ปรสิตสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ 8 (หมู่บ้านล้างบาง) Part 1
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AMFUSE เมื่อ 2025-9-14 03:20ตอน 8.0 : สาเหตุที่ล้างบางหมู่บ้าน
กลางค่ำคืนเงียบงัน เสียงจักจั่นเรไรยังคงดังระงมในทุ่งนา แต่บรรยากาศของหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้กลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตั้งแต่คืนที่ “บางสิ่ง” ตกลงในหนองน้ำ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปทีละน้อย คนในหมู่บ้านเริ่มมีข่าวลือแปลก ๆ บ้างว่าพบชาวบ้านบางคนมีอาการกระสับกระส่าย บ้างว่าหัวเราะทั้งน้ำตา บ้างว่าหายตัวไปทั้งคืนแล้วกลับมาในสภาพอิดโรยเปียกชุ่ม แต่รอยยิ้มกลับเต็มไปด้วยความสุขสมอย่างประหลาด
แรก ๆ ผู้เฒ่าผู้แก่ยังคิดว่าเป็น “คุณไสยเล่นงาน” หรือไม่ก็โรคเสน่ห์ยาแฝดที่พวกหมอผีบางคนแอบทำใส่กัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลายเป็นว่าทั้งหมู่บ้านเริ่มซุบซิบถึงการมี “โรคกามระบาด” เพราะชายหนุ่มหลายคนล้มตายด้วยอาการขาดน้ำตาย แต่ร่างกายเต็มไปด้วยคราบอสุจิแห้งกรัง ตำรวจท้องที่บันทึกไว้ในรายงานว่า “เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่สงสัยจากการเสพสุขเกินขีดจำกัด”
ข่าวลือนี้แพร่ไปถึงอำเภอ และในที่สุดก็ถึงหูหน่วยสาธารณสุขจังหวัด พร้อมรายงานลับที่ยืนยันว่า มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังแพร่ในหมู่บ้าน
⸻
เสียงเคาะโต๊ะในห้องประชุมอำเภอ
“เราจะปล่อยไว้ไม่ได้อีกแล้ว” นายอำเภอเอ่ยเสียงเข้ม ท่ามกลางวงประชุมเล็ก ๆ ที่มีทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และบุคลากรสาธารณสุข
“แต่ท่าน เรื่องนี้ยังไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอัน…” หมอสาธารณสุขคนหนึ่งแย้งเสียงสั่น
“หลักฐานไม่ต้องมากไปกว่าความจริงที่ว่า หมู่บ้านนี้ส่งคนป่วย–คนตายออกมาทุกวัน และศพทุกศพก็…เอ่อ…เต็มไปด้วยร่องรอยการเสพสมผิดธรรมชาติ”
คำว่า “เสพสมผิดธรรมชาติ” ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมเงียบงัน ทุกคนรู้ว่าความหมายจริงคืออะไร เพียงแต่ไม่มีใครอยากพูดออกมาตรง ๆ ว่าเป็น เรื่องเพศ
ในที่สุดจึงมีคำสั่งเป็นเอกฉันท์—
“ปิดหมู่บ้าน และล้างบาง”
⸻
กลับมาที่หมู่บ้าน
ขณะเดียวกันที่กระต๊อบท้ายทุ่ง ร่างของ ชิต ยังคงนั่งเปลือยกายอยู่ริมเตียง เส้นผมเปียกชื้นจากเหงื่อ ดวงตาคมเข้มทอดมองออกไปในความมืดรอบทุ่งนา เขารู้ดีว่าตนเองคือ “ต้นตอ” ของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ในเงามืด เสียงหอบหายใจของ “แก้ว” ดังลอดออกมาจากผ้าห่ม แก้มแดงช้ำ ร่างยังสั่นระริกจากการถูกครอบครองทั้งคืน แต่สิ่งที่น่าขนลุกกว่าคือรอยยิ้มสุขสมที่ประดับบนใบหน้าแม้จะหมดแรงแทบลุกไม่ขึ้น
ชิตยกมือขึ้นแตะที่อกตัวเอง รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งยังคงเต้นอยู่ภายใน—ปรสิตที่เชื่อมกับเลือดเนื้อของเขาโดยสมบูรณ์แล้ว แต่แทนที่มันจะกัดกิน เขากลับรู้สึกว่ามัน “โอบกอด” เขาไว้ทั้งกายและใจ
“ถึงเวลาแล้วสินะ…” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยกับตัวเอง มุมปากแสยะยิ้ม
⸻
ปรากฏการณ์แปลก
คืนเดียวกันนั้น แม่เฒ่าคนหนึ่งเดินออกมาหน้าบ้านเพราะได้ยินเสียงสุนัขเห่า พอเหลือบตามองไปทางทุ่ง เห็นเงาคนเดินเป็นแถวเรียงยาวเข้าสู่หนองน้ำ เธอตกใจจึงรีบตะโกนเรียกหลาน แต่พอหันกลับมา หลานชายวัยสิบเจ็ดยืนเปลือยอยู่ตรงหน้า ดวงตาแดงก่ำ หายใจหอบ สะโพกขยับเหมือนกำลังเสพสุขกับอากาศว่างเปล่า
เธอหวีดร้อง แต่เสียงร้องนั้นถูกกลืนหายไปในเสียงจักจั่น
⸻
เช้าวันรุ่งขึ้น
รถบรรทุกทหารหลายคันแล่นเข้ามาปิดทางเข้า–ออกหมู่บ้าน ชาวบ้านบางส่วนพยายามวิ่งหนี แต่ถูกกันกลับ เจ้าหน้าที่อ้างว่า “มีโรคระบาด ต้องกักกัน”
ในขณะที่ชาวบ้านโวยวาย บางคนเริ่มมีอาการประหลาด—ชายหนุ่มน้ำลายยืด หญิงสาวหน้ามืดหอบแรง และเมื่อเจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปช่วย กลับถูกดึงเข้าไปกอดรัดแนบแน่นราวกับจะเสพกามตรงนั้น
ข่าวนี้ถูกปิดอย่างมิดชิด ไม่มีสื่อใดเข้าถึงได้
⸻
ปิดท้ายตอน 8.0
ค่ำวันนั้น ไฟจากคบเพลิงและระเบิดเพลิงถูกโยนเข้าไปตามบ้านเรือนทีละหลัง เสียงกรีดร้องดังสนั่นไปทั่วท้องนา บ้างเป็นเสียงเจ็บปวด บ้างกลับฟังคล้ายเสียงสุขสมจนขนลุก
และท่ามกลางเปลวไฟนรกนั้น—
ร่างของ ชิต เดินออกมาอย่างสง่างาม เปลือยกายเต็มไปด้วยเหงื่อและควัน แต่รอยยิ้มของเขากลับเยือกเย็น
“ฆ่าได้ยังไง…ในเมื่อพวกกูคือพวกมึงแล้ว”
คำพูดนี้ลอยไปท่ามกลางไฟโหม เผยเงาใบหน้าหล่อเหลาที่ดูไม่ต่างจากชายหนุ่มธรรมดาเลยแม้แต่น้อย—
นี่คือเหตุผลที่การล้างบาง…ไม่อาจหยุดยั้งได้
ตอน 8.1 : ปฏิบัติการไฟนรก
เสียงเครื่องยนต์รถบรรทุกทหารดังกึกก้องฝ่าความมืดค่ำเข้าไปกลางหมู่บ้าน บ้านไม้หลังเล็ก ๆ ที่เคยสงบกลับถูกล้อมรอบด้วยรั้วลวดหนามที่เพิ่งขึงขึ้นสด ๆ หลอดไฟสปอร์ตไลท์สาดแสงขาวโพลนทั่วทั้งพื้นที่
“เตรียมปฏิบัติการ กำจัดทุกชีวิตที่อยู่ในหมู่บ้านนี้”
เสียงนายทหารสั่งก้องผ่านวิทยุ
เหล่าทหารพรานกับเจ้าหน้าที่สวมหน้ากากกันแก๊สต่างถือปืนเล็งเข้าบ้านเรือนทีละหลัง แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้…คือคนในหมู่บ้านไม่ได้ตื่นตระหนกหรือร้องไห้โวยวายเหมือนการกวาดล้างทั่วไป พวกเขากลับยิ้ม—บางคนยืนเปลือยอยู่หน้าบ้าน บางคนกอดรัดกันแนบแน่น น้ำขาวขุ่นไหลเปื้อนพื้น แต่ทุกสายตาจ้องทหารด้วยแววปรารถนา
⸻
เปลวไฟแรก
เสียงปัง! ของระเบิดเพลิงลูกแรกดังขึ้น บ้านไม้หลังหนึ่งลุกวาบติดไฟทันที แต่จากในเปลวไฟ กลับมีเสียงครางดังก้องออกมา—ไม่ใช่เสียงเจ็บปวด แต่เป็นเสียงสุขสมปนสยอง
“อ๊าาาาา…แรงอีก…แรงอีกกกกก”
ทหารที่ได้ยินถึงกับชะงัก บางคนมือสั่นเพราะไม่เคยเห็นใคร หัวเราะและคราง ระหว่างถูกไฟคลอกเช่นนี้
จากควันไฟปรากฏร่างชายหนุ่มคนหนึ่ง เดินออกมาโดยที่ผิวหนังไหม้เกรียมเป็นบางส่วน แต่ท่อนลำกลับแข็งตึง น้ำใสไหลหยดลงพื้นทุกก้าวที่เดิน เสียงหัวเราะดังลอดออกมาพร้อมเปลวไฟที่ลามไปทั่วตัว
“มึงคิดว่าฆ่ากูได้เหรอ?”
เขาพุ่งใส่ทหารพรานคนหนึ่ง ร่างเปลือยกายปะทะเต็มแรง เลือดสาด แต่ทหารพรานคนนั้นกลับร้องเสียงหลง ไม่ใช่เพราะเจ็บ แต่เพราะถูกกอดรัดแนบชิด ท่อนลำของร่างติดเชื้อเสียดสีกับต้นขา ทหารพรานคนนั้นน้ำแตกคาชุดสนามก่อนจะล้มทั้งยืน
⸻
ความคลั่งเริ่มต้น
“ยิง! ยิงแม่งเลย!”
เสียงสั่งดังขึ้น กระสุนถูกกราดเข้าใส่ แต่ร่างคนติดเชื้อที่ล้มไปลุกขึ้นอีกครั้ง เลือดสาดพรั่งพรู แต่สีหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะดังสะท้อน
ทหารหลายคนเริ่มลังเล บางคนหายใจแรงขึ้นเมื่อกลิ่นฟีโรโมนประหลาดลอยคลุ้งทั่วอากาศ เหงื่อเริ่มผุดตามไรผม ใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้
หนึ่งในทหารพรานหนุ่มหน้าคมชื่อ “เวช” สะบัดหัวแรง ๆ แต่สายตาไม่อาจละไปจากร่างเปลือยที่เดินฝ่ากระสุนออกมาช้า ๆ เขาเริ่มหายใจหอบ มือสั่น น้ำเมือกใสซึมออกมาใต้เป้ากางเกงสนาม
“มึง…พวกกู…” เวชกระซิบกับตัวเอง “แม่ง…ทำไมกูเสียวแบบนี้”
⸻
บรรยากาศหลอน+เร่าร้อน
เสียงไฟไหม้บ้านทั้งหลังดังสนั่นพร้อมเสียงกระแทกตับ ๆ คล้ายใครกำลังร่วมรักในเงาไฟ ชาวบ้านหลายคนที่ติดเชื้อไม่หลบหนี กลับยืนเปลือยโชว์ร่างกลางถนน น้ำไหลย้อยตามโคนขา กอดจูบกันต่อหน้าทหารที่เล็งปืนใส่
บางคนแหงนหน้ามองฟ้า ครางเสียงยาว บางคนเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ช้า ๆ เหมือนเหยื่อรอถูกเชือด แต่พอถึงตัวกลับซุกไซ้—เลียหน้ากากกันแก๊สจนทหารคนนั้นล้มลงไปดิ้นพร่านกลางเปลวไฟ
เสียงปืน เสียงคราง และเสียงหัวเราะปนกันจนไม่รู้ว่าอะไรคือเสียงความตาย อะไรคือเสียงสุขสม
⸻
ชิต ปรากฏตัว
ท่ามกลางความโกลาหลนั้น ร่างหนึ่งเดินออกมาจากเงาไฟ—ชิต
เขายังเหมือนเดิม หล่อคม แผงอกเปียกชุ่มเหงื่อ แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือดวงตาที่เปล่งแสงวาวแดงจาง ๆ
“พวกมึงล้างบางกูเหรอ?”
เสียงทุ้มดังขึ้น “พวกมึงแม่งโง่…เพราะกูคือพวกมึงแล้ว”
พูดจบ เขายกมือขึ้น—เพียงเท่านั้นร่างติดเชื้อหลายสิบคนก็หันตามราวกับถูกสั่งการพร้อมกัน ก่อนจะพุ่งเข้าหาทหาร
⸻
ภาพสยองดิบ
ทหารพรานถูกจับกดนอนหงายกลางถนน ร่างเปลือยที่ติดเชื้อคร่อมซ้อน กัดดูด เลียปาก เสียงร้องสยองขวัญปนเสียงครางเสียวดังระงม
บางคนถูกกอดจากด้านหลังจนท่อนลำถูกเสียดสีแรง ๆ จนน้ำทะลักออกมาเต็มชุดสนาม ทั้งที่ยังดิ้นสุดชีวิต
บางคนถูกลากเข้าไปในบ้านที่กำลังไฟไหม้—เสียงกระแทกดังตับ ๆ สลับเสียงกรีดร้องกับเสียงสุขสมจนฟังไม่ออกว่าเป็นความทรมานหรือความเสียว
⸻
ปิดฉาก 8.1
ไฟนรกเผาผลาญบ้านทั้งหลังค่อย ๆ ลามไปทั่วหมู่บ้าน แต่สิ่งที่ทำให้ทหารหลายคนใจสั่นไม่ใช่แค่เปลวไฟ—
มันคือร่างเปลือยที่ยังคงเดินฝ่าไฟออกมา ยิ้ม หัวเราะ และบางคนยังครางออกมาอย่างสุขสม
และตรงกลางถนนไฟลุกโชน—ชิต ยืนเปลือยกายเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงตาวาวแดง
“คืนนี้พวกมึงฆ่ากูไม่ได้หรอก…เพราะทุกการยิง ทุกไฟที่เผา คือเชื้อที่กูปล่อยออกไป”
ร่างของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ น้ำ และควันไฟ แต่กลับยืนสง่างามดั่งราชา ขณะที่รอบตัวทหารบางคนเริ่มทิ้งปืน—หอบหายใจแรง—และค่อย ๆ เดินเข้าหาชิตด้วยสายตาเปี่ยมปรารถนา
ตอน 8.2 : ผู้รอดในเงา
ไฟยังโหมลุกท่วมหมู่บ้าน เสียงปืนกับเสียงครางยังประสานกันจนแทบแยกไม่ออก กลางซากไม้ไหม้ กลิ่นคาวกับควันไฟคลุ้งไปทั่ว
ท่ามกลางความโกลาหลนั้น — มีคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่ไม่โดนเชื้อยึดร่าง พวกเขาหลบอยู่ใต้ถุนบ้านเก่า ๆ ที่ไฟยังไม่ลามถึง
กลุ่มผู้รอด
1. หมอพรต – ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ หน้าคมเข้ม ตาคมกริบ เขาคือหมอผีประจำหมู่บ้านที่เคยเตือนทุกคนเรื่อง “สิ่งต้องห้ามจากหนองน้ำ” แต่ไม่มีใครเชื่อ
2. มัทนา – ครูสาววัยยี่สิบกลาง ๆ ที่เพิ่งบรรจุสอนเด็ก ปกติอ่อนโยน แต่ตอนนี้แข็งใจพาเด็ก ๆ ที่ยังไม่ติดเชื้อวิ่งหนีตาย
3. อินทร์ – ทหารพรานหนุ่มที่มากับคณะปฏิบัติการ เขาแตกต่างจากเพื่อน ๆ เพราะหัวใจเริ่มสั่นคลอนเมื่อได้กลิ่นเชื้อ ฟีโรโมนแปลก ๆ ทำให้เขามีอารมณ์พลุ่งพล่านผิดเวลา
ทั้งสามคนตอนนี้หลบอยู่พร้อมกับเด็ก ๆ 2-3 คน เสียงหอบหายใจดังแข่งกับไฟนรกที่ลามอยู่ไม่ไกล
⸻
สายตาที่เห็นความจริง
มัทนากอดเด็กนักเรียนแน่น น้ำตาคลอเบ้าเมื่อได้ยินเสียงคนครางปนกรีดร้องจากบ้านถัดไป
“ครู…นั่นเสียงใคร” เด็กชายถามเสียงสั่น
มัทนากัดฟันไม่ตอบ แต่ในใจเธอรู้—เสียงนั้นคือเพื่อนบ้านที่เธอเคยเห็นยิ้มให้กันทุกวัน ตอนนี้กลับครางอย่างสุขสมในกองไฟเหมือนสัตว์ร่านกาม
หมอพรตเอามือแตะหัวไหล่มัทนาเบา ๆ “อย่าหวั่นไหว นี่คือการชำระล้าง”
อินทร์ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กลับหายใจแรงขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาแดงก่ำ เขาสะบัดหัวแรง ๆ พยายามข่มอารมณ์ แต่ไม่อาจต้านกลิ่นคาวกับเสียงครางที่ดังทะลุเข้าหู
⸻
ความจริงของเชื้อ
หมอพรตพูดเสียงต่ำ “สิ่งที่พวกเอ็งได้ยิน มันไม่ใช่เสียงคนแล้ว มันคือปรสิตกำลังใช้ร่างพวกเขาเพื่อแพร่พันธุ์…และที่ร้ายกว่านั้น มันปลอมตัวเก่ง ร่างกายยังดูเหมือนคนปกติ”
คำพูดนั้นทำให้มัทนาหนาววาบ เธอกอดเด็ก ๆ แน่นขึ้น แล้วถามเสียงสั่น “งั้น…เราจะรู้ได้ยังไงว่าใครติดเชื้อแล้ว”
หมอพรตเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบเรียบ ๆ “ร่างที่ยังหัวใจเต้นแรง แต่ไม่มีวันเหนื่อยจากกามราคะ…นั่นคือสิ่งที่ไม่ใช่คน”
สายตาทั้งคู่หันไปที่อินทร์—ที่ตอนนี้นั่งกุมเป้า กัดฟันแน่นเหมือนจะขาดใจ
⸻
อินทร์ : ความสั่นคลอน
อินทร์ยกหน้ามาขมวดคิ้ว “อย่ามองกูแบบนั้น กูยังไม่เป็นอะไร!”
แต่เสียงเขาสั่น มือกำกางเกงแน่นจนเส้นเอ็นบนแขนปูด
“ใจเต้นแรง ร่างกายร้อน…ทุกอย่างมันเหมือนอยากปลดปล่อยตลอดเวลา” เขาพูดหอบ ๆ เหงื่อไหลพรากจากขมับ
มัทนาขยับถอยเล็กน้อย กอดเด็กไว้แน่น “หมอพรต…เขากำลัง…”
หมอพรตขัดขึ้นทันที “ยังไม่ใช่ทั้งหมด เชื้อยังไม่เข้าคุมจิตใจ เขาอาจ…เป็นกุญแจเดียวที่เราใช้ต้านพวกมันได้”
อินทร์หันไปสบตาหมอพรต ดวงตาแดงก่ำเหมือนสัตว์ร้ายถูกกักขัง “ถ้ามันควบคุมกูเมื่อไหร่…ฆ่ากูทันที”
⸻
ร่องรอยของชิต
เสียงก้าวเดินดังตึง ๆ มาจากถนนหน้าบ้าน ทั้งสามคนแอบชะโงกมองออกไปจากช่องไม้
ชิต ยืนเปลือยอยู่กลางถนน ผิวกายเรืองวาวจากเหงื่อและควันไฟ รอบตัวมีร่างทหารพรานที่เคยเป็นเพื่อนอินทร์นอนเกลื่อน—บางคนตัวเกร็ง บางคนยังครางทั้งที่เลือดท่วม
ชิตยกมือขึ้นช้า ๆ สายตาวาวแดงกวาดไปรอบ ๆ เหมือนรู้ว่ามีคนแอบมอง “หนีไปสิ…ถ้าคิดว่าหนีพ้น”
แล้วเขายิ้ม—รอยยิ้มที่หล่อเหลาแต่เต็มไปด้วยความวิปลาส ก่อนจะหันหลังเดินหายเข้าไปในซากไฟ
⸻
ปิดตอน 8.2
ไฟยังลุกไหม้ต่อเนื่อง ผู้รอดทั้งสามคนกับเด็ก ๆ กำลังหายใจแรง กอดกันแน่น ความเงียบหลังคำพูดของชิตทำให้บรรยากาศอึดอัดยิ่งกว่าเสียงไฟไหม้
หมอพรตเอ่ยเบา ๆ “คืนนี้คือแค่จุดเริ่ม…การล้างบางครั้งนี้ ไม่ได้หยุดแค่หมู่บ้าน”
อินทร์นั่งก้มหน้า มือยังสั่น แต่ในแววตาเริ่มมีประกายบางอย่าง—ทั้งความหวาดกลัวและความอยาก ที่เขาเองยังไม่เข้าใจ
มัทนาหายใจแรง มองเด็ก ๆ ที่กอดเอวเธอแน่น เธอรู้ดี—โลกของพวกเขาไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว
ตอน 8.3 – หนีออกจากวงล้อม
เสียงไฟลุกโหมยังดังครืน ๆ ควันดำคลุ้งจนหายใจแทบไม่ออก มัทนาอุ้มเด็กไว้แน่น น้ำตาไหลพรากแต่กัดฟันไม่ร้อง เธอรู้ดี—ถ้าเธอร้อง เสียงนั้นอาจดึงดูด “สิ่งที่ไม่ใช่คน” ให้มา
หมอพรตขยับออกไปใกล้ชายคา ค่อย ๆ ชะโงกดูทิศทางข้างนอก “ไฟล้อมหมู่บ้านไว้ทุกด้าน ถ้าอยากรอด…ต้องฝ่าไปที่หนองน้ำ มันมีโพรงลับเชื่อมออกไปนอกป่า”
อินทร์ที่นั่งพิงผนัง กัดฟันจนกรามขึ้นสัน “โพรงที่ว่า…มันอยู่ตรงไหน”
หมอพรตตอบเสียงเรียบ “ใต้รากไทร…ที่เคยเป็นที่ฝังหมันเด็กตายคลอด”
คำพูดนั้นทำให้มัทนาสั่นสะท้านทันที—โพรงที่เป็นทั้งสุสานและทางรอด
⸻
การเดินทางในกองเพลิง
ทั้งกลุ่มค่อย ๆ พากันคลานออกจากใต้ถุนบ้าน ก้าวผ่านเถ้าถ่านกับซากศพที่ไหม้เกรียม เสียงแตกปะทุของไม้ดังสนั่น แต่เหนือกว่านั้นคือเสียงครางกามที่ยังดังเป็นระยะ ๆ
“อา…ซี้ด…ลึกอีก…” เสียงหนึ่งดังแผ่ว ๆ มาจากเงามืด
มัทนารีบปิดหูเด็ก ๆ แต่ตัวเองกลับต้องทนฟัง—ภาพข้างหน้าคือร่างหญิงสาวครึ่งตัวไหม้ แต่ยังคร่อมบนศพผู้ชาย ท่อนลำเชื่อมกันทั้งที่ร่างไหม้จนเนื้อหลุด เสียงครางยังไม่หยุดแม้เนื้อจะหลุดออกจากกระดูก
อินทร์กัดฟันแน่น “พวกมัน…ไม่ใช่คนแล้ว”
⸻
ผู้รอดที่ไม่แน่ใจ
ระหว่างทาง พวกเขาเจอชายหนุ่มสองคนโผล่จากกองควัน วิ่งปัดไฟที่แขน “ช่วยด้วย! กูยังไม่ติดเชื้อ!”
มัทนาชะงัก กำลังจะวิ่งไปช่วย แต่หมอพรตยกมือห้าม
“อย่าเพิ่งเชื่อ…พวกที่ถูกยึดร่าง หน้าตายังเหมือนคนทุกอย่าง”
อินทร์หอบหายใจแรง เหงื่อไหลพราก มองทั้งสองคนที่กำลังร้องไห้ “กูยังเป็นคน! กูสาบาน!”
ทันใดนั้น—ชายคนนึงทรุดลงกับพื้น ตัวสั่น กระตุก แล้วหัวควยแข็งปึ๋งดันเป้ากางเกงจนฉีกออก น้ำใสพุ่งออกมาเป็นสาย ขณะเดียวกันอีกคนก็ครางกระเส่าเหมือนเสพสุขสุดขีด
มัทนากรีดร้องในคอ รีบกอดเด็กหันหน้าหนี
หมอพรตตะโกนเสียงต่ำ “หนี! นั่นแหละตัวจริงของมัน!”
อินทร์ที่เห็นภาพนั้นกลับตัวสั่น ร่างร้อนผ่าวเหมือนจะคล้อยตามเอง เขากัดฟันวิ่งฝ่าไป ทั้งที่ในใจสั่นไหวเพราะ ความอยากในอกเริ่มเดือดพล่านไม่ต่างจากพวกนั้น
⸻
หนองน้ำแห่งคำสาป
ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงริมหนองน้ำ ควันไฟลอยต่ำจนคล้ายหมอกหนา ๆ แสงไฟสีส้มสะท้อนบนผิวน้ำ ทำให้ทั้งพื้นที่ดูเหมือนนรก
หมอพรตชี้ไปที่รากไทรใหญ่ “โพรงอยู่นั่น! เข้าไปเร็ว!”
มัทนาอุ้มเด็กวิ่งไปก่อน แต่แล้วเสียงฝีเท้าตามหลังดังขึ้น ตับ ๆ ๆ
อินทร์หันกลับไปเห็นร่างชายที่ตะโกนขอความช่วยเมื่อครู่ วิ่งตามมา—แต่ตอนนี้ใบหน้ายังดูปกติ เพียงแต่ดวงตาแดงวาว และตรงเป้ากางเกงยังคงเปียกชุ่มน้ำใส
“กูยังเป็นคน! กูไม่ใช่พวกมัน! ช่วยกูด้วย!”
มัทนาหยุดก้าวไปชั่ววินาที ใจสั่นระรัว เธอเห็นหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้น…เหมือนคนจริง ๆ ทุกอย่าง
⸻
ความลังเล
อินทร์ยกปืนขึ้นเล็งทันที “อย่าเข้ามา!”
เสียงเขาสั่น น้ำเสียงก้ำกึ่งทั้งโกรธและกลัว
ชายหนุ่มหยุดกึก ยกมือสั่น ๆ ขึ้น “อย่ายิงกู กูยังมีครอบครัว กูยัง…”
แต่ไม่ทันจบประโยค ร่างนั้นก็กระตุกอีกครั้ง น้ำเมือกพุ่งออกจากเป้าเต็มพื้น เขาหัวเราะคิก ๆ เสียงแปร่งประหลาด ก่อนจะพุ่งใส่มัทนา
ปัง! อินทร์เหนี่ยวไกทันที กระสุนเจาะกลางอก แต่ร่างนั้นยังหัวเราะพล่าน ๆ แล้วล้มลง ตัวเกร็งดิ้นค้างอยู่ที่ดินโคลน
มัทนาน้ำตาไหลพราก “นี่แหละ…ที่น่ากลัวที่สุด มันยังเหมือนคนจนเกือบเชื่อไปแล้ว…”
⸻
ปิดตอน 8.3
ทั้งกลุ่มกรูกันเข้าไปที่โพรงใต้รากไทร เด็ก ๆ ร้องไห้สะอึกสะอื้น อินทร์วิ่งตามเข้ามา เหงื่อโชก หน้าแดงหอบเหมือนคนกำลังถูกคลื่นกามซัด
หมอพรตปิดท้าย หันกลับไปมองหนองน้ำที่ยังส่องประกายวาบ ๆ กลางควันไฟ “หนีไปให้พ้นคืนนี้ก่อน…แล้วเราค่อยมาดูกันว่า พวกเอ็งยังเป็น ‘คน’ หรือไม่”
เสียงครางแผ่ว ๆ ยังดังตามมาจากหนองน้ำ ราวกับเตือนว่าพวกมันยังอยู่—และกำลังรอเวลา
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ โหด เสว มัน สนุก ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ สนุกมากครับ ชอบ ขอบคุณครับ รออ่านเรื่องปรสิตอยู่เลย ว่าจะมีคนมาต่อไหม สนุก ข อ บ คุ ณ ค รั บ
หน้า:
[1]