ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 26
Chapter 26ผู้บ่าวเฒ่ากับหนุ่มวัยทีน
วันถัดมา ห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวในโรงพยาบาลของกายยังคงเงียบเช่นเดิม แสงแดดอ่อนส่องผ่านม่านขาว รินไหลเข้ามาเป็นเส้นบาง ๆ บนผ้าห่มสีสะอาด
เสียงประตูเปิดออกเบา ๆ โดยไม่ต้องเคาะ และไม่ต้องมีคำบอกล่วงหน้า
ราฟาเอโร่เดินเข้ามาเหมือนเป็นกิจวัตร เขาวางถุงอาหารไว้บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งลงอย่างเงียบงัน
"กินนี่ซะ" เขาพูดขึ้นโดยไม่มองหน้าเจบี พร้อมตักข้าวในกล่องอาหารญี่ปุ่นขึ้นมาจ่อปากอีกฝ่ายด้วยปลายตะเกียบไม้เรียบหรู ไม่มีคำถาม ไม่มีน้ำเสียงอ่อนโยน มีเพียงแรงกดดันที่คล้ายกับการบังคับให้กลืนคำสั่งลงไปพร้อมข้าวในปาก
เจบีขมวดคิ้วเล็กน้อย ยกมือดันปลายตะเกียบออกอย่างอดทน
"ผมไม่ได้บอกเลยว่าหิว"
"ก็ตั้งใจกิน ๆ ไปเหอะ" น้ำเสียงราฟาเอโร่ฟังดูหงุดหงิดปนขำ เหมือนกำลังสนุกกับการเห็นอีกฝ่ายพยายามตั้งกำแพงใส่เขา
เจบีถอนหายใจ หันหน้าหนีไปทางหน้าต่างอีกครั้ง เขาไม่เข้าใจเลยว่าคนตรงหน้าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร
เพราะรู้สึกผิด? หรือเพราะต้องการเอาชนะ?
เขาไม่แน่ใจเลยสักอย่าง
“ผมไม่หิว” เขาพูดเสียงเรียบ
“ไม่ได้ถามว่าหิวหรือเปล่า” ราฟาเอโร่ยิ้มเย็น “ฉันสั่งให้กิน”
“คุณนี่มันมีปัญหากับคำว่า ‘ความสมัครใจ’ ใช่ไหมครับ” เจบีสวนกลับทันที โดยยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง
ราฟาเอโร่ขยับเก้าอี้เข้าใกล้ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “แน่นอน เพราะฉันไม่เคยต้องรอให้ใครสมัครใจอะไรทั้งนั้น”
“โชคดีนะครับที่คุณไม่เป็นหมอ ไม่งั้นคนไข้คงหายเพราะกลัวตายก่อนโรคจะรักษา”
ชายผู้เป็นเจ้าของโรงพยาบาลหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เสียงต่ำลึกที่ฟังแล้วชวนให้หงุดหงิดมากกว่าน่าฟัง เขาวางตะเกียบลงช้า ๆ บนกล่องอาหารเหมือนตั้งใจจะยั่วประสาทคนป่วยตรงหน้า
“พูดมากแบบนี้ แสดงว่ามีแรงเหลือแล้วสินะ”
“ผมพูดเพราะรำคาญ ไม่ใช่เพราะมีแรง”
ราฟาเอโร่เลิกคิ้วน้อย ๆ คล้ายกำลังพิจารณาคำตอบนั้นอย่างจริงจัง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
“น่าสนใจ...เมื่อก่อนยังเรียบร้อยเหมือนลูกหมาอยู่เลย”
เจบีตวัดตามองเขาเร็ว ๆ แล้วเบือนหน้าหนี “คุณจะเลี้ยงหมาไว้ใช้งาน หรือไว้ดูเล่นกันแน่ล่ะครับ”
ราฟาเอโร่ชะงักไปเล็กน้อยกับคำประชดที่ดูเกินกว่าความเงียบสงบของเจบีคนเดิม เขาวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างใจเย็น แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ สายตาไม่ละไปไหน
เขาไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะ ‘กล้าพูด’ กับเขาตรง ๆ แบบนี้
...หรือแท้จริงแล้ว เขาไม่เคยมี “คู่มือ” สำหรับรับมือกับเจบีเลยตั้งแต่ต้น
“ก็แล้วแต่นายจะเลือก” เขาพูดนิ่ง ๆ ดวงตาเรียบนิ่งแต่แน่วแน่ “ถ้าอยากกัด ก็ไม่ห้าม...แต่หวังว่านายจะแน่ใจว่าฟันยังแข็งแรงพอจะไม่หักคาปากตัวเอง”
ประโยคนั้นฟังเหมือนการเตือน...แต่ก็เหมือนคำยั่วโมโหมากกว่า
เจบีไม่ตอบ ไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง เขาเพียงดึงผ้าห่มขึ้นมาจนถึงไหล่ แล้วพลิกตัวไปอีกด้าน ให้แผ่นหลังของตัวเองเป็นคำตอบสุดท้ายแทนทุกบทสนทนา ก่อนจะดึงขอบผ้าห่มเข้าหาตัวจนแน่นราวกับมันคือกำแพงชั่วคราวที่เขาพอจะสร้างได้ในตอนนี้
ผ้าผืนบางกลายเป็นเส้นแบ่งระหว่างเขากับราฟาเอโร่ อย่างชัดเจนและตั้งใจ
ราฟาเอโร่มองภาพนั้นอยู่เงียบ ๆ สักพัก ไม่ได้พูดอะไรต่อ และไม่ลุกไปไหนเช่นกัน
เพราะแม้จะโดนปิดประตูใส่หน้า แต่บางที...เขาก็ยังอยากจะลองเคาะอีกสักครั้ง
แม้จะไม่มีคำตอบกลับมาเลยก็ตาม
หลายวันต่อมา เจบีได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลในที่สุด แม้สีหน้าจะยังไม่เต็มร้อยนัก แต่สุขภาพโดยรวมดีขึ้นพอให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้แล้ว
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรกับใครมากนัก ร่างผอมบางยังดูอ่อนแรงในบางจังหวะ แต่สายตากลับเด็ดขาดเหมือนเดิม
“ผมขอจ่ายค่ารักษาเอง” เจบีกล่าวเรียบ ๆ ขณะยื่นมือไปหยิบกระเป๋าสตางค์จากปลายเตียง
กายที่ยืนพิงขอบประตู ยักไหล่เล็กน้อยพลางยิ้มบาง
“หมอไม่รับเงินครับ...รับแค่ใจคนไข้”
เจบีชะงักเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจแล้วเก็บกระเป๋ากลับเข้าที่เดิม
“งั้นผมขอตัวก่อน”
“แน่ใจนะว่าจะไม่ให้หมอเดินไปส่ง?” กายถาม แต่แววตาไม่ได้จริงจังนัก
“ผมหาทางกลับได้ครับ” เขาตอบอย่างนิ่งเรียบ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
กายเพียงยิ้มรับด้วยสีหน้าราวกับได้ยินคำว่า “ขอบคุณ” ซ้ำร้อยรอบ
เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาที...
ราฟาเอโร่ก้าวลงจากรถตรงหน้าโรงพยาบาล เสื้อโค้ทพาดบ่า มืออีกข้างถือกล่องใส่เค้กเล็ก ๆ จากร้านขนมฝรั่งเศสชื่อดัง ท่าทางเหมือนพระเอกซีรีส์ที่มาช้าหนึ่งฉาก
เขาก้าวขึ้นลิฟต์ เดินตรงมาหยุดที่หน้าห้องผู้ป่วยอย่างมั่นใจ
แล้วประตูเปิดออก
กายยืนอยู่ตรงหน้า ยกกาแฟขึ้นจิบ พร้อมรอยยิ้มที่ดูมีเรื่องจะเล่า
“เขากลับไปแล้ว”
“…เมื่อไหร่?” ราฟาเอโร่เลิกคิ้ว
“อืม…ถ้านายก้าวเข้ามาเร็วกว่านี้ 3 นาที อาจยังทันเห็นเขากำลังเปิดประตูรถแท็กซี่”
“…เขาขึ้นแท็กซี่?”
“ใช่ แบบโบกเองกับมือ”
ราฟาเอโร่หรี่ตา ดวงตานิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
“ทำไมไม่ห้ามเขา?”
กายยักไหล่ “ฉันเป็นหมอ ไม่ใช่ยามเฝ้าประตู”
ราฟาเอโร่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดเสียงเรียบ
“ฉันจะหักเงินทุนสนับสนุนโรงพยาบาลนาย”
กายหัวเราะเบา ๆ “เอาสิ ฉันจะได้ใช้โอกาสนี้ลาพักร้อนยาว ๆ ไปเปิดบาร์ชายทะเลให้รู้แล้วรู้รอด”
ราฟาเอโร่กัดฟันแน่นโดยไม่พูดอะไร สุดท้ายได้แต่เดินผ่านกายไปแล้วพึมพำเสียงต่ำ
“หนีเก่งนักนะ...เดี๋ยวเถอะ”
กายหันไปมองตามพร้อมรอยยิ้ม “ก็เขาไม่อยากเจอหน้า ‘เจ้าคนที่สั่งงานหนักจนเกือบตาย’ นี่นา”
เสียงประตูปิดลงเบา ๆ ทิ้งไว้แค่กลิ่นกาแฟ...กับความสะใจนิด ๆ ในแววตาของคุณหมอเจ้าของโรงพยาบาล
11:14 AM | ห้องทำงานส่วนตัวของราฟาเอโร่ | อาคารสำนักงานใหญ่ซิลเวอร์เนสต์
เสียงประตูเปิดเข้ามาโดยไม่ได้เคาะ แคสเปอร์เดินเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟในมือและสีหน้าสดใสราวกับเป็นเช้าวันหยุด ทั้งที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดของใครทั้งนั้น
“โอ้ ยังอยู่แฮะ ฉันนึกว่านายจะโดดประชุมเช้าเหมือนเมื่อวานอีก”
ราฟาเอโร่เดินเข้ามาจากอีกฝั่ง มือข้างหนึ่งถือแฟ้มรายงาน อีกข้างปรับแขนเสื้ออย่างไม่ใส่ใจ เขาแค่ปรายตามองแคสเปอร์ ก่อนจะวางแฟ้มลงบนโต๊ะอย่างมีจังหวะ
“มีเรื่องอะไร ถึงมานั่งเฝ้าประตูห้องฉันแต่เช้า?”
“ก็เปล่าหรอก...” แคสเปอร์ลากเสียงยาวพลางเดินไปนั่งไขว่ห้างที่โซฟาตัวยาวเหมือนเป็นบ้านตัวเอง “ฉันก็แค่...คิดถึง ‘เจ้าหนู’ น่ะสิ เห็นเสี่ยวไป๋บอกว่าเขาทำงานอยู่กับนายช่วงนี้ แล้วทำไมฉันไม่เห็นหน้าเลย?”
ราฟาเอโร่เงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะตอบเรียบ ๆ
“เขายุ่งอยู่”
“อ๋อเหรอ~” แคสเปอร์เลิกคิ้ว “ยุ่งมากจนหายตัวไปเลยหรือไงกัน? หรือว่าแอบจับไปซ่อนไว้ในห้องเก็บของชั้นใต้ดิน?”
“นายมาเพราะเรื่องแค่นี้?”
“จะว่าไปก็น่าจะใช่แฮะ” แคสเปอร์ยิ้มขำ “ฉันแค่อยากเห็นหน้าเขาสักหน่อย จะได้มั่นใจว่ายังมีชีวิตอยู่ดี ไม่โดนเจ้านายบ้างานกดให้นอนอยู่ใต้กองเอกสาร”
ราฟาเอโร่ปรายตามอง แต่ไม่ตอบอะไร
“เอาเป็นว่า...ถ้าวันนี้ไม่ได้เจอ ก็ไม่เป็นไร” แคสเปอร์พูดต่อหน้าตาเฉย “แต่ฉันจะมาใหม่พรุ่งนี้ มะรืนนี้ แล้วก็วันถัดไปเรื่อย ๆ จนกว่าเจ้าหนูของฉันจะโผล่หน้าออกมาบอกว่าเขาสบายดี”
เขายิ้มมุมปากก่อนจะจิบกาแฟ
“นายไม่ต้องไล่นะ ฉันชอบโซฟาตรงนี้มาก สีน้ำเงินเข้มแบบนี้น่ะ...เข้ากับฉันสุด ๆ เลยล่ะ”
พักรับชมสิ่งที่น่าสนใจสักครู่… (๑>◡<๑)
หลังจากแคสเปอร์ยอมกลับไปแต่โดยดี ราฟาเอโร่ก็ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ตัวโปรดในห้องทำงาน หรี่ตาลงพลางถอนหายใจยาวเหมือนคนเพิ่งกลับจากการประชุมกับมหาอำนาจโลกมาเจ็ดรอบติดกัน
เขาจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองกลืนยานอนหลับไปสามเม็ด แบบที่กายเคยเตือนว่า “อีกนิดเดียวจะเข้าไอซียูไม่ใช่ฝันดี” แต่ผลที่ได้คือ...นอนไม่หลับ แถมฝันประหลาดเหมือนโดนตามหลอน
เขาเห็นตัวเองเดินตามเจบีไปเรื่อย ๆ ในโรงพยาบาลที่ไม่มีทางออก เจบียังใส่ชุดคนไข้ เดินจ้ำ ๆ ไม่สนใจใคร ส่วนเขาก็แบกโถซุปไก่ร้อน ๆ วิ่งตามพร้อมโวย “หยุดก่อน! ฉันต้มเองนะ!”
สุดท้ายซุปหก ร้องไห้ในฝันอยู่คนเดียว
ราฟาเอโร่ตื่นมาในสภาพเหงื่อแตกพลั่ก นั่งอ้าปากพะงาบ ๆ กลางดึกเหมือนคนหอบหายใจไม่ทัน
เขานั่งนิ่ง...นานพอให้ความเงียบเริ่มแทะใจ สุดท้ายก็ลุกพรวด คว้ามือถือขึ้นมากดโทรหาหมอเพื่อนรักโดยไม่สนเวลา
ราฟาเอโร่: (เสียงแหบ หงุดหงิด) “หมอ...ฉันเป็นอะไรไปวะ”
กาย: (เสียงงัวเงียสุดขีด) “นายเป็นบ้าใช่มั้ย โทรมาทำไมตีสามอีกแล้ว…”
ราฟาเอโร่: “ฉันฝันว่าตามเด็กนั่นไปทั่วโรงพยาบาล ถือโถซุปไก่วิ่งตามไปเรื่อย ๆ แล้วสุดท้ายซุปก็หกใส่ตัวเอง เจ็บด้วย!”
กาย: “แล้ว? นี่นายโทรมาเพื่อบ่นเรื่องความฝันเหรอ?”
ราฟาเอโร่: “มันไม่ใช่ความฝันธรรมดา มันฝันซ้ำ ฝันติดลูป ฉันแบกซุปไก่ไปวิ่งทุกคืน!!"
กาย: “…อืม งั้นเดี๋ยวฉันจะแจ้งกรมสุขภาพจิตให้”
ราฟาเอโร่: “ฉันนอนไม่หลับ กินยาไปสามเม็ด แต่ฉันก็ยังเห็นภาพหลอนเป็นหน้าเขา”
กาย: “…ราฟา นายเคยคิดจะเป็นนักแสดงบ้างมั้ย บทเศร้า ๆ นี่นายส่งเข้าประกวดได้เลย”
ราฟาเอโร่: “ฉันควบคุมทุกอย่างในลอนดอนได้ แต่เด็กคนเดียวฉันควบคุมไม่ได้เลย เขาไม่ยอมฟัง แถมยังเถียงเก่ง ปากดี—”
กาย: “โอเค งั้นคืนนี้ฉันจะสั่งให้พยาบาลฉีดยานอนหลับให้ฉันก่อน เพราะฉันไม่อยากรับสายตีสามอีก”
ราฟาเอโร่เงียบไป ไม่ตอบอะไร เขาเพียงแค่นเสียงในลำคอ ก่อนจะวางสายไปเงียบ ๆ แล้วทิ้งตัวลงกับโซฟาอีกครั้ง
“ฝันอีกก็ได้วะ…ขอแค่ให้เด็กนั่นหยุดเดินหนีฉันสักที”
แล้วเจ้าพ่อมาเฟียแห่งลอนดอน...ก็นอนฟุบหน้าอยู่บนหมอนอิง กลางดึก พร้อมโถซุปไก่ในจินตนาการและหัวใจที่ปากแข็งไม่เลิก
...
คืนนั้น ราฟาเอโร่ตัดสินใจกลับคอนโดหรูที่ทั้งตึกมีคนอยู่แค่สามห้องเพราะคนอื่นกลัวเขา แล้วก็โยนตัวลงบนโซฟาหนังแท้แบบสิ้นหวัง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา โทรหาเบอร์หนึ่งที่เขาไม่อยากโทรบ่อย แต่ตอนนี้ไม่มีใครจะพึ่งพาได้มากกว่านี้อีกแล้ว
ราฟาเอโร่: (เสียงแหบเล็กน้อย) “หมอ…ยังไม่หลับใช่มั้ย”
กาย: (เสียงง่วงจัด) “แกคิดว่าฉันจะทำอะไรอยู่วะ”
ราฟาเอโร่: “โอเค งั้นฟังนะ ฉันต้องการยาเพิ่ม”
กาย: (เงียบไปพักหนึ่ง) “ยา…แบบไหน”
กาย: “อ๋อ งั้นเดี๋ยวส่งน้ำ holy water ไปให้แทนมั้ย จะได้หลับไปเลยแบบนิรันดร์”
ราฟาเอโร่: “หมอ...จริงจังหน่อยสิ ฉันนอนไม่หลับมาสี่คืนติดแล้ว! ฉันตาคล้ำจนยามหน้าตึกทักว่า ‘เมื่อคืนดูซีรีส์หรอครับบอส’ ”
กาย: “แล้วนายตอบว่ายังไง”
ราฟาเอโร่: “ฉันบอกว่า…เปล่า ซีรีส์ไม่ดราม่าพอ เลยเลือกใช้ชีวิตจริงแทน”
กาย: (ถอนหายใจ) “ฟังดูน่าส่งตัวไปแผนกจิตเวชมากกว่าส่งยาให้”
ราฟาเอโร่: “หมอ…”
กาย: “เอาจริง ๆ นะ แกนอนไม่หลับเพราะอะไร? อย่าบอกว่าเพราะความคิดไร้สาระ ฉันจะวางสาย”
ราฟาเอโร่: “ก็ไม่เชิง…แค่พอจะหลับเมื่อไหร่ สมองมันเปิดแฟลชแบ็กให้ดูตลอด…”
กาย: “แฟลชแบ็กฉากบู๊เหรอ?”
ราฟาเอโร่: “…เปล่า ฉากที่เขาหันมายิ้มให้”
กาย: “โอ๊ยยยย!! พอ! หยุดเลย! ฉันจะบอกให้นะ ราฟ—คนทั่วไปเขานอนไม่หลับเพราะกาแฟ นายคือคนเดียวที่นอนไม่หลับเพราะอาการ แพ้ความรู้สึกตัวเอง!”
ราฟาเอโร่: “แล้วหมอจะช่วยฉันยังไงล่ะ”
กาย: “จะให้ช่วยจริง ๆ มั้ย?”
ราฟาเอโร่: “จริง”
กาย: “โอเค งั้นไปแปรงฟัน อาบน้ำ แล้วนอนลงบนเตียงให้เหมือนคนมีวินัย จากนั้นหยิบผ้าห่มมาคลุมหัว แล้วพึมพำว่า ‘ฉันไม่ได้รักใครทั้งนั้น ฉันแค่ขาดวิตามิน’ พูดวนไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็หลับ”
ราฟาเอโร่: “…แล้วถ้ายังไม่หลับอยู่ดีล่ะ”
กาย: “ก็โทรมาหาฉันอีก แล้วฉันจะอ่านใบเรียกเก็บเงินแบบช้า ๆ ให้ฟัง รับรองเคลิ้มหลับก่อนจบยอดรวม”
...
[วันถัดมา | เวลา 9:15 AM | อาคารซิลเวอร์เนสต์, ลอนดอน]
กล่องพัสดุขนาดกะทัดรัดสีเทาถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานของราฟาเอโร่โดยไม่ระบุชื่อผู้ส่ง มีเพียงสติ๊กเกอร์เล็ก ๆ แปะอยู่ด้านบนเขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ว่า
“Special Order for: คนที่นอนไม่หลับเพราะปากเก่งใส่เด็ก — จากหมอหล่อที่สุดในโรงพยาบาล”
ราฟาเอโร่เลิกคิ้วอย่างช้า ๆ ก่อนจะหยิบมีดพกบนโต๊ะขึ้นมากรีดกล่องด้วยท่าทางระแวดระวัง (ตามนิสัยมาเฟียผู้ไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ) สิ่งที่อยู่ข้างในคือขวดยาสีชา พร้อมฉลากที่เขียนด้วยลายมือเหมือนกันว่า...
"Sleeping Beauty – รุ่นไม่ฝันถึงใครอีกเลย"
แนบมาด้วยกระดาษโน้ตใบเล็ก:
“กินก่อนนอน หนึ่งเม็ด พร้อมดื่มน้ำตามหนึ่งแก้ว…หรือไวน์ก็ได้ เอาที่พ่อสบายใจ”
– ปล. ไม่มีผลข้างเคียง ยกเว้นอาจฝันถึงตัวเองในชุดเจ้าสาว
– ปล. 2 ไม่ต้องโทรกลับ ถ้าจะด่าฉัน...เก็บไว้ในใจ”
— กาย
ราฟาเอโร่นั่งอ่านอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหยิบขวดยาขึ้นหมุน ๆ ช้า ๆ แล้วพึมพำกับตัวเอง
“ไอ้หมอบ้า...เล่นอะไรอีกแล้วล่ะ…”
แต่สุดท้าย เขาก็ยอมกินมันเข้าไปหนึ่งเม็ดตอนกลางคืนตามคำแนะนำ
...
[เวลา 2:45 AM | ห้องทำงาน ราฟาเอโร่]
ร่างสูงนอนแผ่อยู่บนโซฟาหนังแทนเตียงนอนหรู เขาหลับตานิ่งเหมือนจะเข้าสู่ห้วงนิทราได้เสียที แต่ทันใดนั้น…
“คุณราฟาเอโร่~ วันนี้คุณลืมกินข้าวอีกแล้ว~”
เสียงเจื้อยแจ้วของ ‘เจบีเวอร์ชั่นในการ์ตูน’ ดังขึ้นในหัว พร้อมภาพอีกฝ่ายในชุดพ่อบ้านถือถาดอาหารเวอร์วัง
“นี่ครับ...อาหารจากหัวใจ~ โชคดีที่ผมทำเอง!”
ราฟาเอโร่สะดุ้งพรวดลุกขึ้นมานั่งกลางดึก พร้อมเหงื่อที่ผุดเต็มแผ่นหลัง
“...ไอ้หมอ!! ฉันจะเผาโรงพยาบาลแก!!!”
เขาคว้ามือถือทันทีแต่หยุดกึกเมื่อเห็นข้อความจากกายที่เด้งเข้ามาใน LINE
“ฝันดีนะคุณมาเฟีย ขอให้คืนนี้เต็มไปด้วย เสียงเด็กน้อยพูดประชด คริคริ”
...
ราฟาเอโร่โยนมือถือลงหมอนอย่างระอา แล้วมุดตัวเองลงใต้ผ้าห่มพลางสบถอย่างไม่จริงจัง
“คราวหน้า...ฉันจะซื้อยาจากร้านขายปลากระป๋องแทน ยังไว้ใจได้มากกว่า”
[วันรุ่งขึ้น | เวลา 11:35 AM | โรงพยาบาลเอกชนของกาย | ลอนดอน]
“คุณหมอครับ พัสดุจากคุณราฟาเอโร่มาส่งครับ”
เจ้าหน้าที่เวรเปลายื่นกล่องห่อผ้ากำมะหยี่สีดำสนิทให้กายหน้าห้องพักแพทย์
กายรับมันมาอย่างไม่คิดอะไร แต่พอเห็นตราประทับรูปขนนกสีเงินตรงมุมกล่องก็ชะงักไปเล็กน้อย
"ไอ้บ้านั่นอีกแล้ว..."
เขาแกะกล่องด้วยความระแวดระวัง พอเปิดฝากล่องออก สิ่งที่อยู่ในนั้นคือ...
ขวดเซรั่มบำรุงผิวหน้าขนาดพกพา พร้อมโน้ตเล็ก ๆ แนบไว้ว่า:
“หมอครับ...อย่าลืมบำรุงนะ
ริ้วรอยจากความเครียดและความ 'แสบ' มันเห็นชัดไปหน่อย
ปล. ทาเช้าเย็น ถ้าอยากให้หน้ากลับมาดูแพง
ปล.2 ถ้าใช้แล้วไม่หล่อขึ้น ฉันไม่รับคืน”
– ผู้สนับสนุนรายใหญ่ของโรงพยาบาลคุณ
กายอ่านจบแล้วหลุดหัวเราะดังลั่น จนพยาบาลหน้าห้องต้องโผล่มาถามว่า "คุณหมอคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?"
หมอหนุ่มยกขวดเซรั่มขึ้น แล้วตอบเสียงเรียบแต่ตาเป็นประกายล้อเลียน
“เปล่าหรอก แค่มีคนห่วงความงามของฉันมากไปหน่อย”
ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดข้อความ
[กาย] : “ขอบใจมากสำหรับของขวัญ ฉันจะแจกให้เจ้าหน้าที่ห้องดับจิต ใช้ดีมาก”
…
ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงต่อมา กล่องพัสดุใหม่ถูกวางบนโต๊ะของราฟาเอโร่ที่ซิลเวอร์เนสต์
พนักงานส่งของส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ของกลับคืนครับ ท่าทางหมอจะไม่อินกับแนวนี้”
ราฟาเอโร่เปิดกล่องดู...ข้างในคือขวดเซรั่มเดิมที่ถูกแปะแป้งเด็ก กลิ่นลาเวนเดอร์ฟุ้งจนห้องแทบกลายเป็นสปา
พร้อมโพสต์อิทเล็ก ๆ ว่า
“ปรับสูตรให้แล้ว เหมาะกับคนที่ชอบกลิ่น ‘ความพยายามที่ไม่ประสบความสำเร็จ’ ”
เสียงกล่องกระแทกใส่ถังขยะดัง ตุบ ตามด้วยเสียงถอนหายใจหนักหน่วงจากเจ้าของห้องที่เพิ่งเจอ “แป้งเด็ก” มาเยาะเย้ยศักดิ์ศรีมาเฟียเต็ม ๆ
“ไอ้หมอบ้า…”
เขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากะจะโทรไปเล่นงานอีกฝ่าย แต่ปลายทางกดตัดสายอย่างไว ราวกับรู้ตัวว่าใครโทรมา
“กล้าดีนะ...ตัดสายฉันแบบนี้” ราฟาเอโร่พึมพำเสียงต่ำ
เขาเดินกลับมานั่งลงหน้าจอมอนิเตอร์ เปิดระบบภายในองค์กรขึ้นมาอย่างว่องไว ก่อนจะเข้าสู่ “แผนกเวชภัณฑ์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในลอนดอน” อย่างไร้ความเกรงใจ
นิ้วเรียวยาวกดคำสั่งชุดหนึ่งลงไปบนหน้าจอ ก่อนจะกด "Execute" โดยไม่ลังเล
สองนาทีผ่านไป…
ที่โรงพยาบาล กายกำลังเดินตรวจวอร์ดอย่างสงบ ก่อนที่เสียงแจ้งเตือนจากระบบจัดซื้อจะดังขึ้น ติ๊ง!
เขาหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาอ่าน แล้วชะงัก
รายการเวชภัณฑ์ที่ถูกตัดงบชั่วคราว
"ถุงมือยาง"
"น้ำเกลือ"
"สำลี"
"ยาแก้ปวด"
"วิตามินรวม"
เหตุผล: “ใช้งบไม่เหมาะสมทางจริยธรรม”
อนุมัติโดย: R.A.
กายหลุดหัวเราะเบา ๆ กดโทรศัพท์กลับไปทันที
[กาย] : "ราฟาเอโร่ นายเพิ่งทำอะไรกับคลังเวชภัณฑ์ฉันใช่มั้ย?"
[ราฟาเอโร่] : (เสียงเรียบเฉย) "เปล่านี่ ก็แค่…ปรับจริยธรรมองค์กร"
[กาย] : "ถ้าคนไข้ขาดยา ฉันจะปริ้นท์หน้าฉายแกทั่วโรงพยาบาล แล้วแปะใต้คำว่า ‘อุปสรรคทางการแพทย์’ "
[ราฟาเอโร่] : “ใจเย็นหมอ...โกรธมากเดี๋ยวความดันขึ้น ไม่มีน้ำเกลือให้นะ”
[กาย] : “ถ้าแกไม่รีบกู้ระบบให้กลับมา ฉันจะเปลี่ยนรูปโปรไฟล์แกในระบบเป็นรูปแกตอนเมายาดมที่สเปน”
[ราฟาเอโร่] : “กล้าทำเหรอ?”
[กาย] : “จะลองมั้ยล่ะ รูปแกกำลังงับกล้วยกับแว่นกันแดดรูปหัวใจ ยังอยู่ในคลังภาพฉันนะ”
[ราฟาเอโร่] : (เงียบไปสามวิ) “งั้น…เอางบวิตามินกลับไปก่อนก็ได้”
...
[เช้า | โรงพยาบาลของกาย]
กลิ่นกาแฟลอยอ้อยอิ่งในห้องที่เงียบเกินไปสำหรับโรงพยาบาลตอนเช้า กายนั่งหลังค่อมบนเก้าอี้ทำงาน สวมเสื้อกราวน์ค้างไว้ครึ่งตัว มือข้างหนึ่งถือกาแฟ อีกข้างถือชีวิตที่อยากโยนทิ้ง
ฝั่งตรงข้าม โซฟาหนังแท้ มีราฟาเอโร่นั่งอยู่ในท่านั่งไขว่ห้าง พร้อมกาแฟคนละแก้วกับของหมอ และหน้าตาดูไม่ได้นอนมาอีกคืน
กาย: “คนอื่นเขามีบัตรเจ้าหน้าที่…แต่นายใช้ใบหน้าเดินทะลุระบบความปลอดภัยตลอดเลยสินะ”
ราฟาเอโร่: (พูดเรียบ ๆ) “ฉันเป็นเจ้าของโรงพยาบาล ฉันจะแวะมาตอนไหนก็ได้”
กาย: “ฟังดูเหมือนคนที่ควรอยู่แผนกจิตเวช มากกว่าฝ่ายบริหาร”
ราฟาเอโร่: “เมื่อคืนฉันก็นอนไม่หลับอีกแล้ว”
กาย: “ไม่ต้องบอกก็เดาได้ นายโทรมาหาฉันตอนตีสอง...ตอนฉันฝันว่าได้ไปเที่ยวบาหลีแบบไม่มีนายโทรตาม”
ราฟาเอโร่: “ช่วยจัดอะไรให้หน่อย…ที่ทำให้ฉันหลับได้แบบไม่ต้องสวดมนต์ก่อนนอน”
กาย: “จะเอายานอนหลับ หรือให้ฉันกล่อมด้วยการอ่านบิลค่ารักษานายตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้?”
ราฟาเอโร่: “เลือกอย่างแรกก็แล้วกัน…กลัวฝันร้ายถ้าได้ยินยอดเงิน”
กาย: (พยักหน้าช้า ๆ) “ดี…เพราะยอดล่าสุดเกือบพอเปิดโรงพยาบาลใหม่ได้อีกแห่งแล้ว”
ราฟาเอโร่พิงพนักโซฟา ถอนหายใจแบบคนที่ง่วงมาก แต่ยังดื้อเกินจะหลับง่าย ๆ
ราฟาเอโร่: “บางทีฉันเริ่มคิดนะ ว่าปัญหาการนอนไม่หลับมันอาจเกิดจาก...ความรับผิดชอบ”
กาย: “หรือไม่ก็เกิดจากการที่นายดื่มเอสเปรสโซ่ตอนสี่ทุ่ม...แล้วแชทมาหาฉันว่า ‘จะหลับมั้ยวะหมอ’ ”
ราฟาเอโร่: “ก็คิดว่าจะหลับหลังจากคุยกับนาย...แต่หมอตอบแค่คำว่า ‘ฝันดี’ แล้วหายไปเลย”
กาย: “ก็นั่นไง ‘ฝันดี’ คือการรักษาแบบประหยัดงบที่สุดแล้วสำหรับนาย”
...
ราฟาเอโร่เอนตัวหลับตาอยู่บนโซฟา มือยังจับแก้วกาแฟไว้หลวม ๆ ขณะที่กายนั่งพิงพนักเก้าอี้ จ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์แบบไม่โฟกัสจริงจังนัก
ห้องเงียบไปพักใหญ่…มีเพียงเสียงแอร์ที่พ่นลมหอบเบา ๆ กับกลิ่นกาแฟจาง ๆ
กระทั่งเสียงนาฬิกาดิจิทัลบนผนังดังขึ้น
ติ๊ง… บอกเวลา 8:00 AM
สีหน้าของเขาเปลี่ยนจากคนอดนอนกลัดกลุ้ม...กลับสู่สีหน้าเรียบนิ่งแบบคนที่ทุกคำพูดมีน้ำหนัก ดวงตานิ่งสนิทเหมือนปิดสวิตช์อารมณ์ส่วนตัวเมื่อถึงเวลางาน ท่าทางแบบเดิมที่ทุกคนกลัวและยำเกรงกลับมาในพริบตา
เขาหยัดตัวลุกขึ้นจากโซฟา หยิบสูทที่พาดไว้ขึ้นมาสวมอย่างเรียบร้อยทุกกระดุม ก่อนจะหยิบแว่นกันแดดจากกระเป๋าเสื้อสูท ใส่มันช้า ๆ อย่างมีจังหวะของคนที่ไม่รีบ แต่พร้อมฆ่าได้ทุกวินาที
ราฟาเอโร่: (พูดเรียบ ๆ ขณะเดินผ่านโต๊ะทำงาน)
“ขอบใจสำหรับกาแฟ”
กาย: (ยังไม่หันกลับมา)
“อย่าลืมจ่ายค่ายาค้างเดือนก่อนด้วยล่ะ”
เสียงฝีเท้าเดินออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ ทิ้งไว้เพียงกลิ่นโคโลญจน์จาง ๆ กับถ้วยกาแฟวางค้างอยู่ขอบโต๊ะ
จากชายคนหนึ่งที่เมื่อคืนยังบ่นว่า "นอนไม่หลับ" ตอนนี้กลับกลายเป็นชายผู้เดินเข้าสู่ห้องประชุมลับ พร้อมกำหนดชะตาโลกใต้ดิน
09:07 AM | ห้องประชุมหลัก, อาคารสำนักงานใหญ่ซิลเวอร์เนสต์, ลอนดอน
การประชุมเช้าวันจันทร์เริ่มต้นอย่างเป็นระเบียบ เสียงเคาะแป้นพิมพ์ และเสียงกระดาษเสียดสีกันเป็นจังหวะเดียวในห้องทรงยาวสีเข้ม แสงไฟสีขาวนวลตกกระทบโต๊ะไม้โอ๊คเงาวับ เจบีนั่งตรงมุมหนึ่งในแถวรองสุดท้าย มือจดข้อความสั้น ๆ ลงในสมุดโน้ต ดวงตานิ่งเฉย ไม่เงยหน้าขึ้นแม้แต่ตอนที่เสียงทุ้มต่ำเอ่ยชื่อเขา
"เจบี"
เสียงจากหัวโต๊ะดังขึ้นเรียบ ๆ ราบเรียบเกินกว่าจะดูสนใจจริงจัง
เจบีเงยหน้าขึ้นช้า ๆ “ครับ?”
"หน้า 18 สไลด์น่ะ นายกดข้ามไป"
"อ้อ ขอโทษครับ" เจบีตอบเรียบ ก่อนจะกดรีโมตเปลี่ยนโดยไม่แม้แต่จะสบตา
สายตาหลายคู่ในห้องสังเกตได้ว่า ราฟาเอโร่หรี่ตามองเล็กน้อย ริมฝีปากขยับเหมือนจะพูดอะไรอีก...แต่สุดท้ายก็ไม่พูด
เจบีในตอนนี้นั่งนิ่งไม่ต่างจากเดิม แต่มีบางอย่างในท่าทางที่เปลี่ยนไป ราวกับเขา "อยู่ด้วย" แต่ "ไม่ให้ความร่วมมือ" ในแบบที่จับผิดไม่ได้
ผ่านไปสักพัก บนโต๊ะของเจบี มีขวดน้ำเย็นจัดหนึ่งขวดวางแหมะอยู่โดยไม่รู้ตัว
เจบีเหลือบตามองมันแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปกระซิบกับคนข้าง ๆ เบา ๆ
“มีคนใจดีวางน้ำให้เหรอครับ?”
“น่าจะใช่...แต่ถ้าให้เดานะ คนใจดีคนนั้นดูหน้าหงิกมาก”
เจบียิ้มนิด ๆ แล้วเลื่อนขวดไปห่างตัวอย่างจงใจ ทำเป็นไม่สนใจจะหยิบ
ปลายสายตาของราฟาเอโร่ที่แอบมองอยู่จากหัวโต๊ะเหมือนกระตุกเล็กน้อย
เขาพูดต่อในที่ประชุมเสียงนิ่ง "ประเด็นต่อไป เราจะพูดถึงแผนขยายระบบความปลอดภัยในเครือข่ายฝั่งยุโรปตอนใต้"
คนทั้งห้องพยักหน้า ยกเอกสารขึ้นพร้อมเพรียง ยกเว้นเจบี ที่หยิบผิดแฟ้มแล้วไม่สนใจจะรีบแก้
ราฟาเอโร่ไม่พูด ไม่ตำหนิ ไม่ขยับแม้แต่คิ้ว แต่หยิบมือถือขึ้นมา ส่งข้อความบางอย่างไปยังมือถือของเจบีใต้โต๊ะ
เสียงแจ้งเตือนดังเบา ๆ จากโทรศัพท์เครื่องเล็ก
เจบีหยิบขึ้นมาอ่านนิ่ง ๆ บนหน้าจอปรากฏเพียงคำว่า:
"อย่าลืมกินข้าวกลางวันด้วย ฉันไม่ว่างมาบังคับอีกแล้ว"
เจบีเหลือบตาขึ้นมองอีกฝ่ายที่ยังทำหน้าตายเหมือนไม่ได้ส่งข้อความอะไร
"...คนแก่ขี้บ่นชะมัด" เขาพึมพำเบา ๆ แล้ววางมือถือคว่ำไว้บนโต๊ะ ไม่ตอบอะไรกลับไปแม้แต่นิด
แต่ขวดน้ำเย็นที่เคยถูกเลื่อนห่างออกไป...
ตอนนี้ถูกเขาดึงกลับมาตั้งไว้ตรงหน้าแล้วเรียบร้อย
...
เสียงพิมพ์เอกสารเริ่มเบาลงเมื่อเข้าสู่ช่วงอภิปรายประเด็นสุดท้ายของการประชุม ราฟาเอโร่นั่งนิ่งอยู่หัวโต๊ะ มือเรียวยาวเคาะปลายนิ้วลงบนแฟ้มตรงหน้าเบา ๆ ตามจังหวะนิสัยประจำเวลาใช้ความคิด แต่ตาเขาไม่ได้มองเอกสารเลยแม้แต่น้อย
เขากำลังมองไปทางด้านขวา มองใครบางคนที่กำลังใช้ปากกาเขียนอะไรลงในโน้ตบุ๊กแบบไม่รู้ตัวว่าตกเป็นเป้าสายตา
เจบียังนิ่ง เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกจ้อง เขายกขวดน้ำขึ้นจิบเล็กน้อยก่อนจะวางลงอย่างเป็นจังหวะ
ปลายปากกายังขีดไปเรื่อย...แต่ดูเหมือนไม่ได้จดหัวข้อประชุมเลยสักนิด
ราฟาเอโร่กะพริบตาช้า ๆ คิ้วขมวดเล็กน้อย ราวกับกำลังคำนวณอะไรบางอย่างที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่ามันคืออะไร
“...เอ่อ ท่านครับ?” หัวหน้าฝ่ายระบบยกมือขึ้นเบา ๆ น้ำเสียงสุภาพแบบคนเกรงใจสุดชีวิต “จะให้เรานำเสนอโมดูลเสริมต่อเลยมั้ยครับ หรือจะ...”
“อือ” ราฟาเอโร่หลุดคำรับสั้น ๆ สายตายังไม่ได้หันกลับมามองคนถาม
เงียบทั้งห้อง
พนักงานสาวจากฝั่งการเงินเลิกคิ้วหันไปกระซิบเพื่อนข้าง ๆ
“นี่เขามองอะไรอยู่อะ?”
“ไม่รู้ดิ แต่เหมือนมองค้างมา 3 นาทีละ”
“หรือเราทำอะไรพลาด…”
“ไม่ ๆ …เขามองเด็กคนนั้น”
“หือ ใคร?”
สายตาทั้งฝั่งซ้ายของโต๊ะประชุมเริ่มแอบมองตาม กลายเป็นภาพคนสิบกว่าคนค่อย ๆ เบนสายตาไปทางเจบีโดยอัตโนมัติ
เจบีที่เพิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ แล้วก็ต้องชะงัก เพราะมีคนมองเขาอยู่เกือบครึ่งห้อง รวมถึงสายตาคนที่เขาไม่อยากสบตาที่สุดด้วย
ราฟาเอโร่รู้ตัวว่าเผลอไปนานเกินพอดี เขากระแอมเบา ๆ ก่อนจะพูดเสียงเข้มแบบไม่สบตาใคร
“ถ้าไม่มีอะไรเพิ่มเติม ประชุมจบได้”
ทุกคนเงียบ ก่อนจะพยักหน้ารีบเก็บของแบบไม่กล้าพูดอะไร
11:35 AM | ห้องทำงานชั้นบนสุด, อาคารสำนักงานใหญ่ซิลเวอร์เนสต์
เสียงประตูบานใหญ่ปิดลงอย่างนุ่มนวล เจบีก้าวเข้ามาด้วยท่าทีปกติ มือถือโน้ตบุ๊กกับแฟ้มบาง ๆ เดินไปวางลงตรงโต๊ะทำงานฝั่งข้างที่เขานั่งประจำ ใกล้ชั้นหนังสือด้านในของห้อง
ราฟาเอโร่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหลักริมหน้าต่าง พิงเก้าอี้หนังตัวใหญ่ แขนข้างหนึ่งวางพาดพนักพิง สายตาเหลือบมองมาทางเจบีชั่วครู่ แต่ไม่พูดอะไร
เจบีเปิดแฟ้ม หยิบเอกสารบางส่วนออกมาตรวจทาน ดินสอกดถูกหมุนเล่นในมืออย่างเคยชิน ร่างสูงโปร่งของเขานั่งไขว่ห้างพิงพนักเบา ๆ ท่ามกลางความเงียบที่ขึงเครียด แต่ไม่ได้อึดอัด
เป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะสายตาเจ้าของห้อง ที่พยายามทำเป็นอ่านเอกสาร แต่ดวงตากลับเหลือบไปยังอีกคนทุก ๆ ห้านาที
“แฟ้มเมื่อวาน” เจบีวางแฟ้มลงตรงโต๊ะตัวรองใกล้เขา “ผมเรียงไว้ตามลำดับแล้ว”
ไม่มีคำว่า “ครับ” ไม่มีหางเสียง ไม่มีการสบตาแม้แต่นิดเดียว
ราฟาเอโร่มองแฟ้มก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นช้า ๆ “แล้วของประชุมวันศุกร์?”
“อยู่ในอีเมล”
“…แน่ใจว่าครบ?”
“แน่ใจครับ” เจบีตอบเรียบ ๆ แล้วหยิบปากกาขึ้นมาเขียนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ราฟาเอโร่เงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาคมกริบไล่ตามเส้นสายใบหน้าเรียบเฉยของคนตรงหน้า ท่าทีเหมือนกำลังประเมินว่าอีกฝ่ายจะงอนเขานานแค่ไหน
สุดท้ายเขาวางเอกสารลง พลางลุกขึ้นช้า ๆ เดินอ้อมโต๊ะมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะของเจบี
เจบียังไม่เงยหน้า
ราฟาเอโร่เท้าแขนลงกับขอบโต๊ะ เอนตัวเข้ามาเล็กน้อย เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นใกล้เกินควร
“นายตั้งใจเมินฉันเหรอ?”
เจบีหยุดเขียนแค่เสี้ยววินาที ก่อนจะตอบโดยไม่เงยหน้า “เปล่า ผมก็ทำงานของผม”
“ถ้าฉันพูดว่านายเมิน ฉันไม่ได้ถามความเห็น…ฉันแค่บอกข้อเท็จจริง” ราฟาเอโร่เอียงคอเล็กน้อย ดวงตาคมยังจับจ้องอีกฝ่ายไม่วาง
เจบีวางปากกา หายใจเข้าเงียบ ๆ “คุณจะพูดยังไงก็ได้อยู่แล้วนี่”
ราฟาเอโร่หัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ดังมาก แต่ฟังดูเหมือนคนที่เพิ่งค้นพบว่าตัวเองหมดท่ากับเด็กคนหนึ่ง “กล้าดีขึ้นเยอะเลยนะ”
“ผมก็แค่ทำตามหน้าที่” เจบีตอบเรียบ “ไม่ได้มีหน้าที่เอาใจคุณ”
“…แต่นายก็เคยทำ” เสียงทุ้มกระซิบเบา ๆ ราวกับไม่ได้ตั้งใจให้ใครได้ยิน แม้แต่คนตรงหน้าก็ยังชะงักไปเสี้ยววินาที
ราฟาเอโร่ยืนเต็มความสูงอีกครั้ง ก่อนจะยื่นซองเอกสารบาง ๆ ให้เจบี
“นี่ของประชุมสัปดาห์หน้า อย่าทำหายล่ะ”
เจบีรับมาเงียบ ๆ
“แล้วก็กินข้าวให้ตรงเวลาด้วย ถ้าไม่อยากกลับไปโรงพยาบาลอีก”
“คุณเป็นหมอเหรอครับ”
“ฉันเป็นเจ้าของสำนักงานนี้ ถ้าคนของฉันเป็นอะไรไป ฉันต้องเสียเวลานั่งเฝ้าอีกหลายคืน”
เจบีชะงัก ก่อนจะถอนหายใจ ยอมพูดออกมาในที่สุด “คราวหน้าคุณไม่ต้องนั่งเฝ้าก็ได้ครับ”
“ฉันไม่ได้เฝ้า” ราฟาเอโร่พูดเสียงเรียบ เดินกลับไปที่โต๊ะตัวเองอย่างนิ่ง ๆ “แค่...บังเอิญนั่งอยู่ตรงนั้นทั้งคืนเฉย ๆ”
เจบีเหลือบมองอีกฝ่ายเงียบ ๆ
...บังเอิญเหรอ
คนอะไรจะบังเอิญนั่งทั้งคืนไม่ขยับ ยิ่งกว่าเก้าอี้โชว์รูม
เขาไม่เถียงอะไรอีก แต่ก็ยังไม่ใจอ่อนง่าย ๆ
ส่วนราฟาเอโร่…นั่งลงแล้วหยิบปากกาขึ้นหมุนเล่น ท่าทีดูสงบแต่สายตาไม่เคยละจากเงาเล็ก ๆ ฝั่งตรงข้าม
“เอาใจยากเป็นบ้า...”
สนุกมากครับ ขอบคุณนะครับ ลุ้นๆๆ ใครจะใจอ่อน อ่อนใจ ก่อนกันนะรอตามครับ
ขอบคุณนะครับ
หน้า:
[1]