||
แสงเช้าสีขาวนวลลอดผ่านม่านโปร่งเข้ามาในห้องนอนสีขาวสะอาดตา
ธีร์ค่อย ๆ ลืมตา รู้สึกได้ถึงความนุ่มของที่นอนและกลิ่นสบู่ที่ยังติดอยู่บนผิว
เขามองลงไป—
บนร่างของเขามีเพียง ผ้าเตี่ยวสีขาวผืนเดียว เหมือนเมื่อคืนที่เขาถูกเกริกพากลับมานอน
กล้ามเนื้อทั้งตัวรู้สึกหนักและล้า
ผสานเข้ากับความทรงจำจากเมื่อคืน—
การแสดงละครเวทีอันยิ่งใหญ่
เสียงปรบมือ
ความเหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหว
และมือใหญ่ของเกริกที่ประคองเขากลับบ้าน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ธีร์สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองประตู
เสียงทุ้มที่ฟังออกได้ทันทีว่าเป็นใคร
ดังขึ้นอย่างสุภาพ
“ธีร์ ตื่นหรือยังนะ ฉันเข้าไปนะ”
ประตูถูกเปิดเข้ามา
เกริกก้าวเข้ามาช้า ๆ
ลมหายใจเขายังดูเรียบแต่สายตาดูอ่อนกว่าปกติเล็กน้อย
เหมือนคนที่ใช้เวลาทั้งคืนคิดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียว
เขาเดินเข้ามานั่งลงข้างเตียง
ทิ้งระยะห่างเพียงคืบเดียวจากตัวธีร์
ร่างของเกริกในเช้านี้ดูธรรมดา—
แต่แววตายังคงเป็นแบบเดียวกับเมื่อคืน
คม ชัด และมองเหมือนจะทะลุความคิดของอีกฝ่ายได้
เกริกถือแฟ้มเอกสารหนึ่งมาด้วย
วางลงบนตักของตัวเอง
ก่อนมองหน้าเรื่องตรง ๆ โดยไม่อ้อมค้อม
“ธีร์… ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย”
ธีร์กะพริบตา
“เรื่องอะ—”
“เอกสารยอมรับนายเป็นลูกชายบุญธรรมของฉัน”
ธีร์ชะงักไปทันที
หัวใจกระตุกเหมือนโดนดึงแรง ๆ
เขามองหน้าเกริกเหมือนต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม
เกริกหายใจเข้าลึก
เหมือนเก็บสิ่งนี้ไว้ในใจมานาน
“ฉันเป็นผู้ชายที่มีทุกอย่าง—เงิน บ้าน สวนสัตว์ ละครเวที ผู้คนเคารพ
แต่สิ่งเดียวที่…ฉันไม่มี คือ ลูก”
น้ำเสียงเขาไม่เศร้า ไม่เว้าวอน
แต่เป็นความจริงที่บอกออกมาอย่างมั่นคง
“ฉันมีลูกเองไม่ได้ เพราะฉันเป็นหมัน”
ธีร์เบิกตากว้าง
ไม่ทันได้พูดอะไร เกริกพูดต่อ
“ฉันอยากมีลูกชาย…ที่สมบูรณ์แบบแบบนาย
หน้าตาดี สุภาพ แข็งแรง มีวินัย และยืนหยัดได้บนเวที ต่อหน้าคนทั้งเมือง”
สายตาของเกริกเลื่อนจากดวงหน้าของธีร์
ลงมายังช่วงไหล่ หน้าอก ลำตัว
ผ่านผิวเนียนภายใต้ผ้าเตี่ยวผืนเดียว
แล้วกลับขึ้นมาที่ดวงตาอีกครั้ง
สายตานั้น…ไม่ได้หยาบคาย
แต่เป็นสายตาของคนที่กำลัง “เลือกผู้สืบทอด”
เขากล่าวช้า ๆ ชัดทุกคำ
“ถ้านายเซ็นเอกสารนี้…
ทั้งหมดที่ฉันมี จะเป็นของนายเมื่อฉันตาย”
ธีร์ตัวแข็งทื่อ
ยังไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร
เกริกขยับแฟ้มเอกสารเข้ามาใกล้
ปลายนิ้วสัมผัสหลังมือของธีร์เบา ๆ
“และหนี้ทั้งหมดที่นายติดค้างฉัน…
ฉันจะลบให้ทันที ไม่ต้องส่งแม้แต่บาทเดียว”
ธีร์กลืนน้ำลาย
รู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนรอบตัวเขาอีกครั้ง
“และตั้งแต่วินาทีนี้
ฉันจะจ่ายเงินเดือนให้นาย
เดือนละ หนึ่งแสนบาท
ฐานะ ‘นักแสดงประจำ’ ของฉัน”
เกริกเงียบไปครู่หนึ่ง
ก่อนพูดประโยคสุดท้าย—
ประโยคที่หนักที่สุด
“ฉันอยากให้นาย…เป็นลูกของฉันจริง ๆ”
ห้องสีขาวเงียบสนิท
มีเพียงสองคนที่หายใจ
คนหนึ่งรอคำตอบ
อีกคนหนึ่งกำลังสั่นอยู่ในอกโดยไม่รู้ตัว
คำพูดของเกริกยังค้างอยู่ในอากาศ
ธีร์ยังไม่ทันตอบ ไม่ทันตั้งสติ—
ดีดนิ้ว — แกร๊บ!
เสียงดีดนิ้วดังเพียงครั้งเดียว
แต่ประตูห้องก็เปิดผางออกทันที
ชายร่างกำยำสองคนในชุดดำก้าวเข้ามาในห้องนอนด้วยท่วงท่าเฉียบขาด
ธีร์สะดุ้งเฮือก
“เดี๋ยว…เดี๋ยวก่อนครับ—!”
แต่ยังไม่ทันขยับหนี
ชายทั้งสองก็เข้ามาจับแขนทั้งสองข้างของเขา
ยกตัวเขาขึ้นจากเตียงอย่างง่ายดาย
แม้ธีร์จะพยายามดิ้น
แต่แรงของเขาไม่เทียบได้เลยกับร่างสูงใหญ่สองคนนี้
หนึ่งในนั้นดันแฟ้มเอกสารเข้าสู่อกของธีร์
อีกคนจับข้อมือเขาแน่น
บังคับให้มือของธีร์กดไปที่พื้นที่ลงลายเซ็น
เกริกยืนมองอยู่ด้านหน้า
สีหน้าไม่ได้เครียด หรือโกรธ
แต่เป็น สีหน้าพอใจ
เหมือนทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ชายร่างกำยำคนหนึ่งกดปากกาใส่มือธีร์
“เซ็น”
ปลายปากกาสั่นตามมือธีร์ที่พยายามต้าน
แต่แรงบีบจากผู้ชายสองคนทำให้เขาไม่อาจต้านได้
ปลายปากกาขีดลงบนกระดาษ
ลายเซ็นของธีร์ถูกเขียนจนจบประโยค
ยังไม่ทันหายใจ
คนเดิมก็จับนิ้วโป้งของธีร์
กดลงบนแผ่นหมึกสีแดง
ก่อน บังคับ ให้เขาประทับลายนิ้วมือบนเอกสาร
ปั๊บ!
รอยนิ้วมือสีแดงสดขึ้นอย่างชัดเจน
ชายร่างกำยำทั้งสองปล่อยตัวธีร์
ถอยออกไปยืนข้างประตูราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนเกริก…ยิ้มอย่างลึก
ยิ้มของคนที่ได้สิ่งที่ต้องการมานาน
เขาก้าวเข้ามา
โอบรอบไหล่ของธีร์
ดึงเขาเข้าสู่อ้อมกอดแน่นจนธีร์ขยับแทบไม่ได้
“ตั้งแต่วินาทีนี้…
นายเป็นลูกชายของพ่อแล้ว”
เสียงของเขานุ่ม อบอุ่น
แต่น้ำหนักคำกลับหนักจนธีร์หายใจไม่ออก
เกริกปล่อยกอด
จับมือธีร์เอาไว้แล้วดึงให้ลุกขึ้น
“ไปเถอะ ลงไปข้างล่าง พ่อเตรียมอาหารเช้าไว้ให้”
เขาจูงมือธีร์ผ่านโถงบันไดลงมาชั้นล่าง
เหมือนคนพ่อกำลังพาลูกชายตัวโปรดไปกินมื้อเช้า
แต่ในมือของธีร์…ยังมีรอยหมึกแดงติดอยู่
ทันทีที่ธีร์ถูกจูงเข้ามา
สายตาของเขาก็เบิกกว้างเพราะโต๊ะยาวทั้งโต๊ะ
ถูกจัดเต็มด้วยอาหารเช้าหรูหราระดับโรงแรม 5 ดาว
– กระเพาะปลาน้ำแดงร้อนฉ่า
– ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหอมกรอบ
– เป็ดย่างปักกิ่งหนังกรอบวาว
– ข้าวผัดปู
– ซุปหูฉลาม
– ซาลาเปารูปสัตว์
– ผลไม้แกะสลักหลากสี
– ขนมหวานจีนจัดเต็ม
– ชารสหอมในกาน้ำเงินเข้ม
เกริกดึงเก้าอี้ออกให้ธีร์นั่ง
ราวกับเป็นเจ้าชายในนิทาน
เขาวางมือบนไหล่ของธีร์
กดเบา ๆ
“นั่งสิ ลูกชายของพ่อ”
ธีร์นั่งลง
ยังรู้สึกมึนงงกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเร็วเกินไป
เกริกยิ้ม
นั่งลงข้าง ๆ แบบไม่ปล่อยระยะห่าง
ก่อนพูดชัดเจนอีกครั้ง
“ตั้งแต่วันนี้…เรียกฉันว่า พ่อ”
เขาตักเป็ดย่างแล้วยื่นให้
“ทานสิลูก พ่ออยากเห็นลูกชายของพ่อกินอย่างเต็มที่”
บรรยากาศเต็มไปด้วยความอุ่น…
แต่แฝงแรงกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
เกริกมองหน้าธีร์ด้วยรอยยิ้มอ่อน
แต่ในแววตากลับมีบางอย่างแข็งและเย็น
เหมือนกำลังร่างขอบเขตของโลกใบใหม่ให้ลูกชายคนโปรด
“ธีร์”
เสียงของเขาเรียบ แต่เฉียบเหมือนใบมีด
“ตั้งแต่นี้ไป… ในเมื่อเรามีสายสัมพันธ์ทางกฎหมายกันแล้ว
ลูกต้องปฏิบัติตามกฎของบ้านพ่อ”
ธีร์วางช้อนลงช้า ๆ
รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่แทบมองไม่เห็น
“กฎ… อะไรเหรอครับพ่อ”
เกริกเชยเอกสารอีกฉบับหนึ่งขึ้นจากโต๊ะ
แต่ไม่ได้ยื่นให้
เหมือนแค่ให้ธีร์ “เห็น” ว่ายังมีกระดาษอีกจำนวนมากรอเขาอยู่
“กฎข้อแรก”
เขาพูดช้า ๆ ชัดเจนทุกคำ
“เวลาลูกอยู่ในบ้านหลังนี้ ต้องรายงานตารางเวลาให้พ่อทราบทุกชั่วโมง
จะไปทำอะไร อยู่ตรงไหน หรือคุยกับใคร…พ่อต้องรู้หมด”
ธีร์จ้องพ่อด้วยความตกใจ
นี่มันมากกว่าการเป็นห่วง
มันเหมือน “ติดตาม”
เกริกยิ้มอ่อน
“ไม่ต้องกลัว พ่อไม่ได้ห้ามลูกใช้ชีวิต
แค่ต้องการให้ลูกปลอดภัย…และอยู่ในสายตาพ่อเสมอ”
เขาวางมือบนโต๊ะ
แล้วพูดต่อดำเนินไปเหมือนอ่านสัญญา
“กฎข้อสอง
ทุกอุปกรณ์สื่อสารของลูก — โทรศัพท์ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก —
พ่อจะเป็นคนเก็บดูแล
ถ้าลูกต้องการใช้ สามารถขออนุญาตพ่อได้ตลอดเวลา”
ธีร์ตัวแข็ง
นี่เท่ากับเขา ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก โดยสมบูรณ์
เกริกเอียงศีรษะเล็กน้อย
เสียงฟังดูใจดีจนน่าขนลุก
“ลูกยังเด็ก… และตอนนี้มีคนต้องการตัวลูกเยอะ
พ่อแค่ต้องการปกป้องลูกให้ปลอดภัยเท่านั้น”
เขายิ้มกว้างขึ้น
ก่อนประกาศกฎข้อสาม
“กฎข้อสาม
ลูกต้องเข้าร่วมโต๊ะอาหารกับพ่อครบทุกมื้อ
ไม่ว่าลูกจะยุ่งหรือเหนื่อยแค่ไหน
พ่อจะไม่ยอมกินข้าวคนเดียวอีกต่อไป…
เพราะตอนนี้พ่อมีลูกแล้ว”
ธีร์ใจหายวาบ
โต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยอาหารหรูกลับรู้สึกเหมือนโต๊ะพิธีกรรมอะไรบางอย่าง
เกริกมองหน้าเขานิ่ง
แล้วออกกฎข้อสี่ด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นระดับหนึ่ง
ธีร์กลืนน้ำลายยากผิดปกติ
หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้
กฎสามข้อแรกก็หนักพออยู่แล้ว
แต่สายตาของเกริก…
มันบอกชัดว่า ข้อที่สี่ จะยิ่งปิดกรอบมากกว่าเดิม
เกริกวางส้อมลงบนจาน
เสียงโลหะแตะกระเบื้องดัง “กริ๊ก”
เบา แต่คมเหมือนมีดเฉือนความเงียบ
เขาโน้มตัวเล็กน้อย
มองตรงเข้าดวงตาของธีร์
“กฎข้อสี่…”
น้ำเสียงนั้นเข้มขึ้น
แต่ยังคงความนุ่มที่ทำให้คนฟังรู้สึกจนมุม
“ยามเมื่อลูกนอน…
ลูกจะต้องนอนในห้องของพ่อเท่านั้น”
ประโยคสุดท้ายถูกพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เหมือนประตูเหล็กที่ถูกปิดลงอย่างเด็ดขาด
ธีร์ชะงักทันที
ดวงตาเบิกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
เกริกอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แต่ไม่มีช่องให้คัดค้านแม้แต่น้อย
“ห้องพ่อเป็นห้องที่ปลอดภัยที่สุดในบ้านหลังนี้
อยู่ในตำแหน่งที่สูงสุด มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้า 24 ชั่วโมง
ไม่มีใครเข้าใกล้ได้โดยไม่ผ่านอนุญาต”
เขาวางมือบนโต๊ะ เอียงศีรษะเล็กน้อยราวกับมองลูกอย่างอ่อนโยน
“พ่อไม่ต้องการให้ลูกนอนคนเดียว
บ้านนี้ใหญ่…และวังเวงในบางคืน
จะมีเสียงลม เสียงสัตว์ เสียงกลไกสวนสัตว์ที่อยู่ชั้นล่าง
ลูกอาจตกใจ หรือไม่สบายใจได้”
เขายิ้มบาง ๆ
แต่แววตานั้นไม่มีอะไรเกี่ยวกับความห่วงใยธรรมดาเลย
“เพราะฉะนั้น…
ลูกต้องนอนกับพ่อเท่านั้น
ทุกคืน
ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป”
ธีร์รู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวหนักขึ้น
ไม่ใช่เพราะคำพูด
แต่เป็นเพราะ “ความเงียบหลังคำพูด” ของเกริก
มันกดทับเหมือนน้ำหนักมหาศาล
เขาอยากพูด อยากถาม ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น
แต่ลำคอแข็งจนขยับไม่ได้
เกริกมองปฏิกิริยานั้น
แล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ
เหมือนเห็นสิ่งที่เขาต้องการเห็นมาตลอด
“ลูกไม่ต้องกลัว”
เสียงทุ้มอ่อนลง
แต่กลับทำให้บรรยากาศเย็นเฉียบกว่าเดิม
“พ่อจะอยู่เคียงข้างลูกทั้งคืน
ลูกจะไม่มีวันอยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว”
เขายืดตัวขึ้น
ประกาศเหมือนผู้ออกกฎหมาย
“และกฎข้อสี่นี้…คือสิ่งที่ลูกต้องปฏิบัติตลอดไป
ตราบใดที่ลูกยังอยู่ใต้ชายคาบ้านพ่อ”
ธีร์ตัวแข็ง
มองจานอาหารที่เย็นลงทีละน้อย
แต่รู้สึกเหมือนถูกกักขังอยู่กลางโต๊ะนี้โดยไม่มีทางเลือก
เกริกวางมือบนไหล่เขาเบา ๆ
บีบอย่างมั่นคง
“ลูกเข้าใจใช่ไหม”
น้ำเสียงนั้นไม่ใช่คำถาม
แต่คือคำสั่งที่ห้ามตอบว่า “ไม่”
ธีร์กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดราวกับมีหินก้อนใหญ่ขวางอยู่
เสียงหัวใจเต้นดังจนเขาคิดว่าเกริกอาจได้ยินด้วยซ้ำ
เขาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ
สบตาพ่อบุญธรรมที่มองมาอย่างแน่วแน่
แววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ…และความครอบครอง
ริมฝีปากของธีร์สั่นเล็กน้อย
ก่อนจะบังคับตัวเองให้เอ่ยคำตอบออกมา
“ค…เข้าใจครับ พ่อ”
คำว่า พ่อ หลุดออกมานุ่มมาก
เบาจนแทบไม่เป็นเสียง
เหมือนลมหายใจที่สั่นกลัวมากกว่าคำพูด
เกริกยิ้มทันที
ยิ้มที่เต็มไปด้วยความพอใจลึก ๆ
เหมือนฟังประโยคนั้นซ้ำในหัวหลายรอบเพื่อ savor ความรู้สึก
มือใหญ่ของเขาบีบไหล่ธีร์เบา ๆ
แต่แรงพอจะให้รู้ว่า
ต่อจากนี้ “เขา” คือผู้กำหนดทุกอย่างของชีวิตธีร์
“ดีมาก…ลูกชายของพ่อ”
คำชมของเกริกฟังเหมือนลูบศีรษะ
แต่ในอกของธีร์กลับรู้สึกเหมือนเชือกถูกผูกแน่นขึ้นอีกชั้น
ในหัวเขาดังก้องซ้ำ ๆ
“นอนในห้องพ่อ…ทุกคืน”
“รายงานตารางเวลา…ทุกชั่วโมง”
“ตัดขาดจากโทรศัพท์…ทั้งหมด”
“กินข้าวด้วยกัน…ทุกมื้อ”
เขาตอบ “เข้าใจ” ไปแล้ว
ไม่มีทางถอนคำ
ธีร์ก้มหน้าลง
ซ่อนดวงตาที่ไหววูบด้วยความหวาดหวั่น
“ดีมาก ธีร์” เกริกพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ลูกเชื่อฟังพ่อเสมอแบบนี้…พ่อก็สบายใจ”
มือของเขาลูบไหล่ธีร์
เป็นการลูบแบบพ่อที่เอ็นดู
แต่ความรู้สึกในใจธีร์กลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
หัวใจยังสั่น
มือยังเย็น
ความกลัวกำลังกัดกินอยู่เงียบ ๆ ในอก
แต่เขาไม่กล้าแสดงออกสักนิด
เกริกลุกขึ้นยืน
ยื่นมือให้ธีร์
“ไปเถอะลูก พ่อจะพาไปดูห้องใหม่ของลูก
ที่ชั้นบนสุด”
คำว่า พาไปดูห้องใหม่
ทำให้ท้องของธีร์หดเกร็งทันที
เหมือนกำลังจะถูกพาเข้าสู่กรงใสที่สวยงามแต่ไร้ทางออก
ธีร์ลุกขึ้นช้า ๆ
ตอบรับด้วยเสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน
“ครับ…พ่อ”
✦ ฉากต่อ — ห้องนอนของเกริก ✦เมื่อประตูห้องนอนชั้นบนสุดถูกเปิดออก
ธีร์ก็รู้สึกได้ทันทีถึงอุณหภูมิของห้องที่เย็นกว่าโถงด้านล่าง
ห้องกว้าง หรูหรา และจัดอย่างเป็นระเบียบ
แต่มีบางอย่างผิดปกติจนทำให้บรรยากาศดูไม่เหมือน “ห้องนอนทั่วไป”
สิ่งแรกที่ดึงสายตาธีร์คือ—
กรงนกขนาดมหึมาที่แขวนจากเพดาน
กรงมีโครงเหล็กสีดำด้าน
เส้นเหล็กถี่แต่แข็งแรง
มีห่วงล็อกหลายจุด
และเชือกสลิงเส้นใหญ่ดึงมันแขวนไว้เหนือพื้น
ขนาดของกรงใหญ่จนสามารถให้ผู้ชายสามคนยืนเรียงกันด้านในได้
หรือ…นอนขดตัวได้สบาย
มันถูกแขวนไว้ใกล้เตียงของเกริก
ใกล้จนอึดอัด
ใกล้จนน่าขนลุก
ธีร์หยุดเดินโดยไม่รู้ตัว
ดวงตาเบิกกว้าง ความตกใจจู่โจมขึ้นมาทันที
“นี่คือ…อะไรครับพ่อ”
เสียงของเขาเบาจนแทบเป็นกระซิบ
เกริกยืนข้าง ๆ
มองกรงนั้นด้วยสายตาอบอุ่นแปลกประหลาด
เหมือนมองงานศิลปะที่ตัวเองภาคภูมิใจ
“กรงนกของพ่อ”
เขาตอบเรียบ ๆ
“พ่อออกแบบเองทั้งโครงสร้างและกลไก มันแข็งแรงมาก
ขนาดสัตว์ใหญ่ยังออกไม่ได้”
ธีร์หันมามองเกริก
ไม่ใช่เพราะชื่นชมผลงาน
แต่เพราะหัวใจเขากำลังเต้นแรงจากความกลัวที่พยายามซ่อน
เกริกก้าวเข้าไปใกล้กรง
ลูบซี่เหล็กอย่างแผ่วเบา
เสียงโลหะดัง “ติ๊ง” อย่างเย็นเยียบในห้องเงียบ
จากนั้นเขาหันกลับมามองธีร์
ยิ้มอ่อน…แต่เป็นยิ้มที่ปิดประตูหนีทุกทาง
“คืนนี้
ลูกจะนอนในกรงนี้”
ประโยคเดียวทำให้ธีร์ขยับเท้าไม่ได้
ทั้งร่างเหมือนถูกตอกยึดกับพื้น
เกริกพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเสียจนขนลุก
“มันปลอดภัยกว่าเตียงของพ่อ
และพ่อจะได้เห็นลูกตลอดทั้งคืน
อย่างที่พ่อบอก…ลูกต้องอยู่ในสายตาพ่อเสมอ”
เขาเดินกลับมาหาธีร์
เอื้อมจับมือของลูกชายบุญธรรม
จับไว้แน่น—แต่ไม่แรง
แบบที่คนภายนอกจะคิดว่าอบอุ่น
แต่ธีร์รู้ดีว่า “อบอุ่น” นี้คือกรงแบบหนึ่ง
“อย่ากลัวนะลูก”
เกริกบอก
“พ่อทำเพื่อความปลอดภัยของลูก”
ธีร์ไม่กล้าตอบ
ไม่กล้าหายใจแรง
ไม่กล้าแม้แต่จะมองกรงนั้นนานเกินไป
เกริกเห็นแล้วก็ยิ้ม
เหมือนพอใจกับความเชื่อฟังเงียบ ๆ ของธีร์
เขาจูงมือธีร์ให้เดินออกจากห้องนอน
“ตอนนี้…พ่อมีอีกที่ที่ต้องพาลูกไปดู”
ประตูห้องถูกปิดลง
กรงนกยักษ์ยังแกว่งเบา ๆ จากแรงลมหายใจสุดท้ายของห้อง
รถยนต์คันสีดำหรูของเกริกค่อย ๆ ชะลอหน้าตึกสูงระฟ้าของ
ElectroRobot Industries
ตึกกระจกทั้งหลังสะท้อนท้องฟ้าเป็นประกายเย็นชา
แสดงถึงความเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ทรงอำนาจที่สุดในเมือง
เมื่อรถจอดสนิท
ประตูฝั่งเกริกถูกเปิดออกโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ชายผู้เป็นเจ้าของบริษัทก้าวลงอย่างสง่างามในชุดทำงานสีดำ
เต็มไปด้วยอำนาจที่คนโดยรอบต่างรับรู้ได้ทันที
จากนั้น
เขาเปิดประตูอีกฝั่ง
ยื่นมือไปทางธีร์อย่างอ่อนโยน
“ลงมาได้แล้วลูก”
ธีร์ก้าวลงจากรถอย่างระมัดระวัง
ร่างสูงแน่นสมชายใน ผ้าเตี่ยวสีขาว
ซึ่งเป็นชุดแสดง “โอรสสวรรค์” ที่ยังไม่ได้เปลี่ยน
ทำให้เขาโดดเด่นจนทุกคนในบริเวณนั้นหันมามองพร้อมกัน
เกริกจับมือธีร์ไว้
พาเดินตรงเข้าสู่ประตูใหญ่ของบริษัท
พนักงานหลายคนที่กำลังจะเข้าอาคารหยุดชะงัก
กระซิบกันเบา ๆ ด้วยความตื่นเต้น
“เฮ้ นั่น…โอรสสวรรค์จากละครเวทีเมื่อคืนไม่ใช่เหรอ?”
สาวคนหนึ่งพูดพลางยกมือปิดปาก
“ใช่เลย! ฉันเพิ่งดูรอบนั้นเมื่อวันก่อน เขาเล่นดีมาก—ฉากพายุเวทมนตร์กับงูยักษ์คือที่สุด!”
ชายอีกคนยิ้มกว้าง
“เขาหล่อมากกว่าที่เห็นบนเวทีอีกนะเนี่ย รูปร่างก็ดี…สมกับเป็นโอรสสวรรค์จริง ๆ”
อีกคนพึมพำอย่างตื่นเต้น
“ฉากที่เขาถูกงูยักษ์ดูดเข้าไปในโพรงมิตินั่นแหละ ฉันชอบที่สุดเลย การแสดงสุดยอดมาก”
เสียงอีกกลุ่มหนึ่งดังตามมา
“ชุดผ้าเตี่ยวสีขาวนี่ล่ะ ทำให้ภาพจำชัดเจน เหมือนหลุดมาจากเทพนิยายจริง ๆ”
คำพูดเหล่านั้นลอยวนรอบตัวธีร์
เหมือนเขาเป็นศูนย์กลางของความสนใจทั้งหมด
แต่ธีร์รู้สึกเพียงความเกร็ง
ใบหน้าแดงเรื่อเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้
เขาพยายามไม่สบตาใคร
แต่การถูกจับตามองจากทุกทิศทางทำให้ร่างเขาตึงไปทั้งตัว
เกริกรู้ดี
มือของเขายังคงจับมือธีร์ไว้แน่น
มั่นคง
เหมือนกำลังบอกว่า
“ไม่ต้องกลัว พ่ออยู่ตรงนี้”
เขาพาธีร์เดินฝ่ากลุ่มพนักงานที่ขยับหลีกให้โดยอัตโนมัติ
ดวงตาทุกคู่ยังคงจ้องตามราวกับเห็น “สัญลักษณ์ของการแสดงระดับชาติ” เดินผ่านไปตรงหน้า
เกริกพาตรงเข้าไปสู่ประตูหมุนอัตโนมัติของบริษัท
สแกนลายนิ้วมือเพียงครั้งเดียว
ประตูพิเศษด้านข้างก็เปิดต้อนรับทันที
เมื่อก้าวเข้าไปด้านใน
ประตูปิด
เสียงจากด้านนอกถูกตัดไปจนหมด
เหลือเพียง
ธีร์
กับเกริก
ในอาคารเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่เงียบและเย็นราวกับโลกอีกใบ
เกริกหันมามองลูกชายบุญธรรม
ลูบหลังมือธีร์เบา ๆ พร้อมพูดเสียงนุ่ม
“คราวนี้…พ่อจะพาลูกไปดูที่ที่พ่ออยากให้ลูกเห็นที่สุด”
เขายิ้มบาง
แต่ในแววตาเต็มไปด้วยนัยลึกที่อ่านไม่ออก
“ชั้นล่างสุดของบริษัทนี้
คือหัวใจของทุกอย่างที่พ่อสร้าง”
ธีร์รู้สึกเย็นวาบไปทั้งสันหลัง
ไม่รู้ว่าเกริกกำลังจะพาเขาไปเจออะไร
แต่รู้เพียงอย่างเดียว—
เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก
แสงจากห้องประชุมใหญ่สาดเข้าตา ธีร์รู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกอีกใบ
ห้องทั้งห้องตกแต่งด้วยสีเข้ม เงาวับเหมือนศาลาว่าการขององค์กรลับ
โต๊ะอาหารยาวตรงกลางห้องมีเก้าอี้ผู้บริหารเรียงรายเป็นระเบียบ
แต่สิ่งที่ผิดปกติที่สุดคือ—
ยังไม่มีอาหารใด ๆ วางบนโต๊ะ
มีเพียง “พื้นที่ว่างกลางโต๊ะ” ที่เหมือนถูกเว้นไว้สำหรับบางสิ่ง
เกริกจูงมือธีร์เดินเข้ามา
สายตาของผู้บริหารชายหญิงสิบกว่าคนหันมามองพร้อมกัน
ราวกับกำลังรอให้โชว์เริ่มขึ้น
“ทุกคนครับ”
เกริกเอ่ยเสียงนิ่งแต่ทรงอำนาจ
“นี่คือลูกชายของผม—ธีร์”
เหล่าผู้บริหารต่างยืนขึ้น
เดินเข้ามา “จับมือ” ธีร์ทีละคน
จังหวะนั้นรู้สึกเหมือนการต้อนรับ ตัวแทนสัญลักษณ์ขององค์กร มากกว่ามนุษย์คนหนึ่ง
ผู้บริหารชายคนหนึ่งพยักหน้าอย่างชื่นชม
“หน้าตาดีมาก รูปร่างก็ดี เป็นภาพจำของบทโอรสสวรรค์จริง ๆ”
ผู้บริหารหญิงอีกคนยิ้มกว้าง
“หล่อแบบที่ขึ้นกล้องสุด ๆ เห็นชัดเลยว่าทำไมคุณเกริกถึงเลือก”
ผู้บริหารหญิงอีกคนเห็นด้วยทันที
“ยืนเฉย ๆ ก็สะดุดตามากค่ะ เทียบได้กับนายแบบระดับแรกของบริษัทเราเลย”
คำชื่นชมไหลเข้าหูธีร์เหมือนเสียงลอยในโถงว่าง
แต่ทุกคำยิ่งทำให้หัวใจเขาตีบแน่น
เพราะแต่ละสายตามีความหมายมากกว่า “ชื่นชม”—
แต่เป็นสายตาประเมินสินค้า
เกริกผายมือไปที่โต๊ะกลาง
“ธีร์—ขึ้นไปยืนตรงกลางโต๊ะให้พ่อหน่อย”
เสียงนั้นไม่ดัง
แต่แข็งพอที่จะห้ามปฏิเสธ
ธีร์ผงะเล็กน้อย
ก่อนจะปีนขึ้นไปอย่างระมัดระวัง
ยืนตัวตรงที่จุดกึ่งกลางโต๊ะ
สายตาของทุกคนหันขึ้นมามองเขาราวกับไฟสปอตไลต์จับอยู่จุดเดียว
บรรยากาศกดดันจนเหมือนอากาศหายไปจากปอด
พอธีร์ขึ้นไปยืนเรียบร้อย
เกริกก็นั่งลงที่หัวโต๊ะ
ผู้บริหารคนอื่น ๆ นั่งตามลำดับ
เหมือนพิธีเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
เสียงประตูเลื่อนเปิด
กลุ่มพนักงานหญิงสี่คนเข็นรถเข็นอาหารเข้ามา
รถเข็นแต่ละคันมีของว่างเรียงเป็นชั้น ๆ
จัดอย่างสวยงามเหมือนอาหารในงานเลี้ยงใหญ่
หญิงคนแรกยกจานอาหารว่างออกจากรถ
วางลงต่อหน้าผู้บริหารแต่ละคนอย่างนอบน้อม
หญิงคนที่สองยิ้มแอบ ๆ ขณะชำเลืองมองขึ้นไปยังธีร์
เธอเอ่ยกระซิบกับเพื่อนข้าง ๆ
“ใกล้กว่าที่เห็นบนเวทีอีกนะ…เขาหล่อมากจริง ๆ”
อีกคนหัวเราะเบา ๆ
“รูปร่างก็ดีมากด้วย ดูสมกับเป็นโอรสสวรรค์จริง ๆ”
พวกเธอไม่ได้หยุดทำงาน
แต่สายตาที่เหลือบขึ้นมามองธีร์ซ้ำ ๆ
ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกแขวนลอยอยู่กลางห้อง
ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีใครในบริษัทเคยถูกวางไว้มาก่อน
อาหารวางต่อหน้าผู้บริหารครบทุกคน
แล้วกลุ่มพนักงานหญิงก็โค้งเล็กน้อย
ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมอย่างเงียบงาม
ประตูปิด—
เสียงในห้องกลับมาเหลือเพียงความเงียบ
และเสียงของเกริก
เกริกวางมือบนแฟ้มเอกสาร
หันมามองลูกชายของตนที่ยืนอยู่บนโต๊ะเหมือนรูปปั้นมีชีวิต
“งั้น…เรามาเริ่มการประชุมกันเถอะ”
ผู้บริหารทุกคนขยับมือ
ตักของว่างตัวเองอย่างสงบ
แต่สายตาส่วนหนึ่งยังคงจ้องไปที่ธีร์เป็นระยะ
เหมือนกำลังจดจำทุกส่วนของภาพที่อยู่ตรงหน้า
ธีร์ยืนอยู่กลางโต๊ะ
ไม่รู้จะเก็บมือไว้ตรงไหน
ไม่รู้จะมองที่ใด
แต่รู้ว่า—จากวินาทีนี้
เขาคือ “ศูนย์กลาง” ของทั้งองค์กรนี้
ตามแบบที่เกริกต้องการ
ธีร์ยังคงยืนอยู่บนโต๊ะประชุมขนาดใหญ่
ร่างสูงในเครื่องแต่งกายโอรสสวรรค์จากละครเวที
เป็นศูนย์กลางของสายตาผู้บริหารทุกคน
ราวกับเป็น “สัญลักษณ์” ของบริษัทมากกว่ามนุษย์คนหนึ่ง
รอบโต๊ะ ผู้บริหารทั้งชายและหญิงนั่งประจำที่
อาหารทานเล่นถูกวางลงตรงหน้า
กลิ่นหอมของขนมอบและผลไม้ตัดแต่งผสานกับบรรยากาศทางการของห้องประชุมอย่างประหลาด
เกริกนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ
หลังตรง สีหน้าเรียบ แต่แววตามีประกายแห่งความภาคภูมิใจ
จับจ้องไปที่ธีร์ซึ่งยืนบนโต๊ะเหมือน “รูปปั้นที่มีชีวิต”
เมื่อเสียงพูดคุยเบา ๆ สงบลง
เกริกก็เคาะโต๊ะเบา ๆ หนึ่งครั้ง
“เริ่มการประชุม”
ห้องทั้งห้องสงบทันที
เหล่าผู้บริหารเลิกคุยกันแล้วหันไปฟังประธานบริษัทอย่างตั้งใจ
เกริกเอนหลังเล็กน้อย
วางมือประสานบนโต๊ะ
ก่อนเริ่มรายงานด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ตอนนี้บริษัทอิเล็กโตรโรบอทของเรา
ได้สร้างหุ่นยนต์ขนาดยักษ์รุ่นใหม่หลายตัวสำเร็จแล้ว”
เกริกเริ่มต้นด้วยเสียงทุ้มเรียบ
แต่แฝงด้วยพลังของคนที่รู้ว่าตนกำลังพูดสิ่งยิ่งใหญ่
ผู้บริหารบางคนพยักหน้า บางคนลอบยิ้ม
แต่ทุกสายตามองตรงไปยังเกริก…และลึก ๆ
ก็จับจ้องที่ธีร์ที่ยืนเด่นอยู่บนโต๊ะด้วย
“ตัวแรก…คือ สัตว์ประหลาดเนซซี”
เกริกเอ่ย
ภาพสามมิติของเนซซียักษ์ปรากฏบนจอด้านหลัง
ตัวสูงเทียบตึกสามชั้น สร้างจากโลหะสีดำเงา
“มันสามารถว่ายบนผืนน้ำได้จริง
ดำลงใต้น้ำได้ลึกกว่าสิบเมตร
และเคลื่อนตัวเหมือนสิ่งมีชีวิต”
เสียงฮือฮาเบา ๆ ดังจากผู้บริหารหญิงฝั่งซ้าย
เธอมองธีร์แล้วพูดเบา ๆ
“เหมาะกับเขามาก…โอรสสวรรค์กับสัตว์น้ำในตำนาน”
อีกคนพยักหน้า
“ภาพจะอลังการมากแน่ ๆ”
เกริกเลื่อนภาพ
จอแสดงหุ่นยนต์ลิงคิงคองขนาดใหญ่สีดำด้าน
กำยำ แข็งแรงเหมือนสัตว์ป่าแท้ ๆ
“ตัวต่อมา…คือ หุ่นยนต์คิงคองยักษ์
มันเดินได้ วิ่งได้
สามารถปีนต้นไม้ ปีนหน้าผา และกำแพงหินได้จริง”
เสียงผู้บริหารชายอีกคนดังขึ้น
“สุดยอด…ถ้าธีร์เข้าไปเล่นฉากในท้องของมัน คงตื่นเต้นน่าดู”
ผู้บริหารคนอื่นพยักหน้าตาม
บางคนตบมือเบา ๆ อย่างชื่นชม
ภาพเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ดูน่าหวาดหวั่นที่สุด
หุ่นยนต์แมงมุมยักษ์
มีแปดขาเหล็ก ขนาดเท่ารถบรรทุกสองคันรวมกัน
เกริกกล่าวเสียงเข้มขึ้น
“หุ่นยนต์ตัวนี้พ่นใยสังเคราะห์ได้จริง
ใยแข็งแรงกว่าสายเคเบิล
มันสามารถสร้างตารางเส้นใหญ่เพื่อดักจับมนุษย์ได้ตามการแสดง”
ผู้บริหารหญิงทางขวายิ้ม
“สมจริงมาก…คนดูต้องกรี๊ดลั่นแน่ ๆ”
อีกคนพูดตาม
“ธีร์อยู่ในฉากกับมัน คงทั้งน่ากลัวและน่าตื่นเต้น”
ธีร์ยืนนิ่ง
แม้จะไม่ใช่การล่วงละเมิดทางร่างกาย
แต่มันก็เหมือนเขาเป็น “ส่วนหนึ่งของโชว์” มากกว่ามนุษย์
จอเปลี่ยนอีกครั้ง
คราวนี้คือหุ่นยนต์ นกยักษ์เทอราโนดอน
ปีกกว้างเท่าเครื่องบินเล็ก
ดวงตาเป็นไฟสีฟ้า
คอแข็งแรง
และกรงเล็บยักษ์ดูคล้ายจับมนุษย์ได้จริง
“ตัวล่าสุด—ยังสร้างไม่เสร็จ
คือเทอราโนดอนยักษ์”
เกริกประกาศ
“มันสามารถบินขึ้นฟ้าได้
และไล่ล่าเหยื่อตามเส้นทางการแสดง”
ผู้บริหารชายคนหนึ่งยกมือปรบเบา ๆ
“โครงการระดับโลกเลยนะนี่”
ผู้บริหารหญิงหันไปมองธีร์
“และธีร์…คงจะเป็นดาราของเครื่องจักรพวกนี้ทั้งหมด”
อีกคนหัวเราะเบา ๆ
“ใช้เขาเป็นหัวใจของการแสดง…ถูกต้องแล้ว”
เกริกหันกลับมามองธีร์บนโต๊ะประชุม
ประกายตาของเขาคมกว่าตอนที่พูดเรื่องหุ่นยนต์เสียอีก
“หุ่นทุกตัว…ทุกระบบ…ทุกการแสดง
ออกแบบมาเพื่อให้ ธีร์
ลูกชายคนเดียวของพ่อ…”
เขาหยุด
เสียงในห้องเงียบสนิท
“สามารถ ‘เข้าไปอยู่ในโครงภายในของมันได้อย่างปลอดภัย’
เพื่อสร้างการแสดงที่สมจริงที่สุดในโลก”
ทุกคนในห้องเงียบ
เหมือนช็อตของกล้องที่หยุดนิ่งตรงใจกลางโต๊ะ
ที่ธีร์ยืนอยู่เป็นจุดศูนย์กลาง
ออร่าของเกริกในตอนนั้น
เหมือนกำลังประกาศอาณาจักร
และประกาศ “บทบาท” ของธีร์ในอาณาจักรนั้นอย่างชัดเจน
รถยนต์สีดำของเกริกแล่นเข้าไปในลานบ้านเงียบสนิท
แสงไฟอุ่น ๆ จากโถงทางเข้าทอขึ้นรอเหมือนคฤหาสน์กำลังหายใจอยู่เอง
ทันทีที่ประตูบ้านถูกเปิดออก
ธีร์ก้าวเข้ามาในห้องโถงแบบลังเลเล็กน้อย
แต่เกริกยังคงจูงมือเขาแน่น
เหมือนพ่อที่กำลังนำลูกชายเข้าคฤหาสน์ของตน
แล้ว—
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นหินอ่อนดัง “ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก”
ธีร์เงยหน้าขึ้น
และก็เห็นเธอ
หญิงสวมชุดราตรีสีดำสนิท
ปลายชุดไหลลากไปตามพื้นราวกับเงาของรัตติกาล
ผมยาวดำสนิทดุจเงาจันทร์คืนดับ
ดวงตาคมลึกเหมือนซ่อนพายุอยู่ด้านใน
ใบหน้าที่เขาไม่อาจลืมได้—
ราชินีแม่มด
หญิงคนเดียวกับที่เคยร่ายมนต์ใส่เขา
ทำให้ร่างของเขาหดเหลือตัวนิดเดียว
และวางเขาลงบนจานสีขาวอย่างเย็นชา
เธอก้าวเข้ามา
รอยยิ้มไม่ต่างจากตอนอยู่ในพิธีเวทมนตร์นั้นเลย
เป็นรอยยิ้มที่งดงาม…แต่คมเหมือนมีด
“ในที่สุด…เราก็เจอกันอีกครั้งนะลูกชาย”
ธีร์สะดุ้ง
หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา
ราชินีแม่มดเอียงศีรษะเล็กน้อย
มองเขาผ่านขนตายาวเหมือนกำลังวัดพลังของเขา
“เห็นแม่แล้ว…ทำไมไม่เรียกแม่ล่ะ?”
เสียงของเธอนุ่ม แต่มีแรงสะกดใจ
คล้ายเสียงที่เขาเคยได้ยินในพิธีกรรม
เสียงที่ทำให้สติของเขาเหมือนจะลื่นหลุดจากร่าง
ธีร์ไม่รู้จะตอบอย่างไร
เพราะในความทรงจำของเขา เธอไม่ใช่ “แม่”—
แต่คือผู้ที่เคยใช้เวทมนตร์บังคับเขา
จับเขาวางบนจาน
และส่งเขาเข้าสู่พิธีที่เขายังไม่เข้าใจทั้งหมด
เกริกเดินเข้ามายืนข้างเธอ
วางมือลงบนไหล่ของหญิงผู้นั้นอย่างภูมิใจ
“ธีร์” เขาพูดอย่างอ่อนโยน
“นี่คือแม่ของลูก…ภรรยาของพ่อเอง”
ธีร์เบิกตากว้าง
“ภรรยา…ของพ่อ?”
ราชินีแม่มดหัวเราะเบา ๆ
หัวเราะที่มีเสน่ห์แต่น่าขนลุกในเวลาเดียวกัน
“ใช่แล้วจ้ะลูก
แม่ของลูกคนนี้—”
เธอแตะหน้าอกตัวเองเบา ๆ
“—คือราชินีแห่งมนต์ดำ ผู้ที่ชีวิตแลกมาด้วยพลังหลายอย่าง
รวมถึง…ความสามารถในการมีลูกชายด้วย”
เธอเดินเข้ามาใกล้ธีร์
เข้าใกล้จนเขาต้องถอยหลังโดยไม่ตั้งใจ
แต่เกริกจับหลังเขาไว้เบา ๆ ไม่ให้ขยับไปไกล
ราชินีแม่มดมองธีร์อย่างลึก
ราวกับพยายามดึงความทรงจำของเขากลับขึ้นมา
“แม่รู้ว่าเราพบกันในพิธีนั้น…
แต่ครั้งนี้ต่างออกไปนะลูก”
เธอยื่นมือออกมาช้า ๆ
ราวกับกำลังทดสอบว่าเด็กชายตรงหน้า
จะยอมรับเธอในฐานะ “แม่” หรือไม่
“ตั้งแต่วันนี้…
เราคือครอบครัวเดียวกันจริง ๆ แล้ว”
ในห้องโถงใหญ่ที่เงียบสลับกับลมหายใจหนักของธีร์
มีเพียงเสียงคำพูดสุดท้ายของเธอที่ดังก้อง—
“ลูกของแม่…กลับมาอยู่ในฝ่ามือแม่อีกครั้งแล้ว”
✦ ฉากต่อ — มื้ออาหารของครอบครัว ✦ธีร์ยืนนิ่งไปชั่วครู่
ก่อนจะค่อย ๆ ก้มศีรษะลง
ยอมเอ่ยคำที่ราชินีแม่มดเฝ้ารอ
“…แม่”
ราชินีแม่มดยิ้มกว้างทันที
รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงใจและชัยชนะเงียบ ๆ
แววตาของเธอสว่างวาบเหมือนประกายเวทมนตร์
“ดีมาก…ลูกชายของแม่”
เธอก้าวเข้ามาใกล้อย่างสง่างาม
ชุดราตรีสีดำสะท้อนแสงไฟภายในบ้าน
เธอสวมกอดธีร์โดยไม่ลังเล
อ้อมแขนนั้นเย็นเล็กน้อย แต่มั่นคง
เหมือนอ้อมกอดของคนที่ “เลือก” ลูกด้วยตัวเอง
เมื่อผละออก เธอมองธีร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า
ไม่ใช่ด้วยสายตาทางกาย
แต่เป็นสายตาของผู้ประเมิน “โอรสสวรรค์” อย่างภาคภูมิใจ
“หล่อเหลาจริง ๆ…รูปร่างก็ดี
สมเป็นลูกชายในตระกูลนี้”
ธีร์กลืนน้ำลาย
ไม่รู้จะตอบอย่างไร
แต่ก็ยอมให้เธอจับมือได้โดยไม่ขัดขืน
ราชินีแม่มดจูงมือธีร์ไปยังห้องรับประทานอาหาร
โต๊ะยาวหรูหราประดับด้วยเทียนและภาชนะเงิน
เต็มไปด้วยอาหารนานาชนิดระดับราชสำนัก
เกริกนั่งรออยู่แล้ว
สีหน้าของเขานุ่มลงทันทีเมื่อเห็นภรรยาและธีร์เดินเข้ามา
ธีร์นั่งลงข้างราชินีแม่มด
โดยยังคงสวมเพียงผ้าเตี่ยวสีขาว
อันเป็นชุดประกอบพิธี–ชุดโอรสสวรรค์ที่ครอบครัวนี้ยอมรับ
ไม่ใช่เครื่องแต่งกายล่อแหลม
แต่เป็น “สัญลักษณ์” ที่ทั้งสองผัวเมียภูมิใจ
ราชินีแม่มดตักอาหารอย่างประณีต
เลื่อนช้อนไปตรงหน้าธีร์
“อ้าปากสิลูก”
ธีร์ลังเลนิดเดียว
แต่ก็ตอบสนองตามบทบาทโอรสในครอบครัวใหม่
เขารับคำแรก
ตามด้วยคำที่สอง
และคำที่สาม
ราชินีแม่มดมีสีหน้ายินดี
ราวกับกำลังเลี้ยงลูกชายแท้ ๆ ครั้งแรกในชีวิต
มือของเธออ่อนโยน
น้ำเสียงเปี่ยมความอบอุ่น
แต่ใต้รอยยิ้มนั้น…ยังมีบางอย่างเร้นลับที่อ่านไม่ออก
เกริกมองภาพนั้นด้วยสายตาเต็มไปด้วยความสุข
เหมือนโลกของเขาสมบูรณ์ในที่สุด
ภรรยาอยู่ข้างกาย
ลูกชายที่เฝ้ารอ ก็อยู่ตรงหน้า
ยอมฟัง
ยอมรับ
และอยู่ภายใต้การดูแลของครอบครัวนี้
บรรยากาศของโต๊ะอาหารดูอบอุ่น…
แต่แฝงด้วยพลังบางอย่าง
ทั้งเวทมนตร์ของราชินีแม่มด
และอำนาจทางโลกของเจ้าของบริษัทอิเล็กโตรโรบอท
ทั้งสองพ่อแม่มองธีร์เหมือนเป็น “หัวใจ”
ของพิธีกรรม
ของโชว์
ของตระกูล
และของอนาคตทั้งหมด
เกริกเอ่ยเสียงทุ้ม
“นี่แหละ… ครอบครัวของเรา”
ราชินีแม่มดพยักหน้า
แตะหลังมือธีร์อย่างแผ่วเบา
“ต่อจากนี้…แม่จะดูแลลูกเอง”
ธีร์นั่งเงียบ
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ทั้งอบอุ่น ทั้งหวาดหวั่นปนกันไปหมด
เขารู้เพียงว่า—
ชีวิตของเขา
กำลังถูกผูกเข้าในเส้นด้ายลึกลับของครอบครัวนี้อย่างสมบูรณ์
หลังมื้อค่ำเต็มไปด้วยอาหารหรูและสายตาจับจ้องของทั้ง “พ่อ” และ “แม่” บุญธรรม
ธีร์รู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงเข้าสู่พิธีกรรมที่มองไม่เห็น
เป็นพิธีกรรมของบ้านหลังนี้…ของครอบครัวใหม่…ที่ไม่มีใครบอกกติกาที่แท้จริง
เมื่ออาหารคำสุดท้ายหมดไป
ราชินีแม่มดยิ้มอ่อน แววตาลึกล้ำเหมือนกำลังอ่านความกลัวในใจของธีร์
เกริกวางผ้าเช็ดปากลงบนจาน
และยืนขึ้นโดยไม่พูดอะไร
เขาเอื้อมมือมาจับมือธีร์อีกครั้ง
จับแน่น…แต่ไม่เจ็บ
เป็นการจับที่บอกว่า
“คืนนี้…ลูกต้องไปกับพ่อ”
ราชินีแม่มดยืนขึ้นตาม
แต่เธอไม่เดินไปด้วย
เธอเพียงยืนมอง…ด้วยรอยยิ้มพึงใจ
เหมือนแม่ที่ฝากลูกไว้ในพิธีสำคัญของครอบครัว
“ไปเถอะลูก”
น้ำเสียงเกริกเรียบ นุ่ม แต่หนักแน่นจนขัดไม่ได้
ธีร์ไม่รู้แม้กระทั่งว่าควรตอบว่าอะไร
เขาทำได้เพียงเดินตามมือที่จูงเขาไป
ผ่านโถงทางเดินยาวที่ประดับด้วยตะเกียงไฟโบราณ
แสงสว่างสีส้มอุ่น
แต่บรรยากาศกลับเย็นยะเยือกเหมือนกำลังจะพาเขาไปสู่ห้องพิพากษา
เกริกพาขึ้นบันไดวนจนถึงชั้นบนสุดของคฤหาสน์—
ชั้นที่ไม่มีคนใช้
ไม่มีเสียง
ไม่มีแม้แต่ลมพัด
สุดปลายโถงคือประตูบานใหญ่สีดำสนิท
ประตูห้องนอนของเกริก
เมื่อประตูเปิดออก
เสียงเหล็กเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านใน
ธีร์รู้จักเสียงนี้ดี…
เสียง กรงนกยักษ์ ที่แกว่งเบา ๆ ตามแรงลมในห้อง
เกริกก้าวเข้าไปก่อน
ดึงธีร์ตามเข้าไปในห้องอันกว้างที่เต็มไปด้วยเงา
แสงไฟสลัวส่องไปยังวัตถุขนาดยักษ์ที่แขวนลงจากเพดาน
กรงนกสีดำ
ใหญ่จนสามารถขังคนได้หลายคน
ตั้งแกว่งเบา ๆ เหมือนรอเขาอยู่
ธีร์หยุดก้าว
หัวใจเต้นแรงจนได้ยินในหูของตัวเอง
เกริกหันกลับมามอง
แววตาอ่อนโยน…แต่แฝงพลังอำนาจที่ทำให้ธีร์ไม่กล้าขัด
“ลูกไม่ต้องกลัว”
เสียงของเขานุ่มมาก
แต่ไม่มีทางให้ปฏิเสธ
เขาจับไหล่ของธีร์เบา ๆ
“กรงนี้…พ่อทำขึ้นเพื่อปกป้องลูก
คืนนี้เป็นคืนแรกที่ลูกจะอยู่ที่นี่
ในบ้านของพ่อ
ภายใต้การดูแลของพ่ออย่างแท้จริง”
กรงนกค่อย ๆ หยุดแกว่ง
เหมือนกำลังรอให้เจ้าของคนใหม่ก้าวเข้าไป
ธีร์รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
ไม่ใช่เพราะหนาว
แต่เพราะความจริงกำลังปิดทางหนีช้า ๆ เหมือนประตูเหล็ก
เกริกเดินไปเปิดประตูกรงนก
เสียงเหล็กขยับดัง “ควรน…”
สะท้อนทั่วห้อง
“คืนนี้…ลูกพักที่นี่”
เกริกพูดด้วยเสียงของผู้ประกาศกฎ
ไม่ใช่คำขอ
ไม่ใช่คำถาม
แต่น้ำเสียงอ่อนโยนจนทำให้รู้สึกยิ่งกว่าถูกขัง
เขาหันมามองธีร์ตรง ๆ
“ลูกคือคนของพ่อ
และที่นี่…คือที่ของลูก”
ประตูกรงเปิดกว้างรอ
เงาดำภายในเหมือนกล่องปิดล้อมความลับทั้งหลาย
และค่ำคืนแรกของธีร์ในบ้านนี้
กำลังจะเริ่มขึ้น
คืนนั้นท้องฟ้าสีหม่นสนิท
ลมพัดเอื่อยพาเสียงใบไม้ไหวลอดเข้ามาทางหน้าต่างชั้นบนสุดของคฤหาสน์
แสงโคมไฟคริสตัลสลัวทั่วห้องนอนขนาดใหญ่ของเกริก
ทำให้ทุกอย่างดูเงียบงันและน่าอึดอัดอย่างประหลาด
กรงนกเหล็กสีดำสนิทที่แขวนอยู่ใกล้เตียงใหญ่
แกว่งเบา ๆ ตามแรงลมภายในห้อง
เป็นเงาดำขนาดมหึมาที่ทาบทับบนผนังห้อง
เหมือนเครื่องหมายของการเป็น “ทรัพย์สิน” อย่างหนึ่งของบ้านนี้
ภายในกรง
ธีร์—ในชุด ผ้าเตี่ยวสีขาวแบบเครื่องแต่งกายโอรสสวรรค์บนเวที
ซึ่งเป็นเพียงเสื้อผ้าเดียวที่เขามีในตอนที่ถูกพามา—
นอนซุกอยู่บนผ้านวมสีขาวสะอาดที่ปูรองไว้ให้
เพื่อไม่ให้พื้นเหล็กแข็งกระด้างจนเกินไป
เขาห่มผ้านวมช้า ๆ
กลั้นลมหายใจเมื่อได้ยินเสียงกรงเสียดสลิงเบา ๆ
ความเงียบของห้องทำให้ทุกเสียงดังขึ้น
แม้แต่การเต้นของหัวใจในอกของเขาเอง
ด้านนอกกรง
เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
คือเตียงของเกริก
เจ้าของคฤหาสน์—และผู้ที่เรียกตัวเองว่าพ่อของธีร์—
กำลังนอนอยู่บนเตียงใหญ่
หันหน้าเข้าหากรง
เหมือนกำลังเฝ้า
แม้ดวงตาจะหลับ
แต่ลมหายใจสม่ำเสมอนั้นบอกชัดว่าเขารับรู้ถึงทุกการเคลื่อนไหวของธีร์
แสงไฟอ่อนตกกระทบใบหน้าของเกริก
เผยให้เห็นสีหน้านิ่งสงบ
แต่แฝงความครอบครองบางอย่างที่ไม่เคยคลายแม้แต่วินาทีเดียว
ธีร์มองลงมาจากสันกรง
เห็นเงาของเกริกทอดยาวบนพื้นห้อง
และเงานั้นเหมือนวนห่อหุ้มกรงไว้ทั้งหมด
ในความเงียบ
ธีร์กระชับผ้านวม
พยายามบอกตัวเองว่า
นี่คือห้องปลอดภัยอย่างที่เกริกบอก…
พ่อคงแค่ต้องการให้ฉันอยู่ใกล้ ๆ
แต่ความจริงในอกกลับไม่สงบเลย
เขารู้สึกเหมือนกำลังนอนอยู่ในโลกของใครบางคน
ไม่ใช่บ้านของตัวเอง
ไม่ใช่ห้องของตัวเอง
และไม่ใช่สถานที่ที่เขาจะเลือกอยู่
ดวงตาของธีร์ค่อย ๆ ปิดลง
ด้วยความเหนื่อยล้าทั้งจากร่างกายและความสับสนในใจ
เสียงสลิงกรงที่ไหวเบา ๆ
ผสมกับเสียงลมหายใจของเกริกซึ่งอยู่ใกล้จนได้ยินชัด
ทำให้คืนนี้กลายเป็นคืนที่ทั้งอบอุ่น…และอึดอัดในเวลาเดียวกัน
เป็นค่ำคืนแรกในคฤหาสน์
ที่ธีร์ตระหนักว่า
ตั้งแต่นี้ไป
ชีวิตของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกเลย
รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม
กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง
หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ
©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก
ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ
GMT+7, 2025-11-17 01:11 , Processed in 0.094300 second(s), 16 queries .
Powered by Discuz! X3.5, Rev.8
© 2001-2025 Discuz! Team.