Po2saychon โพสต์ 2025-5-26 23:23:08

Re: As he pleases ❣️[BDSM]:ตามใจชอบ EP7.1 (CP)


Please, leave   ไมเคิล แบชมานน์ (MichealBachmann) อายุ 33 ปี เป็นชาวสวิสสามารถพูดได้ 5 ภาษา กิจกรรมยามว่างคือชอบปีนเขา เล่น SUP*สกี ขี่ม้า และยิงปืน ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ส่วนภาพยนตร์นั้นเขาสามารถดูได้ทุกประเภท แต่จะชอบแนวสยองขวัญ ระทึกขวัญเป็นพิเศษปัจจุบันอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นใจกลางเมืองซูริค   ส่วนโสดไหม...ผมก็ยังไม่รู้   ก็เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่ชั่วโมงเองนี่นา...   ระหว่างทางที่เดินเขาลงมาด้วยกันผมกับไมเคิลผลัดกันถามกันตอบ ลืมความเจ็บแสบแผลถลอกไปเสียสนิท   ใช่ครับผมกำลังสร้างความสนิทสนมอย่างเป็นธรรมชาติผมจะไม่ยอมให้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกันแน่   “คุณจะอยู่ที่นี่นานไหม ?”   ฮันแน่...ถามแบบนี้...   “1 ปีครับ”   นานพอที่จะทำความรู้จักกันไหมครับ?   “1 ปีเหรอ ? อืมมม ไม่เร็วแต่ก็ไม่นานเกินไป 1 ปีนี่คุณสามารถเรียนรู้อะไรได้หลายๆ อย่าง ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเลยนะ”   “ใช่ครับ มีอีกหลาย ๆอย่างที่ผมต้องเรียนรู้ เริ่มจากตอนนี้เลยครับ ผมจะกลับบ้านยังไงล่ะเนี่ย ?”ผมถือคติ ‘สวยมักนกตลกมักได้’ แอบหยอดมุขเล็กๆ ซึ่งก็ได้ผล ไมเคิลขำทำเอาผมแทบละลายกองอยู่ตรงนั้น   “มาครับผมช่วยสอนก่อนอื่นเลยคุณมีแอพ SBB หรือยัง”   “เพิ่งโหลดเมื่อเช้านี้เองครับแต่ผมยังงงๆกับการใช้งานมันอยู่” เอาจริง ๆ มันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอกแค่กรอกชื่อสถานีจุดเริ่มกับจุดหมายปลายทาง กับเวลาที่ต้องการแค่นี้ก็รู้เส้นทางแล้ว   ร่างสูงโน้มตัวลงมาจิ้ม ๆบนโทรศัพท์เพื่อสอนผม แต่ผมแอบลอบมองสันกรามกับสูดกลิ่นกายร่างสูงมันไม่ได้น่ารังเกียจ เพราะผมได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ผสมกับกลิ่นเหงื่อเป็นกลิ่นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา   กล้ามเนื้อแขนแน่น ๆนี้หากรัดตัวผมไว้คงดิ้นไม่หลุดหนวดเคราสีแดงไซร์ตามหลังหูและลำคอคงทำผมเคลิ้มจนลืมวันเวลานัยน์ตาเขียวอมฟ้าดุจเพชรจับจ้องมองมาที่ผมคนเดียว   “นี่ครับขึ้นรถไฟรอบนี้ไปลง Zurich HB แล้วต่อแทรมไม่กี่สถานีก็ถึงบ้านแล้วครับ”   ผมหลุดจากภวังค์   “ขอบคุณครับแล้วไมค์กลับยังไงครับ ?” ใจจริงคืออยากถามมากกว่าว่าหิวรึยังไปหาอะไรกินกันไหม แต่ผมกลัวว่าจะเป็นการรุกเร็วเกินไปอาจทำให้เหยื่อตกใจได้   “ผมก็จะนั่งรถไฟไปลงที่ ZurichHB เหมือนกันครับ แต่ต่อแทรมคนละสาย”   “น่าเสียดายนะครับ”ถ้าอยู่ใกล้กันคงดี   “เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ”   “อ๋อ เปล่าครับผมบอกว่าดีเลยครับ จะได้นั่งไปด้วยกัน” ผมยิ้มให้   เอาว่ะอย่างน้อยอยู่เมืองเดียวกัน ไปมาหาสู่คงไม่ยากเท่าไหร่   ผมกับเพื่อนสุดหล่อคนใหม่ขึ้นรถไฟด้วยกันขณะอยู่บนรถไฟเราไม่ได้พูดคุยเหมือนตอนที่ลงมาจากเขา ทั้งผมทั้งเขาต่างเงียบผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แอบเหลือบมองคนนั่งตรงข้ามเป็นระยะ ๆก็เห็นทำหน้านิ่งขรึม มองวิวนอกหน้าต่าง ส่วนตัวผมรู้สึกหดหู่เล็กน้อยมันเหมือนกับว่าเวลาที่เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันใกล้หมดลงแล้ว   ต้องทำอะไรสักอย่างอย่างน้อยต้องขอเฟซบุ๊กหรืออะไรก็ได้ติดต่อไว้ แต่จะขอยังไงดีล่ะ ?   “มิคหิวไหม ?”   ผมยิ้มร่าเหมือนหมาหงอยที่เจอเจ้าของกลับมาบ้านสักที หากผมมีหางคงกระดิกไปมาไม่หยุด   “หิวครับ”   “อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม ?เช่น อาหารอิตาเลียน อาหารเวียดนาม หรืออาหารไทยดี ?” ไมเคิลโน้มตัว ยันศอกกับเข่า เสื้อกล้ามเขาร่นลงมาทำให้ผมเห็นแผงอกอันสวยงามน่าลูบไล้   “เอ่อ...”ผมหลุบตามองต่ำแล้วรีบตวัดกลับมาจ้องมองคนตรงข้าม ที่ผมว่าเขากำลังอ่อยผมแน่ ๆ“ผม...อยากกินอาหารสวิสครับ”   อ่อยมาอ่อยกลับไม่โกง   “ได้เลยครับ ผมรู้จักอยู่ร้านนึงแถวOld town มิคน่าจะชอบ”   “Old town ? ที่ไหนหรอครับ?”   “มันคือย่านใจกลางเมืองยุคเก่าของซูริคน่ะเดินเลยย่าน Down Town ไปนิดนึง บริเวณนั้นบ้านเรือน ตึกอาคารสถาปัตยกรรมยังแบบเก่าดั้งเดิมไว้ มีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านค้างานฝีมือ หอศิลป์โบสถ์ รวมไปถึงโรงละครโอเปร่า สามารถเดินชมวิวริมแม่น้ำ Limmat ได้ด้วย ถ้าคุณอยากไป ผมสามารถพาไปได้”   “รบกวนด้วยนะครับ”   “ถ้าอย่างนั้นเราไปเดินเล่นกันก่อนผมจะโทรจองโต๊ะไว้สองที่สัก 1 ทุ่ม โอเคไหมครับ ?”   “เยี่ยมเลยครับ”   ไมเคิลต่อสายเพื่อจองโต๊ะตามที่เขาว่าไว้ส่วนผมแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่ นี่เป็นสัญญาณที่ดี เราไปทานอาหารเย็นด้วยกันต่อไม่ได้แยกย้ายต่างคนต่างกลับ สำหรับเขาผมอาจเป็นแค่เพื่อนต่างชาติคนใหม่แต่สำหรับผม เขาเป็นบุคคลที่มีสเน่ห์ น่าหลงใหลเท่าที่รู้จักกันไม่กี่ชั่วโมงนี้ผมรู้สึกว่าเขาสุภาพ อ่อนน้อม ถ่อมตนรู้จักเอาใจใส่ผู้อื่น แต่ผมมีความรู้สึกลึก ๆว่าภายในที่แท้จริงของเขามันจะต้องตรงข้ามอย่างสุดขั้วแน่นอน   ผมแทบจะรอวันที่ได้รู้จักนิสัยที่เขาแอบซ่อนไว้ไม่ไหวแล้ว   พิจารณารูปร่างภายนอกบอกได้เลยว่าไมเคิลเป็นที่ต้องตาทั้งหญิงสาวและชายหนุ่มระหว่างทางที่เราเดินด้วยกันในย่าน Old Town มีแต่คนมองมาที่เขาส่วนผมก็เป็นแค่เอเชียหน้าจืดที่บังเอิญได้เดินข้าง ๆ เขาแค่นั้นเอง   เมื่อเดินมาถึงร้านซึ่งคึกคักคนแน่นเป็นพิเศษผมรู้สึกเบาใจที่ได้มากับไมเคิลเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าร้านจะต้องแน่นเลยโทรจองโต๊ะไว้ก่อน เป็นร้านอาหารไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไปตกแต่งน่ารักตามสไตล์ด้วยสีขาวแดง พนักงานเดินนำแล้วมอบเมนูให้ ซึ่งมีสามภาษาให้เลือก   “ทานอะไรดีครับ”   “มีอะไรแนะนำไหมผมยังไม่เคยทานอาหารสวิสมาก่อนเลย”   “โอ้ถ้าอย่างนั้นต้องฟองดูชีสเลยครับ คุณชอบชีสไหม”   “รักเลยล่ะ” ผมยิ้มกว้าง   “เครื่องดื่มเอาอะไรดีไวน์แดงไหม?”   “ครับ”   คือ...ผมดื่มไวน์ไม่เป็นแต่ถ้าเพื่อไมเคิลแล้วผมทำได้   ระหว่างรออาหารผมสำรวจไปรอบๆ ร้าน มีหลายโต๊ะที่สั่งฟองดูชีสซึ่งแต่ละโต๊ะจะมีหม้อสีแดงตั้งไว้ตรงกลางเพื่อต้มชีสด้วยไฟอ่อน ๆให้ละลายอยู่ตลอดเวลา มีไม้ปลายแหลมเหมือนส้อมจิ้มขนมปังลงไปในชีสรับประทานคู่กับมันฝรั่งและผักสลัด   รอไม่นานพนักงานก็มาเสิร์ฟฟองดูชีสที่โต๊ะผมบ้างกลิ่นชีสตลบอบอวล มันไม่เหมือนชีสที่คนไทยชอบกิน กลิ่นจะแรงกว่ามากยิ่งผสมกับไวน์ขาวทำเอาผมแทบมึนแม้จะยังไม่ได้เริ่มกินสักคำ   “Cheers”   คนตรงข้ามยกแก้วไวน์ขึ้นมาผมยกแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง   แกร๊ง   “Cheers”   เราสองคนสบตากันแม้ขณะดื่มไวน์ ไมเคิลดูเซ็กซี่มากจนผมอยากจะกินเขาแทนฟองดูชีสตรงหน้า   “แด่การพบกันครั้งแรกของเรา”   “แด่การพบกันครั้งแรกของเรา”   จะผิดไหมถ้าผมอยากจะเอาชีสราดทั่วร่างเขาแล้วเลียไม่ให้เหลือแม้แต่หยดเดียวตั้งแต่วันที่ผมพบไมเคิลก็เป็นเวลาผ่านมากว่าสองสัปดาห์แล้วเราไม่ได้เจอกันอีก เพียงแค่แชทคุยผ่าน Whatsapp เท่านั้นซึ่งไมเคิลตอบช้ามากจนผมรู้สึกเกรงใจที่จะแชททักไปหาเขาบ่อย ๆ เขาดูงานยุ่งไม่มีเวลา หรืออาจจะมีนัดเดทกับสาวอื่นซึ่งผมก็ไม่อาจรู้ได้ ผมสืบเสาะหาเฟซบุ๊กของเขาจนเจอและได้ส่งคำร้องขอเป็นเพื่อนแล้วแต่เขายังไม่รับ ส่วนอินตาแกรมนั้นผมไม่สามารถจริง ๆ   ผมรู้สึกดีที่ได้ขอเบอร์วอสแอพเขาไว้ก่อนจากกันวันนั้นอ้างว่าเผื่อได้ไปเที่ยวกันอีก แต่ความเป็นจริงอีกด้านผมกลับรู้สึกแย่ที่เขาไม่เคยทักผมก่อนเลย มีแต่ผมที่ทักเขาไป   6.34 Mic : Good morning! How did yousleep? (อรุณสวัสดิ์ นอนหลับสบายไหมครับเมื่อคืน)   15.20 Micheal : Hi Mic. I slept well.Thanks (สวัสดีมิค ฉันหลับสบายดี ขอบคุณ)   15.35 Mic : Glad to hear that. How isyour day so far? Are you busy? Mine is quite ok but today Jayden did poo 4times! I think he might have diarrhea. (ดีจังที่ได้ยินแบบนั้นว่าแต่วันนี้เป็นยังไงบ้าง งานยุ่งไหม ส่วนผมก็ค่อนข้างโอเคนะวันนี้แต่เจย์เด็นอึ๊ตั้ง 4 รอบแน่ะ ผมคิดว่าเขาคงท้องเสีย)   23.56 Micheal : My day was not bad. Ohreally? Maybe he ate something wrong. I hope Jayden will get better soon. (วันของฉันไม่แย่เท่าไหร่ โอ้ จริงเหรอ เขาอาจจะกินอะไรผิดไปก็ได้ฉันหวังว่าเจย์เด็นจะดีขึ้นนะ)   00.12 Mic : Yeah...I don’t know whatdid he eat but if tomorrow he is not getting better, Zoey will bring him to thehospital. (อื้อ...ผมไม่รู้ว่าเขากินอะไรเข้าไป แต่ถ้าพรุ่งนี้เขายังไม่ดีขึ้นโซอี้จะพาไปโรงพยาบาล)   00.45 Mic : Goodnight. (ฝันดีนะครับ)   ถึงแม้ว่าไมค์จะตอบช้าและไม่ค่อยถามกลับ แต่ผมก็ยังจะหน้าด้านคุยต่อไปผมพยายามคิดในแง่ดีว่าเขาอาจจะงานยุ่งมากจริง ๆนี่ผมทักหาเขาน้อยลงกว่าสองสามวันแรกด้วยซ้ำ พยายามทำให้ตัวเองยุ่งกับเด็ก ๆและไม่คิดถึงนัยน์ตาสีเขียวอมฟ้านั่น   ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไมเคิลมีรสนิยมทางเพศแบบไหนเขาอาจจะไม่ใช่เกย์แบบผมก็ได้ ผมไม่ควรรุกมากเกินไป ผมยังอยากเจอเขาอีกแม้ในฐานะเพื่อนก็ตาม   “เฮ้มิค ตานายน่ะ”แซมร้องเรียก เมื่อเห็นผมเหม่อลอย “เอ้า การ์ดบนสุดนั่นสีแดงเลขเจ็ดนายจะลงสีเขียวเลขสองไม่ได้นะ นายเล่นอูโน่เป็นจริงรึเปล่าเนี่ย?”   เวรแค่เผลอคิดคิดถึงไมเคิลแป๊บเดียวกลับโดนเด็กด่าซะได้   “ฉันเปล่าลงการ์ดใบนั้นนะเจย์เด็นทำต่างหาก ใช่ไหมครับ หื้มมมมม” ตััวเล็กนั่งตักผม ขณะที่ผมเล่นอูโน่กับแซมมวลไปด้วยเจ้าตัวเล็กหัวเราะคิกคักเวลาก้มลงไปฟัดแก้มนิ่ม ๆ   “แอ๊ะ อ๊ะๆๆ ตั๊ดตา ตาาาตั๊ดตาา” เจย์เด็นส่งเสียงราวกับคัดค้านที่ผมพูด   “ไม่ต้องอ้างเจย์เลยนายนั่นแหละ ลงใหม่สิ” แซมหยิบการ์ดบนสุดคืนให้ผม เด็ก 7 ขวบตรงหน้าผมดูจริงจังกับการเล่นอูโน่มากราวกับกำลังแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่   ผมเล่นต่อเรื่อย ๆปล่อยให้เจย์เด็นคลานรอบห้องนั่งเล่น หรือไม่ก็เกาะขอบโต๊ะเพราะตอนนี้เจย์เด็นเริ่มยืนได้มั่นคงแล้วและขอบอกเลยว่าเห็นอวบๆแบบนี้แต่คลานได้เร็วมาก   “อูโน่!”แซมมวลร้องตะโกนเมื่อเหลือการ์ดในมือแค่ใบเดียว ส่วนผมน่ะเหรอ เหลือ 5 ใบ   ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมครับว่าใครชนะ   “นี่นายแพ้เด็ก 7 ขวบหรอ ?” เสียงลอยมาจากด้านหลังผม   ธีโอมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เขายิ้มเยาะเย้ย   “เกมนี้มันวัดกันที่ดวงหรอกไม่ใช่ความสามารถ” ผมเถียงกลับ ขณะเรียงเก็บการ์ดอูโน่ทั้งหมดเข้ากล่อง   “แต่ฉันไม่เคยแพ้แซมเลยนะ”   “เพราะพี่โกงหรอก !”คนโดนอ้างรีบแก้ตัว   “ไม่เอาน่า..แซมนายก็รู้ว่านายไม่เคยชนะฉันสักอย่าง”   เอาล่ะครับ...ศึกพี่น้องได้บังเกิดขึ้นแล้ว   ผมเดินไปอุ้มเจย์เด็นที่กำลังปีนขึ้นเก้าอี้เพื่อหนีสถานการณ์ตรงหน้า   “งั้นลองมาเล่นสักเกมไหมจะได้รู้กันไปเลย” แซมท้าพี่ชาย “ให้มิคเป็นกรรมการ”   ในขณะที่ผมกำลังจะแจกการ์ดให้สองพี่น้องเสียงโซอี้เรียกกินข้าวก็ดังขึ้นมา   “เด็ก ๆได้เวลากินข้าวแล้วจ๊ะ”   “โธ่ แม่ขอเล่นตานึงสิครับ จะได้รู้กันไปเลยว่าผมกับธีโอใครเก่งกว่ากัน”   “ไม่ได้ ไว้หลังกินข้าวตอนนี้แม่บอกให้มานั่งบนโต๊ะก็ต้องมา” โซอี้ดุแซมถอนหายใจแล้วเดินมายังโต๊ะกินข้าวแบบเนือย ๆ   วันนี้โซอี้ทำลาซานญ่าแน่นอนว่าชีสและแป้งมาเต็ม เอาจริง ๆ ผมอยากอาสาทำอาหารให้มากกว่าแต่ผมตกลงกับโซอี้ไว้แล้วว่าทุกวันอังคารกับพฤหัสมื้อค่ำจะเป็นอาหารไทยส่วนวันนี้วันพุธ เธอเลยลงมือเป็นแม่ครัวเอง   บนโต๊ะอาหารส่วนใหญ่ทุกคนจะคุยกันเป็นภาษาสวิสเยอรมันนอกจากเรื่องไหนที่พวกเขาอยากให้ผมรับรู้ก็จะพูดเป็นภาษาอังกฤษส่วนตัวผมไม่อะไรอยู่แล้วเพราะผมก็ไม่ได้อยากรับรู้มากยุ่งกับการป้อนข้าวตัวเล็กนี่ดีกว่า   ในบางครั้งเจย์เด็นก็จะร้องแหกปากจนทุกคนแทบทนไม่ได้เพราะอยากกินสิ่งที่คนอื่นกินบ้าง แต่เจย์เด็นยังเล็ก บางอย่างไม่สามารถให้กินได้โซอี้ก็จะจัดการเจย์เด็นด้วยตัวของเธอเอง นับว่าโซอี้ถือเป็นแม่ที่ดีเลยไม่ได้ว่ามีพี่เลี้ยงแล้วจะทิ้งลูกไว้กับพี่เลี้ยงตลอดเวลาแม้ในตอนเช้าเธอจะต้องทำงานในออฟฟิศเธอและทิ้งตัวเล็กไว้กับผม แต่ผมก็โอเคเพราะมันคือหน้าที่ ผมมาเป็นออแพร์เพราะสิ่งนี้ ส่วนตอนบ่าย โซอี้จะดูแลตัวเล็กเองส่วนผมสามารถพักเบรคได้ เริ่มวานอีกทีคือสี่โมงเย็นเวลาแซมมวลกลับมาจากโรงเรียน   “พ่อกลับมาแล้วจ้าาาาาาา”เสียงตะโกนของลูคัสตั้งมาแต่ไกลตั้งแต่ลิฟท์เปิดแซมมวลกระโดดลงจากเก้าอี้วิ่งไปกอดพ่อ ลูคัสอุ้มแซมมวลกลับมาที่โต๊ะอาหารพลางพาดสูทไว้บนโซฟาแวะมาเล่นกับเจย์เด็น แล้วเดินไปจูบแก้มภรรยาตนเอง ต่อด้วยชกมือกับธีโอ   ธรรมเนียมบ้านนี้เขาล่ะ   “ว้าววว ลาซานญ่า ใครทำฮึ?เธอหรือพ่อครัวสุดเก่งจากประเทศไทย”   “ลองชิมดูสิ” โซอี้ไม่ตอบ   ลูคัสนั่งลงประจำที่ของตัวเองตักทานหนึ่งคำ ทำท่าครุ่นคิด   “อืมมม เค็มแบบนี้ฝีมือเธอแน่นอนโซอี้”   “งั้นไม่ต้องกินเลย”   “โอ๋ๆ เมียสุดที่รักล้อเล่นจ๊ะ อร่อยมาก ของโปรดฉันเลย” ลูคัสทานต่อเป็นสัญญาณว่าทุกคนสามารถรับประทานอาหารต่อได้ทุกคนเริ่มสนทนาเป็นภาษาสวิสเยอรมันอีกครั้ง ผมไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั่งได้ยินชื่อตัวเองในประโยคลูคัสเลยพูดเป็นภาษาอังกฤษแทน   “วันศุกร์นี้พอดีจะมีแขกมาที่บ้านฉันขอให้เธอทำอาหารไทยให้พวกเราหน่อยได้ไหม ?” ลูคัสหันมาถามผม   “ได้แน่นอนครับว่าแต่มีแขกกี่คนเหรอครับ แล้วอยากให้ผมทำสักกี่อย่างดีครับ” ผมตอบด้วยความเต็มใจผมชอบการทำอาหาร แค่ชอบเฉย ๆ นะ เพราะรู้สึกว่าเวลาทำอาหารผมไม่ต้องเลี้ยงดูเด็กฮ่าๆๆ ซึ่งบางทีแซมมวลก็เอาแต่ใจ เจย์เด็นก็กรีดร้องแหกปากจนผมปวดหัวปล่อยให้เป็นหน้าที่โซอี้แทนดีกว่า   “สามคนจ๊ะเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจของลูคัสเขา ฉันอยากให้เธอทำเปาะเปี๊ยะทอดกับแกงสักอย่างไม่ต้องเผ็ดมาก และก็อะไรก็ได้อีกอย่างนึงจ๊ะ รบกวนด้วยนะจ๊ะส่วนวัตถุดิบทั้งหมดเธอสามารถใช้บัตรเครดิตฉันไปซื้อได้ตามปกติเลย”   “โอเคครับถ้าอย่างนั้นผมจะทำแกงเขียวหวาน กับผัดผักน้ำมันหอยนะครับ”   “เยี่ยมเลยแค่ได้ยินก็รู้เลยว่าต้องอร่อยแน่นอน” ลูคัสหันมายิ้มให้ผม   หลังจากทุกคนรับประทานอาหารเย็นเรียบร้อยผมมีหน้าที่เก็บครัวตามปกติ ส่วนลูคัสกับโซอี้ก็เล่นกับลูก ๆ ก่อนจะส่งเข้านอนพอทำความสะอาดทุกอย่างเสร็จผมเดินไปบอกฝันดีกับเจ้าตัวเล็กและแซมมวลเป็นอันเสร็จงานของวันนี้   ผมลงมายังอพาร์ทเม้นของผมชั้นล่างอาบน้ำสระผมให้หอมฟุ้ง นุ่งผ้าเช็ดตัวมายังห้องนั่งเล่นเช็คโทรศัพท์แล้วไม่มีการแจ้งเตือนใด ๆ จากคนชื่อไมเคิล ยอมรับตรง ๆ ว่าเริ่มท้อและพลางคิดไปว่าอาจไม่ได้้เจอกันอีก   ในขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ผมได้ยินเสียงคนไขกุญแจห้อง   โซอี้ ? ไม่ใช่...   “เฮ้ มิค อยู่ไหม”   เสียงธีโอนี่นาเขามาทำอะไร ? หรือว่าจะมาอ่านหนังสือในห้องนั้นที่ลูคัสเคยบอก   ผมไม่ทันได้แต่งตัวให้เรียบร้อยคนบุกรุกก็เห็นผมเสียแล้ว   “อ้าว ธีโอ มีอะไรรึเปล่า ?”   “ฉันหิว”   หิว...แล้วยังไงต่อ ?คือทำไมไม่ไปหาอะไรกินล่ะ   “เมื่อกี้ไม่ได้กินข้าวเหรอแต่ฉันเห็นอยู่นะว่านายกิน”   “ก็หิวอีก”ธีโอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตรงข้าม   “งั้นก็ไปหาอะไรกินซะสิ”   “ทำอะไรให้กินหน่อย”   หะ ? ผมหูฝาดไปรึเปล่า   “นายติดค้างที่ฉันพาขึ้นเขาอยู่นะ”   พาขึ้นแต่ไม่ได้พาลงเว้ยยยยไอ้บ้า มีหน้ามาทวงบุญคุณแบบนี้ด้วย   “แต่นายก็ทิ้งฉันไว้ที่นั่นคนเดียว”ผมตอกกลับ ธีโอนิ่วหน้าไปเล็กน้อย   “ก็นั่นมันเหตุสุดวิสัย...ตกลงนายจะไม่ทำอะไรให้ฉันกินใช่ไหม”ธีโอลุกขึ้น ท่าทางหงุดหงิด   ด้วยความจิตใจดีส่วนลึก ๆข้างในทำให้ผมพูดโพล่งออกไปว่า   “นายชอบกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไหม”   ร่างสูงทำท่านึก ก่อนจะตอบ   “ไม่เคยลอง”   “อยากลองไหมละ ?”   “ก็เอาสิ”   บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ว่าก็คือมาม่าต้มยำกุ้งที่ผมขนมาจากประเทศไทยเผื่อไว้กินยามฉุกเฉิน สำหรับคนไทยมันไม่ได้มีความเผ็ดมากใช่ไหมครับแต่สำหรับฝรั่ง....หึหึหึหึหึเวลา 10.00 นาฬิกา   ผมแต่งตัวในลุคสบาย ๆใส่รองเท้าพร้อมเดินขึ้นเขา ยืนอยู่หน้าห้องของลูกชายคนโตของบ้านเคาะประตูอยู่สองสามทีพร้อมตะโกนเรียก ไม่นานเจ้าของห้องก็ออกมาเปิดประตูให้ จริงๆ แล้วผมจะไขกุญแจเข้าไปเลยก็ได้ แต่ผมว่ามันคงเป็นความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่   ธีโอเปิดประตูให้ผมพร้อมกับทำหน้างุนงงเล็กน้อย   “นายไม่มีกุญแจห้องฉันเหรอ?”   “เอ่อ...มีนะ”   “งั้นทีหลังก็ไม่ต้องเคาะเข้ามาเลยก็ได้ ฉันกำลังเซ็ทผมอยู่ มันขัดจังหวะ”   เอ้า! เป็นคนมีมารยาทก็ผิด   “แล้วถ้าเกิดนายโป๊อยู่ล่ะ?”   “ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่”ร่างสูงตอบอย่างไม่แยแส เดินไปที่ห้องน้ำเพื่อเซ็ทผมตัวเองให้เสร็จตามที่ตั้งใจไว้“ทีเมื่อวานนายยังเข้าห้องฉันโดยที่ฉันยังไม่ได้อนุญาตเลย”   ผมสะอึก...เออจริงด้วยแต่เมื่อวานผมตะโกนเรียกแล้วไม่มีคนตอบนี่นา   “ช่างเถอะ ว่าแต่นายพกอาหารไปกินด้วยรึเปล่าพวกแซนด์วิช น้ำ เบียร์ อะไรพวกนี้”   “เอ่อ เปล่า”   “ฉันว่านายควรพกไปเองนะเพราะถ้าซื้อข้างนอกมันแพงมาก”   “แต่ที่อพาร์ทเม้นฉันไม่มีอะไรให้กินเลย”ผมแย้งไป   นัยน์ตาฟ้าครามเหลือบมองไปยังห้องครัวจากนั้นก็เปิดไปเปิดตู้เย็นและหยิบของออกมาวางไว้ ได้แก่ ไข่ ผักสลัด มะเขือเทศชีส แฮม ต่อด้วยขนมปังที่วางอยู่บนเขียง ข้าง ๆมีมีดเลื่อยสำหรับหั่นขนมปังแบบนี้อยู่   “นายทำแซนด์วิชเป็นใช่ไหม?”   ผมพยักหน้าตอบรับรู้หน้าที่ทันทีว่าตัวเองต้องทำอะไรเพราะไอ้คนที่เพิ่งหยิบของออกมานั้นเดินกลับไปเซ็ทผมต่อแล้ว   แซนด์วิชที่ผมทำเป็นแบบง่าย ๆตามสิ่งที่ธีโอหยิบเตรียมไว้ให้ แต่ผมว่ามันขาดอะไรบางอย่างไปพอเปิดตู้เย็นดูพบว่ามีมายองเนสแบบหลอด ผมจึงทาลงบนขนมปังไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติ

nuangnut1996 โพสต์ 2025-6-2 11:41:54

สนุกมากครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: Re: As he pleases ❣️[BDSM]:ตามใจชอบ EP7.1 (CP)