สมัครเข้าเรียน ลงชื่อเข้าใช้
จีโฟกาย.คอม หน้าแรก

Blue-Rosesโปรไฟล์ของ http://www.g4guys.com/?19075 [บุ๊คมาร์ก] [คัดลอก] [RSS]

บล็อก

พุทธวจน ( 2 )

ความนิยม 1เข้าชม/อ่าน 966 ครั้ง2011-10-5 16:40

                                   ขยายความพระสูตร
๖.    ทรงห้ามบัญญัติเพิ่มหรือตัดทอนสิ่งที่บัญญัติไว้
ภิกษุทั้งหลาย    ภิกษุทั้งหลายจักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิกถอนสิ่งที่ับัญญัติไว้แล้ว   จักสมาทานศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้ว อย่างเค่งครัด อยู่เพียงใด  ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้  ไม่มีความเสื่อมเลย อยู่เพียงนั้น

                                                                                           มหา.  ที.  ๑o / ๘๙ / ๖๙

๗.    สำนึกเสมอว่าตนเองเป็นเพียงผู้เดินตามพระองค์เท่านั้นถึงแม้จะเป็นอรหันต์ผู้เลิศทางปัญญาก็ตาม
ภิกษุทั้งหลาย     ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ  ได้มรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดข้ัน ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครรู้ให้มีคนรู้ ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครกล่่าวใหเป็นมรรคที่กล่าวกันแล้ว ตถาคตเป็นมัคคัญญู (รู้ธรรม) เป็นมัคควิทู (รู้แจ้งมรรค) เป็นมัคคโกวิโท  ( ฉลาดในมรรค)  ภิกษุทั้งหลาย  ส่วนสาวกทั้งหลายในกาลนี้ เป็นมัคคานุคา  (ผู้เดินตามมรรค)  เป็นผู้ตามในภายหลัง
ภิกษุทั้งหลาย    นี้แล  เป็นความผิดแผกแตกต่างกัน เป็นความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน เป็นเครื่องกระทำให้แตกต่างกัน ระหว่างตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะกับภิกษุผู้ปัญญาวิมุตติ

                                                                                           ขนฺธ.  สํ.   ๑๗ / ๘๑ / ๑๒๕

๘.     ตรัสไว้ว่าให้ทรงจำบทพยัญชนะและคำอธิบายอย่างถูกต้อง พร้องขยันถ่ายทอดบอกสอนกันต่อไป
ภิกษุทั้งหลาย    พวกภิกษุในธรรมวินัยนี้ เล่าเรียนสูตรอันถือกันมาถูกด้วยบทพยัญชนะที่ใช้กันถูก ความหมายแห่งบทพยัญชนะที่ใช้กันก็ถูก  ย่อมมีนัยอันถูกต้องเช่นนั้น ภิกษุทั้งหลาย นี่เป็นมูลกรณีที่หนึ่ง  ซึ่งทำให้ พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป
ภิกษุทั้งหลาย    พวกภิกษุเหล่าใด เป็นพหุสูต  คล่องแคล่ว ในหลักพระพุทธวจน  ทรงธรรม ทรงมาติกา  (แม่บท)  พวกภิกษุเหล่านั้น เอาใจใส่บอกสอน เนื้อความแห่งสูตรทั้งหลายแก่คนอื่น ๆ  เมื่อท่านเหล่านั้นล่วงลับไป สูตรทั้งหลาย ก็ไม่ขาดผู้เป็นมูลราก (อาจารย์) มีที่อาศัยสืบกันไป   ภิกษุทั้งหลาย  นี่เป็บมูลกรณีที่สาม ชึ่งทำใหพระสัทธรรม ตั้งอยู่ได้ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป...
(ในที่นี้ยกมาเพียง 2 ข้อ จาก 4 ข้อ  ของเหตุเจริญแห่นพระศาสนา)

                                                                                            ตจุกฺก.   อํ   ๒๑ / ๑๙๘ / ๑๖o

๙.     ทรงบอกวิธีแก็ไขความผิดเพี้ยนในคำสอน
๑.      (หากมี)  ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า  ผู้มีอายุข้าพเจ้าได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า  นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นั้เป็นคำสอนของพระศาสดา
๒.     (หากมี)   ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า  ในอาวาสชื่อโน้นมีสงฆ์อยู่พร้อมด้วยพระเถระ พร้อมด้วยปราโกข์ ข้าพเจ้าได้สดับมาเฉพาะหน้าสงฆ์นั้นว่า  นี้เป็นธรรม  นี้เป็นวินัย  นี้เป็นคำสอนของของพระศาสดา
๓.     (หากมี)   ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้น มีภิกษุผู้เป็นเถระอยู่จำนวนมากเป็นพหูสูตร เรียนคำภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ข้พเจ้าได้สดับมาเฉพาะหน้าพระเถระเหล่านั้นว่า   นี้เป็นธรรม  นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา
๔.     (หากมี)   ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้น มีภิกษุผู้เป็นเถระ อยู่รูปหนึ่งเป็นพหูสูตร เรียนคำภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ข้พเจ้าได้สดับมาเฉพาะหน้าพระเถระรูปนั้นว่า   นี้เป็นธรรม  นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา
เธอทั้งหลายยังไม่พึงชื่นชม  ยังไม่พึงคัดค้านคำกล่าวขอวผู้นั้น พึงเรียนบทและพยัญชนะเหล่านั้นให้ดี  แล้วพึงสอบสวนลงในพระสูตร  เทียบเคียงดูในวินัย ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ไม่ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ไม่ได้  พึงลงสันนิษฐานว่า    นี้มิใช่พระดำรัสของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นแน่นอน  และภิกษุนี้รับมาผิด  เธอทั้งหลายพึงทิ้งคำนั้นเสีย    ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น  สอบลงในสูตรก็ได้  เทียบเข้าในวินัยก็ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า    นี้เป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นแน่นอน  และภิกษุนั้นรับมาด้วยดี   เธอทั้งหลายพึงจำมหาปเทส   นี้ไว้

                                                                                             อุปริ.  ม.  ๑๔ / ๕๓ / ๔๑

๑o.     ทรงตรัสแก่พระอานนท์  ให้ใช็ธรรมวินัยที่ตรัสไว้เป็นศาสดาแทนต่อไป
อานนท์   ความคิดอาจมีแก่พวกธออย่างนี้ว่า     ธรรมวินัยของพวกเรามีพระศาสดา  ล่วงลับไปเสียแล้ว  พวกเราไม่มีพระศาสดา   ดังนี้  อานนท์  พวกเธออย่าคิิดอย่างนั้น   อานนท์   ธรรมก็ดี   วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว  บัญญัติแล้วแก่พวกเธอทั้งหลาย  ธรรมวินัยนั้น  จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลายโดยกาลล่วงไปแห่งเรา
อานนท์   ในกาลบัดนี้ก็ดี ในกาลล่วงไปแห่งเราก็ดี  ใครก็ตามจักต้องมีตนเป็นประทีป  มีตนเป็นสรณะ  ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ   มีธรรมเป็นประทีป  มีธรรม เป็นสรณะ  ไม่เอาสิ่งอื่นเป็รสรณะ เป็นอยู่     อานนท์    ภิกษุพวกใด เป็นผู่ใคร่ ในสิกขา  ภิกษุพวกนั้นจักเป็นผู้อยู่ใน  สถานะอันเลิศที่สุดแล้ว

                                                                                            มหา. ที.  ๑o / ๑๕๙ / ๑๒๘

อานนท์    ความขาดสูญแห่งกัลยาณวัตรนี้   มีในยุคแห่งบุรุษใด บุรุษนั้นชื่อวา เป็นบุรุษ คนสุดท้ายแห่งบุรุษทั้งหลาย.....  เราขอกล่าวย้ำกับเธอว่า....    เธอทั้งหลายอย่าเป็นบุรุษพวกสุดท้ายของเราเลย

                                                                                             ม.  ม.    ๑๓ / ๔๒๗ / ๔๖๓
 


อืม..ดีๆ ใช้ได้

อะไรก็ไม่รู้

เห็นด้วยๆ

ซึ้งจังเลย

ขำฮาตรึม

ความคิดเห็น ความคิดเห็น (1 ความคิดเห็น)

ตอบกลับ Shirakawa-Kaede 2011-12-21 16:46
ขอบพระคุณมากครับ พี่

facelist doodle วาดรูป

คุณต้องลงชื่อเข้าใช้ก่อนจึงจะสามารถแสดงความคิดเห็นได้ ลงชื่อเข้าใช้ | สมัครเข้าเรียน

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม


ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-4-29 08:32 , Processed in 0.044237 second(s), 15 queries .

Powered by Discuz! X3.1 R20140301, Rev.31

© 2001-2013 Comsenz Inc.

ขึ้นไปด้านบน