3009 โพสต์ 2022-11-10 13:20:37

กรุ่นกลิ่นณนรินทร์ ตอนที่ 3

ตอนที่ 3คงเพราะตั้งแต่...ได้กลิ่นนั่น



“อ้าว!!! แล้วพี่ยิปกับอาณะล่ะฮะยาย???”

“ยิปโซเอาของไปให้เพื่อน... ส่วนเจ้าณะป่านนี้คงอาบน้ำแล้วหลับเป็นตายไปละ เห็นบอกบนเครื่องนอนไม่เต็มอิ่ม”เด็กตัวน้อยที่ลงมานั่งร่วมโต๊ะอาหารเย็นตามปรกติที่ชั้นล่างของบ้านทรงโคโลเนียล...ถึงกับโล่ง...ว่าคืนนี้คงไม่มีเรื่องมาให้ชวนปวดสมองเพราะเท่าที่เจอเมื่อเย็นก็หงุดหงิดใจไม่น้อย แต่เมื่อกำลังเล็มสารพัดเมนู ที่คนเป็น ยาย และแม่ตั้งใจ   สรรหาของเด็ดของดังมาไว้ต้อนรับลูกชายที่พึ่งกลับมาซึ่งแม้จะไม่ได้กลิ่นสักอย่าง แต่แค่รส เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ที่เข้าปากไปก็พอถูกจริตกับลิ้นอยู่บ้างภาวะเสียการรับกลิ่นตั้งแต่ 7 ขวบน่าจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุนอกจากกรรมพันธุ์ ที่ทำให้ ต้นอินไม่มีความเจริญอาหารเท่าที่วัยกำลังเติบโตควรจะเป็นจนทำให้เด็กตัวอ้วนกลมเริ่มซูบจนกลายรูปร่างเป็นผอมบางแต่ปัญหานั่นไม่เทียบเท่ากับการถูกบูลี่หรือถูกล้อเลียน


“ไอ้เด็กจมูกตัน” “คนบ้าอะไรไม่ได้กลิ่น””เด็กโกหก...”


คำพวกนั้นมักตามด้วยการกลั่นแกล้งด้วยการเอาของแปลกๆมาให้ดมแล้วถูกหัวเราะเยาะ ซึ่งนั่นทำให้ ต้นอิน กลายเป็นเด็กชอบเก็บตัวเงียบไม่ค่อยสุงสิงกับใครนอกจากคนในครอบครัวกับเพื่อนสนิท

“ไม่ได้กลิ่นก็ดีซะอีก...ต้นอินจะได้ไม่ต้องทนดมกลิ่นคนไม่ดีไง...รู้มั้ยคนไม่ดีจะมีกลิ่นตัวเหม็นสาบ...เหมือนเด็กพวกนั้นหรือคนอื่นๆที่ชอบบู่ลี่หลานอาณะไงครับ”
ทุกครั้งที่ถูกกระทำ ประโยคของ อาณนรินทร์ผู้แสนดีในวันนั้นยังวนเวียนในความทรงจำ จนทำให้ยิ้มออกมาได้เสมอ



“ต้นอิน ทานมื้อเย็นเสร็จช่วยเอากับข้าวที่ยายแยกใส่ถุงผ้าไว้ให้ไปบ้านเล็กด้วยนะ...เผื่ออาเค้าตื่นมาหิว” มาวันนี้นอกจาก...ยิ้มไม่ออกยังแอบมีถอนหายใจเบาๆร่วม หากทว่าบางกรุ่นกลิ่นกลับผุดขึ้นในความทรงจำลามเป็นความรู้สึกให้หัวใจดวงนี้ให้เต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นความทรงจำ ที่ไม่สามารถบอกให้คนในครอบครัวรับรู้ได้

...”...อาณะ ...หลับ...เป็นตาย...เหรอ???...นอกจากจะไม่โดนดุแล้วยังน่าจะได้...ดมกลิ่น......”.....บ้าแล้ว บ้าไปแล้ว!!!...ป่านนี้ อาณะ คงตื่นแล้วล่ะ... ”...




ใต้แสงดาวระยิบระยับท้าจันทร์สว่างจ้า ท่ามกลางอากาศหน้าหนาวเมื่อใกล้จะสิ้นปีที่ลดฮวบเหลือ 15 องศา แม้ยังแค่ช่วงเวลาสามทุ่มนิดๆ กับสารพัดกลิ่นดอกไม้ไทยฟุ้งความหอมทั่วบริเวณถึงตอนนี้ ตัวเอง จะไม่สามารถรับรู้กลิ่นเหล่านั้นได้แม้สักเศษเสี้ยวหากกลิ่นแห่งความทรงจำ ตั้งแต่ 7 ขวบ ของ กุหลาบ ซ่อนกลิ่น ดอกแก้ว จำปี จำปีกับอีกหลากหลายสายพันธุ์ยังผุดขึ้นเองทุกครั้งที่เห็นดอกไม้พวกนั้นออกดอกผลิบานตามตลอดสองข้างทางจากบ้านใหญ่มาบ้านเล็ก

บ้านที่สร้างขึ้นใหม่ห่างจากหลังเดิมตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน


อาคารชั้นเดียวทรงกล่องโทนสีออกน้ำตาลภายในออกแบบจัดวางเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้สไลต์โมเดิร์นในห้องแบบสตูดิโอเปิดโล่งทั้งหลังตั้งแต่ประตูทางเข้ามาพื้นที่ส่วนกลางก่อนกั้นสัดส่วนด้วยผนังไม้เป็นวอล์คอินโคลเซ็ทกับห้องอาบน้ำถัดมาและด้านในสุดเป็นห้องนอนหากแต่ตอนนี้บ้านที่เคยเปิดโล่งเห็นได้ทุกอย่างแม้มองจากระยะแค่เด็กน้อยในชุดเสื้อผ้าอุ่นๆแขนยาวกางเกงวอร์มสีเดียวกัน พร้อมถุงกล่องข้าววางไว้ข้างๆ บนรถกอล์ฟที่ใช้เป็นพาหนะตีวงเลี้ยวผ่านแมกไม้รายรอบสระน้ำขนาดใหญ่กลับปิดผ้าม่านโดยรอบไปหมด

ใต้แสงไฟสีนวลบนโซฟาหนังสีน้ำตาลในพื้นที่ส่วนกลาง


ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางเป็นแรมวันทำให้ณนรินทร์ที่ตั้งใจแต่แรกว่าจะแค่งีบช่วงบ่ายแล้วจะตื่นไปทานมื้อเย็นกับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาหลังจาไปเป็นแรมปี หากแต่สุดท้าย คนในชุดเสื้อแขนยาวคอกลมพอดีตัวสวมกางเกงบอกเซอร์สบายๆก็เผลอหลับคาโซฟาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อประตูทางเข้า ปิดลงเหมือนเป็นการตัดขาดจากโลกภายนอก คนมาใหม่ถึงกับหน้าแดงขึ้นสี หัวใจวูบวาบลมชีวิตติดขัด ตื่นทั้งตัวและหัวใจ

............!!!

บนดวงตากลมโตสีน้ำตาล เกิดการับภาพสัดส่วนโครงหน้างดงามที่กลับมาเยี่ยมครอบครัวปีละครั้งกับความชัด ทั้งรูปคิ้วหนาสวย ทั้งรูปตาเรียงไปทางหางตาที่กำลังปิดอยู่กับทั้งสันจมูกโด่งบุบลงเล็กๆก่อนถึงปลายเฉี่ยวคมริมฝีปากสีชมพูกลีบบนล่างหนาอวบอิ่ม ทุกอย่างที่ประกอบเข้าด้วยกันกับเส้นผมรองทรงยาวสีดำขลับสามรถเรียกได้เต็มปากว่าคนคนนี้ ...หล่อเหลาใบหน้า ผสานเรือนร่างสลักแต่งเติมเสริมต่อจากพื้นฐานกรรมพันธุ์สูงใหญ่ของณนรินทร์ ที่ได้ชื่อว่าเป็น อา ก็เป็นได้แค่ที่มาของสิ่งทรงคุณค่ามากที่สุดอย่าง

...ละอองสีรัตติกาลเปล่งประกายวาววับปลิดปลิวเป็นเกลียวพายุหมุนไปรอบเด็กตัวน้อยๆ ...

ไม่ต่างจากครั้งแรก ที่ทำให้ ต้นอินเกิดปรากฏการณ์การรับรู้และประมวลผลจากสมองที่เปลี่ยนไปชั่วข้ามคืนทุกขณะที่ดมดอมความมหัศจรรย์ของ

...กรุ่นกลิ่น... ณนรินทร์


ร่างยืนแน่นิ่ง ปิดเปลือกตาพริ้มส่งปลายจมูกตะกรุมสูดกลิ่นระเหยของคนที่เจอหน้ากันทีไร หรือแค่ได้คุยกันผ่านวีดีโอคอลก็มีเรื่องให้ชวนหัวเสียทุกรอบ


“หรือต้นอิน ชอบโดนดุ ”“ใครจะไปชอบละ คิระ”“ถ้าไม่ชอบ...แล้วทำไมถึง... ชอบอยู่ใกล้...” “เราคิดว่า ...คงเพราะตั้งแต่ ...ได้กลิ่นนั่น”บทสนทนาระหว่างเพื่อนสนิท ที่พยายามช่วยหาเหตุผลว่า เพื่อน...ทำไมถึงชอบเข้าไปเป็นเป้าล่อให้ อาตัวเองทำตัวเกรี้ยวกราดหาเรื่องดุด่าได้ทุกครั้งที่กลับมาไม่แน่ว่า... เพราะประสาทสัมผัสทั้งหมดของมนุษย์การรับกลิ่นได้ชื่อว่าเป็นสัมผัสทรงพลังที่สุดจนสามารถเชื่อมโยงเข้ากับความทรงจำในสมองระยะยาวได้ซึ่งทำให้กลิ่น หอมเข้มข้น นั้นสามารถปรวนแปรอารมณ์จากการถูกกระตุ้นด้วยความทรงจำได้ไม่รู้ลืม

แต่ทำไม...ทำไมกัน???

ทำไม??? เด็กตัวน้อยๆที่เริ่มมีปัญหาการรับกลิ่นมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบจนทำให้เซลล์เหล่านั้นไม่สามารถแยกแยะและไม่ได้กลิ่นอะไรอีกเลยหลังจากนั้น แล้วเพราะอะไร...ถึงกลับมาได้กลิ่นอีกครั้ง และความรู้สึกของการรับรู้ของจมูกลามไปจนสมองที่ไม่ต่างจากการได้กลับมามีชีวิตทุกๆครั้งเหล่านั้นก็ทำเอาไม่สามารถจัดการความกระเหี้ยนกระหือรือปรารถนาสูดกลิ่นนั้นได้อีก


เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นในค่ำคืนของฤดูหนาวใต้แสงดาวระยิบระยับท้าดวงจันทร์ ช่วงปลายปี วัน เวลาไล่เลี่ยกับตอนนี้



...เมื่อเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา...



“ต้นอิน...ช่วยเอาผ้าห่มไปปั่นให้อาด้วย” “ได้ฮะ เดี๋ยวต้นอินเอาไปด้วยเลย...แต่ผืนนี้อาณะทำไมไม่เปลี่ยนซะทีต้นอินจำได้คุ้นๆว่าปีที่แล้วก็เอามาด้วยนี่ฮะ”“อาณะติดผ้าห่มผืนนี้ไปแล้วล่ะ มันดูบางก็จริงแต่อุ่นมากจะไปไหนก็ต้องพกไปนอนด้วย ...ไม่งั้นนอนไม่หลับ”บทสนทนาสัพเพเหระทั่วไปของ อา หลานที่ได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งจะวกเข้าเรื่องร้านอาหารที่ตนเองเป็นเจ้าของลามเข้าป่า ลงทะเล ไปประเทศนั่น เมืองนี่ ลากยาวไม่รู้เวลาจนต้องจบลงเมื่อถึงเวลาเข้านอนของเด็กตัวน้อย

แต่พอ ต้นอินขับรถกอล์ฟมาได้แค่ครึ่งทางก็นึกได้ว่าลืมโทรศัพท์ทิ้งไว้ในบ้านเล็กหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จรอให้เจ้าของมาเจิมเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้า ประตูกระจกกรอบไม้สูงจรดเพดานถูกเลื่อนออกมือน้อยตวัดชายผ้าม่านเดินเข้าไปในพื้นที่ส่วนกลางตรงไปหยิบมือถือบนโต๊ะกินข้าวในโถงส่วนกลาง แล้วตั้งท่าจะออกไป หากเสี้ยวหางตา...กลับปะทะบางอย่างในซอกพื้นที่ที่มีผนังไม้กั้นไว้รอบเพียงส่วนเดียวตรงกลางบ้านหลังนี้
มุมหนึ่งในห้องอาบน้ำแต่งโทนขาวล้วน
ช่วงลำตัวผิวสองสีออกชมพูปรากฏแค่ซีกเดียวของใบหน้าลำคอหนา หัวไหล่ และท่อนแขน ก่อนอุ้งมือด้านในเสยเส้นผมปรกใบหน้าอย่างลวกๆในขณะมือด้านนอกกำลังเคลื่อนไหวการงอเกร็งเนื้อตัว ผสานจังหวะคล้าย ขึ้น ลงผุดปล้องแขนขึ้นลูกชัดเจน ใบหน้านั้นกัดกรามขบแน่นจนโครงหน้าขึ้นกรอบและแม้พื้นที่ช่วงล่างลำตัวจะถูกมุมผนังปิดกั้นไว้ ก็ยังรับรู้ว่า

ณนรินทร์... กำลังอดทนกับอะไรสักอย่าง

ในขณะเดียวกันพลังงานที่ใช้ไปกับการอดทนต่ออะไรสักอย่างที่จุดนั้นก็เป็นต้นเหตุของไอโมเลกุลลอยอยู่ในอากาศเพื่อไหลเข้าจมูกผ่านเซลล์ประสาทรับรู้เพื่อส่งต่อไปยังสมองทำหน้าที่ประมวลเป็น

กลิ่นแรก...ในรอบเกือบ 5 ปี...

กลิ่นเดียว ในรอบเกือบจะ 1,825 วัน 43,800 ชั่วโมง2,628,000นาที 157,680,000 วินาที...


เมื่อแรกรับสัมผัสโครงสร้างของกลิ่นหรือพีระมิดของน้ำหอมอย่างที่คนเป็นยาย เคยถ่ายทอดงานอดิเรกที่กลายมาเป็นอาชีพทั้งชีวิตสู่หลานชายตัวน้อยประมวลออกมาเริ่มด้วย ไอหอมอวลบางๆ ตามมาเป็นกลิ่นสดของการมีชีวิตอย่างเป็นเอกลักษณ์จนสมองเริ่มจำได้ก่อนจะท่วมทับด้วยความทึบแน่น เข้มข้น ชัด ชัดเจน ชัดมากขึ้นชัดแจ้งจนเริ่มเวียนศีรษะ ...ลามเป็นร้อนเห่อขึ้นหน้า
ความ หอมเข้มข้น ...ดุจละอองสีรัตติกาลกลิ่นหนักนับร้อยนับพันเปล่งประกายวิบวับปลิวว่อนเป็นลมพายุหมุนวนทั่วร่างกายเริ่มก่อตัวแน่นขึ้นทุกขณะที่ละอองเหล่านั้นพวยพุ่งเข้าสู่การรับรู้ สิ่งที่สมองประมวลได้ นอกจากทำให้ดวงตาสีน้ำตาลคู่นี้ เอ่อท่วมหยดน้ำแห่งความสุขจนแทบอยากตะโกนบอกให้อีกคนรวมถึงทั้งโลกได้รู้ ทว่ากรุ่นกลิ่นหนึ่งเดียว กลับกระตุ้นลงลึกถึงความรู้สึกทำให้มุมมองต่อความเป็นคนคุ้นเคยตั้งแต่จำความได้


... เปลี่ยนไปทันที ...


กลิ่นชนิดเดียวที่ฟุ้งตรงนั้น ก็ถูกตะกรุมตะกรามหอบกอบโกยเข้าหาเจ้าของหัวใจเต้นกระหน่ำกดเท้าเร่งความเร็วรถกอล์ฟจากบ้านเล็ก มาบ้านใหญ่ พุ่งไม่ขึ้นชีวิตกระโจนขึ้นชั้นสองเข้าห้องนอนตัวเอง...ล็อคแน่นสองเท้าก้าวขึ้นเตียงนอนแต่งสีขาวล้วนปลายจมูกน้อยฝังลงในเนื้อผ้าห่มที่ติดมาในมือ หากจมูกและสมองก็ยังไม่สามรถรับรู้กลิ่นใดๆได้ มีเพียงแค่ กลิ่นแห่งความทรงจำจากเมื่อไม่กี่อึดใจก่อนหน้าพากันเข้ามารุมสกรำย่ำยีกลางหัวใจ ยิ่งทุกละอองในสมองชัดขึ้นเรื่อยๆทำเอายิ่งมึนศีรษะมากขึ้นและความเห่อร้อนวูบวาบที่อยู่แค่ใบหน้าเริ่มลามไปทั่วร่างกายจนตัวสั่นเทิ้มขนลุกเกรียวทุกรูขุมขนอย่างผิดปกติ อุ้งมือน้อยสอดใต้เสื้อตัวอุ่นเกลี่ยปลายนิ้วสะกิดคลอยอดอกทันทีอย่างเป็นครั้งแรกในชีวิตของเด็กไร้เดียงสาที่

ทฤษฏี ถูก นำมาปฏิบัติ


แต่เป็นการปฏิบัติที่เกิดจากปฏิกิริยาตอบโต้จากการถูกทรมานด้วยกลิ่นแรกในรอบหลายปีด้วยจังหวะเร่งระบายความอัดแน่นของไอเหล่านั้นออกมาเองตามสัญชาติญาณชนิดที่ไม่สามารถควบคุมได้ แม้เป็นครั้งแรกทว่าก็ยังส่งผลให้ดวงตากลมโตหรี่ปรือรื้นน้ำตา ขบกลีบปากแน่น สาดลมหายใจระรัว เกร็งทั้งเนื้อทั้งตัวจนเม็ดทับทิมกลางอกเริ่มเป่งให้กับทุกสัมผัสใหม่เพื่อพาอารมณ์ถาโถมมหาศาลลามไปกองคั่งที่อวัยวะกลางกายแข็งขืนจนดันเนื้อผ้า

“อาณะ...อ่าห์!!!...อาณนรินทร์...”สะกดชื่อเรียกแทนกลิ่นกายอย่างสั่นสะท้านอุ้งมือน้อยข้างหนึ่งยังบดติ่งใสอีกมือค่อยเลื้อยซุกขอบกางเกงสู่ขนาดพอดีตัวที่กำลังขลุกขลิกมีชีวิตกลางกลุ่มไหมแผ่วบางเรียวนิ้ว เคล้าคลึงรัดแน่น ก่อนปล่อย คลายกำอีก แล้วผ่อน กระชับอุ้งมือลามเม็ดเหงื่อ รูดขึ้น ลง รูดอีกเป็นจังหวะได้ไม่กี่ครั้ง สองขาเนื้อขาวมุกทั้งสองยิ่งหุบแน่นเข้าหากัน แนวคิ้วขมวดพุ่งชน


“อาณะ!!! อาณะ...อาณะ” กลิ่นมีชื่อนั้น ถูกเอ่ยเสียวต่ำซ้ำๆราวต้องการย้ำให้ทุกมิติของสัมผัสแรกหลังจากหลายปีกับ ให้ภาพร่างกายเจ้าของกลิ่น ชัด ชัดเจน เริ่มชัด ชัด ชัดขึ้นจนกระจ่างแจ่มแจ้งทั่วทั้งใจ เด็กตัวน้อยคนนี้กำลังนั่งคุกเข่าลงกับพื้นในซอกมุมที่สายตาไม่สามารถเห็นได้ เพื่อตะกรุมไล้จมูกสูบ สูดครอบครองทุกไอโมเลกุลกลิ่นโชยมากระทบอย่างบ้าคลั่งขณะที่ใบหน้าของ ณนรินทร์ก็กำลังอดทนต่อการกระทำนั้น


“อ๊ายยยย....!!!”


เสียงแหลมกรีดร้อง แต่ยังทันได้ขบฟันกลั้นไว้ผิดกับมวลบางอย่างภายในร่างกายบีบเค้นคั้นของเหลวจากทั่วทั้งตัวพุ่งด้วยความเร็วลงคั่งสองลูกย่นๆแล้ววกขึ้นลำยื่นโด่งกลางพงไหม


เด็กตัวน้อยๆที่ชื่อ ต้นอินก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งไม่ต่างจากอีกหลายร้อยหลายพันล้านบนโลกใบนี้ที่มีวิถี หรือวิธีรับมือกับโลก รับมือกับชีวิตในแบบของตนเองตามที่โลกแห่งข้อมูลข่าวสารและสังคมรอบๆตัวป้อนเข้ามาให้เลือกรับรู้ตามใจปรารถนาและในเศษเสียววินาทีแห่งความรู้สึกแรกเหล่านั้นระบบลิมบิก(Limbic System)ที่ร่างกายมีไว้เพื่อกักเก็บและจดจำการตอบสนองก็ฝังจำเอาไว้ไม่มีวันลืมว่า กลิ่นนั้น ทรงพลังมากมายแค่ไหนในซอกมุมมืดแห่งตัวตน


นั่นคือที่มาของการรับรู้เพียง...กลิ่นเดียว... ตลอด5 ปี


หลังจากคืนนั้น การพิสูจน์ให้ชัดก็ได้เริ่มขึ้นอย่างลับๆในทุกครั้งที่กำลังถูกดุด่าถูกหาเรื่องมาบ่นได้ไม่เว้น หรือแม้แต่การได้ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้นั่งรถคันเดียวกันได้ร่วมโต๊ะอาหารกัน ตลอดช่วงไม่กี่อาทิตย์ของการกลับมาแต่ละปีการทำงานของประสาทสัมผัสในร่างกายมนุษย์แม้บางครั้งเห็นแค่ภาพ หากในสมองกลับมีความทรงจำของกลิ่นผุดขึ้นมาแต่เด็กที่สูญเสียการรับรู้กลิ่นตั้งแต่ 7ขวบก็มีข้อจำกัดจากประสบการณ์ความทรงจำของกลิ่น จนไม่สามารถระบุได้ชัดเจน 100%ว่าคืออะไร และน่าจะมาจากส่วนไหนในร่างกายอย่างเดียวที่รู้แจ้ง คือ กลิ่นนั้นมีจุดกำเนิดมาจากคนที่อยู่ในฐานะ อา และแม้รู้ดีว่า ไม่ถูกต้อง แต่บางครั้งความทรงอิทธิพลของกลิ่นชนิดนั้นทำให้ ...เด็กดี ...กลายเป็น...เด็กไม่ดี

...เช่นเดียวกับ... ตอนนี้


ในความกว้างของชายกางเกงขาสั้นมีก้อนผิวเนื้อหยุ่นสีเข้มกว่าผิวกายส่วนอื่น โผล่พ้นผืนผ้าเป็นลักษณะคล้ายไข่เป็ดสองใบเขื่องไล้เส้นไหมหยิกเรื่อยมาเกิดเป็นเนินโหนกผุดไหมแบบเดียวกันแต่ถี่รกรุงรังที่มาเริ่มเกลี้ยงเกลาบนชิ้นลำมีผืนผ้าปกป้องแค่ได้ยืนจดจ้องจากในระยะแค่เอื้อมมือถึงแต่ทุกกรุ่นกลิ่นชนิดเดิมกลับ เข้มข้นขึ้น หนักแน่นมากกว่าครั้งไหนๆและต้นเหตุของอาการเริ่มวิงเวียนหน้าแดงร้อนเห่อก็พากันผุดออกทุกรูขุมขนบนพื้นที่เหล่านั้นกระหน่ำสู่เจ้าของปลายจมูกเป็นละอองสีรัตติกาลหมุนวนเป็นพายุรอบๆตัวจนแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาไม่ถึง

...”...ตรงนี้เองเหรอ ...ต้นตอของกลิ่น”...

ปลายจมูกบางทำฟึดฟัดโน้มเครื่องหน้าลงเล็กน้อยไล่ตะกรามทั่วร่างกายตรงหน้าเพื่อต้องการพิสูจน์ให้แน่ใจที่สุดจนมาหยุดตรงพื้นที่ปรากฏเครื่องเคราสาดพลังดึงดูดมหาศาล...”ใช่จริงๆด้วย...ใช่ตรงนี้จริงๆ”...


ในสมองเริ่มถูกกดด้วยกลิ่นไอจนมึนงงใบหน้าเริ่มเห่อแดงร้อนวูบวาบ ปลายนิ้วสีมุกเริ่มเคลื่อนไหวสั่นสะท้าน ไปตามทุกจังหวะเศษเสี้ยววินาทีที่เด็กตัวน้อยๆกำลังจะได้สูดกลิ่นโดยตรงอย่างไม่ต้องมีอะไรมาลดทอนความเข้มข้น

...”ถึงว่าสิ... ทำไมบางครั้งที่แอบดม...กลับไม่มีกลิ่นนั้นออกมาให้จมูกได้รู้”... ...”เจ้ากลิ่นนั่น...ซ่อนต้นอิน...อยู่ในนี่เอง...”...


รูปแบบของกลิ่นชนิดเดียว ที่บางครั้งเข้มข้นบางครั้งเจือจาง หรือแทบจะเกือบไม่มีด้วยซ้ำแต่พอละอองลอยกลางอากาศเหล่านั้นเข้าสู่เซลล์รับสัมผัสที่มียีนจำเพาะเจาะจงกับกลิ่นนี้กลับทำให้เด็กตัวน้อยๆเหมือนได้รับพรอันศักดิ์สิทธิจาก

...เทพเจ้า ประทานพรช่วยต่อชีวิต ...

ในทุกครั้งของการกลับมาตลอด 5ปี หากแต่ครั้งนี้ เทพเจ้า ของต้นอินกลับประทานพรศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นมากกว่าแค่กรุ่นกลิ่นและสิ่งนั้นกำลังร่ายมนต์สะกดให้สติปัญญาของเด็กไร้เดียงสาตกอยู่ในความโฉดเขลาทีละน้อย

...”ขอต้นอิน เป็น ...เด็กไม่ดี...สำรวจที่มาของกลิ่น ...สักครั้ง นะฮะ... นะฮะอาณะ“...

สมองขาดสติ ความร้อนวูบทะยานทั่วร่างปลายนิ้วงอเกี่ยวชายกางเกงผ้าวอร์มเนื้อหนาสะกิดพื้นที่ที่เคยถูกผืนผ้าปกป้องไว้ให้ปรากฏออกตามน้ำหนักเบามือที่สุด จากแค่เนินส่วนโหนกฐาน จรดเนื้อรูปทรงเป็นลำเอนตัวลงตามการกดทับของผืนผ้าโดยไม่มีชั้นในทับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนขยายออกสะท้อนภาพ...คุณคนนั้น...อันเป็นจุดกำเนิดของกลิ่นกรุ่นสองตาซึมซับทุกตารางต้นตอผิวสองสีออกชมพูลามเส้นเลือดไร้ทิศทางจรดส่วนหัวมีเนื้อย่นสีเข้มกว่าส่วนอื่นปกปิดผลกลมสีออกแดงผิววาวใส จรดรอยบาดแผลตรงกลาง

...“ทะ...ทะ...ทา...ทำไม ทำไมค...ค คุณ...ของอาณะ”...

กลีบปากอ้าค้างเติ่งเมื่อในความเงียบเริ่มมีการขลุกขลิกขยับขยายเห็นได้ชัดตรงผลกลมกำลังเติบโตออกมาเป็นลูกพีชสีแดงฉ่ำผุดจากปลายเนื้อย่น กับมวลเส้นเลือดเริ่มกระตุกปูดผลักมิติความยาว และเส้นรอบวง ยึด ขยายออก
... สวย ...คือคำนิยามให้สิ่งที่สมบูรณ์แบบแค่ภายนอกล้วนๆหากแต่ สวยละม้ายไม่คู่ควรกับอวัยวะมีเลือดมีเนื้อที่ไม่ใช่ของคนตัวน้อยๆที่กำลังผงาดอยู่ตรงหน้าลำลึงค์สิทธิ์ของเทพเจ้า ...สวย...ตรึงทั้งรูปลักษณ์ที่ได้สัมผัสด้วยตาแต่ก็...งาม... ฝังทุกกรุ่นกลิ่นหอมเข้มข้น หนักแน่น ยิ่งกว่าแค่ได้แอบอยู่ใกล้ๆได้ลอบสูดดมห่างๆ สู่ทุกห้วงอณูจิตวิญญาณให้กลับมามีชีวิตได้อีกครา

เสียง...ตึกตั่ก ตึกตั๊กๆๆ...กลางทรวงอกแทบทะลักออกมา

ในซอกมุมที่ความรู้สึก นำสมอง ความผิดย่อมมลายหายหมดสิ้นทับถมถล่มตามด้วยปริมาณเลือดเนื้อทะลักลงไปเอ่อคั่งกลางกายหนักหน่วงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับเด็กตัวน้อย ”อาณะ!!! ...อาณะฮะต้นอินขอโทษ...ขอโทษ ...ขอโทษ ที่...เป็นเด็กไม่ดี... ต่อหน้าแบบนี้...”เทพเจ้ามีชื่อเล็ดลอดจากลีบปากบางเสียงผะแผ่วล่องลอยออกไปเป็นการสักการะจมูกน้อยสูดบูชาไอระเหยดิบ ทึบ แน่นชัดยิ่งกว่าทุกครั้งที่เคยได้อยู่ใกล้สมองเขลาโฉดประมวลกระแสตอบรับออกมาเป็นคำสั่งดั่งสวดร่ายคาถาให้อุ้งมือปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นจนปวดของตัวเองออกเพื่อกระพือความรู้สึก

แฮ่กๆๆๆๆ....หอบหายใจรุนแรงขึ้นเมื่อกลิ่นเข้าสู่จมูก


อดทนต่อทุกสัมผัสครูดเนื้ออ่อน เรียวขายิ่งหุบหากันแน่นแนวคิ้วเริ่มมุ่ยพุ่งชน กลีบปากบางยิ่งขบเม้มแทบห้อเลือดอดทนต่อทุกความรู้สึกที่เคยปรนเปรอตัวเอง ไปพร้อมกรุ่นกลิ่นความทรงจำ ...ที่เริ่ม...ไม่เพียงพอ...เมื่อมีสัมผัสทางตาเข้าร่วมด้วย

หากจู่ๆจะด้วยละเมอ หรือนอนซน...???


หลังมือประดับเส้นเลือดถลกชายเสื้อสีอ่อนตัดผิวสองสีออกชมพูรั้งขึ้นจนผุดลอนลูกหน้าท้องทีละลูก ละลูก ตามที่มือตวัดเนิบนาบจนเต็มแผงสลักเสลางดงามก่อนลากจรดบล็อกนูนทรงสี่เหลี่ยมกลางอกกวาดตามความอุดมชัดของราวนม ผิวเกลี้ยงเกลาแต่ดูแน่นเน้นปานนมน้ำตาลอ่อนโดดเด่นการเคลื่อนไหวกรุยกราย ฟุ้งกลิ่นกายซ่อนใต้เสื้อโชยไอจรุงรุนแรงทาบทับกลิ่นเดียวในชีวิตที่จมูกรับรู้ร่วมปรุงให้เข้มข้นหนักแน่นขึ้นผสานรวมออกมาได้เป็นกลิ่นใหม่ที่ประสบการณ์ความทรงจำตั้งแต่เกิดจน 7ขวบไม่เคยรู้จัก

มนุษย์สามารถแยกแยะกลิ่นต่างๆได้ถึง 10,000 รูปแบบ เนื่องจากร่างกายจะมีเซลล์รับกลิ่นที่มียีนเฉพาะเจาะจงเพียง 1ยีน ต่อหนึ่งกลิ่น ฉะนั้นเซลล์รับกลิ่นจึงมีอยู่เป็นจำนวนมากและมีหลายชนิด

กลิ่นหอมร้อนแรง ...คือ อีก 1 ยีน หรืออีก 1 ชนิดกลิ่นใหม่ที่ร่างกายนี้สามารถรับรู้ได้ และกลิ่นนั้นก็กำลังเข้ามาร่วมมอบพลังสู่อุ้งมือน้อยให้สาวรัว ถี่เร็วขึ้น ระรัวริก ฉ่ำเยิ้ม เปียกแฉะยิ่งกว่าแม่น้ำสายไหนแล้วยิ่งประสานด้วยเสียงลมหายใจตรงนั้น กับเสียงกระฉอกจุดนี้เด็กตัวน้อยๆปิดเปลือกตา ร่อนศีรษะมัวเมาในรสแห่งกลิ่น


ผ่านไปแค่ไม่กี่ลมหายใจกับของแข็งเมื่อถูกโอบล้อมเร่งความเร็ว ท่ามกลางการระบายความหฤหรรษ์เกินแค่สุขสามัญปกติจากการที่จมูกได้รับกลิ่นใหม่ๆเข้าสู่ร่างกายผ่านการตะกรุมคะกรามสูดละอองไอจำเพาะจากเนื้อตัวในระยะแค่เอื้อมมือตรงหน้าแม้ขณะหลับร่างกายใต้เสื้อผ้าไร้ระเบียบสะท้อนแสงสว่างสาดตามผิวสองสีออกชมพูแต้มตามแต่ละมัดกล้ามเนื้อที่คงเกิดจากการหมั่นออกกำลังอย่างมีวินัย


หากแต่ความสวย ...ไม่ทรงคุณค่าเท่า... ความงาม


งามจากจุดกำเนิดแข็งแรงเตะตา ลำหนา แน่น อวบกลางกลุ่มไหมหยิกหยอย กับสองไข่เป็ดใบเขื่องใต้โหนกฐาน งามจรุงจิตงามตรึงใจชวนให้กัดฟันขบกัน ร่วมไปกับแรงโอบรูดเอาเป็นเอาตายสุนทรีย์แห่งกรุ่นกลิ่นที่เทพเจ้าเนรมิตไว้ในร่างกาย เพื่อรอคอยให้ใครสักคนมาเทิดทูน ช่างทำให้ คนคนนั้นไต่ทะยานถึงห้วงที่สายฝนกำลังเทกระหน่ำทั่วกายจนชุ่มโชกใต้ผืนฟ้าร้องคำรามโครมครืน

“อ๊ายยย !!!...”

กลิ่นชนิดใหม่โมเลกุลกลิ่นหนักชัดเจนทำให้เด็กตัวน้อย รู้สึกดีมากเกินไปจนต้องข่มกลั้นเสียงทั้งน้ำตาให้เล็ดลอดออกมาน้อยที่สุดแม้อยากกรีดร้องเพียงใดได้สำเร็จหากกลับไม่สามารถควบคุมความซ่านสุขสุดมหาศาล ระลอกแล้วระลอกเล่าเร่งระบายเป็นเมือกสายธารขาวข้น ผงาดกลิ่นที่ตัวเองไม่รับรู้ จังหวะโปรยพลุขาวขุ่นแทนกลีบดอกไม้สักการะเนินเนื้อแต่ละมัดแต่งแต้มตามส่วนเว้าส่วนโค้ง ลามเอ่อคั่งสู่หลุมเล็กกลางลำตัวเปรอะแต้มไรขนอ่อนจรดพงไหมรุงรัง และลำลึงค์อันเป็นจุดกำเนิดแห่งละอองไอทรงอำนาจ

...“…แย่แล้ว!!! แย่แน่ๆ......”ต้นอิน... ต้นอิน... ทำไง ทำไงดี!!!...ใช่...ใช่ ใช่แล้ว ต้องรีบหาอะไรมาเช็ด”...


ความปรวนแปรอารมณ์เหมือนมีระเบิดปรมาณูลูกใหญ่กำลังจะลงชนิดเหงื่อแตกพลั่กรอความตาบมาเยือนรีบมองหา...”ทิชชู่ หรือผ้าอะไรก็ได้”...มาทำลายหลักฐานที่ปรากฏชัดเจนเป็นสีขาวแต้มบนผิวสองสีออกชมพู

“... ทำอะไร!!!”

ประโยคเรียบเฉย และใบหน้าแน่นิ่งทำสองตาสีน้ำตาลที่กำลังลนลาน ลุกโพลง พร้อมส่งเสียงร้องลั่นตกใจสุดขีด “อาณะ!!! ”จังหวะหัวใจในอกเต้นกระหน่ำรุนแรง “ทำอะไร...”ทุกคำชัดเจน แต่ยังคงเฉยชา ราบเรียบอย่างที่สุดจนไม่อาจคาดเดาได้แม้สักนิด ว่าชายหนุ่มผู้อยู่ในฐานะ อา อย่าง ณนรินทร์กำลังมีความรู้สึกเป็นอย่างไร เพราะ ต้นอิน ...ไม่ได้อยู่รอคำตอบตรงนั้นแล้ว

kookkoo โพสต์ 2022-11-10 15:33:56

ขอบคุณครับ

audiwoods โพสต์ 2022-11-10 20:42:53

กลิ่นมาจากตรงนี้นี่เอง​ น่าสนใจครับ

eg1 โพสต์ 2022-11-11 03:11:12


ขอบคุณครับ

lekthai โพสต์ 2022-11-11 03:24:49

ขอบคุณครับ

inlove_63 โพสต์ 2022-11-11 05:00:57

เราคิดว่าภาษาและการบรรยายทำให้คนอ่านงงคือแบบต้องให้เวลาคิด มันไม่ทำให้อ่านลื่นไหลครับ

nuangnut1996 โพสต์ 2022-11-11 19:56:11

สนุกมากครับ

Linkren โพสต์ 2022-11-12 16:27:05

เขียนดีมากเลยครับเริ่มต้นจากความไม่รู้ของเด็กน้อยนี้มันตื่นเต้นน่าติดตามมาก ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: กรุ่นกลิ่นณนรินทร์ ตอนที่ 3