วันบูชาบรรพกษัตริย์เวียดนามหุ่งเวือง
วันบูชาบรรพกษัตริย์เวียดนามหุ่งเวืองhttp://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/198107.jpg
http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/198107/0.jpg
http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/198107/1.jpg
http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/198107/2.jpg
http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/198107/3.jpg
http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/50x30/cover/198107.jpg http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/50x30/photos/198107/0.jpg http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/50x30/photos/198107/1.jpg http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/50x30/photos/198107/2.jpg http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/50x30/photos/198107/3.jpg
วันที่ 10 เดือน 3 ตามปฏิทินจันทรคติ อันตรงกับวันที่ 19 เมษายน ปีนี้ เป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งในขนบธรรมเนียมประเพณีทางการเมืองและสังคมของเวียดนาม นั่นคือ วันบูชาบรรพกษัตริย์หุ่งเวือง ซึ่งเรียกในภาษาเวียดนามว่า Ngy Gi T Hng Vng (หง่ายโสโต๋หุ่งเวือง) หรือ L hi n Hng (เหลโห่ย เด่นหุ่ง) ซึ่งแปลว่า เทศกาลงานศาลเจ้าหุ่ง ศาลเจ้าหุ่งนี้ตั้งอยู่บนเขา Ngha Lnh (เงี้ยหลิน) เมือง Vit Tr (เหวียดจี่) จังหวัด Ph Th (ฟู้เถาะ) ซึ่งห่างจากเมืองฮานอยขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
วันสำคัญนี้เก่าแก่และสืบทอดกันมานานจนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ฝังรากลึกในสังคมเวียดนาม โดยมีความเป็นมาเกี่ยวข้องกับกษัตริย์หุ่ง (หุ่งเวือง) 18 พระองค์ ในราชวงศ์ Hng Bng (ฮ่งบ่าง) แห่งอาณาจักร Vn Lang (วันลาง) อันเป็นเรื่องที่คนเวียดนามเชื่อว่า หุ่งเวืองหรือกษัตริย์ในราชวงศ์ฮ่งบ่างนี้เป็นผู้ให้กำเนิดประวัติศาสตร์และสร้างชาติเวียดนามตั้งแต่ยุค ng Sn (ดงเซิน-ดองซอน-ยุคสำริด) เมื่อ 1,000 ปี หรือขึ้นไปถึง 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ระหว่างที่สังคมเวียดนามกำลังพัฒนาเข้าสู่ยุคเกษตรกรรมข้าวนาดำและอารยธรรมดงเซิน ที่มาของกษัตริย์หุ่งมีตำนานเล่าขานกันว่าสืบสกุลจาก Lc Long Qun (หลักลองกวน) มังกรผู้เป็นเจ้าทะเลแห่งพวกหลัก หรือหลักเหวียด - Lc Vit) กับนาง u C (โอวเกอ) ธิดาของเจ้าผู้ครองอำนาจในเขตขุนเขา หรือพวก Bch Vit (แบ๊คเหวียด) นางให้กำเนิดไข่ 100 ใบ ต่อมาทั้งสองแบ่งไข่กันคนละ 50 ใบ แล้วแยกย้ายจากกันไป นางกลับไปที่เขตภูเขาทางเหนือ ส่วนหลักลองกวนกลับไปในเขตทะเลทางใต้ ต่อมาลูกคนโตซึ่งติดตามแม่ได้เป็นหุ่งเวือง ครองอาณาจักรวันลางในเขตที่ราบหุบเขาลุ่มแม่น้ำแดง Phong Chu(ฟองโจว หรือจังหวัดฟู้เถาะในปัจจุบัน)
จากตำนานทำให้ทราบว่าไข่ 100 ใบ นั้นคือต้นเรื่องกำเนิดชนชาติเวียดนาม ซึ่งผูกพันตนเองกับภูมินิเวศเขตเขาและห้วงน้ำมหาสมุทร หรือเป็นลูกหลานของพวกเจ้าเขากับมังกรหรือเจ้าทะเล และเป็นพวกที่มีความชำนาญในการทำนาดำบนเขตภูเขาแม้ว่าหุ่งเวืองจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตำนานอีกหลายเรื่อง ซึ่งล้วนหาข้อเท็จจริงยาก แต่คนเวียดนามก็เชื่ออย่างลึกซึ้งว่า หุ่งเวืองเป็นเรื่องราวของกษัตริย์ที่รวบรวมกลุ่มชน ดูแลปกป้อง และปกครองโดยสอนให้ประชาชนรู้จักการทำนา ทำหัตถกรรม และสร้างวัฒนธรรมที่เจริญแบบสังคมเกษตรกรรม ทั้งนี้ก็เพราะตำนานที่สืบสานเล่าขานกันอย่างยาวนานนั้น ได้รับการนำมาลงเป็นลายลักษณ์อักษรในบันทึกพงศาวดารของเวียดนามครั้งแรกเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 และบันทึกอื่น ๆ อีกในเวลาต่อ ๆ มา ซึ่งทำให้รู้ว่า การบูชากษัตริย์หุ่งได้ทำกันมานานนับตั้งแต่สมัยราชวงศ์ เจวียะ (Nh Triu - งญ่าเจวียะ) (ก่อน ค.ศ. 207-111) ราชวงศ์ดิญ (Nh inh - งญ่าดิญ) (ค.ศ. 968-980) ราชวงศ์เลครั้งแรก (Nh Tin L - งญ่าเตี่ยนเล) (ค.ศ. 980-1009) ราชวงศ์ลี้ (Nh L - งญ่าลี้) (ค.ศ. 1010-1225) ราชวงศ์เจิ่น (Nh Trn - งญ่าเจิ่น) (ค.ศ. 1225-1400) ราชวงศ์เลครั้งหลัง (Nh Hu L - งญ่าโฮ่วเล) (ค.ศ. 1427-1789) ราชวงศ์เตยเซิน (Nh Ty Sn - งญ่าเตยเซิน) (ค.ศ. 1788-1802) และ ราชวงศ์เหงวียน (Nh Nguyn) (ค.ศ. 1802-1945)
โดยเฉพาะราชวงศ์เลครั้งหลังและราชวงศ์เหงวียนได้ทำการส่งเสริมต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนทั่วราชอาณาจักรบูชาบรรพกษัตริย์หุ่งเวืองในวันที่ 10 เดือน 3 และใน ค.ศ. 1917 ราชวงศ์เหงวียนยังได้กำหนดให้วันที่ 10 เดือน 3 เป็นวันเทศกาลแห่งชาติ (Quc L - ก๊วกเหล) หรือ วันบูชาชาติ (Quc Gi - ก๊วกโส) นอกจากนี้ ยังได้ทำนุบำรุงและบูรณปฏิ
สังขรณ์ศาลเจ้าหุ่งเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เอง ชาวเวียดนามจึงมีความผูกพันกับธรรมเนียมปฏิบัตินี้ทั้งในแง่สังคมการเมืองและวัฒนธรรม พวกเขาจึงเรียกวันนี้แบบชาวบ้านว่า
Ngy Gi T mng mi thng ba (หง่ายโสโต๋โม่งเหมื่อยท้างบา) แปลว่า วันบูชาบรรพบุรุษ วันที่ 10 เดือน3 และยังมีคำพูดที่มักติดปากคนเวียดนามว่า D ai i ngc v xui, nh ngy Gi T mng mi thng ba (สู่อายดีเหงือกเหว่ซวย เญ๋อหง่ายโสโต๋โม่งเหมื่อยท้างบา) แปลว่า แม้นใครไปขึ้นเขาลงห้วย ก็จะไม่ลืมวันที่ 10 เดือน 3 นั่นหมายความว่าไม่ว่าใครจะไปอยู่ที่ไหนก็จะต้องกลับมาบ้านเกิดเพื่อไหว้รำลึกถึงกษัตริย์หุ่งของตน
แม้กาลเวลาผ่านมาจนถึงวันนี้ วันบูชาบรรพกษัตริย์หุ่งกลับยิ่งฝังแน่นในจิตใจของมวลชน ทั้งที่ในปัจจุบันสถาบันกษัตริย์ของเวียดนามได้เสื่อมสิ้นไปแล้วตั้งแต่ ค.ศ. 1945 ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่า หลังสมัยราชวงศ์ เหงวียนแล้ว ยังมีบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งที่ปลุกเร้าจิตสำนึกแห่งความรักชาติให้มากยิ่งขึ้นไปอีกในหมู่มวลชน เขาคือ H Ch Minh (โห่จี๊มิญ - โฮจิมินห์) (ค.ศ. 1890-1969) ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่ต่อต้านลัทธิอาณานิคม-จักรวรรดินิยม จึงถือว่าเป็นนักชาตินิยม นักสังคมนิยม และประธานาธิบดีคนแรกที่ได้รับ
การยอมรับด้วยความรักจากประชาชนทุกคน
โห่จี๊มิญซึ่งชาญฉลาด มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของตนเอง ได้มองหาวิธีการที่จะรวมมวลชนอันมหาศาลเข้าต่อสู้ขับไล่ลัทธิอาณานิคม-จักรวรรดินิยมได้อย่างเกิดผล เขาคิดและทำหลายด้าน แต่ด้านที่สำคัญมากก็คือการสร้างจิตวิญญาณแห่งความรักชาติของวีรบุรุษเวียดนามในอดีต
ในจำนวนวีรบุรุษทั้งหมดที่มีมากมาย เขาเน้นไปที่หุ่งเวือง เพราะมีพื้นฐานแก่นแท้และรากเหง้าอันฝังลึกในจิตใจของคนเวียดนามอยู่แล้ว
ดังนั้นนอกจากการไปเยือนศาลเจ้าหุ่งเวือง 2 ครั้ง (ค.ศ. 1954 และ 1962) เขายังสอนบรรดาทหารและกล่าวย้ำกับประชาชนอยู่เสมอว่า “Cc Vua Hngc cng dng nc. Bc chu ta phi cng nhau gi ly nc.” (ก๊ากวัวหุ่ง ด๋าก๊อกงสึ่งเนื้อก บั๊กเจ๊าตาฝายกุ่งเงีญวซื้อเหลยเนื้อก) (กษัตริย์หุ่งทุกพระองค์ได้ทรงสร้างชาติมาแล้ว พวกเราลูกหลานจะต้องช่วยกันกอบกู้เอาชาติกลับคืนมา)
หลังโห่จี๊มิญ พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามยังคงสืบสานอุดมการณ์หุ่งเวืองต่ออย่างเหนียวแน่นขึ้นไปอีก โดยฟื้นฟูบริเวณศาลเจ้าใหม่ ในปีค.ศ. 1995 พรรคประกาศจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลศาลเจ้าหุ่งเป็นเวลา 10 วัน และบัญญัติระเบียบการจัดงานประจำปีอย่างเป็นทางการ ซึ่งกำหนดให้บรรดาผู้บริหารประเทศตำแหน่งสำคัญทุกตำแหน่งในพรรคและในรัฐบาลจะต้องไปร่วมพิธีนี้ ในปีค.ศ. 2007 พรรคได้กำหนดให้วันที่ 10 เดือน 3 เป็นวันเทศกาลแห่งชาติ หรือ ก๊วกเหล และกำหนดให้เป็นวันหยุดงานของกรรมกร 1 วัน สุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว พรรคได้ประกาศให้ก๊วกเหลเป็นวันหยุดแห่งชาติ 3 วัน
วันบูชาบรรพกษัตริย์หุ่งเวือง จึงเปรียบเสมือนวันไหว้บรรพชนของคนเวียดนาม และดูเหมือนกับเทศกาลเช็งเม้ง (ฒMฉ๚) ของจีน แต่แตกต่างกันในทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สำหรับชาวเวียดนาม ซึ่งมีพื้นฐานทางวัฒนธรรมใกล้ชิดกับคนเผ่าเมืองและเผ่าไท มีการไหว้หรือเซ่นผีผู้ปกครองและผีบ้านเมืองเป็นพื้นฐานเก่าแก่รองรับอยู่ จึงทำให้วัฒนธรรมนี้ซึ่งเคยมีบทบาทในประวัติศาสตร์ ย้อนกลับมาใหม่ได้ง่าย และกลับมาอย่างมีชีวิตชีวายิ่งขึ้นในยามที่บ้านเมืองมีแต่ความสงบสุข ปราศจากสงคราม เศรษฐกิจพัฒนา ประชาชน พรรค รัฐบาล เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันโดยเห็นชาติเป็นเป้าหมายร่วมกัน
คนเวียดนามมีภาษิตว่า “Ung nc nh ngun” (อ้วงเนื้อกเญ๋อหง่วน) (กินน้ำต้องระลึกถึงแหล่งน้ำ) “n qu nh k trng cy” (อันกว่าเญ๋อแก๋จ่งเกิย) (กินผลไม้ต้องระลึกถึงคนปลูกต้นไม้) นั่นคือคำสอนให้คนรู้จักสำนึกในบุญคุณของคนและสิ่งต่าง ๆ ที่ค้ำจุนชีวิตและสังคมของตนให้ดำรงอยู่โดยรอดปลอดภัย จึงเป็นที่มาของการต้องรู้จักเชิดชูบูชาในบุญคุณของผู้เริ่มต้นก่อร่างสร้างชาติเวียดนามขึ้นมา
นี่คือที่มาของลัทธิชาตินิยมโบราณของเวียดนาม มีรูปธรรมนามธรรมที่ชัดเจนและมีความต่อเนื่อง อีกทั้งมีความสอดคล้องกันระหว่างรัฐกับประชาชน เป็นชาตินิยมที่ทำให้เกิดการรวมชาติ และเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน.
พรเพ็ญ ฮั่นตระกูล
เครดิต http://www.dailynews.co.th/education/198107
หน้า:
[1]