่อนจะหยิบส้อมจิ้มไส้กรอกขึ้นมากัด ไม่รู้ว่าหิวหรือว่าเหนื่อยกันแน่ แต่ตอนนี้มีอาหารให้กินก็ดีกว่าไปตายกลางทาง  
 "ถ้าฉันรับเงินนี่ไป ฉันจะถือว่าตัวเองเป็นอะไรล่ะ?"  
 ผมพึมพำเบา ๆ  
 ไอ้หมอนั่นคิดจะทำอะไรกันแน่…  
 หลังจากนั่งพักไปสักพัก ผมก็รู้ว่าได้เวลาต้องไปแล้ว ถึงแม้ว่าร่างกายจะยังประท้วงความเหนื่อยล้าอยู่ก็ตาม  
 ผมกัดฟันลุกขึ้น บิดตัวเล็กน้อยให้หายเมื่อย แต่ก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อความปวดร้าวยังคงแล่นไปทั่วสะโพกและหลัง  
 "ให้ตายเถอะ... นี่มันเป็นผลพวงจากเมื่อคืนเต็ม ๆ"  
 หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ผมก็จัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย รีบเตรียมตัวออกไปทำงานพิเศษที่คลินิกของรุ่นพี่  
 กำลังจะก้าวออกจากห้องนั่งเล่น แต่ทันใดนั้น...  
 "เมี้ยว~"  
 เสียงร้องเบา ๆ ดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสนุ่ม ๆ ที่ถูไปมากับขาของผม  
 น้ำขิง...  
 เจ้าแมวขนส้มของเพลิงภพเดินมาคลอเคลียอยู่ที่ขาผม สายตามันดูสดใสขึ้นกว่าที่เห็นเมื่อวาน ตอนนั้นมันยังดูซึม ๆ อยู่เลย แต่วันนี้กลับมีแรงเดินเข้ามาหาผมเอง  
 "เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย?"  
 ผมย่อตัวลง ลูบหัวมันเบา ๆ ปลายนิ้วเกลี่ยไปตามขนฟู ๆ ของมันอย่างอ่อนโยน น้ำขิงหลับตาพริ้ม ส่ายหางไปมาเหมือนอารมณ์ดี  
 “แกไม่เป็นไรก็ดีแล้ว...”  
 ผมพูดกับมันเบา ๆ แต่แล้วก็ถอนหายใจยาว  
 "...แต่ฉันเนี่ยสิ เฮ้อออ"  
 ปวดหลัง ปวดเอวไปหมด  
 ผมบ่นในใจ ก่อนจะไล้นิ้วไปตามขนนุ่มของเจ้าแมวส้มต่อ  
 "ไว้จะมาเล่นด้วยใหม่นะ ฉันต้องไปแล้ว"  
 คำพูดนั้นหลุดออกมาโดยไม่ทันคิด แต่ทันทีที่พูดจบ ผมก็กะพริบตา มุมปากชะงักนิดหน่อย  
 "...แล้วฉันจะกลับมาทำไมอีกวะ?"  
 ผมเผลอคิดกับตัวเอง ก่อนจะค่อย ๆ หันไปมองโต๊ะกินข้าวที่เช็คยังคงวางอยู่ที่เดิม...  
 ไม่มีใครแตะมันเลย ตั้งแต่ที่เพลิงภพวางไว้  
 ผมมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินผ่านไปโดยไม่หยิบมันติดมือมาด้วย  
 "ทำเหมือนฉันเป็นพวกนังหนูขายตัวเลย"  
 เสียงพึมพำของผมดังแผ่วเบาในห้องเงียบ ๆ  
 ผมหยิบกระเป๋าขึ้นพาดบ่า ก่อนจะก้าวออกจากห้องของเพลิงภพ  
–  
เสียงประตูห้องปิดลงเบื้องหลัง ผมหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอยู่ครู่หนึ่ง  
 คงไม่มีเหตุผลให้ต้องกลับมาที่นี่อีกแล้ว  
 ผมถอนหายใจยาว ก่อนจะสาวเท้าออกไปตามทางเดินทอดยาว จนถึงหน้าลิฟต์  
 ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เสียงทักทายก็ดังขึ้นทันที  
 "อ้าว น้องธารา"  
 ผมเงยหน้าขึ้นจากพื้น แล้วก็ต้องกะพริบตาเมื่อเห็นว่าเป็นใคร  
 "อา... หวัดดีครับ พี่พายุ"  
 ผมรีบยกมือไหว้ รุ่นพี่ที่ยืนอยู่ในลิฟต์ตรงหน้าผมเป็นหนึ่งในคนรู้จักจากมหา'ลัยเดียวกัน  
 พายุ... รุ่นพี่ต่างคณะ ใจดี นิสัยดี แถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก  
 “เราอยู่คอนโดนี้เหมือนกันเหรอ?”  
 พี่พายุถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น ผมรีบส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับไป  
 "เปล่าครับ พอดีผมมาดูน้องแมวของคนที่อยู่คอนโดนี้ มันไม่ค่อยสบายน่ะครับ"  
 พูดไปก็รู้สึกผิดไป... เพราะจุดประสงค์ที่มานี่มันไม่ได้เกี่ยวกับแมวซะหน่อย  
 “อ๋อ ออกงานนอกสถานที่เหรอ?”  
 "ประมาณนั้นครับ" ผมตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปในลิฟต์  
 พี่พายุพยักหน้าเบา ๆ มองหน้าผมแวบหนึ่งแล้วพูดต่อ  
 "แล้วนี่จะไปคลินิกเหรอ? ให้พี่ไปส่งมั้ย?"  
 “ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ”  
 "เกรงใจอะไรกัน ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง"  
 ผมกำลังจะปฏิเสธอีกรอบ แต่พี่พายุมองผมนิ่ง ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย  
 "สีหน้าเราก็ดูซีด ๆ เหมือนคนไม่สบายเลย ถ้าเป็นลมไประหว่างทางจะทำยังไง?"  
 "...!"  
 ผมชะงักเล็กน้อย ลืมไปว่าตัวเองนอนติดเตียงมาทั้งวัน แถมเมื่อกี้ยังแทบลุกไม่ขึ้นด้วยซ้ำ  
 เงาสะท้อนในกระจกสแตนเลสของลิฟต์ทำให้ผมต้องกะพริบตา สีหน้าของตัวเองดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ...?  
 หรือจริง ๆ แล้วมันเป็นเพราะอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนกันแน่...  
 "ว่าไง?" พี่พายุถามซ้ำอีกครั้ง  
 ผมลังเลไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจ  
 "งั้น...ก็รบกวนพี่ด้วยนะครับ"  
–  
บนรถของพี่พายุ ลมจากแอร์เย็นฉ่ำช่วยให้ความอ่อนล้าในร่างกายทุเลาลงบ้าง ผมเอนตัวพิงเบาะ หลับตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลืมขึ้นมองถนนผ่านกระจกรถ แสงแดดอ่อน ๆ ยามบ่ายสะท้อนผ่านตึกสูง สลับกับต้นไม้ที่เรียงรายอยู่ข้างทาง  
 พี่พายุขับรถไปเรื่อย ๆ บรรยากาศในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์และเพลงคลอเบา ๆ ที่เปิดผ่านลำโพงรถ  
 "ช่วงนี้ทำงานหนักเลยเหรอ?"  
 เสียงทุ้มของพี่พายุดังขึ้นทำลายความเงียบ ผมหันไปมอง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย  
 "เอ่อ... ครับ ใกล้เปิดภาคเรียนแล้ว ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น ผมไม่อยากรบกวนที่บ้านน่ะครับ"  
 พี่พายุเหลือบมามองผมแวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ  
 "อืม ดีแล้ว มีความรับผิดชอบดี"  
 ผมยิ้มแห้ง ๆ รู้ตัวดีว่าไม่ได้ขยันขันแข็งขนาดนั้นหรอก แค่พยายามเอาตัวรอดให้ได้ก็พอ  
 "แต่ก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยล่ะ"  
 "ครับ..."  
 "พี่จะใช้คำว่า 'เป็นห่วง' กับเราได้ไหมนะ?"  
 "...!"  
 คำพูดนั้นทำให้ผมชะงัก หันไปมองหน้าพี่พายุอย่างไม่แน่ใจ  
 พี่เขายังจ้องถนนอยู่ แต่แววตาดูจริงจัง ไม่ได้พูดเล่นหรือหยอกล้อ  
 "พี่รู้ว่าธาราเก่ง พึ่งพาตัวเองได้ แต่ถ้าเหนื่อยก็พักบ้าง อย่าฝืนตัวเองจนเกินไป"  
 เสียงของเขาอ่อนโยน ราวกับผู้ใหญ่ที่คอยดูแลน้องชาย แต่ไม่รู้ทำไม หัวใจของผมกลับเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล  
 เป็นห่วงงั้นเหรอ...?  
 "อ่า... ขอบคุณนะครับ" ผมตอบเบา ๆ  
 พี่พายุหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบเส้นผมของผมเบา ๆ อย่างอ่อนโยน  
 ผมก้มหัวให้นิดหน่อยโดยไม่ได้คิดอะไร  
 อย่างน้อยก็ยังมีคนที่อ่อนโยนและใจดีกับผม  
 ในช่วงเวลาที่เหนื่อยล้าแบบนี้ มันก็ดีเหมือนกันที่มีคนสักคนคอยพูดให้กำลังใจ แม้ว่าผมจะไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับหัวตัวเอง แต่สัมผัสของพี่พายุกลับรู้สึก...ปลอดภัยกว่าที่คิด  
 "พักบ้างนะธารา"  
 คำพูดสุดท้ายของพี่พายุยังคงติดอยู่ในหัวผม ขณะที่ผมก้าวลงจากรถ  
 "ขอบคุณครับพี่พายุ"  
 "อืม... เจอกันนะ"  
 ผมหันกลับไปโบกมือให้เล็กน้อย ก่อนจะปิดประตูแล้วหันหลังเดินเข้าคลินิกไป  
–  
ทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในคลินิก พวกพี่ ๆ ที่ทำงานอยู่ก่อนแล้วก็พร้อมใจกันหันมามองเป็นตาเดียว  
 แม่ง... สัมผัสได้ถึงอะไรแปลก ๆ อีกแล้ว  
 ยังไม่ทันได้เดินไปไหน เสียงแซวจากพวกเขาก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง  
 “แน่ะ ๆ ใครน่ะ? แฟนมาส่งเหรอจ๊ะ~?”  
 “นั่นสิ ขับรถหรูซะด้วยนะ”  
 “น้องธารานี่ฮอตเหมือนกันนะ”  
 ผมถอนหายใจเฮือก กลอกตาอย่างเหนื่อยใจ  
 “พวกพี่ก็พูดกันเกินไปครับ” ผมรีบปฏิเสธ โบกมือไปมา “นั่นรุ่นพี่ที่รู้จักที่มหา’ลัยครับ”  
 “อ้อเหรอออ~”  
 “รุ่นพี่อะไรล่ะ ทำไมต้องมาส่งถึงที่ด้วย?”  
 “ใช่ ดูแลดีขนาดนี้ หรือจริง ๆ แล้วเป็น ‘ว่าที่แฟน’ กันแน่นะ?”  
 “พี่ ๆ พอเถอะครับ!”  
 ผมบ่นเสียงขึ้นจมูก หยิบเสื้อกาวน์มาใส่ เตรียมตัวเริ่มงาน แต่เสียงแซวยังไม่หยุด  
 "นี่เมื่อวันก่อนยังมีหนุ่มหล่อมาถามหาน้องธาราอยู่เลยนะ วันนี้มีคนมาส่งอีก คราวหน้าจะมีใครมาขอหมั้นเลยไหมเนี่ย?"  
 ผมขมวดคิ้ว เมื่อวันก่อน...?  
 อ๋อ... เพลิงภพ  
 ผมไม่ได้แปลกใจหรอก ก็พึ่งเจอกันอยู่เมื่อวานตอนเขาโทรมาจองหมอให้เจ้าน้ำขิงไปรักษานอกสถานที่ แล้วก็พามันมาหาหมอที่นี่เองด้วย  
 หนุ่มหล่อที่ถามหาผมน่ะ... เออ ก็คงเป็นไอ้บ้านั่นแหละ  
 “เหอะ... พี่ ๆ ไม่ต้องมาคิดเยอะเลยครับ คนเมื่อวันก่อนก็ไม่ได้เป็นอะไรกับผมหรอก”  
 “แน่ใจเหรอ~”  
 แต่ก็ไม่วายโดนตะโกนไล่หลังมาอีกจนได้  
 “ถ้าไม่เอาก็โยนมาทางนี้สักคนน้าา น้องธารา~ พี่เบื่อจะโสดเต็มที!”  
 เสียงลากยาวของพี่ที่พูดทำให้คนในคลินิกพากันหัวเราะ ผมส่ายหัวเบา ๆ แล้วชูมือขึ้นโบกไปมาโดยไม่หันกลับไป  
 “ไว้จะถามให้ครับพี่!”  
 เสียงหัวเราะยังดังไล่หลังมาอีกหน่อย ก่อนที่ทุกคนจะกลับไปทำงานของตัวเอง ผมถอนหายใจโล่งอก เดินตรงไปยังล็อกเกอร์ของตัวเองเพื่อเก็บของ  
 พอเปิดล็อกเกอร์ออก ผมก็ถอดเสื้อนอกที่ใส่มาออกอย่างลืมตัว ก่อนจะหันไปมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกข้าง ๆ  
 แล้วผมก็ต้องนิ่งค้างไป...  
 เชี่ยล่ะ  
 ร่องรอยสีแดงกระจายอยู่ทั่วตัวโดยเฉพาะที่เนินอก มันเยอะเกินไป!  
 ไม่ใช่แค่รอยเดียว แต่มีเป็นสิบ ๆ จุด ไล่ลงไปถึงช่วงไหปลาร้า แผ่นท้อง และบางจุดที่ถึงแม้เสื้อปกปิดได้ แต่แค่ขยับผิดมุมก็เห็นชัดเจน  
 ไอ้บ้านั่นมันฝากรอยไว้ขนาดนี้เลยเหรอ!?  
 ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนแวบเข้ามาในหัวอย่างห้ามไม่ได้ ทั้งตอนที่เพลิงภพกดริมฝีปากลงบนผิวเนื้อ แรงดูดเม้มที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของ มือร้อนที่ลูบไล้ไปทุกจุดอย่างเอาแต่ใจ   
 แค่คิดถึงตรงนี้ ผมก็ต้องเบือนหน้าหนี รีบติดกระดุมเสื้อให้แน่นกว่าเดิม  
 บ้าชิบ...  
 ถ้าพวกพี่ ๆ ในคลินิกเห็นเข้า ผมโดนแซวตายแน่!!  
 ผมหยิบเสื้อกาวน์ขึ้นมาสวมทับอย่างรวดเร็ว คอยปรับให้ชายเสื้ออยู่ในตำแหน่งที่ช่วยปกปิดได้มากที่สุด  
 พอเช็กความเรียบร้อยดีแล้ว ก็ถอนหายใจโล่งอก  
 “โอเค... น่าจะพอรอด”  
 ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอพูดออกมาหรือเปล่า แต่ภาพในกระจกสะท้อนใบหน้าของผมที่ยังขึ้นสีระเรื่อ ไม่ว่าจะพยายามสลัดภาพในหัวออกไปแค่ไหน แต่ร่องรอยบนร่างกายมันกลับเตือนให้ผมรู้ว่า…  
 เรื่องเมื่อคืนมันไม่ใช่แค่ฝัน แต่มันเกิดขึ้นจริง  
 และ...ก็อาจจะเกิดขึ้นอีก  
 ห๊ะ เดี๋ยว! ทำไมคิดแบบนั้นวะ!!  
 ผมสะบัดหัวแรง ๆ ไล่ความคิดบ้า ๆ ออกไป ก่อนจะหันกลับไปตั้งสมาธิกับงานที่ต้องทำ  
  
หวังว่าทั้งวันต่อจากนี้จะยุ่งมากพอที่จะทำให้ผมไม่มีเวลาคิดถึงอะไรแบบนี้อีกนะ…  
  
–  
ช่วงเย็นที่คลินิกเต็มไปด้วยความวุ่นวาย วันนี้สัตว์ป่วยเข้ามาเยอะกว่าปกติ ทั้งเคสฉุกเฉิน เคสติดตามอาการ และเคสเจ้าของพามาด้วยความกังวล แม้บางตัวจะไม่ได้เป็นอะไรมากก็ตาม  
 ผมกับพี่ผู้ช่วยต้องวิ่งวุ่นอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้หยุดพักแม้แต่นาทีเดียว ตั้งแต่ช่วยทำแผล ตรวจอาการ ประคองสัตว์ให้สงบ ไปจนถึงอธิบายรายละเอียดให้เจ้าของเข้าใจ  
 บรรยากาศวุ่นวายลากยาวไปจนกระทั่งเคสสุดท้ายเสร็จสิ้น  
 เวลาก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มแล้ว  
 ผมนั่งลงกับเก้าอี้หน้าล็อกเกอร์ ทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้พลางหอบหายใจหนัก ตาล้าไปหมด ข้อมือและแขนเมื่อยล้าจากการจับสัตว์ไม่หยุด มือสั่นนิด ๆ เพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่บ่าย  
 "ดึกจนได้"  
 ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง เสียงแผ่วเบาแทบจะกลืนไปกับอากาศ  
 ท้องเริ่มร้องประท้วง หิวจนรู้สึกไม่มีแรงเดิน สภาพตอนนี้ไม่ต่างจากซอมบี้เลย หน้าซีด แถมยังมีรอยแดงจาง ๆ เต็มตัวอีกจากเมื่อคืน  
 "น้องธารา กลับยังไง?"  
 เสียงของพี่ผู้ช่วยดังขึ้นจากด้านข้าง ผมหันไปมอง เห็นพี่เขากำลังเก็บอุปกรณ์พร้อมกับส่งสายตามาอย่างเป็นห่วง  
 "เดี๋ยวคงเรียกรถกลับครับ"  
 ผมตอบเสียงแหบพร่าเล็กน้อย คอแห้งจนแทบไม่อยากพูดอะไรต่อ  
 "งั้นกลับดี ๆ นะ ขอบใจที่มาช่วย"  
 พี่ผู้ช่วยตบบ่าผมเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป  
 ผมพยักหน้าตามหลังเขาไปช้า ๆ ก่อนจะยิ้มให้บาง ๆ แม้จะเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าก็ตาม  
 "เฮ้อ... กลับไปถึงห้อง ขอแค่เตียงนุ่ม ๆ กับอาหารอุ่น ๆ ก็พอแล้ว"  
 ผมพึมพำกับตัวเองพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมเรียกรถกลับ...  
 แต่แล้วทันใดนั้น  
 ติ๊ง!  
 เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น ผมขมวดคิ้วก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู  
 "เพลิงภพ"  
 แค่เห็นชื่อ หัวใจก็กระตุกวูบขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ  
 หมอนี่... ทักมาทำไมตอนนี้?  
 ผมลังเลอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะกดเข้าไปอ่านข้อความ  
 "ทำอะไรอยู่ เลิกงานหรือยัง?"  
 ...หมอนี่รู้ได้ยังไงว่าผมเลิกงานตอนนี้?  
 ผมนิ่วหน้า ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปอย่างเสียไม่ได้  
 "เพิ่งเสร็จ"  
 ไม่ถึงห้าวินาที ข้อความใหม่ก็เด้งขึ้นมาอีกครั้ง  
 "อยู่ตรงไหน เดี๋ยวไปรับ"  
 ผมขมวดคิ้วแน่นขึ้น ท้องที่หิวจนแสบไส้เหมือนจะต่อต้านกับสมองที่พยายามหาคำตอบว่าหมอนี่กำลังคิดอะไรอยู่  
 "ไม่ต้อง เดี๋ยวเรียกรถกลับเอง"  
 แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจข้อความปฏิเสธของผมเลย เพราะทันทีที่กดส่งไป อีกฝ่ายก็โทรเข้ามาทันที  
 "ให้ตายเถอะ..."  
 ผมพ่นลมหายใจ ก่อนจะกดรับสาย  
 "อะไรของพี่?"  
 "บอกว่าจะไปรับไง อยู่ตรงไหน คลินิกเดิม?" เพลิงภพถามตรงประเด็น น้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วรู้ว่า ถ้าโกหกคือหมอนี่จะตามมาแน่ ๆ  
 "ผมกำลังจะกลับห้อง" ผมตอบเสียงแข็ง  
 "พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าหนูจะกลับห้อง" เพลิงภพพูดเรียบ ๆ "คำถามคือ... ตอนนี้หนูอยู่ที่คลินิกใช่มั้ย?"  
 ผมกลอกตา รู้สึกปวดหัวขึ้นมานิด ๆ  
 "ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ"  
 "พี่ถึงแล้ว"  
 "...!"  
 ผมนิ่งไปชั่วขณะ  
 "อะไรนะ?"  
 "พี่จอดรถอยู่หน้าคลินิกแล้ว" เพลิงภพพูดเสียงนิ่ง "ถ้าไม่อยากให้พี่เดินเข้าไปหา ก็รีบออกมา"  
 "พี่—!"  
 ผมยังพูดไม่ทันจบ สายก็ถูกตัดไปดื้อ ๆ  
 ไอ้บ้านี่...  
 ผมกุมขมับ ถอนหายใจแรง ๆ นี่หมอนี่บ้ารึไง!?  
 ทำไมต้องมาเองแบบนี้ด้วย!?  
 แต่สุดท้าย ผมก็ต้องถอนหายใจอีกครั้ง หยิบกระเป๋าขึ้นพาดบ่า แล้วเดินออกไปหน้าคลินิกอย่างช่วยไม่ได้  
–  
หน้าคลินิก ทันทีที่ก้าวออกมา สายตาผมก็ปะทะเข้ากับรถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่ริมฟุตปาธ  
 แล้วใครบางคนที่ยืนพิงประตูรถอยู่  
 ชุดสูทสีดำ เสื้อเชิ้ตปลดกระดุมสองเม็ดแรก แขนเสื้อพับขึ้นเล็กน้อย ขายาวที่ดูดีแม้จะอยู่ในท่าทางสบาย ๆ และแววตาเจ้าเล่ห์ที่มองมาทางผมโดยตรง  
 ให้ตายเถอะ... ทำไมหมอนี่ต้องดูดีทุกครั้งที่เจอด้วยวะ?  
 เพลิงภพมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ  
 "หน้าโทรมขนาดนี้ หิวแล้วใช่ไหม?"  
 "ไม่เกี่ยวกับพี่..." ผมตอบกลับเสียงแข็ง พยายามไม่ให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังหมดแรงเต็มที  
 แต่แทนที่เขาจะสนใจคำปฏิเสธของผม เพลิงภพกลับเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับออก แล้วเอ่ยขึ้นสั้น ๆ  
 "ขึ้นรถ"  
 "ผมบอกแล้วไงว่าผมกลับเองได้"  
 "แล้วพี่บอกแล้วไงว่าพี่มารับ"  
 "..."  
 ผมอ้าปากจะเถียง แต่เหมือนเขาจะไม่เปิดโอกาสให้พูดอะไรต่อ  
 เพลิงภพก้าวเข้ามาใกล้ แล้วโน้มหน้าลงมากระซิบข้างหู  
 "หรืออยากให้พี่อุ้มขึ้นรถ?"  
 "...!"  
 ไอ้หมอนี่!  
 หน้าผมร้อนวาบขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ รีบถอยออกห่างจากตัวเขาทันที  
 "เวรเอ๊ย...!" ผมพึมพำ ก่อนจะรีบก้าวขึ้นรถอย่างเสียไม่ได้  
 ไม่ใช่เพราะอยากขึ้นรถหรอกนะ...! แค่ไม่อยากให้หมอนี่ทำอะไรบ้า ๆ ต่อหน้าคนอื่นแค่นั้นเอง!  
 แค่นี้ก็โดนแซว จนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหนแล้ว  
  
 –  
 ผมนั่งเงียบ ๆ อยู่บนเบาะรถ ท้องร้องเบา ๆ เป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ เพลิงภพ—ไม่สิ พี่เพลิง ไม่ได้พูดอะไรตอนที่ขับออกจากหน้าคลินิกไป  
 ผมหันไปมองเขาแวบหนึ่ง แสงไฟจากข้างทางสะท้อนเข้ากับใบหน้าคมที่ยังดูดีทุกมุม แม่งเอ๊ย... คนอะไรขนาดขับรถเฉย ๆ ยังดูดีได้  
 "เลิกแอบมองพี่ได้แล้ว"  
 เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น ผมสะดุ้ง รีบหันหน้ากลับไปมองถนนข้างหน้าแทน  
 "ใครแอบมองกัน!?"  
 "หึ" พี่เพลิงหัวเราะเบา ๆ ไม่พูดอะไรต่อ แต่ทำให้ผมหน้าร้อนขึ้นมาเองซะงั้น  
 ให้ตายเถอะ…  
 ผมถอนหายใจ ยกมือขึ้นกุมท้องที่เริ่มร้องหนักขึ้นกว่าเดิม  
 "ไปกินข้าว" พี่เพลิงพูดเสียงเรียบ "หิวจนหน้าซีดขนาดนี้ ยังจะดื้ออีก"  
 "ไม่ได้ดื้อ..." ผมพึมพำเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องไปกินข้าว เพราะตอนนี้ผมหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้วจริง ๆ  
–  
รถจอดลงที่ร้านอาหารข้างทางแห่งหนึ่ง เป็นร้านขนาดไม่ใหญ่มาก ตั้งอยู่ตรงมุมถนน ไฟสีส้มสลัว ๆ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่น  
 แต่สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจกว่าคือ...  
 "พี่พามากินร้านนี้?"  
 ผมหันไปมองพี่เพลิงอย่างไม่เชื่อสายตา หมอนี่น่ะเหรอจะมานั่งกินร้านข้างทางแบบนี้?  
 "ทำไม? คิดว่าพี่กินแต่ร้านหรูเหรอ?"  
 "ก็ใช่" ผมตอบกลับทันที  
 พี่เพลิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพาผมเดินเข้าไปข้างใน ร้านค่อนข้างเงียบเพราะตอนนี้ดึกมากแล้ว มีลูกค้าแค่ไม่กี่โต๊ะ  
 พี่เพลิงเลือกนั่งที่มุมหนึ่ง โต๊ะไม้เก่า ๆ กับเก้าอี้สังกะสี ผมนั่งลงตรงข้าม พลางมองเมนูแบบง่าย ๆ ที่เขียนด้วยลายมือบนกระดานข้างร้าน  
 ต้มยำกุ้ง ข้าวผัด ผัดกะเพรา ไข่เจียว หมูทอด น้ำพริกกะปิ  
 "พี่สั่งให้เลยนะ?" พี่เพลิงถามขึ้น  
 "เอ่อ... ผมกินอะไรก็ได้"  
 "พูดแบบนี้ ระวังพี่สั่งหมดร้าน"  
 ผมชะงัก ก่อนจะรีบเสริม "เอ่อ... งั้นเอากะเพราหมูกรอบ ไข่ดาว"  
 "โอเค"  
 พี่เพลิงหันไปสั่งกับแม่ค้า พร้อมกับสั่งต้มยำกุ้งเพิ่มมาอีกอย่าง ผมนั่งมองเขาเงียบ ๆ คิ้วยังขมวดเข้าหากัน  
 พี่เพลิง... คิดยังไงถึงพามากินร้านแบบนี้กันแน่?  
 "โห..."  
 ผมอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อจานข้าวกะเพราหมูกรอบถูกยกมาเสิร์ฟพร้อมต้มยำกุ้ง หมูกรอบชิ้นหนาดูน่ากิน ข้าวร้อน ๆ กับไข่ดาวเยิ้ม ๆ ทำให้ท้องร้องดังขึ้นกว่าเดิม พี่เพลิงยกยิ้มมุมปาก "หิวขนาดนี้ ไม่ต้องรอแล้ว กินเถอะ"  
 ผมไม่ได้รอให้เขาพูดซ้ำ รีบตักข้าวคำแรกเข้าปากทันที  
 แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง  
 อร่อยชิบ...!  
 เผ็ดกำลังดี หอมกระเพรา หมูกรอบก็คือกรอบจริง กินพร้อมข้าวแล้วลงตัวสุด ๆ ผมไม่พูดอะไรต่อ รีบตักคำต่อไปกินทันที  
 พี่เพลิงนั่งมองผมอยู่ฝั่งตรงข้าม มือถือช้อนกวนต้มยำกุ้งไปมา  
 "หืม? เงียบไปเลยนะหนูธารา"  
 ผมหยุดเคี้ยวแวบหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองเขา "อะไร?"  
 "ปกติปากเก่งไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้ไม่พูดล่ะ?"  
 "...พี่อย่ากวน ผมหิว"  
 พี่เพลิงหัวเราะ "ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่เห็นหนูกินแล้วน่ารักดี"  
 "...!"  
 ผมสำลักข้าวคำสุดท้ายแทบพุ่ง รีบคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดื่มทันที  
 พี่เพลิงหัวเราะเบา ๆ "รีบกินขนาดนี้ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก ยัยหนู"  
 ผมวางแก้วลงแรง ๆ จ้องเขาตาขวาง "พี่เพลิง! อย่าพูดอะไรแบบนั้นดิ!"  
 "หืม? พี่พูดอะไร?"  
 "ก็ที่บอกว่า... อะไรนะ กินแล้วน่ารัก?"  
 "ก็จริง" พี่เพลิงไหวไหล่ "ปกติเห็นแต่ทำหน้าดื้อ ๆ วันนี้เห็นทำหน้าฟินเพราะข้าวเลยแซวเฉย ๆ"  
 "พี่—!"  
 ผมยกมือขึ้นกุมขมับ ไม่รู้จะเถียงอะไรแล้ว เลยตักข้าวเข้าปากต่อ แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน  
 พี่เพลิงหัวเราะเบา ๆ ไม่พูดอะไรอีก ยื่นชามต้มยำมาให้  
 "กินนี่ด้วย"  
 ผมหรี่ตา มองเขาอย่างระแวง "พี่เพลิงมีแผนอะไรอีก?"  
 "ไม่มี" เขายกมือขึ้นทำท่าเหมือนบริสุทธิ์ใจ "แค่สั่งมาเผื่อนาย ไม่ได้คิดอะไรเลยจริง ๆ"  
 "...ก็ได้"  
 ผมรับชามต้มยำมากิน อาหารร้อน ๆ ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ค่อยรู้สึกมีแรงมากขึ้น  
 หลังจากกินอิ่ม ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ถอนหายใจอย่างสบายใจ  
 "เฮ้อ... อิ่มมาก"  
 พี่เพลิงมองผม ก่อนจะโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย  
 "อะไร?" ผมขมวดคิ้ว  
 พี่เพลิงเอื้อมมือมาใช้นิ้วเกลี่ยตรงมุมปากของผมเบา ๆ  
 "มีข้าวติด"  
 "...!"  
 ผมนิ่งค้างไปชั่วขณะ หน้าเริ่มร้อนขึ้นมาอีกรอบ ก่อนจะรีบดึงกระดาษทิชชู่มาถูปากตัวเอง  
 "พะ... พี่ทำอะไรเนี่ย!?"  
 "ช่วยหนูไง" พี่เพลิงยิ้มเจ้าเล่ห์ "หรือต้องให้พี่ป้อนด้วย?"  
 "ไม่ต้องเลยพี่เพลิง!!"  
 พี่เพลิงหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ผมกลอกตา ถอนหายใจแรง ๆ  
 ให้ตายเถอะ... หมอนี่มันกวนจริง ๆ  
 แต่... ก็ไม่รู้ว่าทำไม          
 บรรยากาศแบบนี้มันกลับทำให้ผมรู้สึกดีอยู่เหมือนกัน  
 พี่เพลิงนั่งไขว้ขา มองผมด้วยสายตากวน ๆ ตามสไตล์ของเขา ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ  
 "อิ่มแล้วใช่ไหม? หรือจะเอาของหวานต่อ?"  
 "ไม่เอาแล้วพี่ ผมกินไม่ไหวแล้ว" ผมโบกมือไปมา "พี่ก็เล่นสั่งเยอะขนาดนี้"  
 "ก็เผื่อนายไง" พี่เพลิงยักไหล่ ก่อนจะเท้าคางมองผม "ดูท่าจะเพลียจริง ๆ นะเรา"  
 "ก็งานหนักทั้งวัน แถมหิวจนจะเป็นลมอีก" ผมพึมพำเบา ๆ "ถ้าพี่ไม่พามากินข้าวก่อน ผมอาจจะได้นอนตายที่คลินิกไปแล้วก็ได้"  
 "หึ" พี่เพลิงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ผมผมเบา ๆ "รู้ก็ดี งั้นต่อไปถ้าหิวก็โทรหาพี่"  
 ผมสะดุ้ง รีบสะบัดหัวหนี "ใครจะไปโทรหาพี่กัน!?"  
 "ทำไมล่ะ? หรือว่า..."  
 พี่เพลิงโน้มหน้าลงมาหาผมนิด ๆ ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้จนผมรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ  
 "อยากให้พี่เป็นคนโทรหาก่อน?"  
 บ้าไปแล้ว!!  
 "พี่เพลิง! หยุดเลย!!" ผมผลักหน้าผากเขาออกไปทันที  
 พี่เพลิงหัวเราะลั่น ดูท่าทางพอใจกับปฏิกิริยาของผมสุด ๆ  
 "หนูธารานี่เขินเก่งจริง ๆ"  
 "ไม่ได้เขิน!!" ผมเถียงกลับเสียงแข็ง ก่อนจะคว้ากระเป๋ามากอดไว้แน่น "กลับได้แล้ว!"          
 "จ้า ๆ" พี่เพลิงยกมือขึ้นแบบยอมแพ้ แต่รอยยิ้มกวน ๆ ยังอยู่เต็มใบหน้า  
–  
บรรยากาศในรถเงียบกว่าตอนขามานิดหน่อย ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะหลับคาที่นั่งไปแล้วจริง ๆ หนังตาหนักขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความอิ่ม กับความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน  
"ง่วงก็หลับเถอะ เดี๋ยวพี่ปลุกตอนถึงห้อง"  
 เสียงทุ้มของพี่เพลิงดังขึ้น ผมพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะขยับตัวให้สบายขึ้น พลางพิงเบาะ หรี่ตาลงอย่างผ่อนคลาย  
 "แล้วพี่จะไปไหนต่อ?" ผมพึมพำถามเสียงเบา  
 "กลับห้อง"  
 "เหรอ..."  
 ผมพยักหน้าช้า ๆ แต่ยังไม่ทันได้เข้าสู่โหมดหลับสนิท เสียงของพี่เพลิงก็ดังขึ้นมาอีก  
 "หรืออยากจะไปต่อที่ห้องพี่ก็ได้นะ พี่ไม่ติด"  
 "...!"  
 ผมลืมตาโพลงขึ้นทันที ก่อนจะหันขวับไปจ้องเขาแบบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง  
 พี่เพลิงยิ้มมุมปาก ท่าทางสบาย ๆ อย่างคนเจ้าเล่ห์ที่รู้ตัวดีว่ากำลังแกล้งผมอยู่  
 ไอ้บ้านี่...!  
 "พี่ดูปากผมนะ ไม่!!"  
 ผมพูดเน้นชัดทุกคำ จ้องหน้าเขาแบบจริงจังสุดชีวิต แต่หมอนั่นกลับหลุดหัวเราะออกมาแทน  
 "เอาน่า พี่คงทำอะไรหนูไม่ลงหรอก"  
 "ไม่รู้แหละ! พี่มันเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอก เชื่อถือไม่ได้!" ผมพูดอย่างหมั่นไส้สุด ๆ ก่อนจะเม้มปากแน่น  
 "อ้าว พี่ไปทำอะไรให้?"  
 "ยังจะมาถาม!" ผมชี้หน้าเขา "บอกว่าครั้งเดียว ล่อผมซะเกือบไปทำงานไม่ได้!"  
 พี่เพลิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันมามองผมแวบหนึ่ง สายตาเจ้าเล่ห์เป็นประกาย  
 "ก็หนูมันยั่วอ่ะ ให้พี่อดใจยังไงไหว"  
 แม่งเอ๊ย!  
 ผมกัดฟันแน่น หน้าร้อนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ  
นี่เขากำลังพูดถึงเรื่องเมื่อคืนต่อเนื่องมาจนถึงเช้านี้เลยเหรอ!?  
 "ผมบอกไว้ก่อนเลยนะ!" ผมรีบชี้นิ้วใส่เขา "ผมจะไม่มีทางอ้าขาให้พี่อีก!"  
 "..."  
 "ผมไม่ได้รู้สึกติดใจอะไรพี่ขนาดนั้น!"  
 ทันทีที่ผมพูดจบ พี่เพลิงชะงักไปแวบหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว  
 จากนั้นก็ยกมือขึ้นมากุมหน้าอกตัวเอง  
 "อ๊ะ..."  
 "...?"  
 "เจ็บอ่ะ" พี่เพลิงทำหน้าตาเหมือนคนโดนหักอกสุดชีวิต "ตรงนี้มันเจ็บแปลก ๆ"  
 ผมกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะทำหน้าเอือมทันที  
 "พี่จะมาเล่นอะไรแบบนี้เนี่ย!?"  
 "พี่ก็แค่เสียใจ" เขาทำหน้าเศร้าแบบโอเวอร์ "ทั้งที่พี่ตั้งใจบริการอย่างดี แต่สุดท้ายหนูก็บอกว่าไม่ติดใจพี่เลย..."  
 "พี่เพลิง!!" ผมตะโกนลั่นรถ  
 พี่เพลิงหัวเราะเสียงดัง ส่ายหัวไปมา ก่อนจะเอื้อมมือมายีหัวผมเบา ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว  
 "โอเค ๆ ไม่แกล้งแล้ว เด็กดื้อของพี่"  
 "...ใครเด็กดื้อกัน!?"  
 "ก็หนูไง"  
 "ผมชื่อธารา!"  
 "หืม? เมื่อกี้พี่ยังเรียกถูกอยู่นะ"  
 "พี่—!!"  
 ผมยกมือขึ้นกุมขมับ ถอนหายใจแรง ๆ ก่อนจะเอนตัวพิงเบาะ หนีสายตาเจ้าเล่ห์ของหมอนี่  
 แต่หัวใจดันเต้นแรงขึ้นกว่าเดิมซะงั้น…  
 
 
: Part เพลิงภพ  ผมรู้สึกเจ็บแปลก ๆ ที่ขั้วหัวใจ  
 ไม่ใช่เจ็บแบบร่างกาย แต่เป็นความรู้สึกเหมือนโดนหักอกเข้าเต็ม ๆ จากคำพูดของเด็กดื้อที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  
 "ผมจะไม่มีทางอ้าขาให้พี่อีก ผมไม่ได้รู้สึกติดใจอะไรพี่ขนาดนั้น"  
 ...ให้ตายสิ  
 ปกติแล้ว ผมไม่ใช่คนที่มานั่งคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเรื่องพวกนี้ เพราะมันก็แค่... เซ็กส์ แค่ความต้องการชั่วคราว ไม่ได้มีความหมายมากไปกว่านั้น  
 แต่ทำไมคำพูดนี้ของหนูธาราถึงทำให้รู้สึกแปลก ๆ ได้วะ?  
 ผมกระชับมือจับพวงมาลัยแน่น สายตายังคงจดจ้องไปที่ถนนข้างหน้า  
 มันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ?  
 ผมเองก็ไม่มีสถานะ ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเขา  
 เราแค่สนุกกันชั่วครั้งชั่วคราว แล้วมันจะมานับเป็น ‘ความรัก’ ได้ยังไง  
 ผมไม่ได้อยากมีพันธะ ไม่เคยคิดจะผูกมัดใคร แล้วเด็กนี่ก็คงเป็นแบบเดียวกัน  
 แต่ทำไม...  
 ทำไมผมถึงรู้สึกหวงจังวะ?  
 "ถ้าหนูจะไปอ้าขาให้ใคร... พี่ก็ไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปยุ่ง"  
 แค่คิดถึงภาพนั้น ภาพของร่างกายชวนฝันที่เคยอยู่ใต้ร่างผมไปเป็นของใครคนอื่น หัวใจก็เต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว  
 มือที่จับพวงมาลัยเกร็งแน่นขึ้น สายตายังจ้องถนนข้างหน้า แต่ในหัวเต็มไปด้วยภาพของ ‘หนูธารา’  
 ริมฝีปากแดงที่เผลอเผยอออกตอนครางสะท้าน สีหน้าหวานฉ่ำที่ติดตรึงในความทรงจำ  
 เสียงครางเร่าร้อนที่...  
 เชี่ย...  
 ผมเผลอขบกรามแน่นเมื่อคิดถึงอีกเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจไม่แพ้กัน  
 แอปนั่น...  
 ผมเคยกดเข้าไปดูบ่อย เพราะความยั่วยวนภายใต้หน้ากากแฟนซี  
 แอปไลฟ์สดเรต 18+  
 เพียงขึ้นไลฟ์ก็มียอดผู้ชมมากมาย แต่แค่คิดว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองเขาผ่านหน้าจอ กำลังได้ยินเสียงที่ควรจะเป็นของผมคนเดียว ก็อยากจะปิดแอปบ้านั่นให้หายไปจากโลกซะเดี๋ยวนี้  
 ไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงครางของหนู  
 ไม่อยากให้ใครต่อใครเห็นเรือนร่างชวนฝันนั่น  
 ไม่อยากให้ใครได้รับรู้ว่า เด็กดื้อนี่มันเซ็กซี่แค่ไหนตอนอยู่ใต้ร่างของผม  
 อยากเก็บไว้ดูเองคนเดียว  
 ผมพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ สะบัดความคิดทั้งหมดออกจากหัว ก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  
 ธารานั่งพิงเบาะ หลับตาลงแล้ว ริมฝีปากยังมีรอยย่นเหมือนกำลังขมวดคิ้วนิด ๆ อาจเป็นเพราะอากาศในรถเย็น หรือเพราะเจ้าตัวเพลียจัด  
 ผมชะลอความเร็วรถลง แล้วค่อย ๆ ใช้มือข้างหนึ่งเอื้อมไปปรับแอร์ให้เบาลง  
 ให้ตายเถอะ...  
 บางที ผมอาจจะต้องหาทางทำให้ เด็กดื้อที่บอกว่าจะไม่มีทางอ้าขาให้พี่อีก... กลับมาพูดใหม่  
 และคราวนี้ ไม่ใช่แค่ร่างกายที่ผมจะเอามาเป็นของตัวเอง  
 แต่ผมจะทำให้หนูยอมเป็นของพี่... แค่พี่คนเดียว  
  
 ******************** เพลิงมันร้ายคิดจะเก็บน้องไว้กินคนเดียว มารอชมกันว่าเพลิงจะทำให้น้องติดใจได้มั้ย เพราะน้องก็มีคนมาชอบเยอะ อิอิ ฝากติดตาม คอมเม้นต์กันด้วยนะครับ  
 
 
 |