😈 มารปรารถนา บ่อเสน่หาไร้ก้นบึ้ง - บทนำ [บ้านเด็กกำพร้าสำหรับเด็กผู้ชาย]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dracarys เมื่อ 2025-10-15 09:49บทนำ ผมชื่อ The Ark - ดิอาร์ค ในบัตรประจำตัวผมก็ชื่อนี้ นาย ดิอาร์ค ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงชื่อนี้ ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนตั้งให้ผม ผมโตในบ้านเด็กกำพร้าที่เคร่งศาสนา ผมเดาว่าคงจะเป็นบุคลากรสักคนในนั้นที่ตั้งชื่อนี้ให้กับผม ผมจบการศึกษาระดับมัธยมปลายด้วยคะแนนดีเยี่ยมอันดับ 1 ทั้งในด้านวิชาการและด้านปรัชญาจากโรงเรียนสอนศาสนาในเครือเดียวกับบ้านเด็กกำพร้า ผู้ที่มีคะแนนสูงสุด 20 อันดับจะมีสิทธิ์เลือกเมื่อจบการศึกษา โดยจะมีให้เลือกว่าจะออกไปใช้ชีวิตหางานทำข้างนอก หรือ จะอยู่ช่วยงานเป็นบุคลากรภายในที่แห่งนี้ หากเลือกที่จะออกไปทำงานข้างนอกก็จะได้รับเงินจำนวนหนึ่งติดตัวไปเพื่อเริ่มต้นชีวิต ส่วนผู้ที่ไม่ติดอันดับจะไม่มีสิทธิ์เลือก จะต้องอยู่ทำงานเป็นบุคลากรในที่แห่งนี้ต่อไปอีก 5 ปี ระหว่าง 5 ปีนั้นจะได้รับเงินเดือนขั้นต่ำด้วย และเมื่อครบ 5 ปีถึงจะมีสิทธิ์เลือกว่าจะออกไปทำงานข้างนอกหรืออยู่เป็นบุคลากรในที่แห่งนี้ต่อไปพร้อมกับได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ส่วนผู้มีคะแนนสูงสุด 20 อันดับนั้นก็ไม่ได้ไปแล้วไปเลย ก็ยังต้องกลับมาช่วยงานที่โรงเรียนสอนศาสนาที่เป็นบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ทุกเดือน เดือนละ 5 วัน เป็นเวลา 5 ปี
หลังจากที่ประกาศผลคะแนน ผมเห็นเพื่อนหลายๆ คนมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยบาป ทั้งที่ก่อนหน้านี้เรายังพูดคุยกันด้วยดีอยู่แท้ๆ แต่ชีวิตมันก็แบบนี้ โหดร้ายเสมอ ผมเดินเข้ามาในห้องนอนรวมขนาดใหญ่ที่มีเตียงเล็กๆ ตั้งเรียงแถวอยู่หลายสิบตัว ที่เป็นห้องนอนรวมก็เพราะบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้เป็นบ้านเด็กกำพร้าเพื่อเด็กชายยากไร้ และโรงเรียนสอนศาสนาก็เป็นโรงเรียนประจำชายล้วนสำหรับสอนศาสนา ดังนั้นในสถานที่แห่งนี้จึงมีแต่ผู้ชายเต็มไปหมด ผมเดินไปที่เตียงนอนแถวแรกตัวในสุดที่ตั้งอยู่ติดกับบานหน้าต่างใหญ่ เป็นเตียงนอนที่ทำเลดีมากๆ สำหรับคนที่จะสามารถนอนเตียงนี้ได้นั้นจะต้องสอบวัดระดับความรู้ทางด้านวิชาการและปรัชญาศาสนาที่สอบทุกๆ อาทิตย์ หากใครสอบได้ที่ 1 ก็จะได้นอนที่เตียงนี้ไปเลย 1 อาทิตย์ ซึ่งผมได้นอนที่เตียงหลังนี้มาเป็นระยะเวลา 5 ปีแล้ว
“ไอ้ขี้ประจบเอ๊ย”
“ไอ้ขี้โกง แม่งขี้โกง”
“ใช่ แม่งตัวประหลาด คิดดูดิพวกเราสอบกันทุกอาทิตย์นะเว้ย แล้วคนห่าอะไรวะมันจะสอบได้ที่ 1 ติดต่อกัน 5 ปี เท่ากับมันได้ที่ 1 ติดต่อกัน 260 ครั้งเลยนะเว้ย แล้วดูชั้นปีเรามีคน 50 กว่าคน มันได้ที่ 1 อยู่คนเดียวให้คิดไงอ่า”
คำพูดเหล่านี้คือเสียงก่นด่านินทาที่ลอยแว่วมาตามลมให้ผมได้ยินระหว่างทางที่ผมกำลังเดินไปที่เตียงของตนเอง ได้ยินจนชินแล้วล่ะคำพูดที่เต็มไปด้วยมลทินแบบนี้ผมไม่สนใจคำพูดเหล่านั้นเดินตรงกลับไปที่เตียงพิเศษของตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอนเล่นที่เตียงของตัวเองได้ไม่นานก็มีบราเธอร์ต้น (Brother – ตำแหน่งบุคลากรขั้นพื้นฐานที่ทำงานภายในที่แห่งนี้)เดินเข้าโรงนอนเพื่อเรียกตัวผมเขาบอกว่าเฮดฟาเธอร์คมสัน (Head Father – ตำแหน่งผู้ดูแลสูงสุดของที่นี่)กำลังจะเรียกประชุมผู้ทำคะแนนสำเร็จการศึกษาสูงสุด 20 อันดับตอน 5 โมงเย็น ผมชำเลืองมองไปที่นาฬิกาที่ติดอยู่กับผนังของโรงนอนซึ่งนี่ก็ใกล้เวลานั้นมากแล้ว ผมจึงเดินตามบราเธอร์ต้นออกไป มาถึงห้องประชุมใหญ่ที่มีเวทีที่นี่มีเด็กคนอื่นๆ รออยู่แล้ว และทุกๆ คนก็กำลังเดินไปที่ที่นั่งของตัวเองโดยจัดตามลำดับของคะแนนดังนั้นผมจึงนั่งเป็นคนหน้าสุดของแถวแรกสุด เฮดฟาเธอร์คมสันยืนรออยู่บนเวทีรอให้เด็กๆทั้ง 20 คนนั่งลงบนที่นั่งของตนเอง เฮดฟาเธอร์คมสันมองมาที่ผม คุณพ่อส่งรอยยิ้มและพยักหน้าให้กับผมผมจึงพยักหน้าตอบ เมื่อทุกๆ อย่างเข้าที่เข้าทางแล้วไฟในห้องประชุมจึงค่อยๆหลี่แสงลงเหลือไว้แค่แสงสปอร์ตไลท์หนึ่งดวงที่ส่องลงมาที่เฮดฟาเธอร์คมสันที่ยืนอยู่บนเวทีภายใต้ลำแสงปรากฏเงาสลัวที่บิดเบี้ยวทำให้ร่างสูงผอมของเฮดฟาเธอร์คมสันยิ่งดูผอมสูงจนน่ากลัวก่อนที่เฮดฟาเธอร์คมสันจะกล่าวอะไรเสียงที่แหบแห้งไร้ชีวิตของเขาได้เอ่ยสวดบทวิงวอนถึงองค์ปฐมแห่งความว่างเปล่าซึ่งประกอบด้วย 3 องค์องค์ที่ 1. วิงวอนสารภาพบาป
องค์ที่ 2.พันธนาการเจตจำนง องค์ที่ 3. ประกายแสงในหุบเหวเมื่อสวดจบจึงเข้าสู่พิธีการ
“พ่อภูมิใจในตัวลูกชายทุกคนในที่นี้มากมากๆ พวกเธอทุกคนคือที่ภาคภูมิใจของที่แห่งนี้ พ่อเชื่อว่าทุกคนมีเส้นทางที่องค์ปฐมแห่งความว่างเปล่าได้จัดสรรกำหนดไว้แล้วโดยเฉพาะเจ้า... ดิอาร์ค ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพ่อ ผู้ซึ่งทุ่มเทยิ่งกว่าใครผู้ซึ่งประจำอยู่หัวแถวในทุกๆ การปวารณาตน ผู้เป็นที่หนึ่งเสมอมาและลูกชายคนอื่นๆ พ่อก็เชื่อว่า จะทำสิ่งที่ถูกต้องและยิ่งใหญ่เช่นกันในอนาคน และ ยอมรับหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่กว่าการออกไปเผชิญโลกอันแปดเปื้อนข้างนอกนั่น”เฮดฟาเธอร์คมสันกล่าวจบตรงนี้ก่อนจะค่อยผายมือผอมแห้งออกทั้งสองข้าง สองแขนบดบังลำแสงสปอร์ตไลท์ทำให้เกิดเงาวูบไหวไปมารอบๆห้อง
“ลูกชายของพ่อทุกคน วันนี้เป็นวันที่ แสงธรรมขององค์ปฐมแห่งความว่างเปล่า ได้ประจักษ์แก่สายตาโลกผ่านความเพียรพยายามของพวกเจ้าตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเจ้าได้ผ่านการฝึกฝนทั้งกายและจิตวิญญาณภายใต้กฎเกณฑ์อันเคร่งครัดและบททดสอบอันท้าทาย พ่อภูมิใจในตัวพวกเจ้าทุกคน ผู้ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่ามีดวงจิตที่แข็งแกร่งและมีปัญญาที่จะใช้เป็นอาวุธในการเผชิญหน้ากับความมืดมิดในโลกภายนอก ในวันพรุ่งนี้เช้าตรู่ก่อนรุ่งอรุณแสงแรกจะนำพวกลูกชายของพ่อทั้ง 20 คน ออกจากอาณาเขตแห่งนี้สู่เส้นทางที่องค์ปฐมทรงกำหนด พวกเจ้าจะได้รับเงินจำนวนหนึ่งติดตัวไปเพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งการเริ่มต้นในการสร้างชีวิตของตนเองพ่อเชื่อมั่นว่าด้วยวิชาความรู้ที่พวกเจ้าได้ร่ำเรียนมาจะนำพาพวกเจ้าไปทำหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ในการส่องสว่างนำทางผู้ที่หลงผิด และปกป้องผู้บริสุทธิ์จากการไม่ตระหนักรู้ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดไม่ว่าจะประกอบอาชีพใด จงจำไว้ว่าหน้าที่ของพวกเจ้าคือ การเป็นกระจกสะท้อนความบริสุทธิ์ขององค์ปฐมแห่งความว่างเปล่า จงยืนหยัดเป็นประภาคารในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิดหากช่วงแรกของการเดินทาง ลูกรักของพ่อคนใดที่รู้สึกเคว้งคว้างไร้ที่พึ่งหรือยังไม่สามารถหาที่พักพิงที่มั่นคงได้พ่อขอต้อนรับพวกเจ้ากลับคืนสู่บ้านหลังนี้เสมอ ที่แห่งนี้จะยังคงเป็นเสมือนป้อมปราการสุดท้ายที่พวกเจ้าสามารถกลับมาพักพิงได้เสมออย่างไรก็ตาม จงจำไว้ว่าหนทางที่แท้จริงของเจ้าคือการออกไป ทำหน้าที่อันสูงส่ง ให้สำเร็จลุล่วง”
“บัดนี้ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะได้รับเครื่องยืนยันแห่งความสำเร็จ ผู้ที่ทำคะแนนสูงสุด 10อันดับแรกจนถึงอันดับที่ 2 จงก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อรับใบประกาศจบการศึกษา อันเป็นประจักษ์พยานแห่งความมุ่งมั่นและ รับเข็มกลัดแห่งรุ่งอรุณ อันเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่”สิ้นเสียงแหบแห้งของเฮดฟาเธอร์คมสันเด็กหนุ่ม 9 คนเดินขึ้นไปรับใบประกาศและเข็มกลัดท่ามกลางเสียงปรบมือของคนอื่นๆ ที่เหลือ
“และสุดท้าย...สำหรับผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 ผู้ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่า เป็นหนึ่งเดียวแห่งแสงธรรมที่สว่างเจิดจ้าที่สุดในหุบเหวที่มืดมิดแห่งนี้ จงก้าวออกมา...ดิอาร์ค” เสียงปรบมือเงียบสนิทลงทันที ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่จะตบมือยินดีให้กับผมมีเพียงเสียงฝีเท้าผมเองที่ก้าวออกไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า แสงสปอร์ตไลท์หันสาดส่องลงบนตัวผมผมเดินภายใต้แสงจ้านั่นไปจนถึงเวที เฮดฟาเธอร์คมสันจึงหยิบ ถ้วยรางวัลที่ทำจากแก้วคริสตัลใสบริสุทธิ์ ขึ้นมาถ้วยนั้นเปล่งประกายลึกลับยามต้องแสง มันถูกครอบมุมด้วยทองคำแวววาว ที่ประดับประดาอย่างวิจิตรบรรจงและมีหูจับเรียวโค้งงดงามถึง สามคู่ คู่แรกคือปีกนางฟ้าที่บอบบางพลิ้วไหว คู่ที่สองคือปีกค้างคาวที่กางออกอย่างดุดัน และคู่สุดท้ายคือ ปีกผีเสื้อที่อ่อนช้อยแต่แฝงด้วยความลึกลับ
“นี่คือ ถ้วยสุญญตา ถ้วยแห่งความว่างเปล่า พ่อว่ามันเหมาะกับเธอดิอาร์ค มารับมันไปสิ”เฮดฟาเธอร์คมสันเอ่ยอธิบายด้วยเสียงทุ้มลึกวังเวง พลางยื่นถ้วยรางวัลนั้นให้
“จงรับมันไว้ คือก้าวแรกบนเส้นทางที่องค์ปฐมแห่งความว่างเปล่าได้มอบหมายให้แก่เจ้าจงแบกรับมันไว้ด้วยความซื่อสัตย์ และจงจำไว้ว่า ความมืดมิดกำลังรอคอยแสงสว่างจากเจ้าอยู่” ทันทีที่ยื่นมือไปรับถ้วยรางวัลนิ้วของผมก็แตะไปบนผิวสัมผัสจากส่วนปีกที่ทำจากโลหะของมันช่างเย็นยะเยือก
“คืนนี้มาหาพ่อที่ห้องเอาถ้วยสุญญตามาด้วย พ่อจะอำนวยพรให้” เฮดฟาเธอร์คมสันก้มโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูผมขณะส่งมอบถ้วยรางวัลหลังจากนั้นก็มีถ่ายภาพรวมทุกคน จากนั้นผู้คนทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปที่ห้องกิจกรรมที่ตอนนี้ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงส่งรุ่นของผมภายในงานเต็มไปด้วยอาหารหรูหรานานาชาติ เด็กทุกคนต่างก็ตื่นเต้นยินดีเพราะปกติแล้วอาหารภายในบ้านเด็กกำพร้าจะเรียบง่ายและมีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น ดังนั้นแล้ววันสำเร็จการศึกษาจึงเป็นวันที่เด็กทุกๆคนรอคอย
ผมเดินไปที่โซนของหวานอย่างใจจดใจจ่อแล้วกวาดสายตามองหาสิ่งที่เป็นของโปรดของผมผมหวังว่างานสำเร็จการศึกษารอบนี้จะมีเจ้าสิ่งนี้ให้ผมทานเพราะรอบการศึกษารอบที่แล้วไม่มีมันอยู่ในอาหารจัดเลี้ยง ผมไม่ได้กินมันเลย 1ปีเต็ม แทบจะลืมไปแล้วว่ามันรสชาติเป็นอย่างไร แต่ก็ต้องผิดหวังอีกครั้งที่เดินดูอาหารจัดเลี้ยงที่อยู่ภายในงานเป็นสิบรอบก็ไม่เห็นสิ่งที่เป็นของโปรดของผมผมเลยเลือกที่จะไปหยิบบาร์บีคิวเนื้อมาทานสักสองสามไม้ และซุปเห็ดถ้วยเล็กๆผมนั่งทานอยู่คนเดียวโดยปราศจากความสนใจเด็กคนอื่นๆ
ตกดึกคืนนั้นเด็กหลายๆคนกำลังเตรียมตัวเข้านอน ส่วนตัวผมก่อนจะนอนได้ลงมาคุกเข่ากับพื้นที่ปลายเตียงนอนโดยวางถ้วยสุญญตาไว้ข้างบนจากนั้นผมก็เริ่มเอ่ยสวดบทวิงวอนถึงองค์ปฐมแห่งความว่างเปล่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เหล่าเด็กชายทุกคนที่อยู่ที่นี่ต้องทำก่อนนอนทุกคืนสวดเสร็จผมก็ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วยกเอาถ้วยสุญญตาไปตั้งไว้บนหัวเตียง ผมจ้องมองถ้วยกำเนินสุญญตาจ้องมองอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานจนเผลอหลับไป จนกระทั่งผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาท่ามกลางความเงียบเนื่องจากเด็กในโรงนอนทุกคนหลับกันหมดแล้วผมค่อยๆ ลุกยันตัวเองขึ้นจากเตียงอย่างเชื่องช้าไร้ซุ่มเสียง ลุกขึ้นได้ก็ไม่ลืมที่จะเอื้อมคว้าถ้วยสุญญตามาถือไว้แล้วค่อยย่างก้าวออกไปจากโรงนอนอย่างเงียบงันโดยไม่มีใครสังเกตเห็นผมเดินผ่านความมืดมิดวังเวงนอกตัวอาคารไปโดยปราศจากความกลัว ผมเดินลัดเลาะมาจนถึงโซนพื้นที่ที่แยกออกมาจากตัวบ้านเด็กกำพร้าและโรงเรียนสอนศาสนาส่วนนี้จะเป็นที่ตั้งของบ้านเฮดฟาเธอร์คมสันผมมายืนอยู่หน้าประตูไม้บานสีน้ำตาลเข้มที่เป็นประตูบ้านของเฮดฟาเธอร์คมสัน แค่ผมได้เห็นประตูบานนั้นความรู้สึกของผมก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าจนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ภายในร่ายกายนี้สั่นระริกรัวด้วยความอยากรู้
ก๊อกๆ!! ผมเคาะที่ประตู 2 ที
“เข้ามาสิพ่อไม่ได้ล็อคประตู”
----------------------------------------------------------------
เท่านี้ก่อนนะครับ อยู่ในช่วงขัดเกลาทิศทางบทครับ หัดเขียนนะครับติชมได้
ติดตามครับผม รอติดตามครับ ขอบคุณค่ะ ตามครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอขอบคุณมากๆนะครับ น่าสนใจมากครับ {:5_146:} เริ่มมาก็อยากเสียวแล้ว shinecaraff ตอบกลับเมื่อ 2025-10-15 18:20
น่าสนใจมากครับ
ดีใจที่มีคนชอบครับ พล๊อตเรื่องค่อนข้างหนักไปทางปรัชญาศาสนากลัวคนจะเบื่อ
หน้า:
[1]