ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 227|ตอบกลับ: 6

หัวใจดีไซน์ Ep.12 (สถาปนิกxคนงานก่อสร้าง)

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
204
ตอบกลับ
50
พลังน้ำใจ
7891
Zenny
34496
ออนไลน์
2470 ชั่วโมง




ตอนที่ 11






เสียงฝีเท้ากระทบพื้นห้องดังถี่ พระพายพุ่งตัวหนีออกจากอ้อมกอดของนะโมทันทีที่สบโอกาส ก่อนจะปรี่เข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตูใส่ดังปัง! เสียงล็อกกลอนดังแกร๊ก เหมือนกำแพงบาง ๆ ที่เขาพยายามสร้างกั้นตัวเองออกจากอีกฝ่าย


“พระพาย เปิดประตู” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากอีกฟากของบานไม้ ไม่ดังมากนัก แต่ชัดเจนว่ามีแรงกดดันแฝงอยู่เต็มที่


“ไม่! มึงออกไปเลยนะ!” พระพายตะโกนตอบ ร่างบางทรุดนั่งลงกับพื้นเย็นเยียบ เอาหลังแนบกับประตู หูสองข้างถูกปิดทับด้วยฝ่ามือแน่นราวกับจะกันไม่ให้เสียงของคนด้านนอกลอดเข้ามาได้


นะโมเคาะประตูสองที ก่อนจะกดเสียงเข้ม “อย่าให้กูต้องพังเข้าไปเอง พระพาย”


พระพายหลับตาแน่น ส่ายหัวรัว ๆ น้ำตาคลอเบ้า เสียงสะอื้นขาดห้วง “กูไม่อยากเห็นหน้ามึง…กูไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น!”


ความเงียบเข้ามาแทนที่เพียงชั่วขณะ ก่อนที่เสียงหัวเราะหึ ๆ ของนะโมจะแทรกเข้ามาเหมือนยิ่งบีบคั้นหัวใจ


“คิดว่าประตูกระดาษบาง ๆ นี่จะกันกูได้จริง ๆ เหรอ…ถ้าไม่อยากให้กูใช้วิธีแรง ๆ ก็เปิดออกมาเองซะดี ๆ”


พระพายยิ่งกดมือแน่นเข้ากับหู ร่างสั่นเทิ้มไปทั้งตัว น้ำเสียงตะโกนปนสะอื้นแผดออกมาอีกครั้ง “ไปให้พ้นจากกู! กูไม่อยากอยู่ใกล้มึง!”


เสียงเคาะประตูที่เคยดังถี่เริ่มเงียบไป เหลือเพียงเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของนะโมที่ลอดเข้ามาแทน


“พระพาย…” เสียงนั้นฟังดูแผ่วลง ไม่ใช่คำขู่ดุดันอย่างเมื่อครู่ แต่ก็ยังเจือความจริงจังอยู่เต็มเปี่ยม “กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น…กูไม่ปล่อยมึงไว้คนเดียวหรอก”


พระพายส่ายหัวทั้งที่น้ำตายังร่วงไม่หยุด “กูไม่อยากอยู่กับมึง…กูเกลียดมึง”


“มึงอย่าเอาแต่ใจนักได้มั้ย…” นะโมเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ ราวกับบังคับให้คำพูดแต่ละพยางค์หลุดจากลำคออย่างหนักหน่วง เขาทิ้งความเงียบไว้ครู่หนึ่ง ก่อนเอนหน้าผากพิงกับบานประตูเย็นเยียบ “กูแม่งก็แค่เป็นห่วง…แต่มึงเสือกเอาแต่พูดจาผลักไสตลอด”


หัวใจพระพายเต้นแรงจนเจ็บไปทั้งอก ความสับสนพุ่งขึ้นเต็มหัว แต่เขาก็ยังดื้อดึงเอามือกดหูแน่น ไม่ยอมฟังต่อ


นะโมถอนหายใจยาว ริมฝีปากแตะใกล้กับบานประตูมากขึ้น น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่กลับอ่อนลงจนชวนให้สั่นไหว


“ถ้ามึงร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว…เปิดออกมาเถอะ กูสัญญาว่าจะไม่แตะตัว ถ้ามึงไม่ยอมให้กูแตะ”


พระพายชะงักไปครู่ ดวงตาที่บวมช้ำจากน้ำตาเบิกกว้าง หัวใจหวิวเหมือนถูกกดดันด้วยคำสัญญาที่ไม่รู้ว่าควรเชื่อดีหรือเปล่า


เงียบงันอยู่นาน จนในที่สุด เสียงสะอื้นเบา ๆ ก็หลุดลอดออกไปแทนคำตอบ


เสียงแกร๊กเบา ๆ ดังขึ้นเมื่อประตูห้องน้ำถูกแง้มออกเพียงเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าที่ช้ำบวมเพราะการร้องไห้ไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อวาน


นะโมขยับเข้ามาใกล้ทีละก้าว ก่อนจะยกมือสอดเข้าประตูดึงพระพายออกมา กดร่างที่อ่อนแรงเข้ากับอกแกร่งแน่นหนาอย่างไม่ให้ปฏิเสธ


“กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงไปเจอเรื่องเหี้ยอะไรมา…” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยช้า ๆ ข้างใบหูที่ยังสั่นไหว “แต่เห็นมึงร้องไห้แบบนี้ กูยิ่งไม่อยากปล่อยมึงไปว่ะ”


พระพายสะอื้นฮักทั้งที่พยายามกลั้นไว้ ดวงตาช้ำแดงสบขึ้นอย่างท้าทายทั้งน้ำตา


“มึงไม่ต้องมาสงสารกูหรอก…ที่ผ่านมาชีวิตกูแม่งก็ไม่มีอะไรดีอยู่แล้ว”


นะโมกดริมฝีปากเข้าหากันแน่น พยายามกลืนคำบางอย่างที่อยากพูดลงไป สุดท้ายเขาก็ยกมือปาดน้ำตาให้อีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง


“ไม่พูดแล้วดีกว่า…ไปกินข้าวกัน หิวแล้วใช่มั้ย ปวดหัวหรือเปล่า กูให้ป้าแม่บ้านทำซุปแก้แฮงค์ไว้แล้ว รีบลงไปกินเถอะ”


คำพูดนั้นทำเอาพระพายชะงัก กะพริบตาปริบ ๆ ราวกับเพิ่งรู้สึกตัว แม่บ้านงั้นเหรอ?


สายตาเริ่มกวาดมองรอบห้องที่กว้างขวางและตกแต่งอย่างหรูหราจนไม่น่าใช่แค่บ้านพักคนงาน บ้านหลังนี้…ใหญ่เกินไป ใหญ่เกินกว่าที่เขาจะจินตนาการว่านะโมเป็นเจ้าของได้


นะโมหรี่ตา มองสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามของพระพายก็หัวเราะหึในลำคอ


“บ้านกูเป็นไง…ถูกใจมึงมั้ย?” เขาโน้มใบหน้าลงใกล้ เสียงติดขี้เล่น แต่แววตากลับจริงจังเกินกว่าจะเป็นแค่การหยอก “สนใจมาอยู่ด้วยกันเลยเปล่าวะ จะได้ไม่ต้องหนีกูอีก”


พระพายชะงักไปเล็กน้อย ก่อนรีบส่ายหัวแทบจะทันที เสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาเหมือนกลัวถูกหลอกซ้ำ “บ้านมึง? อย่ามาล้อกูเล่นหน่อยเลย ของแบบนี้มันดูออก…”


นะโมหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ ขยับตัวพิงผนังอย่างสบาย ๆ “ทำไมวะ หน้าอย่างกูมันดูเป็นคุณหนูไม่ได้หรือไง” เขาเอียงคางเล็กน้อย “นี่บ้านพ่อแม่กู ท่านไปต่างประเทศหมดแล้ว ส่วนพี่ชายก็มัวไปปั่นคาเฟ่ ไม่ค่อยโผล่มาหรอก”


คำพูดนั้นทำให้พระพายเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เชื่อ ดวงตาสั่นไหว “แล้ว…มึงเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงไปทำงานเป็นกรรมกรก่อสร้าง”


“ก็อยากลองใช้ชีวิตเองบ้างไง อยู่แต่ในกรอบแม่งอึดอัดฉิบหาย ออกไปแบกปูนเหงื่อไหลก็ยังรู้สึกมีค่ากว่า อีกไม่นานกูก็ต้องกลับอเมริกาไปเรียนต่อแล้ว ที่ไทยกูก็มาอยู่ได้แค่ช่วงซัมเมอร์”


ประโยคนั้นทำให้พระพายเงียบไปทันที เหมือนกำลังชั่งน้ำหนักความรู้สึกบางอย่างในใจ


ถ้าเขากลับไปจริง ๆ …งั้นพวกเขาก็จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วสินะ


มันควรเป็นเรื่องดี ไม่ต้องถูกกวนใจ ไม่ต้องหวาดระแวง ไม่ต้องถูกลากไปอยู่ในอ้อมแขนของคนที่เกลียด…ในอกกลับรู้สึกวูบโหวง เหมือนกำลังจะสูญเสียอะไรบางอย่างไปโดยไม่รู้ตัว


พระพายชะงักไปนาน ก่อนหลุดหัวเราะในลำคอเบา ๆ ทั้งที่ตาแดงก่ำ “ก็ดี…ถ้ามึงกลับไป มันก็คือจบสักที”


นะโมเงียบไป ไม่ได้พูดอะไรต่อออกมา เขาเองก็ไม่แน่ใจว่ารู้สึกอย่างไรกับพระพาย แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้ามันต่างจากที่เคยคิดเอาไว้มากนัก คนที่เขาเชื่อว่าจะแข็งกร้าว ดื้อดึง ไม่ยอมใคร กลับดูอ่อนแอและเปราะบางจนแทบจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ


แรกเริ่มเขาตั้งใจจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป แต่ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าทำไม่ได้อีกแล้ว ใจมันเรียกร้องให้คว้าไว้ให้แน่นที่สุด ราวกับว่าถ้าปล่อยมือไป เพียงเสี้ยววินาทีเดียว คนคนนี้จะหลุดหายไปตลอดกาล


“กูไม่ไปก็ได้ ถ้ามีกูมีเหตุผลให้อยู่ต่อ แล้วเหตุผลนั้นคือมึง” นะโมพูดช้า ๆ


พระพายก้มหน้าหลบสายตา เสียงสั่นพร่า “กูจะเป็นเหตุผลนั้นได้ยังไง เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”


“สักนิดกูก็เข้าไปในใจมึงไม่ได้เลยหรอวะ”


พระพายเงียบไป ไม่มีคำตอบใดออกมา แต่นะโมก็ไม่ได้เร่งรัดหรือซักไซ้อีก เขาเพียงทอดสายตามองอยู่เงียบ ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อน “ถ้าล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว ก็ลงไปกินข้าวนะ ตอนบ่ายกูจะไปส่ง”









| ไซต์งานก่อสร้างโรงแรมหรู กลางเมือง


เสียงเครื่องจักรดังก้องเป็นจังหวะ ข้าง ๆ กันคือเสียงคนงานสื่อสารกันไปมา ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น คีตะเดินถือแบบแปลนในมือ ใส่หมวกเซฟตี้ที่แทบจะใหญ่เกินหัว เขาเงยหน้ามองนับหนึ่งที่กำลังตรวจงานอย่างตั้งใจ ดวงตาเป็นประกายเหมือนลูกหมาที่คอยเกาะติดเจ้าของตลอดเวลา


“เบ๊บครับ หมวกผมมันเอียงอีกแล้ว ช่วยผมหน่อยสิ” คีตะยื่นหน้าเข้าไปใกล้แบบไม่เกรงใจ


นับหนึ่งหันมามองเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจยิ้ม ๆ แล้วเอื้อมมือขึ้นจัดหมวกให้ตรง พร้อมกับดึงสายรัดคางให้แน่นขึ้น “ทีหลังก็รัดให้ดีสิ นายโตแล้วนะคีตะ”


“ก็ผมอยากให้พี่ทำให้… แบบนี้มันมั่นใจกว่า” คีตะยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายจนคนงานแถวนั้นแอบเหลือบมองแล้วอมยิ้มตาม


นับหนึ่งส่ายหัวเบา ๆ ไม่ได้ตอบอะไร แต่หางเสียงกลับอ่อนลงอย่างห้ามไม่ได้ “ไป ตรวจงานต่อกันเถอะ”


คีตะรีบก้าวตามอย่างว่าง่าย ระหว่างนั้นยังไม่วายชวนคุย “พี่ครับ เมื่อกี้ผมลองวัดระยะตรงนี้ดูแล้ว ห่างไม่ถึงมิลเลยนะ ผมเก่งใช่ไหม” เขาชูสายวัดขึ้นโชว์ตาเป็นประกาย


นับหนึ่งเหลือบตามอง ยกมุมปากเล็กน้อย “อืม…ทำได้ดีนะ”


คีตะยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม รีบเดินมาชิดข้าง “งั้นพี่ชมผมอีกทีสิครับ พูดออกมาชัด ๆ เลย”


นับหนึ่งหลุดหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ผมคีตะที่โผล่พ้นหมวกออกมาเบา ๆ “ก็ชมอยู่ในใจแล้ว จะเอาอะไรอีกล่ะ”


คีตะหน้าแดงจัดแต่ยังทำปากยู่ “แต่ผมอยากได้ยินนี่นา…”


พอตกเย็น คีตะก็ขับรถไปส่งนับหนึ่งที่บ้านเหมือนทุกวัน เพราะช่วงนี้เขาแทบจะสิงอยู่ที่ไซต์งานกับนับหนึ่ง ถ้าวันไหนไม่มีประชุมสำคัญ ก็จะวิ่งไปวิ่งมา อยู่เฝ้าอยู่ใกล้ ๆ เสมอ จนลูกน้องและคนงานเริ่มสังเกตและแอบแซวเป็นประจำ ราวกับรู้ดีว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันแบบไม่ต้องพูด


บรรยากาศยามเย็นอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกับข้าวที่คุณยายของนับหนึ่งกำลังทำอยู่ในครัว คีตะยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าประตูเหมือนลูกหมาที่มาขอเข้าบ้าน ทั้งที่จริง ๆ ก็เพิ่งกลับจากไซต์งานพร้อมกันแท้ ๆ


“คีตะ… วันนี้นายจะกลับบ้านตัวเองไม่ใช่หรือไง” นับหนึ่งยืนกอดอกถาม สีหน้าดูเรียบ ๆ แต่ในใจเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว


คีตะเกาหลังคอ ยกยิ้มกว้าง “พรุ่งนี้วันหยุดนี่ครับ แถมพี่ก็นัดผมไปเที่ยวอยู่แล้ว ขอไปนอนที่บ้านพี่เลยดีกว่า ประหยัดเวลาเนอะ”


“ข้ออ้างทั้งนั้น” นับหนึ่งส่ายหัว แต่แววตากลับอ่อนลงนิดหน่อย


ยังไม่ทันตอบปฏิเสธ คุณยายก็โผล่หน้ามาจากครัวพร้อมเสียงทัก “คีตะมาแล้วเหรอ มากินข้าวด้วยกันนะลูก”


คีตะยกมือไหว้ ยิ้มกว้างจนตาเป็นสระโค้ง “ครับคุณยาย ผมตั้งใจมาอยู่แล้วครับ”


นับหนึ่งถอนหายใจเบา ๆ รู้ทันทีว่าคงปฏิเสธไม่ออกอีกเหมือนเคย เพราะพักหลังมานี้คุณยายชอบถามหาคีตะตลอด ถึงขั้นบอกว่า “หลานชายอีกคน” เลยทีเดียว


หลังมื้อเย็น คีตะนั่งคุยกับคุณยายเสียงเจื้อยแจ้ว แถมยังช่วยเก็บจานเก็บชามอย่างขยันขันแข็ง ต่างจากตอนอยู่ไซต์งานที่ขี้เล่นเป็นหมาเด็กอยู่ตลอด นับหนึ่งมองภาพนั้นเงียบ ๆ ในใจแอบคิดว่า…ไม่แปลกที่ยายจะเอ็นดู


และเป็นอีกครั้งที่ห้องนอนแขกถูกเปิดให้คีตะเข้าไปนอนพัก คีตะวางกระเป๋าแล้วหันมายิ้มตาหยี “พี่ครับ ผมเก็บเสื้อผ้าไว้ที่นี่ได้เลยไหม ช่วงนี้ผมมาบ่อย เดี๋ยวพี่ลำบากต้องหาที่วางให้ผมทุกครั้ง”


“ทำเหมือนบ้านตัวเองเลยนะ” นับหนึ่งค้อนให้เล็ก ๆ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ


คีตะยกมือเกาหลังคอ อมยิ้มอ้อน “ก็เพราะมันเหมือนบ้านผมนั่นแหละ เวลาอยู่กับพี่กับคุณยาย…ผมสบายใจกว่าบ้านจริง ๆ อีก”


นับหนึ่งชะงักเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่หันหลังกลับเข้าห้องตัวเอง ทิ้งให้คีตะยืนยิ้มกว้างอยู่หน้าประตูราวกับได้ชัยชนะเล็ก ๆ









ห้องนอนเล็ก ๆ มีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมข้างเตียง เตียงไม้ขนาดไม่ใหญ่นักกลับต้องรองรับผู้ชายตัวโตถึงสองคน นับหนึ่งนอนหันหลังให้พยายามข่มตาหลับ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขยับบ่นเมื่อไหล่และแขนถูกร่างกายอีกฝ่ายเบียดจนแทบไม่มีที่ขยับ


“แทนที่นายจะกลับไปนอนที่บ้านนาย บนเตียงสบาย ๆ … ชอบนักหรือไง ถึงได้มานอนเบียดกับพี่บนเตียงเล็ก ๆ แบบนี้” เสียงของนับหนึ่งแผ่วต่ำแต่แฝงความเหนื่อยใจ


คีตะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้อีกนิด จนแผ่นอกกว้างแทบแนบไปกับแผ่นหลังนับหนึ่ง “ชอบสิครับ” เขาตอบอย่างไม่ลังเล “ที่ไหนมีพี่… ผมก็อยู่ได้ทั้งนั้น”


นับหนึ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง หัวใจที่พยายามทำเป็นสงบกลับเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ เขาหันไปมองแวบหนึ่ง เห็นคีตะยิ้มกว้าง ตาเป็นประกายจริงใจเหมือนเด็กที่ได้ในสิ่งที่ต้องการ


“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง” นับหนึ่งเบือนหน้าไปทางอื่น แสร้งทำเป็นไม่สนใจ แต่เสียงหายใจกลับแผ่วถี่กว่าปกติ


คีตะขยับแขนสอดไปกอดเอวอีกฝ่ายหลวม ๆ เสียงทุ้มเอื่อยอ้อนเหมือนงอแง “ก็พูดเรื่องจริงนี่ครับ… แค่นอนเบียด ๆ แบบนี้ ผมก็มีความสุขแล้ว”


นับหนึ่งเงียบไปอีกครั้ง ไม่ตอบโต้ แต่ก็ไม่ได้ผลักไส มือที่วางบนผ้าห่มกลับกำมันแน่นเพื่อต้านทานความรู้สึกบางอย่างที่ค่อย ๆ กัดกินหัวใจเขาทีละน้อย


เสียงลมหายใจในห้องมืดเงียบเริ่มถี่ขึ้นเล็กน้อย เมื่อคีตะขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง แผ่นอกอุ่นแนบกับแผ่นหลังนับหนึ่งเต็ม ๆ แขนกว้างกอดรัดแน่นขึ้น กลิ่นกายชายหนุ่มผสมกับความอบอุ่นจนหัวใจนับหนึ่งสั่นไหว


“คีตะ… นายจะเบียดอะไรนักหนา” เสียงบ่นของนับหนึ่งเจือสั่นเล็กน้อย


“ก็ผมอยากอยู่ใกล้พี่นี่ครับ” เสียงทุ้มกระซิบอยู่ข้างหู ลมหายใจร้อนเป่ารดจนคนฟังสะดุ้ง


นับหนึ่งหันกลับมาตั้งใจจะดุ แต่กลับชนเข้ากับดวงตาคู่ใสที่มองมาอย่างตรงไปตรงมา คีตะยกยิ้มบาง ๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกัน


“นาย…” นับหนึ่งเอ่ยแผ่ว ๆ แต่คำพูดก็ถูกกลืนหายไป เมื่อริมฝีปากของคีตะประทับลงเบา ๆ แค่ชั่วขณะก็ทำให้ร่างกายชาวูบ


นับหนึ่งผลักเล็กน้อย แต่แรงกลับไม่จริงจังเท่าไร คีตะฉวยโอกาสกดจูบซ้ำอีกครั้ง คราวนี้ลึกกว่าเดิม แทรกซึมความร้อนวาบเข้าไปทุกเส้นประสาท


มือใหญ่เลื่อนจากเอวขึ้นมาที่อก ลูบผ่านเนื้อผ้าอย่างเก้อเขินแต่เต็มไปด้วยความโหยหา นับหนึ่งหายใจติดขัด เผลอกำเสื้อนอนของคีตะแน่น


“ผม… ชอบพี่นะ” คีตะกระซิบเสียงพร่า หลังถอนจูบออกช้า ๆ


นับหนึ่งเม้มปากแน่น ดวงตาสั่นไหวระหว่างความดื้อรั้นกับความรู้สึกที่ตีตื้นขึ้นมาจนแทบล้น “เด็กบ้า…” เขาพึมพำเบา ๆ ก่อนจะคว้ามือคีตะมากุมไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย


เตียงไม้เก่า ๆ ที่เล็กไปสำหรับผู้ชายตัวโตสองคนทำให้ยิ่งอึดอัด นับหนึ่งพลิกตัวหนี แต่กลับถูกแขนยาว ๆ ของคีตะรั้งเอวไว้แน่นจนแผ่นหลังแนบเข้ากับอกแข็งแรงโดยไม่ทันตั้งตัว ลมหายใจร้อน ๆ เป่ารดต้นคอจนเขาขนลุกซู่


“คีตะ… อย่ามาแนบขนาดนี้สิ ร้อนจะตาย” นับหนึ่งบ่นเสียงต่ำ แต่กลับไม่ได้ผลเมื่อแขนเด็กนั่นกอดรัดแน่นกว่าเดิม


“ขอผมอยู่ใกล้ ๆ พี่สักพักไม่ได้หรอครับ…” น้ำเสียงอ้อน ๆ ฟังเหมือนหมาเด็กที่ไม่ยอมปล่อยของรัก จมูกโด่งซุกลงตรงซอกคอหอมอ่อน ๆ ของนับหนึ่ง สูดกลิ่นกายอย่างเงียบ ๆ


นับหนึ่งขยับจะหนี แต่ยิ่งดิ้นยิ่งถูกกอดแน่นขึ้น ความอึดอัดค่อย ๆ กลายเป็นความวาบหวามเมื่อริมฝีปากร้อนจัดแตะผิวเบา ๆ “คีตะ…” เสียงห้ามคล้ายจะขาดห้วง


“ก็ผมอยากอยู่ใกล้ ๆ พี่ อยากกอดพี่ไว้นาน ๆ” เด็กหนุ่มกระซิบ ก่อนลากปลายจมูกไปตามแนวกราม เสียงหัวใจของนับหนึ่งเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว


บรรยากาศค่อย ๆ เปลี่ยนไปจากความอึดอัดกลายเป็นความตึงเครียดแปลก ๆ เตียงแคบจนร่างกายเสียดสีกันทุกครั้งที่ขยับ สะโพก คาง หน้าอก ล้วนสัมผัสกันโดยไม่ตั้งใจ นับหนึ่งหายใจติดขัด พยายามฝืนเก็บอารมณ์แต่ก็ยิ่งยากขึ้นเมื่อมือใหญ่ ๆ ของคีตะเลื่อนมาวางบนหน้าท้องแบนราบใต้เสื้อยืด


“นายกำลังจะทำให้พี่ลำบากใจนะ รู้ตัวไหม” นับหนึ่งพูดเสียงสั่น ทั้งที่มือกลับไม่ได้ปัดออก


“รู้ครับ แต่ผมก็หยุดไม่ได้แล้ว” คีตะยิ้มบาง ๆ ซุกไซ้ข้างแก้ม ไล้ปลายนิ้วอย่างระมัดระวังเหมือนกลัวอีกคนหนี


ความเงียบในห้องถูกแทนที่ด้วยเสียงลมหายใจที่ถี่กระชั้น นับหนึ่งกำลังจะเอ่ยปากห้ามอีกครั้ง แต่ก็ถูกคีตะพลิกตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิมจนปลายจมูกแทบชนกัน แววตากลมใสจ้องมองอย่างดื้อรั้น ราวกับจะบอกว่า “ไม่ปล่อยแล้วนะ”


“คีตะ…” นับหนึ่งเรียกชื่อด้วยเสียงเบาหวิว แต่ไม่ทันจบประโยค ริมฝีปากอุ่นนุ่มก็แนบเข้ามาปิดปากเขาเสียก่อน มันเป็นจูบที่ไม่ได้เร่งรีบ แต่แน่นและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ค่อย ๆ ล้นออกมา ลมหายใจผสมปนกันในช่องแคบของเตียง ร่างกายเบียดชิดจนไม่มีช่องว่างให้หนี


นับหนึ่งพยายามหันหน้าหนี แต่กลับถูกมือใหญ่ประคองแก้มไว้แน่น “อย่าหนีเลยนะครับพี่… ขอผมแค่นี้” เสียงกระซิบข้างหูสั่นเครือจนใจอีกคนอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว


จูบครั้งต่อมาลึกขึ้นกว่าเดิม ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาแผ่วเบาแต่แนบแน่น นับหนึ่งเผลอครางต่ำในลำคอ รู้สึกทั้งโกรธ ทั้งวูบวาบไปพร้อมกัน มือที่ตั้งใจจะผลักอกอีกฝ่ายกลับยกขึ้นกำเสื้อแน่นแทน


ริมฝีปากที่แนบชิดกันค่อย ๆ เคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นทีละนิด ลมหายใจร้อนจัดรินรดกันในระยะประชิด นับหนึ่งพยายามดันอกอีกฝ่าย แต่กลับถูกกดไว้เบา ๆ จนหนีไปไหนไม่ได้ คีตะสอดมือร้อนเข้ามาตามเอว ลูบไล้ผิวกายผ่านเสื้อยืดบาง ๆ อย่างหวงแหน จนคนพี่สะท้านเผลอหดไหล่หนี


“คีตะ…” เสียงเรียกแผ่วสั่นเหมือนจะห้าม แต่กลับกลายเป็นเชื้อเพลิงให้อีกฝ่ายยิ่งดื้อดึง ริมฝีปากเลื่อนจูบไปตามสันกราม ไล้ลงมาถึงลำคอที่เต้นตุบตุบจากจังหวะหัวใจ นับหนึ่งกัดริมฝีปากแน่น มือกำผ้าปูเตียงจนยับย่น


“ผมชอบพี่จริง ๆ นะครับ ไม่ใช่เล่น ๆ …” คีตะกระซิบติดริมผิว จมูกซุกไซ้ซอกคออย่างหวงแหน นิ้วใหญ่เกลี่ยแผ่วตรงเอว จนร่างกายที่พยายามแข็งขืนค่อย ๆ คลายลง กลายเป็นสั่นสะท้านด้วยความร้อนวาบในอก


นับหนึ่งหลับตาแน่น พยายามหายใจให้เป็นปกติ แต่ทุกสัมผัสกลับทำให้ยิ่งหวั่นไหว ปลายนิ้วคีตะเผลอเลื่อนขึ้นสูง กดลงบนแผงอกผ่านเนื้อผ้าบางจนร่างกายสะดุ้งวูบ ความอึดอัดบนเตียงเล็กยิ่งทำให้ร่างกายทั้งคู่เบียดชิดจนแนบแน่นไปหมด


“อย่า… อย่าเล่นเกินไปนะ” นับหนึ่งเอ่ยเสียงพร่า พยายามปราม แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองยังมีเรี่ยวแรงพอจะผลักอีกฝ่ายออกหรือไม่ เพราะหัวใจกลับเต้นถี่ไม่ยอมฟังคำสั่ง


คีตะเงยหน้าขึ้นสบตา แววตาทั้งอ้อน ทั้งจริงจัง จนทำให้ทุกคำห้ามเหมือนกำลังจะสลายลง…


คีตะค่อย ๆ โน้มตัวลงอีกครั้ง คราวนี้ไม่รีบร้อน แต่ทุกสัมผัสกลับแน่วแน่จนหัวใจนับหนึ่งเต้นโครมคราม มือใหญ่ลูบตามแผ่นหลังแล้วสอดเข้าใต้ชายเสื้อยืด ยิ่งเลื่อนขึ้นสูงผิวกายก็ยิ่งร้อนผ่าว นับหนึ่งสะดุ้งเฮือก พยายามคว้ามืออีกฝ่ายไว้ แต่กลับถูกจับแน่นกว่าเดิม


“อย่าดื้อเลยนะครับ… แค่ให้ผมอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ก็พอ” คีตะกดเสียงพร่า ริมฝีปากทาบซ้ำบนกลีบปากนุ่ม คราวนี้ลึกและดูดดื่มกว่าทุกครั้ง ลมหายใจปะปนจนขาดช่วง นับหนึ่งเผลอจิกเล็บลงบนต้นแขนแน่น ทั้งโกรธ ทั้งหวั่นไหว


เสื้อยืดถูกรั้งขึ้นทีละน้อยจนเผยผิวขาววาบ ใต้แสงไฟสลัวในห้อง ร่างกายที่ถูกซ่อนอยู่กลับดูเปราะบางกว่าที่คิด คีตะซุกใบหน้าลงไปแนบแผ่นอก หายใจแรงร้อนรดตรงนั้นอย่างห้ามไม่อยู่


“คีตะ…พอแล้ว” นับหนึ่งเอ่ยเสียงสั่น แต่กลับไม่ผลักออกอย่างจริงจัง ร่างกายเกร็งแน่นแทนที่จะขัดขืน ดวงตาปิดแน่นเหมือนกำลังพยายามหนีความรู้สึกของตัวเอง


คีตะเงยหน้ามอง สายตาเต็มไปด้วยความเว้าวอนและดื้อรั้นในคราวเดียว เขาโน้มตัวกลับมาจูบอีกครั้ง พร้อมกับปลดเสื้อตัวเองออกโยนทิ้งไปด้านข้างอย่างง่ายดาย ร่างกายอุ่นหนาเบียดเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิมจนเตียงเล็กแทบจะรับไม่ไหว


เตียงเล็กโยกไหวตามแรงขยับ ร่างกายสองหนุ่มเบียดแนบแน่นจนแทบไม่มีที่ว่างให้หายใจ ลมหายใจร้อนผ่าวผสมกับเสียงจูบชื้นแฉะที่ดังในห้องเงียบงัน คีตะกำลังจะกดจูบลงลึกอีกครั้ง มือใหญ่ก็เผลอสอดลูบเอวพี่ชายตรงหน้า จังหวะนั้นเอง เสียงเคาะเบา ๆ ก็ดังขึ้นจากประตู


“นับหนึ่ง ยายจะปิดไฟนอนแล้วนะลูก… อย่านอนดึกนักล่ะ” เสียงอบอุ่นของคุณยายลอดเข้ามา


ทั้งคู่ชะงักค้างทันที ร่างที่แนบชิดกันแน่นเมื่อครู่เหมือนถูกจับได้คาหนังคาเขา นับหนึ่งผลักอกคีตะออกเล็กน้อย หน้าแดงจัดจนร้อนผ่าวไปทั้งตัว รีบหันหลังหนีไม่กล้าสบตา


คีตะก็หน้าแดงไม่แพ้กัน รีบยกมือเกาศีรษะทั้งที่เสื้อยังถกค้างอยู่ “เอ่อ…ครับยาย เดี๋ยว… เดี๋ยวจะนอนแล้วครับ” เขาตะโกนตอบกลับไปเสียงหลง


นับหนึ่งรีบกระชากชายเสื้อตัวเองลงมาปิด แทบอยากมุดหนีไปใต้เตียง “นี่แหละ เห็นมั้ย เล่นอะไรไม่เข้าท่า ถ้ายายเข้ามาเห็นขึ้นมาจะทำยังไง” เขารีบหันมาดุและดึงผ้ามาปิดหน้าเต็มแรง ใบหน้าของเขาแดงเรื่อเหมือนลูกมะเขือเทศ ทั้งเก้อ ทั้งหวง ทั้งโกรธนิด ๆ กับเด็กดื้อที่ไม่ยอมฟังคำเตือน


คีตะหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะขยับไปนอนตะแคงข้าง ๆ อย่างว่าง่าย ใบหน้ายังแดงเรื่อไม่หาย “ก็…ผมแค่อยากใกล้พี่นี่ครับ” เสียงพูดเหมือนอ้อน ๆ จนคนฟังทั้งหงุดหงิดทั้งใจสั่น


นับหนึ่งกัดริมฝีปากแน่น พยายามทำเสียงดุ แต่หัวใจกลับเต้นแรงเกินกว่าที่จะควบคุมได้ มือที่กำผ้าห่มแน่น ๆ ก็สั่นเล็กน้อย รู้ตัวว่าแม้เขาจะพูดเหมือนห้าม แต่กลับเผลออยากให้เด็กตรงหน้าลอบสัมผัสอีกครั้ง


“รีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไม่ใช่หรือไง…” เสียงดุพร่าของนับหนึ่งเต็มไปด้วยความเก้อเขิน แต่สายตาและแววตาที่หลบอยู่กลับบอกว่า…เขาไม่ได้รังเกียจเลยแม้แต่น้อย


คีตะยิ้มกว้างแบบหมาเด็ก ราวกับอ่านใจอีกฝ่ายออก “ค้าบ ๆ ผัวที่ดีต้องเชื่อฟังเมีย”


นับหนึ่งถอนหายใจเฮือกเล็ก ๆ ในใจ รู้สึกทั้งโมโห ทั้งหวั่นไหวไปพร้อมกัน… เหมือนถูกดึงเข้าไปในความใกล้ชิดที่ห้ามใจตัวเองไม่ได้




------------------------------------
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ
พระพายยังปากแข็งเหมือนเคย
แอบสงสารนะโมอยู่นะ ไม่รู้ว่าตัวเองจะตัดใจไปกลับไปเรียนมั้ย
ส่วนคู่คีตะกับนับหนึ่งก็อินเลิฟเหลือเกิน หมั่นไส้55


แวะทักทายพูดคุยกันได้นะครับ
รักคนอ่าน


🌸 一期一会 (いちごいちえ)

นายกสโมสร

กระทู้
0
ตอบกลับ
52834
พลังน้ำใจ
270084
Zenny
106144
ออนไลน์
21168 ชั่วโมง
โพสต์ 2025-9-4 15:42:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
1
ตอบกลับ
641
พลังน้ำใจ
5791
Zenny
2135
ออนไลน์
453 ชั่วโมง
โพสต์ 2025-9-4 17:25:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ สนุกมากมาย นริอติดตามต่อๆไปนะครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
ตอบกลับ
1231
พลังน้ำใจ
36601
Zenny
14730
ออนไลน์
10425 ชั่วโมง
โพสต์ 2025-9-5 12:12:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
นะโมก็หิ้วพระพายไปด้วยสิ ถือว่าไปพักผ่อนฟื้นฟูจิตใจ ง่ายจะตาย55555555

ประธานนักศึกษา

กระทู้
1
ตอบกลับ
8105
พลังน้ำใจ
51941
Zenny
43025
ออนไลน์
2581 ชั่วโมง
โพสต์ 2025-9-5 18:16:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากๆนะครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
ตอบกลับ
302
พลังน้ำใจ
2963
Zenny
2611
ออนไลน์
329 ชั่วโมง
โพสต์ 2025-9-7 14:44:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หวานๆๆ ช่วงนี้ หวานกันใหญ่ จัดไปครับ รอตามต่อ
ขอบคุณนะครับ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
2
ตอบกลับ
18240
พลังน้ำใจ
94131
Zenny
66544
ออนไลน์
5226 ชั่วโมง
โพสต์ 6 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2025-9-18 22:12 , Processed in 0.094700 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2025 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้