โครี่นำด้ายผ่านเปลวไฟสามหน เร็วพอที่มันจะไม่หดตัวจากความร้อน จากนั้นเขาหยิบออกมาเส้นหนึ่ง มัดหลวมๆด้วยเงื่อนสองขดบนข้อมือซ้ายของคริส และมอบที่เหลือให้เขาเงียบๆ ตามแบบที่พี่ชายเขานำ คริสนำด้ายสามสีผ่านเปลวไฟสามหนแล้วเอื้อนวาจา
“จากดวงไฟในเปลวเทียนต่อหน้าข้า ถ้อยคาถานี้ตัวข้าขอขับขาน
สองเป็นสามน้องพี่ผูกสัมพันธ์ จะรักมั่นนิรันดร์กาลไม่เสื่อมคลาย”
ดั่งต้องมนต์ ผมมองอย่างหลงไหลไปยัลคริสที่นำด้ายผ่านเปลวเทียนสองหน และผูกเส้นหนึ่งที่ข้อมือผม เด็กๆทั้งคู่ดูจริงจังและเคร่งขรึมมาก แถมกับตอนนี้ที่เครื่องสำอางค์ยังไม่ถูกล้างออกทำให้พวกเขาดูค่อนข้างน่ากลัวท่ามกลางแสงแวมวับของเปลวเทียน ดั่งว่าพวกเขามาจากอีกโลก เหมือนหมอผีตัวน้อยที่กำลังฝึกทำพิธีแบบเปลือยอก ดั่งพ่อมดชั้นสูงในคืนฮัลโลวีน และผมเองก็เป็นลูกศิษย์ที่ตกอยู่ในห้วงมนตรา คล้ายกับลัทธิคนรักเด็กได้ครอบงำผมอีกหน แล้วผมก็ได้รู้ตัวว่าคริสยื่นเชือกเส้นที่เหลือให้กับผม คาดว่าผมก็ต้องร่วมพิธีแต่โดยดี
คริสกับโครี่มองผมอย่างจริงจังขณะที่ผมรับเอาเชือกเส้นเล็กมาแล้ววาดเหนือเทียนอย่างที่พวกเขาทำ แล้วค่อยรวบรวมความคิด เราต่างฝึกซ้อมการร่ายมนต์กันเยอะมาก ที่จริงแล้ว เด็กๆค่อนข้างเชี่ยวชาญเกี่ยวกับบทร่ายในหนังสือเลย ทั้งหนังสือ หนังและละครหลายๆเรื่องต่างช่วยให้เราคุ้นเคยกับการสร้างบทร่าย
“ข้าขอเอ่ยถ้อยวจีผ่านดวงไฟ ให้กำไลเหล่านี้เป็นหลักฐาน
ผูกเราไว้เชื่อมพี่น้องเชื่อมต่อกัน ไม่มีวันให้สิ่งใดมาทำลาย”
คริสถึงยอมให้รอยยิ้มจางเติมเต็มบนใบหน้าของเขาขณะที่ผมนำด้ายผ่านไฟอีกครั้งแล้วผูกบนข้อมือของพี่ชาย จากนั้นเพื่อนสุดพิเศษตัวน้อยของผมก็เกี่ยวก้อยสัญญาเข้าด้วยกันพลางมองมาทางผม กระทั่งผมยื่นนิ้วก้อยออกไปเกี่ยวเข้ากันกับพวกเขา ผมอินไปกับของขวัญจากเพื่อนตัวน้อยสุดๆ รู้สึกได้เลยว่าจู่ๆความเย็นเยือกวูบผ่านทำเอาขนลุกขึ้นมา เกือบจะพร้อมกับพวกเขา ดั่งเวทมนต์มีจริงในอากาศ เด็กๆเองต่างก็รู้สึก ผมเห็นได้เลยว่าหัวนมน้อยๆที่อ่อนโยนของพวกเขาดูเล็กลงยิ่งกว่าเดิมเมื่อถูกล้อมรอบไปด้วยรอยขนลุก
พิธีกรรมถึงคราวสิ้นสุด โครี่และคริสส่งยิ้มอย่างมีความสุขให้ผม ท่านผู้อ่านคงจะคิดว่ามันต้องตามมาด้วยการร่วมรักอย่างสุดเหวี่ยงยันเช้า แต่ว่านี่มันคืนก่อนวันจันทร์ ผมนำนักเวทน้อยที่สลึมสลือทั้งสองไปที่ห้องน้ำแล้วล้างเครื่องสำอางค์ออกเท่าที่จะทำได้ แล้วจัดการกับเสื้อผ้ากับพวกเขาด้วยความรักจนเหลือแค่ตัวเปล่าเปลือย เราทั้งสามต่างนอนหลับอย่างอิ่มเอม ห่มคลุมด้วยอ้อมกอดแห่งความรัก
ผมปิดเล่มในอีกไม่กี่อาทิตย์ถัดมา แค่ก่อนหน้าที่จะส่งไป ให้กับตัวแทนของผม ผมเพิ่มเนื้อหาที่สำคัญเข้าไปอีกหน่อยก่อนที่จะส่งแล้วบังคับตัวเองให้ลืมมันไป หลังเขาอ่านแล้วบอกผมว่ามันเป็นหนังสือที่ดีที่สุดของผมเลย และเขาก็แนะนำให้ต่อรองกับสำนักพิมพ์ให้รื้อสัญญากันใหม่ ที่จริงเขาคิดว่าเล่มนี้น่าจะข้ามประเภทไปผสมกับแนวไซไฟ-แฟนตาซีได้เลย สำหรับผมผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรถ้าท้ายที่สุดแล้วมันยังถูกกำกับได้ว่าเป็นหนังสือเด็ก ความภักดีต่อประเภทของผมยังไม่เสื่อมคลายง่ายๆหรอกนะ จากนั้น เมื่อทางสำนักพิมพ์อ่านต้นฉบับ และหลังจากไม่กี่อาทิตย์ที่เราต่อรองกัน ผมก็ได้เซ็นต์สัญญาด้วยค่าต้นฉบับเป็นจำนวนที่จุใจเลยทีเดียว พร้อมกับสัญญาว่าจะเขียนซีรี่ส์ของแฝดพลังจิตนี่อีกอย่างน้อยสองเรื่อง ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหาอะไรหรอก เมื่อยังไงซะมันก็เป็นอะไรที่ผมชอบอยู่แล้ว ผมรู้สึกว่าผมต้องแชร์ความมั่งคั่งให้กับเจ้าแฝดด้วย เพราะงั้นสำหรับของขวัญคริสมาสต์ (หนึ่งในอะไรที่ไม่จำเป็นจะต้องเอ่ยถึง) ผมให้ตัวแทนเขียนสัญญาที่แบ่งค่าลิขสิทธิ์ออกเป็นสามส่วน ส่วนที่แบ่งออกมาจะมีผลให้เมื่อโครี่และคริสมีอายุครบสิบแปด พวกเขาจะมีเงินมากเกินพอที่จะจ่ายค่าเทอมจนจบมหาลัยหรือจ่ายให้กับอะไรๆที่พวกเขาอยากใช้ ซูซานแทบร้องให้เมื่อรู้ว่าผมทำอะไรลงไป เธอดีใจมาก เจ้าสองแฝด แหงล่ะ พวกเขาอยากได้เงินเดี๋ยวนี้เลย ผมกอดพวกเขาเต็มรักเมื่อฟังแผนการว่าใครจะซื้อเครื่องบินหรือรถแข่ง หรือโรงงานทำขนมกับของเล่น
หนังสือวางแผงในเดือนกุมภา และเมื่อฉบับพิเศษของผมส่งมาถึง เด็กๆยังคงอยู่ที่โรงเรียนเราเริ่มเขียนเรื่องต่อไปในซีรี่ส์เดียวกันแล้ว แต่เราก็ยังคงรอเล่มนี้จริงๆอยู่ เมื่อคริสติดต่อผมมา เขาก็ถามถึงมันเลย
("คุณได้รับหนังสือแล้วเหรอ?") ผมได้ยินเสียงความคิดของเขาที่ดูตื่นเต้น เขาทำผมลดความระวัง และผมเองก็กลัวว่าเขาจะรู้มากกว่าที่ผมอยากให้รู้ ผมเริ่มร้องเพลงของเดอะบีทเบิ้ล หวังจะกันเขาออกไป ("เฮ้! คุณกำลังซ่อนอะไรอยู่") เขาเห็นพิรุธของผม ความอยากรู้อยากเห็นมันเร่งเร้า ผมรู้ว่าเขาไม่หยุดง่ายๆแน่ ก็เลยร้องเพลงดังมากขึ้น ("ทอม!! หยุดนะ!")
"คริส ขอเถอะนะ อย่าทำอย่างนั้น" ผมขอ "มันมีความหมายสำหรับชั้นมาก และชั้นไม่อยากให้นายทำมันพัง เดี๋ยวกลับมานายก็รู้เองล่ะน่า" ผมเริ่มร้องเพลงอีกครั้ง แต่ผมก็รู้ว่าถ้าเขาจะทำจริงๆผมคงห้ามไม่อยู่
("งั้นก็ได้") ผมได้ยินเขาบ่นปอดแปด ("ไว้เจอกัน มั้ง..") ผมไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาออกจากหัวผมไปหรือยัง ผมพยายามคิดอะไรไปเรื่อยเพื่อไม่ให้เขารู้ในกรณีที่เขาแอบจู่โจมเข้ามาฟังความคิดของผมอีกหน ผมนึกไปถึงเรื่องที่กองบก.ให้ผมออกทัวร์โปรโมทหนังสือ ถ้าเป็นช่วงหยุดฤดูใบไม้ผลิซูซานก็น่าจะให้เด็กๆไปกับผมได้นะ
การจู่โจมครั้งถัดมาเกิดขึ้นหลังเลิกเรียนที่โครี่กับคริสเกือบจะพังประตูผมเข้ามา คริสบอกพี่ชายและทั้งสองก็แทบจะทนไม่ไหวโยนเสื้อคลุมสะเปะสะปะแล้วพุ่งเข้ามาเร่งเร้าผม "ขอดูมั่ง"โครี่ร้องเสียงดัง "ใช่ๆ อยู่ไหนอ้ะ" คริสมองกึ่งบังคับพลางสงสัยว่าผมซ่อนอะไรไว้
ผมนั่งบนโซฟาแล้วดึงกล่องของขวัญออกมา แน่นอนแหละว่ามันคือหนังสือ ผมไม่ได้จะแกล้งอะไรพวกเขาอีก แค่คิดว่าถ้าห่อแบบนี้น่าจะดูดีกว่า เด็กๆนั่งลงข้างผมแล้วรับมันไปอย่างไม่รอช้า โครี่ฉีกกระดาษห่อแล้วมองที่หน้าปก
"Double trouble"(สองแฝดน้อยเจ้าปัญหา)เขาพูดพลางยิ้ม อ่านชื่อเรื่องออกมาเสียงดัง รูปวาดด้านหน้าคือเราทั้งสามคน แต่งชุดเข้ากับธีมเรื่อง อะไรก็ไม่รู้ดลใจให้ผมใช้รูปที่ซูซานถ่ายให้เป็นต้นแบบ
"เฮ้!นั่นเรานี่" คริสส่งเสียง"เจ๋ง!"
"มันคือเล่มสำเนาของนักเขียน" ผมบอกเด็กๆ "เป็นเล่มแรกที่ถูกพิมพ์ออกมาจากแท่น ชั้นอยากให้พวกนายได้สิทธิ์ในการการเก็บรักษามันไว้"
โครี่และคริสมองมาที่ผมด้วยอย่างอิ่มใจ แต่ทั้งคู่รู้สึกว่ามีอะไรมากกว่านั้น สุดท้ายแล้วคริสก็จับทางความคิดผมได้ เขาสูดหายใจแรงด้วยความแปลกใจและรีบบอกให้แฝดพี่เปิดหนังสือดูอย่างรวดเร็ว มองผ่านข้อมูลประกาศลิขสิทธิ์ แทนที่จะเป็นหน้าว่าง ผมเห็นดวงตากลมโตของพวกเขาเบิกกว้างเมื่อมองไปที่ย่อหน้าสั้นๆเพียงหกบรรทัด ขากรรไกรพวกเขาตก อ้าปากค้างพร้อมเพรียงกันด้วยท่าทางอึ้งไม่อยากจะเชื่อขณะอ่านมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดโครี่ก็หาเสียงตัวเองพบ แต่มันดูสั่นเครือ "มัน-มันมีแบบนี้ทุกเล่มเลยเหรอ"เขาถามขณะยังตะลึงอยู่
ผมทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับ นี่แหละปฏิกิริยาที่ผมหวังไว้ ผมแทบจะถูกแผดเผาด้วยความรักที่ท่วมท้นจากสองหนุ่มน้อยที่น่ารัก สุดวิเศษ ที่เติมเต็มจิตวิญญาณพร้อมกับรู้ว่าพวกเขาเองก็รู้สึกเหมือนกัน ดวงตาของเราเริ่มร้อนผ่าว ทันใดทั้งสองก็อ้าแขนเข้าโอบผม กอดผมแน่นหนักพอกันกับที่ผมกอดตอบ ไม่มีอะไรที่เราต้องเอ่ย ความรักของเราพูดแทนได้หนักแน่นพอ เป็นภาษาที่สื่อความหมายได้ดีที่สุด
"สำหรับโครี่และคริส
ลำแสงที่ถักทอเคียงคู่
ความสุขที่เปล่งประกาย
สว่างเติมเต็มดวงใจของฉัน
ฉันรักพวกนายทั้งคู่
ตลอดไป”