ที่มาของชีส
http://board.postjung.com/data/679/679533-topic-ix-0.jpgที่มาของชีส ก่อนอื่น teen.mthai ต้องบอกเพื่อนๆก่อนว่า ชีส นั้นอ้วนไม่เท่า “เนย” แน่นอน เพราะชีสเป็นส่วนของนมที่แยกเอา “โปรตีน” ออกมา ในขณะที่เนยนั้น เป็นการแยก “ไขมัน” ออกมาใช้ โอเคป๊ะ! ทำให้กินชีสไม่อ้วนเท่ากินเนย แถมได้แคลเซียมสูงด้วย อั๊ยย่ะ ..ข้อมูล teen.mthai อ้างอิง knowledge.truelife.comhttp://board.postjung.com/data/679/679533-topic-ix-1.jpgเกร็ดความรู้ : ที่มาของชีส ทุกวันนี้แต่ละภูมิภาคทั่วโลก ได้มีการทำชีสด้วยสูตรต่างๆมากมาย ทำให้เรามีชีสให้เลือกอร่อยถึง 3,000 กว่าชนิด ทีเดียว .. แต่ทราบกันไหมว่า กว่าจะก่อกำเนิดเป็นแนวคิดการแยกโปรตีนออกจากนมจนกลายมาเป็นชีสแสนอร่อยอย่างทุกวันนี้ … ต้นเหตุมันมาจาก “ความบังเอิญ” จริงจริ๊งงงง…ที่มาของชีสมันเริ่มจาก “เบดูอิน”หนุ่มร่อนเร่บนหลังอูฐคนหนึ่ง ที่ขี่อูฐข้ามทะเลทรายร้อนๆ เดินทางเร่ร่อนพร้อมเสบียงนิดหน่อยที่นำติดมาด้วยเสบียงที่ว่านี่ก็คือ “นม” ที่ใช้ “กระเพาะอาหารแพะตากแห้ง” เป็นภาชนะถุงใส่นมเอาไว้ ระหว่างการรอนแรมหลายวัน อูฐของเขาก็พาเขาโขยกเขยกๆ เขย่ามาตามจังหวะที่มันเดิน ทำให้กระเพาะแพะที่บรรจุนมนั้นถูกเขย่าอยู่เกือบตลอดเวลา O.O! ประกอบกับอากาศที่ร้อนระอุแบบฉบับทะเลทรายและเอนไซม์ในกระเพาะแพะแห้ง ปัจจัยแวดล้อมนี้เป็นตัวช่วยให้เกิดการแยกระหว่างน้ำนมและโปรตีนนม จนถึงเวลาเบดูอินหนุ่มเกิดหิว เขาเปิดจุกกระเพาะแพะหวังจะดื่มนมให้หายหิว ปรากฎว่านมที่อยู่ในกระเพาะแพะกลายเป็นก้อนแข็ง ตอนแรกว่ากันว่าชายเบดูอินคนนี้คิดว่าเสบียงของเขาบูดเน่าเสียหาย แต่ก็หิวและเสียดายเกินกว่าจะทิ้ง จึงลองแตะๆ ชิมๆ เจ้าก้อนปริศนานั้น .. และปรากฏว่ามันอร่อย!! และนี่เป็นปฐมบทของการเกิดชีสบนโลกใบนี้ จากนั้นมันก็ถูกทำขึ้นแบบจงใจ และสุดท้ายก็แพร่หลายไปทั่วโลกเหมือนดังปัจจุบันนี้ที่มาของชีสขอบคุณครับผม
หน้า:
[1]