บันทึกของนนท์11
บันทึกของนนท์11“นัทแค่ขับรถไปให้พี่ละกัน...นัทไม่ต้องไปเจอผู้หญิงคนนั้น...เพราะพี่คงคุยกับผู้หญิงคนนั้นไม่นาน...”
ก่อนถึงเวลาที่จะเจอผู้หญิงคนนั้น...นนท์ชวนนัทแวะหาอะไรทานกันก่อน...เพราะยังไม่ได้ทานอะไรกันออกมาเลยหลังจากที่สมสู่กันมาเมื่อตอนเที่ยง..วันนี้นนท์กลับมามีความสุขเหมือนเดิม...นนท์หวลคิดถึงคำพูดที่เขาบอกกันว่า
“แก้วที่มันร้าว...ยังไงก็ไม่มีวันที่จะกลับมาเหมือนเดิม...”
แต่นนท์ไม่ได้คิดว่าแก้วนั้นยังร้าวอยู่...แต่ทั้งเขาและนัทกลับช่วยกันทุบแก้วนั้นให้แตก...แล้วมาถือแก้วใบใหม่ที่สดใสกว่าเดิม...เสียงดังกังวาลกว่าเดิม...ราวกับแก้วคริสตัลราคาแพงก็ไม่ปาน...แต่ตอนนั้นนนท์ก็ไม่ได้เฉลียวใจเลยสักน้อยว่า แก้วใบนั้นที่ถือกันใหม่ในวันนี้นั้น มันจะแตกร้าวอีกหรือว่ามันจะยังคงเป็นเช่นเดิม
ทั้งคู่ก้าวเท้าเข้าไปนั่งในร้านอาหารญี่ปุ่น...ที่ทั้งนัทและนนท์ชอบมาก...เพราะทั้งคู่มีอาหารที่ชอบเหมือนกัน...นั่นคือ ปลาดิบ... และต้องใส่วาซาบิเยอะ ๆ เพื่อให้มันจี๊ดขึ้นจมูก...ทั้งสองคนนั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย...ก็ใกล้ถึงเวลาที่นนท์นัดผู้หญิงคนนั้น...นนท์จึงเอ่ยขึ้นกับนัท
“นัท...พี่ว่านัทนั่งรออยู่ที่ร้านนี่แหละ...หรือถ้าพี่ไปนาน...นัทเรียกเก็บเงินเลย..แล้วไปรอพี่ที่รถละกันนะ...เสร็จแล้วพี่จะเดินกลับมาดูนัทว่ายังอยู่ที่ร้านมั้ย..ถ้าไม่อยู่แสดงว่านัทออกไปรอพี่ที่รถแล้วนะ...กุญแจรถอยู่ที่นัทนะ”
นนท์พูดไปมือก็คลำกระเป๋าที่สะพายมาเพื่อหากุญแจรถ เพราะตามปกติเขาขับรถก็จะเอากุญแจรถโยนใส่ในกระเป๋าสะพายใบเก่งที่มีแทบทุกอย่างในนั้น
“คับ...เอาอย่างนั้นก็ได้”
นัทมองนนท์ด้วยแววตาที่อยากจะบอกขอบคุณ ดวงตาของชายหนุ่มเริ่มแดงเหมือนกับจะร้องได้ออก
“เอาน่า..พี่รู้..พี่กับนัทเป็นคน ๆ เดียวกันนะ...แค่พี่มองตานัทพี่ก็รู้ว่านัทจะพูดอะไร...ไม่ต้องพูด....ไม่ว่ายังไง...จะเกิดไรขึ้นพี่ก็ยังรักนัทมาตลอด…2ปีแล้วนะที่เราอยู่ด้วยกัน มันมีทั้งสุขและทุกข์ ทุกข์ก็กำลังจะผ่านไป...”
กล่าวเสร็จนนท์ก็เดินออกไปจากร้านอาหารญี่ปุ่นเพื่อเดินไปยังร้าน...ที่เขานัดกับผู้หญิงคนนั้นไว้...เมื่อเขาไปถึงผู้หญิงคนนั้นยังไม่มา...นนท์จึงเดินไปซื้อเครื่องดื่มมาเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดที่มาอาศัยนั่งร้านเขา...แต่ไม่ซื้ออะไรทานเลย....นนท์นั่งสักก็เห็นหญิงสาวใส่ชุดนักศึกษาเดินเข้ามา...นนท์มองหญิงสาวคนนั้น..อย่างละเอียด...นึกไม่ถึงว่านัท..เอาผู้หญิงคนนี้เข้าไปได้ยังไง...หน้าตาก็ไม่สวย...ผิวดำ...แถมยังมีหน้าท้องดูอวบอ้วนอีก...ดูน่าขยะแขยงเต็มทน
นนท์นึกในใจว่า...นี่มันกระหรี่บ้านนอกแท้ ๆ พอเข้ามาเมืองกรุง..ใส่ชุดสวยชุดงาม...ใส่ชุดนักศึกษาเข้าหน่อยก็ตีค่าราคา เพิ่มมูลค่าราคาค่าตัวของตัวเอง...แล้วก็ลืมกำพืดตัวเองว่าเป็นคนบ้านนอก...นนท์มองแล้วยังเปรียบเทียบกับหญิงขายบริการที่พัทยาว่าพวกนั้นยังสวยกว่านักศึกษาหญิงคนนี้ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...ถึงผู้หญิงพวกนั้นจะมาจากต่างจังหวัด บ้านนอกเหมือนกัน...แต่คนพวกนั้นก็ไม่ทำอะไรที่เป็นการดูหมิ่นดูถูกตัวเอง...รวมทั้งชุดนักศึกษาของสถาบันที่เรียนที่เอามาสวมใส่เหมือนนักศึกษาหญิงคนนี้ที่เอาชุดนักศึกษาสถาบันมีชื่อมาสวมใส่เพื่อยกระดับตัวเอง....เพื่อตีมูลค่าของตัวเองให้สูงขึ้น แต่มันสมองกลับไม่ทำงาน กลับไม่ใส่และเพิ่มพูนด้วยความรู้ คุณธรรม และยางอาย
หญิงสาวเดินมาที่โต๊ะนนท์ เอ่ยถามว่า
“ใช่พี่นนท์...หรือป่าว...”
“ใช่” นนท์ตอบ หญิงสาวแทนที่จะยกมือไหว้นนท์ แต่กลับนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามนนท์
“ขอโทษ...มีมรรยาทหรือป่าว ยังไม่อนุญาตให้นั่งยังกล้านั่งลงมาอีก...ที่มหาลัยไม่สอนมรรยาทเลยเหรอ”
นนท์พูดออกไปโดยไม่มองหน้าหญิงคนนั้น
“มีอะไรจะพูดกะหนู...ถึงนัดให้หนูมาเจอ...แล้วนัทละไม่มาหรือ”
นนท์เริ่มมีอารมณ์กับคำพูดห้วน ๆ และความไร้มรรยาทที่ส่อถึงสกุลรุนช่องของหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแต่ก็พยายามข่มความรู้สึกของตัวเองไว้ แล้วกล่าวออกมาด้วยเสียงเรียบ ๆ
“อ่อ..มีซิ...คุณใช่หรือป่าวที่ไปนอนกับนัทมา...ถามจริง ๆ นะ นี่เธอรู้จักคำว่า กุลสตรีไทยมั้ยว่า.....ต้องทำตัวอย่างไร ที่สะกดด้วย ล.ลิงนะ ไม่ใช่ น.หนู ที่มันแปลแล้วเหมือนรูปร่างของเธอ”
หญิงคนนั้นจ้องตานนท์ เหมือนโกรธแค้นมานานนับปี...ทั้ง ๆ ที่แย่งคนรักของนนท์ไปนานร่วม 6 เดือน...นนท์คิดในใจว่าจะต้องทำทุกอย่างวันนี้ให้จบให้ได้
“อีกอย่างนะ...ได้ข่าวว่าเรียนทางสายบริหารธุรกิจ...รู้จักคำว่า trade มั้ย หวังว่าเธอคงรู้นะ เพราะเรียนมาทางนี้ไม่ใช่เหรอ...แต่จะมาทำเป็นชุบมือเปิบ..ไม่ลงทุนอะไรเลยเหรอ...เธอเลี้ยงเขาไหวมั้ย...เธอก็ยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่ไม่ใช่เหรอ...หวังว่าเธอคงไม่ได้แบมือขอเงินนัทด้วยนะ”
หญิงสาวคนนั้นลอยหน้าลอยตาตอบนนท์
“ก็เวลาเจอนัท..ก็ขอนัทใช้เหมือนกัน”
โอ้ยยยย...นนท์แทบอยากจะลุกขึ้นตบหน้าสักฉาด...กับคำตอบที่มันตอบมา อารมณ์ของนนท์เริ่มเดือดขึ้นปุด ปุด...นนท์นั่งนับ 1 – 10 ในใจเพื่อให้อารมณ์ของตัวเองที่กำลังเดือดพล่านลดดีกรีลง ...แต่คิดไปแล้ว ตบไปก็เสียมือ เสียเกียรติตัวเองเสียเปล่า ๆ นนท์กล่าวต่อกับหญิงที่นั่งตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ดังกังวาล และคงไว้ซึ่งอำนาจที่เหนือกว่า เจตนาเพื่อให้ทุกคนในร้านได้ยิน
“เธอนี่เป็นผู้หญิงสิ้นคิดจริง ๆ นะ...ผู้หญิงที่ไหนกันที่เที่ยวมาแย่งผัวกระเทย เธอไม่อายคนอื่นบ้างเหรอ”
.....นนท์พูดเสียงดังขึ้น เหมือนต้องการประจานหญิงสาวไร้สมองคนนี้ให้ทุกคนในร้านได้รู้ และก็ได้ผล...ทุกคนในร้านหันมาตามเสียงที่นนท์พูดออกมา..และก็มองจ้องไปที่หญิงร่านซ่านสวาทคนนั้น
“ใช่ซิค่ะ...หนูสู้พี่ไม่ได้ ไม่มีอะไรสู้พี่ได้...หนูเลี้ยงเขาไม่ได้หรอก”
น่านอีนังนี่...นนท์นึกในใจ...มันยังไม่สลดอีก...คราวนี้นนท์เริ่มงัดเอาคำพูดที่เพื่อน ๆ พยายามคิดและหาคำตอบให้ว่า ถ้าผู้หญิงนี่มันพูดมันตอบอะไรมาจะดักทางมันยังไง เพราะเพื่อนทุกคนรู้ว่าคนที่ไม่ทะเลาะกับใครอย่างนนท์ คงไม่ทันผู้หญิงไวไฟแบบนี้แน่ๆ
“อ๋อ....เธอไม่มีอะไรจะมาเทียบสู้กับชั้นได้หรอก....ต่อให้เธอกลับไปเกิดมาใหม่อีกกี่ชาติ....ไม่ว่ารูปร่างหน้าตา ทรัพย์สมบัติ ชาติตระกูล รวมทั้งมันสมอง.....เธอก็สู้ชั้นไม่ได้หรอก...ถ้าไปแย่งผัวผู้หญิงด้วยกันมันยังพอให้อภัย...แต่นี่เป็นผู้หญิงกลับมาแย่งผัวกระเทย...หน้าเธอไม่มียางเลยเหรอ...
นนท์คิดว่าคำพูดที่ย้อนกลับไปนั้น จะไม่ให้หลุดคำหยาบออกมาเลย เพราะคนทั้งร้านกำลังมองมาที่โต๊ะของเขา...ส่วนหญิงสาวเริ่มน้ำตาไหล..นนท์ไม่รู้ว่าอีนี่เสแสร้งมารยาหรือยังไง...แต่นนท์ก็เริ่มลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินออกจากร้าน ก่อนเดินออกไปก็ยืนพูดกับหญิงเลวคนนั้น
“เอาน้ำตามาเรียกคะแนนสงสารจากใครเหรอ...ทั้งร้านเขารู้แล้วว่าเธอแย่งผัวกระเทย...เธอนี่ก็เก่งนะ...ขอปรบมือให้เลย..ที่ยังทนให้คนเขามองเธอ…น่าสมเพท”
ว่าแล้วนนท์ก็ปรบมืออย่างเสียงดังต่อหน้าหญิงคนนั้น จากช้า ๆ ไปเร็วจนรัว...เสียงตบมือไม่ใช่ดังแค่ต่อหน้าหญิงคนนั้น แต่ดังทั้งร้าน เพราะความเงียบงันของคนในร้านเงียบมาตั้งแต่ประโยคที่นนท์เริ่มพูดเสียงดังแต่ไม่กระโชกโฮกฮาก...ไม่มีอารมณ์โกรธแค้นเจือปน...จนคนที่ได้ยินจะรู้สึกว่า...น่าเกลียด หรือก้าวร้าวหรือเป็นอันธพาล แล้วนนท์ก็ทิ้งทวนด้วยคำพูดประโยคสุดท้ายก่อนเดินออกจากร้านไป
“หวังว่าต่อจากนี้ไป...เธอคงจะเลิกติดต่อและคิดแย่งแฟนฉันละ...ออกไปจากชีวิตของเราเถอะ”
นนท์ไม่สนใจว่าหญิงสาวคนนั้นจะทำอย่างไร...จะนั่งร้องไห้ต่อไป หรือจะลุกขึ้นวีนแตกใส่คนอื่นในร้าน..หรือจะลุกขึ้นมาแก้ตัวว่าไม่ใช่อย่างที่นนท์กล่าวหา...แต่ที่แน่ ๆ ถ้ามันมียางอาย มันคงอยากแทรกแผ่นดินหนีหายไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วแน่ ๆ..จากปฏิกิริยาที่คนทั้งร้านนั้นเงียบและหันมามอง ซึ่งตอนแรกคงหันมามองนนท์ เจ้าของเสียงนั้น แต่เมื่อนนท์พูดออกไปแล้วสายตาทุกคู่ก็คงหันไปจ้องจับมองหญิงอัปลักษณ์คนนั้น...
แต่นนท์เชื่อว่าคนที่เห็นจะต้องเชื่อว่าสิ่งที่นนท์พูดเป็นความจริง...เพราะคงไม่มีใครดูกิริยาท่าทางของผู้หญิงที่ร่านหาผู้ชายไม่ออก...อ่อ..อีกอย่างที่นนท์สังเกตเห็น...ผู้หญิงบ้าอะไรว่ะ ผิวตัวดำ ยังทาปากสีแดง เป็นอีกาคาบพริก อีก...ดูแค่นี้ก็ไม่มีรสนิยมซะแล้ว...นนท์เคยคิดที่จะไปเรียนทำผมแต่งหน้า ถึงประเทศฝรั่งเศส..เพราะตอนเด็กนนท์ชอบทางด้านนี้...แต่ในเมื่อไม่ได้ไปเรียน...นนท์จึงศึกษาเอง...ฝึกทำผมแต่งหน้าเอง โดยเอาคนรับใช้ที่บ้านเป็นหุ่นทดลอง.....ความคิดสุดท้ายก่อนที่นนท์จะสลัดความคิดทั้งหมดออกไปจากหัวสมอง ก็คือ..
”โธ่..อีนี่มันก็แค่ผู้หญิงชั้นต่ำ...กรูลดตัวลงมาพูดก็เพื่อนัท...พอละไม่คิดอีกแล้ว...ฉันจะกลับบ้านไปพร้อมกับนัทเพื่อเริ่มต้นกันใหม่ที่ดีกว่า สมบูรณ์กว่าที่ผ่านมา...”
นนท์เดินออกมาอย่างผู้กำชัยชนะ .... แต่ไม่ได้เฉลียวใจอีกเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่ในชีวิตคู่ของเขา....
จบตอนที่ 11
ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับผม{:5_130:} ขอบคุณครับ ดราม่ามาก {:5_135:}
ขอบคุณมากครับ...ยาวๆ{:5_120:} ขอบคุณครับ ขอบคุณ แรว๊ง ^^555 ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ สนุกมากครับ ขอบคุณมากครับ{:5_124:}{:5_124:} ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ{:5_118:}
หน้า:
[1]
2