ทริปเดี่ยวที่วังเวียง: การเดินทางของคนชอบแก้ผ้า กึ่งexhibitionist
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Alaskan เมื่อ 2025-11-22 19:24.เรื่องราวนี้เป็นทริปที่ผมตั้งใจไปเที่ยวยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อค้นหาและเข้าใจตนเองมากขึ้น เป็นทริปที่ผมปล่อยจอย อยากทำอะไรขอให้ได้ทำ เกี่ยวกับการค้นหาตนเองในแบบของexhibitionistกับ naturist philosophy ถ้าผู้อ่านชอบและสนใจเรื่องเล่าประสบการณ์ของผมสามารถร่วม comment พูดคุยกันได้นะครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------เช้าวันศุกร์ที่กรุงเทพยังคงร้อนอบอ้าว ผมตื่นมาด้วยความตื่นเต้น วันนี้จะได้เดินทางไปวังเวียงเพื่อสำรวจธรรมชาติและวัฒนธรรม และที่สำคัญคือได้ใช้ชีวิตแบบที่ผมเป็นจริงๆสำหรับผมที่เป็น naturist การเตรียมเสื้อผ้าไม่ซับซ้อนเลย กระเป๋าเป้ใบเล็กบรรจุเสื้อผ้าแค่สามชุด เพราะส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยได้ใส่อยู่แล้ว
วันนี้ผมเลือกชุดวอร์มผ้าร่มสีน้ำเงินเข้ม ผ้าบางเบาลื่นนิ่ม เหมาะกับการเดินทางไกล แต่สิ่งพิเศษไม่ใช่ตัวชุด แต่คือสิ่งที่ข้างใต้ — หรือแท้จริงแล้วคือการไม่มีอะไรเลยผมถอดผ้าเช็ดตัวออก ยืนเปลือยกายกลางห้อง แล้วค่อยๆ สวมเสื้อเข้าไป ผ้าเย็นๆ แตะผิวหนังเปลือยตรงหน้าอก ตรงท้อง ทำให้ผิวซู่ซ่าเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ สวมกางเกง ผ้าร่มบางๆ ลื่นไหลขึ้นไปตามขา แตะที่ต้นขาเปลือย แตะที่ก้น ไม่มีกางเกงในคั่นกลาง มีเพียงผิวเปลือยกับผ้าร่มชั้นเดียว
ผมดึงเชือกที่เอวผูกไว้พอให้กางเกงไม่หลุด แล้วลองเดินไปมาในห้อง ทุกก้าวที่เดิน ผ้าร่มจะเคลื่อนไหวตามการเดิน มันจะถูไปมากับผิวหนังเปลือย ตรงหน้าอกรู้สึกได้ถึงการสัมผัส ตรงต้นขารู้สึกถึงการลื่นไหล มันให้ความรู้สึกเสียวๆ แต่ก็สบาย เป็นอิสระอย่างที่ไม่เคยรู้สึกเมื่อใส่กางเกงในรัดๆ
ผมยิ้มให้กับตัวเองในกระจก นี่แหละคือความรู้สึกที่ผมชอบ ความรู้สึกของการเป็นอิสระ แม้ว่าจะอยู่ในเสื้อผ้า แต่ข้างในนั้นเปลือยเปล่า ไม่มีอะไรขัดขวาง มีเพียงผ้าบางๆ เพียงชั้นเดียวคั่นระหว่างผิวเปลือยกับโลกภายนอก.เวลาสามทุ่มครึ่งที่สถานีหมอชิต ผมขึ้นรถทัวร์ VIP 24 ที่นั่งไปวังเวียง เลือกที่นั่งแถวเดียวหมายเลข 3A เพื่อความสบายและมีพื้นที่ส่วนตัวช่วงเวลาที่นั่งลง ผมรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน แอร์เย็นจัดจนเกือบหนาว เมื่อก้นเปลือยสัมผัสกับเบาะนั่ง แม้จะมีผ้าร่มบางๆ คั่นกลาง แต่ความรู้สึกก็ยังชัดเจน เบาะนุ่มๆ กดไปกับผิวหนัง ผ้าร่มเย็นๆ แตะอยู่ ผิวหนังรู้สึกถึงทุกพื้นผิว ตรงต้นขา ตรงก้น มันเป็นความรู้สึกที่แปลกและน่าตื่นเต้น การนั่งแบบนี้ในที่สาธารณะ รอบๆ มีผู้โดยสารคนอื่นๆ แต่ไม่มีใครรู้ว่าข้างในชุดวอร์มผ้าร่มที่ดูธรรมดานี้ ผมไม่ได้ใส่อะไรเลย.พนักงานแจกผ้าห่มบางๆ สีน้ำตาลอ่อน ผมรับมาคลุมไว้บนตัก ทำให้รู้สึกปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้นว่าไม่มีใครจะสังเกตเห็นอะไรผิดปกติ
รถออกตรงเวลา 21:00 น. มุ่งหน้าสู่หนองคาย ใช้เวลาประมาณ 9-10 ชั่วโมง ผู้โดยสารเกือบเต็มรถ มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ด้านหน้าเป็นชายคนหนึ่งนั่งคนเดียว ด้านหลังเป็นคู่รักฝรั่ง ฝั่งขวาตรงข้ามเป็นครอบครัวไทย ไฟในรถค่อยๆ ดับลง เหลือแค่ไฟสลัวๆ ตามทางเดิน บรรยากาศเงียบลงเหลือแต่เสียงเครื่องยนต์หึ่งๆ และเสียงล้อกับพื้นถนนผมปรับที่นั่งให้นอนสบาย เอาผ้าห่มคลุมตัว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหนัง แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้สนใจหนังมากนัก สิ่งที่ผมสนใจคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ความรู้สึกของการนั่งแบบนี้ท่ามกลางผู้คนเกือบเต็มรถ ในความมืดนี้ ไม่มีใครรู้ว่าผมไม่ได้ใส่อะไรข้างใน
ทุกครั้งที่รถสั่น ผ้าร่มบางๆ จะขยับไปตามการสั่นของรถ มันจะถูไปมากับผิวหนังเปลือย ตรงหน้าอกจะรู้สึกได้ถึงผ้าที่เคลื่อนไหว ตรงท้องจะรู้สึกถึงการลื่นไหล ตรงต้นขาจะรู้สึกถึงการสัมผัส เวลารถเข้าโค้ง ร่างกายจะเอียงไปตามแรงเหวี่ยง ผ้าร่มจะขยับ ถูไปมา ทุกครั้งที่มันถู ผมจะรู้สึกเสียวๆ นิดหน่อย มันทำให้รู้สึกถึงการมีชีวิต รู้สึกถึงความเป็นอิสระเวลาที่รถเบรก ร่างกายจะถูกดันไปข้างหน้า ผ้าร่มจะขยับถูไปทางหน้ามันเสียวๆแต่ก็สบาย เวลารถเร่งร่างกายจะถูกดันไปข้างหลัง ผ้าร่มจะขยับถูกลับไปทางหลัง มันเป็นจังหวะเป็นริทึม
ผมปิดตาลงตอนนี้ไม่ได้ดูหนังแล้ว ผมปล่อยให้ความรู้สึกไปตามการเคลื่อนไหวของรถ ให้รู้สึกไปตามการเคลื่อนไหวของผ้าร่ม รู้สึกไปตามการสัมผัสกับผิวหนัง มันเป็นประสบการณ์ที่พิเศษมาก การนั่งแบบนี้ท่ามกลางผู้คนเกือบเต็มรถ ทุกคนกำลังหลับ กำลังพักผ่อน แต่ไม่มีใครรู้ว่าผมกำลังรู้สึกถึงอะไร ไม่มีใครรู้ว่าข้างใต้ผ้าร่มบางๆ นี้ผมเปลือยกายเต็มที่ เป็นอิสระอย่างถึงที่สุด มันเป็นความลับของผมคนเดียว ความลับที่น่าตื่นเต้น ความลับที่ทำให้รู้สึกเป็นอิสระ ความลับที่ทำให้ผมยิ้มในความมืด
กลางคืนรถพักครั้งหนึ่งประมาณ 15-30 นาที ให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำและซื้อของ ผมก็ลงไปด้วย ลมข้างนอกเย็นพัดผ่านผ้าร่มบางๆ เข้าแตะผิวหนังข้างใน ผมเดินเข้าห้องน้ำปลดเชือกดึงกางเกงลง ความรู้สึกของการที่ไม่ต้องดึงกางเกงในลงก่อน มันง่าย สะดวกรวดเร็วต่อการทำธุระมาก เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จผมก็กล้บขึ้นรถต่อ
รถวิ่งต่อไปตลอดคืน ผมหลับหลับตื่นตื่นไป จนถึงตอนเช้าแสงแดดเริ่มสว่าง ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นวิวทิวทัศน์เปลี่ยนไป ไม่ใช่ทุ่งนาแบบไทยอีกต่อไป ป่าไม้เขียวขจี นี่คือลาวแล้ว ประมาณ 8 โมงเช้า รถเข้าสถานีเวียงจันทร์หลังเดินทาง 11 ชั่วโมงครึ่ง คุ้มค่ากับตั๋วไม่ถึงพันบาท จากนั้นผมต่อรถไฟไปวังเวียง.ไม่นานนักรถไฟก็พาผมมาถึงวังเวียง สิ่งแรกที่รู้สึกได้คืออากาศ มันเย็นกว่ากรุงเทพมาก ลมเย็นๆ พัดมา ผ่านผ้าร่มบางๆ แตะผิวหนังข้างใน มันสดชื่นสบายมาก
ผมหายใจเข้าลึกๆ กลิ่นอากาศสะอาด ไม่มีมลพิษ ไม่มีควันรถ แค่กลิ่นของธรรมชาติ การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นแล้ว.
.
.ผมมองไปรอบๆ เป็นสถานีขนส่งเล็กๆเรียบง่ายมีรถสองแถวจอดอยู่หลายคัน ผมหารถสองแถวเพื่อนั่งรถต่อไปโรงแรมที่ผมจองไว้ ผมขึ้นไปนั่งในรถสองแถวผมเลือกนั่งมุมด้านในสุด ใกล้กับตัวรถวางเป้ข้างๆ รอผู้โดยสารคนอื่นตอนนั่งเฉยๆรอคนเต็มผมเปิดรูดซิบเสื้อผ้าร่มลงถึงเกือบครึ่งอกเพื่อให้ลมโกรกเข้ามาโดยตังระบายเหงื่อและไอร้อนออกจากร่างกาย
รอไปประมาณสิบนาที มีคนมาขึ้นรวมทั้งหมด 7-8 คน พอดี รถสองแถววิ่งไปตามถนนในเมืองวังเวียง ถนนไม่ใหญ่มาก ลาดยางเรียบสองข้างทางเป็นบ้านเรือน ร้านค้า ร้านอาหาร สลับกับต้นไม้ และทุกครั้งที่รถกระเด้งผมก็รู้สึกได้อย่างชัดเจน ขณะที่รถวิ่งลมจะพัดเข้ามาแรง เพราะข้างรถเปิดโล่งลมจะพัดผ่านผ้าร่มบางๆแตะผิวหนังข้างในที่มีเหงื่อเกาะเล็กน้อย มันช่างเย็นสบายเย็นวูบวาบตามผมที่ผ่านหน้าอกสัมผัสกับหัวนมเต็มๆที่เริ่มแข็งเป็นไตนูนออกมา.ผมมองออกไปนอกรถ พยายามทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่กำลังมองชมวิวแต่จริงๆแล้วความรู้สึกส่วนใหญ่ของผมอยู่ที่ความสัมผัสใต้ผ้าร่ม รถวิ่งผ่านแม่น้ำซอง ผ่านภูเขาหินปูน สูงตระหง่านรถวิ่งผ่านทุ่งนา เขียวขจีทุกครั้งที่รถเลี้ยวร่างกายจะเอียงไปตามแรงเหวี่ยง ผ้าร่มจะขยับควยจะโคลงไปทางที่เอียง ผ้าร่มจะถูไปทางนั้นมันทำให้ผมเสียว แต่ผมก็ทำหน้าเฉยๆมองออกไปนอกรถ ไม่มีใครสังเกตอะไร.รถหยุดปล่อยผู้โดยสารคนแรก และนักท่องเที่ยวลงไปตามโรงแรมต่างๆตามทางเรื่อยๆ จนตอนนี้เหลือแค่ผมคนเดียว คนขับเลยลงจากรถลงมาบอกว่า"โรงแรมอยู่ไกลสุดเลย" คนขับพูด"อีกนิดเดียว""ไม่เป็นไรครับ" ผมตอบ.ผมเดินทางถึงโรงแรมน่าจะเป็นช่วงสายๆประมาณเกือบๆ10โมงเช้า ตอนนี้ยังไม่เป็นให้ check in ผมตัดสินใจเดินดูรอบๆพบว่าโรงแรมนี้เป็นอาคารคอนกรีตทรงเหลี่ยมสูงหลายชั้นตั้งตระหง่านอยู่กลางวังเวียงราวกับก้อนหินใหญ่ที่ถูกสลักให้มีช่อง มีกรอบ มีเงาทุกระเบียงยื่นออกมาเป็นกล่องสลับจังหวะ ดูดิบ เท่และปล่อยให้เถาวัลย์เขียวยาวเลื้อยลงไปตามผิวคอนกรีต—เหมือนธรรมชาติกำลังแต้มลายให้สถาปัตยกรรมทีละเส้นมีสระว่ายน้ำและห้องอาหารเช้าอยู่ชั้นล่างหันหน้าออกสู่แม่น้ำซอง .ตั้งแต่มาถึงผมยังไม่ได้กินอะไรเลย ท้องเริ่มร้องช่วงเช้าวังเวียงยังมีไอเย็นอยู่ ผมหาคาเฟ่เล็กๆ ริมแม่น้ำซองนั่งกินอาหารเช้าแบบง่ายๆโต๊ะไม้สีซีดจากแดดถูกปัดอย่างลวก ๆ ให้เก้าอี้มีฝุ่นนิด ๆแบบธรรมชาติของเมืองท่องเที่ยวที่ไม่พยายามจะเพอร์เฟกต์อะไรนัก บนเคาน์เตอร์ด้านในมีเมล็ดกาแฟลาวคั่วเข้มวางอยู่ในโหลแก้ว กลิ่นคั่วหอมไหม้นิดๆ ลอยฟุ้งในอากาศ ข้างกันมีเครื่องชงสีเงินเก่าๆที่ดังเสียงไอน้ำเป็นจังหวะ.เมนูในร้านเป็นกระดาษลามิเนตเรียบง่าย มีทั้งของคุ้นเคยและของพื้นถิ่นจากภาพจำที่ผมเก็บไว้ในกล้อง เช้าวันนั้นผมสั่งอาหารเช้าแบบง่ายๆเป็นกาแฟลาวแบบร้อน แพนเค้กกล้วยBananaPancakeBaguette และ Croissant มากิน นั่งกินไปชมวิวบรรยากาศ ภาพของผู้คนสัญจรไปมา เสียงกริ่งจักรยาน ประสานกับเสียงเครื่องปั่นสมูทตีดังเป็นระยะๆลอยเข้ามาเบา ๆ ผสมกับภาพของน้ำซองที่ไหลเอื่อยอยู่ตรงหน้าผิวน้ำสีเขียวหม่นสะท้อนแดดสายเป็นประกายเหมือนกระจกแตกละเอียด.มีคายัคสองลำพายผ่านไปช้า ๆคนพายคุยกันหัวเราะเบา ๆค่อย ๆ เลื่อนไปไกลจนกลายเป็นจุดสีเล็กบนสายน้ำ กลิ่นเข้มหอมหวานแบบกาแฟลาวแท้ๆ ผสมกับอากาศเย็น มันทั้งปลุกให้ตื่นและทำให้ใจนิ่งในเวลาเดียวกัน ภูเขาหินปูนสูงใหญ่ด้านหลังยังมีหมอกบางๆ คลุมยอด เหมือนผ้าขาวกำลังจะถูกแดดช่วงสายกลืนไปทีละนิด ช้า สวยและมีชีวิตในแบบที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลย
เช้านั้นที่วังเวียง…แม้ว่ายังไม่ได้เช็คอินแต่รู้สึกเหมือนเช็คอินเข้าธรรมชาติเรียบร้อยแล้วตั้งแต่แก้วแรกที่มาถึงกับสัมผัสแรกที่จิบรสชาติกาแฟ..เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ สักพักก็เที่ยงแล้วถึงเวลาผมที่ขอearlycheck in ไว้เพื่อจะได้อาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว เมื่อเดินเข้าไปสู่ห้องพักความดิบของภายนอกของโรงแรม เปลี่ยนเป็นความสงบเรียบง่ายทันทีห้องกว้างพื้นปูนขัดมันเย็นเท้า เตียงสีขาวสะอาดวางนิ่งอยู่กลางห้องและแสงอ่อนจากโคมไฟไม้ทรงหยดน้ำทำให้มุมต่าง ๆ ของห้องอุ่นขึ้นอย่างนุ่มนวล.แต่สิ่งที่ดึงสายตามากที่สุดไม่ใช่เตียงไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์ แต่เป็นกระจกใสบานใหญ่ที่เปิดโลกอีกใบหนึ่งตรงหน้า จากห้องชั้นบนของอาคารเห็นทิวเขาวังเวียงตั้งเรียงกันเป็นชั้น ๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุดภูเขาหินปูนสูงใหญ่สีหม่น อมเขียวตัดกับฟ้าไล่เฉดเหมือนถูกวาดด้วยพู่กันขนาดใหญ่ของธรรมชาติ แสงแดดสะท้อนยอดเขาเป็นประกายบาง ๆส่วนด้านล่างเป็นป่าเตี้ยและทุ่งหญ้าที่ทอดไกลจนเหมือนเชื่อมกับเส้นขอบฟ้ามีที่แม่น้ำซองไหลผ่านกลางเมืองคนเคี้ยวเปรียบเสมือนดั่งกระดูกสันหลังที่หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตของคนที่นี่.บนระเบียงมีเพียงเก้าอี้ไม้สองตัว—วางไว้พอดีสำหรับคนสองคนหรือนั่งคนเดียวแบบเงียบๆ ก็ได้—เหมือนชวนให้ออกไปนั่งรับลม สูดอากาศและปล่อยให้วิวตรงหน้ากินเวลาทั้งวันไปอย่างง่ายดาย ที่นี่ให้ความรู้สึกแบบพิเศษ…เหมือนโลกข้างนอกทั้งหมดถูกเก็บใส่กรอบกระจกบานใหญ่และเราถูกแยกไว้กับภูเขาและท้องฟ้าเพียงสองสามอย่างเท่านั้น เป็นวิวที่ทำให้หัวใจเต้นช้าลงทำให้ลมหายใจยาวขึ้น และทำให้ทุกอย่างรอบตัวดูเรียบง่ายกว่าที่เคย.ผมดึงซิปเสื้อผ้าร่มลง ค่อยๆถอดออกผ้าร่มเย็นๆลื่นไหลลงจากไหล่ จากแขน จากหน้าอก จากท้องความรู้สึกของมันที่แตะผิวหนังครั้งสุดท้ายก่อนจะหลุดออกไป แล้วก็ถอดกางเกงออกดึงเชือกเอวคลาย ค่อยๆลื่นลง ผ้าร่มลื่นไหลลงจากเอว จากก้น จากต้นขาจากควยและไข่ครั้งสุดท้ายก่อนจะหลุดออกไป ลงไปตามขา จนถึงเท้า
ผมก้มลงถอดออกกางเกงออก ยืดตัวขึ้นเปลือยกายสนิทไม่มีอะไรปกคลุม ไม่มีผ้าร่ม ไม่มีผ้าห่ม ไม่มีอะไรเลย แค่ผิวเปลือยกับอากาศ ลมจากระเบียงพัดเข้ามา เย็นๆ สดชื่นแตะผิวหนังเปลือยทั่วตัว แตะที่หน้า ที่คอ ที่หน้าอก ไหลลงมาตามท้อง แตะที่ควยแตะที่ไข่ ไหลลงไปตามขา มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากตอนที่ใส่ผ้าร่มตอนที่ใส่ผ้าร่มเป็นความตื่นเต้นแบบแอบๆ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรขัดขวาง ไม่มีอะไรปกปิดมันเป็นอิสระเต็มที่ เป็นอิสระที่แท้จริง
ผมเดินไปที่ระเบียง เปิดประตูกระจกออก เดินออกไปยืนอยู่ที่ระเบียง เปลือยกายสนิทมองออกไปเห็นวิวภูเขาถึงแม้ว่าจะมีบ้านเรือนอยู่ไกลๆ ผมอยู่บนชั้นห้าสูงกว่าบ้านเรือนรอบๆ มีเพียงท้องฟ้า ภูเขาและแม่น้ำที่เป็นพยานถึงความเปลือยเปล่าของผม ผมยกแขนขึ้น ยืดตัว หายใจเข้าลึกๆ อากาศสะอาดเย็นสบาย ลมพัดมากระทบผิวหนังเปลือย หลับตาปล่อยให้สายลมและแสงแดด แตะทุกส่วนของร่างกายนี่แหละคือสิ่งที่ผมรอคอยนี่แหละคือเหตุผลที่ผมมาที่นี่ ไม่ใช่เพียงเพื่อดูวัฒนธรรม เพื่อดูธรรมชาติแต่เพื่อได้ใช้ชีวิตแบบที่ผมเป็น แบบที่ผมรักอย่างแท้จริง แบบที่เป็นอิสระ แบบที่ไม่ต้องปิดบังแบบที่ไม่ต้องกลัว ผมยืนอยู่ที่นั่นนานมาก มองวิว ฟังเสียงธรรมชาติ เสียงลมเสียงนก เสียงน้ำไหลไกลๆ ฟังเสียงของตัวเอง เสียงหายใจ เสียงหัวใจเต้น ยิ้มให้กับตัวเองผมมาถึงแล้วผมอยู่ที่นี่แล้วและผมจะใช้ชีวิตแบบที่ผมเป็นอย่างเต็มที่...หลังจากพักผ่อนในห้องไปประมาณชั่วโมงหนึ่งอาบน้ำ เช็ดตัว ผมตัดสินใจออกไปสำรวจเมืองวังเวียง ถึงเวลาต้องแต่งตัวอีกครั้งแต่ครั้งนี้ผมรู้ดีว่าจะใส่อะไร หยิบชุดวอร์มผ้าร่มสีน้ำเงินเข้มขึ้นมาชุดเดิมที่ใส่มา ค่อยๆสวมเข้าไป เหมือนเดิม ไม่มีอะไรข้างใน ไม่มีเสื้อกล้ามไม่มีกางเกงใน แค่ผิวเปลือยกับผ้าร่มบางๆความรู้สึกของผ้าร่มที่แตะผิวหนังอีกครั้งมันคุ้นเคย มันสบาย มันเป็นส่วนหนึ่งของผมแล้ว ผูกเชือกเอว สวมรองเท้าผ้าใบหยิบกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์ ออกจากห้อง ทุกก้าวที่เดินควยจะโคลงไปมาผ้าร่มจะถูไปมา ไข่จะโคลงตาม มันเป็นความรู้สึกที่น่าตื่นเต้น แต่ผมก็ทำหน้าเฉยๆเดินลงไปตามปกติ
ออกจากโรงแรม เดินไปตามถนนมองหาร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ เดินไปได้ไม่ถึงร้อยเมตรก็เจอร้านเล็กๆมีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่หลายคัน ผมเซ็นเอกสารเช่า วางเงินประกันและรับกุญแจ….สตาร์ทเครื่อง เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นช่วงเวลานั้นที่นั่งลงบนเบาะมอเตอร์ไซค์ มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมาก เบาะหนังเย็นๆแตะกับก้นเปลือย แม้จะมีผ้าร่มบางๆคั่นกลาง แต่ก็ยังรู้สึกได้ชัดเจนแต่ก็นุ่มพอสมควร กดไปกับก้น ผิวหนังรู้สึกทุกรอยย่นของหนัง
ควยกับไข่วางอยู่บนเบาะ ผ้าร่มบางๆคลุมอยู่แต่ก็รู้สึกถึงเบาะ ถึงความหนา ถึงความอุ่นที่ค่อยๆถ่ายเทจากร่างกายไปยังเบาะ เครื่องยนต์สั่นความสั่นสะเทือนส่งผ่านเบาะมาถึงก้น ถึงไข่ ถึงควย มันสั่นเล็กๆเป็นจังหวะผมบิดมือให้น้ำมัน มอเตอร์ไซค์วิ่งออกไป.ลมพัดมากระทบตัว เย็นสบาย ผ่านผ้าร่มบางๆแตะผิวหนังข้างใน แตะที่หน้าอก ไหลลงมาตามท้อง พัดไปรอบๆเอว ทุกครั้งที่เร่งร่างกายจะถูกดันไปข้างหลัง ก้นจะกดลงไปบนเบาะแน่นขึ้น ควยจะโคลงไปข้างหลังนิดหน่อยผ้าร่มจะถูไปทางหลัง มันเป็นประสบการณ์ที่แปลกและน่าตื่นเต้นอย่างยิ่งการขับมอเตอร์ไซค์แบบนี้ ไม่มีกางเกงในรัด ไม่มีอะไรขัดขวางควยกับไข่โคลงไปมาอย่างอิสระ ผ้าร่มบางๆถูไปมา ลมพัดผ่านเข้ามาข้างใน
ผมขับไปตามถนนในเมืองวังเวียง มองไปรอบๆ ชมวิวชมบรรยากาศ แต่ส่วนหนึ่งของความรู้สึกก็อยู่ที่ข้างล่าง อยู่ที่ความสัมผัสอยู่ที่ความเคลื่อนไหว ผมยิ้มในใจ “นี่แหละที่ผมชอบ นี่แหละที่ผมเป็น”.หลังจากขับมอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบเมืองไปสักพักจุดหมายแรกที่ผมตัดสินใจไปถ้ำน้ำ ถ้ำที่มีน้ำไหลผ่าน สามารถว่ายน้ำเข้าไปข้างในได้ระยะทางจากเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร ขับไปตามถนนลาดยางผ่านทุ่งนา ผ่านหมู่บ้าน ผ่านภูเขาหินปูน ลมเย็นพัดมา ผ่านผ้าร่มบางๆ แตะผิวหนังสบายมาก ควยโคลงไปมาตามการขับ รู้สึกทุกครั้งถึงถ้ำน้ำผมจอดมอเตอร์ไซค์เดินเข้าไปมีเจ้าหน้าที่เก็บค่าเข้า และผมเช่าห่วงยางสำหรับลอยไปในถ้ำ."เปลี่ยนชุดว่ายน้ำได้ที่โน้นครับ"เจ้าหน้าที่ชี้ไปที่กระท่อมไม้ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเล็กๆ
ผมเดินไปที่กระท่อม เปิดประตู เข้าไปมันคือห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเล็กๆ มีม้านั่งไม้หนึ่งตัว มีตะขอแขวนของแสงสลัวๆส่องเข้ามาจากช่องระบายอากาศ ผมถอดชุดวอร์มผ้าร่มออก ถอดเสื้อ ถอดกางเกง เปลือยกายสนิทยืนอยู่ในห้องเล็กๆ ลมเย็นๆพัดเข้ามาจากช่องระบายอากาศ แตะผิวหนังเปลือย
หยิบกางเกงว่ายน้ำสีดำออกมาจากเป้ กางเกงขาสั้นเอวยางยืด ผ้าบางเบา สวมเข้าไป ความรู้สึกของผ้าว่ายน้ำที่แตะผิวหนังเปลือยโดยตรงมันแตกต่างจากผ้าร่ม ผ้าว่ายน้ำชื้นๆ แน่นกว่า กระชับกว่า รัดที่เอวรัดที่ต้นขา ควยและไข่อยู่ข้างในแน่นรู้สึกทุกการเคลื่อนไหว
ผมไม่สวมเสื้อเหมือนกับนักท่องเที่ยวฝรั่งอีกสองสามคน ผมเอาผ้าแห้งทุกอย่างใส่กระเป๋าพลาสติกกันน้ำเดินออกจากกระท่อมรับห่วงยางจากเจ้าหน้าที่ เดินไปยังทางเข้าถ้ำทางเข้าถ้ำเป็นช่องเปิดกว้างในหน้าผาหินปูนมีน้ำไหลออกมา น้ำเย็นจัด ใส ผมถือยางเข้าไป เท้าแตะน้ำ เย็นมาก หนาวซู่ซ่าขึ้นไปตามขาค่อยๆเดินลงไปในน้ำน้ำสูงถึงเข่า ถึงต้นขา ถึงเอว เย็นจัดมาก ผิวหนังยืดตัว ขนลุก ควยหดเล็กลงทันที จากน้ำเย็นไข่หดขึ้นไปใกล้ตัว ผ้าว่ายน้ำเปียกชุ่ม แนบกับผิวหนัง ผมนั่งลงบนยางยางกดลงไปในน้ำนิดหน่อยก้นเปลือยแตะยางเปียก ผ้าว่ายน้ำบางๆคั่นกลาง ความเย็นของน้ำส่งผ่านยางมาถึงก้น
ปล่อยตัวลอยไปค่อยๆดึงเชือกให้ห่วงยางไหลไปตามกระแสน้ำไหลผ่านเข้าไปในถ้ำที่ความมืดค่อยๆห่อหุ้มมีเพียงแสงไฟฉายเล็กๆที่ผมคาดหัวไว้และแสงไฟจากนักท่องเที่ยวคนอื่นๆที่อยู่ข้างหน้า เสียงน้ำหยด จากหินงอกหินย้อยด้านบนดังก้องอยู่ในถ้ำ เสียงหายใจ ของผม ดังชัดเจน ลมเย็นจัด ในถ้ำพัดมากระทบผิวหนังเปียก เย็นมาก แต่ก็ตื่นเต้นยางลอยไปตามกระแสน้ำ ช้าๆ บางครั้งชนกับฝาผนังถ้ำบางครั้งต้องใช้มือดันผนังเพื่อเลี้ยว บางครั้งต้องหมอบลงเพราะเพดานถ้ำต่ำ น้ำเย็นล้อมรอบตัวแตะทุกส่วนของร่างกาย แตะที่ขา แตะที่ก้น แตะที่หลังแนบกับท้อง กางเกงแนบกับควยและไข่รู้สึกทุกอย่าง
มันเป็นประสบการณ์ที่พิเศษมาก การลอยไปในถ้ำมืดๆน้ำเย็นจัด ลมหนาว ความเงียบ มีเพียงเสียงน้ำหยดและเสียงหายใจ ...
ลอยไปเรื่อยๆประมาณ 500 เมตร ใช้เวลาประมาณ30 นาที แล้วก็ออกจากปากถ้ำอีกด้านหนึ่ง แสงแดดสว่างจ้า ตัดกับความมืดในถ้ำอากาศอบอุ่น ตัดกับความเย็นในถ้ำ ผมขึ้นจากยางเดินขึ้นบนฝั่ง น้ำหยดลงจากตัวกางเกงว่ายน้ำเปียกโชก ที่แนบกับตัวเห็นรูปร่างของลำควยและหัวเงี่ยงอย่างชัดเจนมีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆที่ลอยห่วงยางรอบเดียวกันขึ้นมาด้วย ทุกคนเปียกโชกเหมือนกัน พากันหัวเราะ พูดคุยกัน
ผมเดินไปคืนห่วงยาง แล้วเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าผมถอดกางเกงขาสั้นที่เปียกออก เปลือยกายสนิท ยืนอยู่ในห้องเล็กๆ สักพักมีฝรั่งเดินตามผมเข้ามาในห้องแต่งตัวเดียวกัน เขาเห็นผมแก้ผ้าหมดก็มองด้วยสีหน้าแปลกๆ จากนั้นเขาถอดกางเกงออกนุ่งผ้าเช็ดแล้วแล้วเปลี่ยนกางเกง แต่ผมไม่สนใจ ผมค่อยๆเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ด เช็ดหน้าเช็ดคอ เช็ดหน้าอก เช็ดท้อง เช็ดขา เช็ดก้น เช็ดควยและไข่ให้แห้ง แล้วหยิบชุดวอร์มผ้าร่มมาใส่ เพื่อไปเที่ยวยังจุดหมายต่อไปซึ่งก็คือ......บลูลากูนที่อยู่ไม่ไกลนัก..ผมขับมอเตอร์ไซค์ออกไปจากถ้ำน้ำ มุ่งหน้าไปบลูลากูน เป็นระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตรผ่านทุ่งนา ผ่านหมู่บ้าน ผ่านต้นไม้ใหญ่สองข้างทางแดดร้อน ลมพัด อากาศดี ผ่านกลับเข้าเมืองเพื่อจะไปยังบลูลากูนที่อยู่ตรงกันข้ามของเมืองนั้นเอง
ไปถึงบลูลากูน เป็นเหมือนสระน้ำขนาดกว้างใหญ่ น้ำสีฟ้าใสสะอาด เห็นมองลึกได้เห็นก้นสระ มีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบ ร่มรื่น มีที่กระโดดน้ำหลายระดับ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ชายหญิงทุกวัย ใส่ชุดว่ายน้ำหลากสี เสียงหัวเราะเสียงกรี๊ด เสียงน้ำกระเซ็น บรรยากาศสนุกสนาน
ผมเดินรอบๆเพื่อสำรวจมองหาจุดที่เหมาะสม ผมได้เดินลึกเข้าไปภายใน เห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งมุมสระด้านใน หลังต้นไม้มีพื้นที่ค่อนข้างโล่งมีพุ่มไม้บัง ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านเมือเห็นเป็นที่ที่เหมาะสม ผมมองซ้ายมองขวาไม่มีใครสังเกต
ตอนนี้หัวใจผมเริ่มเต้นแรง ผมจึงค่อยๆถอดชุดวอร์มเสื้อผ้าร่มออกแล้วพับเก็บใส่ประเป๋าเป้ ถอดรองเท้าแตะ วางข้างๆ แล้วก็... หยุดคิดสักครู่มองรอบๆอีกครั้ง
ไม่มีใคร .....ทำได้ผมจึงถอดกางเกงออก ..............ตอนนี้ผม ไม่มีสิ่งใดติดตัว แก้ผ้าตัวเปล่าอยู่ข้างสระ
ผมยืนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เปลือยหมดลมพัดมาแตะผิวหนัง แตะหน้าอก แตะท้อง แตะขา แตะควย ไม่มีผ้าผืนใดคลุม ความรู้สึกแปลกใหม่ตื่นเต้น เร้าใจ ผมเก็บเสื้อผ้าทั้งหมดใส่เป้สะพาย ซุกเป้ไว้หลังพุ่มไม้ เอาเพียงกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มาถือ ติดตัวออกมมาด้วย และเดินออกจากหลังต้นไม้...
เดินไปทางขอบสระ เปลือยกายสนิท ไม่มีอะไรคลุมไม่มีอะไรปิดบัง ด้านนี้ของสระมีคนน้อยนานๆทีจะมีคนเดินผ่านมาทีหนึ่งส่วนมากเป็นต่างชาติ มีคนสองสามคนหันมามองมองอีกครั้งสีหน้าประหลาดใจ แต่ไม่ได้ตะโกนอะไร
ผมเดินไปที่ขอบสระ ค่อยๆเดินลงไป น้ำสูงถึงเท้า ถึงข้อเท้า ถึงน่อง ถึงเข่า เย็นฉ่ำ ลงไปอีกน้ำสูงถึงต้นขา แตะระหว่างขา แตะไข่ แตะควย เย็นมาก แต่สบาย ไม่มีผ้าคั่นกลางรู้สึกได้ทุกอณูของน้ำ ผมเดินลงไปอีก น้ำสูงถึงเอว ถึงท้อง ถึงอก ดำลงไปน้ำท่วมหัว เย็นฉ่ำทั้งตัว น้ำห่อหุ้มทุกส่วน ทุกตารางเซนติเมตรของร่างกายเปลือย
ผมลองลืมเปิดตาใต้น้ำ น้ำใสมาก เห็นแสงแดดส่องลอดผิวน้ำ ....ผมดำน้ำขึ้นๆลงปล่อยให้น้ำไหลผ่านตัว ผ่านผิวหนังเปลือยผ่านระหว่างขา ผ่านก้น ผ่านควย ผ่านไข่ ผมรู้สึกชัดเจนทุกการเคลื่อนไหวที่ไม่มีอะไรขัดขวาง รู้สึกอย่างอิสระเต็มที่..ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นกิ่งไม้ใหญ่กิ่งหนึ่งยื่นลงไปในสระ ผมผมว่ายไปที่นั้นแล้วค่อยๆขึ้นจากน้ำ
น้ำไหลหยดลงจากตัว ผมค่อยๆขึ้นบันไดไม้ แบบค่อยๆย่องด้วยความกลัวที่จะลื่นล้ม ขาเปลือย ก้นเปลือย หลังเปลือย
ผมค่อยๆปีนขึ้นไปทีละขั้น จนสุดท้ายผมปีนมามาถึงกิ่งไม้ใหญ่ที่พอจะยืนได้ ความรู้สึกตอนนี้เย็นวูบวาบไปหมด ตื่นเต้นและเสียวมากด้วยกลัวที่จะลื่นตกและมีคนมาเห็นน
ตอนนี้ผมเหลือบไปเห็น มีฝรั่งผู้ชายสองคนกำลังเดินมาพอดี คนหนึ่งหันไปบอกเพื่อน เพื่อนหันมามองแล้วก็หัวเราะ...
ผมจึงรีบปีน ขยับขึ้นไปอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่กิ่งนั้น สภาพตอนนี้เปลือยกายสนิทแสงแดดส่องมา ลมพัดมา รู้สึกได้ทุกอย่าง รู้สึกตื่นเต้นสุดขีด เห็นว่ามีคนกำลังยืนดูอยู่
แล้วผมแล้วผมก็กระโดดตกลงไปในน้ำ ลมหวือผ่านตัวเปลือย น้ำพุ่งขึ้นมา ตัวจมลงไปในน้ำเย็นฉ่ำทั้งตัว จมลึก แล้วก็ลอยขึ้นมา โผล่ผิวน้ำ หายใจ
ผมได้ยินเสียงปรบมือ และเสียงหัวเราะ ดังมาจากฝรั่งสองคนนั้น
ตอนนี้ผมพยายามว่ายน้ำ ดำแช่น้ำ ด้วยความเขินอายเพื่อหลบสายสายตาของฝรั่งสองคนนั้น พอพวกเขาเดินจากไป ผมก็ค่อยๆเดินขึ้นมาจากนั้นปล่อย น้ำหยดลงจากตัวไหลยาวไปเป็นทาง
ผมเดินไปกลับที่ต้นไม้ต้นเดิมเหมือนเด็กที่พยายามเดินขึ้นมาเล่นสไลเดอร์น้ำแต่คราวนี้ผมปีนขึ้นไปอีกครั้งสูงกว่าเดิม
ด้วยความที่มันสูงขึ้น ก็ขึ้นไปยากขึ้น คราวนี้ผมต้องก้าวขายาวขึ้นเพื่อจะได้ไปถึงตำแหน่งที่ผมต้องการ .... ถ้าหากใครมองขึ้นมา ก็คงเห็นควย ไข่รูตูดผมชัดเจนแน่นอน ยิ่งผมโกนจนสะอาดเกลี้ยงเกลาแล้วก็อาจจะยิ่งชัดเห็นชัดไปกันใหญ่
คราวนี้ผมยืนอยู่แบบนั้น นานกว่าเดิมจนกระทั้งเริ่มเห็นคนเดินมาไกลๆ ผมเลยกระโดดลงไปในน้ำ จมลึกกว่า…. จากนั้นโผล่ขึ้นมาดำผุดดำว่าย ทำทีเป็นเล่นน้ำอยู่แบบนั้นทั้งๆที่ผมไม่ได้ใส่อะไรเลย เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ และตื่นเต้นมากที่ได้แก้ผ้าในที่สาธารณะแบบนี้
เวลาผ่านไปจนถึงบ่ายสาม บ่ายสี่ แดดเริ่มลดคนเริ่มลดลง บรรยากาศเริ่มเงียบลง ผมขึ้นจากน้ำ เดินไปหาเสื้อผ้าที่วางไว้หยิบเป้ออกมา เปิดดู มีชุดวอร์ม กางเกงขาสั้น แต่ผมไม่อยากใส่ ผมอยากกลับแบบนี้ เปลือยกายสนิทแต่ด้วยกฎหมายที่นี้ ทำให้ผมต้องใส่เกงกางขาสั้นเดินกลับออกไป
แต่ถ้ามองดูเวลาที่เดินจะเห็นควยส่ายไปมาอย่างชัดเจน เหมือนได้แก้แพ้อยู่ภายนอก แค่นี้ก็ทำให้ผมมีความสุขได้แล้วครับ
ผมเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ เสียบกุญแจสตาร์ทเครื่อง เสียงเครื่องยนต์ดัง ขึ้นขี่ นั่งลง ขับออกจากบลูลากูนออกไปสู่ถนนใหญ่ ลมพัดมากระทบตัว แตะหน้าอก แตะท้อง แตะแขน แตะขา พัดเข้ามาตามขากางเกงแตะควยแตะไข่ เย็นสบาย ควยและไข่โคลงไปมาตามการขับ อิสระเต็มที่ ไม่มีอะไรรัดไม่มีอะไรกัน
ขับมอเตอร์ไซต์เข้าไป จอดหน้าโรงแรม ปิดเครื่องลงมาเดินเข้าไปในล็อบบี้ สภาพกึ่งเปลือยกาย มีเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียวไม่ใส่กางเกงในกับกระเป๋าเป้พลาสติกกันน้ำเล็กๆเจ้าหน้าที่สองคนที่เคาน์เตอร์มองมา ตาโต ไม่รู้จะพูดอะไร
"สวัสดีครับ" ผมทักทาย ยิ้มให้"สวั... สวัสดีค่ะ" พวกเธอตอบ.ผมกลับห้องเข้าห้อง ถอดกางเกงออก ยืนอยู่กลางห้องหายใจหนัก หัวใจเต้นแรง ร่างกายเปลือยยังคงรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้น
ผมเดินไปที่ระเบียง เปิดประตูกระจกเดินออกไปยืนมองวิว แสงแดดกำลังตกดินท้องฟ้าสีส้มทอง แสงแดดฉายผ่านยอดเขา เห็นเงาภูเขาหินปูนทอดยาว ลมพัดมาเย็นๆแตะผิวหนังเปลือย ผมยืนอยู่บนระเบียง เปลือยกายสนิท มองพระอาทิตย์ตกดิน หายใจลึกๆ....ปล่อยให้สายธารแห่งเวลาและแสงสุดท้ายยามเย็นค่อยๆอาบร่างผม จนลับขอบฟ้าไป
วันนี้เป็นวันที่ผมจะไม่มีวันลืม ผมว่ายน้ำเปลือยกายท่ามกลางผู้คนกระโดดน้ำเปลือยกายให้ทุกคนดู เดินเปลือยกายรอบสระ แล้วขับมอเตอร์ไซค์กลับโรงแรมในสภาพเกือบเปลือยกายสนิทเกือบ 10 กิโลเมตรและมันเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดที่สุด
นี่คือเสรีภาพ นี่คือการปลดปล่อยนี่คือชีวิต
เสียวมาก สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณค่ะ ดีรๆๆ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]