| พลูวิลล่า ติดทะเล
ทันทีที่รถจอดหน้ารีสอร์ตริมทะเล กลุ่มผู้ทรงอิทธิพลที่มาจากเมืองหนาวก็แทบจะถอนหายใจพร้อมกัน
“ร้อนเป็นบ้า…ใครเป็นคนแพลนทริปวะเนี่ย?” เรนบ่นอุบ มือดึงเนคไทออกขณะเปิดประตูลงรถ เหงื่อที่ซึมตามไรผมทำเอาเขาต้องเอามือปัดออกเป็นรอบที่สิบ
“ฉันเอง…” เจบีตอบเสียงเรียบ อยู่ข้างคนขับตั้งแต่ต้นจนลงมาแล้วก็ทำหน้าตายใส่พวกที่บ่น “ก็ฉันอยากมาทะเลที่นี่อีก จะตามใจหน่อยไม่ได้หรือไง”
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?" เสี่ยวไป๋สวนกลับทันที ถึงจะพูดเหมือนจะเอาเรื่องแต่ก็กางร่มบังแดดให้เจบีเรียบร้อย “แค่ร้อนเฉย ๆ เมืองพวกเรามันหนาวจนขนลุกตลอดปี นาน ๆ จะได้มาโดนแดดแบบนี้สักที”
ราฟาเอโร่ถอนหายใจแต่ก็ยกมือขึ้นลูบหัวเจบีเบา ๆ อย่างเอ็นดู “จะมาที่ไหนก็ได้ ถ้านายอยากมา เราก็มาทั้งนั้นล่ะ”
แคสเปอร์เองก็ปลดกระดุมเชิ้ตพาดไหล่ เผยกล้ามอกกับรอยสักใต้เสื้อกล้ามจนเจบียังต้องเหลือบมองแล้วส่ายหน้า
“จะถอดอะไรนักหนา…” เจบีพึมพำ แต่หูแดงนิด ๆ จนกายขำในลำคอ ก้มเช็ดเหงื่อให้คนดื้อเบา ๆ
“ก็ร้อนนี่ครับ"
เรนโยนสูทลงเบาะรถอย่างไม่ใยดี “เฮอะ… ก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันดีตรงไหน ทำไมถึงชอบทะเลที่นี่นัก”
“ก็คนที่นี่ใจดี อาหารอร่อย น้ำก็สวย…” เจบีตอบยิ้มบาง ๆ ทั้งที่หน้าเริ่มขึ้นสีเพราะโดนล้อมรอบด้วยผู้ชายตัวโตสี่ห้าคนที่กำลังถอดนั่นถอดนี่โชว์กล้ามกันอยู่
“แล้วต้องเป็นทะเลไทยทุกครั้งเลยหรือไง?” เสี่ยวไป๋บ่นอีกคนแต่ก็ยังยืนโบกพัดให้เจบีอยู่ดี
“ก็คุณเมียชอบจะไปไหนได้…” แคสเปอร์ตัดบทเสียงเรียบ ยื่นกระเป๋าเบียร์ให้กายถือแทน ก่อนยกมือโอบไหล่เจบีเบา ๆ “อยากมาก็มาสิ ไม่เห็นยากตรงไหน”
เสียงคลื่นลมกลบเสียงบ่นไปครึ่งหนึ่ง แต่รอยยิ้มเล็ก ๆ ของเจบีบอกทุกอย่าง พวกเขารู้ดีว่าไม่ว่าจะร้อนแค่ไหน ไม่ว่าใครจะบ่นยังไง ถ้าเมียว่า ‘อยากมา’ ก็คือจะต้องได้มา ไม่มีข้อแม้
“ฮึ… คราวนี้ขอพักยาวนะ ห้ามแอบทำงาน ห้ามประชุม ห้ามส่งลูกน้องมาตามด้วย!” เจบีหันมายกนิ้วชี้ใส่พวกมาเฟียตัวโตที่เดินตามกันเป็นแถว
“ครับ ๆ สัญญาเลย…” กายหัวเราะพร้อมเสียงพวกที่เหลือ
“นายหญิงอยากพัก เราก็พัก…” ราฟาเอโร่ยิ้มบางแล้วขยับไปลูบหัวเจบีเบา ๆ อีกครั้ง “…ก็เมียอยากพักนี่นา”
ทันทีที่ทุกคนลากกระเป๋าเข้ามาในวิลล่าส่วนตัวริมทะเล ประตูบานใหญ่เปิดออกให้ลมทะเลพัดกลิ่นเค็มเจือเย็นเข้ามาผสมกับกลิ่นแอร์เย็นฉ่ำภายใน เสียงคลื่นสาดเบา ๆ อยู่ไกล ๆ แต่ที่ใกล้กว่าคือสระว่ายน้ำส่วนตัวที่อยู่กลางวิลล่า ขนาดใหญ่มากพอให้คนตัวโตห้าคนกระโจนลงไปได้พร้อมกัน
“สุดยอด…” เจบีพึมพำ ก่อนจะโดนเรนที่หอบกระเป๋ามาด้วยกัน แซงขึ้นไปจนเกือบชนไหล่
เรนมองสระว่ายน้ำด้วยสายตาเหมือนจะกลืนกิน “หึ… น่าโดดชะมัด”
“เฮ้ ๆ เรน…” เสี่ยวไป๋ยกมือห้ามทันที แต่ไม่ทันแล้ว
เพราะพริบตาต่อมา เรนก็จัดการโยนเสื้อเชิ้ตลงพื้น ถอดกางเกงขายาวโยนตามด้วยท่าทางไม่แคร์สายตาใคร กล้ามแน่น ๆ โชว์เต็มตาแบบไม่มีกั๊ก
“เฮ้ย… ไม่อายฟ้าดินรึไงวะ!” แคสเปอร์ด่าเสียงนิ่งแต่ฟังแล้วรู้เลยว่ากำลังเอือมระอา
“จะโชว์ไปถึงไหนเนี่ย…” กายบ่นอุบแต่ก็ยังโยนผ้าเช็ดตัวเตรียมไว้ข้างสระเผื่อเจ้านี่ขึ้นมาจะได้ไม่ทำบ้านเปียกหมด
“นายอย่าเข้าไปใกล้!” ราฟาเอโร่เอ่ยขึ้นกับเจบีที่เหมือนจะเดินไปดูใกล้ ๆ “พวกบ้านั่น พออยู่รวมกันแล้วมันยิ่งบ้าเข้าไปใหญ่”
ยังไม่ทันขาดคำ เสียงตู้ม! ก็ดังขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะลั่นของเรนที่กระโจนลงน้ำ สาดน้ำกระจายจนขอบสระเปียกเป็นวง
“โอ๊ย! ร้อนเป็นบ้า!” เรนโผล่หัวขึ้นมาตะโกนอย่างสะใจ มือก็ตีฟองน้ำกระจายใส่คนยืนริมสระอย่างกับเด็กอนุบาล
“เห็นมั้ยล่ะ มาเฟียอนุบาลของจริง…” เจบีส่ายหน้าแต่ก็กลั้นยิ้มไม่อยู่ ขยับตัวหลบละอองน้ำที่สาดมา
“ขอโทษนะครับเมีย พวกนี้มันเอาแต่ใจเกินไป…” กายเอียงตัวมากระซิบข้างหู แต่ยังไม่วายหันไปตวาดเรน “หยุดเลย! ไอ้บ้า อย่ามาลากฉันลงไปด้วย!”
“ไอ้พวกขี้บ่น!” เรนสวนกลับเสียงดังแล้วก็จัดการตีฟองน้ำฟู่ใหญ่ สาดใส่แคสเปอร์เต็มแรง
“โอ้ย ไอ้บ้านี่!” แคสเปอร์หัวเราะพรืดแต่ก็ถลกแขนเสื้อจะลุยกลับ น้ำกระเซ็นกระจายเป็นวงอีกรอบ
แต่กว่าจะได้โต้กลับ เรนก็แอบสะบัดแขนอีกข้าง น้ำก็ลอยฟุ้งใส่คนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ริมสระแบบไม่เลือกหน้า
“เฮ้ย! ใครสาดน้ำใส่ฉันวะ!” กายตะโกนเสียงดังแต่ก็ยิ้มอย่างแพรวพราว ก่อนจะก้าวเข้าหาเรนเตรียมสาดน้ำคืน
เสี่ยวไป๋ยืนพิงกำแพงมองภาพวุ่นวายตรงหน้า ถอนหายใจยาว “เฮ้อ… ทีหลังฉันอยู่เฝ้าบ้านดีกว่า”
เจบีที่ยืนขำอยู่ข้าง ๆ ถูกกระแสน้ำกระเซ็นโดนตัวเต็ม ๆ ท่าทางตกใจแต่ก็หัวเราะออกมา แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว กายก็จับมืออีกฝ่ายดึงกระชากจนทั้งคู่ลงไปในน้ำพร้อมกัน
“เฮ้ย! คุณหมอ! ปล่อยนะ!” เจบีหัวเราะเสียงดังจนแทบสำลักน้ำ
“จะปล่อยได้ไง ไหนบอกไม่อยากเปียก!” กายยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วยีผมนุ่ม ๆ ของเจบีเล่นในน้ำ
เสียงน้ำสาดดังไปทั่วริมสระ เมื่อเจบีถูกกายดึงร่างลงน้ำไปพร้อมกัน คนตัวเล็กดิ้นพล่านแค่ไม่กี่ที เสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่สวมไว้ก็เปียกจนแนบลำตัว บวกกับแดดยามบ่ายอ่อน ๆ ทำให้ผิวเนียนที่โผล่พ้นน้ำยิ่งดูขาวจัดจนคนมองต้องกลืนน้ำลาย
เรนที่เพิ่งโดนเสี่ยวไป๋ล็อกคออยู่ข้างสระเงยหน้ามาเห็นก่อนใคร ใบหน้าหวานฉ่ำกับเสื้อบางจนเห็นรอยสักบางส่วนแถมมีหยดน้ำเกาะตามลำคอ ทำเอาเรนเผลอหลุดยิ้ม แต่ยังไม่ทันได้จ้องนาน เสี่ยวไป๋ก็สาดน้ำใส่เต็มแรง
“เฮ้ย! จะฆ่ากันรึไงวะ!?” เรนสบถเสียงหลง แต่หัวเราะจนตัวงอ
ฝั่งแคสเปอร์ที่ยืนพิงขอบสระ พอโดนน้ำกระเซ็นใส่ไปด้วยก็หันมาเห็นเจบีในสภาพเปียกชุ่มตา เขาเผลอยกมือลูบคางตัวเองเบา ๆ สายตาคมกริบเหมือนจะกะกินทั้งตัวตรงนั้นเลยด้วยซ้ำ
“มองอะไรกันนักหนา…” เจบีโวยเบา ๆ แต่แก้มขึ้นสีทันตาเพราะรู้ตัวว่าเสื้อมันแนบเนื้อจนเกินไป มือก็พยายามปิดชายเสื้อไว้แต่ก็ไม่รอดสายตาคนในกลุ่ม
กายเองที่ยังล็อกเอวเจบีอยู่ก็ยิ่งก้มมองใกล้กว่าใคร เสียงหัวเราะแฝงด้วยรอยยิ้มมุมปาก “ใครใช้ให้ใส่เสื้อบางขนาดนี้ หืม?”
“คุณหมอก็เป็นคนเลือกมาให้ผมใส่เองนะครับ!” เจบีเถียงหน้าแดง
“น่ารักขนาดนี้จะไม่ให้ใครมองได้ไงล่ะ” เสี่ยวไป๋สวนขึ้นข้าง ๆ มือก็ไม่วายจะยื่นไปแกล้งดึงชายเสื้อที่ลอยในน้ำ
“พอเลย!” เจบีผลักอกคนตัวโตแล้วหันหนี แต่ไม่ทันไรแคสเปอร์ก็แอบกระโจนใส่สาดน้ำซ้ำเข้าไปอีก
น้ำกระเซ็นกระทบกับแผ่นอกแน่น ๆ ของคนในกลุ่มจนพวกเขาทั้งหมดกลายเป็นมาเฟียหนุ่มเปียกโชก ไหล่กว้าง กล้ามท้องแน่น เสื้อบางติดเนื้อกันถ้วนหน้า ใครเดินผ่านมาเห็นก็คงไม่มีใครเชื่อว่านี่คือผู้กุมอำนาจโลกมืด
“หัวเราะกันให้พอ! แต่คืนนี้พวกแกไม่มีใครได้เข้าห้องเจบีก่อนฉันนะ!” กายชี้นิ้วขู่แก๊งเพื่อนเสียงเข้ม แต่เรนกับเสี่ยวไป๋กลับหัวเราะกันแทบล้ม
“เหรอ~ เดี๋ยวคอยดูเถอะ ใครเร็ว ใครได้” เรนแซวเสียงยาน ก่อนจะโดนกายล็อกคอจนจมน้ำไปอีกคน
เสียงหัวเราะยังดังแข่งกับเสียงน้ำสาดไม่ขาดสาย แต่ราฟาเอโร่ที่ยืนอยู่ในสระกลับไม่ได้ขำด้วยแม้แต่นิด สายตาคมกริบมองเจบีที่เสื้อเชิ้ตบางเปียกแนบเนื้อ ก่อนจะยกมือผลักอกเจบีเบา ๆ จนคนตัวเล็กชิดขอบสระ
น้ำในสระเย็น แต่ฝ่ามือหนาที่แนบกับเอวกลับอุ่นจัด
“ขยับเข้ามาอีก…” ราฟาเอโร่โน้มตัวลงจนเงาคร่อมบังร่างขาวไว้แทบหมดสายตาคนอื่น
เจบีเงยหน้าจะเถียง แต่ยังไม่ทันได้หลุดคำก็โดนสายตาดุ ๆ กดไว้แทน
“ราฟ… ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้มั้ง…”
“เงียบ” เสียงทุ้มตอบกลับสั้น ๆ แต่ชัดเจน
ฝ่ามือหนาเลื่อนไปแตะแก้มเจบีเบา ๆ นิ้วโป้งไล้น้ำที่หยดลงตามปลายคาง ก่อนจะถอนหายใจพรืดเมื่อเห็นว่ารอยแดงข้างลำคอเล็กก็ยังโผล่ให้คนอื่นเห็นอยู่ดี
“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้าจะลงน้ำกับพวกนั้น ต้องใส่เสื้อหนา ๆ กว่านี้” เขาบ่นเสียงต่ำ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความห่วง
ยังไม่ทันให้เจบีได้งอแง ราฟาเอโร่ก็รั้งเอวอีกฝ่ายเข้ามาแนบอกเต็มแรง ก่อนจะช้อนตัวอุ้มขึ้นจากสระ น้ำหยดไหลตามเรียวขา เจบีร้อง “เหวอ!” เบา ๆ แต่ก็ต้องยอมกอดคอเขาไว้เพราะกลัวลื่นตก
เสียงฮาเฮจากคนอื่นยังดังอยู่กลางสระ แต่ราฟาเอโร่กอดเจบีแน่นเหมือนกลัวใครจะมาแย่งไป
เขาวางอีกฝ่ายลงบนขอบสระ คว้าผ้าขนหนูผืนใหญ่ขึ้นมาคลุมร่างจนมิด
“รีบไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” ราฟาเอโร่ก้มลงกระซิบเสียงเรียบใกล้หู แต่ฟังดูห่วงกว่าใครทั้งหมด
“ปล่อยให้พวกนี้มันเล่นกันให้พอไป ฉันไม่อยากให้ใครมอง”
เจบียังอยากเถียง แต่พอเห็นแววตาเอาเรื่องของอีกฝ่ายก็ทำได้แค่ถอนหายใจ ยกมือขึ้นแตะปลายคางราฟาเอโร่เบา ๆ
“ขอบคุณครับ…”
คนตัวโตกว่าก้มลงแตะหน้าผากอีกคนแผ่ว ๆ ก่อนจะหันไปตวัดสายตากวาดพวกตัวแสบในสระที่ยังแกล้งสาดน้ำใส่กันไม่เลิก
“เล่นกันให้พอ… ถ้าใครตามขึ้นมา ฉันยิงทิ้งจริง ๆ” ราฟาเอโร่หันไปพูดเสียงนิ่งแต่ชัดถ้อยชัดคำ จนกายกับแคสเปอร์เงียบกริบ ก่อนจะระเบิดหัวเราะกันลั่น
...
เสียงคลื่นลมยามเย็นพัดเอากลิ่นทะเลมาแตะปลายจมูก ขณะที่เจบีเดินลากเท้าเปล่าบนผืนทรายเปียก ล้อมรอบด้วยกลุ่มผู้ชายตัวโต ๆ ในชุดสบาย ๆ ที่ตอนนี้สลัดลุคมาเฟียจนหมดเหลือแต่ความชิลและท่าทางเหมือนพี่เลี้ยงเด็กคนละมือ
“พระอาทิตย์ตกสวยเนอะ…” เจบีพูดเบา ๆ แล้วเงยหน้ามองแสงสีส้มอมชมพูที่ลามไปทั่วผืนฟ้า
“ถ้าชอบก็จะพามาดูทุกวันเลย” กายเอ่ยขำ ๆ อยู่ข้าง ๆ มือหนึ่งถือถุงเปล่าเตรียมเก็บเปลือกหอยให้อีกคน
เสี่ยวไป๋เดินเอาผ้าเช็ดตัวพาดไหล่เจบีไว้ไม่ให้ลมเย็นเกิน แคสเปอร์ยืนอีกฝั่งถือกล้องไว้แน่นอย่างกับเป็นบอดี้การ์ดของกล้อง ส่วนเรนที่ปากบ่นก็ยังเดินตามเหมือนห่วงเด็กจะล้ม
เจบีหัวเราะคิก ก่อนจะย่อตัวลงก้มเก็บเปลือกหอยเล็ก ๆ ที่ฝังอยู่ในทราย มือเรียวปัดทรายออกเบา ๆ
ขณะที่เจ้าตัวก้มหน้าหาเปลือกหอย พวกคนด้านหลังกลับพากันวุ่นกับการถ่ายรูป
“นายถ่ายฉันไม่ดีเลยเว้ยแคสเปอร์! นี่ถ่ายตอนฉันหันหลังอยู่ด้วยซ้ำ!” เรนบ่นเสียงหงุดหงิด ยื่นมือจะดึงกล้อง
“จะให้ดี นายน้อยก็อยู่นิ่ง ๆ สิครับ…” แคสเปอร์พูดเสียงนิ่งแต่กดชัตเตอร์รัวไม่หยุด
เสี่ยวไป๋ยืนกอดอก เหล่มองภาพในกล้องแล้วขำ “มุมนี้แหละดีแล้ว จะให้ถ่ายสวยแบบนายหญิงนายก็ไปศัลย์มาก่อนนะเรน”
“ไอ้บ้า!” เรนยกเท้าจะถีบ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นกายยืนถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกกับราฟาเอโร่ที่กำลังหลับตาลองโพสอยู่ข้างหลัง
“หลับตาทำไมล่ะ ราฟาเอโร่?”
“ก็จะได้รูปฟีลเงียบสงบ…” เสียงพี่ใหญ่ตอบโคตรนิ่ง แต่ยังไม่ทันได้ถ่ายดี ๆ เสี่ยวไป๋ก็แย่งกล้องไปซะก่อน
แต่ในจังหวะที่กลุ่มมาเฟียกำลังยื้อกล้องกันวุ่นนั่นเอง ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาใกล้เจบีที่ก้มเก็บหอยอยู่
“ขอโทษนะครับ… เอ่อ ขอไอจีได้ไหม?”
เจบีชะงักนิดหน่อย เงยหน้ามองอีกคนด้วยสีหน้างง ๆ ก่อนจะยิ้มสุภาพ “ไม่สะดวกครับ ขอโทษด้วยนะ”
อีกฝ่ายยังดูจะอยากเซ้าซี้ต่อ แต่ไม่ทันได้พูดอะไร กลุ่มรังสีอำมหิตก็ปกคลุมรอบ ๆ เงาของผู้ชายตัวโตสี่ห้าคนเดินเข้ามาล้อมจนบรรยากาศเย็นเฉียบ ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งหัวเราะเหมือนเด็ก ๆ
ราฟาเอโร่มาก่อนใคร มือใหญ่คว้าเอวเจบีดึงเข้าหาตัวจนอีกคนแนบอก ก้มมองอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งสนิท “คุยอะไรครับ?”
แคสเปอร์ เสี่ยวไป๋ กาย และเรน แทบจะพร้อมใจกันยืนเรียงหลังราฟาเอโร่ เหมือนเป็นกำแพงคน
“อะ เอ่อ… ไม่มีอะไรครับ!” ชายหนุ่มรีบถอยแทบจะสะดุดทรายหายลับไปในพริบตา
เจบีได้แต่ยืนหน้าขึ้นสี ถูกกอดแน่นจนจะจมอกราฟาเอโร่ แถมพวกข้างหลังยังตาแข็งกันหมด
“โอ๊ย… ฉันแค่ปฏิเสธเขาแล้วไง พวกนายจะทำหน้าดุทำไมเนี่ย” เจบีพึมพำเหมือนบ่น แต่มือกลับจับชายเสื้อราฟาเอโร่ไว้แน่น
ราฟาเอโร่กดจมูกลงบนขมับคนในอ้อมแขนเบา ๆ เสียงทุ้มต่ำราวกระซิบ “อยู่ใกล้ฉันไว้… พวกนี้ก็หวง ฉันก็หวง เข้าใจมั้ย”
หลังจากเดินลัดเลาะริมชายหาด ถ่ายรูปกันจนเมมเกือบเต็ม เจบีก็เริ่มหันซ้ายหันขวา มองหาร้านขายของกินที่ตั้งเรียงรายอยู่ข้างแนวหาด
"ไปหาของกินกันเถอะ หิวแล้ว…" เขาหันไปบอกกลุ่มมาเฟียที่ตอนนี้พากันถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกกับมือถืออีกสามเครื่อง และแย่งกันดูมุมกล้องเหมือนเป็นรายการเรียลลิตี้
เจบีเดินไปหยุดหน้าร้านรถเข็นที่มีป้าคนขายยิ้มต้อนรับ กลิ่นปิ้งย่างคลุ้งฟุ้งในอากาศ เดินไปไม่กี่ก้าว พวกเขาก็พากันยืนล้อมอยู่รอบเจบีอีกเหมือนเดิม
“จะกินนี่เหรอ?” ราฟาเอโร่มองตามคนตัวเล็กที่เดินนำหน้าไปหยุดที่ร้านรถเข็นข้างหาด
“อือ… อยากกินส้มตำ!” เจบีตอบหน้าตาย ขณะมองแม่ค้าตำมือเป็นระวิงอยู่หน้าครก
“ป้า ส้มตำพริกสองเม็ดพอครับ... เอ่อ ไม่สิ สองจาน อ้อ แล้วก็ลูกชิ้น หมึกย่าง ไก่ย่างด้วยนะครับ” เจบีสั่งเป็นภาษาไทยแบบงง ๆ ปนภาษากลางปนอังกฤษนิดหน่อย แล้วหันไปแปลให้พวกที่เหลือ
“สั่งเผ็ดน้อยที่สุดแล้วนะ” เขาพูดขำ ๆ
สักพักทั้งแก๊งก็พากันหอบถุงใส่ส้มตำ ไก่ย่าง หมึกย่าง ลูกชิ้นปิ้งกลับมาปูเสื่อเล็ก ๆ นั่งล้อมวงกันริมหาด มีเสียงคลื่นซัดเบา ๆ เป็นแบ็กกราวด์ให้
เจบีนั่งกลางสุด มือคีบเส้นมะละกอเข้าปากคำโตจนคนอื่นต้องมองด้วยสายตาทั้งหมั่นไส้ทั้งเอ็นดู
“อือ! อร่อย!” เจ้าตัวประกาศเสียงใส ทำหน้าเหมือนเด็กได้ขนม
เรนลองตักคำใหญ่ตามไปหนึ่งคำ ก่อนจะนิ่งไปสามวินาที แล้วตาเริ่มเหลือก “เผ็ด—! นี่มันสองเม็ดจริงเหรอวะ!?”
“ก็สองเม็ดแล้วไง” กายหัวเราะในลำคอ มือยังคีบไก่ย่างให้เจบีด้วย “หรือปากนายน้อยอ่อนเอง?”
เสี่ยวไป๋นั่งข้าง ๆ เคี้ยวหมึกย่างชิล ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ฉันว่าจืดไปหน่อยนะ หมาล่าบ้านฉันยังแสบกว่านี้อีก”
แคสเปอร์เหลือบมองเรนที่แทบจะพ่นไฟออกปาก ก่อนจะเอื้อมไปวางแก้วน้ำเย็นตรงหน้าแบบไม่พูดอะไร สีหน้าเหมือนคนที่เผ็ดแต่ก็จะเก็บทรงสุดชีวิต
ส่วนราฟาเอโร่ยังคงนั่งนิ่ง มืออีกข้างวางบนเข่าเจบีใต้โต๊ะเล็ก ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ ตักส้มตำเข้าปากไปคำใหญ่ หน้าก็ยังเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร
เจบีหันไปมองพวกเขาทีละคน ก่อนจะหัวเราะจนแก้มขึ้นสี “กินไม่ไหวก็อย่าฝืนสิครับ… เดี๋ยวปากพองหมด”
“ไม่เป็นไร” ราฟาเอโร่ก้มลงกระซิบข้างหูเขาเสียงต่ำ “แค่เผ็ดนิดเดียว… แต่ถ้าเมียชอบ ทุกคนก็กินได้ทั้งนั้นแหละ”
เรนที่เพิ่งกรอกน้ำเข้าปากแทบสำลัก “ให้ตายเถอะ! หวานกันเข้าไปเถอะพวกนี้!”
เสียงหัวเราะประสานกันกลางวงอาหารเรียบง่ายริมทะเล พร้อมลมเย็นและกลิ่นคลื่น กลายเป็นภาพที่เจบีไม่คิดว่าจะได้เห็นจากกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลที่วัน ๆ เอาแต่พูดเรื่องกลยุทธ์ ตอนนี้กำลังนั่งแทะไก่ย่างกันเหมือนเด็กไปหมด
…และนั่นแหละ คือเหตุผลที่เขาอยากกลับมา
...
หลังจากพ่นไฟกันจนหมดวง เจบีก็ลุกขึ้นโบกมือเรียกให้ทุกคนเก็บจานเก็บแก้วกันดี ๆ ก่อนจะพาเดินลัดไปทางบาร์ไม้เล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เสียงคลื่นยังซัดเข้าฝั่งเบา ๆ ตัดกับแสงไฟสลัวจากโคมไฟกระดาษที่ห้อยอยู่ริมชายหาด
“ไม่เอาร้านใหญ่เหรอ?” เรนถามเสียงงึมงำเพราะยังมีน้ำมูกจากความเผ็ด
“ไม่เอา เดี๋ยวพวกนายเมาแล้วมีเรื่องอีก ฉันไม่อยากขึ้นหน้าเว็บข่าวนะ” เจบีหันมาบอกเสียงเรียบ แต่สายตายังดูดุ ๆ จนใครก็ไม่กล้าเถียง
ท้ายที่สุด กลุ่มมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ก็เลยต้องมานั่งเบียดกันที่โต๊ะไม้หน้าบาร์เล็ก ๆ โต๊ะเดียว หันหน้าเข้าหากันแบบแน่นขนัด เบียร์วางเรียงอยู่ตรงหน้าเหมือนตั้งแท่นให้คนละขวด
“จะเริ่มก่อนเลยมั้ย” เสี่ยวไป๋ถาม ขณะกำลังหยิบขวดมาเปิด
“เอาสิ!” เรนตบโต๊ะ “วันนี้ฉันจะไม่ยอมให้พริกสองเม็ดชนะ!”
เจบีหัวเราะเบา ๆ ขณะยกแก้วชนกับอีกคน แล้วทุกเสียงก็ประสานกัน ‘เฮ้!’ ก่อนจะยกซดไปคนละอึก
แค่ผ่านไปไม่กี่รอบ แก๊งมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลก็กลายร่างเป็นลูกหมาขี้อ้อนกันครบถ้วน…
กายขยับไปนั่งเบียดเจบีข้างหนึ่ง ไหล่กว้างแทบจะกลืนคนตัวเล็กกว่าไว้หมด “ยังร้อนอยู่มั้ยครับ…” พูดไปก็ซุกแก้มลงบนไหล่เจบีหน้าตาเฉย
“หนัก…” เจบีบ่นแต่ก็ยอมลูบหัวให้
เสี่ยวไป๋นั่งอีกฝั่ง มือยื่นเบียร์ให้เติมเรื่อย ๆ แต่พอเมาก็ขยับมานอนหนุนตักเจบีดื้อ ๆ แล้วพึมพำเสียงเบา “อยากพามาเอง… ก็รับผิดชอบหน่อยสิ…”
เรนนั่งกอดอกแต่ก็ค่อย ๆ ล้มตัวลงกับพนักพิง หันมาค้อนใส่แคสเปอร์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วหาวหวอด “ถ่ายรูปตอนฉันหลับตาทำไมวะ…จะลบก็ลบให้หมดนะ!”
แคสเปอร์แค่ยกเบียร์ขึ้นดื่ม ปลายตายังมองเจบีที่กำลังโดนกอดซ้ายกอดขวาอย่างเอ็นดู “ผมลบไม่ได้หรอกครับนายน้อย หลับตาน่ารักดี”
“น่ารักบ้านนายสิ…” เรนงึมงำแต่ก็หน้าแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปแล้วครึ่งแก้ว
ราฟาเอโร่ที่นั่งหัวโต๊ะกลับเงียบสุด แต่พอสบตาเจบีที่กำลังจะดันกายออก เขาก็แค่ยื่นแขนไปโอบอีกคนมาใกล้ กดให้หัวเจบีซุกอกตัวเองอย่างไม่เปิดช่องให้ใครแย่ง “พอแล้ว ดื่มพอประมาณด้วย จะกลับเมื่อไหร่ก็บอก”
“ไม่กลับได้มั้ย…” เจบีแกล้งงึมงำเสียงเบา
ราฟาเอโร่ยิ้มบางในความมืด มือหนาลูบผมอีกคนช้า ๆ “งั้นก็นั่งตรงนี้แหละ พวกนี้จะได้ไม่เมาแล้ววิ่งไปมีเรื่องกับใครอีก”
หลังจากแก๊งคนดุยกแก้วชนกันรัว ๆ จนเบียร์หมดไปหลายขวด บรรยากาศก็เริ่มย้วยตามสภาพ ทันทีที่ราฟาเอโร่สั่งเช็กบิล ทุกคนก็โอดครวญเหมือนไม่อยากเลิก
“ฉันยังไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับเจบีเลย…” เสี่ยวไป๋โอดอีกรอบ ขณะที่กายก็ลุกขึ้นก่อนเพราะกลัวว่าถ้าช้าอีกนิดจะไม่มีแรงพยุงเจบีกลับ
“ไว้พรุ่งนี้ก็ได้” เจบีหัวเราะ เห็นสภาพพวกนี้แล้วได้แต่ส่ายหน้า ข้างกายถูกล้อมด้วยร่างสูงใหญ่ที่เดินพยุงกันไปมาริมหาด คืนนี้ทะเลเงียบกว่าตอนกลางวันมาก มีแต่เสียงคลื่นกับเสียงเท้ากระทบผืนทรายสลับกับเสียงหัวเราะคิกคัก
“จับมือดี ๆ …เดี๋ยวก็ล้ม” ราฟาเอโร่ที่ยังไม่เมามากยื่นมือมาโอบไหล่เจบีไว้เหมือนจะกันไม่ให้ใครฉวยโอกาสได้ง่าย ๆ
เรนเดินตามหลัง ทำหน้าหงุดหงิดเพราะโดนแคสเปอร์ดึงคอเสื้อให้เดินเป็นแถว “เดินตรง ๆ หน่อยสิครับนายน้อย เดี๋ยวจะตกทะเลไปจริง ๆ”
“เรื่องมาก…” เรนบ่นพึม ๆ แต่ก็ยอมเดินเรียบร้อย
เจบีเองก็หันกลับไปหัวเราะพวกขี้บ่นอยู่ไม่กี่วินาที จังหวะที่เจ้าตัวหันกลับมา กายก็ถือโอกาสเดินประชิดในเงามืด แล้วโน้มหน้าลงมากระซิบเสียงพร่า “ขอรางวัลหน่อยได้มั้ย… เมีย…”
เจบียังไม่ทันตอบ ริมฝีปากอุ่น ๆ ก็แนบลงบนมุมปากเร็ว ๆ ขโมยจูบแบบไม่ให้ตั้งตัวจนอีกคนสะดุ้ง ดวงตากลมโตเบิกกว้างเพราะคนพวกนี้ปกติไม่เคยทำโจ่งแจ้งเวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อน
“บ้าหมอ!” เจบียกมือดันอกกายออกแต่ก็เขินจนแก้มแดง
“อะไรนิดหน่อยเอง… ไม่บอกใครหรอกน่า” กายหัวเราะในลำคอแล้วเดินไปกอดคอเจบีอีกด้าน แกล้งหอมแก้มซ้ำเบา ๆ จนเจ้าตัวตีแขนดังเพี้ยะ
เสียงตีดังพอจะเรียกให้ราฟาเอโร่หันมามอง พอเห็นว่าคนขี้ขโมยจูบกำลังทำซ่าไม่เลิก เขาก็แค่ยื่นมือมาโอบอีกคนไว้แทน กดให้เจบีซุกอกแน่นกว่าเดิมเหมือนประกาศเป็นนัย ๆ ว่า หวงมาก
“เดินดี ๆ …เดี๋ยวหกล้ม” ราฟาเอโร่ว่าขำ ๆ แต่มืออีกข้างก็ยกขึ้นลูบผมเจบีเบา ๆ
พวกที่เหลือก็พากันหัวเราะ โซซัดโซเซเดินตามกันเป็นขบวนเหมือนอนุบาลมาเฟียกลับรัง ใครมองก็ไม่กล้าแซว เพราะแต่ละคนหน้าดุชะมัด แต่พออยู่รอบเจบีทีไรละมุนกันหมด
...
ทันทีที่ถึงวิลล่า พวกมาเฟียกึ่งเมากึ่งหื่นก็พากันโยนเสื้อโยนผ้า โซเซกันเข้าไปในห้องน้ำส่วนตัวที่มีอ่างใหญ่วิวทะเล เจบีที่กำลังจะปิดประตูดันถูกดึงแขนเข้าไปด้วย กลายเป็นว่าอยู่กลางวงอาบน้ำไปโดยปริยาย
“อย่ากระเด็นน้ำใส่ฉันสิ!” เจบีโวยวายเสียงดุ เพราะเรนกับเสี่ยวไป๋กำลังสาดน้ำใส่กันเป็นเด็ก ๆ จนเจ้าตัวเปียกไปหมด
“ก็หมอนี่เริ่มก่อน!” เรนชี้หน้าเสี่ยวไป๋ แต่เสี่ยวไป๋หรี่ตามองกลับ ก่อนจะสาดน้ำคืนอีกรอบ คราวนี้โดนหน้าแคสเปอร์ที่กำลังล้างฟองสบู่ให้เจบีพอดี
“โอ๊ย! อย่าสาดใส่ฉัน!” แคสเปอร์เสียงเข้ม มือยังประคองหัวเจบีไว้ไม่ให้โดนฟองเข้าตา
“อย่าเล่นกันแรงแบบนี้ได้มั้ย…” เจบีเอ็ดเบา ๆ พยายามดันพวกนี้ออกห่าง แต่ยิ่งดันพวกคนตัวโตที่เมาแล้วแรงเยอะก็ยิ่งเซเข้ามาเบียดกันเป็นก้อนเดียว
ฝั่งกายก็ไม่ยอมน้อยหน้า อยู่ดี ๆ ก็มากอดเจบีจากด้านหลัง แถมเอาหน้าซุกไหล่คนตัวเล็กอีก “เมีย… เมาแล้วตัวหอมจัง…”
เสียงหัวเราะโวยวายยังไม่ทันจางไปดี หลังจากอาบน้ำเสร็จพวกเขาก็กึ่งเมากึ่งโซเซเดินเช็ดตัวกันอยู่กลางห้อง เจบีที่เพิ่งใส่เสื้อคลุมเดินวนมาเช็ดผมให้แคสเปอร์ แต่ไอ้เจ้าคนที่กำลังเช็ดหัวให้ก็ดันหันไปจ้องหน้าเรนที่ยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์เหมือนกัน
“แกจะมองหน้าฉันทำไมวะ?” เรนกระแทกเสียง เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เริ่มขึ้นหัว
“แล้วนายล่ะมองฉันทำไม?” แคสเปอร์สวนกลับ หน้านิ่งแต่ตามันขุ่นจัด
“หยุด!” เจบีขมวดคิ้วเข้าไปดันอกแคสเปอร์ให้ถอยห่างจากเรน แต่ไม่ทันไร กายที่ก็เมากึ่ม ๆ เดินมาแทรก “พอได้แล้วน่า! อย่าเสียงดังสิ เจบีจะปวดหัว!”
“แต่หมอนี่มัน—” เรนจะพุ่งเข้าไปอีก เจบีเลยต้องเอาตัวขวางไว้ แต่คนตัวเล็กกว่าดันโดนแรงสะบัดทีเดียวจนเซเกือบล้มไปโดนขอบโต๊ะ
ราฟาเอโร่ที่ยืนพิงกำแพงอยู่เงียบ ๆ ถึงกับชะงัก ใบหน้าหล่อจัดตาแดงวูบทันที ก้าวเข้ามาจับเจบีพรวดเดียว “ใจเย็น!” เขาสวนเสียงต่ำใส่ทั้งสองคน สองหนุ่มที่เมาแล้วพองขนจะพุ่งใส่กันก็เลยยืนชะงักเหมือนหมาโดนดุ
เจบีสะบัดมือออกจากอ้อมราฟาเอโร่ด้วยหน้าแดงจัด ไม่ใช่เพราะเขิน แต่เพราะโกรธสุดขีด “จะเมาแล้วงี่เง่าให้ได้อะไรขึ้นมา? ห้ามก็ไม่ฟัง! ถ้าจะเมาแล้วเป็นแบบนี้ เลิกกินไปเลย!”
“เจบี—” กายพยายามจะจับมือ เจบีก็ปัดออก
“ไม่ต้องมาจับ! คืนนี้นอนกันข้างนอกให้หมด! ไม่ต้องมาเคาะห้อง!” เจบีประกาศกร้าว สะบัดตัวเดินไปลากผ้าห่ม หมอน แล้วกระแทกประตูห้องนอนปิดดังปัง! ก่อนเสียงล็อกประตูจะตามมาทันที
เหลือแต่พวกมาเฟียยืนหัวโด่อยู่หน้าห้อง ใครยังพองขนอยู่ก็ถอนหายใจยาว เรนกระซิบเสียงเบา
“แม่ง…จะหลับยังไงวะเนี่ย…”
“ก็นอนไปสิ…” แคสเปอร์กัดฟันตอบ แต่ก็เอาผ้าห่มตัวเองปูลงพื้นหน้าห้อง เจอราฟาเอโร่ที่กึ่ม ๆ อยู่เหมือนกันยกมือขึ้นลูบหัวทั้งสองคนเหมือนหมาตัวใหญ่
“สม…ใครใช้ให้หาเรื่องกันต่อหน้าเมีย…” ราฟาเอโร่บ่นขำ ๆ แต่ตาก็ยังหันไปมองประตูห้องที่เจบีล็อกเงียบเหมือนอยากเปิดเข้าไปปลอบใจแต่ก็ไม่กล้า
“เจบี เปิดประตูหน่อย…” กายเคาะเสียงอ้อน
“ไม่!” เจบีตะโกนกลับจากในห้อง
“ขอแค่กอดเฉย ๆ …” เรนพึมพำเสียงอ้อแอ้ มือทุบประตูเหมือนแมวข่วน
“ฉันจะนอนหน้าห้องตรงนี้ล่ะ…” เสี่ยวไป๋นั่งพิงข้างประตูพร้อมเอาผ้าห่มมาคลุมหัว
ราฟาเอโร่ยืนกอดอก ถอนหายใจนิดหน่อย แต่ยังลูบหัวพวกที่นอนกองอยู่หน้าห้องด้วยสีหน้าเอ็นดู “ก็บอกแล้วไงให้ดื่มพอประมาณ…”
เสียงเจบียังลอดออกมาเป็นระยะ “จะนอนก็นอนไป! ฉันจะนอนคนเดียว!”
...
เช้าตรู่ เสียงคลื่นกับแสงแดดลอดผ้าม่านบางหน้าต่างโถงรับแขกของพูลวิลล่าดังแผ่ว ๆ พวกมาเฟียห้าร่างที่นอนกอดผ้าห่มกองกันอยู่หน้าประตูห้องเจบี ค่อย ๆ ขยับตัวงัวเงียกันทีละคน
“อืม… ปวดหัว…” กายพึมพำเสียงแหบ มือกุมขมับแต่ยังไม่ยอมลืมตาดี
เรนพลิกตัวเหมือนจะหาที่นอนใหม่แต่กลับร้องอุ้ย “โอย… ขาใครวะเนี่ย หนักฉิบหาย…”
“ของฉัน…” เสี่ยวไป๋ตอบเสียงอู้อี้ทั้งที่ยังซุกหัวในหมอน มืออีกข้างดันหัวเรนออกด้วยซ้ำ
แคสเปอร์ยันตัวขึ้นนั่งได้คนแรก สภาพคือผมสีน้ำตาลทองฟูยุ่งเป็นรังนก ตายังปรือเหมือนหมาตื่นไม่เต็มตา ก่อนจะหันไปเห็นราฟาเอโร่ที่กอดหมอนอยู่ข้าง ๆ กัน สภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่
“…เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นวะ?” แคสเปอร์พึมพำเสียงแห้ง ปลายนิ้วนวดต้นคอเพราะปวดไปหมดจากการนอนบนพื้นแข็ง
“ใครจะไปจำได้ล่ะ…” ราฟาเอโร่ถอนหายใจ มองซ้ายขวาเจอแต่สภาพพวกเดียวกันที่นอนเกลื่อนอยู่นั่นแหละ
เสียงลูกบิดประตูห้องนอนหมุนแกร๊ก ก่อนที่ประตูจะเปิดออกช้า ๆ เผยให้เห็นเจบีในชุดเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้นที่ยืนกอดอก พิงกรอบประตูมองกองมาเฟียตัวโตหัวยุ่งยับสภาพหมดหล่ออยู่ตรงหน้า
“…นี่พวกนายมานอนกองกันอยู่หน้าห้องฉันทั้งคืน?” เจบีพูดเรียบ ๆ แต่น้ำเสียงไม่ต้องดัง แค่ฟังก็ขนลุกแล้ว
แคสเปอร์ที่ยังปวดหลังขยับไปนั่งพับเพียบดี ๆ ทำตัวเรียบร้อยทันที “ครับ…”
เรนรีบกลิ้งไปเกาะขาเจบีอย่างกับเด็กงอแง “เจบี… เปิดห้องให้หน่อยนะ เมื่อคืนฉันขอโทษแล้วไง…”
กายก็พยุงตัวลุกขึ้นตามเข้ามากอดเอว สภาพผมเปียก ๆ ฟู ๆ เหมือนแมวเปียกน้ำ “ผมสำนึกผิดแล้วจริง ๆ … ต่อไปจะไม่เมาแล้วเสียงดังใส่กันอีก…นะครับ…”
ราฟาเอโร่ที่หน้าตายังยับแต่พอมีสติที่สุดในกลุ่ม ดึงเจบีมากอดทั้งตัวแทนคนอื่น “ฉันขอโทษด้วย ต่อไปจะคุมพวกนี้เอง…ไม่ให้มีวางมวยใส่กันแล้ว”
เสี่ยวไป๋ที่เมื่อกี้ยังนั่งแคะหูอยู่ ยื่นมือมาคว้ามุมเสื้อเจบีเบา ๆ “หายโกรธได้แล้วนะ…ข้างนอกมันเย็น ฉันเมื่อยตัวไปหมดแล้ว…”
เจบีถอนหายใจยาว สบตาแต่ละคนที่สภาพยับยู่ยี่เหมือนลูกหมาถูกฝน ทั้งที่เมื่อคืนเพิ่งพองขนจะกัดกันตายอยู่แล้ว “ถ้ารู้ตัวว่ากินแล้วควบคุมไม่ได้ ก็ห้ามกินอีก… เข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้วครับ/ครับ/ครับ…” เสียงตอบรับดังพร้อมกันรัว ๆ แล้วไม่ทันให้พูดอะไรต่อ พวกมาเฟียก็ต่างเบียดกันเข้าไปกอดเจบีเต็มวง โอบเอว ลูบหัว กอดเอว กอดคอ สารพัดจะแสดงความสำนึกผิด
สุดท้ายภาพเช้าที่ควรจะสงบก็เลยกลายเป็นกองหนุ่มตัวโตหัวยุ่งยับสุมกันอยู่หน้าประตู กอดเจบีแน่นเหมือนหมาตัวใหญ่หวงเจ้าของ ส่วนเจบีก็ได้แต่ยืนกอดอก ถอนหายใจรัว “บ้าเอ๊ย… นี่ฉันเลี้ยงมาเฟียหรือเลี้ยงลูกหมาเนี่ย…”
หลังจากนอนกองหน้าห้องเจบีจนสภาพดูไม่ได้ พวกมาเฟียก็ถูกลากมาปัดตัวให้เรียบร้อยแล้วพากันออกมาเดินตลาดเช้าริมทะเล อากาศสดใส แสงแดดยามเช้าอุ่นกำลังดี กับเสียงแม่ค้าโหวกเหวกขายของ
“หิว… หิวจะตายแล้ว…” เรนพึมพำขณะเดินหาวเป็นระยะ แต่พอเห็นหมูปิ้งร้อน ๆ บนเตาถ่านเท่านั้นแหละ ตาแทบลุกวาว “เฮ้ย นั่นอะไร! กลิ่นดีมาก!”
เจบีที่เดินนำอยู่หันมายิ้ม ก่อนจะหันไปสั่งหมูปิ้งเป็นภาษาไทยแบบเน้น ๆ “อ่า… เอา…หมูปิ้ง ห้าหลา… อ้อ ห้าสิบบาทครับ”
แม่ค้ามองหน้าเจบีแล้วยิ้มกว้าง “ห้าหลา หรือ ห้าหมู?”
เจบีชะงัก หันไปมองเหล่ามาเฟียข้างหลังแล้วตอบปนอังกฤษทันที “Wait… wait… Five sticks, okay? Not five baht… fifty baht, okay?”
แคสเปอร์ที่ยืนเท้าสะพายกระเป๋าผ้า หัวเราะในลำคอ “ล่ามเฉพาะกิจของพวกเราเก่งอยู่นี่”
เจบีหันมามองตาขวาง “ไม่ต้องกวนเลยน่า…”
พอแม่ค้าได้ยินสำเนียงไทยปนอังกฤษ ก็หัวเราะ “ได้ลูก ได้! เดี๋ยวปิ้งให้ใหม่ร้อน ๆ เลย”
แล้วอยู่ดี ๆ ราฟาเอโร่ก็ชี้ไปที่ขนมถุงใส่ที่วางข้าง ๆ “แล้วนั่นล่ะ?”
“นั่น… อืม…” เจบีหยิบถุงขึ้นมามอง ยกขึ้นดมแล้วก็งึมงำ “…ข้าวแต๋น…อ่า… crispy rice? หวาน ๆ กรอบ ๆ”
เรนหรี่ตา “หวาน? ไม่เผ็ดใช่ไหม?”
“ไม่เผ็ด! ข้าว แต๋น หวาน!” เจบียกนิ้วโป้งประกอบ แถมตอบซ้ำเป็นไทยจนแม่ค้าหัวเราะ
ระหว่างที่พวกมาเฟียมัวแต่รอหมูปิ้ง รอข้าวเหนียวกันตาแป๋ว เจบีก็เดินวนไปแถวแผงส้มตำ หมึกย่างอีกฝั่ง เสี่ยวไป๋เดินตามเหมือนบอดี้การ์ด
“JB, what’ s that?” กายถามเพราะเห็นเจบียื่นนิ้วจิ้มชี้กุ้งเต้นในถาด
เจบีกลืนน้ำลายแล้วหันมากระซิบ “…อ่า… Shrimp… อื้ม… dancing shrimp! Very fresh! But maybe too fresh…”
เสี่ยวไป๋หัวเราะลั่น “กินแล้วจะเต้นทั้งวันหรือไง?”
“ไม่เอาอันนี้ก็ได้…” เจบียู่ปากแล้วชี้ไปปาท่องโก๋แทน “This better! ปาท่องโก๋ อร่อย!”
กายเลยหันไปบอกแม่ค้าแบบคำไทยสั้น ๆ ทันที “เอา…ปาท่องโก๋…ห้าชุดครับ”
เจบีปรบมือเปาะ ๆ “Good! Very good Thai!”
ราฟาเอโร่ยืนกอดอกข้างหลัง มองเจบียิ้มบาง ก่อนจะยื่นหัวเข้ามาถามเบา ๆ ข้างหู “แล้ว… ฉันล่ะ? อยากให้ฉันลองพูดไทยอะไรดี?”
เจบีหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันไปยื่นมือไหว้แม่ค้าแทน “ขอบคุณครับ!” พอพูดเสร็จก็หันไปมองคนอื่นที่ทำท่าจะบ่น “จำไว้นะครับ ‘ขอบคุณครับ’ อันนี้ต้องพูด! Nice!”
เสียงหัวเราะกับกลิ่นอาหารเช้าหอม ๆ ลอยคลุ้งไปทั่วตลาด รอยยิ้มของเจบีตอนยืนเป็นล่ามให้พวกมาเฟียที่พูดไทยงู ๆ ปลา ๆ กลายเป็นภาพประหลาดแต่น่ารักจนแม่ค้าแถวนั้นยังแซว “พี่เขาตามใจน้องดีจังเลยนะ”
“ก็เมียอยากกินนี่ครับ” เรนตอบกลับหน้าตาย ทำเอาเจบีหันไปตีแขนเข้าฉาดหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะคิกออกมา
เดินกันไปกินกันไปจนเกือบสุดซอย เจบีหันไปเห็นร้านขายเครื่องประดับเล็ก ๆ ที่เอาเปลือกหอยมาร้อยเป็นสร้อย เป็นกำไลบ้าง พวงกุญแจบ้าง ก็เบิกตากว้างแล้วรีบสาวเท้าเข้าไปยืนดูใกล้ ๆ
แม่ค้าคนไทยวัยกลางคนมองแล้วก็ยิ้มเอ็นดู “เลือกได้เลยลูก สวย ๆ ทั้งนั้นจ้ะ ของทำเองนะ”
เจบียืนเลือกอยู่พักใหญ่ ยกสร้อยขึ้นเทียบคอเองบ้าง ลองกำไลกับข้อมือบ้าง ก่อนจะหันไปโบกมือเรียกพวกมาเฟียที่ยืนเคี้ยวหมึกย่างกันปากมันเงาอยู่ข้างหลัง
“มานี่สิ มาลองใส่กัน!”
“หา? ใส่?” เรนยังอ้าปากค้างเพราะปากเต็มไปด้วยหมูปิ้ง
“ก็สร้อยไง มานี่เร็ว!” เจบียืนเท้าสะเอว ทำเสียงดุแต่หน้าแอบยิ้ม พอทุกคนเดินมารุมล้อมหน้าร้านก็หยิบสร้อยเปลือกหอยสีครีมมาคล้องคอราฟาเอโร่เป็นคนแรก
แม่ค้ามองแล้วก็หัวเราะชอบใจ “โห พ่อหนุ่มแฟนน้องใส่แล้วหล่อมาก!”
เจบีชะงักไปนิดเพราะต้องเป็นล่ามจำเป็น หันไปพูดภาษาอังกฤษให้ราฟาเอโร่ฟัง “She said you look so handsome with this… so, don’ t even think about taking it off.”
'เธอบอกว่าคุณดูหล่อมากกับสิ่งนี้… ดังนั้นอย่าแม้แต่คิดที่จะถอดมันออก'
ราฟาเอโร่หลุดหัวเราะพรืด ก่อนจะก้มลงไปจุ๊บหน้าผากเจบีเบา ๆ เล่นเอาแม่ค้าเขินแทน
พอหันไปหาแคสเปอร์ก็เอาสร้อยอีกเส้นไปคล้องคอให้ แคสเปอร์ทำหน้าขรึมแต่หูก็แดงชัด “อยู่เฉย ๆ สิครับ เดี๋ยวห้อยเบี้ยว”
แม่ค้าก็ไม่พลาด “คนนี้ก็หล่อเหมือนกัน ใส่แล้วเข้ากันดี!”
เจบีหันไปกระซิบแปลให้แคสเปอร์ฟังอีกคน พอได้ยินว่าหล่อ คนหน้านิ่งก็หลุดยิ้มมุมปาก หันไปตอบแม่ค้าเป็นอังกฤษงู ๆ ปลา ๆ “ขอบคุณครับ…Thank you very much.”
กายกับเสี่ยวไป๋ก็ไม่รอด ต่างคนต่างโดนคล้องสร้อย เปลือกหอยกะพริบแวววาวกลางอกหนุ่มกล้ามแน่น แม่ค้าส่งยิ้มหวาน “พ่อหนุ่มแฟนน้องคนนี้ก็หล่อ… คนนี้ก็น่ารัก… แหม! แม่อิจฉาแทนน้องจริง ๆ เลย”
เจบีหน้าแดงจนหูแทบไหม้ ต้องยืนก้มหน้าหัวเราะก่อนจะแปลให้พวกนั้นฟังเสียงอู้อี้ “She said you all look so handsome and… she’ s jealous of me.”
'เธอพูดว่าพวกคุณทุกคนดูหล่อมาก และ... เธออิจฉาฉัน'
เท่านั้นแหละ ทั้งแก๊งยืนยิ้มฟันขาวเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ เรนยื่นหน้ามาใกล้แล้วแกล้งยื่นหมึกย่างจ่อปากเจบีเป็นสินบน “แปลให้แล้วก็ต้องกินด้วย!”
“บ้า!” เจบีปัดออกแล้วหัวเราะเสียงใส มืออีกข้างยื่นเงินให้แม่ค้า “เอาหมดนี่เลยครับ พวกนี้จะใส่ทุกวันเลย!”
เสียงคลื่นยามเช้าปะปนกับเสียงหัวเราะเบา ๆ ของเจบี ที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้ชายตัวโตในคราบมาเฟีย ใครจะคิดว่ามาเฟียจะยอมใส่สร้อยเปลือกหอยให้เมียแถมยืนยิ้มหวานอยู่ข้างถนนตลาดแบบนี้
ถ้ามีใครแซวอีกก็คงพร้อมใจตอบเหมือนเดิม “ก็เมียชอบนี่ครับ!”
...
แดดยามสายเริ่มแรงขึ้นตามแบบฉบับทะเลเขตร้อน ลมพัดกลิ่นเกลือกับเสียงคลื่นเข้าหูสลับเสียงหัวเราะเป็นระยะ ข้างร่มชายหาด เจบีนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ จิบน้ำมะพร้าวเย็น ๆ มืออีกข้างก็กดมือถือเช็กอะไรเพลิน ๆ ตาก็เหลือบมองคนตัวโต ๆ ทั้งห้าคนที่กระโดดน้ำ โผล่หัวขึ้นมาเหมือนแมวน้ำอยู่กลางทะเล
ท่ามกลางวิวร่างหนาหล่อล่ำที่เดินไปเดินมาแบบเปียก ๆ โชว์กล้ามกลางแดด มันก็ไม่แปลกที่สาว ๆ กลุ่มหนึ่งที่ใส่บิกินี่สุดเซ็กซี่จะเดินตรงมาทางนี้
“Hi… are you guys tourists?” หนึ่งในนั้นเอ่ยทักเสียงหวาน ทำเอาเรนที่เพิ่งขึ้นฝั่งต้องยกมือปาดน้ำที่หยดจากผม ใบหน้าหล่อ ๆ เปียกแดดแดงระเรื่อดูเซ็กซี่ไปอีกแบบ
กายหันมามองตาโตแบบคนเพิ่งตั้งตัวทัน ยืนงงเพราะจู่ ๆ ก็มีสาวสวยมาล้อม ส่วนแคสเปอร์ยืนกอดอกอยู่ข้างหลัง แววตานิ่งเฉยเหมือนอ่านสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ
“Where are you from? You look so hot!” อีกคนพูดพลางมองไล่ตั้งแต่แผงอกลงไปถึงซิกซ์แพ็กที่ยังมีหยดน้ำไหลย้อย
เรนยังเผลอยักคิ้วตอบจนโดนเสี่ยวไป๋ตีหลังหัวเบา ๆ “จะมาทำเท่ตอนนี้ทำไม”
“ก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงนี่หว่า!” เรนพึมพำกลับ แต่ก็ยังไม่ยอมตอบสาว ๆ ให้ชัด ๆ
กายทำหน้านิ่งแต่ยกมือไหว้เบา ๆ แล้วตอบกลับเรียบ ๆ “Thank you, but we’ re with our special one… over there.”
ว่าพลางพยักหน้าไปทางเจบีที่นั่งดูอยู่ เจบีเห็นแล้วก็กลั้นขำแทบไม่ทัน
แคสเปอร์ย้ำเสียงนิ่งเหมือนปิดประตูทุกทาง “Sorry. We’ re not interested.”
สาว ๆ สบตากันแล้วก็หัวเราะเบา ๆ พลางชูมือขอโทษ ก่อนจะถอยไปแบบหมดหวัง
พอเดินกลับมาถึงร่มผ้าใบ เจบียังนั่งไขว่ห้างจิบน้ำมะพร้าวต่อหน้าตาเฉย ส่วนพวกมาเฟียตัวโตแต่ละคนก็เดินเรียงกันกลับขึ้นฝั่ง สภาพเหมือนฝูงสิงโตที่เพิ่งไล่ศัตรูพ้นถิ่น
เรนเดินนำมาเป็นคนแรก สะบัดน้ำที่ผมแล้วบ่นเสียงกระเง้ากระงอด
“นี่… ไม่หวงพวกเราหน่อยหรอ มีสาวบิกินี่มาจีบกันถึงกลางทะเลขนาดนั้น!”
เจบีเลิกคิ้ว ยักไหล่ใส่หน้าเรนแบบกวน ๆ “ทำไมต้องหวงด้วยล่ะ?"
“งื้อออ~” เรนลากเสียงยาว หันไปมองหน้ากายกับแคสเปอร์ที่เดินตามมา “หวงหน่อยดิ๊… ให้รู้หน่อยว่าคนนี้มีเจ้าของแล้ว ห้ามยุ่ง!”
เจบีถอนหายใจเฮือก ก่อนจะวางแก้วมะพร้าวแล้วชี้นิ้วไปทีละคน “อ่ะ ๆ หวงก็ได้ โอเคมั้ย? หวงมากด้วย พอใจรึยังครับ?”
เรนเบะปากแต่ตาเป็นประกายทันที ยื่นตัวเข้ามาซุกแขนเจบีเหมือนเด็ก “อื้มมม แบบนี้สิ ถึงจะหายงอน”
เสี่ยวไป๋ก็หัวเราะในลำคอ เบียดตัวนั่งพิงขาเจบีอีกคน “มีเมียคนเดียวก็พอแล้ว ใครจะไปมองคนอื่น”
กายยื่นหน้าเข้ามาแนบแก้มเจบีจนอีกคนต้องเอียงตัวหนีแต่ก็หนีไม่พ้น “ก็รักเมียที่สุดในโลกนี่นา…”
แคสเปอร์ถอนหายใจเหมือนรำคาญแต่ก็ยื่นมือมาลูบหัวเจบีเบา ๆ พึมพำเสียงนิ่งแต่ฟังแล้วทำเอาหัวใจอุ่นขึ้นทันที “มันต้องอย่างนี้สิ ถึงจะรู้ว่ามีเจ้าของ”
ราฟาเอโร่ยกยิ้มบางที่สุดท้าย แต่แววตาดันเจ้าเล่ห์กว่าทุกคน โน้มตัวลงมากดจูบเบา ๆ ตรงหน้าผากเจบีแล้วพูดสั้น ๆ ชัดถ้อยชัดคำ “จำเอาไว้… ห้ามลองใจพวกฉันอีก เข้าใจมั้ย”
เจบีหลุดหัวเราะออกมาเพราะโดนล้อมหน้าล้อมหลังขนาดนี้ ขยับมือกอดไหล่รอบวงไว้เหมือนยอมจำนน “เข้าใจแล้วครับ รักพวกนายเหมือนกัน… รักที่สุดเลยด้วย พอใจรึยังครับ… คุณมาเฟียทั้งหลาย?”
“หึ… ก็แค่เนี้ย!”
เรนเป็นคนแรกที่หัวเราะออกมา ก่อนจะกอดเจบีแน่นขึ้น ส่วนที่เหลือก็ส่งเสียงขำในลำคอ เหมือนจะพร้อมใจกันหวงเมียให้โลกรู้ไปเลย
...
ลมทะเลยามเย็นพัดผ่านผิวกายเหมือนจะขโมยเอาความร้อนจากแดดไปจนหมด เจบียกมะพร้าวที่เหลือน้ำครึ่งลูกขึ้นจิบอีกนิด มองคนตัวโตทั้งห้าในวงล้อมแสงอุ่นของพระอาทิตย์ตกที่กำลังถกเถียงกันว่าจะทำอะไรกันต่อดี ใครคนหนึ่งหัวเราะจนต้องเอนหลังพิงร่างอีกคนที่ยื่นมือมาบีบแก้มเหมือนเด็ก พออีกคนหันมาหากันก็เห็นเรนทำหน้ามู่ทู่ใส่ แล้วราฟาเอโร่ก็ก้มไปลูบหัวปลอบเจ้าเด็กดื้อของกลุ่มอย่างใจเย็น
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มาที่นี่ ตอนที่หัวใจยังเต็มไปด้วยรอยร้าว สายลมเค็มของทะเลทำให้เขารู้สึกว่าทุกอย่างยังพัดพาไปได้ ไม่ว่าจะเรื่องเลวร้ายหรือเรื่องดี ๆ สุดท้ายมันก็จะผ่านไป
จะว่าไป… ผ่านเรื่องราวมามากมายเหมือนกันนะ ทั้งแผลเป็น ทั้งการหักหลัง ความหวาดกลัว ความไม่ไว้ใจในวันแรกที่พวกเขายื่นมือมา ทุกอย่างมันดูห่างไกลเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงไปแล้ว เมื่อเทียบกับตอนนี้
แต่ถ้าให้เริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง เขาก็ยังจะเลือกคนพวกนี้เหมือนเดิม
ทุกความทรงจำที่เคยเจ็บ เคยหนาว เคยหวาดกลัว
ตอนนี้มีแต่กลิ่นอายของความรักอุ่น ๆ
เจบีวางมะพร้าวลงข้างตัว สูดลมหายใจลึก ดวงตาสะท้อนแสงพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน รู้สึกถึงอ้อมแขนใหญ่ที่โอบไหล่จากด้านหลัง กายกดจมูกแตะแก้มเขาเบา ๆ ส่วนราฟาเอโร่เองก็ยื่นมือมาลูบหัว เรนกับเสี่ยวไป๋ยังหันมาแหย่กันเอง ส่วนแคสเปอร์ก็ยืนกอดอกเฝ้าดูอยู่ใกล้ ๆ อย่างหวง ๆ
“ขอบคุณนะ… ที่รักกันขนาดนี้” เขาพึมพำแผ่วเบาแทบไม่ได้ตั้งใจให้ใครได้ยิน แต่คนตัวโตทั้งห้าคนกลับหันมามองเหมือนรู้ทัน
รอยยิ้มอุ่นวาบกระจายไปทั่วแววตาคู่คม
ขนนกสีเงิน… ไม่ว่าจะผ่านไปกี่พายุ
ก็ยังคงเป็นของเขาเสมอ
เพราะไม่ว่าจะเป็นความทรงจำตอนไหน จะเลวร้ายหรือสวยงามแค่ไหน
มันก็หอมหวานได้ทั้งนั้น
…เพราะมีกันและกันอยู่ตรงนี้
—ขอบคุณที่รักกันนะ เหล่าขนนกสีเงิน—
🌅✨