..จุดเริ่มต้นเรื่องราวปวดร้าวยิ่ง
ได้แต่นิ่งเกินจำหลักวาดอักษร
ครูให้เขียนการบ้านเรื่องมารดร
หนูสะท้อนทุกครั้ง...หลั่งน้ำตา
จักให้เขียนเริ่มต้นจนใจแท้
คำว่า “ แม่ ”..ยิ่งใหญ่จริงไหมหนา
ตั้งแต่จำความได้ในจินตนา
ภาพใบหน้า..แม่นั้นเป็นฉันใด
ตั้งแต่หนูลืมตามาดูโลก
พบแต่โศก..หดหู่ครูรู้ไหม
รสสัมผัสอันอบอุ่นที่คุ้นใจ
เป็นอย่างไรไม่รู้..หนูไม่มี
เห็นคนอื่นพร้อมพรั่งทั้งแม่พ่อ
เฝ้าพะนอเอาใจให้สุขี
ยามหกล้มช่วยยื้อยุดฉุดชีวี
ปลอบฤดีเรียกขวัญพลันกลับคืน
เฝ้าประคองสองมือแม่ดูแลลูก
รักพันผูกห่วงใยมิใช่ฝืน
ต่างกับหนูยามช้ำต้องกล้ำกลืน
ก้อนสะอื้นในอกจนตกใน
ไร้คำปลอบยามหม่นต้องทนทุกข์
ไร้คำปลุกยามพรั่นหวาดหวั่นไหว
ไร้ที่พึ่งพักพิงอิงทางใจ
ไร้สิ่งใดที่ใครเขามีกัน..
ยามจะนอนไร้ลำนำบทขับกล่อม
ที่รายล้อมคือความเหงาเศร้าโศกศัลย์
กอดตัวเองอุ่นกายในบางวัน
แต่ใจนั้นหนาวอยู่มิรู้คลาย
แทนความนัยตอกย้ำเด็กกำพร้า
คือน้ำตาหยาดรินมิสิ้นสาย
อยากจะเขียนเสกสรรค์คำบรรยาย
สื่อความหมายคล้ายสมองต้องตีบตัน
จึงยากเค้นอักษรป้อนความหมาย
ที่เรียงรายคือน้ำตามาปลอบขวัญ
แทนหยาดหมึกจารึกไว้นัยสำคัญ
ถึงแม่นั้น..คือน้ำตาที่พร่านอง
จารจากใจถึงแม่จ๋า..ว่าลูกรัก
ชาตินี้ลูกบุญน้อยนักจักสนอง
หากชาติหน้าถ้ามีให้สมปอง
ทุกครรลองพร้อมหน้ากันสวรรค์ดล
ครไหนเล่า เฝ้าอบรม บ่มนิสัย แม้เติบใหญ่ ไม่ท้อถอย คอยนั่งเฝ้า
พระคุณเลิศ ลูกโศก ช่วยบรรเทา ใครไหนเล่า รักมั่นแท้ แม่ฉันเอง
คราลูกหิว แม่หิวกว่า น้ำตาร่วง แม่เป็นห่วง ดิ้นรนหา เอามาให้
แม้แม่อด หมดข้าวปลา ไม่ว่าไร แม่สละได้ ลูกอิ่มแปร้ แม่ทนเอา
ยามลูกสุข แม่สุขสม อารมณ์ชื่น ยามลูกขื่น แม่ขม ระทมกว่า
ยามลูกไข้ แม่อดนอน ร้อนอุรา ยามลูกยา อับโชค แม่โศกใจ
แม่ป้องริ้น ป้องไร มิให้ผ่าน แม่สงสาร ห่วงลูกยา กว่าทรัพย์สิน
แม่เห่กล่อม ยามนิทรา เป็นอาจิณ แม่ไม่ผิน แม่ไม่ผัน ทุกวันมา
ครบสิบเดือน เคลื่อนคลอด รอดชีวิต แม่ใกล้ชิด ลูกน้อย คอยฝึกฝน
แม่ลำบาก อย่างไร ใจแม่ทน สายเลือดข้น เต้าแม่กลั่น ปันลูกกิน
แม่สละสวย สละสาว คราวอุ้มท้อง แม่ไม่ร้อง แม่ไม่บ่น แม่ทนได้
แม่เฝ้าถนอม จนครรภ์แก่ แม่เต็มใจ จะหาใคร เหมือนแม่ แพ้ทุกคน
บวชให้แม่หน้าฝน ดีกว่าบวชให้แม่หน้าไฟ
พ่อแม่อดทนทำงาน…เพื่อสร้างอนาคต…ให้เราได้
แต่ทำไม??? เราจะอดทนสร้างอนาคตของตัวเราเอง
เพื่อให้ท่านพักผ่อนบ้างไม่ได้
ดูแลบิดามารดาให้ดี มีโอกาสรีบทำซะ ก่อนจะไม่มี…
เวลาที่ท้อสิ่งแรกที่นึกถึงคือ… แม่…
สถานที่ๆอยากไปคือ… บ้าน…
พ่อแม่ เทวดาประจำบ้าน ปกป้องคุ้มครอง
ลูกตลอดเวลา
อย่าอาย…เพียงเพราะแม่จน
เชื่อว่าผู้หญิงหลายๆคน ไม่ได้รักคุณเท่าแม่…
ลูกบางคนใช้เงินไม่คิด
ในขณะที่พ่อแม่นั่งครุ่นคิดว่า
จะหาเงินมาให้ลูกใช้ยังไง
ไม่มีใครบ่นเสร็จ ด่าเสร็จ
แล้วก็ควักเงินค่าขนมให้เราไปกิน
นอกจากผู้หญิงที่ชื่อว่า “แม่”
กลับไปเถิด กลับไป เยี่ยมแม่บ้าง
อย่าให้ท่าน ต้องอ้างว้าง ใจสลัว
อย่าหลงไฟ หลงแสงสี จนลืมตัว
อย่าเมามัว จนลืมแม่ ผู้รักเรา
1 วันที่ “เราโตขึ้น”
เท่ากับ 1 วัน ที่ “แม่ชราลง”
1 วันที่ “เราแข็งแรง”
เท่ากับ 1 วัน ที่ “แม่หมดแรง”
ถึงปีที่เรา “มั่นคง”
“แม่อาจล้มลง ไม่ทันยินดี”
ขอให้แม่ สุขสมหวัง ดังตั้งใจ
เกียรติยศ สดใส ในศักดิ์ศรี
ทั้งเงินทอง ไหลมา ดั่งวารี
ทุกนาที มีสุข ไร้ทุกข์ภัย
ขออวยพร เป็นบทกลอน ส่งมาถึง
จิตคำนึง ระลึกห่วง อยู่เสมอ
อยู่แสนไกล กายห่าง ไม่พบเจอ
รัก..เสมอ อยู่ในใจ ไม่เสื่อมคลาย
ขอน้อมนอบ หมอบกราบแท้ พระแม่แก้ว
สำนึกแล้ว ความเลว เคยเหลวไหล
ลูกซึ้งแล้ว แนววิถี ที่เป็นไป
แม่ช้ำใจ เพราะลูกมา จนชาชิน
ลูกสร้างกรรม ทำบาป กราบเท้าแม่
ซึ้งใจแท้ แม่อภัย ให้หมดสิ้น
น้ำตาแม่ แต่ละหยด ที่รดริน
ลูกแทบสิ้น ดังน้ำกรด รดหัวใจ
จะทำดี เพื่อแม่ ต่อแต่นี้
เป็นคนดี ต่อสังคม ไม่หลงไหล
จะเป็นคน ดีของแม่ ตลอดไป
ไม่ยอมให้ เสียใจซ้ำ ย่ำน้ำตา
รักใดเล่ารักแน่เท่าแม่รัก
ผูกสมัครรักมั่นไม่หวั่นไหว
ห่วงใดเล่าห่วงเท่าดังดวงใจ
ที่แม่ให้กับลูกอยู่ทุกคราว
ยามลูกขื่นแม่ขนตรมหลายเท่า
ยามลูกเศร้าแม่โศกวิโยคกว่า
ยามลูกหายแม่ห่วงดั่งดวงตา
ยามลูกมาแม่หมดลดห่วงใย