จีโฟกาย.คอม

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
 
ดู: 1758|ตอบกลับ: 45
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป
ซ่อนแถบด้านข้าง

มนตราทาสบำเรอ.... 9 - 10 ....

  [คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

ตูม!  สวรรค์ที่สวยงามของพวกเขาล่มทันทีทันควัน วิ๊ด เสียงเป่าปากดึงความสนใจทั้งคู่ไปที่กระโจม จาร์ฟาตะโกนเรียกสุดเสียง
“หน่วยลาดตะเวนของทางการบุกมาแล้ว!”
เลแวนซ์! รติกรใจเต้นโครมๆ

ตอนที่ 9 ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
ตูม!
เสียงระเบิดดันสนั่นหวั่นไหว พื้นทรายยังสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหว เสียงปืนกระหน่ำยิงหูดับตับไหม้
รติกรนอนหมอบอยู่กับพื้นอย่างนั้นด้วยความกลัว เหมือนฝันที่ไม่ใช่ฝัน ใครจะไปรู้ว่าตัวเองจะต้องมาอยู่กลางสนามรบอย่างนี้
“อพยพเด็กและผู้หญิงไปก่อน กองหน้าเป็นอะไรไป ทำไมไม่เห็นศัตรู พวกมันมัวทำอะไรอยู่” อิซัสตะโกนสั่งเสียงดังแข่งกับเสียงปืน
“พวกเขาไม่เห็น พวกนั้นไม่ได้มาด้วยรถฮัมวี่หรือคอปเตอร์อย่างทุกที”
“แล้วพวกมันมาด้วยอะไร?” ชายหนุ่มปัดผ้าคลุมหน้ากระโจมออก สิ่งที่เห็นทำให้ต้องหยุดกึก ท่ามกลางความมืดมิดของทะเลทราย เบื้องหน้าคือแสงวิบวับสีเหลืองนับร้อยนับพันที่เคลื่อนไหวราวกับระลอกคลื่นพุ่งตรงมาหาพวกเขา รวดเร็วและมุ่งตรงมาอย่างเป็นระเบียบ
อิซัสและจาร์ฟาล้มตัวหมอบกับพื้นทันทีที่สิ่งนั้นพุ่งทะยานข้ามหัวพวกเขาไป อูฐ! ฝูงอูฐนับพันที่ถูกมัดพ่วงเป็นคู่ๆด้วยเชือกป่านมัดฟ่อนฟางเผาไฟระหว่างกลาง ทำให้อูฐวิ่งเตลิดไปทิศทางเดียวด้วยสัญชาติญาณ
และสามารถสร้างความสับสนให้กองหน้าที่ซุ่มอยู่ได้  เขามองอูฐที่วิ่งเข้าไปในกระโจมทำให้ไฟลุกติดอย่างรวดเร็ว ไฟที่ลุกโหมกลายเป็นจุดเด่นสว่างไสวกลางทะเลทรายทำให้กลายเป็นเป้าหมายใหญ่ที่สุด
ไอ้คนต้นคิดแผนนี้ร้ายนักนะ ส่งอูฐมาก่อกวนก่อนแล้วทหารตามหลังสมทบ ทำให้สับสนทั้งอูฐ ทั้งไฟไหม้
ทั้งทหาร พวกเขาตั้งรับแบบนี้มีแต่เสียหายเท่านั้น เขาดึงจาร์ฟามาใกล้ๆ
“ให้ทุกคนถอยเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า”
“อิซัส?”
“ถอยเดี๋ยวนี้” ร่างสูงลุกวิ่งฝ่าเข้าไปในกระโจมที่กำลังลุกไหม้ เขาคว้าของสำคัญใส่กระเป๋าหนังสะพายหลังก่อนออกมาลานทรายใกล้โอเอซิส รติกรเงยหน้ามองเขาสีหน้าตื่น
“อิซัส? เกิดอะไรขึ้น”
“เราต้องไปแล้ว” เขาคว้าร่างเล็กขึ้นพาดบ่าเหมือนกำลังแบกของเบาๆ
ฮีร์... เสียงม้าร้องแว่วมาเบาๆท่ามกลางเสียงสาดกระสุนหูดับตับไหม้ ม้าสีดำกระโจนพรวดผ่านกระโจมทะลุออกมาด้านหลังอย่างรวดเร็ว ทำให้อิซัสหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจ หมอนี่เร็วจริงๆ บนหลังม้าสวมชุดสีขาวรัดกุมพกทั้งปืน ทั้งมีด เขาปกปิดทั้งตัวเหลือเพียงดวงตาเท่านั้น
เสือมีสัญชาติญาณที่รู้ว่าเสือตัวใดส่อแววเหนือกว่าตัวไหน เพียงแค่เห็นกันแว่บเดียวเท่านั้นก็เห็นความแตกต่างจากคนอื่นๆ บนหลังม้ากระโดดลงมาหาพลางชี้นิ้วสั่ง
“วางเขาลง”
“แกเป็นใคร?”
“ฉันสั่งให้แกวางเขาลง” มือเขาใกล้ปืนสั้นในเข็มขัดหนังทั้งสองข้าง ที่สะพายหลังยังมีปืนยาวที่ไหล่ซ้าย
ดาบยาวที่ไหล่ขวา แววตาดุดันมุ่งมั่นแสดงอำนาจอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มคลี่ยิ้มสมใจ
“เจ้าชายจารีฟสินะ” ประโยคนี้ทำให้รติกรตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ เลแวนซ์? เลแวนซ์มาตามเขาหรือ ความรู้สึกตอนนี้อยู่กึ่งกลางระหว่างดีใจกับกลัว ดีใจที่เขามา แต่กลัวมากกว่าถ้าถูกพากลับไปในวังก็ไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง
“จะไม่ทำความรู้จักกันหน่อยหรือ?” อิซัสท้าทาย
อีกฝ่ายดึงผ้าคลุมศีรษะออก เป็นเด็กหนุ่มที่พระเจ้าประทานร่างกายที่แข็งแรง ใบหน้าคมสันดึงดูดความสนใจได้ตั้งแต่แรกพบ ที่สำคัญคือดวงตากร้าวที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจราวกับเป็นผู้เดียวในโลกที่ยืนอยู่บนหอคอยงาช้าง และทอดสายตามองผู้ที่อยู่ต้อยต่ำว่า นี่มัน.....รวมทุกอย่างที่เขาเกลียดอยู่ในคนๆเดียวเลย  อิซัสยิ้มสมใจ ในที่สุด.....ก็พบคนที่คู่ควรจะเป็นศัตรูกับเขา  
“วางเขาลง....เดี๋ยวนี้”
“ไม่งั้นจะทำไม”
เลแวนซ์มองผู้ชายที่จ้องเขาด้วยสายตาชิงชัง แววตาข่มขวัญด้วยความชินชาในการใช้อำนาจ นั้น...ไม่บ่อยนักที่เขาจะเห็นคนใช้สายตามองผู้อื่นในระดับเดียวกันกับเขา ทั้งที่รอบด้านวุ่นวายเสียงกระสุน เสียงระเบิดดังอลม่าน หมอนี่ก็ยังสงบนิ่งเย็นเป็นน้ำแข็ง เป็นคนอื่นคงได้รีบร้อนหนีไปให้เร็วที่สุดแล้ว  หึ!... เขาชักดาบยาวออกมา
“ฉันจะฆ่าแก”
“ฮะ...” อิซัสหัวเราะเขาปล่อยร่างบนบ่าลงมาพลักเบาๆให้ล้มกลิ้งลงบนพรมนุ่ม
“อุ๊บ..” รติกรตกใจไม่คิดว่าจะโดนทิ้งอย่างนี้ คนพวกนี้ยังไงกันนะเห็นเขาเป็นของใช้หรือไงถึงนึกจะจับก็จับ นึกจะมัดก็มัดหรือนึกจะโยนก็โยนทำง่ายๆอย่างนี้เลย เขาตะเกียกตะกายลุกนั่งได้ก็เห็นสองหนุ่มมีดาบอยู่ในมือทั้งคู่
“กี่ร้อยปีแล้วนะที่ชาวซีเรียอย่างเราไม่ได้สู้กันด้วยดาบแล้ว”
“ดาบดีกว่าปืนอยู่แล้ว” เลแวนซ์ว่า ซึ่งอีกฝ่ายก็เห็นด้วย ปืนไม่มีลูกตาคนที่ไม่เกี่ยวข้องอาจโดนลูกหลงได้
พูดจบร่างสูงพุ่งปราดเข้าประชิด ดาบฟาดฟันใส่สุดแรง
เคร้ง! อิซัสยกดาบขึ้นรับ น้ำหนักที่ทุ่มลงมาทำให้เขาต้องถอยแต่ก็ไม่ลืมปัดทางดาบให้เบี่ยงออกไปก่อน เขาคิดจะเข้าสู้วงในแล้วเล็งเป้าเล็กไปที่ข้อมือ ยังไม่ทันจะก้าวเท้าเข้าไปหา เลแวนซ์ควงดาบตวัดกลับมาทำให้ดาบ
อิซัสหันไปผิดทาง หมัดล้วนๆชกเข้าใส่หน้าจังๆ
ผัวะ! ทำเอาผงะถอยออกมาหลายก้าวเลย ปากได้รสเลือดจางๆ ชายหนุ่มหันไปมองหน้า เร็วและทรงพลังดี
“ไปเรียนมาจากไหน”
“เกมเอ็กซ์บ๊อกซ์เวอร์ชั่นที่ 110” เขาว่าก่อนรุกไล่หมายจะเอาชนะ ล้มคู่ต่อสู้ให้ได้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ง่ายเหมือนในเกม อิซัสเป็นฝ่ายตั้งรับก่อนล้มคุกเข่าข้างหนึ่ง เขาโผเข้าจ้วงแทงแต่กลับพลาดถูกคว้าแขนบิดหักจนแข็งตึง  อิซัสโขกศีรษะสวนเข้าซะล้มกลิ้ง เลือดจมูกหยดแปะๆลงกับพื้นทราย
ไอ้หมอนี่! เขาโกรธขึ้นมาวูบ รีบร้อนลุกขึ้นมา ทั้งคู่ปรี่เข้าหากัน
ตูม! ระเบิดลงใกล้ๆนั้นส่งให้พวกเขาลอยละลิ่วไปคนล่ะทาง ฝุ่นทรายลอยขึ้นสูงแล้วร่วงลงลอยไปกับลมแรงของยามค่ำ รติกรต้องก้มหน้าซุกกับหัวเข่าเพื่อหลบไม่ให้ทรายเข้าตา อิซัสถึงกับจุก หูอื้ออึ้งไปชั่วขณะ เขายันตัวลุกขึ้น
“อิซัส!”จาร์ฟาขี่ม้ามาหาพร้อมจูงม้าประจำตัวของเขามาด้วย
“มาเร็วเข้า”
เขาหันไปมองอีกคนที่ล้มอยู่ไม่ไกล รายนั้นมีคนเข้ารุมล้อมประคับประคองพร้อมอาวุธครบมือ ไม่มีโอกาสลงมือแล้ว อีกคนที่อยากเอาไปด้วยก็อยู่ไกลไป เสี่ยงมากก็ไม่ได้ เลแวนซ์ลุกขึ้นสิ่งแรกที่มองหาคือเขา ต่างฝ่าย
ต่างจ้องหน้าเอาเรื่อง เพราะยังไม่ทันจะรู้แพ้ชนะเลย ปีศาจแห่งทะเลทรายชี้หน้าตะโกนว่า
“คราวหน้า....ฉันจะจัดการกับแก.....ห้ามแกแตะต้องของๆฉันเด็ดขาด”
“นั้นสมบัติของฉัน แกต่างหากที่ไม่มีสิทธ์แตะต้อง”
“แล้วจะได้เห็นกัน”
เขาทิ้งท้ายก่อนขึ้นหลังม้าควบหายไปในความมืด เลแวนซ์พ่นลมออกมาอย่างโกรธจัด ไอ้บ้านั้นเขาต้องจัดการให้ได้แน่ เขาเช็ดเลือดออกจากจมูก หอบน้อยๆขณะที่ทหารเข้ามาควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ทั้งหมด
“ฝ่าบาท” หัวหน้ากองเข้ามาหา
“มีใครบาดเจ็บไหม”
“พะยะคะ เจ็บ 23 นาย เสียชีวิต 1 นับว่าเป็นชัยชนะที่งดงามมาก”
“กองโจรล่ะ”
“ตาย 12 บาดเจ็บร่วม 50 ได้ กองหลังของเราจับพวกผู้หญิงและเด็กไม่ไกลจากที่นี่เท่าไรกำลังคุมตัวมาสมทบที่นี่พะยะคะ”
“ติดต่อฐานทัพให้ส่งหมอ พยาบาล กับอาหารเท่าที่จำเป็นมา เราจะตั้งค่ายที่นี่ชั่วคราว”
“ไม่ส่งพวกเขาเข้าคุกในเมืองหรือพะยะค่ะ”
“เราจะสอบปากคำพวกเขาก่อน”
“แต่เรือนจำเตรียมเจ้าหน้าที่รอสอบสวนอยู่แล้ว”
“แจ้งเขาไปว่าไม่ต้องรอ ที่นั้นมันหนักหนาไปสำหรับเด็กและผู้หญิง ฉันจะเป็นคนสอบสวนพวกเขาเอง”
ร่างสูงถอดเข็มขัดปืนและดาบออกจากตัวลงข้างๆพรมรวมถึงถุงมือด้วย เขาหย่อนกายลงนั่งสบายๆบนพรม
ที่เต็มไปด้วยหมอนนุ่มๆและหม้อตุ๋นที่ยังอยู่ดี คนที่ถูกมัดไข้วหลังนอนหมอบกระแตพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับหมอนลายพร้อยค่อยๆลืมตาขึ้นมอง เห็นดวงตาดุดันจ้องมองอย่างเอาเรื่องเขาก็ผลุบตาลงไม่กล้าส่งเสียง
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” เลแวนซ์ถาม
“อืม...”
“ไม่มีปากหรือไง”
“ไม่เป็นไร”
มือแข็งๆช้อนใบหน้าเขาให้เงยสบตาแล้วบอกน้ำเสียง-เอี้ย-ม  
“เธอติดหนี้ฉัน”
“ผมขอโทษ”
“ฉันจะคิดบัญชีนี้ทีหลัง....พร้อมดอกเบี้ยด้วย” คำขู่นั้นน่ากลัว แต่น้ำเสียงนั้นอ่อนลงจนไม่รู้สึกกลัวเท่าไร
มีบางอย่างที่แปลกไปแต่รติกรไม่รู้ว่าอะไรอาจเป็นเพราะเลแวนซ์เหนื่อยก็ได้ พวกเขานั่งอยู่ข้างๆกันมองเหล่าทหารช่วยกันดึงกระโจมที่ลุกโชนลงมาเพื่อดับไฟ กว่าจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ฟ้าก็สางพอดี
“รีส..” มีมือเขย่าเขาเบาๆ เฮ่อ อย่ามากวนได้ไหมเพิ่งจะหลับได้แป๊บเดียวเอง  
“รีส....ตื่นเถอะ”
“หื้อ?” เขาพลิกตัวมาก็ต้องลืมตาโตเมื่อเห็นคนที่คุ้นหน้า
“คาริค?”
“เป็นไงบ้าง เห็นว่านอนข้ามวันข้ามคืนไม่มีทีท่าจะตื่น ผมเลยเป็นห่วง”
“อะไรกัน” เด็กหนุ่มหัวเราะนอนทั้งวันที่ไหน เขาเพิ่งจะงีบได้เดี๋ยวเดียวเอง รติกรลุกนั่งก่อนจะเห็นว่ารอบๆตัวเปลี่ยนไป กระโจมใหม่พื้นพรมใหม่ มีกระทั่งผ้าม่านด้วย โอ๊ะโอ๋....เท้าเขาได้ทำแผลใหม่ด้วย  ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ยทำไมไม่รู้สึกตัวเลย
“เอ๊ะ? ผมหลับไปนานเลยหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ เลแวนซ์เขาเป็นห่วงมากนะ แต่ปลีกตัวมาไม่ได้ ผมเลยอาสามาดูให้ คุณไม่เป็นไรนะ”
“ไม่ๆ ผมสบายดี” ทำไมถึงหลับได้หลับดีขนาดนี้เขาก็ไม่รู้ แว่บหนึ่งเขานึกถึงอิซัสไม่รู้ว่าหนีรอดหรือเปล่า
รติกรกำลังคิดว่าจะลุกอยู่แล้ว ผ้าห่มก็ถูกดึงออกไป โต๊ะเตี้ยเล็กๆพร้อมอาหารหอมกรุ่นยกเข้ามาวางคล่อม
กับตัวเขาทันที แค่ได้กลิ่นท้องเขาก็ร้องโครกทันที
“คุณคงหิวแล้ว ทานอะไรหน่อยนะ”
“ขอบคุณครับ คาริคที่นี่มันที่ไหน?” เด็กหนุ่มถามพลางตักอาหารเข้าปาก
“โอเอซีสฮาวัล ห่างจากเมืองหลวงไป 20 กว่าไมล์ได้” งั้นก็ที่เดิมที่เขาเคยอยู่
“เลแวนซ์ล่ะ”
“เขาน่ะยุ่งอยู่กับงานไม่ได้เงยหน้าเลย นี่ก็อดนอนมาหลายวันแล้ว”
“เอ๋?” ไหงเป็นงั้นล่ะ
“ตอนแรกเขาขอกองทหารออกมาตามหาคุณเท่านั้น ถ้าพาคุณกลับวังแล้วที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่คนอื่นไป
ก็จบเรื่องแล้ว แต่เขาเป็นห่วงเด็กกับผู้หญิงที่ถูกจับได้ ไม่ยอมส่งไปเรือนจำ จะสอบปากคำเอง ถ้าไม่มีข้อสงสัยก็จะปล่อยไปเลย กลาโหมก็ไม่ยอม จารีฟเขาบินตรงไปเจรจาด้วยกว่าจะยอมได้ก็เล่นเอาหืดขึ้นเลย นี่เพิ่งกลับมาก็ต้องเริ่มสอบปากคำอีก”
“ทำไมเขาต้องทำอย่างนั้นด้วย”
“จารีฟเขาคิดจะใช้ไม้อ่อนน่ะ ก็กองโจรของปีศาจทะเลทรายได้รับความนิยมจากชนเผ่าเร่ร่อนมาก จะซื้อใจคนพวกนี้ให้กลับมาภักดีกับรัฐได้ก็ต้องเข้าใจปัญหาของพวกเขา แล้วแก้ให้ถูกจุด องค์สุลต่านเห็นด้วยกับความคิดเขา ถึงยอมขอร้องรัฐมนตรีกลาโหมให้ความร่วมมือ คุณรู้ไหมว่าเรื่องนี้เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศเลยนะ”
คาริคพูดแววตาเป็นประกาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น รติกรมองตาปริบๆ เรื่องของบ้านนี้ เมืองนี้
ไม่เกี่ยวกับเขาหรอก แต่สายตาที่จ้องมองเขาอย่างยินดีมีเลสนัยนี่น่ะน่าสงสัย
“มีอะไรหรือครับ ทำไมจ้องผมอย่างนั้นล่ะ”
“หึ....ผมดีใจน่ะที่ได้พบคุณ..แบบปลอดภัยอีกครั้ง ถ้าหากคุณเป็นอะไรไปผมคง....ไม่มีโอกาสได้ขอบคุณคุณ”
“ขอบคุณผม เรื่องอะไรครับ?”
คาริคหันไปส่งสัญญาณให้สาวๆที่คอยให้การรับใช้ใกล้ๆออกไปเหมือนมีเรื่องสำคัญ รติกรเลยตักคำสุดท้ายใส่ปากแล้วเลื่อนโต๊ะออกไป เขาหย่อนเท้าลงข้างเตียงร่างสูงนั่งบนเตียงเคียงข้าง ท่าทีสบายอกสบายใจปรากฏบนใบหน้า เขาไม่เหมือนคาริคยามอยู่ในวังดั่งเช่นก่อน เด็กหนุ่มรู้สึกได้
“รีส.....หลังจากคุณหนีออกมา ในวังเกิดเรื่องขึ้นมากมาย ทั้งวุ่นวาย ทั้งโกลาหล ทุกคนรู้เลยว่าเจ้านายทั้งหลายต้องโมโหโกธาอาละวาดแน่ๆ ซึ่งแน่นอนทุกคนโมโหเพราะคุณน่ะแหกกฏที่มีมานมนานตั้งหลายสิบข้อ แต่มีอยู่คนเดียวที่ไม่โกรธ ไม่โมโหเลย”
“ใครเหรอ?”
“จารีฟ”
โกหก! ไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย อย่างเลแวนซ์น่ะเหรอจะไม่โกรธเขา ความคิดนี้ปรากฏชัดบนใบหน้าจน
คาริคหัวเราะ
“ไม่เชื่อล่ะสิ”
“แห๋งแหละ เขาต้องโกรธอยู่แล้ว”
“ใช่ เขาโกรธ แต่เป็น.....โกรธตัวเองมากกว่าที่ทะเลาะกับคุณแล้วปล่อยให้คุณคลาดสายตาไปน่ะ” คาริคถอนหายใจเบาๆ มืออุ่นลูบไหล่เล็กปลอบใจ  
“ สาเหตุนั้นมาจากผม คุณโกรธจารีฟเพราะเขาเฉยเมยกับผมใช่ไหมล่ะ นั้นทำให้เขาถึงไปขอร้ององค์สุลต่าน ให้คืนอิสระแก่ผม”
ร่างเล็กหันมามองหน้าขวับ ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“จารีฟน่ะเหรอ? เขาขอร้อง.....ให้คุณ”
“ใช่ ผมยังต้องทำงานเป็นคนดูแลความสะดวกภายในเหมือนเดิม แต่....ไม่ต้องนอนกับใครอีกแล้ว” รติกรมองตาโตอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน อย่างจารีฟน่ะเหรอขออิสระให้คาริคเพื่อเขา นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์เลย หัวใจเขาเต้นแรงด้วยความดีใจและอบอุ่นอย่างประหลาด
“ผมดีใจกับคุณด้วยครับ”
“ทั้งหมดนี่ก็เพราะคุณ  ขอบคุณมาก”  คาริคลุกขึ้นยื่นมือมาเพื่อแสดงความขอบคุณ รติกรจับมืออุ่นนั้นไว้เขาดีใจที่คาริคเป็นอิสระเสียที ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยภาคภูมิชัดเจน
“รีส....ขอให้คุณไว้ด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่ข้างคุณเสมอ”
เหมือนเป็นคำมั่นที่ให้ไว้ด้วยการบีบมือหนักแน่น ชายหนุ่มเดินไปถึงประตูกระโจมก็หยุดหันมามองเขา แววตาเต้นระริกอย่างมีความสุข
“อีกอย่างผมคิดว่าคุณควรรู้ไว้”
“อะไรหรือครับ”
“ตอนที่จารีฟขอร้องสุลต่าน เขาไม่ได้ขอให้ผมคนเดียว เขาขอให้คุณด้วย”
“ผมด้วยเหรอ?”
“ใช่ เขาขอ”
“แล้วไงครับ สุลต่านท่านให้ไหม” เด็กหนุ่มตื่นเต้นจนระงับใจไม่อยู่แล้ว
“ท่านให้สิ....แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง”
อ้าว? ดีใจได้ไม่สุดแฮะ เขายิ้มเก้อเลย
“ข้อแม้อะไร?”
คาริคไม่ทันได้ตอบ ประตูกระโจมสะบัดพรึ่บเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใหญ่ในชุดรัดกุมสีขาวซึ่งตอนนี้เป็นสีหมองพร้อมด้วยฝุ่นทรายเดินตึงตังเข้ามาหน้าบูดเป็นตูดหมึกเข้ามาเลย
“จารีฟ?”
“อย่าเพิ่ง....ขอนอนก่อน อีกชั่วโมงค่อยปลุกล่ะกัน”
“เหวอ!” รติกรร้องลั่น ร่างสูงโถมทับเข้ามาพาเขาล้มกลิ้งบนฟูกนิ่มด้วยกัน
“เลแวนซ์”
“อืม....คิดถึงจัง” เขาว่าเสียงอ่อนล้า วงแขนกอดรัดเอวเล็กแทบหัก
“เลแวนซ์ ปล่อยผมก่อน มันอึดอัดนะ ปล่อยสิ” ร่างเล็กดิ้นรนยังไงก็คลายวงแขนไม่ได้เลย มิหน่ำซ้ำยังเอาหน้ามาถูไถแผ่นหลังกับซอกคอเขาหน้าตาเฉย พอเขานิ่งเฉย ก็เฉยตามด้วยเสียงกรนเบาๆ หลับไปแล้ว หันไปมองคาริคอย่างขอความช่วยเหลือ รายนั้นยิ้มแหยๆแล้วถอยออกไปเลย
โธ่เอ้ย....เขาพยายามเอาตัวออกยังไงก็แกะไม่ออก ไอ้บ้า..ล๊อคอำมหิตจริงๆ จะไม่ให้ไปไหนเลยใช่ไหม ร่างเล็กดิ้นยุกยิกอยู่นานจนเหนื่อยสุดท้ายต้องยอมแพ้ นอนนิ่งอยู่ข้างๆอย่างนั้น จนวงแขนที่โอบรัดคลายตัวลงนิดหน่อย เขาค่อยๆพลิกตัวหันมาหาหนุ่มตัวโตกว่า
โอ๊ะ...ให้ตายสิ คนอะไรเวลาหลับนี้โคตรหล่อเลย รติกรมองค้างจนชักเมื่อยคอเลยดึงหมอนมารองหัว
มองใบหน้าที่ได้รูปอย่างร้ายกาจนี้ชัดๆ ขนคิ้วดกเรียงเป็นระเบียบเรียวได้รูป จมูกโด่งเป็นสันซะน่ากัดจริงๆ ปากก็น่า..... หึ เพอร์เพ็กน่าหมั่นไส้จริงเชียว เหวอ!!! ร่างเล็กตกใจ จู่ๆวงแขนก็รัดแน่นจับเขาพลิกมานอน
อีกข้าง แถมกอดแน่นกว่าเดิมอีก หน้าเขาซุกติดกับอกกว้างจนกระดิกไม่ได้เลยวุ้ย
“เลแวนซ์...” เขาเรียกเบาๆ ไม่มีเสียงขานนอกจากเสียงหายใจยาว กลิ่นแดดร้อนผ่าวโชยมาแตะจมูกทำให้รู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก ขนตายาวงอนกระพริบปริบๆหลายครั้งก่อนค่อยๆหลับลงโดยไม่รู้ตัว ในวงแขนนี้ทำให้รู้สึกสงบสบายใจเหมือนได้แอบอิงอยู่ในปรากการที่ปกป้องอยู่ตลอดเวลา
ตอนที่ 10 ข้อแม้ที่ยากจะเข้าใจ
รู้สึกดีจัง  อา....รติกรหายใจลึกอารมณ์หวานซ่านแทรกเข้ามาทุกอูณของร่างกาย จนรู้สึกถึงน้ำลายสอในปาก ความเสียวซ่านแล่นแปล้บจากกึ่งกลางลำตัวพล่านไปถึงเส้นผมและปลายเท้า อารมณ์แบบนี้ปลุกให้ตื่นจากฝันหวานๆอย่างน่าเสียดาย เด็กหนุ่มเห็นเพดานไหววูบแปลกๆ เอ๋? พายุหรือแผ่นดินไหวนะ ถึงทำให้มันไหวได้
“อ๊ะ..” จู่ๆความรู้สึกเสียวก็แล่นปร้าดราวกับไฟฟ้าช๊อตอย่างจัง ร่างเล็กกระตุกเฮือกบางอย่างที่เปียกชื้นกำลังเล็มเลียยอดอกเขาอยู่ รติกรตาสว่างทันที เขาผงกหัวขึ้นมาเห็นเลแวนซ์ซุกไซ้หน้าอกเขาไปมา ขณะที่มือรูดกางเกงบางๆเขาออกจากปลายเท้าก่อนโยนมันทิ้งออกไปไกล
“เลแวนซ์??”  คำประท้วงถูกหยุดไว้ก่อนจะพูดอะไรออกมาได้มากกว่านี้ด้วยริมฝีปากที่บดจูบรุนแรงเร่าร้อน มันบังคับให้เขาเปิดปากยอมรับจูบนี้แต่โดยดี ปากดูดดุนริมฝีปากล่างจนมันบวมเจ่อ ก่อนสอดลิ้นร้อนผ่าวเข้าสัมผัสเขา ความรู้สึกแรกคือมันเหมือนลาวาเดือดพล่านกำลังพุ่งผ่านเข้ามาทำให้เขาต้องร้อนรนราวกับไฟ วินาทีต่อมามันกลับชะงักทำให้เขางงงวยชั่วครู่ เลแวนซ์ชักพาเขาเข้าหาตนเองด้วยการเกี่ยวลิ้นให้เข้ามาในปากตนเอง ทำให้เขาได้เรียนรู้ฝ่ายตรงข้ามบ้าง
รติกรสูดหายใจลึกด้วยความพยายามตั้งสติ แต่นั้นเป็นการกระทำที่ผิดพลาดมาก เมื่อสูดกลิ่นอาย กลิ่นของความรู้สึกทั้งมวลของเลแวนซ์เข้ามาเต็มปอด มิหน่ำซ้ำยังถูกดึงมือทั้งสองให้โอบรอบคอด้วย ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายถอดเสื้อออกไปแล้ว แผ่นอกกว้างมีไรขนอ่อนเบียดถูผิวเขาชวนให้จักกะจี้เหลือเกิน ดีที่ว่ายังมีกางเกงอยู่ทำให้นึกดีใจอยู่บ้าง พวกเขาสัมผัสเนื้อตัวกันแนบแน่น ยามเนื้อตัวเสียดสีถูไถกันไปมามันให้เร้าอารมณ์ลึกๆให้ลุกเป็นไฟอย่างช้าๆ
จูบที่ปล้นชิงความคิดและจิตใจเลื่อนไปทั่วใบหน้าและลงสู่ลำคอ ตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มได้ยินเสียงคำรามอย่างพอใจจากร่างแกร่งที่อยู่เหนือกว่าได้ เสียงกระเส่าเย้ายวนใจเหลือเกิน เรียวขาถูกเกี่ยวขึ้นพาดเอวข้างหนึ่งเปิดทางให้เบื้องล่างเปิดโล่ง ความร้อนผ่าวแข็งขันสัมผัสกันผ่านเนื้อผ้า มันบดเบียดเสียดสีแรงๆพร้อมๆกับจูบที่บดขยี้ยอดอกข้างหนึ่งสร้างความหรรษาอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน ความรู้สึกนี้ทะลักล้นจนทนไม่ไหว ต้องร้องออกมา
“อูว...อาห.....เลแวนซ์” สองมือสอดเข้าไปในเรือนผมดกดำ ขยุ้มแรงๆ ขณะที่เอวแอ่นโค้งขึ้นถูไถต้นขาอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง ข้างในของเขา....ข้างในมันต้องการบางอย่าง ต้องการเหลือเกิน
“โอ้ว...อย่าๆ อย่า” เด็กหนุ่มร้องลั่นเมื่อร่างสูงกว่าเลื่อนลงต่ำอีก สองมือแยกขาเขาออกกว้าง เขารีบสอดมือลงปกปิดตัวเองทันที น่าอาย....มันน่าอายที่จะปล่อยให้เห็นชัดๆเต็มตา ดวงตาดุดันเหลือบขึ้นมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์
“เอามือออกไป”
“ไม่...หยุดเถอะ” เขาส่ายหน้า แล้วต้องสะดุ้งเมื่อลิ้นเปียกๆร้อนซ่านเลียตั้งแต่ปลายนิ้วขึ้นมาถึงหลังมือ อารมณ์เสียวซ่านพุ่งจี้ดราวกับตนเองได้ลอยอยู่บนก้อนเมฆก็ไม่ปาน หากมันเล็มเลียเขาตรงๆจะสุขสมขนาดไหนนะ
“เอามือออกไป.....คนดี” เลแวนซ์เรียกเสียงหวานซะหัวใจสั่นระรัว ร่างแกร่งรั้งเรียวขาขึ้นบนบ่าทั้งสองข้างพลางก้มลงจูบบนหลังมือเบาๆ ทำให้เรี่ยวแรงปกปิดถดถอยลงอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนั้นเองที่ลิ้นร้อนๆเลียแทรกผ่านระหว่างนิ้ว สัมผัสถึงจุดอ่อนที่สุดของเขา ร่างเล็กถึงกับผวาเฮือก ลิ้นของเลแวนซ์ดันนิ้วเขาแยกออกจากกันง่ายๆแล้วแทรกเข้ามาแก่นกลางของความรู้สึก
“อา...อึ่ก...อืม....อืม” รติกรหายใจหอบกระเส่า มือนั้นปกปิดตัวเองไม่ไหวแล้ว เขาถูกทำให้เร่าร้อนจนอดไม่ไหวที่จะเสนอตัวเองให้อีกฝ่ายได้เชยชมเต็มที่ ส่วนนั้นผุบเข้าผุบออกในเรียวปากที่ชุ่มชื้น  เปียกแฉะ และอุ่นจัดแทบจะหลอมละลายเขากลายเป็นน้ำได้ทุกเมื่อ
“เลแวนซ์.....เลแวนซ์ อะ....อ่า.....ปล่อยผมเถอะ....อ่า....ได้โปรด”
ปากร้องขอให้ปล่อย ทว่าสะโพกกลับแอ่นโค้งเคลื่อนไหวตามจังหวะดูดดื่มอย่างว่าง่าย เขากำลังติดลมบนสำเริงสำราญบนความวาบหวิวดั่งนกน้อยเริงร่า และตอนนี้เขาต้องการบินให้สูงกว่านี้ จังหวะอารมณ์นี้เลแวนซ์รู้ดี เพราะรับรู้ได้จากอาการเกร็งเครียดบริเวณกล้ามเนื้อต้นขา เขาโย่งตัวขึ้นปลอดเชือกผูกกางเกงออก เผยความต้องการที่พองโตออกมา รติกรลมหายใจสะดุดในลำคอเมื่อเห็นความใหญ่โตตรงหน้า ส่วนในลึกๆตัวเขาเสียวจี้ดขึ้นมาทันที บอกไม่ถูกว่ามันเสียวซ่านหรือเสียวกลัวเจ็บกันแน่ มันอยู่ตรงนั้นกำลังจะ.....
“ว้าย...” เพล้ง!
เสียงแก้วตกแตกทำเอาทุกอย่างพังทลาย ประหนึ่งถูกน้ำเย็นเชียบสาดเข้ามาโครม ตื่นจากฝันเข้าสู่โลกแห่งความจริงทันที เลแวนซ์หันไปมองตัวต้นเหตุตาเขียว
“ใครใช้ให้เข้ามา ออกไป!”
“พะ.. เพคะ” นางกำนัลรีบร้อนเก็บข้าวของบนพื้นแล้วคลานออกไปให้เร็วที่สุด บรรยากาศภายในกระโจมนั้นกดดัน อึดอัด อีหลักอีเหลื่อที่สุด เขาหันกลับมาใต้ร่างตะเกียกตะกายคลานหนีไปแล้ว
“เนย...”
ร่างเล็กคว้าเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้มาสวมอย่างรวดเร็ว แล้วหันมามองเขาด้วยสายตาที่โกรธเคือง อับอายและปฎิเสธอย่างสิ้นเชิง เท่านี้โอกาสเขาก็หมดลงแล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกทิ้งตัวลงนอนต่อด้วยความสุดเซ็ง พวกเขาเงียบไม่มีเรื่องพูดคุยกัน รติกรมองไปรอบๆไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหนดี เท้าเขายังเจ็บยืนยังไม่ไหวด้วยซ้ำ
“มานี่เถอะ” เลแวนซ์เรียก เขาหันไปมองสายตาไม่ไว้ใจ
“มาน่า....ฉันไม่ทำอะไรหรอก”
“ผมนั่งตรงนี้ได้” เขาพยายามมองหานาฬิกา
“ฉันบอกให้มาไง” น้ำเสียงกระด้างสุดๆ เตือนให้รู้ว่า อย่าให้เรียกหลายครั้งนะไม่งั้นล่ะก็ได้เห็นดีแน่ ร่างเล็กนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ไม่อยากแต่ก็ไม่กล้า เขาค่อยๆคลานกลับมานั่งห่างๆ ก่อนจะถูกกระชากแขนให้ล้มลงมานอนใกล้ๆ
รติกรตัวแข็งเป็นหิน ใจตุ๊บต่อมๆกลัวจะถูกทำอะไรอีก แต่อีกฝ่ายแค่กอดเฉยๆ มือใหญ่วางบนหน้าผากเขาเบาๆ
“ตัวอุ่นๆ รู้สึกมีไข้อีกไหม”
“ไม่แล้ว”
“พักผ่อนให้มากๆหน่อย จะได้หายไวๆ” เขาเลื่อนมือมากดหัวกลมทุยให้ซบกับบ่ากว้าง หึ! ทำเหมือนเขาเป็นเมียไปได้ รติกรนึกเคืองในใจก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่คาริคบอกเขาไว้
“เลแวนซ์”
“ว่าไง”
“คาริคเล่าให้ฟังว่าคุณขออิสระให้แก่เขากับสุลต่าน”
“ใช่....”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ถ้าฉันไม่ทำ พอพาเธอกลับไปได้เธอก็จะโกรธฉันไม่เลิก ไม่อยากให้ทะเลาะกันอีกฉันเลยขอไว้ก่อน”
“แล้วคุณขอให้ผมด้วย”
“ใช่” เด็กหนุ่มลุกขึ้นมองเขาทันที
“ท่านว่ายังไง?”
สีหน้าของเลแวนซ์ไม่ยินดียินร้ายทำให้เดาไม่ออกเลยว่าเป็นข่าวดีหรือไม่
“ท่านอนุญาต ถ้าหาก....”
“ถ้าหากอะไร” เร็วๆ เขาอยากรู้ใจจะขาด แต่อีกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น
“เลแวนซ์”
“ท่านว่า....ท่านจะอนุญาต ถ้า....เธอให้ลูกชายกับฉันได้”
ลูกชาย? หมายความว่า.....รติกรขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความหนักอึ้งของปัญหาทับถมลงมาบนหัว เขาต้องมีลูกให้
เลแวนซ์ และต้องเป็นลูกชายด้วย แค่คิดก็กลัวขึ้นมาแล้ว เขาจะต้องพบเจอปัญหาอะไรอีกเนี่ย แล้วถ้าเกิดเขาได้ลูกสาวล่ะ มิต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับคาริคก่อนหน้านี้หรือ
“อย่าขมวดคิ้วสิ เรื่องมันอาจไม่เลวร้ายกว่าที่เธอคิดก็ได้”
“ไม่เลวร้ายเหรอ....นี่ยังเลวร้ายไม่พอหรือไร .....ทำไมสุลต่านท่านถึงมีข้อแม้แบบนี้ มันเรื่องอะไรกัน คุณบอกผมมาสิ” เด็กหนุ่มโวยอย่างเดือดดาล ขณะที่คนนอนข้างๆสีหน้าเรียบ ทว่าคิ้วขมวดขึ้นมาแล้ว
“ยังไม่เข้าใจอีกหรือ” เลแวนซ์ว่า ทำให้เขาชะงัก ร่างสูงลุกขึ้นหยิบเสื้อบางๆแขนยาวมาสวมใส่
“เธอถูกซื้อมาเพราะอะไร แล้วทำไมถึงให้ลูกคนรองก่อนให้คนโต ทำไมถึงมีข้อแม้ให้ลูกเป็นผู้ชาย บอกแค่นี้คิดเอาเองออกไหม”
รติกรนั่งงง ยิ่งฟังก็ยิ่งสับสน ก่อนค่อยๆลำดับเหตุการณ์คิดตามพอเห็นสายตาที่มองมาฉายแววยุ่งยากใจ
มีบางอย่างที่หนักหนาต้องแบกรับเอาไว้ เขาถึงอ่านออกในนาทีนั้น  
“เลแวนซ์?”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เรื่องนี้ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด นอกจากเรา”
“ท่าน....ท่านจะให้คุณ....?” รติกรพูดไม่ออก สุลต่านมีแผนจะให้เลแวนซ์ครองตำแหน่งแทนที่ซาอิท
“ใช่.....และมันหมายถึงอะไรรู้ไหม สงครามในวังหลังไง พระชายาจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่ ฉันถึงต้องให้คาริค
มีอิสระคุ้มกันเธอได้” พูดแบบนี้หมายความว่า....โอ้ เขาไม่อยากคิดว่าเลยว่าจะต้องเผชิญปัญหาอะไรบ้าง
แค่เรื่องมีลูกก็ปวดหัวแทบกระอักแล้วยังมีเรื่องพระชายาอีกหรือ
“แต่ว่า....”
“ฉันไม่อยากให้เธอมายุ่งเกี่ยวเรื่องด้วยนะ แต่มันสายไปแล้ว”
“สายไปอย่างไง! จะสายไปได้ยังไง” รติกรคว้าเสื้อได้ก็ดึงร่างสูงให้เข้ามาหา
“คุณแค่ปล่อยผมไปเท่านั้น เลแวนซ์ คุณแค่ปล่อยผมไป ให้ผมขึ้นเครื่องกลับอเมริกาเท่านั้น แล้วลืมทุกอย่างซะ พวกคุณมีเงินเป็นล้นพ้นอยู่แล้วจะหาซื้อคนเต็มใจมาเป็นแม่ของลูกได้เยอะแยะ ทำไมต้องเป็นผมด้วยเล่า
ทำไม....”
เด็กหนุ่มปล่อยโฮออกมากับอกกว้าง วงแขนแข็งแรงโอบกอดเขาแน่น ปลายนิ้วได้รูปสอดเข้าในเรือนผมนวดเฟ้นเบาๆ ความอัดอั้นข้างในก็บางเบาลงอย่างไม่น่าเชื่อ ใบหน้าอ่อนวัยกว่าแหงนหงายขึ้นมองเขา
“เลแวนซ์....คุณทำได้ใช่ไหม คุณทำได้อยู่แล้ว แค่คุณสั่งคำเดียวก็ไม่มีใครกล้าขวางคุณอยู่แล้ว ให้ผมไปเถอะ...ผมไม่อยากเผชิญปัญหาบ้าๆอะไรนี่อีก ต้องทำอะไรที่มันไม่เต็มใจ แล้วต้องระวังพระชายาอีก ผมรับมือไม่ไหวหรอกนะให้ผมไปซะเถอะ”
“ไม่ได้แล้ว....เนย มันไม่ได้แล้ว เธอมาที่นี่เพราะโชคชะตา ยอมรับมันเสีย....อย่ากังวลเกินเหตุ บางที.....เราอาจโชคดี ถ้าได้ลูกชายเธอก็จะปลอดภัยยิ่งขึ้น”
“แล้วถ้าผมได้ลูกสาวล่ะ” รติกรดันร่างสูงให้ถอยออกห่าง สองคนมองหน้าด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง คนหนึ่ง
ขุ่นเคือง อีกคนก็พยายามประณีประนอม
“ฉันก็จะพยายามให้ได้ในคนต่อไป”
“ห๊ะ.....พูดงี้ได้ไง แล้วถ้าได้ผู้หญิงอีกล่ะ”
“ฉันก็......จะพยายามให้ได้ในคนถัดไปอีก”
“คุณจะบ้าเรอะ” เด็กหนุ่มเคืองจัด เขาเอาหมอนตีเลแวนซ์แรงๆ
“นั้นก็เท่ากับผมต้องมีลูกให้คุณเรื่อยๆน่ะสิ”
“ฮะฮะฮะ ก็ใช่น่ะสิ”
“ไอ้....ไอ้.....ไอ้......บ้า!” อารมณ์ในเวลานี้กลับตลปัดไปหมด เขาไม่รู้จะโกรธ จะเตืองหรือจะหัวเราะดี เขาตีๆยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ตอบโต้ปล่อยให้ระบายอารมณ์ออกมา ก่อนจะรวบกอดไว้แนบอก
“ปล่อยผมเลย ผมโกรธอยู่นะ”
วงแขนนี้กระชับแน่นปลายคางแหลมๆวงบนหัวเขาได้พอเหมาะ แล้วโยกตัวไปมาทำยังกะกล่อมเด็กอ่อนอยู่อย่างนั้นแหละ รติกรอยากโกรธให้สุดๆ แต่ก็โกรธไม่ขึ้น ได้แต่ซบหน้ากับอกกว้างนี้เงียบๆ อืม.....อกนี้แข็งแกร่งกว้างพอดีกับตัวเขาจริงๆ กลิ่นหอมอ่อนๆทำให้รู้สึกสงบ สบายใจ ปลายนิ้วแข็งแรงเชยคางเขาขึ้นแล้วแนบจูบลงมาหนักหน่วง ความคิดต่างๆนาๆสลายหายไปหมด อย่างเดียวที่อยู่ในความคิดเขาคือรสจูบที่หวานนุ่มนวลพอดีนี้

“เจ้าชายจารีฟ........” เสียงแหลมๆดังเข้ามาในกระโจม
“เข้าไปไม่ได้นะ” เสียงของทหารองค์รักษ์หน้ากระโจมกั้นไว้สุดฤทธิ์
“ใครน่ะ?” เลแวนซ์ถาม
“ซาช่าเองเพคะ เจ้าชาย ให้หม่อมฉันเข้าเฝ้าด้วย”
สองหนุ่มหันมามองกันขวับ รติกรขมวดคิ้วใครให้แม่คนนี้มากัน?


หัวหน้าห้อง

โพสต์
1512
พลังน้ำใจ
1612
Zenny
6474
ออนไลน์
812 ชั่วโมง

ประธานนักศึกษา

โพสต์
3627
พลังน้ำใจ
6748
Zenny
6736
ออนไลน์
917 ชั่วโมง
ขอบใจมากครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
4732
พลังน้ำใจ
26876
Zenny
1833
ออนไลน์
2173 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2605
พลังน้ำใจ
23935
Zenny
38929
ออนไลน์
2280 ชั่วโมง
ชอบมากๆ ขอบคุณมากๆครับ

หัวหน้าห้อง

โพสต์
1430
พลังน้ำใจ
1430
Zenny
6827
ออนไลน์
291 ชั่วโมง
ขอบคุนครับ

ลูกน้องหัวหน้าห้อง

โพสต์
943
พลังน้ำใจ
827
Zenny
1766
ออนไลน์
176 ชั่วโมง

หัวหน้าห้อง

โพสต์
1423
พลังน้ำใจ
1338
Zenny
8250
ออนไลน์
245 ชั่วโมง

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2711
พลังน้ำใจ
12929
Zenny
1942
ออนไลน์
5508 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

น้องใหม่เฟรชชี่

โพสต์
8
พลังน้ำใจ
28
Zenny
70
ออนไลน์
0 ชั่วโมง

น้องใหม่เฟรชชี่

โพสต์
8
พลังน้ำใจ
28
Zenny
91
ออนไลน์
1 ชั่วโมง

หัวหน้าห้อง

โพสต์
1484
พลังน้ำใจ
1541
Zenny
6736
ออนไลน์
824 ชั่วโมง
ขอบคุณมากนะ

หัวหน้าห้อง

โพสต์
1736
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง

น้องใหม่เฟรชชี่

โพสต์
22
พลังน้ำใจ
33
Zenny
115
ออนไลน์
2 ชั่วโมง
ขอบคุณมากครา

ประธานนักศึกษา

โพสต์
362
พลังน้ำใจ
4070
Zenny
3893
ออนไลน์
583 ชั่วโมง
ขอบคุนมากเลยนะคับ

ลูกน้องหัวหน้าห้อง

โพสต์
511
พลังน้ำใจ
652
Zenny
101
ออนไลน์
133 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

น้องใหม่เฟรชชี่

โพสต์
67
พลังน้ำใจ
81
Zenny
359
ออนไลน์
8 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ

นักศึกษา

โพสต์
389
พลังน้ำใจ
202
Zenny
222
ออนไลน์
12 ชั่วโมง
Thanksssssssssssssssssssssssssssssssssss

น้องใหม่เฟรชชี่

โพสต์
8
พลังน้ำใจ
46
Zenny
140
ออนไลน์
0 ชั่วโมง
ของคุณคร๊าบ

นายกองค์การนักศึกษา

โพสต์
2632
พลังน้ำใจ
15631
Zenny
6432
ออนไลน์
1598 ชั่วโมง
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-4-29 08:14 , Processed in 0.127135 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้