kabuki โพสต์ 2016-2-26 16:51:48

"เมื่อผมเจอพญาครุฑ!!!" copy งานของคุณ MAKI จากบอร์ดPalm-Plaza ครับ ตอนที่ 34





ผมเดินอยู่แถวที่พัก ทุกคนหลับกันไปหมดแล้วเหลือแต่กองไฟสว่างไสวที่ไหวเอนไปมาด้วยแรงลม ผู้ชายตรงหน้าผมเดินใกล้เข้ามา เขาดูมีท่าทีกังวลใจมาก “ผมเป็นห่วงคุณจนนั่งอยู่เฉยๆไม่ได้ป่านี้มีอันตรายรอบตัวเต็มไปหมด ผมอยากจะพาคุณหนีไปจากที่นี่ แต่ก็ทำไม่ได้”เสียงเศร้าของคุณภุชงค์ดังเข้ามาผมยืนมองเขาแล้วก็เดินเข้าไปใกล้ๆ“ขอบคุณที่ช่วยผมแต่ถ้าคุณอยากทำให้ผมสบายใจ คุณช่วยบอกผมหน่อยได้มั้ยว่าคุณเวณวัฒน์เป็นยังไงบ้าง” ผมถาม“คุณเป็นห่วงเขามากหรือ?”“ห่วงมาก”“ถ้าผมเจอแบบนี้บ้างคุณจะห่วงผมเหมือนที่ห่วงเขาหรือเปล่า?”“ผมห่วงทุกคนที่ผมรัก” ผมตอบ“ผมหมายถึงสถานะพิเศษที่มีเพียงตำแหน่งเดียว”“ผมรักเขาคนเดียวเพราะชาตินี้เราเกิดมาคู่กันคุณเข้าใจเรื่องพวกนี้ดีกว่าผม”“ผมเข้าใจแต่ผมก็ทำใจไม่ได้ซักทีผมน่าจะปล่อยให้เขาอยู่ในสภาพนี้แล้วผมก็เปลี่ยนความทรงจำของคุณ เราสองคนจะได้รักกันเหมือนเมื่ออดีต” เสียงพูดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเศร้าดังออกมาจากปากชายที่อยู่ตรงหน้าผม “คุณไม่ทำหรอกผมรู้ คุณเป็นคนดี”“ผมไม่ใช่คนดีชาติก่อนหน้านี้ ผมทำให้คุณตาย ผมจะไม่มีวันทำร้ายคุณอีกแล้วถ้าผมปล่อยให้ครุฑอยู่ในสภาพถูกจองจำ คุณก็จะไม่มีความสุขผมทนเห็นคุณอยู่ในสภาพนั้นไม่ได้”“คุณมีมากกว่าความรักคุณเสียสละให้ผม”“ทั้งที่ผมไม่เต็มใจทำมันเลย” เขายิ้มทั้งน้ำตาขณะตอบผมน้ำตาหยดเล็กๆ ตกลงมาบนพื้น กลายเป็นหินสีเขียวสดใส“ผู้ชายต้องไม่ร้องไห้” ผมยื่นมือเข้าไปเพื่อจะแตะไหล่เขาแต่เขาถอยหนีไปหนึ่งก้าว“ผมเสียน้ำตาให้คุณแค่คนเดียวผมยอมคุณแค่คนเดียวเท่านั้น”เขาตอบ“ขอบคุณครับ”“แต่ผมไม่อาจฝืนชะตาไปได้ผมเข้าไปช่วยคุณโดยตรงไม่ได้ คุณต้องทำหลายอย่างด้วยตัวเอง”“ผมจะทำ” ผมตอบรับ“สัญญากับผมได้มั้ยถ้าคุณมีอันตรายถึงตัว คุณจะปล่อยให้เรื่องมันเดินไปตามทาง คุณจะต้องไม่เอาชีวิตไปทิ้ง...เพื่อเขา”“ผม...”“สัญญาสิ” “ผมสัญญา”“ผมจะพยายามช่วยคุณพอคุณตื่น จะมีผู้นำทางรออยู่ ให้คุณออกเดินทางตามผู้นำทาง เขาจะพาคุณไปหาครุฑ”“ผมจะช่วยครุฑได้ยังไง?”“เขาถูกต้นไม้รัดต้นไม้นี้เป็นต้นไม้ปีศาจ บรรพบุรุษผู้สร้างเมืองนี้ได้เมล็ดมันมาจากมหาเทพพวกเขาเอามันมาปลูกมันงอกงามทำหน้าที่กำจัดคนแปลกถิ่นตามที่มีคนท่องบทบูชาเพื่อทำลาย”“แล้วผมจะทำลายต้นไม้นั้นได้ยังไง?”“ใต้ภูเขาจะมีวิหารใหญ่ใต้วิหารนี้จะมีต้นไม้ปีศาจ คุณต้องหาบ่อน้ำกรดศักดิ์สิทธิ์ต้องใช้ขันน้ำทองคำลงอักขระไปตัก น้ำกรดถึงจะขึ้นมาได้หากใช้อย่างอื่นมันจะกัดจนทุกอย่างผุกร่อนคุณต้องเอาน้ำกรดไปรดรากของต้นไม้นั้นมันถึงจะตายแล้วปล่อยครุฑออกมา”“แล้วตอนนี้ครุฑเป็นยังไงบ้าง?” “ครุฑเป็นอมตะเขาไม่มีวันตาย” คุณภุชงค์ตอบไฟสีส้มวูบวาบส่องกระทบร่างสีเข้มของเขาไปมา“ถ้าผมช่วยเขาไม่ได้ล่ะ?” ผมถามสิ่งที่ไม่น่าถามขึ้นมา“เขาก็จะถูกจองจำใต้ภูเขาไฟไปตลอดกาลไม่ตาย แต่ก็ไปไหนไม่ได้”“ผมควรจะรีบตื่นไปช่วยเขา” ผมหันไปมองคุณภุงชงค์ด้วยสายตาแสดงความขอบคุณ“คุณจะไม่เดือดร้อนเพราะผมใช่มั้ย?” ผมถามต่อ“คิดว่าไม่ผมทำเท่าที่จะทำได้ นอกเหนือจากนี้ไป ก็เป็นเรื่องของเวรกรรมระหว่างเขากับคุณลาก่อน ขอให้โชคดี”“ขอบคุณครับ” ร่างบุรุษในอาภรณ์สวยงามนั้นเลือนหายไปผมตื่นขึ้นมาข้างๆนกน้อย แสงไฟสว่างลุกโชนจากกองไฟ พี่เป้ พี่เอกหลับสนิทนกน้อยหลับตานิ่งผมเขียนจดหมายเหน็บไว้บนฝาหม้อสนาม เผื่อทั้งสามคนตื่นขึ้นมาจะได้รู้ว่าผมไปไหนผมหยิบไฟฉายและกระเป๋าเดินทางขึ้นมาในใจนึกสงสารเพื่อนที่ผมหายไป แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือก ผมก็จำเป็นต้องทำ ผมเดินออกมาข้างนอกลานรอดูสัญญานจากผู้นำทางตามที่คุณภุชงค์พูดเอาไว้งูสีเขียวขนาดใหญ่เลื้อยเข้ามาใกล้ๆ มันมีตาสีแดงทับทิมผมมองมันอยู่ไม่นานก็เห็นงูบิดเป็นเกลียว มันพุ่งและม้วนตัวเป็นไอสีเข้มร่างของคนปรากฏขึ้นตรงหน้าผมเป็นผู้หญิงผิวเข้มเหมือนสีเปลือกไม้ เธอคำนับผมแล้วก็กลายร่างเป็นงูอีกครั้งงูใหญ่เลื้อยไปตามทาง เป็นหินบ้าง เป็นดินบ้าง ผมเร่งฝีเท้าตามหลังงูไปเรื่อยๆเวลาตีสี่ ท้องฟ้ายังมืดสนิทเราเดินทางกันไปได้ซักพักเสียงปีกของนกก็บินตัดอากาศเข้ามา นกเค้าแมวสีเทาแต้มขาวบินลงมาที่ไหล่ของผมงูใหญ่หยุดเลื้อยแล้วชูคอขึ้นขู่นกลิ้นสองแฉกตวัดไปมาพร้อมกับส่วนบนของงูที่โคลงไปมาเหมือนพร้อมโจมตีนกไปต่อเถอะ ไม่มีอะไรหรอก” ผมเตือนงูให้ออกเดินทางต่อไปดูเหมือนนกตัวนี้เข้ามาทักทายผมเฉยๆ เท่านั้นงูออกเลื้อยต่อไป ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินกลับเข้ามาใกล้ฐานของภูเขาไฟอีกครั้งงูหาทางเลื้อยลงไปในถ้ำที่ผมต้องหย่อนเท้าลงไปในมือของผมมีไฟฉายท่อนเล็ก แสงสว่างส่องขึ้นทางเดินขรุขระปรากฏตลอดแนว งูแทบไม่ต้องอาศัยแสงสว่างเลยมันเลื้อยผ่านความมืดมิดของนครบาดาลไปได้อย่างคล่องแคล่วนกเค้าแมวตัวเดิมยังเกาะติดผมลงมาถึงชั้นล่างของถ้ำงูนำผมเดินวกวนอยู่ในด้านในจนทะลุเข้ามาถึงลานแห้งๆที่มีอากาศถ่ายเทลานนี้เป็นลานใต้ภูเขาไม่ใช่ลานหินที่ผมหนีลาวามาเมื่อช่วงเย็นงูหยุดเลื้อยมันกลายร่างเป็นผู้หญิงแล้วก็คำนับผมอีกครั้ง “ขอให้ท่านรออยู่ตรงนี้จนถึงรุ่งเช้าจะพบสมาชิกเพิ่ม หมดหน้าที่ข้าแล้ว ลาก่อน” งูเลื้อยออกไปตามทางของมันผมพูดขอบคุณตามหลังงูไปตอนนี้ เพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของผมก็คือนกเค้าแมวมันหลับตาพริ้มขณะยืนโอนเอนอยู่บนไหล่ของผม ซักพักมันก็ลืมตาโตๆขึ้นมาแล้วมันก็บินไปรอบๆเสียงปีกนกบินออกไปทางช่องลมด้านบนแล้วมันคงออกไปหาหนูหรือเหยื่อของมัน ผมหาลานโล่งพอที่ตัวเองจะพักได้แต่เมื่อคิดขึ้นมาแล้วผมควรจะนอนบนที่ที่สูงกว่านี้เผื่อมีน้ำหรือสัตว์ร้ายเข้ามา ผมจะได้ปลอดภัย ผมปีนขึ้นไปนอนบนลานหินสูงจากพื้นหลายเมตรผมแค่ขึ้นไปรอให้เช้า ไม่ได้ขึ้นไปนอน คงไม่ต้องอาศัยพื้นที่มากมายนัก ผมคิดว่า แค่พอมีพื้นที่ขยับขาแค่นั้นก็คงพอ ผมหลับตาแล้วเอนหลังพิงผนังแข็งๆพยายามทำตัวให้เข้มแข็งแล้วก็คิดในแง่ดีว่าคุณเวณวัฒน์จะต้องไม่เป็นอะไรผมจะต้องช่วยเขาออกมาจากต้นไม้นั้นได้แน่ ผมพักสายตาไปนานแต่หูและประสาทสัมผัสก็ยังทำงานอยู่ เสียงเหยียบใบไม้แห้งดังใกล้เข้ามาเป็นเสียงคนสองเท้า ไม่ใช่เสียงสัตว์ป่าแน่นอนผมลืมตาขึ้นมาแล้วก็เจอกับภาพที่ไม่คาดฝันคุณเวณวัฒน์ยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้า เขาพยายามปีนขึ้นมาหาผม“คุณปลอดภัยดีเหรอครับผมเป็นห่วงคุณมากรู้มั้ย?”ผมตะโกนลงไปแล้วก็พยายามจะไต่ลงไปหาเขา“ผมปลอดภัยดีผมคิดถึงคุณ ลงมาหาผมหน่อยสิ ใกล้เช้าแล้ว ผมหิว”เขากวักมือเรียกผม ผมนิ่งไป แล้วก็ถอยขึ้นมาอยู่ที่เดิม“คุณไต่ขึ้นมาสิครับ” ผมเรียกเขา“ผมไม่มีแรงเรามาคุยกันข้างล่างนี้ดีกว่านะ ข้างบนมันชัน เดี๋ยวคุณจะตกลงมา”“ผมบอกให้คุณไต่ขึ้นมาทำไมคุณไม่ทำ?” ผมพูดแล้วจ้องเขม็งคุณเวณวัฒน์จ้องผมกลับด้วยสายตาที่ผมไม่คุ้นเคย“ถอยออกไปซะผมไม่อยากทำร้ายคุณ” ผมพูดลงไปข้างล่าง“คุณไม่รักผมแล้วหรือ?”“แล้วคุณล่ะรักผมหรือเปล่า?” ผมถาม“รักสิผมรักคุณคนเดียว” เขาตอบ“งั้นก่อกองไฟให้ผมหน่อยผมหนาว”คุณเวณวัฒน์นิ่งเงียบไป ผมเห็นเขาลงเดินสี่ขาเขาย่อตัวลงเหมือนกำลังจะไต่เนินนั้นขึ้นมา“ถ้าขึ้นมาอีกก้าวเดียวล่ะก็ผมจะถือว่าคุณมีเวรกรรมกับผม อย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน”เวณวัฒน์ตัวปลอมพยายามไต่เนินขึ้นมาหาผมเขาใช้เท้าไต่แบบสัตว์สี่เท้าขึ้นมาผมยกหินขนาดหัวคนขึ้นมาเตรียมไว้เขามองผมตาไม่กะพริบ ครู่เดียวที่ผมมอง เขากระโดดขึ้นมาตัวค้างในอากาศเขาเกาะก้อนหินใหญ่เอาไว้แล้วพยายามกระโดดอีกขึ้นมาหาผมผมยกก้อนหินขึ้นเหนือหัวหากเขาขึ้นมาอีกก้าวเดียว ผมจะทุ่มหินลงไปทันที “ถ้าขึ้นมาอีกล่ะก็อย่าหาว่าผมใจร้าย” ผมพูดคุณเวณวัฒน์ส่งเสียงร้องโฮก ลายดำพาดเหลืองปรากฏขึ้นหางใหญ่เท่าแขนผมแกว่งไปมาช้าๆเหมือนกำลังเตรียมสังหารเหยื่อจังหวะที่เสือขยับเท้า ผมก็ทุ่มก้อนหินลงเสือหลบหินไปได้อย่างหวุดหวิด ก้อนหินกลิ้งลงไปแตกกระจายอยู่กับพื้นเบื้องล่างตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรไว้ป้องกันตัวเลยเสือจ้องผมด้วยแววตาอาฆาต มันแยกเขี้ยวขาวแล้วย่อตัวมันกำลังจะกระโดดขึ้นมาคร่อมตัวผมเอาไว้นี่อาจจะเป็นวาระสุดท้ายของผมแล้วก็ได้ “ยังตายไม่ได้จะต้องมีชีวิตรอด” ในหัวผมนึกถึงคุณเวณวัฒน์ขึ้นมาแรงฮึดเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมหยิบเอาประทัดที่เหลือมาจุดมือสั่นๆโยนพวงประทัดลงไปได้อย่างเหมาะเจาะที่สุด มันตกลงใกล้ๆกับจุดที่วางเท้าของเสือฝ่าเท้าขนาดฝ่ามือผู้ใหญ่ขยับไปมาเสือสะดุ้งเพราะเสียงประทัดมันร้องตกใจแล้วถอยลงไปตั้งหลักใหม่ข้างล่างเสือเดินวนเวียนอยู่ข้างล่างมันหาทางไต่ขึ้นมาอีกหลายครั้ง ผมคิดว่าหากปล่อยให้มันขึ้นมาได้ฝ่ายที่เสียเปรียบก็คือผมเองบนนี้แทบไม่มีที่ให้ขยับตัวเลยหากมันกระโดดขึ้นมาตรงที่ผมนั่งอยู่ ผมคงไม่มีชีวิตรอดไปช่วยคุณเวณวัฒน์เสียงประทัดแตกทำให้ผมกับพรานลุกขึ้นมาจากลานดินแข็งๆที่ใช้เป็นที่พักทันทีพรานที่มีประสาทหูดีกว่าผม เอียงคอและหูเพื่อฟังเสียงนั้นผมเก็บกระเป๋ากับหยิบไม้ปลายแหลมออกมาเตรียมไว้พรานพยักหน้าให้ผม เราสองคนออกวิ่งไปดู ห่างออกไปทางด้านภูเขาหินปูนพรานหาทางเข้าไปถึงด้านใน เขาบอกว่าน่าจะมีถ้ำอยู่และเสียงประทัดแตกน่าจะมาจากนัทที่ติดอยู่ข้างในคนเดียวผมตะโกนเรียกชื่อนัทอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบรับพรานวิ่งไปมาและหาทางเข้าจนได้ช่องทางเข้ามันลับมุมเถาวัลย์รกอยู่ ไม่ทันที่เราจะวิ่งพ้นเหลี่ยมหินที่เป็นผนังเสียงโฮกใหญ่ๆของเสือก็ดังขึ้นพรานกระชับปืนในมือแล้วออกวิ่งนำไปข้างล่างผมวิ่งตามไปพร้อมกับไม้เหลาปลายแหลมพอพ้นมุมหินไป ผมเจอลานโล่งของพื้น แสงแดดอ่อนๆส่องทะลุช่องว่างด้านบนถ้ำลงไป ผมเห็นสัตว์สี่ขาตัวใหญ่กำลังกัดอะไรซักอย่างอยู่บนพื้นลำตัวพ่วงพีสีเหลืองจางนอนแผ่กับพื้น เลือดข้นๆไหลนองเต็มพื้น กลิ่นคาวคละคลุ้งลอยเข้ามาในจมูก“นัท!!!” จังหวะเดียวกับที่พรานจ่อปืนไปที่ลำตัวของเสือผมไม่อยากนึกถึงสภาพของนัทที่อยู่ใต้เสือเลย ป่านนี้คงจะแหลกเหลวหรือตัวขาดไปแล้วพรานหยุดนิ่งเหมือนกำลังตกใจอะไรบางอย่างเสือตัวนั้นไม่ได้ตายเพราะปืน ทุกอย่างกลับตาลปัตร ผมเห็นมือของคนค่อยๆโผล่ออกมาร่างเล็กกว่าของคนที่โผล่ออกมาจากซากเสือคือตานตากลมโตสีดำที่ผมคุ้นเคยจ้องมองกลับมา ในมือตานมีมีดสั้นๆ เลือดคาวของเสือเปื้อนไปทั่วตัว“ปาดหลอดลมคว้านออกมาจนขาด” พรานใช้ปลายกระบอกปืนเขี่ยคอเสือส่วนหลอดลมของมันขาดวิ่น ท่อลมของมันเหมือนท่อส่งน้ำทิ้งขนาดใหญ่ “ตาน...” ผมครางออกมาเบาๆแทบไม่เชื่อตัวเองเลยว่า คนตรงหน้าผมคือตาน “เรื่องเป็นมายังไง ตานมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”ตานยืนนิ่งเหมือนคนไม่ได้สติมีดในมืออาบไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม ตาของตานเบิกกว้างเหมือนคนตกใจสุดขีด “ตานครับ” ผมปล่อยไม้แหลมลงพื้นแล้วทำท่าจะเดินเข้าไปหาตาน“อย่าเพิ่ง!!” พรานกระชากไหล่ผมเอาไว้เขาจ่อปลายกระบอกปืนไปหาตาน ท่อนเหล็กทรงกระบอกจ่อติดอยู่กับปลายจมูกของตานพอดิบพอดีพรานโยนไฟแช็คลงไปใกล้เท้าของตาน“จุดไฟถ้าทำไม่ได้ กูจะยิงให้หัวหลุดเลยคอยดู” พรานสั่งตานผมหันมามองดูพรานก่อนจะพูดเสียงดังขึ้นมา“จะบ้าหรือไง”“บ้าไม่บ้าเมื่อคืนมันก็กวนเรามาแล้ว ตรงหน้าเราอาจจะเป็นแค่ซากของคนที่คุณเรียกอยู่ก็ได้” พรานยังจ่อกระบอกปืนไปที่ตานตาของทั้งสองคนนิ่ง ไม่มีใครกะพริบตาเลยตานนั่งลงกับพื้นผมเห็นเขากวาดเศษใบไม้มารวมกัน ตานหยิบไฟแช็คของพรานขึ้นมาจุดไฟกองไฟจากเศษใบไม้ลุกโชนขึ้น“ทีนี้เชื่อหรือยัง” ผมพูดออกมาพรานขอให้ผมถามตานเรื่องส่วนตัวสองสามคำถาม สุดท้าย เราก็แย่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าผมคือตานตัวจริง “ขอไปล้างตัวหน่อยนะครับ” ตานมองหากระเป๋าเขาหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กออกมา“ข้างหน้านั่นมีธารน้ำใต้ดินครับ” พรานเป็นคนบอกผมเดินไปส่งตานล้างตัวตานล้วงเอาเสื้อผ้าชุดเมื่อวานมาซักเขาบิดจนหมาดแล้วก็เอาไปแขวนไว้กับราวไม้ที่ทำเองง่ายๆจากเศษไม้แห้งไฟที่พรานหาเศษไม้มาใส่เพิ่มแรงและร้อนขึ้นตานล้างหน้าแล้วก็เช็ดเลือดคาวๆออกไปบ้างแล้วแต่ส่วนที่กระเด็นติดไปในเสื้อและกางเกงก็ยังมีอยู่ตานเล่าให้ฟังถึงเรื่องเสือมันย่องเข้ามาหาตานตอนใกล้เช้า มันปลอมเป็นนายเวณวัฒน์แล้วก็พยายามให้ตานลงมาจากเนินด้านบนตานจุดประทัดไล่แล้วใช้มีดในกระเป๋าป้องกันตัวเสือหนีเสียงดังไปแล้วก็กลับเข้ามาอีกมันวิ่งเข้ามาหาตานที่กระโดดหลบ ตานอาศัยจังหวะที่เสือแว้งตัวกลับเขาใช้เสียบมีดแล้วก็ใช้แรงคว้านตรงคอแต่แรงของเสือทำให้ตานล้มไปอยู่ใต้ตัวมันตานออกแรงกระทุ้งแล้วก็พยายามคว้านจนหลอดลมมันขาด “พี่ไม่น่าพาทุกคนมาที่นี่” ผมส่ายหัว“ผมคิดว่าใครบางคนพยายามให้เรามาถึงที่นี่”ตานลุกขึ้นยืนแล้วมองมาที่ผม“ตาน...” ผมลุกขึ้นยืนแล้วพยายามไปจับตัวเขา“ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้วแล้วถ้าคุณเวณวัฒน์เป็นอะไรไป ผมไม่มีวันยกโทษให้คุณ” ตานพูดออกมาทั้งน้ำตาเขาตัวสั่น สายตาที่มองผม เต็มไปด้วยความผิดหวัง“ถ้าตานไม่มาเป็นพี่....ตานก็ไม่เข้าใจหรอก”“คุณทำลายชีวิตอื่นเพื่อประโยชน์ของตัวเองคุณมันเห็นแก่ตัว” ตานเช็ดน้ำตาแล้วพยายามสงบสติอารมณ์“ตานกำลังโกรธพี่ว่า รอให้ตานอารมณ์ดีกว่านี้แล้วเราค่อยคุยกันนะครับ ตานก็รู้ว่าพี่ไม่โกรธตานตานคือคนที่มีความหมายที่สุดของพี่”“คุณไม่เข้าใจและไม่มีวันที่จะเข้าใจเพราะคุณปิดใจไม่ยอมรับสิ่งที่ผมบอก”“ตานจะบอกอะไรพี่?”“เราไม่มีวันลงเอยกันได้ถึงผมไม่มีเขา เราสองคนก็ไม่ใช่คู่กัน” ตานลงนั่งเงียบๆคนเดียวเขาถอยห่างออกไปเหมือนโกรธผม ผมนั่งลงใกล้ๆกองไฟพยายามชงเครื่องดื่มร้อนๆไปให้เขา “ไม่เป็นไรตานกำลังโกรธ แต่ตานครับ ดวงเราสองคนสมพงษ์กันนะ ป้าของพี่บอกไว้ เดี๋ยวเรารอคนมาช่วยตามหานัทกันนะครับรอไม่นานเราจะได้กลับไปนอนที่บ้านแล้ว ป้าของพี่ส่งคนมาแล้ว”“แล้วปล่อยให้คุณเวณวัฒน์ถูกขังไว้ที่นี่น่ะเหรอพวกคุณใจร้ายมากนะ” ตานเบือนหน้าออกอีกทางตอนผมยื่นแก้วกาแฟให้ผมวางแก้วไว้ใกล้ๆเขาแล้วก็เดินกลับมานั่งที่ตัวเอง“มันเป็นอุบัติเหตุนะครับ” ผมตอบเขา“มันไม่ใช่อุบัติเหตุพวกคุณทำมันขึ้นมา!” ตานส่งสายตาแข็งกร้าวมาที่ผม“ตานเชื่อเขาเชื่อทุกอย่าง เขาพูดอะไรก็เชื่อ พี่พูดอะไรก็ไม่มีน้ำหนัก”“เพราะเขาไม่เคยโกหกผมแต่คุณ...” ตานส่ายหัวแล้วหลับตานิ่งผมไม่ได้ทำอะไรผิดตานต้องขอบใจผมด้วยซ้ำที่ทำให้เรื่องพวกนี้จบลงเรื่องราวของครุฑมันไม่มีทางจบลงด้วยความสุขอยู่แล้วผมช่วยให้ตานกลับมาเป็นคนเดิมกลับมาน่ารักและสดใส ตานจะต้องกลับมาหาพ่อกับแม่ไม่ใช่มัวแต่ไปขลุกอยู่กับนายเวณวัฒน์จนลืมคนอื่น“ผมจะไปตามเขาเองถ้าหาเขาไม่เจอ ผมก็ไม่กลับ”“ได้สิครับเราจะตามหาเขาด้วยกัน เดี๋ยวรอคนของคุณป้ามานะครับ”“ผมจะไปเดี๋ยวนี้คุณจะรอคนก็ตามใจคุณ”“ตานมีสติหน่อยสิครับ ป่านี้ไม่ใช่สวนหลังบ้าน อันตรายมันมีอยู่รอบตัวตานเกือบตายเพราะเสือ ไม่ใช่เพราะออกมาตามนายเวณวัฒน์เหรอครับตานทำเพื่อเขามากเกินไปแล้วนะ”“ถ้าจำเป็นขึ้นมาผมก็ตายแทนเขาได้” ตานลุกขึ้นยืนเขากระชับกระเป๋า เสื้อผ้าที่ตากไฟไว้แห้งดีแล้ว เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าง่ายๆผมรู้สึกเจ็บเข้าไปถึงในส่วนลึกของหัวใจเหมือนมีคนบีบและขยี้หัวใจผม ผมอยากจะฆ่านายเวณวัฒน์ให้ตายไปซะตอนนี้เลย มันไม่น่าเกิดมาเลย มันทำให้ตานเปลี่ยนไปหมด “ตานจะไปได้ยังไงป่านี้มันเหมือนเขาวงกต เดินไปเองก็หลงเปล่าๆ ขนาดพรานยังไม่แน่ใจเลย” ผมพยายามรั้งเขาไว้“ผมมีคนนำทางคุณจะตามมาด้วยหรือหยุดรอคนอยู่ตรงนี้ก็แล้วแต่คุณ”ผมไม่ทันได้ถามว่าใครจะมานำทางให้ตานเพราะเสียงร้องเฮ้ยของพรานดังขึ้นมาเสียก่อนหมอกควันสีดำหมุนเป็นวงขึ้นมาผู้หญิงคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากกลุ่มควันพร้อมกับโค้งคำนับตานกับผม“ท่านผู้มีพระคุณข้าจะนำทางท่านไปสู่จุดหมาย”พรานหันกระบอกปืนไปทางงูที่กลายร่างเป็นคนแต่พร้อมๆกับที่พรานทำแบบนั้นงูตัวเล็กๆอีกนับสิบตัวก็หมุนขึ้นมาเป็นเด็กตัวเล็กๆรายล้อมเราเต็มไปหมด“อย่ายิงเขามาดี” ตานยกมือห้ามผมเห็นงูเลื้อยไปตามลำธารสายเล็กๆ ตานเดินงูไปในทางเส้นนั้นความมืดค่อยๆกลืนร่างของตานให้หายเข้าไปทีละน้อย“ตานรอพี่ด้วย” ผมลุกขึ้นแล้ววิ่งตามตานเข้าไปพรานเดินตามผมมาด้วยเช่นกันผมเปิดไฟฉายเมื่อเดินเลยเข้าไปในความมืดเสียงเลื้อยของงูกับเสียงพื้นรองเท้าบดไปกับก้อนกรวดดังไปอย่างต่อเนื่องทางคดเคี้ยวพาเราเข้าสู่ใจกลางของภูเขาเสียงค้างคาวร้อง เสียงน้ำหยดลงจากหินดังมาเป็นระยะ หินงอกหินย้อยตามทางที่เราเดินผ่าน ส่องประกายระยิบระยับเหมือนเพชรทางที่เราเดินเริ่มแห้งธารน้ำเปลี่ยนเป็นพื้นหิน อากาศเย็นๆ และชื้นจากไอน้ำเปลี่ยนเป็นอากาศอบอุ่นและแห้งงูเลื้อยตรงไปข้างหน้าจากนั้นก็พาเราทะลุออกซ้ายบ้าง ขวาบ้าง การเดินทางกินเวลากว่าครึ่งชั่วโมงสุดท้ายงูก็หยุดอยู่หน้าโถงใหญ่ซึ่งทำหน้าที่คล้ายท้องพระโรงในพระราชวังงูบิดตัวขึ้นเป็นควันสีดำสนิทมันเดินสองขาเข้ามาแล้วชี้มือไปยังห้องโถงใหญ่ “ขอให้ท่านระวังตัวในนั้นมีอันตราย หมดหน้าที่ข้าเพียงเท่านี้ ลาก่อน” นางงูสีดำกลายร่างกลับเป็นงูผมเพิ่งนึกออกตอนนี้เองว่ามันเป็นงูตัวเดียวกับที่ผมเคยช่วยเอาไว้เมื่อวานตอนที่เราไปเล่นในลำธารใกล้ๆบ้านพัก พี่มิทกับพรานแอบคุยกันเบาๆสองคน ผมเดินเข้าไปข้างในนั้นก่อนความมืดที่คิดว่าคงปกคลุมห้องโถง กลับมีแสงสว่างจากคบเพลิงคบเพลิงเรียงรายอยู่ตามผนังกลางห้องมีกองไฟสูงเลยหัว ห้องโถงนี้มีขนาดใหญ่มากคะเนด้วยสายตาน่าจะถึงครึ่งของสนามฟุตบอลผมนึกแปลกใจที่มีไฟอยู่ในนี้ แต่อีกใจก็นึกดีใจไฟพวกนี้เป็นสัญญานของมนุษย์ มนุษย์เท่านั้นที่จะจุดไฟพวกนี้ได้ พอพ้นห้วงความคิดของผม เสียงร้องของคนดังขึ้นพร้อมๆกับสิ่งที่ผมคิดนั้น มันผิดพลาดไปมนุษย์ไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่ใช้ไฟเป็นยังมีสัตว์บางจำพวกที่ใช้ไฟได้อย่างมนุษย์ และมันก็เป็นสัตว์ที่ใกล้เคียงกับเรามากลิงนั่นเอง ลิงยักษ์โผล่ออกมาจากประตูทีละตัวผมนับลิงได้หลายสิบตัว ทั้งตัวใหญ่และตัวเล็ก มันออกมากันเรื่อยๆตอนนี้ฝูงลิงพากันเดินไปมารอบๆแท่นที่มีคนนอนดิ้นอยู่ลิงเพิ่มจำนวนขึ้น จนอาจจะถึงร้อยตัว “นัท” ผมร้องเรียกคนที่นอนอยู่บนแท่นหินนัทถูกลิงจับตัวเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่ทราบ แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือตอนนี้ลิงเดินไปรอบๆ ตัวของนัทแล้วชูหอกปลายแหลมขึ้นเหนือหน้าอกผมเชื่อว่า ถ้าลิงออกแรงแม้แต่นิดเดียวหน้าอกของนัทคงถูกเสียบทะลุไปถึงแผ่นหลังแน่ด้วยกำลังคน เราไม่มีทางช่วยเหลืออะไรนัทได้ หรือแม้แต่ช่วยคุณเวณวัฒน์ออกมาผมก็ยังคิดหาทางไม่ออก “กลับกันได้แล้วเราช่วยอะไรใครไม่ได้” พรานเดินหันหลังทันทีแต่ช้าไปแล้ว ประตูทางเข้ามีลิงตัวใหญ่เข้ามายืนคุมไว้หลายตัวแต่ละตัวก็มีหอกปลายแหลมอยู่ในมือด้วยผมเห็นพี่มิทล้วงเอาของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงพี่มิทเป่าของในฝ่ามือ เสียงหึ่งๆ บินตัดอากาศออกไป ลิงหลายตัวร้องเสียงดังเหมือนกำลังได้รับความเจ็บปวดแต่ลิงนั้นมีมากมายเกินกว่าที่เราจะจัดการได้ลิงวิ่งกรูกันออกมาล้อมพี่มิทกับพรานเอาไว้พี่มิทปล่อยของบางอย่างลงพื้นแสงสว่างของกองไฟกลางห้อง ส่องให้เห็นของที่พี่มิททิ้งลงพื้นคือตุ๊กตาหินรูปสัตว์ประหลาด มันไม่มีตัว มีแต่หัวกับปากลิงพากันร้องเจี๊ยกจ๊ากแล้วก็ถอยกรูตุ๊กตาหินสองตัวเคลื่อนไหวแล้วก็ขยายตัวขึ้นหลายเท่า มันไล่ล่าฝูงลิงอย่างโหดร้าย เสียงร้องและเสียงประหลาดดังขึ้นสลับกัน พี่มิทถือโอกาสชุลมุนนั้นเข้าไปตัดเชือกที่รัดรอบตัวนัทออก นัทรีบสลัดเชือกแล้วกอดพี่มิทไว้แน่น“พี่มิทมาช่วยแล้วนัทกลัว มันเอาเหล็กแหลมมาขู่นัท มันจะเอาเลือดนัทไปเลี้ยงนายมัน” นัทพูดตะกุกตะกักแล้วปีนลงมาจากแท่นพร้อมกับพี่มิท“นายมัน?” พี่มิทสงสัย“นายมันนายมันสั่งให้ลิงรอฆ่าพวกเรา มันต้องการเลือดคนไปบูชานายมัน”“เหลวไหลกลับกันได้แล้ว” พี่มิททำเสียงห้วนๆผมหันไปมองรอบๆ ยังไม่เห็นบ่อน้ำและต้นไม้ปีศาจที่ว่าเลย“มันมีผีด้วยนะพี่มิทผีมันตื่นขึ้นมาแล้ว”“หยุดพูดแล้วตามมา” พี่มิทเริ่มหงุดหงิดที่นัทพูดไม่หยุดระหว่างนั้นผมพยายามมองหาต้นไม้พวกลิงหนีหายไปด้านในแล้ว เสียงร้องเงียบลงพี่มิทเข้ามาดึงแขนผมแล้วลากกลับไปที่ประตู “จะไม่มีใครกลับไปทั้งนั้น” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาไม่ใช่เสียงผม ไม่ใช่เสียงคนในกลุ่มเรา“ใครพูด” พี่มิทหันไปมองรอบๆเสียงท่องบทบูชาดังขึ้นมา ผมรู้สึกมึนหัวแล้วก็เซไปมาเล็กน้อยแผ่นดินใต้ฝ่าเท้าเคลื่อนไหว ลิงกลับมายืนประจำที่บางส่วนก็จุดคบเพลิงตรงหน้าแท่นบูชา บนบัลลังก์สีทองที่ไฟจากคบเพลิงส่องเข้าไปถึงมีร่างหนึ่งนั่งอยู่เดียวดาย ร่างนั้นนั่งอยู่นานแล้วจนเป็นเหมือนหินหรือซากศพแข็งๆหยากไย่แมงมุมโยงไปมาเต็มตัวมีเพียงปากเท่านั้นที่ขยับไปมาได้ “มึงเป็นใคร?” เสียงแหบพร่าของซากนั้นพูดกับพี่มิท พี่มิทถอยหลัง มือขวาจับมือผม มือซ้ายจับมือนัท “กูถามว่ามึงเป็นใครเหตุใดมึงจึงใช้เกียรติมุข”ร่างนั้นแผดเสียงลั่นห้องโถงใหญ่ลิงใหญ่ร้องกันระงมด้วยความหวาดกลัว ลิงพวกนี้คงเป็นลูกสมุนของซากศพนี้มันทำหน้าที่คอยดูแลสุสานใต้ดิน “ไอ้อีตัวไหนมันใช้บทบูชาเทพ ปลุกกูให้ตื่นจากการหลับใหล ใช่มึงหรือไม่?” เสียงแหบนั้นถามพี่มิทจะด้วยประสาทพิเศษหรือสิ่งลี้ลับก็ไม่ทราบได้ผมรู้สึกว่าซากศพนั้นไม่ได้พูดภาษาเหมือนที่เราพูดกัน มันคือภาษาโบราณแต่ผมกลับฟังออก “เจ้าหญิงโสรยา” พี่มิทตอบผมหันขวับไปมองหน้าพี่มิททันที มือที่จับถูกสะบัดออกมาอย่างแรง“ยอมรับแล้วสินะ” ผมพูดเสียงดังแล้วถอยออกมาพี่มิททำหน้าหนักใจแล้วหันมามองผม“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาแตกแยกกันนะครับกลับมาหาพี่เร็วเข้า”“ผมไม่มีทางอยู่กับคนที่ทำร้ายคนอื่นเพื่อตัวเอง”



Whitefox โพสต์ 2016-2-27 01:31:27

ขอบคุณครับ

kangped โพสต์ 2016-2-27 07:57:54

ขอบคุณครับ

basatthaphong โพสต์ 2016-2-28 10:47:24

ขอบคุณครับ

poui โพสต์ 2016-2-28 20:34:52

ขอบคุณครับ

mooman โพสต์ 2016-3-12 02:02:09


ขอบคุณครับ

Poi131 โพสต์ 2016-3-21 10:59:21

ขอบคุณครับ

Mankhakhate โพสต์ 2016-7-24 09:58:31

สนุกมากเลยครับ

rayong555 โพสต์ 2016-8-28 07:50:08

ขอบคุณครับ

aonz โพสต์ 2016-9-7 18:04:50

ขอบคุณครับ

playhunter โพสต์ 2016-11-1 22:00:57

ขอบคุณครับ

acolyte โพสต์ 2017-7-15 18:00:51



ขอบคุณมากครับ

Mrgan โพสต์ 2017-12-16 14:55:12

ขอบคุณครับ

nuangnut1996 โพสต์ 2018-11-14 00:57:30

ขอบคุณครับ

Eakkadoor โพสต์ 2019-9-13 11:32:15

ตาล ช่วยคุณเวณวัฒน์ให้สำเร็จนะครับ

sextion โพสต์ 2019-10-11 17:19:59

ยอมรับแล้วสินะ

เด็กคอ โพสต์ 2020-1-19 02:59:27

ขอบคุณครับ

pearl9845 โพสต์ 2020-8-28 14:19:15

ขอบคุณครับ{:5_146:}
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: "เมื่อผมเจอพญาครุฑ!!!" copy งานของคุณ MAKI จากบอร์ดPalm-Plaza ครับ ตอนที่ 34