รักแห่งสยาม 2 p.7
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกทีตอนที่ 7
โต้งลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า รู้สึกมึนหัวเล็กน้อย เห็นโดนัทที่นอนกอดก่ายเขาอยู่ข้างกายก็ต้องสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจก้มลงมองดูตัวเองก็พบเพียงร่างเปล่าเปลือยของตัวเองที่ไม่มีแม้ผ้าสักชิ้นสวมอยู่นั่งลำดับเหตุการณ์เมื่อคืนที่เกิดขึ้นอย่างครุ่นคิดหนักก่อนจะรีบสวมเสือผ้าแล้วสาวเท้าเร็วๆออกจากบ้านโดนัทไป ระหว่างที่นั่งแท็กซี่กลับบ้านโต้งครุ่นคิดหนักอยู่ในใจไปตลอดทางยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตัวเองที่เผลอไผลปล่อยใจไปกับความเย้ายวนของโดนัทได้แล้วนี่ถ้าทุกคนรู้มันจะเป็นยังไงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างมิวกับเขาล่ะจะเป็นอย่างไรถ้ามิวรู้เข้าโต้งครุ่นคิดไปต่างๆนานาด้วยความลำบากใจอย่างยิ่งยวด กลับถึงบ้านในตอนเช้าซึ่งวันนี้เป็นเช้าวันเสาร์ ทุกคนจึงอยู่ในบ้านกันครบไม่มีใครออกไปไหนโต้งเห็นสุนีย์กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเช้าในครัวด้วยสีหน้าเป็นสุขก็อดถอนใจไม่ได้ ครอบครัวของเขากำลังกลับมามีความสุข แต่เขาก็นำเรื่องเข้าบ้านอีกจนได้อยากจะภาวนาขอพรจากพระเจ้าให้โดนัทคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปไม่มีอะไรติดใจต่อกัน
“อ้าว…โต้ง นี่ไปค้างที่ไหนมาล่ะไปค้างที่ไหนก็น่าจะโทรบอกแม่บ้างนะ” สุนีย์ทักลูกเป็นเชิงต่อว่ากลายๆ
แต่สีหน้ายังคงยิ้มเยื้อนอยู่เหมือนไม่ได้ติดใจเอาความอะไร
“บ้านเพื่อนน่ะแม่ เผอิญว่าดื่มฉลองกันนิดหน่อยโต้งขอไปนอนก่อนนะครับ ไม่ต้องเรียกโต้งกินข้าวนะครับ โต้งกินมาแล้ว” โต้งเดินขึ้นบันไดไปด้วยท่าทางเพลียๆสุนีย์มองตามร่างลูกชายแล้วส่ายหน้ายิ้มๆอย่างเอ็นดูอยู่ในที แล้วก็ลงมือทำกับข้าวต่อขระที่กำลังทำกับข้าวอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ภายในบ้านก็ดังขึ้นสุนีย์ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยพลางคิดว่าใครกันนะโทรมาซะเช้าเชียว
“แม่เหรอคะ…โดนัทเองค่ะแม่”
“โดนัทเหรอจ้ะ มีอะไรรึเปล่าโทรมาแต่เช้าเชียว”
“เอ่อ…” โดนัทอึกอักเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ“คือว่า…โต้งกลับมารึยังคะแม่”
“อ๋อ…กลับมาแล้วจ้ะจะคุยกับโต้งเหรอ เพิ่งกลับมาแน่ะ มาถึงก็เดินขึ้นห้องไปเลย” สุนีย์บอกอย่างอารมณ์ดี “ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่เพียงแต่แปลกใจว่าทำไมโต้งออกมาแล้วไม่ปลุกโดนัทเลย ออกมาเงียบๆโดนัทตกใจหมดนึกว่าโต้งหายไปไหน”
“หนูว่าอะไรนะโดนัท โต้งปลุกใคร” สุนีย์ได้ยินไม่ถนัดจึงถามออกไปแต่ใจเธอเริ่มสั่นแล้ว
“ปลุกโดนัทไงคะแม่เมื่อคืนนี้โต้งมานอนค้างกับโดนัทที่บ้าน”
“โต้งน่ะเหรอ…ไปนอนค้างกับหนูที่บ้าน”สุนีย์ทวนคำถามเสียงหลง
“จริงเหรอเนี่ย” พลางคิดอยู่ในใจว่าทำไมพ่อแม่โดนัทถึงได้ปล่อยให้ลูกสาวพาผู้ชายไปนอนค้างที่บ้านแล้วสุนีย์ก็ได้คำตอบทันทีเมื่อโดนัทบอกอีกว่า “เมื่อคืนที่บ้านไม่มีใครอยู่พ่อแม่กับน้องๆพากันไปเยื่ยมญาติที่ต่างจังหวัด โต้งเขาเห็นว่าโดนัทอยู่คนเดียวเขาเลยอาสาจะอยู่เป็นเพื่อน โดนัทบอกเขาว่าอยู่คนเดียวได้ แต่เขาก็ไม่ยอมกลับแล้วเขาก็…”
“เขาทำอะไรโดนัทเหรอ…เขาทำอะไรโดนัท”สุนีย์ถามย้ำสองครั้ง รู้สึกหายใจติดๆขัดๆขึ้นมาเลยทีเดียว
“อย่าให้พูดเลยค่ะแม่ แม่ไปถามโต้งเองดีกว่าโดนัทเป็นผู้หญิง ไม่กล้าพูดเรื่องนี้หรอกค่ะ” สุนีย์ได้ยินเสียงโดนัทสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้
“ที่โดนัทโทรมานี่ไม่ใช่อะไรนะคะแม่เพียงแต่เป็นห่วงที่โต้งหายไปดื้อๆไม่บอกสักคำ ก็เลยโทรมาถาม แค่นี้ก่อนนะคะแม่”โดนัทวางหูไปแล้ว แต่สุนีย์ยังคงถือหูโทรศัพท์ค้างอยู่อย่างนั้นคำบอกเล่าของโดนัทยังก้องอยู่ในโสตประสาทของเธอเต็มสองรูหูแตงซึ่งตื่นแล้วลงมาเห็นเข้าพอดีจึงร้องถาม
“มีอะไรรึเปล่าคะแม่ สีหน้าไม่ดีเลย”
“แตงช่วยไปเรียกพ่อ แล้วก็ไปตามน้องที่ห้องลงมาที”สุนีย์บอกแตงเสียงเฉียบขาด แตงทำหน้างงๆยามมองหน้าสุนีย์ทำตามคำสั่งของสุนีย์แต่โดยดี แต่ภายในใจก็คิดไปว่าคงจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่นอนกรณ์นั่งกอดอกนิ่งๆมองสุนีย์ที่กำลังซักโต้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างกับทนายโจทย์ซักจำเลยก็ไม่ปานฝ่ายจำเลยก็ก้มหน้าก้มตาพูดเสียงอ่อยๆ จะแก้ตัวก็แก้ไม่ได้เต็มปาก เพราะทำลงไปจริงแต่ก็ไม่วายบอกว่าเหตุเกิดจากโดนัทไม่ใช่จากเขา “โต้งไม่ได้เริ่มก่อนนะแม่จะกลับบ้านแล้วด้วยซ้ำ แต่โดนัทก็รั้งไว้จะให้อยู่เป็นเพื่อนเขาให้ได้แถมยังเอาเบียร์มาให้กินอีก”
“แล้วเรามีอะไรกันอย่างที่เขาว่ารึเปล่า” สุนีย์ถามเสียงเครียด โต้งไม่พูดแต่พยักหน้ายอมรับสุนีย์หันไปมองหน้ากรณ์เป็นเชิงขอความเห็น แต่กรณ์ก็ไม่ออกความเห็นอะไรออกมาสุนีย์ก็ค้อนใส่ด้วยความหมั่นไส้คงจะสมใจแล้วล่ะสิที่ลูกชายเป็นชายสมชายด้วยการนอนกับผู้หญิงแต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาภาคภูมิใจกับการกระทำ
ของลูกนะ
“แม่รู้นิสัยลูกแม่ดีรู้ว่าโต้งพูดจริงเรื่องที่โต้งไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่โต้งก็มีอะไรกับโดนัทผู้หญิงยังไงเขาก็เป็นฝ่ายเสียหาย นี่ถ้าพ่อแม่เขาเอาเรื่องขึ้นมาแล้วเราจะทำยังไง”
“โต้งไม่รู้…โต้งไม่รู้…แม่ โต้งไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี” โต้งซบหน้ากับฝ่ามือแล้วร้องไห้ออกมาแตงที่นั่งข้างๆตบไหล่น้องชายเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ
“เอาล่ะ…เอาล่ะ…ค่อยๆคิดแก้กันไปก็แล้ว อย่าเพิ่งไปกดดันลูกมันเลยแค่นี้มันก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว” กรณ์ที่นั่งเงียบอยู่นานเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“เฮ้อ…หนักใจจริง” สุนีย์ถอนหายใจหนักหน่วง
“ฉันก็มีส่วนผิดที่ยอมให้หนูโดนัทมาที่ร้านอาหารด้วยวันนั้นถ้าไม่มาก็คงไม่เกิดเรื่อง”
“อย่าโทษตัวเองไปเลยสุนีย์ใครจะไปรู้ล่ะว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นบ้าง ถ้าเผอิญโดนัทเขาบอกพ่อแม่เขาขึ้นมา
เราก็คอยดูท่าทีของเขาว่าจะเอายังไง” คืนนั้นโต้งนอนครุ่นคิดทั้งคืนทำไมเรื่องราวมันถึงได้กลับตาลปัตรไปได้ถึงเพียงนี้ คืนนั้นเขาคิดจะขอแม่ไปส่งมิว กะว่าจะนอนคุยกับมิวทั้งคืนให้สมกับความคิดถึงแท้ๆแต่กลายเป็นว่าเขากลับต้องไปมีอะไรกับโดนัทโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจถึงตอนนี้โต้งรู้สึกเกลียดโดนัทขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ทำไมโดนัทต้องทำลายความสุขของเขาด้วยนะ โต้งคิดไปถึงมิวมิวจะรู้สึกยังไงบ้างนะถ้ารู้ว่าโต้งไปมีอะไรกับโดนัท มิวจะโกรธไหมโต้งคิดไปต่างๆนานาแต่ไม่กล้าโทรไปหามิว เพราะรู้สึกละอายใจเหลือเกินตอนสายของวันรุ่งขึ้นที่บ้านของโต้งก็ต้องต้อนรับแขกชุดใหญ่ที่ทุกคนเตรียมใจกันอยู่แล้วว่าจะต้องมาแต่ไม่นึกว่าจะมาเร็วอย่างนี้ คุณประภาสและคุณหญิงเพียงจิตพ่อแม่ของโดนัทเป็นถึงนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียงในวงสังคมทั้งคู่แต่งตัวภูมิฐานเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าบึ้งตึ้งโดยมีโดนัทที่เดินหงอยๆตามหลังมาด้วย หน้าตาของโดนัทในวันนี้ดูโศกเศร้ามาก
“คุณกรณ์กับคุณสุนีย์ใช่มั้ย เรามาพูดกันตรงๆดีกว่าเรื่องที่ลูกชายคุณมาทำให้ลูกสาวฉันเสียหายเนี่ย คุณจะให้ฉันทำยังไง” คุณหญิงเพียงจิตเปิดฉากทันทีที่เข้ามาในบ้าน สีหน้าท่าทางเอาเรื่องไม่น้อย
“ก็แล้วแต่คุณหญิงเถิดครับผมต้องขอโทษแทนลูกชายผมด้วยที่ไปทำเรื่องไม่ดีในบ้านของคุณหญิง” กรณ์บอกอย่างสำนึกผิด
“ฉันไม่ต้องการคำขอโทษ โดนัทลูกสาวฉันไม่ใช่ลูกตาสีตาสาที่ไหนนี่ถ้าใครรู้เข้าก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว”
“แล้วคุณหญิงจะให้เราทำอย่างไรครับจะให้รับผิดชอบแบบไหนก็บอกมา” กรณ์เริ่มรู้สึกรำคาญแม่ของโดนัทขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้มองไปที่โดนัทก็เห็นเด็กสาวนั่งก้มหน้าน้ำตานองอยู่
“ตอนแรกก็กะจะเอาเรื่องหรอกนะเป็นเด็กยังเรียนมัธยมอยู่แท้ๆ แต่ดันมาทำเรื่องบัดสีกับลูกสาวฉันภายในบ้านกะจะจับเข้าโรงเรียนดัดสันดานเสียให้เข็ด แต่เห็นแก่ลูกสาวฉันโดนัทมันบอกมันรักเด็กเวรคนนี้ ฉันเห็นว่าเด็กมันรักกันก็ไม่เป็นไรไม่เอาเรื่องก็ได้ แต่จะให้แต่งกันมันก็เด็กเกินไปรอให้จบปริญญาตรีแล้วค่อยแต่งก็แล้วกัน ตอนนี้ก็ให้หมั้นกันไปก่อนคุณว่าฉันหาทางออกให้คุณดีมั้ยล่ะแบบนี้” สิ้นเสียงแผดๆของคุณหญิงเพียงจิตที่ดังลั่นบ้านสุนีย์ก็หันไปมองหน้าลูกชาย เห็นใบหน้าเรียบเฉยราวกับคนไม่มีชีวิตจิตใจก็อดที่จะเบือนหน้าไปอีกทางเพื่อกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้สุนีย์รู้ดีเต็มอกว่าโต้งไม่ได้รักโดนัทยายคุณหญิงมาขีดเส้นทางชีวิตของลูกชายเธออย่างนี้หัวอกคนเป็นแม่อย่างสุนีย์ก็แทบสลาย เพราะรู้ดีว่าโต้งจะหาความสุขไม่ได้เลยในอนาคต
“ก็แล้วแต่คุณหญิงเถิดครับจะจัดการให้หมั้นกันวันไหนก็บอกมาได้เลย” กรณ์ลงความเห็นแล้วก็หันไปมองหน้าโต้ง รู้สึกสงสารลูกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันบอกแน่ แต่ฉันไม่จัดใหญ่หรอกนะหมั้นเงียบๆพอให้รับรู้กันไว้ทั้งสองฝ่าย โน่น…ตอนแต่งโน่นค่อยจัดงานใหญ่แต่ก็ไม่ใช่ว่าพอหมั้นกับลูกฉันแล้วจะไปคบใครสะเปะสะปะไม่ได้นะ ต้องรักลูกสาวฉันคนเดียว”คุณหญิงเพียงจิตยื่นคำขาดแล้วมองไปที่หน้าโต้งโต้งพยักหน้ารับคำของคุณหญิงด้วยหยาดน้ำตาที่ขังอยู่เต็มตาแต่เขาพยายามกลั้นไม่ให้ไหลออกมาให้ใครเห็น โต้งมองไปที่โดนัทอย่างเจ็บแค้นใจไม่มีวันเสียหรอกที่เขาจะรักผู้หญิงที่ทำลายอนาคตของเขาได้
“มิว…หญิงได้ข่าวจากเพื่อนๆว่าโต้งกลับมาแล้วมิวได้เจอโต้งบ้างมั้ย” หญิงถามมิวในวันหนึ่งที่ได้พบกัน
“เจอแล้ว” มิวตอบหญิงไปด้วยสีหน้าเคร่งขรืม
“แล้วโต้งเป็นไงสบายดีมั้ย”
“ก็คงสบายดีมั้ง” หญิงสังเกตเห็นท่าทางมิวดูผิดปกติไปยามเอ่ยถึงโต้งดูเย็นชาบอกไม่ถูก
“มีปัญหาอะไรกับโต้งรึเปล่ามิว”
“ไม่มีอะไรนี่”
“แต่สีหน้ามิวมันฟ้องนะ” หญิงยังคงซักไซ้ด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอกหญิง” มิวตอบสั้นๆ
“แต่ดูท่าทางมิวเวลาพูดถึงโต้ง ดูห่างเหินมากเลยนะ”หญิงมองหน้ามิวแล้วกล่าวเสริมว่า
“มีอะไรก็บอกกันได้นะ ถ้ายังเห็นว่าหญิงเป็นเพื่อนมิวอยู่”มิวนิ่งงันไปแต่ก็หันมาส่งยิ้มกว้างให้หญิงพร้อม
บอกว่า
“หญิงไม่ต้องห่วงหรอก โต้งกับเราเข้าใจกันดีไม่มีปัญหาอะไรอย่างที่หญิงคิดหรอกนะ สบายใจได้” มิวยังคงปกปิดความรู้สึก
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกหญิงได้นะ หญิงพร้อมรับฟังเสมอ”หญิงบอกยิ้มๆ ขณะที่มิวเพ่งพิศมองหญิงเห็นว่าหญิงแต่งตัวสวยเป็นพิเศษจึงถามหญิงว่า
“จะไปไหนเหรอ แต่งตัวซะสวยเชียว” หญิงยิ้มเขินๆแต่ก็บอกมิวไปว่า
“เอ็กซ์ชวนไปดูหนังน่ะ มิวอยากไปด้วยกันมั้ย”
“ไม่หรอก ตามสบาย เราไม่อยากไปเป็นก้างอ่ะ”
“งั้นหญิงไปก่อนนะ” หญิงบอกลามิวมิวมองตามร่างหญิงไปจนลับตา รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของมิวหญิงเป็นคนดีและเอ็กซ์ก็เป็นคนดี สองคนนี้รู้จักกันเพราะเขาแนะนำให้รู้จักความสัมพันธ์ถูกสานขึ้นในเวลาอันรวดเร็วมิวรู้สึกดีใจด้วยที่สองคนนั่นได้เป็นแฟนกัน มิวคิดไปถึงโต้ง ป่านนี้โต้งกำลังอะไรอยู่นะจะโทรไปหาก็ไม่กล้าโทรเพราะคิดว่าโต้งอาจรู้สึกไม่ดีกับเขาเหมือนก่อนก็ได้เพราะมีโดนัทอยู่ข้างกายตั้งแต่วันที่เจอกันที่ร้านอาหารก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยนึกน้อยใจเหมือนกันที่โต้งไม่โทรหาเขาบ้างเลย บางทีโต้งอาจจะลืมเข้าไปแล้วก็ได้
“โต้ง…เราคิดถึงโต้งนะ” มิวรำพึงรำพันออกมาน้ำตาเจ้ากรรมก็ดันไหลพรากออกมาอย่างที่ไม่อาจจะกลั้นเอาไว้ได้เสร็จจากงานหมั้นไปได้ไม่กี่วัน โต้งดูซึมเซาลงไปมาก คิดถึงมิวใจแทบขาดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นคุยกับมิวยังไงดีสุนีย์เห็นโต้งนั่งซึมอยู่ก็เลยเดินเข้ามาหาเพื่อจะปลอบใจโต้งสุนีย์แตะไหล่โต้งแล้วทรุดตัวลงนั่งคู่กับโต้งบนโต๊ะม้าหินบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน
“แม่ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าลูกของแม่จะมีคู่หมั้นตั้งแต่อายุไม่ถึง20 เป็นความผิดของแม่เองที่ทำให้โต้งต้องเป็นแบบนี้” สุนีย์กล่าวเสียงเศร้า
“ไม่ใช่ความผิดของแม่หรอกครับถ้าจะโทษก็ต้องโทษโดนัทที่ทำให้โต้งเป็นแบบนี้”
“อึดอัดใจล่ะสิ”
“ครับแม่…ยอมรับว่าอึดอัดมากต่อไปนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ไม่อยากจะคิดเลย” สุนีย์
เอื้อมมือไปกอดไหล่โต้งไว้แนบแน่นฉับพลันหยาดน้ำตาของสุนีย์ก็ไหลอาบแก้มลงมาเป็นทาง
“คนเป็นแม่เมื่อเห็นลูกมีความทุกข์จิตใจก็พลอยหดหู่ไปด้วย ต่อไปนี้สิ่งเดียวที่โต้งต้องทำคือยอมรับสภาพ
กับสิ่งที่เราเป็น แล้วอยู่กับมันให้ได้อย่างมีความสุขนะลูกแม่รู้ว่ามันยาก แต่เพื่อตัวโต้งเองโต้งก็ต้องทำให้ได้
นะลูก”
“โต้งก็พยายามอยู่นะแม่แต่ทุกครั้งที่โต้งคิดถึงคนที่โต้งรัก โต้งก็ทำใจยอมรับสภาพที่เป็นอยู่นี้ไม่ได้”
“โต้งคิดถึงมิวใช่มั้ยลูก”
“ครับ…แม่ คิดถึงมากแม้จะรู้ว่าไม่ควรคิดถึง แต่มันก็ห้ามใจไม่ได้” เสียงของโตงสั่นเครือยามเอ่ยถึงมิว“เหมือนกับว่าเราใกล้กันแต่เพียงใจ แต่กายเราไกลกันเหลือเกินต่อไปหลังจากนี้เราก็จะต้องห่างกันไปทุกทีทุกทีเหมือนเส้นขนานที่เคียงคู่กันไปแต่ไม่อาจบรรจบกันได้เลย” สุนีย์เพ่งมองร่องรอยแห่งความทุกข์บนสีหน้าของโต้งยามเอ่ยปากกับเธอแล้วอดใจหายไม่ได้ต่อไปนี้เธอจะต้องเฝ้ามองความทุกข์ของลูกชายไปอีกยาวนานการจำใจต้องแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักเป็นอะไรที่ทุกข์ทรมานสาหัสสากรรจ์จริงๆ
“ทำไมไม่ลองไปหามิวเขาดูล่ะลูกคุยให้เขาเข้าใจดีกว่าปล่อยไว้อย่างนี้ ทรมานใจกันเปล่าๆจะคบกันเพื่อนที่คอยให้กำลังใจกันก็ยังได้นะ”
“โต้งจะทำตามคำที่แม่บอกครับแต่จะให้โต้งคบกับมิวแบบเพื่อนโต้งคงทำใจไม่ได้เพราะความรู้สึกของเราสองคนมากลึกล้ำเกินกว่าคำว่าเพื่อนมากมันคงทรมานน่าดูถ้าเราต้องทนเห็นคนที่เรารักอยู่บ่อยๆแต่เราก็เป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้น อย่างนี้สู้ไม่เจอกันเสียเลยจะดีกว่า”สายตาของโต้งเหม่อมองออกไปไกล ดูเลื่อนลอยและไร้จุดหมายไปทางความรู้สึกแบบนี้เหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำแต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะตะเกียกตะกายยังไงให้โผล่พ้นมาเหนือน้ำได้ตั้งแต่โต้งกับโดนัทได้หมั้นกันแล้ว โดนัทก็เข้ามาเฝ้าวนเวียนกับชีวิตความเป็นอยู่ของโต้งแทบทุกวันเธอมักมาขลุกที่บ้านของโต้งในตอนเย็นหลังเลิกเรียนบางทีก็คะยั้นคะยอจนน่ารำคาญให้โต้งไปกินข้าวเย็นกับพ่อแม่ของเธอที่บ้านและทุกครั้งที่โต้งไปกินข้าวบ้านโดนัท โต้งจะรู้สึกอึดอัดทุกครั้งไปเพราะคุณประภาสและคุณหญิงเพียงจิตนอกจากเจ้ายศเจ้าอย่างแล้วยังชอบซักไซ้ไล่เรียงเขาไปเสียทุกเรื่องจนโต้งคิดว่าพ่อแม่ของเขายังไม่จุกจิกกับเขาขนาดนี้เลยนี่ขนาดเพิ่งหมั้นกันโต้งยังอึดอัดกับครอบครัวของโดนัทขนาดนี้แล้วต่อไปในอนาคตเล่าถ้าต้องแต่งงานกันแล้วใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเขาจะต้องทนกล้ำกลืนไปได้สักเพียงไหน สัปดาห์นี้โต้งรู้สึกดีกว่าสัปดาห์ก่อนๆมากเพราะไม่มีโดนัทมากวนใจ เนื่องจากโดนัทจะต้องไปต่างประเทศกับครอบครัวของเธอวันที่เขาไปส่งเธอที่สนามบิน โดนัทกระเง้ากระงอดกับเขาน่าดูท่าทางอาลัยอาวรณ์ของโดนัทยามที่จะต้องห่างเขาเป็นเวลาหลายวันไม่ทำให้เขาเกิดอารมณ์ร่วมไปกับเธอสักนิดในใจอดคิดไม่ได้ว่าถ้าโดนัทไปสักเดือนก็คงจะดีไม่น้อย เมื่อไม่มีโดนัทมากวนใจโต้งก็ตัดสินใจโทรหาใครคนหนึ่งที่เขาคิดถึงมาตลอดก่อนจะโทรโต้งชั่งใจอยู่นานเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดีแต่แล้วก็ตัดสินใจโทรไปหาอีกฝ่ายจนได้ “โต้งเหรอมีอะไรรึเปล่า” น้ำเสียงของมิวราบเรียบเป็นปกติฟังดูเหินห่างชอบกล โต้งอึกอักเล็กน้อยก่อนจะกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
“ก็…ก็ได้อ่ะเพิ่งเสร็จจากคอนเสิร์ต กำลังจะกลับบ้าน”
“ให้เราไปหาที่บ้านได้มั้ย” มิวเงียบไปครู่หนึ่งแต่แล้วก็บอกโต้งด้วยเสียงสั่นๆว่า
“ว่างแล้วเหรอถึงคิดจะมาหาเราได้” น้ำเสียงมิวออกอาการน้อยใจจนโต้งรู้สึกได้
“มิวโกรธเราเหรอ”
“เราไม่มีสิทธิ์ไปโกรธโต้งหรอกเพราะหลังจากวันนั้นที่เจอกัน เราก็ไม่ได้ติดต่อไปหาโต้งเหมือนกัน”
“แต่เราอยากเจอมิวนะ มีเรื่องอยากจะคุยกับมิวด้วย”
“สำคัญมากมั้ย”
“โธ่…มิว อย่าทำอย่างนี้ดิเราอยากจะบอกว่าเราคิดถึงมิวมาก แต่…แต่…” โต้งตัดพ้อ
“แต่อะไรล่ะ”
“เอาเหอะมิวเราอยากจะบอกมิวว่าเรามีเรื่องบางอย่างที่สำคัญมากจะคุยกับมิวมิวให้โอกาสเราได้มั้ย” มิวนิ่งเงียบไปอีกแต่ในใจก็อยากให้โต้งไปหาใจแทบขาด อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องที่โต้งว่านั้นจะสำคัญขนาดไหน
ก็เลยตอบตกลงโต้งไป
“ก็ได้ มาหาเราตอนสี่ทุ่มนะ เราจะถึงบ้านตอนนั้น”โต้งมาถึงบ้านมิวตามเวลานัด
มิวเปิดประตูบ้านต้อนรับโต้งด้วยสีหน้าเฉยชาแต่เมื่อเห็นแววตาละห้อยของโต้งที่มองมา ใจของมิวก็อ่อนยวบยาบลงไปในทันที
“เดือนกว่าแล้วสินะที่ไม่ได้มาที่นี่” โต้งบอกพลางยิ้มเศร้าๆให้มิวเมื่อเขาก้าวเข้ามาในบ้านฝ่ายมิวนั้นจับจ้องมองหน้าโต้ง คอยดูว่าโต้งจะพูดอะไรต่อ แต่โต้งกลับไม่พูดอะไรเพียงแต่ดึงร่างบางของมิวเข้ามาสวมกอดเอาไว้ในอ้อมแขน มิวมีสีหน้าตกใจในตอนแรกแต่ก็ยอมให้โต้งกอดไว้อย่างแนบแน่นแต่โดยดี โต้งซบหน้าบนไหล่มิวแล้วร้องไห้ออกมาเงียบๆจนมิวรู้สึกได้ถึงความชื้นจากหยาดน้ำตาของโต้งที่หยาดหยดลงบริเวณหัวไหล่ของมิวมิวโอบกอดโต้งไว้เช่นกัน
“โต้ง…โต้งเป็นอะไรรึเปล่า”มิวถามเสียงแหบพร่า
“เราอยากกอดมิวเอาไว้อย่างนี้นานๆ”
“โต้งมีปัญหาอะไรเหรอ”
“เราขอขึ้นไปบนห้องได้มั้ย”
“ได้สิโต้ง” มิวพาโต้งเดินเข้ามาในห้องทั้งคู่ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงนอนพร้อมๆกัน แล้วมิวก็เอ่ยถามด้วยใจคอไม่สู้ดีว่า
“บอกเราสิ…ใครทำอะไรโต้ง” โต้งยังไม่คตอบคำถามของมิว แต่กลับบอกว่า
“เราคิดถึงมิว คิดถึงมากแล้วก็อยากจะอยู่กับมิวไปนานๆ”
“โต้งพูดแปลกๆแบบนี้เหมือนโต้งจะไม่ได้เจอเราอีกแล้วงั้นแหละ” มิวมองเสี้ยวหน้าเศร้าสลดของโต้งน้ำตามิวก็พาลจะไหลออกมาอีกคนเสียให้ได้
“แล้วถ้าเกิดมันเป็นอย่างนั้นจริงๆล่ะมิวมิวจะทำใจได้ไหมถ้าเราจะไม่เจอกันอีก”
“โต้งพูดอะไร…มิวไม่เข้าใจทำไมเราจะเจอกันอีกไม่ได้ เป็นเพราะน้ากรณ์กับน้านีเหรอที่ห้ามไม่ให้เราเจอกัน”“ไม่ใช่พ่อกับแม่หรอก” โต้งส่ายหน้าแล้วกล่าวต่อไปว่า
“เพราะโดนัทต่างหากที่สร้างปัญหาให้เรา” มิวนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยินชื่อโดนัทมองหน้าโต้งก็รู้ว่าจุดประสงค์ของโต้งที่มาหาเขาในคืนนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆซะแล้ว
“โดนัทเขาทำอะไรโต้งเหรอ” มิวถามเสียงสั่นเครือหยาดน้ำตาที่ขังอยู่เต็มตาเริ่มไหลเอ่อออกมา “เขาทำลายชีวิตเราตอนนี้เราหมั้นกับโดนัทแล้วนะมิว” หมั้น…คำนี้เสียดแทงใจมิวอย่างเหลือเกิน เป็นไปได้ไง ยังเด็กด้วยกันทั้งคู่แล้วทำไมโดนัทถึงได้มาหมั้นกับโต้งได้ มิวคิดอย่างสับสนไปหมด
“โต้งเล่าให้เราฟังอย่างละเอียดได้มั้ยว่าทำไมโดนัทถึงได้มาหมั้นกับโต้ง”โต้งเล่าให้มิวฟังช้าๆถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับโดนัทระหว่างที่เล่าไปน้ำตาเขาก็ไหลไป ส่วนคนฟังทั้งช็อคทั้งเศร้าใจกับเรื่องที่ได้ยินได้ฟังน้ำตาก็ไหลพรากลงมาเช่นกัน
“ต่อไป….ชีวิตของเราคงไม่ต่างอะไรกับพวกนักโทษที่ถูกขังอยู่ในคุก”โต้งบอกเสียงเศร้าเมื่อเล่าให้มิวฟังจบฝ่ายมิวที่นั่งกัดริมฝีปากตัวเองจนรู้สึกเจ็บนึกเกลียดขี้หน้าโดนัทขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ นึกไปว่าสักวันเมื่อโต้งต้องแต่งงานกับโดนัททั้งเขาและโต้งจะทำอย่างไร คงจะต้องพบกับความทุกข์ทรมานใจไปอย่างนี้ต่อไปน่ะหรือ
“ที่โต้งมาหาเราวันนี้เพราะต้องการจะบอกลาเราใช่มั้ย”ขณะที่ถาม ก็รู้สึกว่าใจตัวเองมันฝ่อแฟบลงไปจนเหลือเล็กนิดเดียว
“เรามาคิดดูแล้วนะมิว ถ้าเราคบกันต่อไปเราเองก็ต่างจะสร้างปัญหาให้แก่กันไม่รู้จบหน้าที่การงานที่กำลังไปได้ดีของมิวก็จะต้องพังเพราะเราไหนเราก็จะต้องมาคอยหลบๆซ่อนๆจากโดนัทที่คอยตามเราทุกฝีก้าวเพื่อมาเจอมิวมิวคิดเหรอว่าชีวิตแบบนี้มันจะมีความสุข” สิ้นคำพูดของโต้งมิวก็ทิ้งร่างของตัวเองฟุบหน้าลงไปบนที่นอนแล้วสะอื้นไห้ออกมาจนตัวโยนความเสียใจของมิวทำให้โต้งดึงร่างมิวเข้ามากอดไว้แนบแน่นแต่มิวก็สะบัดร่างโต้งออกไปแล้วหันไปบอกกับโต้งว่า
“ถ้าคิดว่าเราจะไม่ต้องเจอกันอีก โต้งก็กลับไปเถอะกลับไปตอนนี้เลย”
“มิว…มิว อย่าทำอย่างงี้ดิเรารักมิวนะ เราขอโทษที่เรานอกใจมิวจนทำให้เกิดเรื่องแต่เราอยากให้มิวรู้ว่าเราไม่ได้รักโดนัทเลยน๊า” โต้งยังคงดึงมิวมากอดรัดไว้ทางด้านหลังขณะที่มิวยังคงขัดขืนเพื่อให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการของโต้งแต่ก็สู้แรงของโต้งที่ตัวใหญ่กว่าไม่ได้จึงยื้อยุดกันอยู่อย่างนั้นพร้อมกับร้องไห้ออกมาทั้งคู่สักพักทั้งคู่ต่างก็อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันไม่มีคำพูดใดๆที่เปล่งเสียงออกมาจากปากของทั้งคู่ โต้งที่นอนมองเพดานนิ่งๆโดยมีมิวที่นอนหนุนหน้าอกโต้ง สายตาของมิวเหม่อมองไปที่ปลายเตียงในที่สุดมิวก็ตัดสินใจลุกขึ้น หยิบแผ่นซีดีเพลงโปรดของนันทิดาที่เคยฟังมานานมากแล้วตั้งแต่สมัยตัวเองยังเด็กแล้วก็เปิดเล่นเพลงนี้เพื่อโต้งและตัวเขาเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจากลากัน
“จะเก็บเอาวันเวลาที่ดี ที่เรามีกัน ไว้เติมคืนและวันยามไม่มีเธอ จะเก็บไอรักที่เรายังมี ต่อกันค่ำนี้ ไว้เติมใจยามเธอห่างไกลจากนี้ไปนานผ่านเดือนพ้นปี อีกร้อยพันคืนที่มีก็คงเดียวดาย ขอไว้แค่คืนเดียวที่จะฝังตรึงในหัวใจ เพราะเป็นคืนสุดท้าย…ของเรา” นอนฟังอย่างซาบซึ้งด้วยกันกับบทเพลงที่มันตรงกับชีวิตของพวกเขาเหลือเกินในตอนนี้ ต่างคนต่างหันหน้ามามองกันต่างคนต่างซับน้ำตาให้กัน แล้วมิวก็บอกกับโต้งเสียงแผ่วว่า
“จำคืนนี้ให้ดีนะโต้ง จำคืนสุดท้ายของเราให้ดีเพราะต่อแต่นี้ไปเราจะไม่มีวันคืนแบบนี้ด้วยกันอีกแล้ว”
4 ปีผ่านไป
“เอ็กซ์…มิว รอหญิงนานมั้ย”หญิงเดินยิ้มร่าเข้ามาหาเอ็กซ์และมิวที่นั่งรอหญิงอยู่ภายในบริเวณมหาวิทยาลัย
มิว เอ็กซ์ และหญิง สอบเอ็น ทรานซ์ติดที่มหาวิยาลัยแถบท่าพระจันทร์มิวกับเอ็กซ์เรียนอยู่คณะเดียวกัน
ส่วนหญิงเรียนอีกคณะหนึ่ง วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสอบรอเพียงแค่ผลการสอบเท่านั้นที่จะประกาศผลออกมาในไม่ช้าพวกเขาก็จะได้เป็นบัณฑิตมหาวิทยาลัยโดยสมบูรณ์
“ทำข้อสอบได้มั้ย…หญิง” เอ็กซ์ถามแฟนสาว
“ก็พอได้อ่ะ แต่ก็ยังหวั่นใจอยู่”
“จะกลัวอะไร หญิงออกจะเรียนเก่งปานนั้น” มิวบอกยิ้มๆ
“อย่าพูดเรื่องเรียนเลย เครียด…ไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีกว่าฉลองสอบเสร็จ” หญิงบอกชายหนุ่มทั้งสอง
แล้วก็พากันเดินออกไปนอกรั้วมหาลัยเมื่อถึงร้านอาหารเจ้าประจำแห่งหนึ่งที่อยู่ริมน้ำเจ้าพระยาทั้งสามก็เริ่มเปิดฉากพูดคุยถึงอนาคตของตัวเองที่จะเกิดขึ้นภายนอกรั้วมหาลัย
“จบแล้วหญิงจะไปทำงานอะไรเหรอ” มิวถามหญิงขณะกำลังใช้หลอดคนแก้วเครื่องดื่มตรงหน้า
“ก็คงไปเป็นนักบัญชี ก็หญิงเรียนจบมาทางนี้นี่”“เขาว่ากันว่าสาวบัญชีมีแต่พวกทึมทึก หาแฟนไม่ค่อยได้บริษัทที่พี่สาวเราทำงานอยู่ พวกสาวบัญชีส่วนใหญ่ยังโสดทั้งนั้นแล้วแต่ละคนก็รุ่นใหญ่กันทั้งนั้น ดีนะที่พี่สาวไม่ได้ฝ่ายบัญชีหนุ่มๆก็เลยตรึมสับหลีกกันแทบไม่ไหว” เอ็กซ์ว่าพลางปรายหางตามองหญิงล้อๆ
“ไม่เห็นจะกลัวเลยเรื่องไม่มีแฟนเดี๋ยวถ้าได้เข้าทำงานนะจะแต่งตัวให้สวยเลิศไปเลยหญิงจะไม่เป็นสาวบัญชีอย่างที่เอ็กซ์ว่าหรอก อย่างหญิงต้องมีหนุ่มมาห้อมล้อมมากมายแล้วก็เลือกคนที่ดีที่สุด ส่วนที่เคยคบกันอยู่ตอนเรียนก็จะโละทิ้งไปเลย” หญิงตอกกลับเอ็กซ์บ้าง เรียกเสียงหัวเราะร่วนจากมิว
“เอาแล้วมั้ยล่ะเอ็กซ์ หญิงเขาพูดจริงทำจริงระวังจะตกกระป๋องน๊าจะบอกให้”
“กูไม่กลัวหรอก แน่จริงก็ลองหาใหม่ให้ได้ซี่จะดีกว่าของเก่าก็ให้มันรู้ไป” เอ็กซ์ท้าแล้วทำหน้าทะเล้นใส่หญิงหญิงก็แลบลิ้นใส่เป็นเชิงล้อเลียนกลับไปบ้างมิวมองเพื่อนซี้ทั้งสองตรงหน้าก็ส่ายหน้ายิ้มขันๆเหมาะสมกันยังกับผีเน่ากับโลงผุอย่างนี้ ไม่มีทางชายแลหางตามองใครใหม่ได้หรอกทังคู่นั่นแหละ
“ตกลงมิวกับเอ็กซ์จะทำงานเบื้องหลังที่ค่ายเพลงจริงๆเหรอ”หญิงหันมาสนใจถามเรื่องงานของมิวและเอ็กซ์บ้าง “ฮื่อ…มีคนมาชวนไปทำแล้ว ค่ายใหญ่ด้วยนะสั่งสมประสบการณ์ดนตรีจากวงออกัสต์มาเพียบ”
“น่าเสียดายวงออกัสต์จัง ไม่น่ายุบวงเลยวันคอนเสิร์ตอำลาจำได้ว่าร้องไห้แทบเป็นแทบตายอยู่ข้างเวที”
“มันถึงจุดอิ่มตัวแล้วล่ะหญิง 5 อัลบั้มในเวลา4 ปีกว่าก็น่าจะเพียงพอแล้ว ตอนนี้วงการเพลงมีเด็กใหม่ๆเข้ามาเยอะแยะอายุของการเป็นนักร้องมันจึงอยู่ได้ไม่นาน เพราะคนฟังมีทางเลือกเยอะสู้ผันตัวไปอยู่เบื้องหลังยังจะมั่นคงกว่า” เอ็กซ์อธิบายให้หญิงฟังถึงวงการเพลงในปัจจุบัน
“ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริงหรอก ทุกอย่างต้องมีจุดจบในตัวของมันเองไม่มีอะไรหรือใครที่เราคิดว่าเราเป็นเจ้าของแล้วมันจะอยู่ได้นานกับเราตลอดไปแม้บางสิ่งเราจะรักมันมากก็ตาม” มิวพูดเป็นเชิงหลักปรัชญาชวนให้คิดหญิงกับเอ็กซ์หันไปมองหน้ากันเพราะคิดว่าคำพูดคมๆของมิวนั้นแฝงความนัยบางอย่างเอาไว้ ทั้งสองรู้ดีว่ามิวหมายถึงอะไรแล้วก็รู้ด้วยว่าสะเก็ดแผลที่อยู่ในใจมิวยังไม่มีทางจางหายไปง่ายๆแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมาถึงสี่ปีแล้วก็ตาม
“แหม…มิวตั้งแต่ใกล้จะจบนี่พูดจาเป็นผู้ใหญ่จังเลยแฮะดูปลงๆยังไงไม่รู้” หญิงพูดแซวเมื่อเห็นท่าทางมิวเริ่มขรึมลงไป
“ก็ต้องมีบ้างล่ะหญิงคนเราจะให้เป็นเด็กอยู่ตลอดเวลาได้ยังไง” ขณะที่พูดอยู่นั้นใจของมิวก็คิดไกลไปถึงใครคนหนึ่ง ที่ไม่เคยได้เจอะเจอกันมานานร่วมสี่ปีน่าแปลกที่แม้เวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน แต่มิวก็ไม่เคยลืมได้เลยป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ โดนัทนั่งรออย่างกระวนกระวายใจอยู่ในเวดดิ้งสตูดิโอแห่งหนึ่งแถวซอยทองหล่อมองดูนาฬิกาข้อมือก็ให้หงุดหงิดใจ โต้งไม่เคยมาตรงเวลาสักทียามที่นัดกับเธอโดนัทหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อจะโทรตามจิกโต้ง โทรไปก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ
“น่าโมโหจริงๆ ดันปิดเครื่องอีก” โดนัทบ่นออกมาผู้จัดการร้านเวดดิ้งเห็นโดนัทมีท่าทางหงุดหงิดก็เลยพูดปลอบใจไปว่า
“คุณน้องอย่าเพิ่งหงุดหงิดไปเลยค่ะเดี๋ยวแฟนคุณน้องก็คงมา เอาแคตตาล็อกชุดแต่งงานไปดูพลางๆก่อนนะคะ” โดนัทรับเอาแคตตาล็อกจากผู้จัดการร้านที่ยื่นมาให้อย่างเสียไม่ได้ด้วยสีหน้าบึ้งตึงโต้งไม่เคยกระตือรือร้นเลยเรื่องแต่งงานที่จะจัดขึ้นปลายเดือนนี้
ขอบคุณมากครับ
หน้า:
[1]