กรุ่นกลิ่นณนรินทร์ ตอนที่ 2
ตอนที่ 2กรุ่นกลิ่นที่โชยหวนคืน... “ ต้นอิน มานี่เร็ว ...พี่ได้มาสก์หน้ามาใหม่มาลองกัน ...วันนี้ป๊ากลับมาพวกเราต้องดูดีกันหน่อย”เด็กตัวน้อยๆ ถูกพี่สาวร่างโปร่ง ที่แม้อายุห่างกันไม่กี่เดือนแต่ความสูงของ เธอ กลับวิ่งแซงน้องชายไปมาก ปัดปอยผมรองทรงยาวสีน้ำตาลอ่อนขึ้นแล้วสวมที่คาดผมสีชมพูหวาน“มาสก์หน้ายี้ห้อนี้พี่ๆนางแบบเค้าบอกว่าดี ...เราคลุกฝุ่นช่วยพี่แม่บ้านทำความสะอาดให้ป๊าทั้งวันแล้วก็ต้องพักทำสวยบ้าง”กลีบปากบางสีชมพู คลี่รอยยิ้มอ่อนเจือแววตาเศร้าเอ่ยคำถาม“กลิ่นมันเป็นยังไงฮะพี่ยิปโซ???”
“จะว่าไงดีล่ะ...”เธอหันมองออกไปรอบตัวบ้านทรงโคโลเนียลที่รายล้อมด้วยพรรณไม้มีกลิ่นหลากหลายที่คนเป็นยาย ปลูกสะสมไว้นานาชนิด “เหมือนกลิ่นต้นหญ้า ผสมดอกไม้อ่อนๆ”
“กุหลาบเหรอครับ”
“ก็ไม่เชิง... พี่ว่า หอมๆหวานๆกลิ่นอ่อนๆเหมือนซากุระพันธุ์มีกลิ่นที่ยายปลูกไว้ริมน้ำมากกว่า...ต้นอินน่าจะยังจำกลิ่นได้อยู่นะ” “ซาโตะซากุระเหรอฮะ ต้นอินจำได้ดีเลยแหละ...กลิ่นเหมือนซากุระโมจิที่อาณะชอบกิน”แค่เอ่ยถึงคนเป็น อา ถึงกับถอนหายใจหนักก่อนที่เจ้าของผิวนวลเนียนละเอียดคล้ายเครื่องกระเบื้องชั้นเลิศขาวนวลเป็นสีมุกไร้ไฝฝ้าราคีแม้สักจุดบนเตียงนอนจะเริ่มปิดเปลือกตาสีน้ำตาลอ่อนพริ้มเมื่อแผ่นชุ่มเนื้อเย็นเกลี่ยลงมาปลายจมูกเล็กๆน่ารักพยายามแพ่งสมาธิสูดกลิ่นที่ว่าหากแต่เซลล์ที่ใช้ดมกลิ่นหลายสิบล้านเซลล์กลับไม่สามรถรับรู้ใดๆได้นอกจากกลิ่นของความว่างเปล่าอย่างเคย
“หลายปีแล้วนะ...ที่ต้นอิน...ไม่ได้กลิ่นอะไรอีกเลย”
ความร่าเริงของพี่สาว เริ่มหดหายไปตามกัน“เอาเถอะ... ถึงจมูกไม่ได้กลิ่น แต่หน้าตาน่ารักผิวดีสุดๆแถมตัวหอมเป็นกุหลาบยิ่งกว่ายิ่งกว่าผู้หญิงแบบนี้เป็นพี่ พี่ก็ยอมแหละ” แต่ เธอ ก็รู้ว่าจะทำยังไง ให้ น้องชายที่หลังหายจากไข้หวัดใหญ่ตอนอายุ 7ขวบยังมีอาการเรื้อรังจากโรคที่เป็นๆหายๆมาแรมปีจนทำให้เกิดอาการ
Anosmia ภาวะเสียการรับกลิ่นหรือไม่ได้กลิ่นใดๆเลย
พี่สาว ทำทีเป็นน้อยอกน้อยใจเต็มทีมีแกล้งย้อนลงไปสำรวจผิวน้ำผึ้งเข้มของตัวเอง ถอนหายใจยกใหญ่จนคนที่นอนแผ่บนเตียงได้ยินชัดเจน“ต้นอินว่า ผิวน้ำผึ้งพี่ยิปโซ สวยกว่า...ไม่งั้นจะขึ้นกล้อง ขึ้นเวทีจนได้เดินแบบเหรอฮะ” คนฟังสวนกลับหน้าหงอยๆทันควัน“อีกไม่กี่เดือนจะจบ ม.6ป๊าก็ยอมให้พี่ไปลองแคสงานที่อเมริกา ...คงไม่มีใครมาคอยชมพี่แบบนี้อีกแล้วซิ”มาครั้งนี้ เด็กสาวหน้าคมผิวสีน้ำผึ้งรู้สึกใจห่อเหี่ยวจริงๆ
“แหม!!!... ถึงเวลานั้นพี่ยิปก็คงวิ่งวุ่นต้องไปเดินแบบให้แบรนด์ดังๆ จนลืมต้นอินไปแล้วแหละฮะ” ยิปโซ ที่เคยมีโอกาสเดินแบบให้แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังในเมืองไทยบ้างดูชอบใจคำพูดไม่น้อยเกี่ยวกับความฝันของเธอรวมถึงความช่างพูดปลอบใจของน้องชายตัวน้อย
บทสนทนาของสองพี่น้อง คนละพ่อคนละแม่ที่จะด้วยเรื่องราวในอดีตหรืออะไรก็ตามทำให้ ทั้งคู่กลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันเริ่มพรั่งพรูสารพัดเรื่องสัพเพเหระ อย่างเคย
“เออ...พี่ว่าจะลองขอป๊าพาต้นอิน ไปเมกาด้วยอีกรอบ”คนฟังสวนกลับทันทีอย่างไม่ต้องผ่านการกลั่นกรองจากสมองด้วยซ้ำ“ไม่เอา!!! อย่านะฮะพี่ยิป...”“แต่พี่อยากให้ต้นอินไปด้วย”“ไม่เอาฮะ...พี่ยิปก็รู้ต้นอินชอบอยู่บ้านเรามากกว่า อเมริกาน่ากลัวจะตาย ต้นอินไม่ชอบ...อีกอย่างต้นอินต้องคอยอยู่ดูแลตากับยายที่นี่ด้วย...”
...
...
“ไปสนใจทำไมมันก็แค่ลูกติดไม่ใช่เลือดเนื้อบ้านเราซักนิด ยิ่งเป็นลูกไอ้ระยำนั่นด้วย...ทำไมณะต้องสนใจด้วยละแม่”“หยุด!!! หยุดเลยเจ้าณะ อย่าพูดคำหยาบ...แล้วเรื่องมันก็กี่ปีมาแล้วจนหลานโตเป็นหนุ่มจะมารื้อฟื้นให้ได้อะไร ”“หนุ่มอะไร โตเป็นสาวมากกว่ามั้ง ดู!!!...ดู... ดูของพวกนี้...เครื่องสำอาง ครีม …ของแบบนี้ผู้ชายที่ไหนใช้กันแล้วน้ำหอมอีก...จะสะสมอะไรกันนักหนาเต็มบ้านไปหมดแล้วมั้ง” ชายหนุ่มร่างสูงสวนกลับแม่ตัวเองด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวก่อนพุ่งสองตาคนกริบทำหน้าที่เป็นใบมีดแทบจะฟาดฟันเด็กตัวน้อยที่ได้แต่ยืนแน่นิ่งสูดลมหายใจให้ลึกที่สุด
...”ยังไง อาณะ เค้าก็เป็นอาหนูนะลูก”“แต่หลายปีมานี่ อาณะ ทำเหมือนต้นอินไม่ใช่หลานนะฮะยาย”“ต้นอินก็คิดว่า อาณะกำลังสอนเราอยู่ไง...อะไรไม่ดีอย่างอาเค้าว่าก็เก็บไปคิดทบทวน...แค่มีความคิดตั้งใจที่จะทำดีให้อาเค้าได้รู้ได้เห็น...มันต้องมีสักวันที่ อาณะของต้นอินรับรู้”...”แต่ถ้าเริ่มจะทนไม่ไหว ก็คิดซะว่า... ทำเพื่อยาย”...
คำ ขอ ในวันนั้นฝังอยู่ในใจไม่มีวันลืม
“แล้ว..กลิ่นกุหลาบ!!!...บอกแล้วว่าอาณะไม่ชอบ วันหลังไม่ต้องเสียเวลาเอามา...”เน้นกระแทกคำเป็นพิเศษก่อนขวดแก้วเล็กๆปิดจุกไม้คอร์กจะถูกคนอายุมากยัดใส่อุ้งมือเด็กตัวน้อย
น้ำมันกุหลาบ...ของเหลวสีอำพันใสที่ใช้เวลาเป็นอาทิตย์ตั้งแต่เริ่มขั้นตอนเก็บดอกกุหลาบสดๆจากในสวนแกะกลีบนำมาล้างให้สะอาดก่อนขยำเบาๆวางใส่ในโหลแก้วปิดฝา เทน้ำมันมะกอกอย่างดีลงไป ปล่อยทิ้งไว้ 24ชั่วโมง เมื่อครบก็เอามากรองกากออกคงไว้เฉพาะน้ำมันและเริ่มขั้นตอนทุกอย่างตั้งแต่แรกอีกครั้งไปจนครบ 7 ครั้ง 7 วัน
วินาทีนี้ เจ้าของกระบอกตาเริ่มร้อนผ่าวตัดสินใจสูดอากาศรอบๆตัวเข้าปอดให้ได้มากที่สุดแล้วเดินจากไปก่อนที่เส้นความอดทนจะขาดสะบั้น เมื่อสิ่งที่ตั้งใจมอบให้
...คนรับ...กลับไม่เห็นค่า...
“เอา!!! เอาเข้า...แม่ดูครับ...ดูหลานชายคนโปรดของแม่ โดนด่าเข้าหน่อยทำเดินหนี”ชายหนุ่มที่เพิ่งกลับมายังไม่ทันได้จัดแจงข้าวของจากการเดินทางตะโกนไล่ตามหลังไป“จมูกตัวเองไม่ได้กลิ่นแล้วจะยังทำของแบบนี้ไปอีกทำไม!!!”“ปะ...ปะป๊า แล้วของที่เพื่อนยิปโซฝากซื้อละคะเย็นนี้จะได้เอาไปให้เพื่อนเลย พวกมันต้องกรี๊ดกันแน่” ดวงตาสีรัตติกาลคมกริบท่าทางขึงขังจนเส้นเลือดแทบปูดทะลุหนังศีรษะ เปลี่ยนไปทันที
เมื่อลูกสาว รีบตัดบท...ช่วย...น้องตัวเองด้วยความรู้สึกว่าเป็นต้นเหตุของการทะเลาะครั้งนี้...”ไม่น่าเลย ยัยยิปโซเอ๊ยไม่น่าลืมตัวบอกว่าพวกนี้ของต้นอิน”... “งั้นหนูมานี่เลย เจ้าหญิงของป๊า ...ป๊าว่า...น่าจะอยู่ในกระเป๋าใบนั้นยิปโซช่วยลองเปิดดูเลยคะ”คนเป็น แม่ และ ยายถึงกับส่ายหัวให้ความ...ผิดปกติ...ของลูกชายตัวเอง ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆทั้งที่ก่อนหน้า หลานชาย กับ อา ก็ดูรักใคร่สนิทสนมกันมาตลอด
กระทั่งเมื่อ...เกือบ 5 ปีก่อน
เด็กผู้ชายตัวอ้วนกลม แก้มยุ้ย เริ่มกลายเป็นวัยรุ่นตัวเล็กๆรูปร่างผอมบาง หน้าตาเรียวจิ้มลิ้ม คิ้วบางเข้ารูป ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนจมูกเล็กน่ารัก สองกลีบปากบางสวย ผิวทั้งตัวขาวผ่องจนเกือบเป็นสีมุกหลานเหมือนถูกตัดขาดจากคนเป็น อาตั้งแต่วันที่กลับมาพักผ่อนเหมือนกับทุกสิบกว่าปีก่อนหน้าในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันทันใดจากที่เคยมีความรักความเอ็นดูให้กลายเป็นความดุดันเกรี้ยวกราดทุกครั้งแค่ได้เห็นหน้าเริ่มขึ้นหลังจากวันที่สองของการกลับมาในปีนั้น
จากวันนั้น ถึงวันนี้คนในครอบครัววงศ์อภิวันที่เหลือทั้งหมด รวมถึง ต้นอิน แทบไม่รู้สาเหตุด้วยซ้ำ
“ณะ มีเมล็ดดอกไม้ใหม่มาให้แม่กับพ่อลองปลูกด้วยนะครับกับพวกวิตามิน ส่วนของพ่อ เอากันแดดมาให้ด้วยชอบหนีเข้าสวนแล้วไม่ทากันแดดเดี๋ยวมะเร็งจะถามหาเอาได้”
“คิระ ... อาณะ... กลับมาแล้ว” เพื่อนสนิท...ในสาย กรี๊ดลั่น มือถือแทบแตกด้วยคลื่นความถี่สูงปรี๊ดจนต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกจากหู แล้วปล่อยให้เด็กห้องเดียวกันตั้งแต่ ม.1 ทำตามใจไป“ฮัลโหล ฮัลโหล ยังอยู่มั้ย??...โทษทีต้นอิน เราดีใจแทนต้นอินมากไปหน่อยนะ”ถึงจะมาแค่เสียง แต่คนฟังก็จินตนาการถึงความร่าเริงแทนคนทั้งโลกของเพื่อนตัวเองได้“คิระจะมาดีใจแทนเราทำไม???” น้ำเสียงราบเรียบแต่เจือรอยยิ้มในใจถูกตอบกลับทันที
“ก็...กลิ่น...ของต้นอินกลับมาอีกแล้วนิ”.....................
กรุ่นกลิ่นณนรินทร์
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ โกรธเกลียดได้ขนาดนี้ มีสาเหตุอะไรครับ
ขอบคุณครับ ขอขอบคุณ {:5_149:}{:5_149:} ขอบคุณครับ สนุกมากครับ
หน้า:
[1]