โรงเรียนมัธยมในช่วงพักกลางวันคึกคักเป็นปกติ ผมนั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนที่จับกลุ่มเล่าเรื่องประสบการณ์เสียวๆของตัวเอง ตามประสาวัยอยากรู้อยากลอง และก็เป็นเรื่องปกติของหัวข้อสนทนาทุกครั้งที่มีโอกาสอยู่ด้วยกันแบบครบทีมอย่างวันนี้
“สรุปนะ ไอ้พีทแม่งบอกว่าแตกภายใน 3 นาที”
“เฮ้ย! 3 นาทีมึงยังจะเรียกว่ามีเซ็กซ์อีกเหรอวะนั่น?”
“เออนั่นดิ กูว่ากูยังนานกว่า—ประมาณ...ห้านาทีครึ่ง”
เสียงหัวเราะดังลั่นในโต๊ะหลังโรงอาหาร
กลุ่มพวกผมนั่งเตะเท้าเล่น มือถือเปิดคลิปเกมแต่ไม่มีใครสนใจจริงจัง เพราะประเด็นมันไปอยู่ที่ “ประสบการณ์ครั้งแรก” ที่เพิ่งคุยกันติดลมบน
“แล้วมึงล่ะธันย์?” เพื่อนคนหนึ่งหันมาถามผม
“อย่าบอกนะว่ายังไม่เคย?”
ผมหัวเราะในลำคอ
“หน้ากูดูไม่เคยเหรอวะ”
“มึงเคยกับใครวะ?”
“เรื่องของกู” ผมตอบพลางกระดกนมกล่อง
“แหม๊! ทำมาเป็นปิดบัง กูว่าแม่งต้องโคตรร้อนแรงแน่ ๆ เลย ใช่มั้ย? เสียงดังมั้ยวะ?”
ผมหัวเราะในลำคอ ไม่ตอบอะไร แต่สายตาแม่งเลื่อนไปเห็นเงาใครบางคนเดินอยู่ข้างตึก แว่นทรงเดิม ตัวขาวๆ ผมเซ็ทเป็นระเบียบ เดินอ่านชีทในมือ
ปันย์...
ไอ้เหี้ยนั่นแม่ง…เดินผ่านตอนพูดเรื่องเสียวพอดี
ผมหรี่ตามอง
ก็ไม่ได้สนิทกันเวลาอยู่โรงเรียน แต่สายตามันดันเหลือบมองมานิดนึงก่อนจะเบือนหนี
ไม่รู้ว่าแอบฟังรึเปล่า
“เออ กูถามจริง ๆ มึงชอบเสียงยังไงวะ แบบครางนิ่ม ๆ หรือแบบหยาบ ๆ เดือด ๆ?”
เพื่อนอีกคนยังไม่หยุดขุดคุ้ย
“กูอยากเจอคนที่เวลาโดนแล้วแบบ...ขาอ่อนจริง ๆ แบบครางจนเสียงหลุดอะ มึงนึกออกปะ?”
“แบบมึงอะเหรอ?”
ผมแซะขำ ๆ “คงต้องหาผู้หญิงที่ชอบคน 3 นาทีล่ะมึง”
เสียงฮาทั้งโต๊ะ
แต่ในหัวผมแม่งไม่ได้อยู่กับพวกมันเลย
มันวนอยู่ที่เสียงของคนคนนั้น…
เสียงหอบเบา ๆ ตอนโดนกัดคอ
เสียงครางที่กลั้นไว้แต่หลุดออกมานิด ๆ ตอนผมกระแทกแรงเกินไป
เสียงที่มันบอกว่า “มึงแม่งเหี้ย…แต่กูโคตรชอบเลย…”
แม่ง…ขนาดอยู่โรงเรียน ยังกลับมาในหัวได้ขนาดนี้
“ธันย์ ๆ มึงคิดอะไรอยู่?” เพื่อนสะกิด
“หน้าแม่งลอยเลยนะเว้ย! นึกถึงหน้าใครอยู่วะ?”
ผมหันไปยิ้มมุมปาก ยักไหล่
“ก็คนที่เวลาครางแล้วกูอยากจับเย็ดซ้ำ ๆ นั่นแหละ”
ผมพูดจบ พวกเพื่อนแม่งหัวเราะกันลั่น
แต่เสียงฮาไม่ทันจบดี
มือใครบางคนก็คว้าเข้าที่หูผมแล้วบิดแรง ๆ จนสะดุ้งสุดตัว
“ไอ้เหี้ย—โอ๊ย!”
ผมหันขวับไปด้วยความตกใจ ก่อนจะเจอหน้าคนที่ไม่ควรจะอยู่ตรงนี้เลย
“ปะ…ปันย์?”
มันไม่พูดอะไรเลย
แค่กระชากหูผมอีกที แล้วดึงลากผมออกจากโต๊ะอย่างหน้าตาย
“โอ๊ย มึงเป็นบ้าเหรอ! อยู่ ๆ มาดึงหูกูกลางโรงอาหาร!”
“ไม่ต้องพูด เดิน”
น้ำเสียงนิ่ง ๆ ของมันดึงผมให้เดินตามแบบไม่กล้าแถ
ด้านหลังได้ยินเสียงเพื่อนแม่งร้องกันเบา ๆ
“เฮ้ย ๆๆๆๆๆ!! ใครวะนั่น!? มาดึงหูธันย์!?”
“ไอ้เหี้ย…หน้าเหมือน ๆ กันเลยปะวะ?”
“หรือว่านั่นคือ…ไอ้คนที่มันพูดถึง!?”
ผมหันไปจะด่าพวกมัน แต่ปันย์ไม่ให้โอกาสเลย
ลากผมพ้นโรงอาหารออกมาหลังตึกเรียนเก่า
ตรงนั้นเงียบ ไม่มีใครเดินผ่าน
“มึงมีปัญหาอะไรเนี่ยปันย์…”
ผมถามพลางลูบหูตัวเอง ปวดจนชา
มันยืนกอดอก ดวงตาใต้แว่นจ้องมาแบบนิ่งแต่โคตรกดดัน
“มึงพูดอะไรในวงเพื่อนมึงเมื่อกี้?”
“…ก็แค่เล่น ๆ”
“เล่น ๆ แต่พูดเรื่องที่ควรอยู่แค่บนเตียงออกมาเนี่ยนะ?”
เสียงมันต่ำขึ้นนิด แบบโคตรจะไม่พอใจ
“มึงก็เดินมาได้จังหวะดีชิบหายไง…”
ผมหัวเราะกลบเกลื่อน แต่แม่งขำไม่ออกเลย
เพราะตอนนี้…ผมโดนมันจ้องเหมือนจะเอามีดปักอก
“มึงไม่อาย?”
“อายอะไร?”
“พูดแบบนั้นกลางโรงเรียน ทั้งที่เมื่อคืนมึง—”
“เมื่อคืนกูก็พูดแบบนี้กับมึงนั่นแหละ!”
“ไอ้เหี้ยธันย์!!!”
มันยกมือจะตบ แต่ผมคว้ามือมันไว้ทัน
ผมดึงมันเข้ามาใกล้กว่าเดิม
หน้าผากแทบชนกัน ลมหายใจปะทะกันเบา ๆ
“แล้วมึงล่ะ…ทำมาเป็นโกรธอะไรนัก?”
ผมกระซิบเสียงต่ำ
“เมื่อคืนครางชื่อกูไม่หยุด ทั้งที่อยู่ห้องเดียวกัน บ้านเดียวกัน เตียงเดียวกัน…ยังจะทำเป็นไม่รู้จักอีกเหรอ?”
ปันย์หน้าแดงจัด
ไม่รู้ว่าโกรธหรืออาย
“มึงอยากให้กูพูดอะไร?” ผมถามอีก
“ว่าแค่ได้ยินเสียงมึงหายใจกูก็แข็งแล้ว?”
“หรืออยากให้กูบอกว่า…คืนนี้กูจะเอาให้ขยับไม่ได้เลย?”
มันเม้มปากแน่น
ก่อนจะพูดเบา ๆ แทบไม่ได้ยิน
“พูดแบบนี้อีก…กูจะเป็นคนจัดมึงแทน”
“แน่เหรอ?”
ผมยิ้ม
“ตอนเมื่อคืนมึงยังร้องขอให้กูเบาเลยปะวะ?”
“ไอ้เหี้—”
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นเบา ๆ
เราหันไปพร้อมกัน แล้วเห็นกลุ่มเพื่อนผม…โผล่หัวแอบดูจากมุมตึก!!!
“เฮ้ยๆๆๆ!!! กูว่าแล้ว! มันสองคนต้องมีอะไรแน่!!”
“อ๊ากกกกกกกกก!! กูลงเรือแล้ววววววว!!!”
“หูยยยยย แรงมากกกก!”
ผมยืนอึ้ง ส่วนปันย์เอามือปิดหน้าแล้วสบถ
“กูจะฆ่ามึง…”
“คืนนี้…เอากูแทนก็ได้”
ตอนเย็นพอกลับมาจากโรงเรียน เสียงประตูหน้าบ้านปิดลงพร้อมเสียงกระเป๋าเป้ถูกโยนลงโซฟา
ผมถอดรองเท้าข้างประตูแบบไม่คิดจะเรียงให้ดี แล้วทิ้งตัวลงบนเบาะตัวเดิม
เหนื่อยก็เหนื่อย…แต่ไม่เท่า “ร้อนหลังต้นคอ” ตอนอยู่โรงเรียน
ภาพที่ปันย์เดินเข้ามา ดึงหูผมกลางวงเพื่อนแม่งยังติดตา
คนทั้งโรงอาหารมอง แม่งจะไม่พูดถึงก็ไม่ได้
ผมถอนหายใจแรง เอาผ้าเย็นวางบนหน้าผาก
หูยังร้อนนิด ๆ จากตอนโดนมันกระชาก
เสียงประตูอีกบานเปิด
ปันย์เดินเข้ามาแบบเงียบ ๆ แว่นเอียงนิด ๆ กระเป๋าหนังสือยังสะพายอยู่
“เงียบเชียวนะ กลับมาบ้านแล้วทำไมไม่พล่านเหมือนตอนอยู่โรงเรียน?”
ผมเลิกผ้าบนหน้าออก
“หูยังชาอยู่เลย ขอบใจมาก”
มันไม่ตอบ
เดินตรงไปวางกระเป๋าอย่างเป็นระเบียบ
จากนั้นเดินกลับมาหาผม
เงียบ…จนได้ยินเสียงพัดลมเพดานหมุน
ผมลุกขึ้นนั่ง
สบตากับมันแวบหนึ่ง
แม่ง—ตาจริงจัง
นิ่ง
แต่ในนั้นคือความโกรธ ความหงุดหงิด และบางอย่างที่บอกไม่ถูก
“มึงไม่ชอบที่กูพูด?”
ผมถามตรง ๆ
“ก็ใช่”
มันเดินเข้ามาใกล้อีกก้าว
เสียงฝีเท้าแทบไม่ดัง
แต่ในใจผมแม่งเต้นหนักจนกลัวอีกฝ่ายได้ยิน
“คืนนี้…”
ปันย์หยุดตรงหน้าผม
“มึงช่วยรับผิดชอบคำพูดด้วย”
“…”
พอตกกลางคืน หลังจากกินข้าว ทำการบ้านเสร็จแล้ว ผมเดินตามปันย์ขึ้นไปบนห้อง
วันนี้พ่อกับแม่ก็ยังไม่กลับมาจากต่างจังหวัด ทำให้เราเสียงดังได้แบบไม่ต้องเกรงใจใคร ผมเตรียมใจในระดับหนึ่ง คิดโทษตัวเองที่หลุดปากพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป
“ขึ้นไปนั่งบนเตียง”
เสียงเรียบ ๆ ที่ไม่มีแววล้อเล่นหลุดจากปากมันทันทีที่ประตูห้องนอนปิดลง
ผมเลิกคิ้วขึ้นนิด “อะไรของมึงวะ—”
“ธันย์ กูไม่ถามซ้ำ”
มันไม่ตะคอก แต่คำพูดแบบนั้นแม่งเหมือนกดหัวผมให้เดินขึ้นเตียงไปแบบไม่รู้ตัว
ผมนั่งลง มือเท้าเตียง
มองมันที่ยืนถอดแว่นช้า ๆ วางลงข้างเตียง แล้วปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดแบบไม่รีบ
“มึงคิดว่ากูจะเป็นแค่คนโดนรึไง?”
มันถามขณะทิ้งตัวขึ้นมาคร่อมผม
“เพราะเมื่อคืนมึงจัดกู…วันนี้ก็ถึงตากูแล้ว”
ปากมันประกบลงมาทันที ไม่มีความอ่อนโยน
มีแต่แรงกด ความลึก และลมหายใจร้อนที่ไล่ต้อนจนผมสั่นวูบ
มือมันรูดกางเกงผมลงอย่างรวดเร็ว แล้วก้มลงไปจัดการไม่ให้ผมได้ตั้งหลัก
“อึ่ก…ปะ…ปันย์ เดี๋ยว…”
“หุบปาก”
เสียงนั้นติดดุ
มันตวัดลิ้นใส่จนผมต้องยันเตียงแน่น แขนสั่นจนเกร็งไปหมด
“เมื่อเช้ามึงพูดอะไรนะ…ว่าอยากจับกูเย็ดซ้ำ ๆ ต่อหน้าเพื่อนมึง?”
“กะ…ก็…”
“ตอนนี้กูอยากเห็นหน้ามึงตอนโดนมากกว่า”
มันหยิบเจลจากลิ้นชัก—เตรียมไว้ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
แล้วไม่ถามอะไรอีกเลย
เพียงแค่ผลักผมลงกับเตียง กดขาผมแยกออก
แล้วกดตัวเข้ามาแรงจนผมสะดุ้ง
“ชะ…ช้าหน่อย!”
“เมื่อคืนกูพูดแบบนี้กับมึง มึงฟังมั้ย?”
จังหวะที่มันกระแทกเข้ามาทั้งแรง ทั้งลึก ผมเผลอหลุดเสียงออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“อ๊า…อึก…ไอ้เหี้ยปันย์…”
“เสียงดีมาก…พูดเรื่องครางต่อหน้าเพื่อนได้ ก็ครางให้ดังพอพวกมันจินตนาการได้ก็แล้วกัน”
ผมเผลอกัดไหล่มัน มือจิกหลังแรงจนขึ้นรอย
แต่แม่งก็ยิ่งทำให้มันเร่งจังหวะ
พั่บ พั่บ พั่บ เสียงกระแทกเนื้อดังไม่หยุด
ลำคอผมแห้งผาก ร่างกายกระตุกแทบทุกรอบที่มันกดลึก
“แน่นฉิบหาย…ธันย์ มึงแม่งดูดกูไม่ปล่อยเลยนะ”
“มึงจะ…แตกตรงนั้นเหรอ?”
ผมหอบ
“แน่นอน…แล้วกูจะเอาให้มึงนอนคาเตียงจนเช้า”
“…มึงแม่ง…ร้ายฉิบหาย…”
“เพิ่งรู้เหรอ?”
ปันย์พูดจบ ก็ฝังจูบแนบลงที่ลำคอ
ไม่ใช่จูบอ่อนโยน แต่เป็นการขบเม้มแบบจะทำรอย
“อึ่ก…”
ผมสั่นวูบ มือที่เคยจับข้อมือมันไว้แน่น เริ่มหมดแรงจะผลัก
จังหวะที่มันกดสะโพกเข้ามาช้า ๆ แบบไม่เร่งรีบ—แต่แม่งลึก…จนถึงจุดที่ผมหายใจไม่ออก
“แน่นฉิบหาย…”
มันครางแผ่ว ๆ แต่สะกดผมยิ่งกว่าเสียงตะคอก
ผมยกขาขึ้นโอบรอบเอวมันอย่างลืมตัว
“ปันย์…อือ…”
“พูดอีกดิ…” มันกระซิบ
“เสียงตอนมึงร้องขอ กูชอบ…”
ผมกำลังจะสวนกลับ
แต่มันกดสะโพกลงมารัว ๆ ไม่ให้ผมได้พูดอะไรเลย
“อ๊า…อึ่ก! ปันย์…เดี๋ยว…!”
“ไม่มีเดี๋ยว…”
มือมันจับข้อมือผมล็อกไว้กับหมอน
ขาทั้งสองข้างผมสั่นไม่หยุด ความร้อนภายในกระจายไปทั่ว
ทุกครั้งที่มันกระแทกลงมา ผมก็เผลอครางออกทุกที
จากเสียงเบา ๆ กลายเป็นเสียงหลุดที่มันแทบจะอุดปากไม่ทัน
“อย่าเก็บเสียง…ใครจะได้ยิน?”
มันถามทั้งที่ยังไม่หยุดขยับ
ผมกัดปากแน่น แต่ร่างกายแม่งทรยศ
“อ๊า…อ๊าาาา…! กูจะ…จะเสร็จแล้ว…”
“ก็เสร็จไปเลย…แล้วกูจะต่ออีกรอบ”
“มึง…ไม่ไหวแล้ว…!”
แล้วมันก็กดสะโพกเข้ามาลึกกว่าเดิม
ร่างผมกระตุกแรงจนเกือบหลุดเสียงร้อง
แตกไปแบบหมดสภาพ มือหลุดจากการยึดผ้า เตียงเปียกชื้น เสียงหอบถี่
แต่ยังไม่ทันจะได้พัก…
“รอบหน้า…เปลี่ยนท่า”
“มึงบ้าไปแล้ว…”
“ไม่ต้องพูด”
มันจับผมพลิกตัว
ดันหน้าแนบหมอน
ในขณะที่ร่างกายโดนกดจนแทบหลอมละลายไปกับที่นอน
แรงกระแทกสุดท้ายฝังลึกเข้ามาพร้อมเสียงครางต่ำของมัน
ร่างผมกระตุกเหมือนขาดอากาศหายใจ น้ำตาซึมที่หางตา…ไหลลงมาเงียบ ๆ
ไม่ได้สะอื้นโวยวายอะไร
แต่แม่ง…มันทั้งตึง ทั้งแน่น ทั้งกลั้นไม่อยู่
ความเจ็บปนเสียวผสมกันวุ่นวาย
แล้วก็แบบ…
“แม่ง...กูแม่งเสียท่าให้มันจริง ๆ แล้วว่ะ…”
ผมนอนคว่ำ ซุกหน้ากับหมอน
เสียงหายใจยังไม่ทันนิ่งดี
แต่เสียงแผ่ว ๆ ของมันกลับดังขึ้นข้างหู
“ธันย์…ร้องไห้เหรอวะ?”
ผมไม่ตอบ
แค่เบือนหน้าหนี
แต่แม่ง…น้ำตามันไหลอีก
“โห่...ไหนบอกตัวเองแมนชิบหาย? โดนแค่นี้ถึงกับซิก ๆ เลยเหรอ?”
เสียงมันยังติดขำ แต่เบานะ ไม่ใช่ขำเยาะ
ผมกัดริมฝีปากแน่น
ทั้งอาย ทั้งหงุดหงิด ทั้งอยากกระโดดถีบมัน
“เจ็บ…” ผมพึมพำออกมาเสียงแหบ
“รู้แล้วครับ…แต่กูถามจริง…”
มันก้มลงมากระซิบข้างหู “...ร้องเพราะเจ็บ หรือร้องเพราะเสร็จแล้วติดใจ?”
“ไอ้เหี้—!”
ผมเงยหน้าจะด่ามัน แต่แม่งหน้าแดงน้ำตาซึม พูดก็พูดไม่ออก
ปันย์ยกยิ้ม
มือมันลูบหัวผมเบา ๆ
“เอ้า อย่าร้อง ๆ…เดี๋ยวกูเย็ดเบากว่านี้ก็ได้”
“ไม่ต้องแล้วโว้ยยยยยยย!!”
ผมตะโกนสุดเสียง
“แน่ใจนะ?” มันเอียงคอ
“แต่น้ำมึงยังไม่หยุดเลยอะ”
“น้ำตาเว้ย!!!”
“ก็กูหมายถึงตรงนั้นก็ยัง…”
“ไอ้เหี้ยปันย์!”
มันหัวเราะเบา ๆ แล้วทิ้งตัวลงนอนข้างผม
ลากผ้าห่มคลุมทั้งตัวผมแบบไม่ต้องให้ขอ
ผมสะบัดหน้าหนี แต่ก็ยอมให้มันกอดจากด้านหลัง
“ครั้งแรกก็ต้องมีน้ำตานิดหน่อย…เป็นเรื่องปกติ”
มันกระซิบ
“แต่ถ้าอยากให้มีครั้งที่สอง…แค่สะกิดกูก็จัดให้เลยนะ”
“มึงพูดอีกคำเดียว กูจะร้องไห้ให้ดังจนข้างบ้านได้ยิน”
มันยิ้ม มือลูบผมผมเบา ๆ
แล้วกระซิบเสียงเบาในความมืด
“…แต่คืนนี้ มึงโคตรน่ารักเลยว่ะ”
|