แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2024-12-23 12:40  
 
 
2  
พี่ชายคนโตกับพี่ชายคนกลาง  
 
 
ผ่านไปไม่กี่ปีรัมภาก็ล้มป่วยลงเพราะพิษไข้ป่า นอนซมอยู่เป็นเดือนๆจึงจากไป ขวัญข้าวยังเด็กเกินที่จะเข้าใจว่าคนเป็นแม่ได้จากไปแล้วจึงเอาแต่ร้องไห้ ทัพเห็นอย่างนั้นก็นึกสงสารน้องก็ได้แต่ตบหลังปลอบเบาๆให้เจ้าตัวเล็กผล่อยหลับไป   
 “ถึงไม่มีแม่ ก็ยังมีพี่ที่จะดูแลเจ้าไปจนวันตายหลับซะนะคนดีของพี่” ทัพหอมแก้มนิ่มเจ้าตัวเล็กเบาๆทั้งที่มีรอบคราบน้ำตาอยู่ “พี่รักเอ็งนะขวัญข้าวรักสุดหัวใจ”  
   เสือสมานหลังจากที่เสียเมียรัก ก็เศร้าซึมไปนานสองนาน หน้าที่เตรียมกับข้าวกับปลาจึงตกมาเป็นของเจ้าทัพอย่างช่วยไม่ได้ ปีนี้เขาก็อายุย่างเข้าสู่วัยแรกรุ่นแล้ว ครั้นเมื่อเสือสมานออกปล้น ทัพกับน้องจะถูกฝากไว้กับน้าวิไลซึ่งเป็นน้องสาวของรัมภาผู้มีหน้าตาสะสวยไม่แพ้คนพี่เลย นานวันเข้าทั้งสองก็เริ่มคุ้นชินกับวิถีชีวิตแบบนี้  
 น้าวิไลใจดีกับเด็กทั้งสองมาก ราวกับว่าทั้งสองเป็นลูกแท้ๆของตัวเอง เวลาผ่านไปไม่นานเสือสมานก็ได้ตัดสินใจอยู่กินกับน้าวิไลฉันท์สามีภรรยาพิธีเล็กๆถูกจัดขึ้น ท่ามกลางแขกเรื่อที่ส่วนใหญ่จะเป็นคนในหมู่บ้านที่พร้อมใจมาเป็นสักขีพยานให้คู่บ่าวสาว  
 ไม่ทันไรก็มีข่าวดี เมื่อน้าวิไลตั้งท้องกับเสือสมาน ขวัญข้าวกับเจ้าทัพวิ่งเล่นกันอยู่ใต้ต้นมะม่วง พอได้ยินน้าวิไลเอ่ยขึ้นว่า "อีกไม่นานเอ็งสองคนก็จะได้เป็นพี่ชายแล้วนะ" ทั้งสองคนก็หยุดชะงักทันที ดวงตากลมโตของขวัญข้าวเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เจ้าทัพหันมาสบตาน้องด้วยรอยยิ้มกว้าง  
“จริงเหรอจ๊ะน้าวิไล?” ขวัญข้าวถามเสียงใส แต่ก็มีแววไม่มั่นใจในน้ำเสียง  
 วิไลหัวเราะเบาๆก่อนจะลูบหัวขวัญข้าวอย่างเอ็นดู “จริงสิอีกไม่นานบ้านเราก็จะมีเจ้าตัวเล็กเพิ่มมาอีกคน พวกเอ็งต้องช่วยดูแลน้องให้ดีล่ะเป็นพี่ชายต้องเข้มแข็งรู้ไหม?”  
 เจ้าทัพยืดอกทันที สีหน้าฉายแววภูมิใจ “พี่จะช่วยดูแลเจ้าตัวเล็กเองวางใจได้เลย” เขาหันไปบอกขวัญข้าวที่ยืนฟังตาแป๋ว  
 ขวัญข้าวยิ้มออกมาอย่างดีใจ พลางคิดภาพตัวเองเป็นพี่ชายที่ดูแลน้องตัวน้อย แม้จะยังไม่เข้าใจมากนักว่าการเป็นพี่ชายหมายถึงอะไร แต่ความคิดที่จะมีน้องให้เล่นด้วยทำให้หัวใจดวงเล็กๆ เต้นระรัวด้วยความสุข  
 "แล้วเราต้องทำอะไรบ้างล่ะจ๊ะ?"ขวัญข้าวถามพลางจับมือพี่ชายแน่น  
 “อย่างแรกเลยเราต้องช่วยกันดูแลไม่ให้น้องร้องไห้ไงล่ะ!” เจ้าทัพพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือมาจับจมูกน้องชายเบาๆ พลางแกล้งทำหน้าขึงขัง“แล้วถ้าน้องดื้อนะ...จะโดนพี่ทัพหยิกแก้มแบบนี้!”  
 “โอ๊ย!” ขวัญข้าวร้องออกมา พร้อมเสียงหัวเราะพยายามดันมือพี่ชายออก “ถ้าพี่ทำอย่างนั้น ขวัญจะฟ้องน้าวิไลนะ!”    
 “ฮ่าๆๆ ล้อเล่นน่า!”เจ้าทัพหัวเราะเสียงดัง ก่อนลูบหัวน้องชายเบาๆ “แต่พี่สัญญา พี่จะดูแลทั้งขวัญกับน้องให้ดีที่สุด เหมือนที่พี่เคยให้คำมั่นไว้กับแม่รัมภา” เจ้าทัพพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแม้แฝงความขี้เล่นในที แต่ดวงตาของเขากลับฉายแววจริงจัง  
 ขวัญข้าวมองหน้าพี่ชายอย่างชื่นชมก่อนจะยิ้มแป้น “งั้นขวัญก็จะช่วยพี่ทัพดูแลน้องเหมือนกันจ้ะ!”  
 เจ้าทัพหัวเราะเบาๆ ขยี้หัวน้องชายจนผมยุ่ง“ดีมาก เจ้าขวัญ! ตอนนี้เราเป็นพี่ชายแล้วนะ เราต้องแข็งแกร่ง เข้มแข็ง อดทนและต้องไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบได้ กระทั่งเรื่องต่อยตีก็ต้องไม่เป็นสองรองใครไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราต้องปกป้องน้องให้ได้!”  
 “แข็งแกร่ง?” ขวัญข้าวทำตาโตหัวเราะคิกคัก “เหมือนเสือสมานกับพวกพี่ชายใหญ่ใช่มั้ยจ๊ะ?”  
 “แน่นอน!”เจ้าทัพตอบ พลางยกมือทำท่าทางเหมือนนักมวย “เราอาจจะยังตัวเล็กอยู่ตอนนี้แต่รอดูเถอะ อีกไม่กี่ปีเราจะเป็นพี่ที่ทั้งเก่ง ทั้งแกร่งและไม่ให้ใครหน้าไหนกล้ามารังแกน้องได้เลย!”  
 เสียงหัวเราะของสองพี่น้องดังผสานไปกับเสียงลมเย็นที่พัดผ่านท้องนา ราวกับว่าคำมั่นสัญญาของเจ้าทัพได้ถูกส่งผ่านไปยังแสงตะวันยามเย็นที่ลาลับ  
  
  
  
กระทั่งเวลาผ่านไปเก้าเดือนเศษ...  
บ่ายคล้อยวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนแยกย้ายออกไปทำงานของตัวเอง น้าวิไลกำลังเตรียมล้างผักที่เพิ่งช่วยกันเก็บมาจากสวนจู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บท้องอย่างรุนแรง มดลูกเริ่มบีบตัวอย่างเจ็บแปลบทุกครั้งที่เธอหายใจเข้า-หายใจออก ความเจ็บปวดทวีขึ้นทีละน้อย จนทำให้เธอรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นตามการบีบรัดนั้น  
 “ทัพ! ขวัญข้าว!” เสียงน้าวิไลเรียกหาเด็กทั้งสองที่ช่วยกันผ่าฟืนอยู่ไม่ไกลนัก ทัพรีบทิ้งขวานทันทีเขารับรู้ได้ว่าเด็กที่อยู่ในท้องน้าวิไลกำลังจะออกมาลืมตาดูโลกทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว ลนลานไปหมด  
 “เร็วเข้าขวัญข้าวรีบไปต้มน้ำร้อนเร็วเดี๋ยวพี่จะไปตามหมอตำแย” ทั้งสองแบ่งหน้าที่กัน ก่อนที่เจ้าทัพจะวิ่งหายลับไปอย่างเร่งรีบ   
 "น้าวิไล เจ็บมากมั้ยจ๊ะ?"ขวัญข้าวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่แทนที่จะได้รับคำตอบกลับได้ยินเสียงกรีดร้องดังลั่นจากน้าวิไลที่ทนความเจ็บปวดไม่ไหว จนทำให้ขวัญข้าวรู้สึกใจหาย   
 ก่อนที่เจ้าทัพจะวิ่งกลับมาหน้าตาตื่นพร้อมกับหญิงชราผู้เป็นหมอตำแยประจำหมู่บ้าน ขวัญข้าวยืนอยู่ด้วยความตื่นตกใจ มองไปยังน้าวิไลที่กำลังทนทุกข์กับความเจ็บปวดแต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เจ้าทัพที่เห็นดังนั้นจึงเข้าไปโอบไหล่น้องก่อนจะดึงเข้ามากอดเป็นการปลอบใจ   
 “น้าวิไลจะต้องไม่เป็นอะไรน้องจะต้องคลอดออกมาอย่างปลอดภัยแน่นอน” น้ำเสียงพลางกระซิบเจ้าทัพและขวัญข้าวนั่งรออยู่ด้านนอก แต่ใจก็อยู่ไม่เป็นสุขนักเดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่ง บางครั้งก็ชะเง้อคอขึ้นไปมองแม้ว่าจะมองไม่เห็นอะไรเลยก็ตาม  
 “อร๊ายยยยยยยยยยยยยย!!”   
 เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อเสียงนั้นเงียบลง ก็มีเสียงเด็กทารกแรกเกิดแทรกขึ้นมาทันที "อุแว้ๆ"  
 “ไอ่ทัพโว้ยย เอ็งได้น้องผู้หญิงแล้วล่ะคราวนี้”แม่เฒ่าพูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง เจ้าทัพกระโดดขึ้นด้วยความดีใจขวัญข้าวเองก็ไม่แพ้กัน อยากจะรีบขึ้นไปดูหน้าน้องไวๆ  
 ‘เด็กแรกเกิดเป็นแบบนี้เองเหรอ’ ขวัญข้าวคิดในใจ พลางมองดูทารกน้อยตัวแดงๆ ที่ร้องออแอ้อยู่ในอ้อมแขนของน้าวิไล  
 เหมือนเจ้าทัพจะอ่านใจน้องออกจึงเอ่ยขึ้นว่า “ตอนที่ขวัญเกิด ก็น่ารักน่าชังแบบนี้แหละ”  
 “แถมยังตัวขาวเหมือนข้าวที่เพิ่งหุงสุกใหม่ๆ”ทัพเสริม “ถึงจะตัวเล็กเพราะคลอดก่อนกำหนด แต่พอโตมาก็จ้ำม่ำน่ารักเชียวนะ”  
 เจ้าทัพมองใบหน้ายิ้มแป้นของข้าวด้วยสายตาเอ็นดู เด็กน้อยดูน่ารักน่าฟัดเหลือเกิน แก้มป่องๆ ขาวเนียนสมวัย ทำให้เขาอดใจไม่ไหวต้องก้มลงใช้จมูกถูแก้มน้องเบาๆ ไปมา พลางหัวเราะคิกคักอย่างขี้เล่น 'น่ารักอย่างนี้ ใครจะอดฟัดไหวล่ะเรา!' เขาแกล้งพูดหยอกน้อง  
 ขวัญข้าวยกมือดันหน้าพี่ชายออกอย่างอิดหนาระอาใจ เพราะรู้สึกอึดอัดเต็มทน ตั้งแต่เล็กจนโต เจ้าทัพก็ชอบคลอเคลียอยู่ใกล้ๆไม่เคยห่าง “อื๊ออ พอเถอะ! แก้มขวัญจะช้ำหมดแย้ว!”   
 “จริงสิ น้าวิไลจะตั้งชื่อน้องว่าอะไรจ๊ะ?”เจ้าทัพเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้ขณะที่น้าวิไลกำลังกล่อมเจ้าตัวเล็กให้หลับในอ้อมแขน  
 “น้องเป็นผู้หญิง น้าคิดว่าจะตั้งชื่อว่าชบาฟังดูดีมั้ยจ๊ะ?” น้าวิไลตอบด้วยรอยยิ้มบางๆพร้อมลูบผมนุ่มของเจ้าตัวเล็กอย่างอ่อนโยน  
 “ชบาเหรอ?” ขวัญข้าวที่นั่งฟังอยู่ข้างๆเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้น “ชบาเป็นชื่อของดอกไม้สีสวยที่อยู่ริมป่าใช่มั้ยจ๊ะ?น้องโตมาต้องสวยเหมือนดอกไม้นั้นแน่ๆเลย!”  
 “ใช่แล้วล่ะ” น้าวิไลหัวเราะเบาๆดวงตาเป็นประกายด้วยความรัก “ดอกชบาแข็งแกร่ง แม้ขึ้นอยู่ริมป่า แต่ก็ยังยืนต้นสู้ลมฝนได้ น้าอยากให้น้องเติบโตมาอย่างงดงามและเข้มแข็งเหมือนดอกไม้นั้น”  
 เจ้าทัพพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้ๆ น้องสาวตัวน้อยในอ้อมแขนน้าวิไล “น้องชบาพี่ทัพกับพี่ขวัญจะช่วยเลี้ยงน้องเอง ไว้โตอีกสักหน่อยพวกเรามาเล่นด้วยกันนะ!” เขาพูดเสียงดังฟังชัด ขณะที่ขวัญข้าวพยักหน้าหงึกๆสมทบเหมือนจะย้ำคำพูดของพี่ชาย  
 
 
ในช่วงเย็นที่ลมเย็นๆ พัดผ่านทุ่งนาเสียงนกร้องดังก้องไกล เจ้าทัพและขวัญข้าวนั่งอยู่บนแคร่ไม้ใต้ชายคาบ้านไม้สักเก่าท่ามกลางหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางป่า บรรยากาศรอบๆ เงียบสงบลมจากภูเขาพัดเย็นสบาย ชบาเด็กน้อยวัย 3 ขวบวิ่งไปมาหัวเราะเสียงใสขณะที่วิไลและเสือสมานยืนอยู่ไม่ไกล มองดูเด็กๆ ด้วยความอิ่มเอิบใจ  
 “ชบา! มานี่เร็ว พี่ทัพจะจับตัวแล้วนะ”เจ้าทัพพูดเสียงดังแหย่ ขณะที่ชบาหัวเราะแล้ววิ่งไปหลบหลังต้นมะขามที่อยู่ใกล้ๆบ้าน  
 ขวัญข้าวยิ้มกว้างเมื่อเห็นท่าทางน่ารักของน้องสาว“พี่ทัพหยอกน้องเก่งจังนะ”  
 เจ้าทัพหันมายิ้มให้ขวัญข้าวก่อนจะพูดว่า“จะให้พี่หยอกน้องขวัญบ้างมั้ย?” แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปข้างๆชบาที่กำลังซุกตัวอยู่หลังต้นไม้  
 “อย่ามายุ่งนะ! ชบาจะวิ่งหนี!”ชบาร้องเสียงดังพลางหัวเราะ  
เจ้าทัพเดินตามไปจับน้องได้ในที่สุดและยิ้มร่า“จับได้แล้ว เจ้าชบา! พี่จับแล้วนะ!” ชบาหัวเราะเสียงดัง ขัดขวางไม่ได้เลย  
 ขวัญข้าวที่นั่งอยู่บนแคร่ก็ยิ้มตามไปด้วยพลางมองน้องสาวที่สนุกสนานกับการเล่นกับพี่ชาย ก่อนจะขยับตัวไปนั่งข้างๆเจ้าทัพแล้วพูดขึ้นว่า “พี่ทัพ ชบามันน่ารักจังนะ”  
 เจ้าทัพยิ้มกว้างและพูดกับขวัญข้าว“ใช่แล้วล่ะ เจ้าขวัญ! ทำเอาพี่ไม่เคยเบื่อเลย”  
 ขวัญข้าวนั่งดูทั้งสองพี่น้องที่เล่นกันอย่างสนุกสนานเด็กๆ หยอกล้อกันไปมา เสียงหัวเราะของพวกเขาดังก้องไปทั่ว จนแสงอาทิตย์อ่อนๆลาลับไปน้าวิไลอุ้มชบากลับเข้าบ้าน ส่วนเจ้าทัพกับขวัญข้าวนั่งพักเหนื่อยกันตามลำพัง  
 เจ้าทัพนั่งยิ้มมุมปากขณะที่มองขวัญข้าวนั่งอยู่บนแคร่ไม้ แสงจากคบไฟสะท้อนใบหน้าของขวัญในตอนนี้ที่เริ่มโตขึ้นจนดูคล้ายผู้ใหญ่ขึ้นทุกที ทัพเห็นแบบนั้นก็เกิดอาการอยากหยอกน้องให้สนุกเหมือนเมื่อก่อน   
 "ขวัญ... พี่อยากหยอกหน่อยน่ะ"ทัพพูดเสียงเบาๆ แกล้งทำเป็นท่าทีเอาจริง แต่ก็ยังแฝงรอยยิ้มอยู่ในสายตา  
 ขวัญข้าวหันไปมองพี่ชาย ยกมือขึ้นปัดผมที่ปรกหน้าหลายครั้ง "พี่ทัพ! ขวัญไม่ใช่เด็กแล้วนะทำแบบนี้อีกระวังโดน!" ขวัญพูดเสียงแหลมๆ อย่างไม่ยอมง่ายๆ  
 ทัพหัวเราะเสียงดัง "เฮ้ย! ก็แค่หยอกๆกันหน่อยน่า ทำไมขวัญจะไม่เล่นด้วยล่ะ"แล้วเขาก็พุ่งตัวไปข้างหน้า แล้วล็อกเอวของขวัญไว้ก่อนที่น้องจะทันตั้งตัว  
 "พี่ทัพ! ปล่อยนะ!"ขวัญข้าวพยายามดิ้น แต่เจ้าทัพใช้แรงทั้งสองข้างกอดเอาไว้แน่น  
 "ไม่ปล่อยหรอก! พี่จะฟัดขวัญให้หายคิดถึง!" ทัพยิ้มร่าแล้วเริ่มขยี้หัวน้องเบาๆอย่างสนุกสนาน  
 ขวัญข้าวพยายามดิ้นสุดกำลัง แต่ก็ไม่สามารถหลุดจากอ้อมกอดของพี่ชายได้ "พี่ทัพ! ขวัญโตแล้วนะอย่าทำแบบนี้อีก!" เขาพูดพลางน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย  
 ทัพหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นน้องชายหงุดหงิดนิดๆ"ไม่ต้องโกรธพี่หรอก ขวัญก็ยังเด็กในสายตาพี่เสมอ" แล้วเขาก็คลายกอดที่แน่นปล่อยให้ขวัญข้าวเป็นอิสระ เมื่อได้หยอกสมใจแล้ว  
 ขวัญข้าวหยิบผ้ากลับมาปัดหน้าตัวเองแล้วหันไปขมวดคิ้วใส่พี่ชาย"ทำไมต้องทำแบบนี้ตลอดเลย"  
ทัพยิ้มขำๆ"ก็เพราะขวัญเป็นน้องของพี่ไง พี่ก็ต้องดูแลให้เหมือนเดิม"เขาพูดพลางหยอกล้อแบบเป็นกันเอง จนขวัญข้าวก็อดยิ้มตามไม่ได้แต่ก็ไม่เข้าใจพี่ชายตัวเองอยู่ดี เพราะช่วงนี้ดูจะตามใจเป็นพิเศษ   
  
   อย่างในตอนนั้น... หลังจากเสร็จจากงานในไร่นา ทัพกับขวัญก็ตกลงกันว่าจะไปเดินเล่นหาอะไรกินกันที่ตลาดท้ายหมู่บ้าน ซึ่งต้องเดินไปก็ใช้เวลาพอสมควรเนื่องจากอยู่ติดกับป่าอีกฝั่งของหมู่บ้าน ป่าไม้ล้อมรอบให้ความรู้สึกเหมือนเป็นกำแพงธรรมชาติ มีเสียงนกร้องและลมพัดผ่านต้นไม้เป็นฉากหลัง  
 เสียงของเหล่าพ่อค้าแม่ขายดังขึ้นบ้างเหมือนตลาดทั่วไป เพียงแต่มีความดิบเถื่อนเหมือนตัวตนของผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ ทุกอย่างถูกจัดเรียงอย่างหยาบๆโดยไม่เน้นความสะอาดหรือความสวยงาม แต่เต็มไปด้วยสิ่งของที่มีคุณค่าในตัวเอง ซึ่งของส่วนใหญ่จะถูกนำเข้ามาจากหมู่บ้านในเมืองอีกทีราคาจึงค่อนข้างสูง เพราะดูดีทันสมัย และเป็นที่นิยมมากๆ บ้างก็ว่าได้มาจากการปล้นแบบผิดกฎลับๆนั่นเองเพียงแต่เป็นผู้มีอิทธิพลอีกฝั่งกับเสือสมานที่ไม่ค่อยกินเส้นกัน  
 พ่อค้าคนหนึ่งที่เคยเคาะขวานบนแผ่นไม้ขนาดใหญ่ก็ยิ้มให้เมื่อเห็นทัพเดินผ่าน ขวัญข้าวยกมือทักทายเขาเล็กน้อย ขณะที่ทัพมองอย่างระมัดระวัง ห่างจากเขาไปไม่ไกลก็มีเหล่าชายหนุ่มที่ไม่ยิ้มแย้มเหมือนกัน คอยมองดูอยู่  
 ทัพเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทีมั่นคง ร่างสูงของเขาคอยปกป้องขวัญข้าวที่เดินตามหลังไป แม้ว่าเขาทั้งสองจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของเสือสมานแต่ก็มีบางคนที่คิดไม่ดีเท่าไหร่ พร้อมที่จะลอบกัดได้ทุกเมื่อเพราะพวกเขาก็คือผู้สืบอำนาจของเสือสมานนั่นเอง  
 เขาไม่ปล่อยให้น้องชายเดินอยู่คนเดียวในตลาดแบบนี้ นอกจากจะดูแลเจ้าขวัญแล้ว ทัพยังคอยสอดส่องสายตาไปทั่ว หาที่อาจจะมีภัยหรือใครที่จะเข้ามาทำท่าทางไม่ดีกับน้อง  
 “ขวัญอย่าห่างพี่นะ เดินติดพี่ไว้”ทัพหันมาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ก็แฝงด้วยความเป็นห่วงขวัญข้าวพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร   
 เมื่อเดินผ่านแผงขายขนมทัพหยุดแล้วซื้อขนมข้าวโพดคั่วมาให้  
 "เผื่อหิว พี่ซื้อให้"ทัพพูดพร้อมยื่นขนมให้ ขวัญข้าวรับไปอย่างอารมณ์ดี  
 ระหว่างทางขวัญข้าวมองไปเห็นมีดเล่มใหญ่ที่วางขายอยู่ ทัพเห็นจึงพูดขึ้นทันที  
 "ขวัญอยากได้ไหม?พี่ซื้อให้" ทัพถาม  
 “ไปรวยมาจากไหนเนี่ย เงินที่ได้จากพ่อก็ไม่ได้มากขนาดนั้น”คนน้องถามขึ้นอย่างสงสัย เมื่อระหว่างทางที่ผ่านมา ไม่ว่าขวัญจะสนใจของชิ้นไหนทัพก็พร้อมจะควักเงินออกมาจ่ายให้  
 ทัพยิ้มขำๆ ก่อนจะยักไหล่ “ก็พี่ทำงานหนักไงขวัญไม่เห็นเหรอ พี่ไปล้อมทุ่งข้าวกับพี่ชายคนอื่นๆ แล้วก็ไปช่วยน้าวิไลขายของก็พอมีเงินใช้จ่ายบ้าง” เขาหยุดมองขวัญข้าวก่อนจะยิ้มกว้าง “อีกอย่างพี่อยากให้ขวัญได้ทุกอย่างที่อยากได้”  
 “แต่มันเกินไปหน่อยนะพี่ซื้อให้เกือบทุกอย่างเลย” ขวัญข้าวพูดพลางมองของที่เขาเพิ่งได้จากพี่ชาย  
 ทัพหัวเราะเบาๆ ขยี้หัวน้อง“ก็เพราะขวัญเป็นคนสำคัญของพี่ไง พี่จะดูแลขวัญเอง ไม่ให้ขวัญขาดแคลนอะไร”เขาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ขวัญข้าวยิ้มให้กับคำพูดของพี่ชายแม้จะยังรู้สึกว่ามันมากเกินไป   
  
 --------------------------------------- ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยน้าาา  ดูแลน้องดีเกินไปแล้วทัพ ถ้าเกิดน้องหลงรักเอ็งขึ้นมามันจะไปกันใหญ่นะ  
 
 
 
 |