จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 2684|ตอบกลับ: 57
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

มนตราทาสบำเรอ.... 13 - 14 ....

  [คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

เฮือก! สองหนุ่มสะดุ้งกับสิ่งที่เห็นรติกรไม่ยอมปล่อยมือแม้จะโดนอุ้มจนตัวลอยทำให้ผมยาวสลวยของซาช่าหลุดติดมือเขามาทั้งยวง วิกผม!หัวหล่อนคลุมด้วยผ้าขาวสำหรับติดวิกเท่านั้น หล่อนโกนผมออกหมดเลย
“อ้าย แก........อ๊าย!” ซาช่ากรีดร้องสุดเสียงหล่อนกระชากวิกผมออกจากมือก่อนวิ่งเตลิดออกไปข้างนอก

ตอนที่ 13 บางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม
สองหนุ่มอึ้งจนไม่รู้จะพูดอะไร กับเรื่องที่เกิดขึ้น และกับสิ่งที่ได้เห็น ร่างเล็กหันมาพบว่าตัวเองกอดคอคนตัวสูงกว่าแน่น แถมโดนอุ้มยังกะเด็กตัวเล็กๆ เขาดิ้นรนลงมายืนด้วยตัวเอง ถึงตอนนี้ถึงรู้ตัวว่าอารมณ์ร้อนเกินไป และใช้กำลังเหมือนคนขี้หึงไม่มีผิด เขารู้สึกขายหน้าเหลือเกิน
“ขอโทษ  ผมก่อเรื่องอีกแล้ว”
เลแวนซ์ถอนหายใจเฮือก
“ไว้สงบสติอารมณ์ได้ก็ไปขอโทษเธอซะ”
“อะไรนะ? ให้ผมขอโทษเธอ”
“ใช่...” ร่างสูงหันกายเข้าไปหลังผ้าม่าน ลงมือปลดสายรัดปืนออก
“ทำไม เธอตบผมก่อนนะ”
“เป็นสุภาพบุรุษหน่อยน่า....ขอโทษผู้หญิงก่อนไม่เห็นเสียหายเลย” เขาพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ
“ไม่ ผมไม่ขอโทษแม่นั้น”
“เนย” เลแวนซ์หันมามองหน้า สีหน้าเบื่อหน่ายสุดๆ
“ฉันสั่งให้ทำอะไรก็จงทำซะ”
“ผมจะทำ ถ้าผมอยากทำ” ชายหนุ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาที่ล่ะน้อยๆ ทั้งที่เมื่อครู่ยังดีใจอยู่เลย ให้ตายเขาก็ไม่ไปขอโทษแม่นั้นหรอก
“ที่ฉันพูดนี่ไม่เข้าใจเลยใช่ไหม”
“เข้าใจ แต่ไม่ทำ” เขาพูดอย่างดื้อดึง ทำให้ความอดทนของเลแวนซ์ขาดผึง ร่างสูงก้าวเข้ามาคว้าไหล่เขาขยุ้มอย่างแรงแล้วยกตัวขึ้นจนต้องเขย่งเท้าตาม รติกรใจเต้นตึกรู้สึกได้เลยว่าทำให้อีกฝ่ายโกรธแล้ว
“อย่าให้ฉันต้องสั่งซ้ำสอง ได้ยินไหม” เขาพูดเสียงกระซิบเบาทว่ากดดันจนขนแขนลุกเกรียว เขาเอาจริง....แต่มีหรือที่รติกรจะยอมง่ายๆ เขาดูแลตัวเองตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่มีใครสั่งเขาได้ ต่อให้เป็นสุลต่านก็เถอะ
“ไม่...” เขาว่าเสียงสั่นเครือ จ้องตาไม่ยอมแพ้เด็ดขาด อีกฝ่ายกัดฟันกรอดอย่างโมโหร้าย มือที่ขยุ้มไหล่จิกแรงเป็นการลงโทษ ร่างเล็กดิ้นรนสุดกำลังกำปั้นทุบบนท่อนแขนใหญ่แรงๆหลายครั้งก็ไม่เห็นผล เขาหันมาจะด่าทอแทนการใช้กำลัง แต่กลับพบริมฝีปากจู่โจมเข้ามาแทนที่ สองมือที่ขยุ้มไหล่เลื่อนมากอดรัดเขาแรง มือหนึ่งโอบแผ่นหลังให้แนบชิด อีกมือช้อนท้ายทอยให้แหงนหงายรับจูบแต่โดยดี
รติกรอ้าปากจะด่าทอกลับกลายเป็นร่วมมือไปโดยไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากที่บดเคล้าลงมาดุดัน รุนแรง จาบจ้วงที่สุด เขาเจ็บไปหมด ฟันคมๆขบริมฝีปากล่างแรง ขบทั้งลิ้นเขาด้วย รสจูบนี้ปั่นป่วนเหมือนพายุ ทำเอามึนยืนแทบไม่อยู่ นี่เป็นการทำโทษกับความดื้อดึงของเขา
ชายหนุ่มถึงกับหน้ามืด เข่าอ่อนพยุงตัวบนขาไม่ไหว กว่าจะรู้ตัวก็ล้มลงบนกองหมอนอิงมากมายแล้ว เขาหอบน้อยๆกระพริบตาปริบๆกว่าจะตั้งสติได้ หันไปมองร่างที่ยืนค้ำเหนือกว่า ก็เห็นสายตาเย็นชามองมา นั้นทำให้ใจหายวาบเพราะสายตาคู่นี้มองราวกับเขาเป็นคนแปลกหน้า คนที่ไม่อยู่ในสายตา คนที่ถูกทิ้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เลแวนซ์ยังมองเขาด้วยสายตาที่พร้อมจะปกป้องได้ทุกเมื่อ แล้วนี่.....
“จารีฟ” บุคคลที่สามเข้ามาในโลกส่วนตัวของพวกเขา
“มีอะไร”
“เรื่องด่วน” คาริคบอกเพียงเท่านี้ ทั้งคู่ออกจากข้างนอก ทิ้งให้รติกรนั่งนิ่งน้ำตาคลอเบ้า อย่างมึนงงกับความรู้สึกในตอนนี้ เกือบนาทีกว่าเขาจะคว้าหมอนขว้างใส่โต๊ะพับทำงานของเลแวนซ์ล้มโครม! ไอ้บ้า ไอ้คน..... ทำอย่างนี้ได้ยังไง อารมณ์ดีก็ดีใส่ อารมณ์ร้ายก็มาพาล เห็นคนอื่นเป็นตัวอะไรกัน!
ตุ๊บๆ ชายหนุ่มระบายอารมณ์ด้วยการชกหมอนอิงแทนกระสอบทรายไปหลายทีจนเจ็บนิ้วไปหมด  เลแวนซ์.....คิดว่าเขาจะต้องยอมทำตามคำสั่งไปทุกอย่างหรือ ไม่มีทางหรอก ร่างเล็กลุกขึ้นเอาผ้าห่มม้วนเป็นท่อน ห่มผ้าให้จัดวางไว้ท่ามกลางหมอนจำนวนมาก แค่นี้ก็เหมือนมีคนนอนแล้ว เขาคว้าเสื้อผ้ามาสวมให้รัดกุม ก่อนหยิบปืนที่วางทิ้งไว้มาเหน็บที่เอว หน้ากระโจมมีทหารยืนคุมอยู่ จึงต้องออกด้านหลัง ร่างเล็กกลิ้งตัวลอดช่องว่างใต้ผืนผ้าใหญ่กับพื้นทราย ข้างนอกตอนนี้เพิ่งจะหัวค่ำ ยังพอเห็นเส้นขอบฟ้าและภูเขาหินที่อยู่ห่างออกไปซึ่งน่าจะเหมาะให้ซ่อนตัว
เขาหันมามองกระโจมอีกที ลาก่อนเลแวนซ์ นายทำอย่างนี้กับฉันได้ครั้งเดียวเท่านั้น และขอให้เสียใจด้วยที่เขาหนีได้อีกครั้งแล้ว ร่างเล็กซ่อนตัวไปกับเงามืดของกระโจมต่างๆ ลัดเลาะไปจนถึงกระโจมสุดท้าย ฝูงอูฐถูกผูกไว้รวมกันที่นี่ เขารอจนยามผลัดเปลี่ยนเวรรีบวิ่งไปขึ้นหลังอูฐตัวหนึ่ง กระทุ้งท้องมันแรงๆก็ลุกขึ้นออกเดินแล้ว
“นั้นใครน่ะ” เสียงทหารยามตะโกนแว่วไกลๆ ทำให้ต้องเร่งฝีเท้าอูฐให้ออกวิ่งสุดกำลังของมัน ลมเย็นๆปะทะใบหน้าเมื่อขึ้นเนินทรายมาได้ ภาพที่เห็นคือเวิ้งทรายที่สูงมากๆ ชันเกือบ 45 องศาได้มั่ง ต้องผ่านไปหลายลูกเลยกว่าจะไปถึงภูเขา แต่ถ้าลุยตรงๆไปก็จะถึงไวกว่า ร่างเล็กหันไปมองข้างหลัง เห็นแสงไฟอยู่ไกลลิบๆโน่น ไม่มีสัญญาณหรือเสียงใดๆเลยว่ารู้ตัวกันแล้ว เห้อะ....เป็นไงล่ะ
“เหวอ!” รติกรร้องลั่น เมื่ออูฐก้าวลงเบื้องล่าง ความชันทำให้เสียหลักตกจากหลังอูฐกลิ้งเป็นลูกขนุนจากยอดเนินทรายลงมาร่วมนาทีเศษ กว่าจะหยุดตัวเองได้ ทรายปลิวเข้าตาเข้าปากจนร้องไม่ออก เขาต้องตะเกียกตะกายลุกขึ้นถ่มทรายในปากออกมาหลายต่อหลายครั้ง ตาก็เคืองจนน้ำตาไหลเป็นท่อน้ำทิ้ง กว่าจะลืมตาขึ้นมาได้ ก็ไม่พบอะไรเลย ไอ้อูฐโง่นั้นหายไปไหนแล้ว
“โอ๋....”เขาครางเสียงอ่อย รอบตัวมีแต่ความมืด ลมเย็นๆพัดมาปะทะใบหน้าตลอดเวลา นี่...เขาหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วหรือ  ไม่มีอูฐแล้วจะเดินทางในทะเลทรายยังไงล่ะ ขณะที่นั่งงงกับชีวิตตัวเองอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงบางอย่าง
ครึ่ก! ครึ่กๆ
เสียงอะไรน่ะ? เขามองไปรอบๆท่ามกลางความมืดแบบนี้ไม่มีอะไรเป็นจุดสังเกตได้เลยนอกจากดาวบนท้องฟ้า แล้วจู่ๆเขาก็เห็นบางอย่างเคลื่อนไหวในความมืด ตาฟาดไปหรือเปล่านะ หรือว่าลมพัดทรายกันแน่นะ ร่างเล็กยืนจ้องให้แน่ใจ ทันใดนั้น
ครืน! บางอย่างที่ใหญ่โตพุ่งพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจ
“อ๊า!” ชายหนุ่มร้องลั่นรีบยกมือขึ้นป้องศีรษะ เจ้าสิ่งนั้นเฉียดไหล่เขาไปนิดเดียวแต่ก็แรงพอทำให้ล้มคว่ำกลิ้งไม่เป็นท่าบนพื้นทราย เขารีบเอามือป้องหัวไว้ เพราะยังมีอีกมากมายวิ่งกระหน่ำพื้นทรายแรงราวกับขบวบรถไฟก็ไม่ปาน กว่าทุกอย่างจะยุติก็มีมือแข็งเหมือนคีบเหล็กกระชากเขาลุกขึ้น
“โอ้ย...”
“เฮ่.....ดูสิว่าข้าเจออะไร” เสียงแปร่งหูมีสำเนียงพื้นเมืองด้วย รติกรดึงแขนหนีแต่ไม่เป็นผล ยิ่งไปกว่านั้นกลายเป็นว่าเขาอยู่กลางวงล้อมของคาราวานกลุ่มหนึ่ง
“คนต่างชาตินี่” หนึ่งในนั้นจับปลายคางเขาให้หันมามอง มืดออกอย่างนี้ยังรู้อีกหรือว่าเขาเป็นต่างชาติ
“เอาไงดี”
“เอาไปด้วยสิ” พูดจบ ร่างเล็กก็ถูกจับยกขึ้นไปนอนพาดบนหลังม้าทันที
“โอ้ย....ปล่อยฉันนะ”
“ไป!” ทั้งหมดเคลื่อนขบวนไปอย่างรวดเร็ว รติกรหายใจไม่ออก ตัวเขากระแทกกับอานม้าอย่างแรงตลอดทาง จุกจนร้องไม่ออกเลย ไม่นานคนพวกนี้ก็หยุด เขาถูกลากลงจากหลังม้าและลากไปบนทางที่ขรุขะระแต่แข็งกว่าพื้นทราย ในที่สุดพวกมันก็โยนเขาล้มกลิ้ง โครม!
“โอ้ย...” ชายหนุ่มหายใจแรงให้รู้ว่ามีส่วนไหนหักหรือไม่ ก่อนลุกขึ้นนั่ง เขาแปลกใจที่พบว่าที่นี่คือถ้ำ  ไม่สิ....เป็นซอกหลีบในภูเขามากกว่า มีช่องว่างพอให้หลบแรงลมได้หลายคนรวมถึงม้าด้วย  คนที่พาเขาด้วยมีข้าวของมากมายพออำนวยความสะดวกได้มาก หลายคนถอดผ้าคลุมหน้าออกล้วนแต่เป็นชาวอารับผิวคล้ำขนดก พวกชนเผ่าเร่ร่อนล่ะมั่ง
“แกเป็นใคร” คนหนึ่งถามขึ้นมา หลายๆคนก็หันมามอง รติกรนิ่งอึ้งไปครู่เขาควรพูดอะไรดี “มาจากไหนกัน”
“ในเมือง .....จากวังสุลต่าน”
“จากวังสุลต่านงั้นหรือ”
“ใช่ ผมเป็นคนของเจ้าชายจารีฟ แล้วกำลังจะไปหาเขาด้วย พวกคุณปล่อยผมไปดีกว่า ไม่งั้นล่ะก็เขาตามมาเอาเรื่องพวกคุณแน่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า....” ทุกคนในที่นี่หัวเราะฮ่าลั่น ทำให้งง เขาพูดอะไรผิด
“คนในวังเขาไม่ออกมาเพ่นพ่านแบบนี้หรอก ถ้าบอกว่าเป็นหัวขโมยที่เพิ่งหนีมายังจะน่าเชื่อถือมากกว่านะ”
“เจ้าชายจารีฟเป็นเจ้านายของผมนะ ถ้าพวกคุณทำร้ายผมแม้แต่นิดเดียวล่ะก็....”
“จะทำไมหรือ” แต่ล่ะคนหัวเราะเยาะ รติกรหน้าเสีย เขาหนีจารีฟถึงสองครั้งแต่ทำไมทุกครั้งต้องเจอแต่คนแย่ๆทั้งนั้น ไม่สิ อย่างน้อยอิซัสก็ยังดีกว่าคนพวกนี้ จะทำยังไงดีนะ
“จะเอายังไง อาเม็ด”
“ตลาดคีนุทรับซื้อทาสที่ให้ราคาดีที่สุด”
“ว่าไงนะ” จะเอาเขาไปขายงั้นหรือ
“แต่ก่อนอื่น ....” 2-3 คนลุกมาหา ร่างเล็กถอยกรูไปติดผนังหิน
“อย่าเข้ามานะ  ปล่อย!” ชายหนุ่มร่างเล็กร้องลั่น พยายามปัดป้องมือทั้งหลายออกไป แต่คนเดียวจะสู้หลายๆคนได้ยังไง พวกมันจับเขากดลงกบพื้นแข็งๆ จับข้อมือข้อเท้าตรึงไว้แน่น
“ปล่อย!”
“ใจเย็นๆ นี่เป็นการต้อนรับแบบคานัทอิเท่านั้น” มือสกปรกบีบปลายคางเขาให้อ้าปาก บางอย่างเล็กๆตกลงบนลิ้นและละลายอย่างรวดเร็ว รสชาติเผื่อนๆยังไงพิกล รติกรน้ำตาซึมพวกนี้มันจะทำอะไร พวกมัน....จะ...ทำ...อะ....ไร แค่พริบตา เหมือนตัวเขาจะเบาหวิว ล่อยลอยได้เหมือนนก คิดอะไรไม่ออกเลย แต่รู้สึกดีจัง
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงอะไรน่ะ?  รติกรลืมตาขึ้นมามองเหนือเพดานบิดเบี้ยวแปลกๆ สวยจัง...
“บ้าเอ้ย.....เป็นไงล่ะ ช่างชอบก่อเรื่องไม่มีวันจบจริงๆ” มือแข็งๆจับไหล่เขายกขึ้นมาเขย่าแรงๆจนหัวโยกหัวคลอน เอ่อ.....สนุกจัง ชายหนุ่มยิ้มกว้าง
“เลแวนซ์....”
“เนย เป็นอะไรไป”
“คุณมันคนเฮงซวย ห่วยแตก ปัญญาอ่อน สมองมีครึ่งก้อน แถมไอ้ก้อนที่มีก็ไม่มีหยักด้วย” ร่างเล็กหลับหูหลับตาด่าลั่น เสียงนั้นสะท้อนก้องไปทั่วภูเขา เลแวนซ์ขมวดคิ้ว สองมือช้อนใบหน้าอ่อนวัยขึ้นมองดีๆ
“ทำไมถึงมาโกรธผมล่ะ....ทั้งที่แม่นั้นหาเรื่องผมก่อน”
วงแขนแข็งแรงยกร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นพาดบ่า ส่งสัญญาณให้ทหารจัดการที่เหลือซะ
“ทำไมถึงไม่เข้าข้างผมล่ะ......คุณต้องเข้าข้างผมสิ คุณต้องการผมไม่ใช่เหรอ”
“ฉันต้องการเธอเสมอ แต่เธอสิ.....ที่ไม่ต้องการฉัน” ประโยคนี้คนฟังกลับไม่ได้ยินไปซะอย่างนั้น เขาหลับทั้งอยู่บนบ่ากว้าง ก่อนจะสะดุ้งเฮือกตอนกระทบลงบนที่นอนนิ่มๆ ตุ๊บ...
“อ๊ะ?” เขากลับมานอนในที่เดิมอีกแล้ว
“ดีนะ....ถ้ายังไม่ตื่นอีกล่ะก็จะจับโยนลงถังน้ำทั้งอย่างนี้เลย”
อะไรกัน? เขากลับมาที่นี่ได้อย่างไง ฝันไปหรือไงนะ ร่างเล็กพยายามลุกแต่เรี่ยวแรงไม่มีเลยจึงได้แต่ผงกหัวขึ้นเท่านั้นแล้วก็พบว่าไม่ใช่ฝัน เพราะเสื้อผ้าเปื้อนฝุ่น กลิ่นของทรายเต็มตัวไปหมด เฮ่อ.... เขานอนแผ่หมดแรง
อืม.... รู้สึกแปลกๆแฮะ รู้สึกไม่มีแรงคล้ายอยากหลับ แต่ทำไมผิวกายกลับตื่นแบบแปลกๆ ข้างในร้อน....ร้อนจัง เรียวขาบิดไปมายังไงก็อาการเหล่านั้นก็ไม่หายไปสักที ตรงข้ามกลับร้อนรุ่มมากขึ้น ดวงตากลมโตเหลือบมองขึ้นเมื่อร่างสูงก้าวมายืนค้ำเหนือร่าง
“หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ สมควรแล้ว”
พูดเรื่องอะไรกัน? ชายหนุ่มนึกสงสัยแต่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เขารู้สึกแปลกๆในตัวเอง บางอย่างเรียกร้องสัมผัสจนเขาต้องสอดมือลงไปข้างล่าง อา....ตรงนี้นี่เอง
“อ๊ะๆ” มือแข็งๆจับมือเขาออกจากเป้าหมาย ดวงตาสีฟ้าจ้องมองอย่างสมใจ
“เธอต้องโดนลงโทษเสียก่อนที่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ”
พูดจบ ร่างเล็กกว่าก็ถูกดึงขึ้นมาคว่ำหน้าตัวพาดบนตักกว้าง  มือใหญ่กดไหล่จากด้านหลังให้อยู่นิ่ง อีกมือขยุ้มเนินเนื้อแน่นหนั่นแรงๆ
“อ๊า....”
เพี้ยะ!  
“อ๊ะ...” ร่างเล็กผวาเฮือก ฝ่ามือใหญ่ตบเข้าที่ก้นเขาแรงๆ ไม่แรงนัก พอแสบๆคันๆ ทว่าความรู้สึกข้างในเขานั้นกลับลุกโชนราวกับฟองสบู่ที่ฟู่ฟ่อง เจ็บแสบแต่ก็วาบหวิว
เพี้ยะ...  
“อา....”
“รู้สึกใช่ไหม”
“อะ....ละ...เลแวนซ์” ร่างเล็กยันตัวขึ้นกดสะโพกถูไถกับท่อนขาแข็งแรงไปมา
“เด็กไม่รู้จักโต  หัวดื้อ อวดดี ไม่มีเหตุผล” เขาว่าคำ ตีก้นแน่นๆครั้ง
“อ๊า....คะ ใคร...เด็ก....อา....ผม....อะ....อายุ....มากกว่า...นะ อ้า” รติกรสติไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้ว ตรงนั้น
ของเขาต้องการมากเหลือเกิน ยิ่งโดนตีก็ยิ่งกระตุ้นความต้องการทวีคูณ เขาจะคุมไม่ไหวแล้ว
“อายุมากกว่าแต่สติปัญญาน้อยกว่า.....เอาอารมณ์เป็นใหญ่ด้วย ไม่รู้หรือว่าถ้าฉันไปไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น
บ้า...บ้าๆ” ชายหนุ่มพาดก้นไม่แรงนักระบายอารมณ์
“อ๊า....” ร่างเล็กบิดร่าตามแรงมือ อารมณ์ยิ่งพุ่งพล่าน เขาตัวสั่นเทิ้มนอนระทวยบนตักก่อนจะหันมามองสายตาฉ่ำเยิ้ม นั้นทำให้เลแวนซ์โมโหไม่ออก ก็เล่นมองด้วยสายตาเว้าวอนอย่างนี้ มีแต่จะทำให้อยากกอดน่ะสิ รติกรยันตัวขึ้นช้าๆ มือไต่ขึ้นมาอยู่บนอกกว้างช้าๆ ริมฝีปากโน้นเข้าหาอีกฝ่าย หากกลับถูกเบือนหน้าหนี
“ฉันไม่อยากสนองอารมณ์เธอในสภาพนี้”
“เลแวนซ์” เขาร้องอย่างขัดเคืองใจ ทำไมต้องเล่นตัวด้วยนะ สองมือประคองใบหน้าคมสันไว้ให้ยอมรับจูบ
แต่โดยดี แต่ก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัส เขากลับถูกดันไหล่ให้ลงไปนั่งข้างๆ
“ฉันไม่สนใจเธอในเวลานี้ อดทนหน่อยอีก 2-3 ชั่วโมงก็จะหายเอง” ร่างสูงลุกขึ้นยืนทำท่าจะเดินจากไป วินาทีนั้นรติกรรู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้อยู่กับความโดดเดี่ยว น่ากลัว ไม่นะ.... เขากอดขาแข็งแรงนั้นไว้สุดกำลัง
“ไม่เอา เลแวนซ์ อย่าทิ้งผมไว้แบบนี้สิ”
“เนย”
“อย่าทิ้งผมไป....อย่าทิ้งผมไปในตอนที่ผมต้องการคุณสิ ช่วยผมด้วย....ช่วยด้วย มันทรมาน” นั้นจะเป็นการทิ้งศักดิ์ศรีที่น่าละอายที่สุดก็ช่าง รติกรไม่สนใจอะไรแล้ว ข้างในเขากำลังทุรนทุรายด้วยความต้องการที่อัดแน่น รอเวลาระเบิดอยู่แล้ว เขารู้สึกได้ถึงความเปียกแฉะในกางเกง ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเขาต้องตายแน่ๆ
“อือ....อื้อ....ละ เลแวนซ์....อย่าทิ้งผมไป ได้โปรด” ชายหนุ่มอ้อนวอนจากหัวใจ และก็เห็นสีหน้าที่อ่อนลง ปลายนิ้วเชยคางมนขึ้น
“ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ อยากนอนแต่ก็ต้องออกไปตามหานายอีก ตอนนี้ไม่มีอารมณ์เลย” มือบางกุมมือ
ที่เชยคางตนเองไว้ ฟันคมๆขบนิ้วชี้แรงๆแล้วดูดดื่มให้รู้สึก เท่านี้ก็เห็นแววตาที่หวานขึ้นอีกนิด
“ผมทำให้คุณเอง นะ...” ตัวเล็กแต่เรี่ยวแรงมากมายมาจากไหนไม่รู้ ดึงร่างสูงใหญ่กว่าให้ล้มลงนอนลงบนพรมนุ่มแวดล้อมด้วยหมอนมากมาย ร่างผอมบางเลื่อนมานั่งกลางหว่างขาอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ.....พรุ่งนี้...ฉันจะเห็นสีหน้าแบบไหนของเธอนะ”  เลแวนซ์พูดกับตัวเอง เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ไม่นานก็ต้องหลับตาปล่อยอารมณ์ที่พุ่งพล่านตามจังหวะริมฝีปากชุ่มชื้น เรียวปากได้รูปเหยียดรอยยิ้มขึ้น เมื่อได้ประจักษ์ถึงความหรรษาอันน่าประทับใจ
“อ่า....วิเศษ....เนย” ชายหนุ่มดื่มด่ำกับความสุขที่เข้มข้นถึงใจ เมื่อเสียวซ่ายถึงขีดสุด  เขาจับร่างเล็กพลิกลงไปอยู่ใต้ร่างอย่างรวดเร็ว
“อ๊า! อ๊า..........” เขาทำให้ร่างเล็กกรีดร้องโหยหวนยาวนานทั้งคืน
“โอ้......พระ.....ช่วย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” คาริคเข้ามาในกระโจมตอนเช้าของวันใหม่ก็ต้องประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น  เรื่องมหัศจรรย์ลำดับที่ 9 ซะล่ะมั่งถึงได้เห็นสองหนุ่มเปลือยเปล่านอนเกยก่ายท่ามกลางทะเลหมอน ท่าทางจะหนักกันน่าดู
“จารีฟ” เขาสะกิดเจ้านายหนุ่มเบาๆ ก็ลืมตาขึ้นทัน
“หื้อ?”
“สายมากแล้ว เราต้องเดินทางกลับกันแล้ว”
“อื้ม....” ร่างสูงผุดลุกขึ้นอย่างกระปรี่กระเป่า เดินโทงๆไปล้างหน้าล้างตาด้านใน เขาตักน้ำในถังราดหัวลงมาให้ชโลมทั้งตัว เท่านี้ก็สดชื่นแจ่มใส อารมณ์ดีขนาดแต่งตัวไป ผิวปากไป
“รีส....รีส ตื่นได้แล้ว” คาริคเขย่าหลายครั้งกว่าร่างเล็กจะปรือตาขึ้น
“เอ่อ....”เขาครางเสียงอ่อนระโหยโรยแรงเพื่อตื่นมาพบกับอารมณ์หวานซ่านที่ยังค้างคา เนื้อตัวเต็มไปด้วยชีวิตชีวาราวกับได้ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาแล้ว  รู้สึกดีจัง
“ลุกได้แล้ว เรากำลังจะเดินทางกลับนะ คุณคงไม่อยากให้สาวๆมาเห็นในสภาพนี้หรอกนะ” ชายหนุ่มบอกก่อนลุกจากไป ทำให้สงสัย สภาพอะไร?
“อุ๊บ...” รติกรสะดุ้งที่เจ็บขาหนีบเหลือเกิน ยังกะโดนอะไรกระแทกมา พอก้มตัวลงมองก็ต้องตะลึง รอยแดงเป็นจุดๆตั้งแต่หน้าอกเรื่อยลงไปจนถึงหว่างขา มีเป็นร้อยๆจุด แถมคราบบางอย่างเหนอะหนะเหนียวเต็มตัว เอ๊ะ? ที่หน้าด้วย
“อะ....อะไรกันเนี่ย? มันเกิดอะไรขึ้น” เขาหันไปโวยเจ้าชายบ้าที่แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสำราญใจ ก่อนจะรู้สึกตัวว่า ไม่ถูก....ขาหนีบเมื่อยขนาดนี้ แต่ทำไมข้างหลังกลับไม่เจ็บเลยล่ะ ไม่มีคราบด้วย มือลูบไม่เจออะไรที่สะดุดมือสักนิด เอ๊ะ? มันยังไงกัน
“ฉันจะออกไปดูข้างนอก นายช่วยดูเจ้าตัวปัญหานี่ด้วยล่ะ”
“ดะ เดี๋ยวสิ” เขาร้องเรียกให้เลแวนซ์หยุดก่อน
“คุณ....คุณทำอะไรผมบอกมานะ”
“ไม่ได้ทำ” ใบหน้าคมสันเรียบเฉย แต่ก็เห็นรอยยิ้มเยาะชัด
“แค่ชิมเฉยๆ”
“วะ....ว่าไงนะ” อีกฝ่ายไม่รอดูสีหน้าออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
“คุณไม่น่าหนีเขาไปเลย นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะ” คาริคตำหนิ
“ก็.....ใครใช้ให้เขาบังคับผมไปขอโทษซาช่าก่อนล่ะ”
“เฮ่อ...เอ้า ลุก แต่งตัวเร็ว เราจะกลับกันแล้ว มัวแต่โอ้เอ้อยู่นั้นแหละ” ชายหนุ่มดึงร่างเล็กให้ลุกไปแต่งตัว  รติกรเดินกระเพลกมาหลังผ้าม่าน แผลที่เท้าเกือบหายดีแล้ว ทำให้รู้สึกได้ว่าเขาทำเรื่องโง่ไปจริงๆ หนีครั้งแรกก็โดนตราเหล็กเผาไฟ หนีครั้งสองก็โดนยาปลุก โอ้ย.....ไม่อยากนึกถึงเรื่องเมื่อคืนเลย  เขาหยิบผ้าชุบน้ำเช็ดหน้า
เช็ดตัวพอสะอาด
“ที่จารีฟให้ขอโทษซาช่าก็เป็นเรื่องสมควรนะ รีส”
“สมควรหรือ หล่อนตบผมนะ คาริค”
“อย่างแรก สุภาพบุรุษไม่ควรลดตัวไปวิวาทกับผู้หญิงในฮาเร็ม มันเสียเกียรติคุณเองรู้ไหม” คำตักเตือนนี้จุดให้โทสะระอุ แต่ก็มอดอย่างรวดเร็วเมื่อรับรู้ว่ามันเป็นความจริง เขาไม่ควรทำ “อย่างที่สอง คุณทำให้เธออับอายขายหน้า ลองคิดดูสิว่า ผู้หญิงในฮาเร็มนั้นต้องแข่งขันกันสูงแค่ไหนเพื่อจะให้ตัวเองอยู่รอดในตำแหน่งที่ดีที่สุด  ความงามเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจของผู้หญิงหากถูกทำลายก็เหมือนทำลายชีวิตเธอไปเลยนะ....ผมไปดูเธอ
เมื่อกี้ เธอร้องไห้ตั้งแต่คืนไม่หยุดเลย ตอนนี้มีไข้อ่อนๆด้วย”
ร่างเล็กแต่งตัวในชุดรักกุมสีขาวออกมาบอกว่า
“ผมจะไปขอโทษเธอ”  
“ดีแล้ว  คุณต้องสวมนี่ด้วย” คาริคหยิบผ้าบางผืนหนึ่งมาคลุมหน้าปกปิดเหลือแต่ลูกตา
“อึดอัดน่ะ”
“อีกหน่อยก็ชิน ต่อไปจะออกไปข้างนอกคุณต้องสวมทุกครั้งนะ”
“ทำไมล่ะ”  
“คุณเป็นสมบัติของจารีฟ สมควรแสดงสถานะให้ทุกคนรับรู้ได้แล้ว” เขาช่วยคลุมให้เรียบร้อยก่อนถอนใจ
“ เฮ่อ...หลังจากเกิดเรื่องนี้แล้ว บางอย่างมันก็ไม่เหมือนเดิมแล้วล่ะ”
หื้อ? พูดงี้หมายความว่าไง บางอย่างไม่เหมือนเดิม
ตอนที่ 14 ตำแหน่งในอนาคต
รติกรออกมารอข้างนอก มองดูคนอื่นเก็บกวาดของทุกชิ้นอย่างชำนาญและรวดเร็ว ใครต่อใครก็เดินกันให้พล่านไปหมด เขากลับเป็นเพียงไม่กี่คนที่ได้แต่ยืนมอง ขนาดฮานน่าที่มาอยู่เป็นเพื่อนยังช่วยเก็บของเล็กๆน้อยๆลงในหีบห่อ อีกด้านหนึ่งไม่ไกลนัก เขาเห็นซาช่านั่งสงบเสงี่ยมในชุดสวยสีเขียวนกยูง คลุมหน้าด้วย
ผ้าบางๆเธอสวยมาก แต่ก็เห็นความเศร้าได้ชัดเจน ชายหนุ่มเดินเข้าไปหา
“ซาช่า....” เธอเหลือบมองเขาทางหางตา
“ผมอยากขอโทษเรื่องเมื่อวาน ผมทำอะไรไปโดยไม่คิดมัน.......เป็นเรื่องที่งี่เง่ามาก” ความนิ่งเฉยเป็นสิ่งที่เขาคาดคิดไว้แล้ว จึงพูดต่อว่า
“ผมอยากให้คุณรู้ว่า ผมเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ขอโทษด้วย และ.....สัญญาผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก...  ตลอดไป”
ดวงตาคมเข้มหันมามองเขาตรงๆ เห็นความไม่พอใจ ขุ่นเคือง ไม่สิ แค้นเคืองมากกว่า ชายหนุ่มบอกได้ว่าเธอคาดโทษเขาไว้ในใจแล้ว เขายังไม่ทันได้พูดอะไรอีก ทหารก็ส่งสัญญาณให้เริ่มเดินทางได้ นางกำนัลคนหนึ่งเข้ามาจูงมือซาช่าไปขึ้นรถฮัมวี่เดินทางออกจากที่นั้น
“เนย...” เลแวนซ์และคาริคโผล่มาจากไหนไม่รู้
“ผมขอโทษเธอแล้วนะ” ร่างเล็กรีบหันมาบอกเหมือนส่งการบ้านให้อาจารย์
“เหรอ....ดีแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มกว้างพอใจ รติกรใจเต้นตึกเลย เป็นคนที่ยิ้มสวยอะไรอย่างนี้นะ คงดีไม่น้อยเลยถ้าได้เห็นเขายิ้มทุกวัน
“เราจะเริ่มออกเดินทางแล้ว อยากนั่งรถหรืออูฐล่ะ”
“คุณล่ะ?” เขาพลั้งปากถามออกมาก่อนจะรู้ตัวว่าพลาดไปแล้วเลยทำหน้าไม่รู้ไม่สน
“ผมนั่งอะไรก็ได้”
“ตามใจ” เลแวนซ์ว่าแล้วเดินไปดูอย่างอื่น เมินเขาได้น่าเกลียดที่สุด ชายหนุ่มนึกเคืองก่อนจะเห็นร่างสูงเดินไปดูทหารคุมกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง เป็นผู้ชายทั้งนั้น
“นั้นเขาจับใครมาหรือ คาริค”
“จำไม่ได้หรือ กองโจรที่จับคุณไปเมื่อคืนไง”
“เอ๊ะ?” ร่างเล็กหันไปมองคนสนิทของเลแวนซ์ สีหน้าเครียด เขาก่อเรื่องมากมายขนาดนี้จะทำให้ตัวเองเดือดร้อนหรือเปล่าเนี่ย คาริคอ่านสีหน้าเขาออก รายนี้แค่ยิ้มๆเท่านั้น
“อย่ากังวลไปเลย ไม่มีเรื่องอะไรหรอก”
“แน่หรือ”
“หึๆ คุณไม่รู้หรอกว่าเรื่องนี้มันส่งผลต่อจารีฟมากแค่ไหน องค์สุลต่านพอพระทัยมากเลย”
“พอพระทัย?”
“ใช่.....ชนเผ่าเร่ร่อน 90% ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับรัฐ คนในเมืองก็เห็นว่ารัฐหย่อนยานเกินไป คะแนนนิยมในราชวงค์มีแต่ลดลงทุกปี ยิ่งความประพฤติเสเพลของซาอิทก็ยิ่งส่งผลลบยิ่งขึ้น ตอนนี้จารีฟมีผลงานนอกจากนำคนโจมตีกองโจรที่แข็งแกร่งที่สุดได้ ทั้งยังได้พลเรือนจำนวนมากเข้าสู่ระบบของรัฐ  ความนิยมราชวงษ์จะกลับมาสูงอีกครั้ง โจรกระจอกเมื่อคืนถือว่าเป็นของแถม ตอนเช้าผมเพิ่งโทรเช็คคนในสำนักพระราชวัง
เรื่องของจารีฟดังมากเลย ขึ้นหัวข้อข่าวเป็นอันอับหนึ่งเลยล่ะ”
คะแนนนิยม ความนิยม หัวข้อข่าวอันดับหนึ่ง? ยิ่งฟังก็ยิ่งสับสน ตกลงว่า...เขาเป็นคนทำให้จารีฟกลายเป็นคนโด่งดังหรอกหรือนี่?
“มาเถอะ เราต้องรีบไปแล้ว” คาริคดึงเขาให้มานั่งหลังอูฐ
“นั่งหลังตรง เชิดหน้าไว้ คุณกลายเป็นคนสำคัญไปแล้วเพราะฉะนั้นจำให้ขึ้นใจไว้ อย่าทำอะไรให้ตัวเอง
ขายหน้า.....เพราะคนที่จะขายหน้ากว่าคือจารีฟ”  
พูดงี้หมายความว่าไง? รติกรไม่มีโอกาสถามอีก อูฐลุกออกเดินทางแล้ว เขาได้แต่เหลียวหน้า เหลียวหลัง ไม่มีใครที่คุ้นหน้าตามาสักคนเลย  อ้อ..ยังดีที่ฮานน่าอยู่ใกล้ๆ ขบวนอูฐออกเดินทางตอนสายๆกว่าจะเห็นขอบเขตของตัวเมืองก็เล่นเอาก้นระบมไปหมด ชายหนุ่มไม่มีอารมณ์จะสนใจอะไรทั้งนั้น เขาอยากอาบน้ำ อยากนอนเร็วๆจะแย่ พระราชวังก็ยังคงเป็นปราการเหล็กแสนสวยสำหรับเขา ไม่มีอะไรให้น่าชื่นชมหรอก ร่างเล็กลงจากหลังอูฐก็มีทหารเข้ามา
“เชิญทางนี้ขอรับ”
เอ่อๆจะไปทางไหนก็ไปเถอะ เหนื่อยจะแย่แล้ว เขาเดินตามไปได้เดี๋ยวเดียวก็รู้สึกตัว
“เอ๊ะ ห้องของผมอยู่ทางนั้น”
“เชิญทางนี้ก่อน สุลต่านคาเมนมีรับสั่งให้คุณเข้าเฝ้า”
เฮือก.... ตายล่ะหว่ากู สุลต่าน คนที่มีอำนาจสูงสุดให้เข้าพบหรือ ทำไงๆ เลแวนซ์? คาริคไปอยู่ไหนกันหมดเนี่ย....ใจคอเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่ออกห่างห้องที่คุ้นหน้าคุ้นตาไปเรื่อยๆ ทางเดินนี้เหมือนจะยาวไม่มีที่สิ้นสุดเลย เขาได้พบกับทางเดินผนังกระจก ที่สามารถมองเห็นสวนสวย สระน้ำใต้ทางเดินตลอดไปจนถึงท้องฟ้ายามหัวค่ำ ที่จันทร์แรมขึ้นแล้ว
ปัง! เสียงเปิดประตูดังน่ากลัวเหลือเกิน เขาจะเจอกับอะไรนะ? รติกรเห็นผ้าม่านสีขาวเป็นอย่างแรก มันคลุมรอบๆเตียงใหญ่จนดูเหมือนแท่นบูชาในโบสถ์ สีขาวตัดกับพื้นหินอ่อนสีดำเงาวับสะท้อนภาพได้ไม่ต่างจากกระจก รอบๆเตียงเป็นที่เดียวที่ปูพรมสีเทาหนานุ่ม ด้านหนึ่งของเตียง ราตู  ซารีฟาน่า ยืนอยู่ อีกฟากมีเลแวนซ์และคาริคกำลังพูดคุยกันอยู่เสียงเบากังวาน ฟังเหมือนเสียงสวดมนต์ก็ไม่ปาน ชายหนุ่มค่อยโล่งอกหน่อยที่เห็นทั้งคู่
“เนย....มาทางนี้สิ” เลแวนซ์เรียก เขาก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปหา
“คุกเข่าลง” เขากระซิบบอกเบาๆ ร่างเล็กก็คุกเข่าลงข้างเตียงอย่างว่าง่าย
“เสด็จพ่อ นี่ไง คนที่ประทานให้ลูก”
“หือ?” เสียงครางยานฟังประหลาดดังเบาๆ ก่อนที่ผ้าม่านจะเลื่อนออกไป เขาจะเงยหน้าได้หรือยังเนี่ย? หรือต้องรอก่อน
“เงยหน้าขึ้นสิ”
คำสั่งนี้เหมือนจะรู้ใจมาก่อน ชายหนุ่มค่อยๆเงยหน้าขึ้นด้วยใจระทึก และแล้วเขาก็ได้เห็นหน้าสุลต่านคาเมนได้เป็นครั้งแรก ทึ่งและประหลาดใจจนพูดไม่ออกเลย  รติกรได้เห็นชายสูงวัยร่างท้วมใหญ่ ผมสีขาวทั้งหัว ใบหน้าคล้ำบ่งบอกถึงโรคภายในตัว ดวงตาฉายแววอ่อนโยนและอ่อนล้า ริ้วรอยบนใบหน้ามากมายเมื่อเทียบกับ
เลแวนซ์แล้วเหมือนปู่กับหลานมากกว่าจะเป็นพ่อลูก เห็นชัดว่าท่านกำลังป่วยหนัก
“เข้ามาใกล้ๆสิ” ปลายนิ้วอวบอูมกวักเรียกให้ร่างเล็กขยับใกล้อีกนิด ก่อนเชยคางให้มองเห็นชัดๆ ดวงตากลมโตได้แต่กระพริบปริบๆจ้องมองตอบด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ  
“แววตาดื้อดึง....เหมือนแม่เจ้าไม่มีผิด จารีฟ”
“งั้นเหรอ หม่อมฉันไม่คิดอย่างนั้นนะพะยะคะ”
“ฮะฮะ.....ผลงานเขาก็เหลือรับไม่ต่างกัน ข้ารับประกันเลย เจ้าต้องปวดหัวอีกนานแน่”
“เสด็จพ่อ หม่อมฉันเอาอยู่พะยะคะ”
“อือ.....” พระองค์ดึงมือเขามาตบเบาๆที่หลังมือ
“ชื่อ รีสใช่ไหม”
“พะ..พะยะคะ”
“มีทายาทให้เขาเยอะๆนะ การเป็นลูกคนเดียวมันโดดเดี่ยวนัก....มีพี่น้องเยอะๆสิดี อย่างน้อยก็มีความรัก
ที่แบ่งปันกันได้ อย่าลืมสอนพวกเขาด้วยให้รักกันมากๆ เป็นพี่น้องที่ดี แล้ว.....มีเร็วๆหน่อยก็ดี ฉันอยากอุ้มหลานก่อนจากไป” น้ำเสียงสุดท้ายนั้นอ่อนล้าอย่างน่าใจหาย
“ฝ่าบาท....ทรงตรัสอะไรออกมา” ราตู ซารีฟาน่าเข้ามาประชิดเตียงฝั่งตรงข้าม
“ตอนแรกฉันอยากจะให้เขามีลูกให้ทั้งจารีฟ ทั้งซาอิทจะได้ยุติธรรม พี่น้องจะได้ไม่ทะเลาะกัน แต่ตอนนี้......
ดูเหมือนจะไม่เหมาะแล้ว ยกเขาให้เป็นสิทธิ์ขาดของจารีฟเสีย”
“ทรงตรัสอะไรเช่นนี้ พระองค์ยังแข็งแรงอยู่ จะอยู่ต่อไปตราบนานเท่านานเพคะ”
“นั้นสิพะยะคะ วันก่อนหมอตรวจแล้วความดันเสด็จพ่อลดลงเยอะ พระองค์แข็งแรงขึ้นแล้ว อย่าเพิ่งถอดใจทิ้งหม่อมฉันกับคนอื่นๆสิพะยะคะ”
“ฮะฮะ....เอาเป็นว่าฉันจะอยู่เท่าที่พระประสงค์ของอัลเลาะห์ต้องการ” พระองค์ตรัสก่อนเหลือบมองรติกร
อีกครั้ง
“จัดหาอาจารย์ให้เขาสัก 2-3 คนสิ เอาให้ได้ระดับที่ดีกว่านี้หน่อย”
“พะยะคะ” คาริครับคำ
“คนอื่นๆออกไป ฉันอยากคุยกับจารีฟอีกหน่อย”
“ทูลลาพะยะคะ” ทุกคนออกมาข้างนอก ชายหนุ่มแอบมองลอดประตูก่อนปิดลง เห็นเลแวนซ์นั่งข้างเตียงสีหน้าเศร้า แสดงว่า....อีกไม่นานแล้วสิ มีลางสังหรณ์ยังไงชอบกลว่า ที่นี่จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว เลแวนซ์จะได้ขึ้นเป็น.....
“จะหาอาจารย์ให้งั้นหรือ” ราตูซารีฟาน่า ว่าน้ำเสียงเย้ยหยัน
“จะได้สักขนาดกันเชียว”
คาริคมายืนกั้นระหว่างพวกเขา
“ท่านไม่เห็นต้องกังวลเลย ก็แค่อ่านท่องภาษาซีเรียไม่ให้ขายหน้าเจ้าชายจารีฟเท่านั้นพะยะคะ”
“เจ้าก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะ คาริค คิดว่าจะฝากชีวิตไว้กับเด็กอายุ 17 คนนี้ได้หรือ”
“ได้ไม่ได้ หม่อมฉันไม่ทราบ หม่อมฉันทราบแต่ว่าเป็นพระประสงค์ของสุลต่าน ไม่ปฏิบัติไม่ได้เด็ดขาด”
หึ! ราตูเยาะเย้ยในลำคอเสียงดังฟังชัดก่อนสะบัดชายกระโปรงพริ้วจากไป
“คาริค ทำไมสุลต่านถึงได้....”
“พระองค์กำลังวางรากฐานให้จารีฟแข็งแกร่งกว่าเดิม เพื่อเตรียมเขาให้พร้อมสำหรับตำแหน่งสูงสุด”
“แล้วทำไมให้ผมเรียน ให้ทำอะไรแบบนี้ด้วย” มือใหญ่ดึงแขนเขาให้เดินไปคุยไปเรื่อยๆ
“รีส  คุณน่ะมาในฐานะแม่ของลูกของสองพี่น้องนี้เท่านั้น แต่ตอนนี้พระองค์ปล่อยให้คุณอยู่ในฐานะนั้นไม่ได้อีกแล้ว”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็เพราะคุณหนีน่ะสิ”
“เพราะผมหนี?”
“ใช่....ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็คงตามไปตัดหัวหรือยิงทิ้งเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียเกียรติราชวงค์ แต่มันกลายเป็นว่าคุณทำให้จารีฟกลายเป็นคนดัง เป็นที่นิยมเหนือกว่าซาอิทเสียอีก แล้วดังแบบหยุดไม่อยู่อีกต่างหาก คะแนนเทมาที่เขาล้นหลามแบบนี้ เรื่องของคุณก็เป็นที่สนใจด้วย ทำให้พระองค์เหลือทางเดียวคือดึงคุณผู้เป็นว่าที่แม่ของลูก
ในอนาคตเป็นฐานให้จารีฟเข้มแข็งขึ้นอีก ได้ครองตำแหน่งโดยเสียงข้างมาก” ทั้งคู่มาถึงหน้าประตูห้อง
ของเลแวนซ์ มันเปิดออกต้องรับการกลับมาอีกครั้ง ด้านในมีฮานน่าและสาวๆอีก 2 คนรออยู่
“ถึงตอนนี้เสียใจที่หนีไปก็สายไปแล้วนะ ถ้าอยู่เฉยๆเป็นนางในห้องของเขาไป ก็คงได้อยู่สบายๆแล้วแท้ๆ
อย่างที่ผมบอกแหละว่าจากนี้ไปบางอย่างมันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว”
“คาริค?” รติกรรู้สึกถึงความกดดัน
“จะมีคนคอยดูแล คอยสอนหนังสือ เรื่องการวางตัว มารยาทและกฎวังหลังนี้ อาจจะอึดอัดไปสักนิด คุณก็อดทนหน่อย เพื่อจะได้เป็นพระชายาที่สมบูรณ์แบบที่สุด”
“พระอะไรนะ??” เขาใจหายวาบ นี่ต้องฝันไปแน่ๆไม่ก็หูเพี้ยนแล้ว
“พระชายา  ตำแหน่งที่คุณจะได้เป็น และถ้ายิ่งได้ลูกชาย คุณก็จะได้เป็นสนมเอก เมื่อใดที่จารีฟได้ครองตำแหน่ง คุณก็จะได้เป็นราตู หรือราชินีแห่งซีเรีย”
“ล้อเล่นใช่ไหม” เขาว่าเสียงแหบแห้ง คำว่าอิสรภาพเหมือนจะเลือนหายไปแล้ว คาริคไม่ตอบเขาพยักหน้าให้ฮานน่า พวกผู้หญิงจึงเข้ามาสวมบ้างอย่างที่ข้อเท้ารติกร
แกร๊ก!
“อะไรเนี่ย?”
“เป็นรับสั่งของสุลต่าน คุณหนีไปถึงสองครั้งนะ พระองค์ไม่ให้อภัยคุณตรงนี้แหละ คุณจะต้องอยู่แบบนี้ นอกจากว่าจารีฟอยู่ด้วยถึงจะถอดออกได้”
“คาริค?  เดี๋ยวสิ คาริค!”
ปัง!  ประตูปิดใส่หน้าเขา
หนังสือพิมพ์และเอกสารสำคัญหลายอย่างกองพะเนินอยู่บนโต๊ะ ชายหนุ่มในชุดสบายๆเหมือนคนในเมืองนั่งอ่านแล้วอ่านอีก ราวกับจะให้ทุกตัวอักษรอัดเข้าไปในสมองให้มากที่สุด กาแฟร้อนๆวางทิ้งไว้จนเย็นเขาก็ยังไม่เงยหน้า กระทั่งมีคนเปิดประตูเข้ามา
“ว่าไง”
“มีแต่คนพูดถึงเจ้าชายจารีฟไม่ขาดปาก ขนาดตาแก่ร้านมุมถนนยังเอ่ยปากชมเลย”
“ตาแก่นั้นเหรอ หึ.....ไอ้เด็กนั้นทำได้ดีมากเลย”
“นายคิดอะไรอยู่ อิซัส” จาร์ฟาลากเก้าอี้มานั่งตรงข้าม
“ฉันพลาดท่าโดนไอ้เด็กเวรนั้นเล่นงานถึงสองครั้ง เรื่องอะไรจะยอมอยู่เฉยล่ะ ฉันคิดดูแล้ว คราวนี้สุลต่าน
คาเมนเลือกหมากได้ดี ลูกชายคนนี้ไม่มีอะไรด่างพลอยเลย เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก”
“แล้ว....”
“จะให้พวกราชวงษ์ขยายอิทธิพลมากกว่านี้ไม่ได้ ฉันจะหยุดมันให้ได้ แต่ต้องเริ่มจากข้างใน ญาติของอามีนยังทำงานในวังหลังอยู่หรือเปล่า”
“ใช่ เธอเป็นคนสนิทของราตูเลยล่ะ”
“ติดต่อให้หน่อยฉันอยากสอบถามเรื่องราวภายในให้ละเอียดกว่านี้”
“วังหลังเหรอ ฮะฮะ...นายคิดอะไรอยู่ ไปยุ่งกับพวกผู้หญิงอย่างนั้น”
“หึ มันเล่นงานจุดอ่อนของพวกเราทีหนึ่งแล้ว ฉันก็จะเล่นงานจุดอ่อนมันบ้างสิ” ชายหนุ่มยื่นหนังสือพิมพ์หน้าแรกที่มีรูปคนๆหนึ่งอยู่  จาร์ฟารเห็นแล้วต้องขมวดคิ้ว
“เขาน่ะหรือ เขาชื่ออะไรนะ?”
“เนย....ฉันรู้แล้วว่าทำไมมันถึงถ่อมาตามหาเด็กคนนี้  25 ล้านยูโรแลกกับสายเลือดบริสุทธิ์ คนที่จะเป็นแม่
ของลูกที่แข็งแกร่ง ตอนนี้กลายเป็นคนสำคัญแถมตำแหน่งพระชายารออยู่ในวันข้างหน้า เนี่ย.....สำคัญนะ”
เขาหัวเราะเสียงระรื่น
“นายจะทำยังไง แอบเข้าไปหาหรือ”
“อาจจะ....ฉันต้องหาช่องโหว่ภายในลอบเข้าไปให้ได้ จังหวะเหมาะก็จะเอาออกมาเลย แต่ถ้าไม่ได้....” เขาเว้นวรรคครุ่นคิดหนักคล้ายไม่ชอบวิธีนี้ แต่ไม่มีทางเลือก จาร์ฟามองพยายามอ่านสหายให้ออก
“ถ้าพาออกมาไม่ได้.....ฉันก็จะลอบเข้าไปเป็นพ่อของเด็กที่จะเกิดในอนาคตเสียเลย”
จาร์ฟาเหมือนตาสว่าง เขายิ้มเห็นด้วยกับความคิดนี้
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ลูกของนายก็เป็นรัชทายาทรุ่นต่อไป ฮะฮะฮะ....ต้องสนุกแน่ๆ”
อิซัสมองรูปในหน้าหนังสือพิมพ์ ใบหน้าของเด็กหนุ่มต่างแดนที่มองด้วยสายตาเศร้าจนเขาต้องพลิกมันคว่ำหน้าลง ทั้งที่รู้ว่าอาจต้องมีการกระทำที่น่าละอาย แต่เขาก็วางเฉยไม่ได้ เจ้าชายจารีฟเล่นงานเขาถึงสองครั้ง
สองครา เขาจะต้องล้างอายและ......ไม่ปล่อยให้หมอนั้นลำพองใจครอบครองเนยไว้คนเดียวแน่
นาฬิกากระดิกช้าๆส่งเสียงดังอย่างน่าประหลาดในห้องชุดหรูที่เงียบสนิท บรรยากาศในห้องนั้นอึดอัดแทบหายใจไม่ออก ฮานน่าและนางกำนัลคนอื่นๆได้แต่นั่งเงียบอยู่ที่มุมห้อง รอเวลาที่แสนทรมานนี้ให้ผ่านพ้นไปเร็วๆ กระทั่งเข็มเลื่อนบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน
ปัง..... ประตูห้องเปิดเข้ามาพร้อมอากาศที่โล่งโปร่งอย่างยิ่ง สาวๆลุกขึ้นตอนรับหน้าตาดีใจที่สุด
“ยังไม่นอนกันอีกหรือ” เลแวนซ์เข้ามาพร้อมคาริคเห็นไฟในห้องสว่างโร่ทั้งห้อง เขาเข้ามาในห้องนอนกว้างบนเตียงใหญ่ชั้นดีมีร่างหนึ่งนอนหันหน้ามาทางประตู พอเข้าไปใกล้ถึงเห็นว่าลืมตาโพลงน้ำตาหยดจนหมอนเปียกตาแดงก่ำไปหมด สายตาคู่นั้นจ้องมองเขาอย่างตัดเพ้อและโกรธเคืองอย่างที่สุด และคำตอบที่ชัดเจนที่โซ่เส้นเขื่องที่ล่ามข้อเท้าอยู่  ชายหนุ่มหันไปมองคาริค
“เป็นรับสั่งของสุลต่าน”
เฮ่อ.... เลแวนซ์ถอนหายใจเฮือก เหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูก เขาดึงร่างเล็กให้ลุกขึ้น แล้วกอดไว้แนบอก ฝ่ามืออุ่นลูบแผ่นหลังเอาใจ
“อย่าร้อง......ไม่ต้องร้องแล้ว  ฮานน่า ถอดสิ”
“เพคะ” ฮานน่าเข้ามาถอดโซ่ออกให้
“พวกเธอออกไปได้แล้ว” เขาสั่งคำเดียวสาวๆถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
“สุลต่านมีรับสั่งด้วยว่า...”
“ฉันรู้ ฉันก็อยู่ด้วย” ชายหนุ่มตัดบท เขาเชยคางมนขึ้นมองดวงตาชุ่มน้ำมองมาอย่างขอความช่วยเหลือ เขาไม่ยอมถูกล่ามโซ่เหมือนสัตว์เลี้ยงอย่างนี้หรอกนะ มันมากเกินไปแล้ว
“คาริค อาจารย์ที่จะมาสอนนั้นจะเริ่มเมื่อไร”
“พรุ่งนี้”
“งั้น......” เขามองรติกรอีกครั้ง
“ให้จัดคนไปสอนที่ห้องทำงานของฉันก็แล้วกัน”
“ห้องทำงานคุณ?”
“ใช่....จากนี้ไปฉันต้องศึกษางานบริหารทั้งหมด คนที่จะมาช่วยหยิบจับอะไรก็มีงานสำคัญกันหมด ฉันอยากจะให้เนยไปอยู่ช่วยงาน”
“จารีฟ งานบริหารเป็นเรื่องสำคัญ ฝ่ายในไม่ควรอยู่รับฟังด้วย”
“เขายังไม่ได้รับการแต่งตั้ง ยังให้ช่วยงานได้”
“ตำแหน่งไหน?”
“เอ่อ.....คนเหลาดินสอ”
คาริลขมวดคิ้วข้ออ้างฟังจิ๊บจ๊อยอย่างนี้ใครได้ยินเป็นหัวเราะแน่ เขามองตาขวางยังไงจารีฟก็ไม่ยอมถอนคำพูด สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ให้อีกตามเคย
“ก็ได้....ตามแต่คุณต้องการ”
เขาว่าก่อนออกจากห้องไป รติกรเงยหน้ามองเลแวนซ์ ดีใจที่สุดที่อุตส่าห์ทำเพื่อเขา ทั้งที่ตัวเองก็มีภาระหนักเช่นกัน ถ้าอยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็ไม่ต้องถูกล่ามโซ่อีกแล้ว ตอนนี้อ้อมแขนนี้ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและรู้สึกดีที่สุด

“ขอบคุณครับ...”
ชายหนุ่มจูบเบาๆที่ขมับปลอบใจ


“อดทนไว้นะ....อดทนไว้....เพื่อเราสองคน”

หัวหน้าห้อง

โพสต์
1512
พลังน้ำใจ
1612
Zenny
6474
ออนไลน์
812 ชั่วโมง

ลูกน้องหัวหน้าห้อง

โพสต์
497
พลังน้ำใจ
582
Zenny
3775
ออนไลน์
138 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
3394
พลังน้ำใจ
15749
Zenny
4625
ออนไลน์
4167 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2605
พลังน้ำใจ
23935
Zenny
38929
ออนไลน์
2280 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

โพสต์
3627
พลังน้ำใจ
6748
Zenny
6736
ออนไลน์
917 ชั่วโมง
ขอบใจมากครับ

หัวหน้าห้อง

โพสต์
1430
พลังน้ำใจ
1430
Zenny
6827
ออนไลน์
291 ชั่วโมง

ลูกน้องหัวหน้าห้อง

โพสต์
943
พลังน้ำใจ
827
Zenny
1766
ออนไลน์
176 ชั่วโมง

หัวหน้าห้อง

โพสต์
1423
พลังน้ำใจ
1338
Zenny
8250
ออนไลน์
245 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2711
พลังน้ำใจ
12929
Zenny
1942
ออนไลน์
5508 ชั่วโมง

น้องใหม่เฟรชชี่

โพสต์
8
พลังน้ำใจ
28
Zenny
70
ออนไลน์
0 ชั่วโมง
สนุกมากๆเลย

น้องใหม่เฟรชชี่

โพสต์
8
พลังน้ำใจ
28
Zenny
91
ออนไลน์
1 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

หัวหน้าห้อง

โพสต์
1484
พลังน้ำใจ
1541
Zenny
6736
ออนไลน์
824 ชั่วโมง

หัวหน้าห้อง

โพสต์
1736
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
ขอบคุนคราฟ

น้องใหม่เฟรชชี่

โพสต์
22
พลังน้ำใจ
33
Zenny
115
ออนไลน์
2 ชั่วโมง
ขอบคุณมากครา

น้องใหม่เฟรชชี่

โพสต์
22
พลังน้ำใจ
33
Zenny
115
ออนไลน์
2 ชั่วโมง
ขอบคุณมากครา

น้องใหม่เฟรชชี่

โพสต์
22
พลังน้ำใจ
33
Zenny
115
ออนไลน์
2 ชั่วโมง
ขอบคุณมากครา

น้องใหม่เฟรชชี่

โพสต์
22
พลังน้ำใจ
33
Zenny
115
ออนไลน์
2 ชั่วโมง
ขอบคุณมากครา

น้องใหม่เฟรชชี่

โพสต์
22
พลังน้ำใจ
33
Zenny
115
ออนไลน์
2 ชั่วโมง
ขอบคุณมากครา

ประธานนักศึกษา

โพสต์
362
พลังน้ำใจ
4070
Zenny
3893
ออนไลน์
583 ชั่วโมง
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-4-29 06:34 , Processed in 0.148559 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้