เมื่อเหล่าอนุบาลมาเฟียมาเที่ยวไทย
16:03 PM | หาดโลนลี่บีช เกาะช้าง | ประเทศไทย
เสียงคลื่นซัดชายฝั่งดังซู่ซ่าอยู่เป็นจังหวะ ขับกล่อมความวุ่นวายที่พวกเขาทิ้งไว้เบื้องหลัง เหล่าผู้มีอำนาจระดับโลกในเครือขนนกสีเงิน กลับกลายเป็นแค่ชายห้าคนที่สวมเสื้อเชิ้ตฮาวายคนละแบบ กำลังนั่งอยู่ใต้ร่มผ้าขาวบนหาดทราย เหงื่อผุดบนหน้าผาก ขวดเบียร์วางเรียงกันเป็นแถวเหมือนตั้งใจโชว์ความไร้สาระ
“ฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเสื้อลายสับปะรด” ราฟาเอโร่ กล่าวเสียงนิ่ง แต่น้ำเสียงเริ่มแห้งกรังเมื่อเหลือบมองเสื้อเชิ้ตของตัวเองที่มีลายสับปะรดกำลังใส่แว่นกันแดด
เรน ขำพรืดจนเกือบทำขวดน้ำมะพร้าวหล่น “เพราะบอสใส่แล้วมันตลกน่ะสิ ฮ่า!”
“ก็ยังดีกว่าเสื้อของฉัน...” กาย เหลือบมองลายปลาหมึกบูดเบี้ยวบนอกเสื้ออย่างระอา
แคสเปอร์ หัวเราะจนไหล่สั่น “เฮ้ ฉันเป็นคนเลือกให้นะเว้ย ลายพิเศษ!”
“ขอบใจ! ทีหลังไม่ต้อง” เสี่ยวไป๋ พึมพำเบา ๆ พลางจิบมะม่วงปั่นราวกับนักฆ่าที่กำลังสังเกตเหยื่อ
ราฟาเอโร่มองเสื้อของตัวเองอีกครั้งอย่างละเหี่ยใจ “ฉันควรกลับไปใส่สูทสีดำ”
“และกลายเป็นคนโรคจิตคนเดียวบนชายหาด?” เรนแซว ขณะหันไปหยิบกล้องฟิล์มขึ้นมาถ่ายภาพหมู่แบบไม่ได้ขออนุญาต
“อย่าเอาภาพนั้นไปลงที่ไหน” เสียงราฟาเอโร่กดต่ำลงอย่างอัตโนมัติ
“อ๊ะ…ไม่ทันละ!” เรนกดชัตเตอร์อีกที ยิ้มเจ้าเล่ห์
เจบี นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ มาตลอด แขนข้างหนึ่งวางพาดบนพนักผ้าใบ ส่วนอีกข้างถือมะพร้าวปั่นที่ยังไม่ดื่มเกินครึ่ง แม้จะดูนิ่ง แต่ก็ไม่พ้นสายตาใครบางคน
“เจบี นายไม่ร้อนเหรอ?” เสี่ยวไป๋ถามพลางจะยื่นพัดไม้ไผ่ให้
เจบีส่ายหัวเบา ๆ ก่อนตอบเสียงเรียบ “ยังไหวครับ”
“หน้านายแดงยิ่งกว่าแตงโมหน้าร้อนอีกนะ” กายว่าเสียงกลั้วหัวเราะ ริมฝีปากประดับรอยยิ้มบางแต่เจตนาในคำพูดนั้นไม่เบาบางเลยแม้แต่นิด “ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่านายแพ้แดด...หรือแพ้พวกเรากันแน่”
เจบีเบือนหน้าหนีทันที รู้ตัวว่าโดนจ้องเข้าเต็ม ๆ มือกระชับแก้วมะพร้าวปั่นแน่นขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะหลุดถอนหายใจเบา ๆ อย่างพยายามควบคุมตัวเองให้ไม่เผลอแสดงอาการมากไปกว่านี้
แต่จะไม่ให้หน้าแดงได้ยังไง ก็แต่ละคนเล่นกันไม่เกรงใจเขาเลยสักนิด
เรนถอดเสื้อเหลือแค่กางเกงขาสั้นกับรอยสักเต็มแผ่นหลัง เดินไปรอบหาดอย่างกับนายแบบหลุดออกมาจากป้ายโฆษณา เส้นผมเปียกชื้นจากน้ำทะเลพอให้ยุ่งอย่างมีสไตล์ ลมชายฝั่งพัดแรงจนเรนต้องเอานิ้วสอดเข้าเส้นผมไล่เสยขึ้นช้า ๆ เดินผ่านกลุ่มสาวบิกินีทีไร เสียงกรี๊ดเบา ๆ ดังตามหลังทุกที
เสี่ยวไป๋เองก็ใช่ย่อย เสื้อเชิ้ตฮาวายเปียกน้ำแนบกับลำตัวจนเห็นลอนกล้ามลาง ๆ ที่เจ้าตัวไม่เคยสนใจจะอวดให้ใครเห็นนัก ทั้งที่ปกติแต่งตัวเรียบแต่เป๊ะ แต่วันนี้กลับปล่อยไหล่ให้หลุดจากชายเสื้ออย่างไม่แคร์ ลมพัดผ่านก็ยิ่งทำให้เนื้อผ้าเบา ๆ นั้นร่นลงเรื่อย ๆ เผยแนวไหปลาร้าและผิวที่ยังเปียกชื้นจากทะเล
เขานั่งเอนหลังพิงต้นมะพร้าว ขาที่ยกพาดขึ้นบนเบาะเอนอีกฝั่งหนึ่งทำให้ชายเสื้อเลิกขึ้นจนเห็นผิวช่วงเอวบางส่วนแบบพอให้รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ใบหน้าเรียบเฉยดูจะไม่สนใจใคร
เจบีเหลือบตามองอยู่ครู่เดียวก็ต้องเบือนหน้าหนี ใจเต้นแปลบ ๆ เหมือนคนโดนแกล้งโดยไม่ต้องแตะตัว
...เพราะแค่ท่านั่งนิ่ง ๆ ของเขา ก็ดูร้ายกว่าคำพูดเป็นร้อยเท่าแล้ว
กลางทะเล แคสเปอร์ก็เล่นใหญ่ไม่แพ้กัน ขี่เจ็ตสกีวนอยู่ราวกับกำลังโชว์ลีลาท่ามกลางสายลม คลื่นที่สาดกระทบสะท้อนแสงระยิบเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาโบกมือจากไกล ๆ เหมือนเด็กที่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกจับตามอง และก็ยิ่งเล่นใหญ่เข้าไปอีก ทำให้เจบีต้องถอนหายใจกลั้นขำออกมา ทั้งเขินทั้งปวดหัวกับความมั่นใจของอีกฝ่าย
เจบีหลุดยิ้มพร้อมส่ายหน้าช้า ๆ อย่างระอา แต่ก็ห้ามหูแดงไม่ได้อยู่ดี
แต่ที่ร้ายที่สุดคงเป็นกายกับราฟาเอโร่ที่นั่งขนาบซ้ายขวาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หนึ่งคนค่อย ๆ ปอกสับปะรดทีละชิ้นด้วยมีดเล็ก ส่วนอีกคนก็นั่งไขว่ห้างสงบเสงี่ยมใต้ร่มไม้ ผิวขาวจัดของทั้งคู่ยิ่งโดนแสงแดดก็ยิ่งเด่นจนดูเหมือนมีออร่าเรือง ๆ รอบตัว
ไม่แปลกใจเลยที่คนทั้งหาดหันมามอง แค่คนเดียวก็ว่าเด่นแล้ว แต่นี่ห้าคนพร้อมใจกันปล่อยออร่าใส่เขาแบบเต็มกำลังเหมือนจัดแฟนมีตไม่แจ้งล่วงหน้า แถมยังมานั่งล้อมเขากลางแดดร้อน ๆ พร้อมสายตาที่ไม่พูดแต่ถามชัดว่า
“วันนี้ฉันจะชนะใจนายได้หรือยัง”
...
17:18 PM | กลางทะเล เกาะช้าง | เรือกล้วยสีเหลืองสด
เสียงเครื่องเจ็ตสกีคำรามก้องเหนือน้ำทะเลสีฟ้าเข้ม ขณะที่ เรือบานาน่าโบ๊ทสีเหลืองสดใส พุ่งทะยานผ่านคลื่นอย่างรุนแรง ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องหลากหลายระดับเสียงไว้เบื้องหลัง
“แคสเปอร์! เบา ๆ หน่อยโว้ยยยย!!” เสียงของเรนตะโกนลั่น ท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้เขาแทบจะกระเด็นหลุดจากห่วงจับ
“ไม่มีคำว่าเบา! มีแต่เร็วหรือเร๊วววววววว!!” แคสเปอร์ตอบจากบนเจ็ตสกีด้วยน้ำเสียงเริงร่าเกินเหตุ ราวกับเป็นไกด์ทัวร์เถื่อนผู้มีจิตวิญญาณนักแข่งรถ
เจบีนั่งอยู่ตรงกลางของเรือกล้วย ขนาบข้างด้วยราฟาเอโร่และกาย สวมเสื้อชูชีพเรียบร้อย มือจับแน่น แต่สีหน้า…ยังคงนิ่งสนิทอย่างน่าประหลาด
“สนุกมั้ย?” กายต้องตะโกนถามฝ่าเสียงลมและน้ำ
เจบีพยักหน้าเบา ๆ …พยักหน้าแค่นั้นจริง ๆ ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีคำพูด แต่มือจับแน่นจนนิ้วขาว
“โอ๊ย! อย่ากระชากสิฟะ!” เสี่ยวไป๋ที่นั่งท้ายสุดเริ่มส่งเสียงบ่น ท่ามกลางคลื่นที่เริ่มซัดหนักขึ้น
“นายไม่ต้องด่าฉัน! ด่าคลื่นไปเลย!” เรนตะโกนกลับ แล้วหัวเราะลั่นตอนเรือกล้วยกระดอนแรงจนทุกคนกระเด้งขึ้นจากที่นั่งเป็นมินิฮาร์ตกลางอากาศ
จังหวะต่อมา…
ตุ้บ!
ร่างของราฟาเอโร่หลุดจากเรือกล้วย ตุบลงน้ำแบบฟ้าผ่า
“บอสหลุด!!” เรนหันไปมองอย่างตกใจสุดขีด “ราฟาเอโร่ตกน้ำ! ราฟาเอโร่ตกอั่ก!”
เขายังพูดไม่ทันจบดี กายก็โดนคลื่นซัดกระเด็นตามลงไปเป็นคนที่สอง
“เฮ้ย!! อย่าตามกันไปสิฟะ!” เสี่ยวไป๋หลุดสบถ ก่อนจะโดนแรงสะบัดพาเขากระเด็นลงน้ำอย่างสวยงามเป็นคนถัดไป
เหลืออยู่เพียงเจบีที่ยังเกาะแน่นแบบไม่รู้สึกรู้สา
กับเรนที่เกาะอยู่ข้าง ๆ กึ่งหัวเราะกึ่งจะร้องไห้
“...ฉันควรดีใจมั้ยที่นายยังอยู่กับฉัน” เรนหันมาถามเสียงสั่น มือสั่น น้ำตาไหล จากแรงลม หรือแรงกลัวก็ไม่แน่ใจ
เจบีหันมามองเขานิดหนึ่ง ก่อนจะตอบเรียบ ๆ
“จะลงไหม”
“ห๊ะ?”
ไม่ทันขาดคำ...เจบีกระชากรั้งห่วงแล้วเอนตัวเอียง
โครมมมมม!!
เรือกล้วยทั้งลำพลิกคว่ำลงน้ำพร้อมเสียงซ่า และเสียงหัวเราะของแคสเปอร์ที่ก้องทะเล
“พวกนายมันบ้า!!” แคสเปอร์กรี๊ดหัวเราะ ก่อนจะวกเจ็ตสกีวนกลับมารับพวกเปียกน้ำหัวจรดเท้า
ราฟาเอโร่โผล่ขึ้นจากผิวน้ำอย่างสง่างาม (แต่แว่นกันแดดหายไปแล้ว) ก่อนจะหันไปมองเจบีที่ลอยน้ำอยู่เงียบ ๆ ข้างเขา
“…สนุก?” เขาถามเสียงต่ำ
เจบีพยักหน้าอีกครั้ง ยังนิ่ง ยังไม่พูด แต่คราวนี้…มีรอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นจาง ๆ
และในวันนั้น โลกใต้ดินทั้งโลกไม่มีใครรู้เลยว่า หัวหน้ากลุ่มขนนกสีเงินเพิ่งหัวเราะเพราะตกเรือกล้วย
...
22:17 PM | ร้านสักเล็ก ๆ ริมหาด | เกาะช้าง
เสียงคลื่นซัดเบา ๆ อยู่ไม่ไกล แทรกเข้ามาทุกครั้งที่ลมทะเลพัดลอดประตูไม้ที่เปิดแง้มไว้ ร้านสักเล็ก ๆ ที่แอบอยู่หลังบาร์ริมชายหาด ซึ่งควรจะปิดร้านไปแล้ว กลับกลายเป็นที่รวมตัวของชายห้าคนในสภาพกึ่งเมา เบียร์หมดไปกี่ขวดไม่มีใครนับแน่ชัด
ไอเดียมันเริ่มจากเรนที่หาวนั่งกลางร้านแล้วอยู่ ๆ ก็หันมาพูดว่า “พวกเราควรมีอะไรไว้เตือนใจเวลาทำอะไรบ้า ๆ กันไหม”
เสียงหัวเราะกับเสียงเข็มสักดังสลับกันอยู่กลางร้าน รอยสักขนนกประจำตัวของแต่ละคนที่อยู่ตรงไหปลาร้าถูกเติมตัวอักษร “JB” เล็ก ๆ ใต้ปลายขนนกอย่างเร่งด่วน โดยไม่ต้องย้ำว่าหมายถึงใคร
และไม่มีใครในห้าคนปฏิเสธ เพราะทุกคนอยู่ในอารมณ์แบบ “เออ สักดิ สักแม่งเลย”
คำว่า “รอยสักแบบชั่ววูบ” กลายเป็นความจริงที่สุดในคืนนี้
ราฟาเอโร่ขยับเสื้อเชิ้ตเปิดไหล่ลงช้า ๆ อย่างใจเย็น แคสเปอร์ยังถ่ายคลิปอยู่ เสี่ยวไป๋พยายามทำหน้าเรียบเฉยแต่ก็แอบยิ้มมุมปากตอนเห็นเรนกัดฟันตอนเข็มจิ้มผิวครั้งแรก
ทั้งหมดผ่านไปอย่างคึกคัก สนุก เฮฮา กระทั่ง...
“ผมอยากสักเหมือนกันครับ”
เสียงเจบีที่พูดขึ้นเรียบ ๆ ข้างโซฟาทำให้ทั้งห้องเงียบลงราวกับไฟดับ
แม้จะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ในหัวทุกคนมีคำเดียวผุดขึ้นมาพร้อมกันว่า
“หา?”
พวกเขาหันขวับไปมองพร้อมกัน จังหวะเดียวกับที่เจบีลุกขึ้นยืน แล้วค่อย ๆ ถอดเสื้อฮาวายที่เปียกน้ำทะเลออกจากตัว...แบบไม่ได้เร่งรีบ แต่ก็ไม่ได้ลังเล
เสื้อหลุดออกเผยร่างเล็กแต่เฟิร์มแบบคนที่ดูแลตัวเองอย่างดี ผิวขาวสะอาดแบบคนเอเชียที่ยังไม่ทันโดนแดดเผาเต็มที่ สะโพกคอด ไหล่บาง ช่วงเอวเล็กเกินกว่าที่ใครจะคิดไว้
ทุกคนกลืนน้ำลายพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ไม่มีใครพูดอะไร แต่มีคนหนึ่งที่ยกเบียร์ขึ้นจิบโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่เบียร์หมดไปนานแล้ว
เจบีทำเหมือนไม่ได้สังเกต เขาแค่เดินเข้าไปหาช่างสัก ชี้ไปที่สีข้างของตัวเอง
“ตรงนี้ครับ”
“จะเอาว่าอะไรดี?” ช่างถาม
เจบีคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบเสียงนุ่ม
“Silver Chains ครับ”
เจบีนั่งนิ่งให้สักอย่างสงบ เหงื่อซึมเล็ก ๆ ตรงไรผมขณะเข็มกรีดลงผิว แต่ใบหน้ายังคงนิ่ง มีเพียงมือที่กำแน่นบนต้นขาตัวเองเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเขากำลังฝืนความเจ็บแค่ไหน
คำว่า Silver Chains ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นทีละเส้นใต้ผิวหนังตรงสีข้างขวา ริมเส้นเอว
โซ่สีเงินเส้นเล็ก
ที่ผูกเขาไว้กับอะไรบางอย่างที่เขาเองก็บอกไม่ถูก
อาจจะเป็นกับ “กลุ่มนี้”
...หรือไม่ก็กับหัวใจของตัวเอง
เมื่อรอยสักเสร็จ เจบีสวมเสื้อกลับช้า ๆ แล้วเดินกลับมานั่งที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่แน่นอนว่ามี
เพราะหลังจากนั้นทั้งห้องก็เงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่เรนจะพึมพำเบา ๆ ว่า...
“คืนนี้ฉันน่าจะนอนไม่หลับแน่ ๆ ว่ะ”
Talk with me
เมื่อเหล่าอนุบาลมาเฟียมาเที่ยวไทย
สนุกมากครับ ขอบใจจ้า ขอบคุณมากๆนะครับ
หน้า:
[1]