|
เสียงรัวแป้นพิมพ์ดังก้องอยู่ในห้องข่าวที่เริ่มเบาบางลงในช่วงค่ำ กวินนั่งจดจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยดวงตาที่เลื่อนลอยเล็กน้อย แต่ปลายนิ้วกลับพิมพ์ข้อความยกยอพรรคธราธิปออกมาได้อย่างลื่นไหลราวกับร่ายมนตร์
“...วิสัยทัศน์ของท่านรัฐ ไม่ใช่เพียงแค่การเมือง แต่คือการกอบกู้จิตวิญญาณของประเทศ...”
กวินชะงักไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ลำคอ ใต้ปกเสื้อเชิ้ตสีขาวที่รีดจนเรียบกริบ มีรอยแดงเป็นปื้นจากการถูกบีบเค้นเมื่อคืนวาน เขายกมือขึ้นลูบคลำมันเบาๆ ก่อนจะเลื่อนลงไปสัมผัสสายสิญจน์สีดำที่ซ่อนอยู่ใต้ข้อมือ เพียงแค่นิ้วสัมผัสโดนปมเชือก ภาพใบหน้าของท่านรัฐที่มองเขาด้วยสายตาเหยียดหยามก็ผุดขึ้นมาในหัว
“อึก...”
กวินครางออกมาเบาๆ ร่างกายของเขาสั่นกระตุกขึ้นมาเสียดื้อๆ ความรู้สึกเสียวซ่านที่บิดเบี้ยวแล่นพล่านไปตามกระดูกสันหลัง เขารู้สึกได้ถึงของเหลวที่เริ่มเหนอะหนะอยู่กลางเป้ากางเกง ทั้งที่เขายังไม่ได้สัมผัสตัวเองเลยด้วยซ้ำ มนต์อาคมที่ฝังอยู่ในส่วนลึกของสมองกำลังขานรับความคิดที่โหยหาความเป็นเจ้าของ
“กวิน... พักบ้างก็ได้นะ เห็นช่วงนี้ปั่นข่าวให้พรรคธราธิปแทบไม่ได้หลับได้นอนเลย”
เพื่อนนักข่าวโต๊ะข้างๆ ทักขึ้นพลางตบไหล่ กวินสะดุ้งสุดตัว เขาหันไปมองเพื่อนด้วยสายตาที่ทำให้คนทักถึงกับผงะ มันไม่ใช่แววตาของกวินคนเดิมที่เคยขี้เล่นและจริงจัง แต่เป็นสายตาที่ว่างเปล่า เยิ้มแฉะ และดูสับสน
“ผม... ผมไม่เป็นไร ผมแค่ต้องรีบส่ง... ท่านรัฐรออ่านอยู่”
กวินตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เขาพยายามข่มอารมณ์ที่พลุ่งพล่านจนเล็บจิกลงบนโต๊ะไม้ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นแจ้งเตือน เป็นข้อความสั้นๆ จากหมายเลขที่ไม่ถูกบันทึกชื่อ
‘พรุ่งนี้เช้า ลงข่าวเรื่องนโยบายที่ดิน แล้วคืนนี้มาหาฉันที่เดิม... เจ้าสุนัข’
เพียงแค่ได้อ่านคำว่า ‘เจ้าสุนัข’ รูม่านตาของกวินก็ขยายกว้าง ร่างกายเขาสั่นเทิ้มจนควบคุมไม่ได้ ลมหายใจเริ่มติดขัด น้ำลายใสเริ่มเอ่อล้นออกมาที่มุมปากโดยที่เขาไม่คิดจะเช็ดมันออก ความทรมานจากการต้องปิดบังตัวตนในที่ทำงานกำลังจะสิ้นสุดลง เขาโหยหาการได้กลับไปคุกเข่าโง่ๆ อยู่แทบเท้าของผู้ชายคนนั้น กวินรีบคว้ากระเป๋าและลุกพรวดออกจากโต๊ะโดยไม่บอกลาใคร เขาเดินกึ่งวิ่งตรงไปที่ลานจอดรถ จิตใจของเขาแหลกสลายไปหมดแล้ว เขาไม่สนว่าข่าวที่เขียนจะโกหกคนทั้งประเทศมากแค่ไหน ไม่สนว่าเกียรติยศนักข่าวจะเหลืออยู่หรือไม่ ขอเพียงแค่ได้กลับไปหมอบคลาน รับเอาน้ำลายและรอยเท้าของท่านรัฐมาเป็นรางวัลสำหรับการเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์... แค่นั้นก็เกินพอสำหรับชีวิตที่พังทลายของเขาแล้ว
เสียงเครื่องยนต์ดับลงกลางความมืดมิดของโกดังร้างริมน้ำที่ท่านรัฐใช้เป็นสถานที่ "ฝึกสอน" ส่วนตัว กวินก้าวลงจากรถด้วยท่าทางลนลาน ร่างกายของเขาสั่นระริกราวกับคนเป็นไข้ป่า เพียงแค่ได้กลิ่นธูปหอมจางๆ ที่ลอยมาจากด้านใน ความแข็งขืนกลางลำตัวก็รัดรึงจนเขาเจ็บปวดไปหมด กวินไม่ได้เดินเข้าไปเหมือนมนุษย์ปกติ ทันทีที่ก้าวพ้นประตูเหล็กบานใหญ่ เขาทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้นปูนที่สากและเย็นเยียบทันที เขาคลานเข่าเข้าไปช้าๆ ผ่านกองฝุ่นและเศษอิฐ เสียงหอบหายใจของเขาก้องสะท้อนไปทั่วห้องโถงที่มืดสลัว ที่ปลายทางนั้น ท่านรัฐนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลักโบราณ ในมือกำลังถือหนังสือพิมพ์ฉบับค่ำที่มีพาดหัวข่าวอวยพรรคธราธิปฝีมือกวิน
“มาช้าไปสามนาทีนะ... กวิน”
น้ำเสียงเย็นเฉียบนั้นทำให้กวินสะดุ้งสุดตัว เขาหมอบกราบลงจนหน้าผากจรดพื้นปูน
“ขอ... ขอประทานโทษครับท่าน... ผม... ผมเร่งที่สุดแล้ว อึก...”
กวินละล่ำละลักตอบ น้ำลายที่กักเก็บไว้เริ่มไหลยืดลงบนพื้น ปลายนิ้วของเขาสั่นจนจิกเข้ากับพื้นปูน ท่านรัฐวางหนังสือพิมพ์ลงช้าๆ ก่อนจะขยับปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกสองเม็ด เผยให้เห็นรอยสักอาคมที่แผ่นอกซึ่งเริ่มเรืองแสงสีแดงจางๆ ในความมืด เขาดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว กวินก็รู้สึกเหมือนมีแส้ที่มองไม่เห็นฟาดลงบนหลัง สมองของเขาขาวโพลน ร่างกายกระตุกเกร็งจนหลังแอ่น ดวงตาลอยเคว้งมองไปที่เพดานอย่างสิ้นสติ
“ไหนดูสิว่าสัปดาห์นี้ ปากเก่งๆ ของแกทำประโยชน์อะไรให้ฉันบ้าง”
ท่านรัฐยื่นเท้าที่สวมถุงเท้าไหมพรมราคาแพงออกมาตรงหน้ากวิน นักข่าวหนุ่มไม่รอช้า เขาโผเข้าหาเท้าคู่นั้นราวกับสุนัขที่หิวโหย เขาใช้ลิ้นเลียไล้ไปตามง่ามเท้าผ่านเนื้อผ้าอย่างขะมักเขม้น เสียงครางในลำคอดังประสานกับเสียงสะอื้นแห่งความยินดี
“ดี... คลานมานี่”
ท่านรัฐลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่เสากลางห้องที่มีโซ่เหล็กแขวนอยู่ เขาหยิบ "หน้ากากหนัง" ที่ปิดมิดชิดเหลือเพียงช่องปากขึ้นมาสะบัด กวินคลานตามไปติดๆ หัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัวผสมปนเปกับความกระสันที่คุมไม่ได้
“คืนนี้ฉันมีแขกพิเศษเป็นเหล่านายทุนพรรค... ฉันอยากให้พวกเขาเห็นว่า ‘นักข่าวฝีปากกล้า’ ที่เคยด่าพวกเขาปาวๆ ตอนนี้เปลี่ยนไปแค่ไหน”
ท่านรัฐบีบคอกวินให้เชิดหน้าขึ้น ก่อนจะใช้นิ้วโป้งป้ายน้ำมันพรายสีดำสนิทลงบนลิ้นของกวิน
“คืนนี้แกไม่ต้องพูด... แค่คุกเข่า ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อ ‘เป้ากางเกง’ ของทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็พอ”
อาคมเข้มข้นไหลซึมเข้าสู่กระแสเลือด กวินรู้สึกเหมือนตัวตนสุดท้ายของเขาถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด ความละอายใจมลายหายไปสิ้น เหลือเพียงสัญชาตญาณสัตว์ป่าที่อยากจะรับใช้เจ้าของและแขกของเขาให้ถึงที่สุด กวินอ้าปากค้างรอรับหน้ากากหนังที่กำลังจะถูกสวมทับ แววตาของเขาเยิ้มแฉะและว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ เขารู้ดีว่าคืนนี้เขาจะถูกใช้งานจนร่างกายแหลกเหลว แต่นั่นคือความสุขเพียงอย่างเดียวที่สุนัขรับใช้อย่างเขาจะได้รับ
|