ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 37|ตอบกลับ: 2

ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? ตอนพิเศษ 2.3

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
173
ตอบกลับ
45
พลังน้ำใจ
6621
Zenny
29199
ออนไลน์
1817 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 16:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน




ตอนพิเศษ 2.3
หน้าหนาว ☃️ อยากให้คืนนี้…อยู่นานกว่านี้อีกหน่อย


[JB’s Part]


“อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจในตัวผมขนาดนั้นครับ…”


คำถามหลุดออกมาโดยไม่ทันคิดมากนัก อาจเพราะอากาศที่เงียบเกินไป หรืออาจเพราะคนตรงหน้ามองผมนิ่งเกินไป


แคสเปอร์ยิ้ม รอยยิ้มของเขายังคงเป็นแบบเดิม ไม่รีบร้อน ไม่บีบคั้น แต่ชัดเจนอย่างน่าประหลาด


“ก็ทุกอย่างที่เป็นนายไง”


ผมนิ่งไป


คำพูดนั้นเรียบง่าย แต่กลับทำให้ผมพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง


สายตาของเขาที่มองมา ทั้งอ่อนโยน ทั้งอบอุ่นจนรู้สึกเหมือนถูกโอบไว้ทั้งตัว


มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเป็นแบบนี้


ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน


เขาก็เป็นแบบนี้เสมอ ใส่ใจในแบบเงียบ ๆ ระวังในสิ่งที่ผมไม่ทันนึก และยื่นมือมาปกป้องในจังหวะที่ผมไม่กล้าขอ


ผมหันมามองเขาช้า ๆ ยอมให้ตัวเองผ่อนลมหายใจลงครั้งหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา ยิ้มที่ไม่ได้หลบ ยิ้มที่ไม่กลั้น ยิ้มที่ไม่ต้องคิดว่าจะถูกมองว่ายังไง


ครั้งนี้…ผมยิ้มออกมาจากใจจริง ๆ


ผมนั่งนิ่ง มองใบหน้าของเขาที่ดูเหมือนจะไม่ต้องการอะไรจากผมเลยนอกจาก “ตัวผม” จริง ๆ


แคสเปอร์ไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ยิ้ม และปล่อยให้ความเงียบรอบตัวเราไหลผ่านไปช้า ๆ เสียงลมที่พัดใบไม้ข้างนอกยังคงดังอยู่เบา ๆ พร้อมกับแสงแดดอ่อนที่สาดผ่านม่านบางเข้ามา


ช่วงเวลาแบบนี้มันเงียบ…เงียบเกินไป จนหัวใจผมเหมือนได้ยินเสียงของตัวเองชัดกว่าปกติ


ผมหันกลับไปมองวิวด้านนอก หน้าต่างเปิดแง้มไว้เพียงนิด ลมเย็นจากเมืองเลวิพัดเข้ามาช้า ๆ พร้อมกลิ่นหิมะที่ยังไม่ละลายดีนัก


ผมไม่ถนัดพูดเรื่องพวกนี้ แต่สุดท้ายก็เลือกจะพูดมันออกมาเบา ๆ เท่าที่กล้าจะพูดในตอนนี้


“…งั้นก็ช่วยเชื่อแบบนี้ไปให้นานที่สุดนะครับ”


แคสเปอร์ขมวดคิ้วนิด ๆ เหมือนจะถามว่า ทำไมต้องพูดแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาแค่เลื่อนมือมาวางไว้บนมือผม ช้า ๆ แล้วกดลงเบา ๆ เหมือนเป็นคำตอบเงียบ ๆ แทนคำสัญญา


ผมปล่อยให้เขาทำแบบนั้น ไม่ดึงมือกลับ ไม่หลบสายตา


บางอย่างในตัวผมอาจยังกลัว


แต่ตอนนี้…ผมก็รู้แล้วว่ามีใครคนหนึ่ง ที่กล้าเชื่อในตัวผม มากกว่าที่ผมเคยเชื่อในตัวเองเสียอีก


“ออกไปข้างนอกกันไหม" แคสเปอร์ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน ขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง


ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะเหลือบตามองหิมะที่กองทับกันอยู่หนาเตอะตรงลานกว้างหลังบ้าน


…จริง ๆ มันก็สวยดี


สิบกว่านาทีต่อมา ผมก็ยืนอยู่ท่ามกลางลมเย็นกับรองเท้าบูทคู่หนา เสื้อโค้ทกันลม และถุงมือที่เขาหยิบมาให้ครบเซต


เราลงไปเล่นกันที่ลานหลังบ้าน ซึ่งเป็นเนินหิมะธรรมชาติขนาดไม่สูงมาก แต่พอให้ลื่นไถลลงมาได้แบบสนุกพอดี


เขาปั้นหิมะก้อนใหญ่แล้วโยนใส่ผมแบบไม่ให้ทันตั้งตัว ผมเลี่ยงไม่ทัน หิมะกระเด็นเข้าคอเสื้อ


“…แคสเปอร์” ผมเผลอเรียกชื่อเขาออกมาเบา ๆ ขณะยกมือปัดหิมะออกจากคอเสื้อที่เย็นวาบ


แคสเปอร์หัวเราะเสียงดังลั่น เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วพูดแบบไม่สำนึก


“นายน่าแกล้งนี่นา ดูสิ ทำหน้าแบบนั้น…ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่”


ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ก้มตัวปั้นหิมะเงียบ ๆ แล้วปาใส่เขาเต็มหน้า


ปึ่ก!


หิมะกระแทกเบา ๆ ที่จมูกเขา แคสเปอร์นิ่งไปวินาทีหนึ่ง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างไม่ถือสา


แคสเปอร์ก้มลงอย่างเร็ว ปั้นหิมะขึ้นมาในมือแบบไม่ยอมแพ้ สีหน้าตอนนั้นเหมือนเด็กชายตัวโตที่ได้ของเล่นใหม่ ถูกแกล้งแล้วกำลังเอาคืนอย่างเต็มที่


ผมหัวเราะออกมาเบา ๆ แต่ก็รีบถอยหลังในทันที


“ใครเริ่มก่อนกันนะ?”


เขาไม่ตอบ


แต่ปาหิมะใส่มาอีกรอบแบบไม่ลังเล ลูกนี้โดนตรงกลางลำตัวเป๊ะ แถมตามมาด้วยอีกก้อนที่เฉียดหูไปอย่างจงใจ


“เฮ้! แคสเปอร์!”


ผมหลบไปด้านข้างแทบไม่ทัน ก่อนจะลื่นล้มลงบนเนินหิมะที่นุ่มฟู ร่างทั้งร่างจมหายเข้าไปในผ้าขาวโพลนที่เย็นยะเยือกแต่ก็แปลก… มันกลับทำให้หัวเราะออกมาได้อย่างห้ามไม่อยู่


ไม่ทันจะลุกขึ้น แคสเปอร์ก็พุ่งตามมาด้วยแรงส่งจากเนินที่ไถลลงอย่างเร็ว เขาล้มทับลงมาพร้อมแรงกระแทกเบา ๆ หิมะปลิวว่อนเป็นวงรอบตัวเรา


กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากผ้าพันคอของเขาลอยแตะปลายจมูกทันทีที่ร่างกายแนบชิด หัวใจผมเต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว


“โอ๊ย…” ผมครางออกมาเบา ๆ ขณะพยายามยันตัวขึ้น “หนัก…”


“ก็บอกให้ระวังแล้วไม่ใช่เหรอ”


เขายิ้มไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยทั้งสิ้น ขณะยันตัวขึ้นนั่งคร่อมอยู่เหนือร่างผม มือข้างหนึ่งยังจับหิมะไว้ในกำแน่นเหมือนพร้อมจะปาใส่หน้าผมต่อ


“อย่านะ…” ผมพูดเสียงต่ำทันทีที่เห็นแววตาซุกซนคู่นั้น


“งั้นขอจ่ายค่าเสียหายด้วยอย่างอื่นแทนแล้วกัน” เขาว่า แล้วยกมือที่ถือหิมะออกไปด้านข้าง…ก่อนจะยื่นมืออีกข้างมาแตะแก้มผมเบา ๆ


ปลายนิ้วที่เย็นจัดจากถุงมือสัมผัสแก้มที่เริ่มแดงเพราะอากาศหนาว มันเย็นจนผมสะดุ้งนิด ๆ แต่กลับไม่คิดจะผลักออก


“…เย็น” ผมพึมพำ


“ก็อยากให้ตื่นตัวหน่อย” เขาแกล้งกระซิบ


ผมเบือนหน้าหนีเล็กน้อย แกล้งหยิบหิมะก้อนเล็กขึ้นมาจ่อคอเขาเป็นการขู่กลับ “งั้นก็ระวังให้ดี…”


“อ๊ะ ๆ ๆ โอเค! ยอมแล้ว”


เขายกมือขึ้นหัวเราะ ก่อนจะกลิ้งตัวหนีออกไปด้านข้าง ปล่อยให้ผมนั่งหอบหายใจเบา ๆ อยู่กลางลานหิมะ พร้อมกับความรู้สึกอบอุ่นแปลกประหลาดที่มันไม่เกี่ยวกับอุณหภูมิร่างกายเลยสักนิด


เสียงลมหิมะพัดผ่านยอดสนดังแผ่ว ๆ…มีเพียงเราสองคนที่หัวเราะกันท่ามกลางความเงียบของธรรมชาติ


ผมเหลือบมองเขาที่กำลังนอนหงายมองฟ้า ปล่อยให้หิมะโปรยลงบนผ้าพันคอของตัวเองโดยไม่ขยับ


เงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นเสียงเบา


“รู้ไหม… ฉันไม่ได้เล่นหิมะแบบนี้มานานมากแล้ว”


“…เหมือนกัน”


ผมตอบกลับเบา ๆ โดยที่ไม่ได้หันไปมองเขาตรง ๆ แต่ในใจกลับรู้สึกว่าเสียงของเขาเมื่อครู่นั้น มันไม่ได้หมายถึงแค่หิมะเลยสักนิดเดียว


เราเล่นกันอยู่พักใหญ่ เสียงหัวเราะของเขาดังไปทั่วลาน ส่วนผมก็ยอมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวหลายครั้ง มันไม่ได้สนุกแบบสุดเหวี่ยง แต่มันเบาสบาย...อย่างที่ผมไม่ค่อยได้รู้สึกมานาน


พอตะวันเริ่มคล้อย แคสเปอร์ก็เดินเข้ามายืนข้าง ๆ มองลานหิมะที่มีรอยเท้าและร่องรอยเละเทะจากการเล่นเต็มไปหมด


ความจริงที่ว่าช่วงเวลานี้คือ "ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต" ก็คงจะไม่เกินจริง


แสงแดดยามเย็นระยิบระยับบนผิวหิมะ ราวกับมันกำลังโอบอุ้มความหนาวเย็นไว้ในอ้อมแขน และในจังหวะที่ลมพัดแผ่วผ่าน ผมก็รู้สึกได้ถึงสองมือที่สอดเข้ามาในกระเป๋าเสื้อโค้ทของผมจากด้านข้าง


ผมไม่ได้หันไปมอง แต่รับรู้ได้จากสัมผัส


อุ่นมาก…อุ่นจนใจเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล










ช่วงเย็น แสงอาทิตย์อ่อนตัวลงเรื่อย ๆ จนแนวต้นสนด้านนอกกลายเป็นเงายาวพาดผ่านผนังไม้ แคสเปอร์ขยับตัวอย่างคล่องแคล่วอยู่หน้าเตาย่างที่ตั้งอยู่ใกล้หน้าต่าง กลิ่นหอมของเนื้อย่างเริ่มอบอวลไปทั่วห้องตั้งแต่เขาวางชิ้นแรกลงบนตะแกรง


เสียงฉ่าเบา ๆ ดังขึ้นทันทีที่เนื้อสัมผัสความร้อน


เขาไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ตั้งใจอยู่กับไฟและจังหวะการพลิกเนื้ออย่างใจเย็น ราวกับทำแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน


ผมนั่งอยู่ที่ปลายโต๊ะไม้ยาว มองเขาในความเงียบ ราวกับเฝ้าดูฉากบางอย่างที่ไม่เกี่ยวกับตนเอง แต่กลับไม่อาจละสายตาได้


บ้านพักหลังนี้มีแค่เราสองคนเท่านั้น แม่บ้านจะแวะเข้ามาทำความสะอาดทุกวันในช่วงสาย


แต่เพราะที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนตัว จึงไม่มีที่พักสำหรับคนงาน ไม่มีพ่อครัว ไม่มีบอดี้การ์ด ไม่มีใครเลย…นอกจากเรา


มันแปลกดี ทั้งที่ควรจะรู้สึกอึดอัดกับความเงียบ หรืออาจรู้สึกไม่เป็นตัวเอง แต่กลับมีบางอย่างในความเรียบง่ายแบบนี้ ที่ทำให้หายใจได้โล่งขึ้น


แคสเปอร์หันกลับมามองผมชั่วครู่ ดวงตาสีอำพันยังมีแววขี้เล่นเหมือนเดิม แต่แผ่วลงเล็กน้อย


“กลิ่นใช้ได้ไหม?” เขาถาม เหมือนแค่ต้องการให้ผมพูดอะไรกลับบ้าง มากกว่าจะอยากได้คำวิจารณ์จริง ๆ


ผมพยักหน้าช้า ๆ พลางเบือนสายตามองไอน้ำที่ลอยจากหม้อต้มซุปตรงเตาอีกด้าน


“…หอมจนเริ่มหิวแล้ว”


แคสเปอร์ยิ้มนิดหนึ่ง มุมปากยกขึ้นอย่างพอใจ เขาหันกลับไปจัดจานเงียบ ๆ อยู่สักพัก เสียงช้อนกระทบถ้วยเซรามิกเบา ๆ ดังสม่ำเสมอในห้องที่มีเพียงเสียงไฟจากเตาย่างแตกเปาะ


โต๊ะอาหารไม้สนตรงกลางห้องถูกจัดอย่างเรียบง่าย ถ้วยซุปวางคู่จานเนื้อย่าง รินด้วยชาร้อนกลิ่นเบอร์รี่จาง ๆ ผมรับมันมาเงียบ ๆ แล้วนั่งลงตรงข้ามเขา


กลิ่นหอมแบบบ้าน ๆ ของอาหารร้อน ๆ ตัดกับอากาศเย็นที่ยังแทรกตัวผ่านบานหน้าต่าง คำแรกที่ตักเข้าปากนั้นนุ่ม อุ่น และคุ้นเคยอย่างประหลาด เหมือนรสชาติของอะไรบางอย่างที่เคยชอบในวัยเด็ก แต่ลืมมันไปแล้ว


“…อร่อย” ผมพูดเรียบ ๆ หลังกลืนคำที่สอง รสของเนื้อย่างชุ่มซอสยังอุ่นอยู่ในปาก หอมกลิ่นไหม้นิด ๆ แบบที่ชวนให้เคี้ยวต่อไปเรื่อย ๆ


แคสเปอร์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ยิ้มตาหยีเหมือนเด็กที่เพิ่งได้ยินคำชมจากคนที่อยากให้ชมที่สุด


“ชอบก็ดีแล้ว” เขาว่าเสียงนุ่ม


มือเขายื่นมาลูบหัวผมเบา ๆ ปลายนิ้วนุ่มแตะลงผ่านเส้นผมราวกับจะบอกว่า ‘เก่งมาก’


ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ ส่ายหน้าน้อย ๆ ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้ปัดมือเขาออก


“กินอีกสักคำสิ” เขาว่า ก่อนหยิบเนื้ออีกชิ้นที่หั่นพอดีคำใส่ลงในจานตรงหน้าผมอย่างใจเย็น


ผมมองตามเนื้อนั้น แล้วเหลือบมองหน้าคนที่ดูจะตั้งใจเลี้ยงผมเหมือนกำลังเลี้ยงแมวตัวหนึ่ง


ก่อนจะยกมือลูบท้องตัวเองที่นูนออกมานิด ๆ ด้วยท่าทางเกินจริงเล็กน้อย


“ผมกินต่อไม่ไหวแล้วนะ” ผมว่า ทำเสียงงอแงนิด ๆ อย่างตั้งใจให้เขาได้ยิน


แคสเปอร์หัวเราะในลำคอเบา ๆ มองหน้าผมด้วยสายตาที่เหมือนจะพูดว่า ก็รู้น่า ว่าแกล้งอ้อน


มือที่ยังค้างอยู่ใกล้จานเลื่อนมาขยับเบา ๆ เขาใช้ส้อมจิ้มเนื้อคำนั้นขึ้นมาแทน แล้วเอื้อมมาหยุดตรงหน้าผมอย่างใจเย็น


“งั้นอ้าปาก เดี๋ยวช่วยป้อนให้”


“ไม่เอา…” ผมเบ้หน้า พลางส่ายหัวนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ถอยตัวออกไปไหน ปากยังหุบสนิทแต่สายตาก็ขำปนเขินอยู่เต็มสองข้าง


เขาก้มลงมาใกล้กว่าเดิมเล็กน้อย เสียงนุ่มลง พร้อมรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์พอให้ใจเต้นเล่น


“หรืออยากกิน...อย่างอื่นแทน?”


สายตานั้นลากไล่ช้า ๆ เหมือนแทะโลมผมด้วยความคิดที่ไม่ควรถามกลางโต๊ะอาหาร


ผมกลอกตา พึมพำเบา ๆ เหมือนจะบ่นตัวเองมากกว่าบ่นเขา “หมาป่าในคราบแกะชัด ๆ …”


แล้วยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ตัวว่า…ผมนี่แหละ แกะตัวเดียวในฝูงหมาป่าที่พร้อมเขมือบอยู่ทุกเมื่อ


เขายักไหล่แบบไม่เดือดร้อน มืออีกข้างยกขึ้นแตะปลายคางผมเบา ๆ ก่อนจะใช้นิ้วโป้งถูวนตรงมุมปาก เหมือนจะปาดคราบซอสออก แต่ผมมั่นใจว่าไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นจริง ๆ


“เลอะ?” ผมถาม พลางจ้องเขากลับ


เขายิ้ม “ไม่เลอะหรอก แต่อยากแตะ”


ผมเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่รู้จะโต้กลับยังไงดี ได้แต่หัวเราะเบา ๆ แล้วหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง พลางบ่นกลั้วเสียงหัวเราะ


“พอแล้ว พอเลยครับ…”


แคสเปอร์หัวเราะตามเบา ๆ ขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด ราวกับจะบอกว่า ยังไม่พอหรอก


จากนั้นก็พูดขึ้นเรียบ ๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร


“ถ้าไม่อยากกินต่อ งั้นก็นั่งเฉย ๆ เดี๋ยวป้อนของหวานแทน เค้กในตู้เย็นยังเหลืออยู่นี่... รสสตรอว์เบอร์รี่นายชอบใช่ไหม?”


ผมชะงักนิดหน่อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างงง ๆ


“…รู้ได้ไง?”


เขาเท้าคางกับมือ มองผมเหมือนคำถามนั้นง่ายจะตอบเหลือเกิน


“จำได้หมดแหละ” เขาว่า ยิ้มละมุนจนเหมือนพูดลอย ๆ


“ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร นายพูดออกมาครั้งเดียว ฉันจำหมด”


สายตาที่เขามองผมตอนนั้นไม่ใช่แค่สายตาของคนช่างสังเกต แต่มันเป็นสายตาของคนที่ ตั้งใจจะจำ มากกว่าแค่ฟังผ่าน ๆ


คนที่ซื้อของแพงไม่กระพริบตา แต่กลับให้ความสำคัญกับเรื่องเล็ก ๆ อย่างรสชาติเค้กที่ผมเคยบ่นว่าชอบ...แค่ครั้งเดียว


จากนั้นไม่นาน เราก็ออกมานอกตัวบ้าน เต็นท์กระโจมโปร่งใสถูกกางไว้ท่ามกลางลานหิมะด้านหลัง แสงไฟอุ่น ๆ สะท้อนพื้นขาวโพลนจนทุกอย่างดูเงียบและนุ่มนวลเกินจริง ท้องฟ้ายามนี้โล่งจนเห็นดาวเต็มผืน และมีบางอย่างในอากาศที่ทำให้ผมเงยหน้ามองนานกว่าปกติ


“แอบมากางไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ผมถามออกไป ทั้งที่แน่ใจว่าตอนเย็นยังไม่มีอะไรตั้งอยู่ตรงนี้เลย และไม่น่าเป็นไปได้ว่าเขาจะจัดการเรื่องทั้งหมดในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง


เขาหันมามองผม แล้วยักคิ้วเหมือนเด็กแกล้ง “ฉันเสกมาน่ะ”


ผมหัวเราะ หยิกแขนเขาเบา ๆ แคสเปอร์หัวเราะตาม แล้วขยับมาดึงผ้าคลุมของผมให้กระชับขึ้นอีกนิดด้วยมือที่ยังอุ่น


“สวยจังเลยนะครับ”


“อืม…” เขามองออกไปที่ท้องฟ้า ก่อนจะหันกลับมาสบตา “สวยมากเลย”


แล้วเขาก็พูดต่อโดยไม่ละสายตา


“แต่ฉันหมายถึงนายนะ”


ผมไม่ได้ตอบอะไรหลังจากคำนั้น แค่หันหน้าหนีไปทางอื่นเหมือนจะซ่อนบางอย่างไว้ในเงาสว่างของแสงไฟ


แคสเปอร์ไม่ได้เร่ง เขาแค่เดินนำเข้าไปในกระโจมก่อน แล้วเปิดช่องบนหลังคาที่เป็นผ้าใบโปร่งแสงออกให้กว้างขึ้น กลิ่นของลมเย็นและหิมะลอยเข้ามาแตะปลายจมูกเบา ๆ


ข้างในมีเบาะหนานุ่มปูทับด้วยผ้าห่มขนสัตว์สีเทาอ่อน หมอนสองสามใบวางซ้อนกันอย่างเรียบร้อย และมีฮีตเตอร์พกพาตั้งอยู่มุมหนึ่ง ใกล้กับชุดชงช็อกโกแลตร้อน


ผมเดินเข้าไปช้า ๆ แล้วทิ้งตัวลงบนเบาะอย่างระมัดระวัง เสียงเนื้อผ้าสัมผัสกันแผ่วเบา แคสเปอร์ยื่นแก้วมาให้ ผมรับไว้โดยไม่พูดอะไร


เรานั่งเคียงกันเงียบ ๆ มีเพียงเสียงลมหายใจกับไอร้อนจากแก้วในมือที่เคลือบกระจกเล็ก ๆ บนหน้าต่างกระโจมเป็นฝ้า


"แคสเปอร์..." เสียงของผมเบาลงไปนิด เหมือนกำลังพูดกับตัวเองมากกว่า "บางทีผมก็คิดนะ... ถ้าวันนั้นเราไม่ได้เจอกัน ผมกับคุณคงไม่ได้มานั่งดูแสงเหนือด้วยกันแบบนี้"


ผมหยุดชั่วขณะ สัมผัสถึงความหนาวเหน็บที่กัดกินผิว แต่หัวใจกลับอุ่นวาบเมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมา ผมผ่อนลมหายใจช้าๆ แล้วพูดต่อ "ผมอาจจะตายไปแล้วก็ได้... ด้วยน้ำมือของใครสักคนในซิลเวอร์เนสต์"


แคสเปอร์เหลือบตามองผม ดวงตาสีน้ำแข็งสะท้อนแสงตะเกียงเล็กๆ ข้างตัว มันดูอบอุ่นอย่างประหลาดจนผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย


"งั้นก็คงต้องถือว่าเป็นโชคดีของฉัน...ที่วันนั้นดันไปเจอนายน่ะ"


ผมไม่ได้ตอบทันที หันไปมองริ้วแสงสีเขียวอ่อนที่เริ่มทอประกายบนท้องฟ้าเบื้องบน ผมจมดิ่งกับความคิดตัวเองก่อนจะเอ่ยขึ้น "...พูดเหมือนไม่ลังเลเลยนะครับ"


"ฉันไม่เคยลังเลสักครั้งเวลาที่รู้สึกอะไรกับนาย" แคสเปอร์ยิ้มเอื่อยๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาดึงชายผ้าห่มให้คลุมบ่าผม ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามา ไม่ใช่แค่จากผ้าห่ม แต่จากสัมผัสของเขา


"พวกคุณนี่มัน..." ผมหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกหลายอย่างถาโถมเข้ามา ทั้งประหลาดใจ ซาบซึ้ง และแปลกใจที่ตัวเองรู้สึกสบายใจได้มากขนาดนี้เมื่ออยู่กับเขา


แคสเปอร์ไม่ตอบ แต่สายตาเขานุ่มลงอีกนิด ก่อนจะพูดช้า ๆ คล้ายกลัวคำจะหล่นหายไปในอากาศหนาว


"ฉันไม่ขอให้นายเป็นของฉัน...แค่ขอให้ฉันได้เป็นของนาย แบบที่นายต้องการ…ก็พอแล้ว"


ผมยังคงมองแสงเหนือที่พริ้วอยู่เหนือศีรษะ สีเขียวอ่อนซ้อนทับด้วยม่วงอมฟ้าเคลื่อนตัวช้า ๆ ราวกับใครบางคนกำลังละเลงแสงสีลงบนผืนฟ้ากว้างด้วยปลายนิ้ว ผมไม่กล้ากระพริบตา ไม่ใช่เพราะกลัวจะพลาดแสงเหนือ…แต่กลัวว่าใจจะเต้นแรงหากเผลอไปสบตา


แคสเปอร์ไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าผมเบา ๆ นิ้วของเขาเย็นนิดหน่อยเพราะอากาศ แต่สัมผัสนั้นกลับอ่อนโยนจนน่าใจหาย


"นายรู้มั้ย" เขากระซิบเบา ๆ เหมือนกลัวทำลายความเงียบของโลกทั้งใบ "แสงเหนือที่ว่าสวย…ยังไม่เท่านายในตอนนี้เลย"


ผมหัวเราะในลำคออย่างกลั้น ๆ ส่ายหน้าเล็กน้อยกับคำพูดที่ฟังดูเว่อร์จนแทบไม่อยากเชื่อ แต่ก็ไม่อาจห้ามใจให้ยิ้มออกมาไม่ได้


"ถ้าไม่เชื่อ...ก็ขอดูใกล้ ๆ หน่อยสิ"


เขาโน้มหน้าเข้ามาช้า ๆ ใกล้มากพอให้ลมหายใจของเราผสานกันอยู่ในช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างริมฝีปาก เสี้ยววินาทีนั้นเองที่ผมรับรู้ว่า ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใด ๆ อีกแล้ว


ผมหลับตาลงเมื่อริมฝีปากของเขาสัมผัสลงมาอย่างแผ่วเบา


ไม่ร้อนแรง ไม่เร่งรีบ…แค่เนิบนาบ และอ่อนโยนในแบบที่ทำให้หัวใจผมเต้นดังจนน่ากลัว มันเป็นจูบที่เหมือนหยุดเวลาไว้แค่ตรงนั้น ใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยริ้วแสงเหนือ และระหว่างเรา…ที่ไม่มีคำไหนจะพูดได้ดีไปกว่าความรู้สึกในจังหวะเดียวกันนั้น


เขาผละออกช้า ๆ แต่ยังคงแตะหน้าผากของเราไว้ด้วยกัน


"ตกลงนะ... มาดูด้วยกันทุกปี"


"...ครับ" ผมพยักหน้าช้า ๆ เสียงเบาจนแทบกลืนเข้าไปในลมหายใจ


ผมรู้สึกเหมือนโลกภายนอกทั้งใบถอยห่างออกไปอย่างเงียบงัน เหลือเพียงพื้นที่เล็ก ๆ ใต้ผ้าห่มผืนหนานี้ ที่มีแค่ผมกับเขา


แคสเปอร์เลื่อนปลายนิ้วลงมาจากหน้าผาก เกลี่ยผ่านแก้ม ไล้กรอบหน้า ก่อนจะค้างอยู่ที่มุมปากราวกับลังเล แต่ดวงตาของเขายังคงทอดมองผมด้วยสายตาแบบเดิม…สายตาที่เหมือนจะละลายผมทั้งคนได้โดยไม่ต้องพูดอะไรเลย


“หนาวมั้ย” เขาถามเบา ๆ แต่ไม่รอคำตอบ มืออีกข้างเริ่มสอดเข้ามาใต้ผ้าห่ม แล้วลูบแผ่นหลังผมช้า ๆ ผ่านเสื้อไหมพรมหนานุ่ม สัมผัสของเขาอุ่นขึ้นแล้ว อาจเพราะไฟ หรืออาจเพราะแรงจากปลายนิ้วที่เปลี่ยนจากลังเลมาเป็นมั่นคง


แคสเปอร์ไม่รีบ แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเขากลับมั่นใจเหมือนอ่านใจผมออกหมดแล้ว เขาดึงผมให้เข้าไปใกล้ อ้อมแขนโอบไว้แน่นขึ้นทีละน้อย


และเมื่อเขาประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง คราวนี้มันลึกกว่าเดิม หยอกเย้าแต่แนบแน่น ริมฝีปากของเขาดูดเม้มเบา ๆ ที่กลีบปากล่างก่อนจะสอดลิ้นเข้ามาอย่างเนิบช้า ผมครางต่ำในลำคอโดยไม่รู้ตัว มือสอดขึ้นจับต้นคอเขาแน่น


เนื้อผ้าระหว่างเราค่อย ๆ ลดลงทีละชั้น จากเสื้อกันหนาวเป็นเสื้อยืด จากเสื้อยืดเป็นผิวเนื้อเปลือยเปล่าที่เสียดสีกันตรง ๆ ลมหายใจของเราเริ่มขาดห้วงเมื่อแคสเปอร์เลื่อนริมฝีปากจากปากลงมายังซอกคอ ลมหายใจของเขาร้อนระอุทุกครั้งที่เป่าผ่านผิว


ผมสั่นเล็กน้อยเพราะความรู้สึกนั้นแทบทำให้เข่าทรุด มือเขาลูบไล้แผ่นหลังผม ไล่ลงไปถึงสะโพกแล้วดึงให้ผมขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นอีก แก่นกายของเขากดแนบลงมาอย่างชัดเจน


"ได้มั้ย…" เขาถามเสียงพร่า ขณะจ้องมองผมเหมือนจะให้ผมเป็นคนตัดสิน


เขากดจูบลงที่หน้าผากผมเบา ๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะเลื่อนตัวลงต่ำ ปลายนิ้วของเขาเริ่มลากไล้ผ่านผิวกายผมอย่างอ่อนโยนทุกจุด ไล้ผ่านยอดอกที่แข็งตึงเพราะความรู้สึกหนาวและความตื่นเต้น ก่อนจะใช้นิ้วเขี่ยเล่นเบา ๆ จนผมสะดุ้ง


เสียงครางต่ำหลุดออกมาจากลำคอ เขากระซิบคำขอโทษเบา ๆ ข้างใบหู แต่กลับยังคงทำต่อ…ช้ากว่าเดิม ละมุนละไมจนเหมือนจะทำให้ผมละลายใต้สัมผัสของเขา


เมื่อเขาใช้ปากแทนมือ ความร้อนก็แทบจะกลืนกินผมทั้งคน เสียงจิบเบา ๆ ที่เขาครางต่ำในลำคอในตอนที่ปลายลิ้นแตะจุดอ่อนไหวของผม ทำเอาผมหายใจติดขัด


“แคส…เปอร์…” ผมเรียกชื่อเขาเสียงสั่น ฝ่ามือกำผ้าปูรองนอนแน่นเมื่อความเสียววาบแล่นขึ้นตามแนวกระดูกสันหลัง เสียงดูดกลืนที่เขาสร้างอย่างตั้งใจผสานกับเสียงครางกระเส่าของผมที่เล็ดลอดออกมาเป็นจังหวะ มันแทบจะทำให้ผมสั่นสะท้านทั้งร่าง


"อึก… อา… พอ เดี๋ยว… เดี๋ยวก่อน…” ผมพยายามพูด แต่น้ำเสียงของตัวเองกลับกลายเป็นเสียงหอบกระเส่าที่แทบฟังไม่เป็นคำ เขาหัวเราะเบา ๆ เสียงพร่าแหบชิดริมฝีปากผม


“จะหยุดก็ได้...ถ้านายไม่อยาก” เขากระซิบติดลมหายใจ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความยั่วเย้าแต่ยังแฝงความอ่อนโยน


ผมส่ายหน้าช้า ๆ หอบหายใจรัว “อย่าหยุด…”


เขาขยับขึ้นมาจูบอีกครั้ง ริมฝีปากบดเบา ๆ ก่อนจะผละออกมาเพื่อถามเสียงแหบพร่า “ได้มั้ย เจบี...ขอเข้าไป”


ผมพยักหน้าแทบจะทันที ร่างกายมันตอบสนองเร็วกว่าคำพูดเสียอีก


เมื่อเขาเริ่มสอดตัวเข้ามา ผมเผลอร้องครางกระเส่าออกมาเสียงดัง


"อา... อื้อ..." เขาหยุดทันที จูบซับข้างแก้มผม “เจ็บเหรอ”


เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย เหมือนกลัวจะทำผมเจ็บ ผมส่ายหน้า แต่ก็ยกมือขึ้นจับมือเขาไว้แน่น พยายามควบคุมเสียงตัวเองให้มั่นคง


“แค่...เสียวมาก… ขยับเถอะ…”


สวบ!!?


พั่ก


พั่ก


พั่ก


เสียงเนื้อกระทบกันแผ่วเบาดังสลับกับเสียงหายใจที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เขาขยับเข้ามาลึกกว่าเดิม ผมก็ครางออกมาโดยไม่สามารถกลั้นไว้ได้


“อือ… แคสเปอร์… อึก… ช้า ๆ …”


เขายิ้ม จูบหน้าผากผมขณะยังขยับสะโพกเป็นจังหวะเนิบช้า ปล่อยให้เสียงกระเส่าของผมไหลไปตามความลึกและความแนบแน่น


“นายทำเสียงน่ารักมากเลยรู้มั้ย” เขาพูดเสียงแหบ ลมหายใจร้อนเป่ารดข้างหูผมอย่างจงใจ ผมบิดตัวเล็กน้อย หอบหายใจแรงขึ้น


“อย่า…พูดแบบนั้น…” เสียงของผมสั่นพร่าไม่แพ้เสียงครางที่หลุดออกมา


สวบ


สวบ


สวบ


จังหวะที่เขาเคลื่อนสะโพกเข้าออกอย่างช้า ๆ ทำให้ผมสั่นไปทั้งร่าง แขนเขาสอดเข้ามาใต้แผ่นหลัง ประคองผมไว้แน่นแนบกับอก เขาขยับเข้าออกทีละน้อย ลึก ซ้ำๆ ทอดยาว เหมือนตั้งใจจะจดจำทุกวินาทีไว้ในร่างกายผมตลอดไป


“เจบี…” เขาเรียกเสียงพร่า ขณะฝังจมูกไว้ตรงซอกคอผม “นาย...อุ่นไปทั้งตัวเลย”


ผมหอบเบา ๆ จิกเล็บลงบนหลังเขา ตอบด้วยเสียงครางต่ำ “อือ… แคสเปอร์ อย่าหยุดนะ…”


พั่ก


พั่ก


พั่ก


เสียงสะโพกกระทบกันเบา ๆ แต่เนิบนาบ ย้ำทุกจังหวะจนผมต้องกัดริมฝีปากกลั้นเสียงไม่ให้ดังเกินไป ทุกครั้งที่เขาแทรกลึกเข้ามา ผมรู้สึกเหมือนคลื่นอารมณ์ไหลวนในช่องท้อง ความอิ่มแน่น ผสานกับแรงขยับที่แนบแน่นและร้อนระอุ สะท้อนเข้ามาในใจลึก ๆ ผมเอื้อมมือขึ้นลูบเรือนผมสีอ่อนของเขาเบา ๆ ปลายนิ้วสัมผัสเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาตามไรผม


เขาเร่งจังหวะขึ้นเพียงนิด กลายเป็นเสียงเนื้อกระทบที่หนักแน่นขึ้น ผมกระตุกเล็กน้อยทุกครั้งที่เขากดสะโพกลงมาแนบสนิท เสียงครางของเขาเริ่มดังชัด หอบกระชั้นและเต็มไปด้วยแรงอารมณ์


“อืมม… เจบี…แน่นมากเลย…เสียวจน…แทบไม่ไหว” เสียงของเขาสั่นพร่า แต่เปลือกตาของเขาหลับแน่นเหมือนกำลังซึมซับทุกอย่างอย่างลุ่มลึก


ผมเงยหน้าขึ้นรับจูบที่เขามอบให้ มันร้อนแรงและเปียกชื้น ลิ้นของเขาเกี่ยวลิ้นผมแนบแน่น เสียงแลกลิ้นดังแผ่ว ๆ แต่ชัดในกระโจมที่เงียบสนิท เขาประคองต้นขาผมให้ยกขึ้น ก่อนจะกระแทกสะโพกแรงขึ้นในจังหวะที่เร็วและลึกขึ้นจนผมเผลอร้องออกมา


พั่บ พั่บ พั่บ


พั่บ พั่บ พั่บ


พั่บ พั่บ พั่บ


“อ๊ะ… อื๊อ… ลึก…! แคสเปอร์…!”


เขาขยับสะโพกเป็นจังหวะกระแทกเน้น รัวขึ้นจนเสียงครางของผมแตกพร่ากระเซ่า สั่นไหวจนไม่เหลือสติให้ควบคุมได้อีก


ไม่ทันถึงสิบนาที ผมก็ปลดปล่อยออกมาทั้งที่ไม่ได้แตะต้องตัวเอง มือเขายังโอบผมแน่นขณะเขากระแทกสะโพกจังหวะสุดท้าย พร้อมเสียงครางแหบต่ำในลำคอ


“อึก…! เจบี… ฉัน…” เขากระตุกแรง ร่างสั่นไหว แล้วปลดปล่อยตามผมในจังหวะเดียวกัน


เรานอนกอดกันแน่น ผ้าห่มเปียกเหงื่อ เบาะรองตัวร้อนผ่าวแม้อากาศข้างนอกจะติดลบ เขาใช้หลังมือเกลี่ยไรผมผมที่เปียกชื้น


“นายดู…สวยมากเวลาหอบแบบนี้” เขาพูดติดหายใจ ผมพ่นลมหายใจออกช้า ๆ แล้วหัวเราะในลำคอ


แคสเปอร์ลูบแผ่นหลังผมเบา ๆ แล้วกระซิบติดลมหายใจ


“ยังไม่พอเลย… ขอโทษนะ แต่ฉันต้องการนายมากกว่านี้”


คำพูดของเขาไม่อ้อนวอน แต่กลับอัดแน่นด้วยแรงปรารถนาที่ไม่อาจปิดบังได้อีก มือของเขาเลื่อนลงไปบีบสะโพกผมแน่น แล้วผลักผมให้นอนหงายลงบนผ้าห่ม ผมยังไม่ทันได้ตอบ อุณหภูมิของร่างกายเขาก็ประทับทับลงมาทั้งตัว ร้อนจนทำให้ผมสะดุ้งน้อย ๆ อย่างห้ามไม่ได้


“อา… เดี๋ยวก่อน…!” เสียงของผมสั่นพร่า แต่ขาดเรี่ยวแรงจะผลักเขาออก ร่างกายร้อนผ่าวยิ่งกว่าตอนอยู่ในอ้อมแขนเขาเสียอีก


เขาโน้มตัวลง ใช้ฟันขบเบา ๆ ที่ซอกคอ ก่อนจะลากลิ้นลงมาตามแนวไหปลาร้า หยุดอยู่ที่ยอดอกที่แข็งตึง เขาดูดมันเข้าไปในปากแรงกว่าทุกครั้ง เสียงจ๊วบชื้น ๆ ดังชัดเจนในกระโจมที่เงียบสนิท ทำให้ผมหลุดเสียงครางกระเส่าออกมาแทบจะในทันที


“อ๊า… แคสเปอร์… อย่าแรงแบบนั้น…”


แต่เขาไม่ฟัง เขาเหมือนคนที่ถูกความต้องการกลืนกินไปแล้ว เขาเลื่อนหน้าลงต่ำ ใช้ปลายลิ้นเลียผ่านสะดือ ก่อนจะตวัดปลายลิ้นวนรอบจุดแข็งขึงของผม แล้วครอบลงไปทั้งดุ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้ผมทันตั้งตัว


เสียงที่ผมเปล่งออกมาแทบไม่ใช่คำพูด มันคือเสียงกระเส่าหนัก ๆ ที่สั่นหวิวจากในอก


“อื้อ…อึก…! แคส… ผม…ไม่ไหว…อีกแล้ว…”


เขาใช้ปากจนผมปล่อยออกมาอีกครั้ง ทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัสอะไรเลยนอกจากลิ้นกับปากของเขา ความอายพุ่งขึ้นมาถึงใบหน้า แต่เขากลับยิ้ม ยกยิ้มแบบที่อันตรายอย่างที่สุดในคืนนั้น


"ยังไหวอยู่ใช่ไหม?" เขากระซิบ ก่อนจะจับขาผมแยกออก แล้วดันตัวเข้ามาใหม่


ไม่มีคำพูด ไม่มีการเตรียมพร้อมรอบใหม่ เขาสอดตัวเข้ามาในคราวเดียวจนสุด ผมร้องออกมาเสียงดัง


"อ๊าาา…!!"


สะโพกของเขากระแทกเข้ามาเต็มแรงในจังหวะเดียวที่ทำให้ผมแทบปลดปล่อยซ้ำโดยไม่ตั้งใจ


เขาดึงตัวออก แล้วกระแทกกลับเข้ามาอีกครั้ง…และอีกครั้ง จนเสียงเนื้อกระทบกันดังชัดเจนไปทั่ว รุนแรง หนักหน่วง แต่ยังแม่นยำ ราวกับเขารู้ดีว่าผมชอบตรงไหน…ตรงไหนที่ทำให้ผมสั่นราวกับจะขาดใจ


มือผมจิกไหล่เขาแน่น เสียงหอบกระชั้นแทรกอยู่ในจังหวะที่เขาส่งสะโพกเข้ามาแต่ละที


พั่บ พั่บ พั่บ


พั่บ พั่บ พั่บ


พั่บ พั่บ พั่บ


"อื้อ…อา…! แคสเปอร์…เร็วไป…!"


ผมพูดแทบไม่เป็นคำ แต่เขากลับบดจูบลงมาปิดปากผมแน่น ทั้งเสียง ทั้งลมหายใจ ถูกกลืนไปกับริมฝีปากของเขา และแรงกระแทกที่ไม่หยุดลงแม้แต่วินาทีเดียว


พั่บ พั่บ พั่บ


พั่บ พั่บ พั่บ


พั่บ พั่บ พั่บ


เขากระแทกเข้าใส่ผมรัวขึ้น เร็วขึ้น ลึกขึ้นทุกที กล้ามเนื้อหน้าท้องเกร็งแน่น ร่างเขาสั่นเทา เสียงครางต่ำของเขากระซิบข้างหูผม


"ใกล้แล้ว… เจบี…อ๊ะ… ฉันจะเสร็จแล้ว…"


"อื๊อออ…! มาด้วยกันนะ…!"


ในจังหวะสุดท้ายที่เขากระแทกเข้ามาจนสุด ร่างเราสองคนก็ถึงปลายพร้อมกัน ร่างของผมกระตุกแรง สะโพกยกขึ้นรับแรงกระแทกครั้งท้ายอย่างควบคุมไม่ได้ ลมหายใจขาดห้วง เสียงครางแหบพร่าหลุดออกมาในจังหวะเดียวกับที่เขาปลดปล่อยเต็มที่อีกครั้ง


ผมรู้สึกเหมือนถูกทิ้งตัวลงบนก้อนเมฆร้อน ๆ ใต้ฟ้าเหนือนั้น และไม่อยากขยับไปไหนอีกเลย


เรานอนนิ่ง กอดกันแน่น เหงื่อซึมอยู่ตามไรผมแม้ข้างนอกจะติดลบ แคสเปอร์ซบหน้าลงบนอกผม หายใจแรงแต่ยิ้มบาง เขาไม่พูดอะไรอีกนอกจากเอื้อมมือมาดึงผ้าห่มคลุมตัวเราสองคนไว้ แล้วกดจูบเบา ๆ ที่หน้าผากผม


ผมพึมพำเสียงเบา ริมฝีปากแทบไม่ขยับ


“อยากให้คืนนี้…อยู่นานกว่านี้อีกหน่อย…”


ข้างนอก แสงเหนือยังเต้นระบำเงียบ ๆ เหนือฟ้ายาวไกล แต่ใต้กระโจม…ผมว่าผมเจอสิ่งที่สวยกว่านั้นแล้ว














Talk with me.


มาต่อให้แล้วน้าาา


คิดถึงกันมั้ยเอ่ย


เดี๋ยวว่างๆ มาต่อตอนพิเศษของคูมหมอกายให้นะ


ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยฮ้าบบ❤️


🌸 一期一会 (いちごいちえ)

นายกสโมสร

กระทู้
0
ตอบกลับ
51126
พลังน้ำใจ
261244
Zenny
104416
ออนไลน์
20102 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 19:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นายกสโมสร

กระทู้
28
ตอบกลับ
32889
พลังน้ำใจ
182928
Zenny
185364
ออนไลน์
30504 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 21:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2025-7-15 10:37 , Processed in 0.096358 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2025 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้