พักร้อน พักใจ (เรื่องยาว) P 12.
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกทีความเดิมตอนที่แล้ว
“ฟังให้จบก่อนซิ...”แม่ผมพูดขึ้นจนผมคลายกอดออก แล้วจ้องหน้าแม่
“ครับ...”ผมก็งงๆ
“ที่บอกว่า เกลียด คือเกลียดไม่ลงหรอกลูกตัวเองแท้ๆนะ...”แม่พูดออกมาอย่างยิ้มๆทำเอาผมถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งๆทันที
“ขอบคุณนะครับพ่อแม่...ผมดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อแม่จริงๆ รักนะครับ”ผมกอดเอวแม่อีกรอบ โดยมีพ่อลูบหัวปลอบอย่างอ่อนโยน
“เดี๋ยวก่อนซิ...แล้วแฟนเราใช่ พี่ปันรึเปล่า”แม่ผมแกะมือผมออก แล้วถามผม
“เอ่อ...ครับ”ผมก็พยักหน้าตอบไปเบาๆ
“งั้นก็โอเค...ว่าที่ลูกเขยคนนี้ แม่ชอบ...555”แม่พูดออกมา ก่อนจะหัวเราะกับพ่อจนผมหน้าแดงเลย
“แม่อ่า...”ผมก็ก้มหน้าด้วยความอาย
“ ไปๆ ทั้งพ่อทั้งลูก ไปกินข้าวได้แล้วไปไปป์ไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะลูก”แม่ผมสั่งก่อนจะเดินออกไปกับพ่อ ผมจึงเดินตามเข้าไปทีหลัง แล้วหน้าล้าง แล้วก็ออกมาเห็นพี่ปันนั่งเล่นเกมส์กับพี่ชายผมอยู่อย่างสนุกสนานแต่พอทุกคนได้ยินเสียงประกาศิตของแม่ผมก็รีบวิ่งเข้าไปนั่งที่โต๊ะทันที
“ถ้าไปป์บอกแม่เร็วกว่านี้นะคงทำอาหารเลี้ยงให้เยอะกว่านี้อีก”แม่ผมพูดขึ้น บนโต๊ะอาหาร
“เลี้ยง...เนื่องในโอกาสอะไรครับแม่”พี่ชายผมที่เพิ่งกลืนอาหารลงคอไป หันมาถามแม่อย่างงงๆ
“ก็ในโอกาสที่จะได้...ลูกปันมาเป็นลูกเขย...ไงหละ”แม่ผมพูดอย่างยิ้ม กับพ่อผมที่ดูขำกับท่าทางของแม่ผมส่วนพี่ปันก็ดูจะอึ้งๆ แต่สักพักก็เปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มแทน แถมดึงมือผมมากุมอีกอยู่ข้างใต้โต๊ะหลังจากทานอาหารเสร็จ พ่อกับพี่ชาย ก็ไปนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นส่วนผมกับพี่ปันก็ช่วยแม่เก็บโต๊ะ (ไอพี่เลว ขี้เกียจตลอด)
“ปัน...แม่ฝากไปป์ด้วยนะช่วงนี้พ่อกับแม่ไม่ค่อยได้อยู่ในไทยเท่าไหร่”แม่ผมหันไปบอกพี่ปันที่เพิ่งเก็บจานเสร็จ
“ครับ...ไม่ต้องห่วงครับผมจะดูแล”ลูกของคุณแม่และแฟนของผม”เป็นอย่างดีครับ”พี่ปันตอบแม่ แม่ผมก็ยิ้มกว้างเลย ส่วนผมแทบจะอยากหายตัวไปเลยก็คนมาอายนี่นา
หลังจากนั้นพี่ชายก็เดินมาส่งผมกับพี่ปันที่หน้าบ้านโดยพี่ปันเดินไปที่รถก่อนแล้ว ผมจึงเดินอยู่กับพี่ชายของผม
“ไม่นึกว่า จะบอกเร็วขนาดนี้...”พี่ชายผมเอ่ยขึ้น
“อืม...ตอนแรกกะว่าจะบอกพ่อก่อนแต่แม่ก็ดันมาได้ยินซะงั้น”ผมก็ตอบออกไปยอมรับว่าโล่งอกที่บอกความจริงไป แต่ใจลึกๆก็แอบเสียใจที่ทำให้พ่อแม่เสียใจและผิดหวังในตัวเรา ถึงจะยิ้ม แต่แววตาคนเรามันปิดไม่ได้หรอก
“อืม...แกก็ทำตัวดีๆหน่อยแล้วกันอย่าทำอะไรที่มันเกินงามนัก”พี่ชายผมกล่าวแบบเตือนๆ
“อืม...รู้แล้ว”ผมก้มหน้าตอบไป
ผมก็ขึ้นไปรอที่รถระหว่างที่พี่ชายยืนคุยอะไรก็ไม่รู้กับพี่ปันอยู่ ผมก็ไม่ได้อยากสนใจเท่าไหร่เพราะกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแต่สติก็กลับมาเพราะเสียงปิดประตูรถหันไปข้างๆก็เห็นพี่ปันอยู่บนรถแล้ว
“ไปป์เราจะไปไหนกันต่อ...รึเปล่า”พี่ปันหันมาถามผม
“อืม...เดี๋ยวเราต้องหาพ่อแม่พี่ปันวันไหนที่ไหนนะ...”ผมหันไปถามพี่ปัน
“อ่อ...พ่อแม่พี่เครื่องลงวันศุกร์แต่ท่านบอกไม่ต้องไปรับ...ให้เราไปรอที่โรงแรมที่หัวหินเลย”พี่ปันพูดร่ายยาวออกมาผมก็ได้แต่พยักหน้ารับ และใช้ความคิดแปปนึงก่อนจะนึกได้
“งั้นเราไปซื้อของกันนะพี่ปัน”ผมหันไปถามความเห็นพี่ปัน
“ไปซิไป...”พี่ปันพูดแบบยิ้มๆก่อนจะเคลื่อนตัวรถออกไป
ระหว่างที่อยู่บนรถผมกับพี่ปันไม่ได้มีการพูดคุยกันเลยมีเพียงเสียงเพลงเปิดคลอๆอยู่ในรถ ผมเองก็กำลังนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจ ดีที่บอกความจริงกับพ่อแม่ไป
“ไปป์...ไปป์”พี่ปันสะกิดผมจนผมสติกลับมา หันไปมองพี่ปัน
“อะไรหรอพี่ปัน...”ผมหันไปถามพี่ปันอย่างงงๆ
“ถึงแล้ว...พี่เรียกเราตั้งนาน ไม่ยอมตอบเป็นอะไรไปไม่สบายรึเปล่า”พี่ปันพูดออกมาอย่างเป็นห่วงพลางจับผมไปทั้งตัว จนผมขำกับท่าทางแบบนั้นของพี่ปัน
“ไม่เป็นไรคับ...ไปป์ก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”ผมก็ตอบตามความจริงไป
“ช่วงนี้ไปป์เหม่อๆบ่อยนะ”พี่ปันยังคงถามผมไม่เลิก
“อืม...พี่ปันคิดว่าไปป์ทำถูกรึเปล่า”ผมหันไปถามพี่ปัน
“ทำอะไรหละคับ”พี่ปันถามกลับ
“ก็ที่ไปป์บอกเรื่องของเราสองคนกับพ่อแม่อ่าคับ”ผมบอกต่อ จนพี่ปันทำท่าร้องอ๋อออกมา
“แล้วไปป์คิดว่ามันถูกต้องรึเปล่าหละ...ในความคิดของพี่ก็คิดว่าถูกต้องแล้วเพราะเราบอกความจริงกับพวกท่าน เราไม่ได้โกหกพวกท่านช่วงแรกท่านอาจจะยังรับไม่ค่อยได้แต่ของอย่างนี้มันก็ต้องใช้เวลานะ...และต่อให้เราไม่บอกตอนนี้สักวันอาจจะรู้เรื่องด้วยตัวเอง พี่ว่าถ้าเป็นแบบนั้นท่านคงจะเสียใจมากกว่านะไปป์”พี่ปันพูดร่ายยาวออกมา ผมก็ได้แต่คิดตามคำพูดของพี่ปันไปแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
“อย่าคิดมากนะครับไปป์...ยิ้มให้พี่ดูหน่อยเร็ว”พี่ปันจับหน้าผมให้หันมามองหน้าพี่เค้า จนผมอายหน้าแดงเลยแต่ก็ส่งยิ้มเจื่อนๆไปให้ พี่ปันก็ดูจะพอใจจึงปล่อยผมออก ผมจึงลงจากรถไปโดยทีพี่ปันที่วิ่งตามมาติดๆ
ผมกับพี่ปันก็เดินดูของกันไปเรื่อยๆตัวผมเองก็กำลังคิดว่าจะซื้ออะไรไปให้พ่อแม่พี่ปันดี ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกพี่ปันเองก็เดินดูของนู้นนี่ไปเรื่อยๆ
“พี่ปัน...”ผมกระตุกชายเสื้อพี่ปันให้หยุดเดิน
“ว่าไงครับ...”พี่ปันหันมาหาผมอย่างงงๆ
“ไปป์จะซื้ออะไร ไปให้พ่อแม่พี่ดีอ่า”ผมถามพี่ปันไป
“จะซื้อให้พ่อแม่พี่เหรอ...ไม่ต้องหรอก”พี่ปันพูดแบบยิ้มๆ
“ทำไมหละ...”ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไร...ก็แค่ไม่อยากให้ไปป์เสียตังค์เท่านั้นเองครับ”พี่ปันตอบกลับมา
“แต่ไปป์ก็อยากซื้อให้นะ...”ผมก็บอกออกไปใช่เราอยากซื้อของขวัญต้อนรับให้ เจอกันครั้งแรกต้องสร้างความประทับใจกันหน่อยซิ
“อืม...”พี่ปันดูจะใช้ความคิด
“อ้อ...พี่รู้แล้วว่าไปป์ควรจะซื้ออะไรให้พ่อแม่พี่...”พี่ปันทำท่านึกออก พร้อมกันดีดนิ้ว ก่อนฉุดแขนผมให้เดินตามพี่ปันไปผมเองก็เดินตามไปอย่างว่าง่าย จนมาหยุดอยู่ที่ร้านขายของพื้นบ้านอยู่ร้านนึง
“มาร้านนี้ทำไมหละพี่ปัน”ผมเอ่ยถามพี่ปันอย่างสงสัย
“ก็ไปป์อยากซื้อของฝากให้พ่อแม่พี่ไม่ใช่เหรอ...นี่ไงไปป์ลองไปเลือกดู”พี่ปันเอ่ยก่อนจะพาผมเข้ามาดูของในร้านที่ถูกจัดอย่างดูดีมีสไตล์ดูแล้วเหมือนของแบรนด์เนมก็ไม่ผิดเลยทีเดียว
“เดี๋ยวไปป์ดูของไปก่อนนะ...พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อน”พี่ปันพูดจบก็เดินออกจากร้านไป ให้ผมอยู่คนเดียวในร้านกับพนักงานขายอีก 3- 4 คน
“แล้วเค้าจะชอบของที่ไปป์ซื้อให้มั้ยเนี่ย”ผมก็พึมพำอยู่คนเดียว อุตส่าขอความเห็นจากพี่ปันก็ไม่ได้คำตอบอีกแถมในร้านยังมีของให้เลือกเยอะมากๆ ผมจึงเดินไปดูส่วนของเครื่องความงามตาผมก็หันไปเห็นสบู่ 4 - 5 ก้อนซึ่งถูกจัดอยู่ในแพคเกตสวยมากๆพนักงานที่เห็นผมสนใจจึงเดินมาให้ข้อมูล
“นี่เป็นสบู่ทำจากสารสกัดธรรมชาติ ค่าในนี้ก็จะมีสบู่ทำจากถ่าน นี่ก็ทำมาจากแตงโม...”แล้วพนักงานก็พูดร่ายยาวเหยียดผมก็ตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“แล้วใช้ได้กับทุกผิวรึเปล่า...”ผมถามพนักงานหลังจากที่อวดสรรพคุณจบ
“ค่า...ใช้ได้ทุกผิวเพราะเป็นสารจากธรรมชาติจึงอ่อนโยนต่อผิว ให้ความชุ่มชื่นกับผิวไม่ให้ผิวแห้งค่า...”พนักงานหันมาตอบยิ้มๆ
“งั้นเอาอันนี้กล่องหนึ่งแล้วกันครับ...ห่อเป็นของขวัญให้ด้วยนะครับ”ผมหันไปบอกพนักงาน ก่อนพนักงานจะขอตัวออกไป ผมจึงเดินดูของต่อไปเรื่อยๆพี่ปันก็เดินเข้ามาในร้านพอดี
“เป็นไงบ้างไปป์...ได้ของบ้างยัง”พี่ปันถามผม
“อื้ม...ไปป์ซื้อของให้คุณแม่พี่ได้แล้ว...เหลือของคุณพ่ออ่า”ผมหันไปตอบ เพราะคุณพ่อเป็นผู้ชาย แถมเป็นคนต่างประเทศอีกยิ่งคิดไม่ออกใหญ่เลย ว่าจะซื้ออะไรไปให้ดี
“พี่ว่าของที่ไปป์ซื้อให้...จะอะไรก็เหอะพ่อแม่พี่คงดีใจแหละ อย่าคิดมาก”พี่ปันพูดก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ
ผมก็เดินดูของอีกรอบนึง ห่อนจะเห็นเข็มขัดหนังเส้นหนึ่งสีน้ำตาลเข้มหัวเข็มขัดก็ทำมาจากเครื่องถมโลหะ ดูคลาสสิคดี ผมก็หยิบมาดูอย่างสนใจเพราะมันก็สามารถเอาไปใช้ได้ด้วย ผมจึงเรียกพี่ปันให้มาหาก่อนจะเอาเข็มขัดมาลองทาบที่ตัวพี่ปันดู มันก็ดูเหมาะดีกับผู้ชายผมจึงหยิบไปให้พนักงานอีกคน สักพักพนักงานก็ยื่นถุงมาให้ พี่ปันหยิบมาถือไว้เองผมก็จ่ายเงินไป แล้วออกจากร้านมา
“ได้ของฝากจนได้ โล่งอกไปที...”ผมพูดอย่างยิ้มๆพี่ปันก็ขำกับท่าทางของผม
“แล้วซื้อของอะไรให้แม่พี่หละ...”พี่หันมาถามผม
“ไม่บอก...เอาไว้รู้พร้อมกันแม่พี่แล้วกัน”ผมเอ่ยออกไปอย่างขำๆ
“พี่หิวแล้วอ่าไปป์...เราไปหาอะไรกินกันนะครับ...”พี่ปันเอ่ยขึ้น ผมดูนาฬิกานี่ก็เย็นมากแล้ว
“อื้ม...งั้นวันนี้ก็กินข้าวเย็นนอกบ้านเลยแล้วกันเนอะ...”ผมหันไปบอกพี่ปัน ซึ่งพี่ปันก็พยักหน้าเป็นคำตอบ
“แล้วพี่ปันอยากกินหละวันนี้...”ผมหันไปถามพี่ปันเพราะปกติพี่ปันจะถามผม ตามใจผมเสมอ เรื่องหาร้านอาหารทานกัน
“อืม...พี่อยากกิน...”ไปป์”...อะ”พี่ปันก้มมากระซิบข้างหูผมทำเอาผมดีดตัวออกห่างจากพี่ปันทันที
“ทำไมต้อง เดินห่างจากพี่ขนาดนั้นหละไปป์...”พี่ปันถามอย่างแซวๆ ปนเสียงหัวเราะ
“ไม่อยากเดินกับคนโรคจิต...หื่นกามด้วย...”ผมก็เอ่ยออกไป ก่อนจะเดินหนีพี่ปันไป โดยมีพี่ปันเดินมาอยู่ไม่ห่างตัวนัก
“ทำไมต้อง เดินห่างจากพี่ขนาดนั้นหละไปป์...”พี่ปันถามอย่างแซวๆ ปนเสียงหัวเราะ
“ไม่อยากเดินกับคนโรคจิต...หื่นกามด้วย...”ผมก็เอ่ยออกไป ก่อนจะเดินหนีพี่ปันไป โดยมีพี่ปันเดินมาอยู่ไม่ห่างตัวนัก
“แหม...แล้วคนโรคจิต เป็นแฟนใครกันหละครับ...”พี่ปันถามผมอย่างยียวน
“ไม่รู้ซิ...แฟนไปป์เค้าไม่ลามกหื่นกามหรอก ”ผมก็หันไปตอบแบบกวนๆ ซึ่งสุดท้ายก็หลุดหัวเราะกันออกมาทั้งคู่
“แล้วนี่สรุปเราจะกินอะไรกันดีนะ...”พี่ปันหันมาถามผม หลังจากที่เดินผ่านร้านอาหารมาหลายร้านแล้ว
“อืม...กินอาหารญี่ปุ่นดีมั้ย...”ผมเสนอไอเดียขึ้น
“แล้วแต่ไปป์อ่า...”พี่ปันก็ตอบคำถามผมแบบเดิมๆซึ่งพี่ปันมักตามใจผมอยู่เสมอๆ
“ไม่เอาซิ...แล้วพี่ปันอยากกินรึเปล่า...พี่ตามใจไปป์มากเกินไปแล้วนะหัดตามใจตัวเองบ้างซิ...”ผมหันไปบอกพี่ปันยาวเหยียดซึ่งพี่ปันก็ได้แต่ยิ้มออกมา
“ก็พี่รักไปป์มากๆไง ถึงตามใจ พี่กินได้หมดแหละ.”พี่ปันพูดออกมาอย่างแผ่วเบาแต่ผมกลับได้ยินอย่างชัดเจน
“ง่า...”ผมก็ค้างไปเลยไหนมาบอกรักกันตรงๆแบบนี้หละ อายเป็นนะ
“ปะๆ...กินอาหารญี่ปุ่นดีกว่า...พี่ก็ไม่ได้กินนานและ...”พี่ปันดูจะขำๆกับท่าทางของผม ก่อนจะกอดคอผมเดินเข้าร้านอาหารไปผมกับพี่ปันก็สั่งอาหารกันมาคนละชุด และก็ของว่างมา 2 - 3 อย่างผมกับพี่ปันก็นั่งทานอาหารกันไปเรื่อยๆ จนหมด ผมนี่จุกเลยปกติผมเป็นคนทานน้อยแต่นี่พี่ปันบังคับให้ผมกินเยอะมากๆ
“จะเดินดูอะไรอีกรึเปล่า...ไปป์”พี่ปันถามผมหลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จ
“ไม่แล้วอ่า...อยากกลับบ้านไปอาบน้ำ”ผมบอกออกไป รู้สึกเหนื่อยแล้ววันนี้
“โอเคงั้นกลับบ้านเลยแล้วกัน...”พี่ปันพูดก่อนจะรีบพนักงานมาเก็บเงิน
“มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง โอเคปะ...”พี่ปันพูดแบบยิ้มๆ
“หลายครั้งแล้วนะ...ให้ไปป์เลี้ยงพี่บ้างเถอะ...”ผมบอกออกไปอย่างหน่ายๆ
“คราวหน้าๆ ตกลงมั้ย...”พี่ปันพูดปนขำๆก่อนจะช่วยผมถือของแล้วพากันออกจากร้านอาหาร แล้วเดินตรงไปที่รถทันที
“เฮ้อ...อิ่มจังเลย พี่ปันแหละคะยั้นคะยอให้ไปป์กินอยู่นานแหละอิ่มจะตาย”ผมแหวใส่พี่ปันขณะอยู่ในรถ
“ก็ต้องบำรุงหน่อยซิ...เดี๋ยวพ่อแม่พี่จะว่าได้ว่าไม่ดูแลเราให้ดี”พี่ปันพูด แต่ก็ขับรถอยู่
“อ่า...พี่ดูแลไปป์ดีจะตาย...”ผมก็พูดแล้วหันไปมองข้างนอกรถ
ขอบคุณครับ น่ารักมากๆเลย
หน้า:
[1]